หลายวันต่อมาที่เมริสาเริ่มหงุดหงิดที่วายุออกจากบ้านบ่อยเกินไป คืนนี้เธอนั่งรอสามีคนเก่งของตนกลับบ้านด้วยความกระวนกระวายใจเมื่อมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาตั้งโต๊ะห้องโถงชั้นล่างก็พบว่ามันเกือบจะตีหนึ่งแล้ว...
“ไปไหนของเขานะทำไมป่านนี้ยังไม่กลับ”
หญิงสาวเดินอุ้ยอ้ายไปมาชะเง้อมองทางแต่ไม่มีวี่แววว่าวายุกลับมาเสียทีจนในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวจึงขึ้นไปนอนก่อน โดยไม่รู้เลยว่าในขณะที่ตนรอคอยวายุกลับนั้นเขากำลังระเริงสวาทอยู่กับสาวน้อยนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งที่เขาแอบคบหาอุปการะเป็นเสี่ยเจ้าบุญทุ่มอยู่ คุณมาลินีเฝ้ามองความกระวานกระวายของบุตรสาวอย่างไม่สบายใจในขณะที่หลุยส์เดินมาหานางอย่างรู้งานหลังจากที่เมริสาขึ้นห้องไปแล้ว
“ได้อะไรมาบ้าง...” นางหันมาถาม หลุยส์ เซราโน่ คนสนิทของแมทธิวซึ่งอยู่ที่นี่เพื่อดูแลนางกับครอบครัวตอนที่แมทธิวไม่อยู่ หลุยส์นั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับแมทธิวและมีบุคลิกที่คล้ายกันหลายอย่างซึ่งอาจะเป็นเพราะเขาเติบโตมาพร้อมกับแมทธิวก็เป็นได้ แต่หลุยส์จะค่อนข้างไปทางเงียบขรึมและพูดน้อยกว่าแมทธิว จนบางครั้งใครๆ ต่างก็พูดว่าแมทธิวมีมือขวาเป็นซอมบี้หรือผีดิบ แต่คุณมาลินีรู้ดีว่าภายใต้ท่าทางเคร่งขรึมของหลุยส์นั้นซ่อนความอ่อนโยนและความดีไว้มากมาย และนางเคยคาดหวังว่าจะได้เขาเป็นลูกเขย
ด้วยสายตาที่ผ่านโลกมามากนางดูออกว่าภายใต้ท่าทีเคร่งขรึมของหลุยส์และการที่เขาไม่ลงรอยกับเมริสาและเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดนั้นหลุยส์นั้นมีความรู้สึกที่พิเศษให้กับลูกสาวของตน แต่เมริสามักจะมองข้ามและมองหลุยส์เป็นเพียงลูกไล่ของเธอ เป็นลูกน้องของพี่ชาย และความหยิ่งทระนงของเมริสาก็ทำให้เธอเลือกผู้ชายที่หาความจริงใจไม่ได้อย่างวายุมาเป็นสามีเพียงเพราะความหลงรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาปากหวานของวายุเท่านั้น
“นี่ครับเอกสารและรูปภาพของมันที่ชัดเจนแน่นหนา มีวีดีโอที่ผมแอบถ่ายไว้ด้วย แต่มันคงไม่น่าดูนักคุณท่านอย่าดูเลยครับ”
หลุยส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ เหมือนกลัวว่านางจะใจสลายกับสิ่งที่เห็นกระนั้น คุณมาลินีหยิบสิ่งในซองกระดาษมาดูช้าๆ ภาพเริงสวาทหรือภาพถ่ายคู่กันหวานฉ่ำของวายุกับแม่สาวน้อยในภาพเสมือนว่าเป็นคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียนในความเลวทรามต่ำช้าของวายุเกินกว่าจะรู้สึกอย่างอื่นก่อนจะถอนใจช้าๆ
“ฉันคิดอยู่แล้วว่าผู้ชายคนนี้มันเลว แต่ฉันจะทำยังไงให้ลูกสาวของฉันตาสว่าง...” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ยิ่งเห็นเมริสาท้องโตขึ้นทุกวันนางก็ยิ่งเจ็บปวด
“ผมจะพยายามกระชากหน้ากากมันออกมาให้เร็วที่สุดครับคุณท่าน”
“ฉันอยากจะทำอย่างนั้นวันละสามเวลาหลังอาหาร... แต่ก็อดสงสารยายเมรี่ไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่อยากให้มีเรื่องอะไรกระทบกระเทือนจิตใจของแก... หลุยส์ ฉันจะทำยังไงดี...” คุณมาลินีพูดเสียงแผ่วอย่างท้อแท้ ในขณะที่หลุยส์เองก็คิดห่วงเมริสาเช่นกัน
ทางด้านวายุซึ่งตอนนี้กำลังยิ้มกริ่มเมื่อวันนี้จะเป็นวันที่บิดาของเมริสาจะประกาศสละตำแหน่งประธานใหญ่ของบริษัทอย่างเป็นทางการซึ่งวายุเองก็หวังว่าตนจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับตำแหน่งสืบทอดจากพ่อตา ก็เขาวางแผนออดอ้อนเมริสาเป็นอย่างดีและคิดว่าคนเป็นพ่อตาแม่ยายจะต้องเห็นแก่หลานที่กำลังจะเกิดมา ดังนั้นวันนี้วายุจึงตื่นแต่เช้าและมาเฝ้ารอการประชุมใหญ่อย่างใจจดใจจ่อ และเมื่อถึงเวลานัดหมายคุณมาร์คและคณะกรรมการพร้อมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทเริ่มทยอยเข้ามาในห้องประชุมหรูหราจนครบทุกคนการประชุมก็เริ่มขึ้น...
ในขณะที่วายุกำลังประชุมอยู่นั้นเมริสาก็ออกมาเดินซื้อของตามประสาของคนที่รักสวยรักงามแม้ว่าอายุครรภ์กว่าหกเดือนแล้วแต่เมริสาก็ยังคงคล่องแคล่วแข็งแรงในการชอปปิงอยู่เช่นเดิม เพราะผู้หญิงกับการชอปปิงนั้นมันของคู่กันแต่ขณะที่เธอกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าร้านประจำอยู่นั้นก็มีนักศึกษาสาวหน้าตาสะสวยรูปร่างบอบบางเดินคุยกันเข้าในร้าน
“แหม... เธอนี่เข้ามาในร้านหรูขนาดนี้แสดงว่าได้มาหนักล่ะสิ...”
สาวน้อยคนหนึ่งพูดขึ้นกับเพื่อนของตนขณะเลือกเสื้อผ้าแบบใหม่ล่าสุดที่มองปราดเดียวเมริสาก็รู้ว่าชุดที่เจ้าหล่อนคนนั้นหยิบไปทาบกับร่างมันราคาแพงระยับทีเดียว
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกเธอนิดๆ หน่อยๆ คืนนี้ฉันจะเอาใจคุณวายุเขาหน่อย แว่วว่าวันนี้เขาจะได้ตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงประธานบริษัทเลยนะเธอ คืนนี้ฉันเลยจะสวยจัดเต็มเตรียมตัวไปดินเนอร์หรูกับเขาสองคน ฮิๆ”
“จริงเหรอ แหมเธอนี่ตาถึงจริงๆ ที่จับเขาอยู่หมัด เอ... แต่ว่าคุณวายุนี่เขามีเมียแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วเมียเขาก็เป็นถึงคุณหนูร่ำรวยมหาศาลเลยนี่นาแบบนี้เมียเขาไม่ตามแจเหรอเธอ”
สองสาวนั้นยังคงคุยกันต่อเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าคนที่ได้ยินเรื่องพวกเจ้าหล่อนอยู่นั้นเริ่มมีอาการจุกแน่นในอกเมื่อชื่อของผู้ชายที่สองสาวนั้นกล่าวถึงมันเหมือนชื่อของสามีเธอ
“ใช่.. เขามีเมียแล้ว แต่คุณวายุบอกว่าก็แค่เมียในนามน่ะเธอ เขาแค่อยากมีทายาทมีลูกสืบสกุลเท่านั้น ส่วนเมียเขาน่ะคุณวายุบอกว่าน่าเบื่อจะตายทั้งขี้หึงขี้บ่นแก่หนังเหี่ยวและชอบทำตัววุ่นวายน่ารำคาญ เขาบอกฉันว่าไว้เมียเขาคลอดเมื่อไหร่คุณวายุจะขอหย่าเสียด้วยซ้ำ อีกอย่างเมื่อคุณวายุได้ตำแหน่งประธานบริษัทเมื่อไหร่เขาก็จะเฉดหัวเมียของเขาไปให้พ้นเพราะเขารำคาญแม่นั่นจะตาย แล้วเขาจะแต่งงานกับฉันทันทีที่เรียนจบด้วยล่ะ...”
“แล้วคุณวายุที่เธอพูดถึงน่ะ เมียเขาชื่ออะไรเหรอ...” เมื่อสุดจะทนฟังมากกว่านั้นเมริสาก็เดินมาตรงหน้าสาวน้อยทั้งสองพลางจ้องมองคนที่เธอเชื่อมั่นว่าเป็นผู้หญิงของวายุอย่างกินเลือดกินเนื้อ
“แล้วนี่ป้าเป็นใครล่ะคะ ถึงเสียมารยาทมาถามแบบนี้” สรรพนามที่ถูกเรียกขานนั้นทำให้เมริสาแทบอยากจะกระชากเจ้าหล่อนมาตบให้หายคับแค้นใจนัก แต่เธอจะต้องมั่นใจก่อนว่าวายุที่พวกเจ้าหล่อนพูดถึงนั้นคือวายุสามีเธอหรือไม่
“จะเป็นใครไม่สำคัญหรอกนะ แค่อยากรู้ว่าคุณวายุที่เธอพูดถึงนั่น เมียเขาชื่อ เมริสา จิระวัฒนา มาเวลส์ รึเปล่า...”
ตอนที่1.พราวแสงแข มองหน้าผู้ชายที่เธอเคยคิดจะฝากชีวิตไว้ด้วยความรู้สึกเสียใจเจ็บปวดร้าวรานอย่างที่สุด... หลายๆ ความรู้สึกประเดประดังเข้ามาจนร่างบอบบางแทบจะยืนไม่อยู่ได้แต่มองดูคนที่เธอรักอย่างไม่อยากเชื่อตัวเองว่าพวกเขาทำกับเธอได้ถึงเพียงนี้ ในขณะที่แววตาของพวกเขาดูมีความสุขรื่นรมย์สมดังหวังแต่เธอกลับมีเพียงความชอกช้ำ...วายุ กับ เมริสา กำลังจะแต่งงานกัน พวกเขาไปแอบรักกันแอบไปมีอะไรกันตอนไหน...คำถามที่เธอไม่มีวันได้รู้คำตอบและไม่รู้ว่าเมื่อรู้แล้วมันจะทำให้อะไรๆ ในชีวิตเธอดีขึ้นกว่านี้ หรือไม่ เธอรู้แต่เพียงว่าวันนี้คือวันแต่งงานของพวกเขาและเธอก็ได้รับเชิญมาเป็นแขกผู้มีเกียรติอย่างเลือดเย็น..“ขอให้มีความสุขมากๆ นะคะ...”พราวแสงแขกล่าวเบาๆ เพียงเท่านั้นพยายามเก็บกลั้นความเจ็บปวด พร้อมกับถอดแหวนหมั้นคืนให้ผู้ชายใจโลเลอย่างเขาหลังจากคำอวยพร ก่อนเดินจากมาเงียบๆ ส่วนหญิงชายที่เรียกได้ว่าเป็นเหมือนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนั้นยืนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข โดยไม่สนใจว่าได้ทำร้ายจิตใจคนคนหนึ่งอย่างเลือดเย็น...“ไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าพราวจะยอมให้เราง่ายๆ แบบนี้ แต่ไม่รู้ว่ามีแผนจะทำลายงานแต่งงาน
ตอนที่2.นางแขไขมองดูบุตรสาวที่เอาแต่นั่งเหม่อลอยอยู่ริมคลองด้วยความสงสารและหนักใจ เพราะพราวแสงแขไม่ยิ้มหัวไม่พูดกับใครมาหลายวัน กินข้าวก็น้อยราวแมวดมร่างระหงของเธอดูผอมบางลงไปอีกเท่าตัวร่างที่เล็กอยู่แล้ว ยิ่งดูเล็กบอบบางราวจะแตกหักได้ง่ายๆ “พราว มากินหน่อยเถอะลูก...” แขไขเดินมาแตะบ่าบอบบางของบุตรสาวเบาๆ ด้วยความอาทร“พราวยังไม่หิวค่ะ แม่ทานก่อนเถอะ”“พราวไม่กินข้าวมาทั้งวันแล้วนะลูก อย่าทำแบบนี้ แม่เป็นห่วงรู้มั้ย แม่มีลูกคนเดียวหากลูกเป็นอะไรไปแม่จะอยู่อย่างไรล่ะลูก...” คำพูดของมารดาทำให้หญิงสาวที่เอาแต่ซึมเศร้าหันมามองมารดาด้วยความรู้สึกผิด“พราวขอโทษค่ะแม่ พราวเป็นลูกที่ไม่เอาไหนเลย พราวไม่ดีที่ทำให้แม่เป็นห่วงทำให้แม่ต้องเสียใจ” “ไม่เลยจ้ะลูก พราวเป็นเด็กดีของแม่เสมอ และพราวไม่เคยทำให้แม่เสียใจเลยสักครั้ง แม่แค่เป็นห่วงลูกเท่านั้น แต่หากลูกของแม่จะเสียใจเพราะผู้ชายห่วยๆ เพียงคนเดียวจนทำร้ายตัวเองแบบนี้อีก แม่จะเสียใจมากรู้มั้ยลูก...” ผู้เป็นแม่กล่าวเบาๆ ลูบแผ่นหลังบางที่สั่นสะท้านขึ้นลงเพราะแรงสะอื้นด้วยความรักที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย“พราวไม่ได้เสียใจเพราะพี่วายุทิ้งพราวหรอกค่ะ
ตอนที่3.“ไอ้เสือกลับไปแล้วสินะคุณ...”คุณมาร์ค โรดิเกรซ สามีคู่ยากในวัยหกเศษเดินเข้ามาโอบเอวของภรรยาคู่ชีวิตไว้อย่างแสนรักแล้วก้มลงหอมแก้มนุ่มแม้เหี่ยวย่นไปตามวัยด้วยความรักไม่เสื่อมคลาย“ค่ะ น้องอยากให้ตาแมทอยู่กับเรานานๆ จัง แต่ก็เข้าใจว่าลูกงานยุ่ง”“เคลียร์งานคราวนี้เสร็จผมก็ว่าจะให้แมทพักบ้าง รู้สึกจะบ้างานเกินไปแล้วดูสิ ยังไม่มีเวลาหาเมียเลย เมื่อไหร่เราจะได้อุ้มหลานกันเสียทีล่ะคุณ”“นั่นสิคะ น้องมีลูกสาวเพื่อนๆ หลายคนเลยค่ะ ที่อยากจะแนะนำให้ตาแมทได้รู้จัก เผื่อจะถูกใจใครสักคนบ้าง แต่น้องก็ไม่ได้บังคับหรอกนะคะว่าเขาจะต้องรักต้องชอบลูกสาวเพื่อนของน้อง ขอแค่ลูกรักเราก็พร้อมจะรักด้วยแค่นั้นเอง”“แต่บางคนคุณก็ไม่อยากรักใช่มั้ยล่ะ”คุณมาร์คเย้าภรรยายิ้มๆ เพราะรู้ดีว่าภรรยานั้นรู้สึกอย่างไรกับลูกเขยหมาดๆ ที่ชื่อวายุคนนั้น เขาเองก็ยังรู้สึกไม่ถูกชะตากับชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าลูกเขยนัก แต่ก็เพราะรักลูกสาวของตนจึงยอมให้มีงานแต่งงานนี้เกิดขึ้น คุณมาลินีซบหน้าลงกับอกกว้างของสามีอย่างอ่อนล้าดวงตาของผู้ที่ผ่านโลกมามากเหม่อมองไปยังท้องฟ้าที่ทะมึนดำด้วยเมฆฝนอย่างรู้สึกหนักอึ้งในใจสี่เดือนผ่านไ