“ไอ้เสือกลับไปแล้วสินะคุณ...”
คุณมาร์ค โรดิเกรซ สามีคู่ยากในวัยหกเศษเดินเข้ามาโอบเอวของภรรยาคู่ชีวิตไว้อย่างแสนรักแล้วก้มลงหอมแก้มนุ่มแม้เหี่ยวย่นไปตามวัยด้วยความรักไม่เสื่อมคลาย
“ค่ะ น้องอยากให้ตาแมทอยู่กับเรานานๆ จัง แต่ก็เข้าใจว่าลูกงานยุ่ง”
“เคลียร์งานคราวนี้เสร็จผมก็ว่าจะให้แมทพักบ้าง รู้สึกจะบ้างานเกินไปแล้วดูสิ ยังไม่มีเวลาหาเมียเลย เมื่อไหร่เราจะได้อุ้มหลานกันเสียทีล่ะคุณ”
“นั่นสิคะ น้องมีลูกสาวเพื่อนๆ หลายคนเลยค่ะ ที่อยากจะแนะนำให้ตาแมทได้รู้จัก เผื่อจะถูกใจใครสักคนบ้าง แต่น้องก็ไม่ได้บังคับหรอกนะคะว่าเขาจะต้องรักต้องชอบลูกสาวเพื่อนของน้อง ขอแค่ลูกรักเราก็พร้อมจะรักด้วยแค่นั้นเอง”
“แต่บางคนคุณก็ไม่อยากรักใช่มั้ยล่ะ”
คุณมาร์คเย้าภรรยายิ้มๆ เพราะรู้ดีว่าภรรยานั้นรู้สึกอย่างไรกับลูกเขยหมาดๆ ที่ชื่อวายุคนนั้น เขาเองก็ยังรู้สึกไม่ถูกชะตากับชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าลูกเขยนัก แต่ก็เพราะรักลูกสาวของตนจึงยอมให้มีงานแต่งงานนี้เกิดขึ้น คุณมาลินีซบหน้าลงกับอกกว้างของสามีอย่างอ่อนล้าดวงตาของผู้ที่ผ่านโลกมามากเหม่อมองไปยังท้องฟ้าที่ทะมึนดำด้วยเมฆฝนอย่างรู้สึกหนักอึ้งในใจ
สี่เดือนผ่านไปวายุได้เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังงามโอ่อ่าสมกับฐานะลูกเขยของนักธุรกิจชื่อดัง เขาควรจะดีใจที่มันเป็นเช่นนั้น แต่ชายหนุ่มรู้สึกได้ดีว่าเขาไม่เป็นที่ประทับใจของพ่อตาแม่ยายนัก เขาอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในทุกสิ่งทุกอย่างที่เมริสามี แต่ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ภรรยาของเขามีนั้นมันถูกปิดกั้นไว้เฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้นแม้ว่าตอนนี้เขาจะได้เข้าไปทำงานในบริษัทของบิดาเพราะเธอขอร้องบิดาของเธอไว้ซึ่งคุณมาร์คก็จำใจรับเขาไว้ทำงานด้วย แต่ตำแหน่งผู้จัดการสำนักงานใหญ่ของจิระวัฒนาไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาต้องการตำแหน่งประธานใหญ่ของจิระวัฒนาและทั้งหมดของมาเวลส์กรุ๊ป
“พี่วาเป็นอะไรไปคะ ทำไมหน้าตาดูเครียดๆ”
เมริสาถามสามีเบาๆ พลางนวดไหล่ให้เขาอย่างเอาใจ วายุรู้ว่าเธอคิดอย่างไร เธอคงคิดว่าเขาคงจะพอใจและมีความสุขกับตำแหน่งงานใหม่ที่เธอเป็นผู้จัดการให้ เธอคงคิดว่าสิ่งที่เธอ ประเคน ให้เขานั้นเขาจะต้องพอใจกับที่เธอหาให้ เมริสาช่างเป็นผู้หญิงที่โง่จริงๆ วายุคิดเหยียดหยันเธอในใจ พลางปรายตามองภรรยาอย่างเบื่อหน่ายและแสนรำคาญแต่ก็พยายามซ่อนอาการไว้ เขาไม่ชอบใจที่เธอตั้งใจให้ตัวเองท้องเพื่อจะได้เป็นเจ้าของเขาแต่เพียงผู้เดียวและเพื่อเอาชนะพราวแสงแข และการที่เธอท้องมันทำให้เขาไม่สามารถมีสัมพันธ์สวาทใดๆ กับเธอได้
เมริสาแพ้กลิ่นตัวของเขาเมื่อเขาเข้าใกล้เธออย่างแนบชิดทีไรเธอก็มักจะมีอาการแพ้รุนแรงอาเจียนอย่างหนักจนถึงขนาดหมดเรี่ยวแรงเลยทีเดียวซึ่งมันทำให้เขาหงุดหงิดและยิ่งก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น เขาต้องหาที่ระบายความต้องการอันรุนแรงเร่าร้อนของเขากับใครสักคน
“พี่แค่หงุดหงิดที่ตำแหน่งผู้จัดการมันทำอะไรไม่ได้ ซ้ำยังดูจะด้อยกว่าได้เลขาของพี่ชายเมรี่เสียอีก นี่ขนาดว่าเขาไม่อยู่แล้วให้เลขาเขาดูแลงานแทนนะแต่เลขาพี่ชายเมรี่ทำตัวเหมือนเจ้าของบริษัท...” วายุแสร้งพูดกลบเกลื่อน
“โธ่.. นึกว่าเรื่องอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้เมรี่จะให้คุณพ่อจัดการนายหลุยส์ให้กระเด็นกลับสเปนไปเลยค่ะ...” เมริสาบอกอย่างเอาใจสามี
“หึ พี่ว่ามันไม่ไปไหนหรอกคุณพ่อเมรี่ก็ถือหางมันเหมือนกับว่ามันเป็นลูกชายท่านอีกคนเสียอย่างนั้น ขนาดว่าพี่เป็นลูกเขยแท้ๆ มีความสำคัญไม่แพ้พี่ชายเมรี่ท่านยังไม่ไว้ใจให้ทำงานใหญ่เลย...”
“โธ่.. พี่วาขา คุณพ่อน่ะรักอีตาหลุยส์จะตายไป เพราะพ่อแม่เขาทำงานกับคุณพ่อมานานและพ่อของเขาก็มีบุญคุณกับคุณพ่อมาก เพราะพ่อของอีตาหลุยส์นั่นยอมเอาตัวบังกระสุนให้คุณพ่อตอนที่ท่านโดนลอบทำร้าย พอพ่อแม่ของเขาเสียชีวิตคุณพ่อก็เลยรับอุปการะเขาไว้ แต่พี่วาจะลดตัวไปเปรียบทำไมกับไอ้ลูกกำพร้าล่ะคะ”
“แต่มันวางท่าน่าหมั่นไส้มากนะเมรี่พี่อยากจะชกหน้ามันสักเปรี้ยงจริงๆ” วายุทำท่ามีโมโหทั้งที่หากเขาจะทำเช่นนั้นจริงๆ แล้วล่ะก็ มีหวังได้โดนหลุยส์ เซราโนสวนคืนจนได้ไปหยอดน้ำข้าวต้มแน่ๆ
“ค่ะ เมรี่เข้าใจไว้เมรี่จะจัดการให้นะคะที่รัก วันนี้เหนื่อยแล้วไปอาบน้ำเถอะค่ะ”
“พี่จะไปธุระบ้านเพื่อนสักครู่จะไปคุยเรื่องธุรกิจที่เราจะลงทุนทำด้วยกันเสียหน่อย” วายุหาทางออกให้ตัวเองเมื่อรู้สึกเบื่อหน่ายภรรยาสุดใจ
“อะไรกันคะนี่มันสามทุ่มแล้วนะคะ จะออกไปอีกเหรอ”
“ที่รักจ๊ะ เพื่ออนาคตเราสองคนพี่ก็ต้องอยากจะทำอะไรให้กับตัวเองเพื่อไม่ให้ใครมาว่าเอาได้ว่าพี่เกาะเมียกิน อีกอย่างงานนี้เพื่อนพี่เขาเขียนโครงการไว้แล้วเราจะไปคุยเรื่องงบประมาณการลงทุนกัน พี่ไม่อยากถูกมองว่ามีตำแหน่งงานใหญ่โตเพราะเมียฝากฝังให้หรอกนะ” วายุแสร้งพูดอย่างมีหลักการเพื่อให้เมริสาวางใจและไว้ใจเขา
“โธ่ พี่วา ที่รักของเมรี่...” เมริสาลูบแก้มสากของสามีสุดหล่อเบาๆ อย่างแสนรักและหลงสามีของตนหัวปักหัวปำ
“พี่ไปคุยกับเพื่อนก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะดึกเกรงใจมัน พี่ไปนะ แล้วพี่จะรีบกลับมา...”
วายุยังคงรักษาท่าทีของตนให้ดูน่าเชื่อถือแต่ในใจกำลังคิดแผนการดูดเงินจากเมริสาเพื่อไปปรนเปรอความต้องการของตนเอง แต่ตอนนี้เขาจะไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนเพื่อให้ทุกๆ คนในครอบครัวของเธอไว้ใจ ช้าๆ ได้พร้าหลายเล่มงาม... เขาพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ และทำให้เธอหลงคิดว่าเขาทำเพื่อเธอ วายุยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเดินลับตาเมริสา...
ตอนที่4.หลายวันต่อมาที่เมริสาเริ่มหงุดหงิดที่วายุออกจากบ้านบ่อยเกินไป คืนนี้เธอนั่งรอสามีคนเก่งของตนกลับบ้านด้วยความกระวนกระวายใจเมื่อมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาตั้งโต๊ะห้องโถงชั้นล่างก็พบว่ามันเกือบจะตีหนึ่งแล้ว...“ไปไหนของเขานะทำไมป่านนี้ยังไม่กลับ”หญิงสาวเดินอุ้ยอ้ายไปมาชะเง้อมองทางแต่ไม่มีวี่แววว่าวายุกลับมาเสียทีจนในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวจึงขึ้นไปนอนก่อน โดยไม่รู้เลยว่าในขณะที่ตนรอคอยวายุกลับนั้นเขากำลังระเริงสวาทอยู่กับสาวน้อยนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งที่เขาแอบคบหาอุปการะเป็นเสี่ยเจ้าบุญทุ่มอยู่ คุณมาลินีเฝ้ามองความกระวานกระวายของบุตรสาวอย่างไม่สบายใจในขณะที่หลุยส์เดินมาหานางอย่างรู้งานหลังจากที่เมริสาขึ้นห้องไปแล้ว“ได้อะไรมาบ้าง...” นางหันมาถาม หลุยส์ เซราโน่ คนสนิทของแมทธิวซึ่งอยู่ที่นี่เพื่อดูแลนางกับครอบครัวตอนที่แมทธิวไม่อยู่ หลุยส์นั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับแมทธิวและมีบุคลิกที่คล้ายกันหลายอย่างซึ่งอาจะเป็นเพราะเขาเติบโตมาพร้อมกับแมทธิวก็เป็นได้ แต่หลุยส์จะค่อนข้างไปทางเงียบขรึมและพูดน้อยกว่าแมทธิว จนบางครั้งใครๆ ต่างก็พูดว่าแมทธิวมีมือขวาเป็นซอมบี้หรือผีดิบ แต่คุณม
ตอนที่1.พราวแสงแข มองหน้าผู้ชายที่เธอเคยคิดจะฝากชีวิตไว้ด้วยความรู้สึกเสียใจเจ็บปวดร้าวรานอย่างที่สุด... หลายๆ ความรู้สึกประเดประดังเข้ามาจนร่างบอบบางแทบจะยืนไม่อยู่ได้แต่มองดูคนที่เธอรักอย่างไม่อยากเชื่อตัวเองว่าพวกเขาทำกับเธอได้ถึงเพียงนี้ ในขณะที่แววตาของพวกเขาดูมีความสุขรื่นรมย์สมดังหวังแต่เธอกลับมีเพียงความชอกช้ำ...วายุ กับ เมริสา กำลังจะแต่งงานกัน พวกเขาไปแอบรักกันแอบไปมีอะไรกันตอนไหน...คำถามที่เธอไม่มีวันได้รู้คำตอบและไม่รู้ว่าเมื่อรู้แล้วมันจะทำให้อะไรๆ ในชีวิตเธอดีขึ้นกว่านี้ หรือไม่ เธอรู้แต่เพียงว่าวันนี้คือวันแต่งงานของพวกเขาและเธอก็ได้รับเชิญมาเป็นแขกผู้มีเกียรติอย่างเลือดเย็น..“ขอให้มีความสุขมากๆ นะคะ...”พราวแสงแขกล่าวเบาๆ เพียงเท่านั้นพยายามเก็บกลั้นความเจ็บปวด พร้อมกับถอดแหวนหมั้นคืนให้ผู้ชายใจโลเลอย่างเขาหลังจากคำอวยพร ก่อนเดินจากมาเงียบๆ ส่วนหญิงชายที่เรียกได้ว่าเป็นเหมือนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนั้นยืนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข โดยไม่สนใจว่าได้ทำร้ายจิตใจคนคนหนึ่งอย่างเลือดเย็น...“ไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าพราวจะยอมให้เราง่ายๆ แบบนี้ แต่ไม่รู้ว่ามีแผนจะทำลายงานแต่งงาน
ตอนที่2.นางแขไขมองดูบุตรสาวที่เอาแต่นั่งเหม่อลอยอยู่ริมคลองด้วยความสงสารและหนักใจ เพราะพราวแสงแขไม่ยิ้มหัวไม่พูดกับใครมาหลายวัน กินข้าวก็น้อยราวแมวดมร่างระหงของเธอดูผอมบางลงไปอีกเท่าตัวร่างที่เล็กอยู่แล้ว ยิ่งดูเล็กบอบบางราวจะแตกหักได้ง่ายๆ “พราว มากินหน่อยเถอะลูก...” แขไขเดินมาแตะบ่าบอบบางของบุตรสาวเบาๆ ด้วยความอาทร“พราวยังไม่หิวค่ะ แม่ทานก่อนเถอะ”“พราวไม่กินข้าวมาทั้งวันแล้วนะลูก อย่าทำแบบนี้ แม่เป็นห่วงรู้มั้ย แม่มีลูกคนเดียวหากลูกเป็นอะไรไปแม่จะอยู่อย่างไรล่ะลูก...” คำพูดของมารดาทำให้หญิงสาวที่เอาแต่ซึมเศร้าหันมามองมารดาด้วยความรู้สึกผิด“พราวขอโทษค่ะแม่ พราวเป็นลูกที่ไม่เอาไหนเลย พราวไม่ดีที่ทำให้แม่เป็นห่วงทำให้แม่ต้องเสียใจ” “ไม่เลยจ้ะลูก พราวเป็นเด็กดีของแม่เสมอ และพราวไม่เคยทำให้แม่เสียใจเลยสักครั้ง แม่แค่เป็นห่วงลูกเท่านั้น แต่หากลูกของแม่จะเสียใจเพราะผู้ชายห่วยๆ เพียงคนเดียวจนทำร้ายตัวเองแบบนี้อีก แม่จะเสียใจมากรู้มั้ยลูก...” ผู้เป็นแม่กล่าวเบาๆ ลูบแผ่นหลังบางที่สั่นสะท้านขึ้นลงเพราะแรงสะอื้นด้วยความรักที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย“พราวไม่ได้เสียใจเพราะพี่วายุทิ้งพราวหรอกค่ะ