ยามราตรีท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงดาราส่องสว่าง มีเพียงอัสนีบาตที่พาดผ่านมาเป็นระยะ ผ่านไปไม่ถึงนาทีฝนก็กระหน่ำตกลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา ด้วยความที่เป็นบ้านไม้ทำให้พรนลัทได้ยินเสียงน้ำฝนตกกระทบไม้กระดานหน้าระเบียงบ้าน พร้อมกับเสียงกบเสียงเขียดร้องระงมรับพิรุณ ยังทำให้เธอจินตนาการไปถึงเรื่องเล่าที่ได้ฟังมาจากคนงานหนุ่มเมื่อตอนเย็น
หญิงสาวนอนเหยียดยาวตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียงนอนที่ทั้งแข็งทั้งเย็น พลางใช้ปลายเท้าเล็กของตัวเองเขี่ยๆเอาผ้าแพรเนื้อลื่นขึ้นมาห่มจรดจนถึงคอหอย ดวงตากลมโตสอดส่ายไปทั่วห้องเล็กๆ โดยมีแสงสีเหลืองอ่อนจากหลอดไฟที่ห้อยระย้าจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ ขยับตามแรงลมของพายุฝนที่อยู่ข้างนอก
ทว่าจู่ๆ เธอก็ดันได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาเดินอยู่รอบๆบ้านพัก คำบอกเล่าของชงนมก็เข้ามากัดกินหัวใจดวงน้อยของเธอให้หวาดหวั่น ความคิดฟุ้งซ่านเข้ามาในหัวเต็มไปหมด กระทั่งต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงกระหน่ำเคาะที่ประตูห้องสามถึงสี่ที
~ ก๊อกๆ ก๊อกๆ ~
“ใครอ่ะ?”
พรนลัทตะโกนแข่งกับเสียงฝนที่ตกไม่มีพักอยู่ข้างนอก แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา ยิ่งทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ หญิงสาวพนมมือขึ้นแล้วสวดมนต์ผิดๆถูกๆ บ้างก็เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“อย่ามายุ่งกับหนูเลยนะคะ หนูแค่มาขอนอนเฉยๆ”
~ ต๊อกๆ ต๊อกๆ แก…~
“กรี๊ดดดดด!”
เรียกได้ว่าเป็นจังหวะชีวิตในค่ำคืนนี้ที่โคตรจะนรกจากกลัวผีอยู่ดีๆ เธอก็ต้องกรีดร้องเสียงหลงเพราะสัตว์เลื้อยคลาน เมื่อเจ้าตุ๊กแกน้อยสองตัว จู่ๆก็หิวโหยแมลงขึ้นมาพากันออกมาวิ่งวนรอบหลอดไฟดวงเล็กๆที่อยู่บนเพดานห้องของเธอ
“เห้ย! แกสองตัวน่ะ กินกันดีๆนะ อย่าร่วงลงมานะเว้ย”
หญิงสาวทำใจดีสู้เสือเงยหน้าขึ้นไปมองตุ๊กแกสองตัวที่วิ่งวนใช้ลิ้นตวัดแมลงอยู่ข้างๆหลอดไฟ พรนลัทลุกขึ้นยืนอยู่บนเตียงนอน พลางจ้องมองไปที่ไอ้เจ้าสองตัวนั้นอย่างเขม็ง ถ้าเธอไม่สู้กับเจ้าตุ๊กแกสองตัวเธอก็ต้องไปสู้กับผีหรือคนก็ไม่รู้ที่อยู่นอกห้องอีก เอาเป็นว่าสงบศึกกับมันสองตัวที่อยู่ในห้องยังดีเสียกว่า
แต่ดูเหมือนว่ามันสองตัวกินกันอยู่ดีๆ ก็ดันทะเลาะเพราะแย่งแมลงกันเฉยเลย มุมซ้ายเป็นตัวลายจุดสีส้มไล่งับหาง ส่วนมุมขวาเป็นเจ้าลายจุดตัวสีแดง ฟัดกันไปกันมาดันเลยอาณาเขตร่วงลงมาตกตรงที่เธอยืนอยู่พอดิบพอดีนี่สิ จะอยู่ทำไมล่ะก็ต้องเผ่นซิโว้ย
พรนลัทกระโดดลงจากเตียงพร้อมกับวิ่งไปเปิดประตูผัวะเผ่นแน่บอย่างไม่คิดชีวิต ออกมาอยู่ตรงบริเวณระเบียงของบ้านด้วยหัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ พลันหางตาของเธอดันเหลือบไม่เห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ข้างๆบ้าน ทว่านาทีนี้เธอไม่มีเวลามาพินิจพิเคราะห์ว่าเป็นคนหรือผี
หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียงวิ่งถลาฝ่าสายฝนที่ตกไปยังเรือนไทยชั้นเดียวขนาดใหญ่เปิดโล่งทั้งสามด้าน ซึ่งเป็นส่วนของประชาสัมพันธ์สำหรับปางช้างที่ปิดไฟมืดไม่หมด พร้อมกับผ้าแพรที่ใช้ห่มนอนเมื่อสักครู่ติดมือมาด้วย
“กรี๊ดดดดด โอ้ย! ทั้งผีทั้งตุ๊กแก” พรนลัทบ่นโวยวายไปด้วยขณะที่เธอวิ่งไม่คิดชีวิต “ไม่อยู่มันแล้วโว้ยยยย”
พอมาถึงหญิงสาวเลือกนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ จากนั้นก็อิงพิงศีรษะเล็กไปกับพนักพิงตอนนี้เธอเจอศึกรอบด้าน และรู้สึกทั้งง่วงทั้งเพลีย ผ่านไปชั่วครู่เธอก็ผล็อยหลับเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์อย่างง่ายดาย
******
ขณะเดียวกันร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงผ้าขายาวสีเทา ซึ่งเป็นชุดที่เขาใส่นอนเป็นประจำ กำลังนั่งอ่านงานอยู่ตรงระเบียงบ้านพัก ก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิง ดวงตาคู่คมจ้องมองไปยังร่างอรชรที่วิ่งฝ่าฝนไปยังเรือนไทยก็ได้แต่หลุดหัวเราะระคนสงสัย
ชายหนุ่มจึงรีบเดินกางร่มไปยังบริเวณอาคารประชาสัมพันธ์ทันที ทว่าพอมาถึงก็ต้องโคลงศีรษะพร้อมกับแย้มยิ้มด้วยความเอ็นดู เมื่อเห็นร่างเล็กห่อตัวด้วยผ้าแพรเนื้อลื่นสีเขียวหลับคอพับคออ่อนซุกร่างฝังไปกับโซฟาตัวใหญ่สลบไสลอย่างไม่รู้ตัว
บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย ไหนจะวิ่งฝ่าฝนมาอีกไม่รู้อะไรไปทำให้เธอต้องระหกระเหินมานอนอยู่ตรงนี้ หัสดินทร์จึงช้อนอุ้มร่างบางขึ้นมาทั้งตัวโดยไม่รู้สึกหนักเลยสักนิด แถมเจ้าตัวก็ไม่รู้สึกรู้สาหลับไม่รู้เรื่องไปแล้ว ค่อยๆวางลงบนโซฟาให้เธอนอนเหยียดยาว จากนั้นก็ไปนำผ้าห่มผืนหนามาห่มให้อีกชั้น พร้อมกับเปิดพัดลมที่ติดอยู่ตรงต้นเสาเป่าไล่อากาศให้เธออีกด้วย
ใจจริงเขาอยากจะอุ้มเธอกลับเข้าไปนอนในห้อง แต่กลัวว่าเช้ามาแม่คุณคงได้ตื่นขึ้นมาโวยวายลั่นปางช้างของเขาเป็นแน่ เพื่อความปลอดภัยของคนตัวเล็ก ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะนั่งเฝ้าคนที่กำลังหลับใหลอยู่ข้างๆบนโซฟาตัวใหญ่ตัวเดียวกันแทน พลางจ้องมองใบหน้านวลเนียนที่ไร้พิษสงตอนหลับด้วยแววตาเอ็นดู เขาอดไม่ได้ที่จะยกปลายนิ้วเรียวเขี่ยขนตางอนงามของคนหลับเล่นแผ่วๆ
“ตอนนอนคุณก็น่ารักเหมือนกันนะ”
แต่ถ้าตอนตื่นล่ะก็แสบใช่ย่อยเลยหละ หัสดินทร์ผุดยิ้มมุมปากให้กับความคิดของตัวเอง ดวงตาสีนิลจ้องมองมายังปากอิ่มอยู่นาน พลางไล่ปลายนิ้วคลึงกลีบปากเล็กเบาๆ
“แม่จ๋า น้ำผึ้งเหนื่อยมากเลย…”
หัสดินทร์ชะงักมือค้างไปชั่ววินาที เมื่อได้ยินเจ้าของกลีบปากนุ่มที่เขากำลังลูบไล้ด้วยความเผลอไผลพึมพำออกมาเบาๆ ส่วนคนขี้เซาก็ยังหลับตาพริ้มอยู่ดังเดิม บอกให้รู้ว่าเธอคงแค่ละเมอ เขาจึงผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบาอย่างโล่งใจ ไม่รู้ว่าเธอเจอเรื่องอะไรมาถึงได้ละเมอเพ้อแบบนี้ แถมยังมีบางจังหวะที่ขมวดคิ้วเรียวสวยยุกยิกไปมาอีกด้วย
“ถ้างั้นก็นอนมันตรงนี้ไปด้วยกันล่ะกัน”
ว่าจบร่างสูงก็พาตัวเองไปนั่งพิงโซฟาเดี่ยวอีกตัวข้างๆ พลางคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยรีบตื่นมาก่อนเธอ ไม่อย่างนั้นยายเปี๊ยกตัวแสบได้อาละวาดอย่างแน่นอน
ก่อนเขาจะค่อยๆหลับตาลงพร้อมกับกอดอก พิงศีรษะได้รูปไปกับพนักพิงโซฟา แล้วหลับไปในที่สุด ท่ามกลางบรรยากาศฝนตกพรำๆ อากาศเย็นในยามราตรีของที่นี่มักจะไม่มียุงมาให้กวนใจสักเท่าไหร่
*****
เสียงไก่ขันมาพร้อมกับแสงอรุณรับวันใหม่ที่สดใส ทว่าคนที่ไม่สดใสน่าจะเป็นพรนลัท หญิงสาวพาหน้าตาอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอนมายังห้องอาหารตามคำบอกของคนงานสาวเมื่อวานนี้ เธอทรุดนั่งลงบนเก้าอี้หวายอย่างกับคนไร้เรี่ยวแรง สร้างความแปลกใจให้กับสาลี่ไม่ใช่น้อย
ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะได้เอ่ยทักทาย ร่างสูงใหญ่ของคนเป็นเจ้านายก็พาตัวเองมาทรุดนั่งตรงข้ามกับคุณครูคนสวย ที่น่าแปลกใจเข้าไปอีกคือสภาพชายหนุ่มหัวก็ยุ่งน้อยๆ เพราะเจ้าตัวชอบเสยลวกๆตอนเดินมา คล้ายกับคนอดหลับอดนอนไม่ต่างกัน สาวใช้จึงรีบจัดกาแฟดำมาให้เจ้านายทันที พร้อมกับหันไปยกถ้วยข้าวต้มและน้ำส้มคั่นมาให้คุณผู้หญิงอีกด้วย
“ทำไมคุณน้ำผึ้งดูเพลียๆคะ” สาลี่มีโอกาสจึงเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้า
“พอดีเมื่อคืนฉันไม่ค่อยได้นอนน่ะจ๊ะ”
พรนลัทตอบพลางคลี่ยิ้มบางๆ หากแต่ดวงตากลมโตก็สบเข้ากับดวงตาคมกริบที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ทำให้เธอต้องผลุบหลบและมาสนใจชามข้าวต้มตรงหน้าแทน
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” สาวใช้เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีหรอกจ๊ะ”
เธอจะไปกล้าบอกได้อย่างไรล่ะ ว่าเมื่อคืนทั้งหนีผีหนีตุ๊กแกไม่ได้นอนทั้งคืน เกรงว่าสาวน้อยตรงหน้าจะหาว่าเธอฟุ้งซ่านฟังเรื่องจากชงนมมากไปจนคิดมาก ทว่าเสียงทุ้มห้วนก็เอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา
“แต่ผมมี”
“คุณมีอะไร ว่ามาเลยดีกว่า”
พรนลัทวางช้อนที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปากลง แล้วจ้องมองไปที่คนหาเรื่องซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเขม็ง
“ผมก็นอนไม่หลับเหมือนกัน”
“ก็นั่นมันเรื่องของคุณ ไม่เห็นเกี่ยวกับฉันสักนิด”
หัสดินทร์จ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มยั่วก่อกวนเธอ พลางเอ่ยอีกประโยคที่ใครมาได้ยินก็ต้องเข้าใจผิดไปไกล
“เรื่องของผมที่ไหน เรื่องของคุณด้วยเหมือนกัน”
แล้วก็เป็นอย่างที่ชายหนุ่มคาด เพราะสาวใช้ตัวเล็กจ้องมองเจ้านายทั้งสองคนเถียงกันอย่างออกรสออกชาติ พร้อมกับเบิกตาโตพลางยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองด้วยความตกใจ กับประโยคที่สื่อออกมาให้เข้าใจว่าทั้งคู่นอนด้วยกันอย่างไรอย่างนั้น หากแต่แม่สาวน้อยหน้าใสยังคงเถียงเขาคอเป็นเอ็นไม่ลดละ
“เรื่องของฉันยังไงไม่ทราบ”
“ก็เมื่อคืนคุณแหกปากโวยวายเป็นนกกระแตแต้แวด ผมทำงานไม่ได้เลย”
“ก็เจ๊ากันไปแล้วกัน ถือว่านอนไม่หลับทั้งคู่”
“เจ๊าบ้า เจ๊าบออะไร นอนแทบไม่ได้ เล่นแหกปากดังลั่นทั้งคืน”
คนถูกว่าทำหน้าเหลอหลาก็ใครจะไปคิดว่าเสียงกรีดร้องของตัวเองมันจะดังจนคนตรงหน้าได้ยิน แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน ในเมื่อเขาให้เธอพักที่บ้านหลังนั่น แถมยังให้คนงานมาเล่าเรื่องสยองให้เธอฟัง เพื่อเขย่าต่อมผวาก่อนนอนอีกก็รับกรรมตามกันไปนั้นแหละ
“ฉันไม่ได้ไปแหกปากข้างหูคุณสักหน่อย อย่ามาหาเรื่องกันดีกว่า”
ดูยายตัวแสบยังคงกวนประสาทไม่เลิก เห็นทีเขาต้องปราบพยศสักหน่อยแล้ว หัสดินทร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง แล้วเท้าแขนทั้งสองข้างคร่อมร่างเล็กที่กำลังกินอาหารเช้าตรงหน้า ก็เขาจะพูดชิดใบหน้าสวยใสเบาๆ ให้ได้ยินเพียงสองคน
“ถ้าคุณอยากแหกปากข้างหูผมจริงๆ ตอนนั้นเราคงต้องมานอนด้วยกันแล้วล่ะ” เขากระตุกยิ้มร้าย
“ให้หมาออกลูกเป็นปลาวาฬก่อนเถอะ” พรนลัทเอ่ยลอดไรฟันตอบกลับไป บอกให้รู้ว่าเธอกำลังไม่สบอารมณ์อย่างแรง ก่อนหญิงสาวจะยกมือขึ้นดันแผงอกแน่นหนั่นให้นั่งลง
“ถอยไปได้แล้ว ฉันจะกินข้าว”
คนหิวข้าวส่งสายตาค้อนวงใหญ่มาให้อีกหนึ่งที หัสดินทร์ได้แต่หัวเราะหึๆในลำคอกับดวงตากลมโตที่ฉายแววหวาดหวั่น และยอมถอยห่างกลับไปนั่งลงตามเดิม
ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะมองใบหน้าสวยใสแดงระเรื่อเล็กๆนั้น การเย้าแหย่ต่อปากต่อคำกับคนตัวเล็กตรงหน้า แถมยิ่งได้เห็นเธอทำหน้ามุ่ยแสนน่ารัก มันทำให้เขามองเท่าไหร่ก็ไม่รู้เบื่อ
ท่าทางการหยอกล้อของทั้งคู่สร้างความแปลกใจระคนสงสัยให้กับสองพี่น้องคนงานชงนมและสาลี่ เพราะทั้งคู่ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนจะกล้าต่อปากต่อคำกับคนเป็นเจ้านาย และยังทำให้ชายหนุ่มหลุดยิ้มหัวเราะบ่อยขนาดนี้
แถมเมื่อเช้าตอนที่เขาเข้ามาทำงานก็เจอร่างสูงใหญ่ของเจ้านายหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟาตัวเล็ก พลางบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยล้า แถมยังสั่งให้เขาเฝ้าคุณครูคนสวยที่นอนหลับจนกว่าจะตื่นอีกด้วย บอกให้รู้ว่าเจ้านายสุดหล่อของเขามานอนเฝ้าสาวด้วยความเป็นห่วงอย่างแน่นอน
‘เป็นห่วงสาวก็ยังปากแข็ง แถมยังชวนเขาทะเลาะไปเรื่อย เจ้านายกู’
ชงนมพาลคิดอยู่ในใจ พร้อมกับหลุดยิ้มขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ และดูเหมือนจะถูกจับได้ซะด้วยสิ เสียงห้วนทรงอำนาจของหัสดินทร์ทักมาทำเอาลูกน้องคนสนิทสะดุ้งสุดตัว
“ไอ้ชงนม มึงจะยืนยิ้มหน้าระรื่นอีกนานไหม งานการไม่มีทำหรือยังไง”
“มีครับนาย ผมไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”
ทว่ายังไม่ทันที่เจ้าชงนมจะโกยอ้าวออกจากเรือนไทย พลันสายตาของคนงานหนุ่มก็เห็นรถตู้คันใหญ่คันคุ้นเคยเลี้ยวเข้ามาจอดอยู่บริเวณหน้าโซนประชาสัมพันธ์ คนที่รักเจ้านายยิ่งชีพจึงหันไปพยักเพยิดบอกเจ้านายตัวเองกลายๆ
หากแต่คนเป็นนายก็ได้แต่ทำหน้าฉงนงุนงง ก่อนที่เขาจะอ้าปากเทศนาลูกน้องตัวดี เสียงทรงอำนาจมาพร้อมๆ กับร่างเพรียวระหงของแม่เลี้ยงสรณ์สิริด้วยท่าทางขึงขังเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย
“ตาช้าง!”
คนถูกเรียกหาได้สะทกสะท้านไม่ยังคงจิบกาแฟนั่งนิ่งราวกับทองไม่รู้ร้อน ส่วนสาวน้อยที่นั่งตรงข้ามสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปตามเสียงเรียก ขณะเดียวกันชงนมรีบโกยแนบชนิดติดจรวดไอพ่นหลบไปอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์แทน พลางพึมพำออกมาเบาๆ
‘บรรลัยแล้ว เจ้านายกู องค์แม่มาเยือน’
“น้องน้ำผึ้ง…เป็นยังไงบ้างลูก”
แม่เลี้ยงสรณ์สิริรีบก้าวไปหาหลานสาวคนสวยทันที พรนลัทจึงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยกมือไหว้ผู้มีศักดิ์เป็นป้าอย่างนอบน้อม แม่เลี้ยงปรี่เข้ามารั้งร่างเล็กเอามากอดแนบอกด้วยความคิดถึง ก่อนดวงตาแห่งความรักจะแปรเปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองเมื่อจ้องมองไปที่ลูกชายตัวโต
“แม่บอกให้พาน้องไปนอนที่บ้านใหญ่ ทำไมน้องถึงมาอยู่ที่นี่”
นางเอ่ยถามลูกชายเสียงขุ่น นี่ถ้าไม่ใช่ว่างานที่ลำปางเสร็จเร็วนางจะไม่รู้เลยว่าหลานสาวสุดที่รักต้องมาถูกลูกชายแกล้งให้มานอนที่บ้านพักหลังเล็ก ทว่าคนเป็นลูกก็หาได้สนใจกลับเลิกคิ้วตอบกลับแบบกวนๆ
“อ้าว! ก็ให้คุณครูคนใหม่ของแม่คุ้นชินกับที่นี่เร็วๆไงครับ”
“คุ้นชิน หรือว่าจงใจแกล้งกันแน่พ่อตัวดี” คนเป็นแม่ย้อนกลับด้วยน้ำเสียงเขียวๆ ก่อนจะหันไปถามคนในอ้อมแขนบ้าง “หนูไม่เป็นไรนะลูก แล้วนี่ทำไมหน้าตาดูเพลียๆแบบนี้ล่ะ พี่เค้าแกล้งอะไรหนูหรือเปล่า บอกป้าได้เลยนะลูก”
“ผมจะไปแกล้งอะไรเขาได้ล่ะครับ แค่ผมเข้าใกล้หลานสาวสุดที่รักของแม่ก็แวดเสียงใส่ผมแล้ว”
หัสดินทร์พูดหน้าตาย พลางจ้องมองคนในอ้อมแขนมารดาด้วยสายตากรุ้มกริ่มราวกับกำลังหยอกล้อเธออย่างไรอย่างนั้น พรนลัทจึงส่งสายตาขุ่นเคืองกลับไปเช่นกัน
“ช่างเถอะค่ะคุณป้า น้ำผึ้งนอนที่ไหนก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้ลูก ไปบ้านใหญ่กันป้าจัดห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
แม่เลี้ยงสรณ์สิริหันมาเอ่ยกับคนในอ้อมแขน ก่อนจะเอ่ยสั่งการสาวรับใช้ที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ไม่ไกล
“สาลี่ไปเก็บของคุณน้ำผึ้งออกจากห้องนั้นให้หมด แล้วเอาไปจัดที่บ้านหลังใหญ่”
“ค่ะ แม่เลี้ยง”
“งั้นเราไปกันดีกว่านะลูก ป้ามีเรื่องอยากจะคุยกับหนูเยอะแยะเลย”
“รับมาทำงานไม่ใช่หรอครับ ไม่ได้รับมาเม้าท์มอย”
“ได้ทำงานแน่จ๊ะ แต่ไม่ใช่วันนี้”
คนเป็นมารดาสวนกลับทันควัน ทำเอาลูกชายจอมแสบถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด นางสรณ์สิริหันไปจูงมือเล็กพาตรงไปยังรถตู้ที่อยู่ข้างหน้า ทว่าก่อนร่างบางจะเดินพ้นซุ้มประตูของเรือนไทยไป ก็แอบมาเบ้ปากยักคิ้วให้กับคนที่ยืนนิ่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารเช้า ทำให้ดวงตาสีนิลขุ่นขวางขึ้นมาทันที แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่หมายหัวแม่ตัวแสบอยู่ภายในใจ
บ้านหลังใหญ่ของครอบครัวศิลปการสกุล ไม่สิ! ต้องเรียกเป็นคฤหาสน์เลยก็ว่าได้ เพราะทั้งกว้างใหญ่ติดกับทะเลสาปเล็กๆและมีสวนดอกไม้เบ่งบานสวยงามหลากหลายสายพันธ์ บ้านหลังนี้อยู่ห่างจากปางช้างสรศิลป์ เนเชอรัลประมาณห้ากิโลเมตร สามารถขับรถหรือปั่นจักรยานลัดเลาะไปตามถนนเล็กๆด้านหลังได้มีอีกเรื่องหนึ่งที่พรนลัทพึ่งได้รู้จากผู้เป็นป้าคือเส้นทางที่หัสดินทร์พาเธอมาในวันแรกเป็นทางด้านหลังของปางช้าง ที่ส่วนใหญ่มักจะให้ควาญช้างจูงช้างไปเดินออกกำลังกาย เท่านี้ก็ทำให้รู้แล้วว่าชายหนุ่มตั้งใจกลั่นแกล้งเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันร่างบางทรุดนั่งลงบนปลายเตียงนอนหลังใหญ่ โดยมีสาลี่คอยช่วยจัดข้าวของของเธอเข้าที่ให้เรียบร้อยตามคำสั่งของแม่เลี้ยงสรณ์สิริ ก่อนเสียงหวานจะเอ่ยถามสาวใช้เกี่ยวกับเรื่องที่เธอข้องใจสงสัย“สาลี่ ถามอะไรหน่อยสิ”“ถามเยอะๆก็ได้ค่ะ คุณน้ำผึ้ง” สาลี่เอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะหันมาจ้องใบหน้าสวยใสของเจ้านายสาวคนใหม่“บ้านพักหลังเล็กมีผีจริงป่ะ”“ตั้งแต่สาลี่โตมาจนเป็นสาวอยู่ที่นี่มาไม่เคยไม่ผีหรอกค่ะ พี่ชงนมก็อำเล่นไปอย่างนั้นแหละ คุณน้ำผึ้งสบายใจได้”“แต่เมื่อคืนฉันได้ยินเสียงคนเคาะประตู กับเห็นเงาตะ
พรนลัทเดินออกมาสงบสติอารมณ์คุกรุ่นของตัวเอง จนกระทั่งรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาเธอจึงแบมือออกมาดูก็พบว่าฝ่ามือเล็กมีรอยเหมือนเศษแก้วบาดเป็นแผลทางยาว แต่ไม่ได้ลึกมากขนาดต้องเย็บ คงเป็นเศษแก้วที่ตกลงมาแตกแล้วกระเด็นมาโดนมือเธอตอนที่ล้มหญิงสาวมารู้สึกเจ็บเมื่อเห็นบาดแผล อาจเป็นเพราะตอนนั้นเธอทั้งโมโหทั้งโกรธบวกกับแผลยังคงชาจนลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ เธอจึงเดินไปที่ก๊อกน้ำแล้วทำการล้างแผลและพันด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก จากนั้นก็เดินกลับไปยังห้องเรือนประชาสัมพันธ์เธอสวนกับร่างสูงของเจ้าของปางช้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาสองคู่ต่างอารมณ์ จ้องกันนิ่งอย่างไม่มีใครยอมหลบ ฝ่ายหนึ่งรู้สึกผิดที่พูดจารุนแรง อีกคนก็เฉยเมยและยอมเป็นฝ่ายเมินหน้าหนี พรนลัทจึงไม่เห็นดวงตาคมเข้มก้มลงไปมองมือเล็กที่มีผ้าเช็ดหน้าพันเอาไว้อยู่ชั่วครู่ แล้วทำท่าจะเอ่ยถามอะไรสักอย่าง หากแต่คนตัวเล็กเลือกที่จะเดินไปหาสาวน้อยคนสนิทอย่างรวดเร็วจากนั้นบรรยากาศการทำงานในปางช้างก็ขมุกขมัวราวกับจะมีพายุโหมกระหน่ำอย่างไรอย่างนั้น เจ้านายหนุ่มมีสีหน้าเรียบตึงไปร่วมทำงานกับคนงานที่ท้ายปางช้าง ส่วนพรนลัทกลับเข้าไปทำงานของตัวเองในห้องสอนศิลปะเง
ช่วงสี่โมงเย็น พรนลัทชวนสาลี่ปั่นจักรยานลัดเลาะไปทางซอยด้านหลังของบ้าน ที่สามารถขี่เลาะทางลูกรังเล็กๆไปถึงปางช้างสรศิลป์ เนเชอรัลได้ ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นสนสามใบเรียงรายเขียวขจี ทำให้พอมีร่มเงาไม่ร้อนจนเกินไป บวกกับอากาศช่วงหน้าฝนที่เชียงใหม่ค่อนข้างจะชุ่มชื้นไม่ได้แห้งแล้งสองสาวพากันเข้ามาจอดจักรยานพิงต้นไม้ใหญ่ จากนั้นก็พากันเดินชมธรรมชาติในปางช้าง เนื่องจากตั้งแต่พรนลัทเริ่มทำงานก็ยังไม่ได้มาทัวร์ที่นี่ให้รอบเลย เธอจึงไหว้วานให้สาลี่เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ในวันนี้ หญิงสาวตื่นตาตื่นใจกับบ้านพักโซนรีสอร์ทมาก บ้านพักทั้งสิบหลังถูกห้อมล้อมไปด้วยภูเขาทั้งสี่ด้าน เสมือนบ้านอยู่ตรงกลางท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามโครงสร้างทั้งหมดทำมาจากไม้ การออกแบบคล้ายกระท่อมเล็กๆในป่าใหญ่ ค่อนข้างแข็งแรง ด้านหน้ามีระเบียงเปิดโล่งยื่นออกมา ส่วนด้านหลังก็ติดกับลำธารขนาดเล็กที่น้ำไหลมาจากเทือกเขา ทุกเช้าจะมีบรรดาช้างออกมาเดินตรงลานหญ้ามารับกล้วยและผลไม้อื่นๆที่นักท่องเที่ยวอยากให้อาหาร ยิ่งเป็นจุดเด่นทำให้สถานที่แห่งนี้มีเอกลักษณ์ จนนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมาไม่ขาดสาย ถึงขนาดต้องจองห้องพักกันข้ามปีเลยทีเด
รถคันใหญ่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดในโรงจอดรถของบ้าน หัวคิ้วเข้มของหัสดินทร์ต้องขมวดเป็นปมด้วยความสงสัย เมื่อสายตาคมของเขาสบเข้ากับรถสปอร์ตคันหรูจอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน บ่งบอกว่ามีแขกมาบ้านของเขาอย่างแน่นอน สองหนุ่มสาวเดินเคียงคู่กันเข้ามายังห้องโถงกลางบ้านก็ต้องได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกของบุพการีและแขกออกรสออกชาติอย่างสนุกสนานในห้องรับแขกขนาดใหญ่ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อโปโลคอปกสีเข้มกับกางเกงขาสั้นพอดีเข่าสีครีมกำลังนั่งจ้อกับแม่เลี้ยงสรณ์สิริ และพ่อเลี้ยงหิรัญ ชายหนุ่มหันหน้ามาทางประตูของห้องรับแขก ดวงตาของเขาสบเข้ากับสองร่างต่างไซส์เดินเคียงกันเข้ามา เขาก็รีบลุกขึ้นมาพร้อมกับแย้มยิ้มกว้างและเดินมากอดคอหัสดินทร์“มาทำไมวะ บ้านไม่มีอยู่หรือไง”“มีอยู่เว้ย แต่ไม่มีวิวสวยๆให้ดูแบบนี้ สวยด้วยเด็กด้วย โคตรแจ่ม”‘จิรสิน’ หรือ ‘จิงโจ้’ ลูกพี่ลูกน้องของหัสดินทร์ เขาชอบให้เรียกว่า ‘โจ้’ มากกว่า เอ่ยกระซิบข้างใบหูของคนมีศักดิ์เป็นพี่ที่ห่างกันแค่หนึ่งปี ตัวเองก็เลยปีนเกลียวทำเป็นรุ่นเดียวกัน น้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ พลางเหล่ไปมองร่างเล็กใบหน้าสวยหวานที่ยืนข้างๆ ด้วยความสนใจ“อย่ามาปากดี ไอ้เวรโจ้ สาระแน
ร่างอรชรในชุดเสื้อยืดสีดำพอดีตัวกับกางเกงผ้าฝ้ายขาสั้นสีน้ำตาลอ่อนกำลังนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้หวายลักษณะคล้ายตัวเล็กภายในห้องสอนศิลปะ วันนี้ไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรมากมาย อาจเพราะเป็นวันธรรมดานักท่องเที่ยวจึงจะน้อยกว่า วันเสาร์-อาทิตย์ พรนลัทกำลังก้มหน้าก้มตาขีดๆเขียนๆ บนไอแพดเครื่องบางอย่างสบายอารมณ์เนื่องจากหญิงสาวได้ออกแบบลายกระเป๋าผ้าสำหรับวางสินค้าขายในปางช้าง โดยมีตัวแบบแสนน่ารักอย่างเจ้าไข่ตุ๋น แถมยังได้คนงานผู้หญิงในปางช้างมาคอยช่วยเย็บปักลวดลายเล็กๆน้อยๆ อีกด้วย เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับคนงาน โดยกระเป๋าผ้าลายน่ารักๆ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวรวมไปถึงแม่เลี้ยงสรณ์สิริที่นำกระเป๋าผ้าใบต้นแบบไปอวดให้กับบรรดาคุณหญิงคุณนายในมูลนิธิช่วยเด็กยากไร้ จนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีแต่คนหลั่งไหลเข้ามาสั่งไม่ขาดสาย เธอจึงคิดว่ารายได้ทั้งหมดหักค่าแรงให้คนงานแล้วที่เหลือก็จะมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กที่ขัดสนทุนทรัพย์ในมูลนิธิของแม่เลี้ยงอีกด้วยพรนลัทค่อยๆ บิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยขบของร่างกายที่นั่งทำงานมาเป็นเวลานาน ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นนาฬิกาบนฝาผนังบ่งบอกเวลาสี่โมงเย็น ซึ่งเธอได้นัดแนะ
พรนลัทมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อถูกปล่อยลงให้ยืนในห้องน้ำกว้าง นั่นแหละเลยทำให้เธอรู้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ในเรือนเล็กของเจ้าของปางช้าง ยังไม่ทันที่เธอจะจับต้นชนปลายได้ถูก เสียงกดล็อกประตูห้องน้ำก็ทำเอาเธอสะดุ้งตกใจ พอหันกลับไปมองคนที่ล็อกประตูก็ต้องเบิกตาโต เมื่อเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกทั้งแถวแล้วถอดออกจากตัวเหวี่ยงทิ้งไปที่ตะกร้ามุมหนึ่งของห้องน้ำ คนตัวเล็กต้องรีบหันหลังซ่อนใบหน้าแดงแจ๋ไปทางผนังห้องน้ำ‘แล้วเป็นบ้าอะไรเนี่ย มาแก้ผ้าต่อหน้าทำไม!’คนหน้าแดงค่อนขอดอยู่ภายในใจ ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะเอื้อนเอ่ยออกไป ร่างสูงใหญ่ที่ตอนนี้เหลือเพียงผ้าขนหนูพันกายท่อนล่าง ก็ก้าวมายันฝ่ามือกับผนังห้องน้ำข้างหัวไหล่มนทั้งสองด้าน เพื่อกักร่างบางไว้ในวงแขน พรนลัทจึงหันกลับมาทำสีหน้าแตกตื่น พลางถอยหลังเบียดไปกับผนังห้องน้ำ นี่ถ้าเธอล่องหนหายไปได้เธอคงทำไปแล้ว“ทะ…ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย ฉันไม่เล่นนะ!”“ใครว่าผมเล่น ผมจะอาบน้ำต่างหาก”“ก็อาบไปสิ จะให้ฉันมาอยู่ตรงนี้ทำไมล่ะ”คนตัวเล็กช้อนตาขึ้นมองพร้อมกับเถียงคอเป็นเอ็นอย่างไม่ลดละ แถมยังทำหน้ายับยุ่ง จนคนมองได้แต่กระตุกยิ้มร้ายที่มุมปากพาลนึกในใจ‘แสบ
เวลาเก้าโมงตรง…ณ ห้องประชุมใหญ่ของสตูดิโอ Artis One หลังจบการประชุมคัดเลือกตัวแทนเข้าร่วมโปรเจกต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับรังสรรค์ตัวละครในเกมยอดนิยม ‘Siam’s arena of valor’ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘SAV’ เป็นเกมส์แนวโมบาย มีภารกิจต่างๆให้ปกป้องมรดกของไทยอีกทั้งงานนี้ยังได้รับความร่วมมือจากกระทรวงการท่องเที่ยว และผู้พัฒนาเกม ให้ทางสตูดิโออาร์ทติสวันช่วยออกแบบตัวละคร และภาพประกอบในฉาก ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่ค่อนข้างใหญ่และสำคัญเป็นอย่างมากทว่า…ดันไม่ใช่เจ้าของผลงานที่แท้จริงอย่าง ‘พรนลัท เลิศรัตนชัย’ สาวสวยหน้าหวานวัยยี่สิบสี่ปี ดีกรีมือนักวาดภาพตัวประกอบและฉากมือหนึ่งของสตูดิโอ นอกจากมีใบหน้าสวยถูกตาต้องใจหนุ่มๆหลายคนแล้ว เธอยังมีพรสวรรค์ในงานศิลปะเป็นเลิศเรียกว่าเก่งกาจหาตัวจับยากแต่เธอกลับโดนขโมยผลงานไปเป็นของ ‘มธุริน’ เด็กเส้นหลานสาวของท่านประธานเจ้าของสตูดิโอแห่งนี้ ลอกเลียนแบบตัวละครที่เธอออกแบบไปทั้งหมดแล้วดัดแปลงไปเป็นผลงานของตัวเองอย่างหน้าตาเฉย แถมยังนำผลงานไปเสนอให้กับลูกค้าเป็นการส่วนตัว เลยทำให้หล่อนได้เป็นตัวเต็งสำหรับงานในครั้งนี้ไปไม่นานพอคล้อยหลังผู้เข้าประชุมที่ต่างเ
เทอร์เรสกว้างที่สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบและสวนดอกไม้ เป็นมุมโปรดปราณของแม่เลี้ยง ‘สรณ์สิริ’ ซึ่งชอบออกมานั่งเล่นบนเก้าอี้หวายตัวใหญ่ พร้อมกับจิบชาร้อนชื่นชมธรรมชาติ วันนี้ก็เช่นกันต่างตรงที่มีสามีอย่างพ่อเลี้ยง ‘หิรัญ’ วัยหกสิบตอนปลายกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจอยู่ใกล้ๆทั้งคู่สร้างอาณาจักรปางช้าง ‘สรศิลป์ เนเชอรัล’ ขึ้นมาโด่งดังจนมีบรรดานักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติพากันมาเที่ยวชม บ้างก็มาพักที่รีสอร์ทที่นี่เพื่อใกล้ชิดช้างและธรรมชาติ อีกอย่างการจัดการของปางช้างจะเป็นแนวเชิงอนุรักษ์ โดยมีช้างที่เคยปลดระวางจากการลากซุง เร่ร่อน ซึ่งแม่เลี้ยงสรณ์สิริก็รับเข้ามาดูแลไม่ต่ำกว่าสี่สิบถึงห้าสิบตัวนอกจากจะมีแค่ปางช้างแล้ว ประกอบกับความคิดทางธุรกิจของลูกชายและสามีช่วยกันพัฒนาจนปางช้างไม่ได้เป็นแค่สถานที่มาป้อนอาหารสัตว์ใหญ่เท่านั้น ยังมีจัดกิจกรรมทำค่ายให้คนที่สนใจมาเข้าพักที่รีสอร์ทไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ โดยกิจกรรมส่วนใหญ่ที่ทำร่วมกัน คือพาช้างอาบน้ำ เล่นน้ำกับช้าง หรือนั่งบนเสลี่ยงชมธรรมชาติ จวบจนทำการแสดงศิลปะจากช้าง ถือว่าเป็นธุรกิจปางช้างที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง เป็
พรนลัทมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อถูกปล่อยลงให้ยืนในห้องน้ำกว้าง นั่นแหละเลยทำให้เธอรู้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ในเรือนเล็กของเจ้าของปางช้าง ยังไม่ทันที่เธอจะจับต้นชนปลายได้ถูก เสียงกดล็อกประตูห้องน้ำก็ทำเอาเธอสะดุ้งตกใจ พอหันกลับไปมองคนที่ล็อกประตูก็ต้องเบิกตาโต เมื่อเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกทั้งแถวแล้วถอดออกจากตัวเหวี่ยงทิ้งไปที่ตะกร้ามุมหนึ่งของห้องน้ำ คนตัวเล็กต้องรีบหันหลังซ่อนใบหน้าแดงแจ๋ไปทางผนังห้องน้ำ‘แล้วเป็นบ้าอะไรเนี่ย มาแก้ผ้าต่อหน้าทำไม!’คนหน้าแดงค่อนขอดอยู่ภายในใจ ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะเอื้อนเอ่ยออกไป ร่างสูงใหญ่ที่ตอนนี้เหลือเพียงผ้าขนหนูพันกายท่อนล่าง ก็ก้าวมายันฝ่ามือกับผนังห้องน้ำข้างหัวไหล่มนทั้งสองด้าน เพื่อกักร่างบางไว้ในวงแขน พรนลัทจึงหันกลับมาทำสีหน้าแตกตื่น พลางถอยหลังเบียดไปกับผนังห้องน้ำ นี่ถ้าเธอล่องหนหายไปได้เธอคงทำไปแล้ว“ทะ…ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย ฉันไม่เล่นนะ!”“ใครว่าผมเล่น ผมจะอาบน้ำต่างหาก”“ก็อาบไปสิ จะให้ฉันมาอยู่ตรงนี้ทำไมล่ะ”คนตัวเล็กช้อนตาขึ้นมองพร้อมกับเถียงคอเป็นเอ็นอย่างไม่ลดละ แถมยังทำหน้ายับยุ่ง จนคนมองได้แต่กระตุกยิ้มร้ายที่มุมปากพาลนึกในใจ‘แสบ
ร่างอรชรในชุดเสื้อยืดสีดำพอดีตัวกับกางเกงผ้าฝ้ายขาสั้นสีน้ำตาลอ่อนกำลังนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้หวายลักษณะคล้ายตัวเล็กภายในห้องสอนศิลปะ วันนี้ไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรมากมาย อาจเพราะเป็นวันธรรมดานักท่องเที่ยวจึงจะน้อยกว่า วันเสาร์-อาทิตย์ พรนลัทกำลังก้มหน้าก้มตาขีดๆเขียนๆ บนไอแพดเครื่องบางอย่างสบายอารมณ์เนื่องจากหญิงสาวได้ออกแบบลายกระเป๋าผ้าสำหรับวางสินค้าขายในปางช้าง โดยมีตัวแบบแสนน่ารักอย่างเจ้าไข่ตุ๋น แถมยังได้คนงานผู้หญิงในปางช้างมาคอยช่วยเย็บปักลวดลายเล็กๆน้อยๆ อีกด้วย เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับคนงาน โดยกระเป๋าผ้าลายน่ารักๆ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวรวมไปถึงแม่เลี้ยงสรณ์สิริที่นำกระเป๋าผ้าใบต้นแบบไปอวดให้กับบรรดาคุณหญิงคุณนายในมูลนิธิช่วยเด็กยากไร้ จนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีแต่คนหลั่งไหลเข้ามาสั่งไม่ขาดสาย เธอจึงคิดว่ารายได้ทั้งหมดหักค่าแรงให้คนงานแล้วที่เหลือก็จะมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กที่ขัดสนทุนทรัพย์ในมูลนิธิของแม่เลี้ยงอีกด้วยพรนลัทค่อยๆ บิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยขบของร่างกายที่นั่งทำงานมาเป็นเวลานาน ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นนาฬิกาบนฝาผนังบ่งบอกเวลาสี่โมงเย็น ซึ่งเธอได้นัดแนะ
รถคันใหญ่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดในโรงจอดรถของบ้าน หัวคิ้วเข้มของหัสดินทร์ต้องขมวดเป็นปมด้วยความสงสัย เมื่อสายตาคมของเขาสบเข้ากับรถสปอร์ตคันหรูจอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน บ่งบอกว่ามีแขกมาบ้านของเขาอย่างแน่นอน สองหนุ่มสาวเดินเคียงคู่กันเข้ามายังห้องโถงกลางบ้านก็ต้องได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกของบุพการีและแขกออกรสออกชาติอย่างสนุกสนานในห้องรับแขกขนาดใหญ่ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อโปโลคอปกสีเข้มกับกางเกงขาสั้นพอดีเข่าสีครีมกำลังนั่งจ้อกับแม่เลี้ยงสรณ์สิริ และพ่อเลี้ยงหิรัญ ชายหนุ่มหันหน้ามาทางประตูของห้องรับแขก ดวงตาของเขาสบเข้ากับสองร่างต่างไซส์เดินเคียงกันเข้ามา เขาก็รีบลุกขึ้นมาพร้อมกับแย้มยิ้มกว้างและเดินมากอดคอหัสดินทร์“มาทำไมวะ บ้านไม่มีอยู่หรือไง”“มีอยู่เว้ย แต่ไม่มีวิวสวยๆให้ดูแบบนี้ สวยด้วยเด็กด้วย โคตรแจ่ม”‘จิรสิน’ หรือ ‘จิงโจ้’ ลูกพี่ลูกน้องของหัสดินทร์ เขาชอบให้เรียกว่า ‘โจ้’ มากกว่า เอ่ยกระซิบข้างใบหูของคนมีศักดิ์เป็นพี่ที่ห่างกันแค่หนึ่งปี ตัวเองก็เลยปีนเกลียวทำเป็นรุ่นเดียวกัน น้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ พลางเหล่ไปมองร่างเล็กใบหน้าสวยหวานที่ยืนข้างๆ ด้วยความสนใจ“อย่ามาปากดี ไอ้เวรโจ้ สาระแน
ช่วงสี่โมงเย็น พรนลัทชวนสาลี่ปั่นจักรยานลัดเลาะไปทางซอยด้านหลังของบ้าน ที่สามารถขี่เลาะทางลูกรังเล็กๆไปถึงปางช้างสรศิลป์ เนเชอรัลได้ ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นสนสามใบเรียงรายเขียวขจี ทำให้พอมีร่มเงาไม่ร้อนจนเกินไป บวกกับอากาศช่วงหน้าฝนที่เชียงใหม่ค่อนข้างจะชุ่มชื้นไม่ได้แห้งแล้งสองสาวพากันเข้ามาจอดจักรยานพิงต้นไม้ใหญ่ จากนั้นก็พากันเดินชมธรรมชาติในปางช้าง เนื่องจากตั้งแต่พรนลัทเริ่มทำงานก็ยังไม่ได้มาทัวร์ที่นี่ให้รอบเลย เธอจึงไหว้วานให้สาลี่เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ในวันนี้ หญิงสาวตื่นตาตื่นใจกับบ้านพักโซนรีสอร์ทมาก บ้านพักทั้งสิบหลังถูกห้อมล้อมไปด้วยภูเขาทั้งสี่ด้าน เสมือนบ้านอยู่ตรงกลางท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามโครงสร้างทั้งหมดทำมาจากไม้ การออกแบบคล้ายกระท่อมเล็กๆในป่าใหญ่ ค่อนข้างแข็งแรง ด้านหน้ามีระเบียงเปิดโล่งยื่นออกมา ส่วนด้านหลังก็ติดกับลำธารขนาดเล็กที่น้ำไหลมาจากเทือกเขา ทุกเช้าจะมีบรรดาช้างออกมาเดินตรงลานหญ้ามารับกล้วยและผลไม้อื่นๆที่นักท่องเที่ยวอยากให้อาหาร ยิ่งเป็นจุดเด่นทำให้สถานที่แห่งนี้มีเอกลักษณ์ จนนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมาไม่ขาดสาย ถึงขนาดต้องจองห้องพักกันข้ามปีเลยทีเด
พรนลัทเดินออกมาสงบสติอารมณ์คุกรุ่นของตัวเอง จนกระทั่งรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาเธอจึงแบมือออกมาดูก็พบว่าฝ่ามือเล็กมีรอยเหมือนเศษแก้วบาดเป็นแผลทางยาว แต่ไม่ได้ลึกมากขนาดต้องเย็บ คงเป็นเศษแก้วที่ตกลงมาแตกแล้วกระเด็นมาโดนมือเธอตอนที่ล้มหญิงสาวมารู้สึกเจ็บเมื่อเห็นบาดแผล อาจเป็นเพราะตอนนั้นเธอทั้งโมโหทั้งโกรธบวกกับแผลยังคงชาจนลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ เธอจึงเดินไปที่ก๊อกน้ำแล้วทำการล้างแผลและพันด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก จากนั้นก็เดินกลับไปยังห้องเรือนประชาสัมพันธ์เธอสวนกับร่างสูงของเจ้าของปางช้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาสองคู่ต่างอารมณ์ จ้องกันนิ่งอย่างไม่มีใครยอมหลบ ฝ่ายหนึ่งรู้สึกผิดที่พูดจารุนแรง อีกคนก็เฉยเมยและยอมเป็นฝ่ายเมินหน้าหนี พรนลัทจึงไม่เห็นดวงตาคมเข้มก้มลงไปมองมือเล็กที่มีผ้าเช็ดหน้าพันเอาไว้อยู่ชั่วครู่ แล้วทำท่าจะเอ่ยถามอะไรสักอย่าง หากแต่คนตัวเล็กเลือกที่จะเดินไปหาสาวน้อยคนสนิทอย่างรวดเร็วจากนั้นบรรยากาศการทำงานในปางช้างก็ขมุกขมัวราวกับจะมีพายุโหมกระหน่ำอย่างไรอย่างนั้น เจ้านายหนุ่มมีสีหน้าเรียบตึงไปร่วมทำงานกับคนงานที่ท้ายปางช้าง ส่วนพรนลัทกลับเข้าไปทำงานของตัวเองในห้องสอนศิลปะเง
บ้านหลังใหญ่ของครอบครัวศิลปการสกุล ไม่สิ! ต้องเรียกเป็นคฤหาสน์เลยก็ว่าได้ เพราะทั้งกว้างใหญ่ติดกับทะเลสาปเล็กๆและมีสวนดอกไม้เบ่งบานสวยงามหลากหลายสายพันธ์ บ้านหลังนี้อยู่ห่างจากปางช้างสรศิลป์ เนเชอรัลประมาณห้ากิโลเมตร สามารถขับรถหรือปั่นจักรยานลัดเลาะไปตามถนนเล็กๆด้านหลังได้มีอีกเรื่องหนึ่งที่พรนลัทพึ่งได้รู้จากผู้เป็นป้าคือเส้นทางที่หัสดินทร์พาเธอมาในวันแรกเป็นทางด้านหลังของปางช้าง ที่ส่วนใหญ่มักจะให้ควาญช้างจูงช้างไปเดินออกกำลังกาย เท่านี้ก็ทำให้รู้แล้วว่าชายหนุ่มตั้งใจกลั่นแกล้งเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันร่างบางทรุดนั่งลงบนปลายเตียงนอนหลังใหญ่ โดยมีสาลี่คอยช่วยจัดข้าวของของเธอเข้าที่ให้เรียบร้อยตามคำสั่งของแม่เลี้ยงสรณ์สิริ ก่อนเสียงหวานจะเอ่ยถามสาวใช้เกี่ยวกับเรื่องที่เธอข้องใจสงสัย“สาลี่ ถามอะไรหน่อยสิ”“ถามเยอะๆก็ได้ค่ะ คุณน้ำผึ้ง” สาลี่เอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะหันมาจ้องใบหน้าสวยใสของเจ้านายสาวคนใหม่“บ้านพักหลังเล็กมีผีจริงป่ะ”“ตั้งแต่สาลี่โตมาจนเป็นสาวอยู่ที่นี่มาไม่เคยไม่ผีหรอกค่ะ พี่ชงนมก็อำเล่นไปอย่างนั้นแหละ คุณน้ำผึ้งสบายใจได้”“แต่เมื่อคืนฉันได้ยินเสียงคนเคาะประตู กับเห็นเงาตะ
ยามราตรีท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงดาราส่องสว่าง มีเพียงอัสนีบาตที่พาดผ่านมาเป็นระยะ ผ่านไปไม่ถึงนาทีฝนก็กระหน่ำตกลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา ด้วยความที่เป็นบ้านไม้ทำให้พรนลัทได้ยินเสียงน้ำฝนตกกระทบไม้กระดานหน้าระเบียงบ้าน พร้อมกับเสียงกบเสียงเขียดร้องระงมรับพิรุณ ยังทำให้เธอจินตนาการไปถึงเรื่องเล่าที่ได้ฟังมาจากคนงานหนุ่มเมื่อตอนเย็นหญิงสาวนอนเหยียดยาวตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียงนอนที่ทั้งแข็งทั้งเย็น พลางใช้ปลายเท้าเล็กของตัวเองเขี่ยๆเอาผ้าแพรเนื้อลื่นขึ้นมาห่มจรดจนถึงคอหอย ดวงตากลมโตสอดส่ายไปทั่วห้องเล็กๆ โดยมีแสงสีเหลืองอ่อนจากหลอดไฟที่ห้อยระย้าจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ ขยับตามแรงลมของพายุฝนที่อยู่ข้างนอกทว่าจู่ๆ เธอก็ดันได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาเดินอยู่รอบๆบ้านพัก คำบอกเล่าของชงนมก็เข้ามากัดกินหัวใจดวงน้อยของเธอให้หวาดหวั่น ความคิดฟุ้งซ่านเข้ามาในหัวเต็มไปหมด กระทั่งต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงกระหน่ำเคาะที่ประตูห้องสามถึงสี่ที~ ก๊อกๆ ก๊อกๆ ~“ใครอ่ะ?”พรนลัทตะโกนแข่งกับเสียงฝนที่ตกไม่มีพักอยู่ข้างนอก แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา ยิ่งทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ หญิงสาวพนมมือขึ้นแล้วสวดมนต์ผิดๆถูกๆ บ
ร่างสูงใหญ่สวมเสื้อกล้ามสีดำทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นสวมกางเกงยีนส์ตัวเก่งสีซีดพาตัวเองมายังโรงจอดรถขนาดใหญ่ เป็นจังหวะเดียวกันกับลูกน้องคนสนิทขี่ซาเล้งพ่วงข้างเลี้ยวเข้ามายังบริเวณที่เขากำลังยืนอยู่ ชายหนุ่มจึงโบกมือเรียกดัก ทำเอาเจ้าชงนมถึงกับเบรกรถหน้าแทบทิ่ม “มีอะไรหรือเปล่าครับนาย”“มึงจะไปไหนไอ้ชงนม”“ผมเอาผักปรังกับใบส้มป่อยมาให้แม่เลี้ยงครับ เห็นว่าวันมะรืนนายแม่จะให้ป้าฟองจันทร์ทำแกงโฮะต้อนรับคุณครูน้ำผึ้งครับ”ชงนมเอ่ยบอกเจ้านายหนุ่ม แล้วคลี่ยิ้มกว้างอวดทั้งฟันทั้งเหงือกให้คนเป็นนายได้ยล ดูท่าแม่ของเขาจะเตรียมอาหารไว้เป็นอย่างดี คงคิดว่าหลังกลับมาจากลำปางจะต้อนรับหลานสาวแบบจัดเต็มซิท่า ก่อนชายหนุ่มจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“วันนี้แม่ให้มึงไปรับน้ำผึ้งใช่ไหม”“ใช่ครับ นายช้างมีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่า”“เปล่า แต่กูจะเป็นคนไปรับเอง แล้วก็ยืมรถมึงด้วย”คนเป็นเจ้านายแจ้งความประสงค์ เล่นเอาลูกน้องคนสนิทอ้าปากหวอ อดที่จะทำหน้าสงสัยไม่ได้“ห๊ะ! ไปรับเอง แล้วจะยืมไอ้แก่ขาเฟี้ยวของผมไปด้วยเนี่ยนะครับ รถในบ้าน…”ยังไม่ทันที่ชงนมจะพูดจบ ดวงตาคมกริบของคนเป็นนายปรายตามามอง ก็ทำ
ร่างสูงผอมสมส่วนในวัยยี่สิบปีเดินออกมาหามุมคุยโทรศัพท์ เนื่องจากมีสายเข้าจากเพื่อนคนสนิทในมหาวิทยาลัยโทรมาพูดคุยเรื่องงานที่ต้องทำส่งอาจารย์ ชายหนุ่มเดินถือโทรศัพท์มือถือลัดเลาะไปตามคันร่องสวนมะม่วงและชมพู่ ซึ่งวันนี้ครอบครัวของหัสดินทร์แวะเวียนมาเยี่ยมทิพย์อาภาที่บ้านสวนจังหวัดนนทบุรีทว่าจังหวะที่หัสดินทร์กำลังลอดซุ้มต้นชมพู่ขนาดใหญ่ ซึ่งมีกิ่งก้านแผ่ไพศาลให้ร่มเงาแก่ทางเดินที่เขากำลังเดินผ่าน ก็มีอะไรบางอย่างหล่นตุ้บลงมาตรงหน้า เฉียดศีรษะของเขาไปหวุดหวิด พร้อมกับเสียงเล็กตะโกนร้องบอกเสียงดังลั่น“เฮ้ย! มดแดง”คนตัวโตกว่าก้มมองลงไปก็เห็นเป็นรังมดแดงถูกห่อหุ้มด้วยใบของต้นชมพู่ จากขนาดรังใหญ่พอสมควรตกอยู่ตรงหน้าเท้าของเขา ถ้าชายหนุ่มเดินเร็วกว่านี้อีกนิด รับรองได้ว่าเจ้ามดแดงได้เข้าไปทำรังรุมกัดเขาทั้งตัวเป็นแน่หัสดินทร์จึงก้มไปหยิบกิ่งไม้มาเขี่ยรังมดแดงไปไว้อีกด้านของคันร่องสวน แล้วก็เงยหน้าขึ้นไปมองสาเหตุที่แท้จริงของรังมดแดงที่อยู่ตรงปลายเท้า ดูก็รู้ว่าไม่ได้ร่วงจากต้นแบบปกติธรรมดาอย่างแน่นอนเด็กผู้หญิงผมเปียใบหน้าและตามเสื้อผ้ามอมแมมไปด้วยคราบโคลน ดูจากตัวแล้วอายุอานามคงเป็นน้อง