“เขาไม่ยอมหย่า หากเราไม่จ่ายค่าเซ็นใบหย่าและขู่ว่าจะฟ้องเราให้เสื่อมเสียแม่ล่ะไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย...” คุณมาลินีกล่าวเสียงแผ่ว
“หึหึ... คุณแม่ครับคุณแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับผมจะจัดการเอง รับรองได้ว่ามันจะไม่ได้เงินจากเราแม้แต่แดงเดียวและผมจะไม่ให้มันมีอะไรมาต่อรองกับเราได้...”
ชายหนุ่มกล่าวเสียงเข้มซึ่งคุณมาร์คนั้นรู้ดีว่าบุตรชายของตนนั้นหากจะเหี้ยมแล้วไม่มีใครเหี้ยมเกรียมเท่า แต่หากเขาอ่อนโยนแล้วล่ะก็ไม่มีใครจะอ่อนโยนได้เท่าแมทธิวอีกแล้ว และแมทธิวก็รักน้องสาวของเขามากเพราะเขาเป็นลูกคนเดียวมานาน เมื่อตนแต่งงานกับคุณมาลินีและมีเมริสา แมทธิวนั้นดูตื่นเต้นและเห่อน้องสาวมาก เขาเฝ้าติดตามดูแลไม่ห่างเลยทีเดียวจนเมื่อเมริสาเริ่มโตเป็นสาวแมทธิวจึงปล่อยให้น้องสาวได้มีโอกาสคิดเองดำเนินชีวิตเองในแบบที่ต้องการแล้วก็เฝ้ามองน้องสาวของตนเงียบๆ ซึ่งเมริสาเองก็รู้ดีว่าพี่ชายนั้นรักและตามใจตนมาตลอดจึงมีนิสัยเอาแต่ใจและดื้อรั้นจนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เมริสาต้องมาเจอกับคนอย่างวายุเพราะความรั้นจะเอาชนะของเมริสานั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่บุตรสาวของตนต้องมาถูกคนที่ได้ชื่อว่าสามีทำร้ายจนต้องแท้งลูกและอาการสาหัสนั้นเป็นสิ่งที่คุณมาร์ครับไม่ได้ ถึงแม้วายุจะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายเมริสาคุณมาร์คกับคุณมาลินีเองก็ไม่ได้ปักใจเชื่อคำพูดของลูกเขยนัก และไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ ดูเรียบร้อยเช่นพราวแสงแขจะทำร้ายลูกสาวของตนได้แต่ตอนนี้พวกตนไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นคนผิด เว้นเสียแต่รอให้เมริสาฟื้นขึ้นมาและเป็นคนบอกเองว่าใครที่ทำร้ายเธอ...
“เราไม่มีหลักฐานเอาผิดเขาเลยนะแมท มันจึงได้ลอยนวลอยู่แบบนี้อีกอย่างหากพ่อจะจัดการมันจริงๆ พ่อก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องให้ถึงมือแมทแต่พ่อเกรงว่าเมื่อเมรี่ฟื้นความจำขึ้นมาแล้วเมรี่อาจจะถามหาเขาซึ่งพ่อไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี...”
คุณมาร์คมีสีหน้าหนักใจเพราะรักบุตรสาวเหลือเกินจนไม่สามารถจะตัดใจทำร้ายคนรักของเมริสาได้เนื่องจากห่วงว่าหากเมริสาจำอะไรขึ้นมาได้แล้วไม่เจอสามีของตนจะเป็นอย่างไร ไหนจะเรื่องเลือดเนื้อเชื้อไขของตนที่ต้องสูญเสียไปอีกซึ่งคุณมาร์คเกรงว่าจิตใจของบุตรสาวจะบอบช้ำมากไปกว่าเดิม หากเป็นเมื่อก่อนที่เขายังหนุ่มแน่นเช่นแมท ธิว คุณมาร์คเชื่อตนจะไม่ลังเลเลยที่จะจัดการกับคนที่ทำให้คนที่ตนรักเจ็บปวดถึงเพียงนี้อย่างสาสมโดยไม่ต้องคิดถึงจิตใจของใคร
“คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ครับ ผมจะจัดการเอง คุณพ่อกับคุณแม่ดูแลเมรี่ไปดีกว่าผมจะไห้หลุยส์คอยดูแลเมรี่อย่างใกล้ชิดอีกที เชื่อผมนะครับว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นและผมจะหาทางจัดการเรื่องนี้ให้มีผลกระทบกับทุกคนน้อยที่สุด...” แมทธิวให้คำมั่นประกายตาคมวาววับ
พราวแสงแขนั้นยังคงทำหน้าที่สอนเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาในตำแหน่งครูอัตราจ้างประจำวิชานาฏศิลป์ของโรงเรียนแห่งหนึ่งตามปกติในวันนี้ พราวแสงแขเองก็กำลังลังเลว่าจะลาออกแล้วทำอาชีพส่วนตัวดีหรือไม่เพราะเริ่มเบื่อการเป็นลูกจ้างแล้วนั่นเอง และอีกอย่างเธอไม่อยากจะตกเป็นขี้ปากของคนละแวกนี้เกี่ยวกับเรื่องของวายุที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตของเธอจนแทบไม่เป็นอันทำงาน เพราะวายุมักจะมาเฝ้าเธอที่โรงเรียนทั้งเช้าและเย็นกว่าสัปดาห์แล้วจนใครๆ ต่างมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ ทั้งดีและไม่ดีแต่เธอเชื่อว่ามันจะค่อนไปในทางที่ไม่ดีเสียมากกว่า แต่วันนี้โชคดีที่วายุไม่มาเฝ้าเธอเหมือนเช่นทุกวันซึ่งทำให้เธอทั้งโล่งใจระคนแปลกใจที่เขาหายไปไม่ใช่ว่าเธอจะอาลัยอาวรณ์วายุแต่เธอรู้สึกสังหรณ์ในใจแปลกๆ นั่นเอง แต่ก็คิดไปว่าก็ดีแล้วที่เขาไม่มาเพราะมันทำให้เธอไม่รู้สึกอึดอัด และทำให้ตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้นว่าจะทำอย่างไรกับอนาคตของตนเองหลังจากที่ลังเลมานาน และนี่ก็เป็นวันสุดท้ายที่มาสอน และต่อจากนี้เธอก็คงจะกลายเป็นคนที่ตกงาน...
หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะปั่นจักรยานคันเก่งของตนกลับบ้านหลังจากโรงเรียนเลิกแล้ว แต่ในขณะที่เธอกำลังจะเลี้ยวพ้นผ่านประตูรั้วโรงเรียนก็มีรถยนต์สีดำทะมึนคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วและโฉบมาจอดขวางทางของเธอไว้ก่อนจะมีชายหน้าตาขึงขังสวมชุดดำแว่นดำลงมาจากรถเดินมายังเธอที่อยู่ในอาการตกใจจนแทบสิ้นสติ...
“พรุ่งนี้ไปตามที่อยู่นี้หากไม่อยากเดือดร้อน...” แล้วชายคนนั้นยืนนามบัตรสีทองมาให้เธอซึ่งพราวแสงแขก็รับมันไว้ด้วยอาการตกตะลึงและได้แต่มองชายคนนั้นเดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างงุนงง
“แมทธิว โรดิเกรซ มาเวลส์...” หญิงสาวอ่านข้อความในนามบัตรนั้นด้วยหัวใจที่ไหวสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่นและเกรงกลัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...
มาหาฉันตามเวลาที่กำหนดหากไม่อยากเดือดร้อน...
ข้อความที่เขียนด้วยลายมือดูสวยงามและหนักแน่นซึ่งมันเหมือนมีอำนาจบางอย่างที่บีบหัวใจเธอให้ตีบตันอัดแน่นด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่อาจจะบรรยายได้
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจมายืนอยู่หน้าตึกสำนักงานอันยิ่งใหญ่อลังการของ โรดิเกรซ คอปอเรชั่น ไทยแลนด์ หลังจากที่เธอได้รับนามบัตรจากชายนิรนามหน้าเข้มคนนั้น
“ดิฉันมาพบคุณแมทธิวค่ะ...” พราวแสงแขแจ้งความจำนงกับพนักงานต้อนรับสาวสวยด้วยรอยยิ้มบางๆ ซึ่งพนักงานคนสวยก็มองเธออย่างกังขาแต่ก็ยิ้มตอบตามมารยาที่ดี
“นัดไว้รึเปล่าคะ”
“เอ่อ ก็ไม่เชิงค่ะ ตะ แต่ เอ่อ เขาให้ดิฉันมาพบเขาที่นี่... ฉันชื่อ พราวแสงแข ค่ะ...” พราวแสงแขบอกเบาๆ อย่างไม่ค่อยมั่นใจนักเมื่อเจอทั้งคนแปลกหน้าที่มองเธอเหมือนตัวประหลาดและสถานที่โอ่อ่าหรูหรายิ่งใหญ่เช่นนี้...
“สักครู่นะคะ ดิฉันต้องแจ้งเลขาท่านประธานก่อน...”
พนักงานสาวสวยบอกแล้วสักครู่เจ้าหล่อนก็ปรายตามามองพราวแสงแขซึ่งเลี่ยงไปนั่งรอที่โซฟารับรองแขกด้วยแววตาเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินพลางมองสำรวจหญิงสาวหน้าตาจืดชืดในชุดเดรสสีพื้นเรียบๆ สวมรองเท้าคัทชูแบบเรียบร้อยและสะพายกระเป๋าผ้าที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นงานที่ตัดเย็บแบบแฮนด์เมดลายดอกไม้สีสดใสซ้ำชื่อก็เหมือนชื่อนางเอกลิเก แต่ผู้หญิงคนนี้คือคนที่ท่านประธานใหญ่ของบริษัทนัดพบเธอเป็นการส่วนตัวซึ่งไม่น่าจะเชื่อเลย...
ตอนที่9.“คุณพราวแสงแขคะ เชิญด้านนี้ค่ะ...” เสียงพนักงานสาวทำให้คนที่ก้มอ่านหนังสือรอลุกขึ้นเดินตามพนักงานต้อนรับไปยังลิฟต์อีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นลิฟต์ส่วนตัวที่ใช้ได้เพียงผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น“เมื่อลิฟต์เปิดเชิญเข้าไปได้เลยนะคะเพราะลิฟต์จะเปิดออกที่ชั้นบนสุดหน้าห้องท่านประธานพอดี เชิญค่ะ”เมื่อพูดจบพนักงานสาวคนนั้นก็เดินจากไปลิฟต์ก็เปิดออกทันทีที่เธอเดินมาถึง พราวแสงแขมองลิฟต์ที่เปิดกว้างอย่างชั่งใจ ทั้งมือและเท้าหญิงสาวเย็นเฉียบน้ำลายในลำคอเหนียวหนืดจนกลืนไม่ลง...“เอาล่ะพราวแสงแข... สู้ๆ” หญิงสาวบอกตัวเองขณะลิฟต์เลื่อนขึ้นสู่ชั้นบนสุด เมื่อลิฟต์เปิดออกอีกครั้งหญิงสาวก็เดินออกมาและหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าห้องของท่านประธานใหญ่แห่งโรดิเกรซ คอปอเรชั่น ไทยแลนด์“เชิญเข้าไปได้เลยค่ะ...” เสียงเลขาสาวใหญ่ที่นั่งอยู่ในห้องกระจกหรูหราหน้าห้องท่านประธานบอกกับเธออีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอยังคงยืนนิ่งอยู่...“ค่ะ... ขอบคุณนะคะ...” พราวแสงแขหันไปยิ้มเซียวๆ ให้เลขาสาวแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูออกช้าๆ ในขณะที่สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อเรียกความมั่นใจของตน...หลังจากที่ประตูปิดลงพราวแสงแขรู้สึกชาไปทั้งตัวจ
ตอนที่10.“อ๊าย คนบ้า พูดกับสุภาพสตรีแบบนี้ได้ยังไง” พราวแสงแขกรีดเสียงใส่เขาอย่างเหลืออด ความยับยั้งชั่งใจ ความสุขุมเรียบร้อยที่เคยมีเคยเป็นมันหลุดลอยไปไหนกัน ตอนนี้เธอเหมือนแม่สาวปากกล้าใจร้อนร้ายกาจไปโดยปริยาย...“หึ... มากกว่านี้ก็ยังทำได้เลยกับผู้หญิงอย่างเธอ”“ผู้หญิงอย่างฉันทำไม... ถ้าคิดว่าผู้หญิงอย่างฉันมันแย่นักก็ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้สิ ไอ้บ้า”“แหม ไม่ยักรู้ว่าฉันเจอแม่ค้าปากตลาดมากกว่าคนที่เป็นครูเสียอีก”“เรื่องของฉัน ฉันจะเป็นอะไรก็เรื่องของฉัน ตอนนี้ไม่ได้เป็นครูแล้วด่าคนได้ไม่อายปาก ปล่อยนะ...” พราวแสงแขหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธและเริ่มกลัวเมื่อเห็นแววตาของเขา แล้วนี่เขาจะพาเธอไปไหนกัน...“นี่อย่าดิ้นได้มั้ย น่ารำคาญ ““ถ้ารำคาญก็ปล่อยสิ แล้วจะพาฉันไปไหน...”หญิงสาวเสียงเขียวใส่เขาทั้งพยายามขืนกายบางออกให้ห่างจากกายแกร่งของเขา... กลิ่นกายหอมสะอาดของบุรุษหล่อเริดตรงหน้ามันทำให้ท้องไส้สาวปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูกเธอไม่อยากอยู่ใกล้เขาเลย “นึกว่าอยากจะแตะรึไง ผู้หญิงสวยๆ อึ๋มๆ กว่าเธอมานอนแบให้ฉันเยอะแยะ เด็กกะโปโลอย่างเธอฉันไม่สนใจหรอกยายบ๊องเอ๊ย ที่จับไว้เนี่ยกลัวเธอหนีมากกว่า..
ตอนที่11.เมื่อหมดความอดทนพราวแสงแขก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวและเปิดประตูจะลงไปจากรถแต่ในขณะที่เธอกำลังจะวาดขาก้าวลงไปมือแข็งแรงก็เอื้อมมาดึงประตูปิดทันทีและการที่เขาเอื้อมมือมานั้นทำให้แขนแกร่งของแมทธิวนั้นเฉียวผ่านทรวงสาวอวบอิ่มที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดสวยและในช่วงที่เขาเอี้ยวตัวกลับแล้วหันหน้ามามองคนตัวเล็กที่นั่งตัวเกร็งนั่งอยู่กับที่ด้วยความตระหนกนั้นปลายจมูกโด่งของเขาก็ปัดถูกปลายจมูกรั้นของเธอเบาๆ ซึ่งในจังหวะนี้เองทำให้ทั้งคู่ประสานสายตากันอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง...เหมือนมีกระแสไฟฟ้านับหมื่นๆ โวลต์แล่นพล่านไปทั้งร่าง พราวแสงแขนั่งนิ่งกลั้นหายใจจนรู้สึกว่าแทบขาดอากาศหายใจจึงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ และแผ่วเบาที่สุดทั้งหัวใจก็เต้นกระหน่ำดังกึกก้องจนกลัวว่าอีกคนจะได้ยินเสียงหัวใจเธอเต้น ซึ่งความรู้สึกที่พราวแสงแขมีนั้นไม่ได้แตกต่างจากแมทธิวเลยแม้แต่น้อย พราวแสงแขรู้สึกว่าลำคอและริมฝีปากของตนนั้นแห้งผากจนต้องแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตนช้าๆ ด้วยความรู้สึกหวั่นไหวใจสั่นหวิวๆ เหมือนคนจะเป็นลมเสียอย่างนั้นแต่เธอไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอนั้นมันทำให้คนตัวโตหน้าดุหมดความอดทนอดกลั้นกั
ตอนที่12.“พราวจะต้องไปทำงานไกลขนาดนั้นเลยหรือลูก...” คุณแขไขถามบุตรสาวอย่างใจหายเมื่อรู้ว่างานใหม่ของลูกสาวนั้นต้องไปอยู่ต่างจังหวัดร่วมเดือนหรืออาจจะหลายเดือน...“ค่ะ เจ้านายพราวเขาต้องการคนดูแลลูกสาวเขาอย่างใกล้ชิดค่ะแม่ อีกอย่างค่าจ้างแพง พราวไม่ต้องเสียค่าที่พัก แถมยังได้ไปอยู่รีสอร์ตสวยๆ หรูๆ เงินเดือนก็เหลือเต็มๆ คิดดูสิคะคุ้มสุดๆ เลย”หญิงสาวยิ้มให้มารดาสดใสเริงรื่นกลบเกลื่อนความรู้สึกภายใน แต่เธอก็ไม่ได้โกหกนี่นาเพียงแต่ไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดว่านายจ้างเธอคือใคร และคิดว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรหากจะพูดถึงเหตุผลที่แท้จริงให้มารดารับรู้เพราะมันจะทำให้มารดาของเธอพลอยเป็นทุกข์ไปด้วยมากกว่า “เอาเถอะ อย่างน้อยๆ บรรยากาศดีๆ ลูกแม่ก็อาจจะเจออะไรดีๆ บ้าง เช่นว่า ได้หนุ่มเหนือนิสัยดีมาเป็นลูกเขยแม่” คุณแขไขพูดติดตลกซึ่งทำให้พราวแสงแขได้ยิ้มไปด้วยกับมุกของมารดา“โธ่.. แม่ขา พราวจะมีโอกาสได้เจอใครหรือเปล่าไปดูแลคนป่วยนะคะ คงไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกค่ะ ยังไงพราวก็มีโอกาสเป็นสาวแก่ขึ้นคานเกาะแม่ไปจนตายล่ะค่ะ”“พูดดีไป ไม่ใช่พอไปถึงล่ะหนุ่มๆ เพียบจนลืมแม่ล่ะ” นางแขไขกล่าวยิ้มๆ ล้อบุตรสาวอย่างเอ
ตอนที่13.พราวแสงแขยอมรับว่าตกใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าตนจะต้องมารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นนี้ แต่ที่ยอมรับงานนี้ก็เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนและเพื่อมารดาของเธอเองหาได้เกรงกลัวผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ นี้ไม่...หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เตรียมตัวเตรียมใจเผชิญกับสิ่งที่เธอไม่อาจจะรู้ได้ว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้า แต่สิ่งที่เธอจะต้องทำคือเข้มแข็งและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ อุบัติเหตุ ระหว่างเมริสากับวายุ พราวแสงแขครุ่นคิดเรื่องต่างๆ ในใจโดยไม่สนใจคนที่นั่งมาข้างๆ แม้แต่น้อย... ในขณะเดียวกันแมทธิวเองก็ลอบพิจารณาคนข้างๆ เขาเงียบๆ ใบหน้าเรียวนวลใสไร้เครื่องสำอางที่ประดับด้วยเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มจะเรียกว่าสวยก็ไม่ใช่ จะว่าไม่สวยก็ไม่เชิงแต่ดวงตากลมโตซึ่งประดับด้วยขนตาดกหนายาวงอนเช้งราวตุ๊กตาของเธอนั้นโดดเด่นกว่าส่วนอื่นของใบหน้าทำให้ใบหน้าแสนธรรมดาของเธอดูน่ามองอย่างที่เขาไม่อาจจะปฏิเสธความจริงข้อนี้ได้ หากเธอจะยิ้มแย้มแจ่มใสดวงตาของเธอคงจะเป็นประกายน่ามองกว่านี้เป็นไหนๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นคือความสงบนิ่งดูเย็นชาราวแม่ชีที่อยู
ตอนที่14.“แต่คนต้นเหตุอีกคนก็ยังอยู่นี่ครับ เธอจะต้องได้รับรู้บ้างว่าสิ่งที่เธอรวมหัวกันกับไอ้วายุทำร้ายเมรี่นั้นมันเลวร้ายแค่ไหน และเมรี่ต้องทุกข์ทรมานยังไงบ้าง ผมจะไม่มีวันปล่อยให้เธอเป็นสุขแน่ๆ หากอาการของน้องยังไม่ดีขึ้น...” ชายหนุ่มยืนยันด้วยน้ำเสียงและแววตามั่นคงจนผู้เป็นพ่อต้องถอนใจออกมาพรืดใหญ่“แมท... พ่อจะบอกว่าแมทต้องแยกแยะให้ออกว่าอะไรเป็นอะไรอีกอย่าง เรื่องนี้แม่หนูคนนั้นเขาไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย คนของเราต่างหากที่ไปวุ่นวายกับเขาแม้แต่ตอนที่เมรี่เจ็บปางตายหนูพราวเขาก็เป็นคนเรียกรถพยาบาลและคอยให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเมรี่อย่างละเอียด คนเกลียดกันเขาจะทำอย่างนี้มั้ย แมทอย่าเชื่อน้องมากเกินไป...”คุณมาร์คบอกเพียงแค่นั้นแล้วเดินเลี่ยงออกไปด้วยไม่รู้จะอธิบายให้บุตรชายเข้าใจได้อย่างไร ทำให้แมทธิวยืนคิดแค้นเคืองอยู่คนเดียว คนอย่างแมทธิวนั้นหัวรั้นและหากเชื่อมั่นอะไรแล้วก็เปลี่ยนความคิดเขาได้อยาก และที่สำคัญคุณมาร์คเชื่อว่าสิ่งที่แมทธิวได้ยินได้ฟังจากน้องสาวที่รักก่อนเกิดเรื่องนั้นมันได้ฝังในใจของเขาไปแล้วว่าพราวแสงแขคือส่วนหนึ่งของเหตุการณ์อันนำมาซึ่งความสูญเสียของเมริสาและเขาก็
ตอนที่15.พราวแสงแขกำลังจะเดินกลับเข้าห้องของตนเองซึ่งอยู่ติดกันกับห้องของเมริสาต้องชะงักเมื่อเจอยักษ์ตัวใหญ่ยืนจังก้าขวางทางด้วยท่าทางที่พราวแสงแขต้องนึกถึงผู้ร้ายในภาพยนตร์แนวมาเฟียเสียทุกทีไป...“เดี๋ยว...”“มีอะไรกับดิฉันคะ...”หญิงสาวเชิดหน้ามองเขาอย่างไว้ตัวแสดงให้เขาเห็นว่าเธอไม่ได้หงอให้เขาหรือเกรงกลัวเขาอย่างที่เขานึก คนอย่างพราวแสงแขดูเป็นคนอ่อนหวานเรียบร้อยก็จริง แต่เธอไม่ได้อ่อนแอหรือยอมให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ เหมือนเช่นแต่ก่อนอีกแล้ว“เธอไม่ควรรื้อฟื้นความหลังของน้องสาวฉันแบบนั้นนะ มันยิ่งตอกย้ำให้เมรี่เครียด” เสียงเข้มนั้นเหมือนตะคอกเสียมากกว่า“นี่คุณคะ... คุณรู้อะไรเกี่ยวกับคนป่วยแบบเมรี่บ้าง คุณรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเมรี่บ้างในช่วงที่เธอเริ่มเรียนมหาวิทยาลัย หรือคุณรู้อะไรบ้างว่าจะต้องทำยังไงนอกจากมาโวยวายๆ ใส่ฉันแบบนี้ หากคุณให้ฉันมาดูเมรี่คุณก็ควรจะปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นหน้าที่ของฉัน ถึงแม้ฉันจะไม่ได้เป็นหมอหรือเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ฉันศึกษาข้อมูลมาบ้างแล้วว่าต้องทำยังไง หากคุณจะมาขัดแย้งนู่นไม่ได้ นี่ไม่ได้ ก็ไม่ต้องลากตัวฉันมาสิ...”คำตอบยืดยาวของพราวแสงแขทำเอาแมทธิวถึง
ตอนที่16.พราวแสงแขถอนหายใจเบาๆ เมื่อเมริสาหลับไปแล้วหลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันและยาตามที่แพทย์สั่ง เธอไม่ได้หนักใจเลยในการมาดูแลเมริสา แต่กลับยิ่งสงสารคนที่เคยแย่งคนรักของเธอไปมากขึ้น และภาวนาให้เมริสาฟื้นความจำมาได้โดยเร็ว หญิงสาวปิดประตูห้องนั่งเล่นที่มักพาเมริสามาพักผ่อนและอ่านหนังสือดูหนังด้วยกันอย่างเบามือแล้วกลับเข้าห้องตัวเองไปหยิบกล้องถ่ายรูปและสมุดสเกตภาพใส่กระเป๋าผ้าใบใหญ่เพื่อไปถ่ายรูปหรือบางทีหากเธอเจออะไรที่เป็นแรงบันดาลใจเธอก็อาจจะนั่งสเกตภาพเล่นๆ แก้เหงาได้“คุณท่านคะ พราวขออนุญาตไปเดินดูวิวรอบๆ รีสอร์ตได้ไหมคะ” หญิงสาวเดินออกมาที่ระเบียงกว้างซึ่งคุณมาลิสากับคุณมาร์คมานั่งอ่านหนังสือและคุยกันอยู่“ตามสบายเลยจ้ะหนูพราว เมรี่หลับแล้วหนูอยากจะไปไหนก็ไปเถอะ หรือจะเข้าไร่ก็ให้คนพาไปได้นะจ๊ะ” คุณมาลินีบอกอย่างอ่อนโยน“ฉันว่าหนูเลิกเรียกเราว่าคุณท่านดีกว่าไหม เรียกคุณลุงคุณป้า หรือคุณพ่อคุณแม่ก็ได้” คุณมาร์คเอ่ยพลางวางหนังสือพิมพ์ลงมองหน้าหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้าอย่างเอ็นดู“พราวไม่อาจเอื้อมหรอกค่ะคุณท่าน”“เถอะน่า หนูเป็นเพื่อนเมรี่ก็เหมือนเป็นลูกสาวเรา เรียกคุณพ่อคุณแม่เถ
ตอนที่61. อวสานแมทธิวมองใบหน้ากลมป้อมแก้มยุ้ยแดงปลั่งของลูกชายอย่างแสนรัก ดวงตาสีมรกตที่ถอดแบบจากเขานั้นใสแจ๋วไร้เดียงสา จมูกเล็กๆ โด่งเป็นสันมีเหงื่อซึมเพราะวิ่งเล่นอย่างซุกซน ริมฝีปากแดงสดที่ได้มาจากคุณแม่นั้นทำให้ผู้เป็นพ่อไพล่นึกถึงริมฝีปากนุ่มๆ หวานๆ ของผู้เป็นภรรยาเสียร่ำไป ชายหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำเท้าแขนแกร่งกับพื้นหญ้าแล้วถามลูกชายตัวน้อยเมื่อพ่อหนูเอาแต่มองหน้าเขานิ่ง“มีอะไรน้อง มองหน้าพ่อนิ่งเชียว”“ปาปา แก่...” คำตอบของลูกชายที่ไม่ค่อยชัดนั้นทำให้แมทธิวแทบสำลักน้ำลายตัวเอง จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก แต่คุณมาร์คกลับหัวเราะลั่นเลยทีเดียว แมทธิวจึงหันไปมองค้อนบิดาเสียยกใหญ่“ฮ่าๆๆ หลานปู่มันฉลาดเหมือนปู่เลย มานี่มาลูกมาหาปู่ดีกว่า”“ปูๆ หาปู หล่อๆ” เด็กชายลุกขึ้นเดินไปหาคุณปู่ที่อ้าแขนต้อนรอรับแล้วหอมแก้มคุณปู่อย่างประจบออดอ้อน แมทธิวได้แต่เข่นเขี้ยวเจ้าตัวแสบที่มีแววแสบสันได้ใจตั้งแต่เล็กแต่น้อย“ทำอะไรกันอยู่คะหนุ่มๆ มากินของว่างกันได
ตอนที่60.“แหวะหลงตัวเอง”“บอกรักพี่แมทอีกครั้งสิจ๊ะทูนหัว”“ไม่...” หญิงสาวเง้างอดหน้าแดงก่ำ“บอกหน่อยไม่ได้เหรอครับ พี่แมทอยากฟังอีกจัง”“ตัวเองก็บอกเขาก่อนสิ” หญิงสาวต่อรองพร้อมทั้งเอนพิงอกกว้างของเขาอย่างยอมจำนนหลุบตามองมือเล็กของตนในอุ้งมือใหญ่อบอุ่นของเขาด้วยหัวใจพองโต น้ำตาเหือดแห้งไปพร้อมกับความอุ่นซ่านแผ่กระจายครอบคลุมไปทั้งดวงใจที่มืดมิดหนาวเหน็บมานานด้วยความหวั่นระแวง“ผม แมทธิว โรดิเกรซ มาเวลส์ รัก นางพราวแสงแข โรดิเกรซ มาเวลส์ เท่าชีวิต และจะรักเธอกับลูกๆ ของเราตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และผมจะบอกรักเธอกับลูกๆ ทุกวัน ตราบเท่าชีวิตของผม...” เสียงทุ่มนุ่มนวลบอกเบาๆ กับใบหูบางทว่าหนักแน่นเต็มไปด้วยพลังแห่งรักที่เธอสัมผัสได้ด้วยใจ“ฉัน นางพราวแสงแข โรดิเกรซ มาเวลส์ ก็จะรัก นายแมทธิว โรดิเกรซ มาเวลส์ เท่าชีวิต และจะรักเขากับลูกๆ ของเราตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และจะบอกรักเขากับล
ตอนที่59.หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วพราวแสงแขก็เดินกลับเข้ามาในห้องนอนของตนซึ่งสามีสุดหล่อของเธอกำลังปูที่นอนของตนเองหน้าเตียงเล็กๆ ของเธอเช่นทุกวัน หญิงสาวมองแผ่นหลังกว้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยงามของเขาอย่างหลงใหลและแอบหน้าแดงที่ตนกลายเป็นสาวใจแตกชอบมองแผงอกล่ำๆ กล้ามสวยๆ ของสามีไปเสียแล้ว จากแรกๆ ที่เคยต่อว่าที่เขาไม่ใส่เสื้อเข้านอน ตอนนี้กลายเป็นว่าเธอชอบให้เขาเปลือยอกล่ำๆ ให้มอง และอยากมองทุกวัน...“พราวมานอนเถอะดึกแล้ว เดี๋ยวพี่เอาแก้วนมไปเก็บก่อนนะครับ”เขาลุกขึ้นแล้วหยิบแก้วนมออกไปเก็บแต่ขณะที่เดินผ่านเธอก็โน้มใบหน้าลงมาจุ๊บแก้มนวลใสเสียฟอดใหญ่แล้วก็ผิวปากเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีปล่อยให้เธอค้อนลมค้อนฟ้าอยู่คนเดียว“คนบ้า ฉวยโอกาสตลอดเลย”หญิงสาวบ่นเขาด้วยหัวใจพองโตแล้วคลานขึ้นเตียงอย่างง่วงงุนแต่ก็พยายามฝืนความง่วงไว้เพราะเธอยังมีเรื่องจะคุยกับเขามากมาย และจะต้องคุยกันให้จบในคืนนี้“ทำไมยังไม่นอนล่ะครับคนสวย เอ.. หรือว่าเจ้าตัวเล็กอยากใ
ตอนที่58.“คุณพ่อคุณแม่ให้พรผมกับพราวมั่งสิครับ” แมทธิวเอ่ยขึ้นบ้างพลางรั้งให้พราวแสงแขมานั่งตรงหน้าบิดามารดาของตนพร้อมทั้งมารดาของพราวแสงแขด้วย“อะไรกันแมทนี่ล่ะก็ เราก็ได้พรจากพ่อกับแม่ไปแล้วไงจ๊ะ”“ก็ผมอยากได้อีกนี่นา แล้วก็ยังอยากได้ไปเรื่อยๆ จนกว่าพรของคุณพ่อคุณแม่จะหมดนั่นล่ะครับ”ชายหนุ่มพูดอย่างนุ่มนวลร่างสูงนั่งพับเพียบดูนอบน้อมพราวแสงแขมองสามีด้วยความชื่นชม แมทธิวเป็นคนทำงานเอาจริงเอาจังเสียงดังและเด็ดขาดเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกน้องแมทธิวจะเป็นเจ้านายที่เข้มงวดจริงจัง ในการทำงานของเขานั้นจะเต็มไปด้วยความเฉียบขาดดุดันจนเป็นที่กล่าวขวัญและใครๆ ต่างก็ยำเกรง แต่เมื่อเขาอยู่กับคนในครอบครัว แมทธิวจะเป็นผู้ชายที่อบอุ่น อ่อนโยนและเอาใจใส่ทุกคนในครอบครัวอย่างดี และเขายังปฏิบัติต่อมารดาของเธออย่างนอบน้อมไม่มีท่าทางที่ทำให้รู้สึกว่าเขารังเกียจเธอกับมารดาว่าต่ำต้อย นั่นคือสิ่งที่พราวแสงแขสัมผัสได้แม้ในคราแรกที่พบกันเขามักจะใช้ถ้อยคำรุนแรงและดูถูกเธอก็ตาม แต่ในวันนี้แมทธิวให้เกียรติเธอกับม
ตอนที่57.“เหรอจ๊ะ แหม.. แม่ก็นึกว่าพราวจะแกล้งอะไรแมทอีก”“แม่น่ะ ชอบมองพราวเป็นเด็กเกเรไปได้”“ก็เราน่ะเหลือเกินจริงๆ นี่พราว เรื่องมันก็แล้วไปแล้วอย่างอนนักเลยลูก เดี๋ยวพี่เขาก็เบื่อกันพอดี” คำพูดของมารดาทำให้พราวแสงแขหน้างอ“ใช่สิ.. แม่มีลูกใหม่แล้วนี่พราวก็เป็นหมาหัวเน่า” พราวแสงแขตัดพ้อน้ำตาคลอๆ เหมือนจะร้องไห้“แล้วกันไปกันใหญ่แล้วลูกคนนี้ เฮ้อ.. แมทอย่าตามใจพราวนักนะลูก ยายพราวน่ะเขาดื้อเงียบ ดูสิ.. แค่นี้ก็ว่าแม่รักคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง เอาล่ะแม่ไม่กวนแล้วแม่จะไปช่วยคุณมาลินีเตรียมของจัดงานเลี้ยงคืนนี้ เย็นนี้เราจะไปทานข้าวที่บ้านโน้นนะจ๊ะ แล้วคืนนี้จะเป็นวันฉลองการแต่งงานของหนูเมรี่กับหลุยส์ด้วย” ผู้เป็นแม่บอกอ่อนโยนดังเดิมแล้วขยี้เรือนผมของลูกสาวแสนงอนเบาๆ แล้วเดินไปขึ้นรถที่คนจากบ้านของแมทธิวมารอรับ”คืนนี้เมียพี่จะต้องสวยพอๆ กับเจ้าสาวแน่ๆ เราไปดูชุดที่จะไปคืนนี้กันมั้ยครับ”“
ตอนที่56.“จะหน้าด้านอยู่ที่บ้านฉันอีกนานแค่ไหนคะ” หญิงสาวเท้าสะเอวมองคนที่กำลังรีดผ้าหน้าเป็นมันอยู่อย่างฉุนๆ ตอนนี้แม่แขของเธอรักลูกเขยมากคอยปกป้องเข้าข้างเขาทุกอย่าง ยิ่งเธอพยายามแกล้งเขามากเท่าไหร่เขาก็ไม่มีทีท่าจะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ว่าจะทำงานบ้านซักผ้ารีดผ้า เอาผ้าไปส่งลูกค้า ดูแลบ้านและทำสวนผักเล็กๆ ไว้รับประทานเองแมทธิวก็ทำได้ และทำหน้าที่ทุกอย่างที่เธอตั้งกฎไว้ได้ดีไม่มีที่ติซึ่งมันทำให้เธอหงุดหงิดประสาคนท้องที่อารมณ์แปรปรวนง่าย“เมียอยู่ที่ไหน ผัวก็อยู่ที่นั่นจ้ะ พราวไปนั่งสิจ๊ะ ยืนนานๆ เดี๋ยวก็เมื่อย ลูกเราจะเมื่อยด้วยนะครับ” นอกจากจะไม่สนใจความฉุนเฉียวเธอแล้วแมทธิวยังเจ้ากี้เจ้าการพาเธอมานั่งที่เก้าอี้หวายตัวใหญ่แสนสบายที่เขาซื้อให้เธอนั่งพักผ่อน พอเห็นเก้าอี้ตัวนี้พราวแสงแขก็นึกถึงที่มาของมันอย่างเสียไม่ได้และนึกดีใจที่เขามีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นเมื่อวันก่อนที่ไปฝากครรภ์เธอเดินผ่านร้านขายเก้าอี้หวายข้างทางเท้าก่อนถึงโรงพยาบาล ซึ่งคนขายเป็นตาแก่ๆ คนหนึ่งกับหลานชายตัวเล็กๆ มาช่วยกันขาย
ตอนที่55.“นายทำร้ายฉัน นายหลอกลวง ล่วงเกินฉันยังจะมีหน้าบอกรักฉันอีก ฉันจะฟ้องคุณพ่อ” หญิงสาวแสร้งขู่“เรื่องนั้นคุณหนูไม่ต้องห่วงครับ เพราะผมได้บอกคุณท่านเรื่องของเราแล้ว และคุณท่านก็บอกให้ผมมาขอคุณหนูแต่งงานด้วยตนเองหากคุณหนูตกลง ท่านจะจัดงานแต่งงานให้เรา”“อะไรนะ นี่นาย นายบอกคุณพ่อเหรอ” เมริสาตาโตด้วยความคาดไม่ถึง“ไม่แค่คุณพ่อของคุณหนูหรอกครับ คุณแม่คุณหนูก็รู้เรื่องของเราแล้ว”“หา อะไรนะ”“คุณหนูแต่งงานกับผมนะครับ แม้ผมจะต่ำต้อยแต่ผมรักคุณหนูมากนะครับ ผมสัญญาว่าผมจะดูแลคุณหนูให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายอย่างผมจะทำได้” หลุยส์กล่าวหนักแน่นจนเธอน้ำตาซึมและทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ตะ แต่ว่า เมรี่...”“ได้โปรดเถอะครับคุณหนู แต่งงานกับผมเถอะ ผมรักคุณหนูมานานแล้วและผมก็ไม่อยากจะเก็บความรักของผมไว้อย่างนี้อีกต่อไป”หลุยส์กล่าวพร้อมคุกเข่าต่อหน้าเธอ ทำให้เมริสาน้ำตาไหลพรากอย่างไม่อาจห้ามได้ ไม่นึกเลยว่าเธ
ตอนที่54.พูดจบพราวแสงแขก็เดินกระแทกไหล่เมริสาอย่างแรงจนร่างแบบบางของเมริสาเซถลาไปหลายก้าวซึ่งเมริสาก็ได้แต่มองตามหลังของพราวแสงแขไปอย่างเจ็บใจและไม่เข้าใจ“พี่แมท มันคืออะไร ที่พราวพูดน่ะ”“ก็ความจริงไงล่ะ”“ยังไงตอนไหนกัน พี่แมท นี่พี่กำลังเล่นตลกอะไร”“ไม่ได้เล่นตลกเมรี่ พราวคือเมียพี่และเมรี่ก็ควรให้เกียรติเมียพี่ด้วย”พูดจบแมทธิวก็เดินตามพราวแสงแขไปอีกคนปล่อยให้เมริสามองตามอย่างงุนงง ลืมเรื่องที่จะคุยกับพี่ชายและเมื่อเธอเห็นหลุยส์เดินมาเมริสาก็รีบเดินหลบไปทันที...แมทธิวรีบตามพราวแสงแขมาด้วยความร้อนรนเมื่อเห็นท่าทางของเธอเขากลัวว่าเขาจะเสียเธอไป ผู้ที่ไม่เคยอ่อนข้อให้ใคร ไม่เคยยอมแพ้กับเกมธุรกิจใด ไม่เคยสนใจกับสิ่งที่ไม่มีผลกำไรกับตนและให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนไหนนั้นตอนนี้ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวายและร้อนรุ่มเมื่อหัวใจของเขามันเต้นกระหน่ำเพียงเพราะผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เขาเคยปรามาสเธอไว้และเข้ามาเกี่
ตอนที่53.“พราวทำอะไรอยู่จ๊ะ”“พราวโทร. หาแม่ค่ะ แต่ทางโน้นไม่มีใครรับสายเลยทั้งที่ก่อนหน้านี้มีคนรับ”พราวแสงแขหันมามองเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวลแล้วเดินไปนั่งที่ม้านั่งตัวยาวใต้ต้นไม้ใหญ่ลืมเรื่องที่เคืองขุ่นเขาเมื่อคืนก่อนนี้ไปสิ้น เพราะตอนนี้เธอกำลังคิดถึงแม่มากอีก ทั้งวันนี้ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างรบกวนจิตใจจนอยากจะกลับบ้านเสียตอนนี้เลย“เอ่อ.. บางทีพยาบาลเขาอาจจะยุ่งๆ อยู่ก็ได้ เราไปกินของว่างกันก่อนดีไหม นี่ก็แดดร้อนแล้ว” แมทธิวเดินไปนั่งข้างๆ ชักชวนเธอด้วยน้ำเสียงและท่าทางเป็นกันเองซึ่งมันทำให้พราวแสงแขหันมามองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจระคนระแวง“ทำไมวันนี้ดูพี่แมทพูดดีกับพราวจัง ไม่กลัวว่าคนในบ้านพี่แมทจะสงสัยเราหรือคะ”“ก็.. ทำไมล่ะ ก็เราเป็นผัวเมียกันนี่นา”“เรื่องนี้มีแค่เรารู้กันสองคนไม่ใช่เหรอคะ แล้วพี่แมทสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับและจะหย่าให้พราวหลังจากที่แม่ของพราวกลับมา”คำพูดของเธอทำให้แ