พราวแสงแข มองหน้าผู้ชายที่เธอเคยคิดจะฝากชีวิตไว้ด้วยความรู้สึกเสียใจเจ็บปวดร้าวรานอย่างที่สุด... หลายๆ ความรู้สึกประเดประดังเข้ามาจนร่างบอบบางแทบจะยืนไม่อยู่ได้แต่มองดูคนที่เธอรักอย่างไม่อยากเชื่อตัวเองว่าพวกเขาทำกับเธอได้ถึงเพียงนี้ ในขณะที่แววตาของพวกเขาดูมีความสุขรื่นรมย์สมดังหวังแต่เธอกลับมีเพียงความชอกช้ำ...
วายุ กับ เมริสา กำลังจะแต่งงานกัน พวกเขาไปแอบรักกันแอบไปมีอะไรกันตอนไหน...
คำถามที่เธอไม่มีวันได้รู้คำตอบและไม่รู้ว่าเมื่อรู้แล้วมันจะทำให้อะไรๆ ในชีวิตเธอดีขึ้นกว่านี้ หรือไม่ เธอรู้แต่เพียงว่าวันนี้คือวันแต่งงานของพวกเขาและเธอก็ได้รับเชิญมาเป็นแขกผู้มีเกียรติอย่างเลือดเย็น..
“ขอให้มีความสุขมากๆ นะคะ...”
พราวแสงแขกล่าวเบาๆ เพียงเท่านั้นพยายามเก็บกลั้นความเจ็บปวด พร้อมกับถอดแหวนหมั้นคืนให้ผู้ชายใจโลเลอย่างเขาหลังจากคำอวยพร ก่อนเดินจากมาเงียบๆ ส่วนหญิงชายที่เรียกได้ว่าเป็นเหมือนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนั้นยืนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข โดยไม่สนใจว่าได้ทำร้ายจิตใจคนคนหนึ่งอย่างเลือดเย็น...
“ไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าพราวจะยอมให้เราง่ายๆ แบบนี้ แต่ไม่รู้ว่ามีแผนจะทำลายงานแต่งงานเรารึเปล่า...”
ไม่วายที่ เมริสา เจ้าสาวแสนสวยจะเอ่ยออกมาอย่างหวั่นระแวงแม้ว่าจะโล่งใจที่สามารถกำจัดมารหัวใจออกไปได้อย่างง่ายดายกว่าที่คิด สำหรับเธอไม่ว่าคุณหนูผู้แสนจะเพียบพร้อมอย่างเธอต้องการอะไรไม่มีที่จะไม่ได้ อย่างวายุนี่อย่างไรล่ะ เธอชอบเขาและเฝ้ามองเขาในฐานะคู่หมั้นของเพื่อนรักมานานจนความรักมันแน่นอกและเธอทนไม่ได้อีกต่อไป จึงต้องช่วงชิงเขามาโดยไม่สนใจว่าเพื่อนรักของเธอจะเจ็บปวดแค่ไหน เธอยอมลดตัวมาคบกับพราวแสงแขตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็นับว่าเป็นบุญของคนต่ำต้อยเช่นพราวแสงแขแล้วหญิงสาวมองผู้ที่เดินจากไปด้วยแววตาเยาะหยันและทระนงตนว่าเหนือกว่า
สำหรับเธอ เมริสา จิระวัฒนา มาเวลส์ หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีลูกครึ่งไทย ฝรั่งเศส คุณหนูตระกูลดังบุตรสาวเจ้าของร้านเพชรและอัญมณีระดับโลก รวมไปถึงธุรกิจเกี่ยวกับแฟชั่นต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งมีบิดาเป็นชาวฝรั่งเศสที่มีเชื้อมีสายสูงศักดิ์ อีกทั้งครอบครัวของมารดาในเมืองไทยก็เป็นผู้ดีเก่า รูปร่างแบบบางและใบหน้าสวยหวานประดับด้วยดวงตากลมโตสีมรกตนั้นโดดเด่นต้องตาต้องใจ ความงามที่ผสมผสานระหว่างไทยกับฝรั่งเศสจึงทำให้เธอเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติทรัพย์สมบัติที่ชายหนุ่มต่างหมายปองโดยเฉพาะวายุผู้ที่ได้เป็นสามีของเธออย่างที่เธอต้องการ
“อย่าคิดมากน่าที่รัก พราวไม่มีวันทำอย่างนั้นหรอกเชื่อพี่สิจ๊ะ”
วายุหันมาออดอ้อนเอาใจเจ้าสาวคนสวยด้วยท่าทางที่แสดงออกว่ารักเธอมากมาย แน่นอนว่าการเป็นเขยเจ้าของร้านเพชร ย่อมดีกว่าเป็นเขยร้านซักรีดกระจอกๆ ที่อดีตเคยเป็นนางเอกลิเกเก่าแน่นอน พราวแสงแขก็แค่ลูกนางเอกลิเกเก่าที่สวมเครื่องเพชรเก๊ๆ พราวระยับยามขึ้นแสดง ไหนเลยจะสู้เมริสาที่เป็นถึงทายาทนักธุรกิจชื่อดังและยังเป็นเจ้าของร้านเพชรอันลือชื่อซึ่งมีมูลค่ามหาศาลและยังจะทำให้เขาดูมีสง่าราศีตามไปด้วยซึ่งเรื่องนี้เมริสาจะไม่มีวันได้รู้หรอกว่าผู้เป็นสามีนั้นเห็นเธอเป็นเพียงสะพานที่จำทำให้เขาก้าวไปอยู่ในสังคมระดับแนวหน้าของประเทศ
“ลองพราวมาทำลายงานแต่งงานของเราดูสิคะ เมรี่ไม่ปล่อยไว้แน่ๆ พี่วายุเองก็เหมือนกันนะคะ หากคิดนอกใจเมรี่กลับไปหานางพราว เมรี่เอาตายแน่”
เมริสากล่าวเสียงเย็นมองสามีหมาดๆ ด้วยแววตาแข็งกร้าวจริงจัง ความอ่อนโยนในดวงตากลมโตหายไป แต่วายุไม่มีเวลาสนใจในเมื่อเขากำลังจะได้เป็นสามีของเธอผู้หญิงที่ทั้งสวยและร่ำรวยมหาศาลดังที่ปรารถนา...
“เราไปถ่ายรูปกับเพื่อนๆ เมรี่กันดีกว่านะจ๊ะ อย่าไปสนใจพราวเลย ตอนนี้พี่รักเมรี่ พี่เป็นของเมรี่คนเดียว...” ชายหนุ่มเอ่ยออดอ้อนเบี่ยงเบนความสนใจของเมริสาที่ยิ้มอย่างยินดีเมื่อได้ยินคำหวานหู...
ในขณะเดียวกันหญิงสาวผู้พ่ายรักเดินออกมาจากห้องจัดงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ด้วยน้ำตานองหน้าจนไม่เห็นว่ามีใครเดินสวนทางมาเธอจึงชนเขาเข้าเต็มแรงจนร่างบอบบางราวจะแตกเปราะนั้นเซถลาไปหลายก้าวและเกือบจะล้มลงหากว่าแขนเรียวที่พยายามไขว่คว้าหลักยึดนั้นถูกดึงไว้ด้วยมือแข็งแรงของใครคนหนึ่งที่รั้งเธอไว้ไม่ให้ล้มคว่ำลงไปกองกับพื้น
“เดินระวังหน่อยสิ...”
เสียงเข้มๆ นั้นฟังดูหงุดหงิดฉุนเฉียวในขณะที่หญิงสาวยังคงน้ำตานองหน้าไม่มีอารมณ์พูดอะไรทั้งสิ้น แม้แต่จะขอบคุณเขาเธอก็ไม่มีแก่ใจจะกล่าวออกไป พราวแสงแขจึงสะบัดข้อมือออกจากมือแกร่งแล้วเดินแกมวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วทำให้คนที่ให้ความช่วยเหลือเธอเมื่อครู่ได้แต่มองตามไปอย่างไม่พอใจระคนแปลกใจทั้งยังรู้สึกใจแกว่งๆ กับน้ำตาบนแก้มขาวซีดของเจ้าหล่อนอย่างน่าประหลาดใจ แต่ความขัดเคืองเจ้าหล่อนมีมากกว่าจึงทำให้เขาสลัดความคิดนั้นไป...
“เด็กบ้าเอ๊ย... จะขอบคุณสักคำก็ไม่มี...” ชายหนุ่มสบถเบาๆ กับตัวเองแล้วเดินเข้าไปในงานแต่งงานอันเลิศหรู...
ตอนที่2.นางแขไขมองดูบุตรสาวที่เอาแต่นั่งเหม่อลอยอยู่ริมคลองด้วยความสงสารและหนักใจ เพราะพราวแสงแขไม่ยิ้มหัวไม่พูดกับใครมาหลายวัน กินข้าวก็น้อยราวแมวดมร่างระหงของเธอดูผอมบางลงไปอีกเท่าตัวร่างที่เล็กอยู่แล้ว ยิ่งดูเล็กบอบบางราวจะแตกหักได้ง่ายๆ “พราว มากินหน่อยเถอะลูก...” แขไขเดินมาแตะบ่าบอบบางของบุตรสาวเบาๆ ด้วยความอาทร“พราวยังไม่หิวค่ะ แม่ทานก่อนเถอะ”“พราวไม่กินข้าวมาทั้งวันแล้วนะลูก อย่าทำแบบนี้ แม่เป็นห่วงรู้มั้ย แม่มีลูกคนเดียวหากลูกเป็นอะไรไปแม่จะอยู่อย่างไรล่ะลูก...” คำพูดของมารดาทำให้หญิงสาวที่เอาแต่ซึมเศร้าหันมามองมารดาด้วยความรู้สึกผิด“พราวขอโทษค่ะแม่ พราวเป็นลูกที่ไม่เอาไหนเลย พราวไม่ดีที่ทำให้แม่เป็นห่วงทำให้แม่ต้องเสียใจ” “ไม่เลยจ้ะลูก พราวเป็นเด็กดีของแม่เสมอ และพราวไม่เคยทำให้แม่เสียใจเลยสักครั้ง แม่แค่เป็นห่วงลูกเท่านั้น แต่หากลูกของแม่จะเสียใจเพราะผู้ชายห่วยๆ เพียงคนเดียวจนทำร้ายตัวเองแบบนี้อีก แม่จะเสียใจมากรู้มั้ยลูก...” ผู้เป็นแม่กล่าวเบาๆ ลูบแผ่นหลังบางที่สั่นสะท้านขึ้นลงเพราะแรงสะอื้นด้วยความรักที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย“พราวไม่ได้เสียใจเพราะพี่วายุทิ้งพราวหรอกค่ะ
ตอนที่3.“ไอ้เสือกลับไปแล้วสินะคุณ...”คุณมาร์ค โรดิเกรซ สามีคู่ยากในวัยหกเศษเดินเข้ามาโอบเอวของภรรยาคู่ชีวิตไว้อย่างแสนรักแล้วก้มลงหอมแก้มนุ่มแม้เหี่ยวย่นไปตามวัยด้วยความรักไม่เสื่อมคลาย“ค่ะ น้องอยากให้ตาแมทอยู่กับเรานานๆ จัง แต่ก็เข้าใจว่าลูกงานยุ่ง”“เคลียร์งานคราวนี้เสร็จผมก็ว่าจะให้แมทพักบ้าง รู้สึกจะบ้างานเกินไปแล้วดูสิ ยังไม่มีเวลาหาเมียเลย เมื่อไหร่เราจะได้อุ้มหลานกันเสียทีล่ะคุณ”“นั่นสิคะ น้องมีลูกสาวเพื่อนๆ หลายคนเลยค่ะ ที่อยากจะแนะนำให้ตาแมทได้รู้จัก เผื่อจะถูกใจใครสักคนบ้าง แต่น้องก็ไม่ได้บังคับหรอกนะคะว่าเขาจะต้องรักต้องชอบลูกสาวเพื่อนของน้อง ขอแค่ลูกรักเราก็พร้อมจะรักด้วยแค่นั้นเอง”“แต่บางคนคุณก็ไม่อยากรักใช่มั้ยล่ะ”คุณมาร์คเย้าภรรยายิ้มๆ เพราะรู้ดีว่าภรรยานั้นรู้สึกอย่างไรกับลูกเขยหมาดๆ ที่ชื่อวายุคนนั้น เขาเองก็ยังรู้สึกไม่ถูกชะตากับชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าลูกเขยนัก แต่ก็เพราะรักลูกสาวของตนจึงยอมให้มีงานแต่งงานนี้เกิดขึ้น คุณมาลินีซบหน้าลงกับอกกว้างของสามีอย่างอ่อนล้าดวงตาของผู้ที่ผ่านโลกมามากเหม่อมองไปยังท้องฟ้าที่ทะมึนดำด้วยเมฆฝนอย่างรู้สึกหนักอึ้งในใจสี่เดือนผ่านไ
ตอนที่4.หลายวันต่อมาที่เมริสาเริ่มหงุดหงิดที่วายุออกจากบ้านบ่อยเกินไป คืนนี้เธอนั่งรอสามีคนเก่งของตนกลับบ้านด้วยความกระวนกระวายใจเมื่อมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาตั้งโต๊ะห้องโถงชั้นล่างก็พบว่ามันเกือบจะตีหนึ่งแล้ว...“ไปไหนของเขานะทำไมป่านนี้ยังไม่กลับ”หญิงสาวเดินอุ้ยอ้ายไปมาชะเง้อมองทางแต่ไม่มีวี่แววว่าวายุกลับมาเสียทีจนในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวจึงขึ้นไปนอนก่อน โดยไม่รู้เลยว่าในขณะที่ตนรอคอยวายุกลับนั้นเขากำลังระเริงสวาทอยู่กับสาวน้อยนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งที่เขาแอบคบหาอุปการะเป็นเสี่ยเจ้าบุญทุ่มอยู่ คุณมาลินีเฝ้ามองความกระวานกระวายของบุตรสาวอย่างไม่สบายใจในขณะที่หลุยส์เดินมาหานางอย่างรู้งานหลังจากที่เมริสาขึ้นห้องไปแล้ว“ได้อะไรมาบ้าง...” นางหันมาถาม หลุยส์ เซราโน่ คนสนิทของแมทธิวซึ่งอยู่ที่นี่เพื่อดูแลนางกับครอบครัวตอนที่แมทธิวไม่อยู่ หลุยส์นั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับแมทธิวและมีบุคลิกที่คล้ายกันหลายอย่างซึ่งอาจะเป็นเพราะเขาเติบโตมาพร้อมกับแมทธิวก็เป็นได้ แต่หลุยส์จะค่อนข้างไปทางเงียบขรึมและพูดน้อยกว่าแมทธิว จนบางครั้งใครๆ ต่างก็พูดว่าแมทธิวมีมือขวาเป็นซอมบี้หรือผีดิบ แต่คุณม