Share

ตอนที่3.

ตอนที่3.

“ขอบคุณนะคะพี่ลิลลี่ที่มาช่วยชีวิตปราง”

“แหม.. ช่วยชีวิตเลยหรือน้องหนูปรางขา ฮิฮิ”

วัชรินทร์ปิดปากหัวเราะอย่างขบขันที่สามารถทำให้คู่ปรับอย่างพัชดาหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้ เขาหมั่นไส้ยายพัชดาตั้งแต่เข้ามาทำงานแล้ว เขาไม่เคยเห็นพัชดาทำงานเป็นชิ้นเป็นอันส่วนใหญ่จะสั่งให้คนโน้นคนนี้ทำเสียมากกว่า แต่เวลาที่รายงานนายใหญ่ คนที่ได้ผลงานได้หน้าก็จะเป็นตัวพัชดาเอง ซึ่งการทำงานกับคนเช่นนี้เป็นสิ่งที่น่าเบื่อและไม่ค่อยมีความสุขนัก แต่ที่เขาทำงานที่นี่ได้นานเพราะเจ้าของโรงแรมนี้เป็นอดีตดาราหนุ่มที่เขาชื่นชอบ เงินดี ที่พักอาหารก็ฟรี เงินเดือนก็เยอะ ทนๆ เอาหน่อยให้ผ่านไปแต่ละเดือนก็อยู่ได้สบายๆ ชายใจสาวคิดอย่างชื่นมื่นขณะถ่ายเอกสารให้สาวน้อยฝึกงานช่วยเย็บเอกสารเข้าชุดให้

“วันนี้แม่ของปรางเข้าโรงพยาบาลอีกแล้วค่ะเลยทำให้มาสาย”

“จ้า ไม่เป็นไรแล้วแม่เราเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”

“ก็อาการทรงๆ อยู่ค่ะ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ หายไม่ขาดเสียทีตอนนี้ก็รอผ่าตัดค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...” เฌอปรางพูดหงอยๆ

“ขอให้คุณแม่น้องหนูปรางหายไวๆ นะจ๊ะ” ทั้งสองคุยกันไปขณะที่มือก็ทำงานไปด้วย

“ขอบคุณค่ะพี่ลิลลี่” 

“เนี่ย วันนี้คุณนิโคลัสจะมาล่ะ พี่ล่ะค้อย คอย ให้ถึงวันประชุมใหญ่ทุกสามเดือน คุณนิโคลัสยังหล่อเหลามาดเข้มเหมือนเดิมไม่มีผิดคนอะไรไม่รู้ เป็นดาราก็ล้อหล่อดังระเบิด เป็นนักธุรกิจก็คมเข้มเฉียบขาดบริการจัดการได้ดีเยี่ยมสมกับตำแหน่งนักธุรกิจสายเลือดใหม่ที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย หล่อเหลา ครบสูตร พี่ล่ะอิจฉาคุณลูกศรจังเล้ย” แล้วพี่ลิลลี่ก็เปลี่ยนเรื่องคุยมาที่เรื่องที่เขาสนใจที่สุดในตอนนี้ 

“ดูท่าทางพี่ลิลลี่ปลื้มคุณนิโคลัสมากนะคะ” เฌอปรางมองวัชรินทร์ยิ้มๆ พลอยรู้สึกปลื้มไปกับเขาด้วยเมื่อพี่ลิลลี่ร่ายยาวเหยียดบรรยายสรรพคุณของอดีตดาราหนุ่มหล่อชื่อดัง

เฌอปรางจำได้ดีว่าเมื่อเจ็ดปีก่อนตอนนั้น เธอยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นอยู่เลย ดาราหนุ่มนามว่านิโคลัสก็โด่งดังมากเพื่อนๆ ในโรงเรียนต่างชื่นชอบถึงขั้นคลั่งไคล้เขา เพื่อนคนไหนที่มีฐานะดีหน่อยก็จะได้ไปดูภาพยนตร์ที่เขาแสดง ซื้อแผ่นซีดีเพลงประกอบละครที่เขาร้อง ตลอดจนมีรูปของเขาในอิริยาบถต่างๆ มาอวดกัน ใครมีมากก็ถือว่าคนนั้นแฟนตัวจริง ใครรู้เรื่องเขามากหน่อยก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ นิโคลัสเป็นอะไรที่น่าหลงใหลน่าคลั่งไคล้เพราะความหล่อเหลาบวกกับฝีมือในการแสดงทำให้เขาเป็นพระเอกยอดนิยมที่มีค่าตัวแพงที่สุดในวงการบันเทิงของเมืองไทยเลยทีเดียว ไหนจะมีฐานะที่ร่ำรวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยังมีกิจการมากมายที่สืบทอดจากบิดาชาวแอฟริกาใต้ และมารดาซึ่งเป็นไฮโซลูกผู้ดีมีสกุล ทำให้เขามักมีข่าวคาวๆ กับดารานางแบบอยู่เสมอ ก็อย่างว่าล่ะ หล่อรวยแถมยังเป็นดาราดังใครเป็นข่าวกับเขาก็พลอยดังไปด้วยเหมือนว่าเกาะกระแสดังก็อาจจะเรียกเช่นนั้นได้

แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็ประกาศลาวงการบันเทิงและหมั้นหมายกับสาวสวยไฮโซตระกูลดัง ทั้งสองเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก เมื่อนิโคลัสประกาศหมั้นเพื่อนๆ ของเธอถึงกับพากันร้องไห้ราวจะเป็นจะตายกันเป็นแถว กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่เป็นอาทิตย์ๆ เลยทีเดียว ส่วนเธอนั้นก็ได้แต่แอบขบขันอยู่เงียบๆ และแอบชื่นชมเขาห่างๆ ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยไปกว่านั้นเพราะรู้ตัวดีว่าไม่ทีทางที่เธอกับเขาจะได้พบเจอหรือได้อยู่ในวงสังคมเดียวกับเขาแน่นอน...

“ก็ใช่สิยะ คุณนิโคลัสน่ะ ถึงจะเจ้าระเบียบเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้วยามมาตรวจงานที่นี่ แต่ทุกครั้งที่มาก็จะให้โบนัสและยังจัดเลี้ยงให้กำลังใจเรา ให้คนทำงานอย่างเราๆ สนุกสนานชื่นบานอุราคลายความเคร่งเครียดนะจ๊ะ” 

“ดีจัง ครั้งนี้ปรางก็ต้องได้ร่วมงานนี้ด้วยสิ ใช่ไหมคะ” เฌอปรางตาวาวด้วยความตื่นเต้น

“ใช่เลยจ้าแม่หนูน้อย คืนวันนั้นรับรองน้องหนูปรางจะสวยเจิดจรัสจนคนในรีสอร์ตสุดหรูอลังการแห่งนี้ตะลึงไปเลย” พี่ลิลลี่วาดแขนออกข้างๆ ทำท่าราวจะเต้นรำขณะพูดทำให้เฌอปรางหัวเราะกับท่าทางของเขาและขันคำพูดที่ว่าเธอจะสวยที่สุด เธอนี่นะสวย มันห่างไกลความเป็นจริงมาก...

“ปรางนี่เหรอคะจะสวยได้ แหม.. เกรงว่าพี่ลิลลี่จะผิดหวัง”

“นี่น้องหนูปรางขาอย่าดูถูกตัวเองเป็นอันขาด ม่ายเอา ไม่พูด รู้ตัวรึเปล่าว่าตัวเองน่ะเป็นคนสวย...”

วัชรินทร์หยุดพูดแล้วมองพิจารณาสาวน้อยอย่างละเอียดลออ ใบหน้าเรียวรูปไข่นั้นสะอาดหมดจดคิ้วเรียวสวยได้รูปโดยไม่ต้องขีดเขียน ดวงตากลมโตนั้นดำสนิทแวววาวสุกใส จมูกเล็กๆ โด่งพองาม ริมฝีปากอวบอิ่มค่อนข้างหนาและกว้าง แต่หากดูดีๆ แล้วสาวน้อยคนนี้มีริมฝีปากที่เซ็กซี่มากทีเดียว แต่ดูเหมือนเจ้าตัวไม่ค่อยชอบมันนักเพราะเคยเปรยบ่อยๆ ว่าตัวเองปากว้างปากหนาน่าเกลียด หากสาวน้อยคนนี้จะมองการณ์ไกลดูดาราต่างประเทศเยอะๆ จะพบว่าดาราฮอลลีวูดที่ค่าตัวแพงที่สุดก็เป็นสาวปากอวบอิ่มน่าจุมพิต น่าหลงใหล แต่เฌอปรางมีริมฝีปากแบบนั้นโดยไม่ต้องฉีดเติมเสริมศัลยกรรมให้อวบอิ่มน่าจูบแบบดาราสาวๆ ที่แอบไปทำศัลยกรรมเพื่อให้ได้ริมฝีปากแบบที่เธอมี และที่สำคัญวัชรินทร์ชอบสาวน้อยคนนี้...

เฌอปรางเป็นเด็กนิสัยดี น่ารักมีสัมมาคารวะ ซึ่งหายากมากกับเด็กรุ่นใหม่ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีรุดหน้าแต่จิตใจคนล้าหลัง ซ้ำเฌอปรางเป็นคนที่มีความกตัญญูเป็นที่สุด เธอดูแลมารดาที่ป่วยออดแอด และทำแกงถุงขายในตลาดตอนเย็นและยังเลี้ยงดูหลานวัยเรียนอีกสองคน นับว่าเฌอปรางมีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เกินคนในวัยเดียวกันมากทีเดียว

“คอยดูละกัน ว่าน้องหนูปรางของพี่ลิลลี่จะสวยสมกับคำการันตีของพี่ไหม” วัชรินทร์ยิ้มอย่างหมายมั่นว่าจะต้องทำให้เฌอปรางสวยจนทุกคนตะลึงทั้งงาน...

“เสร็จแล้วค่ะ จะเอาไปไว้ในห้องประชุมเลยรึเปล่าคะพี่ลิลลี่” เฌอปรางถามเมื่อเธอจัดการจัดเอกสารการประชุมเรียบร้อยแล้ว พลางจัดใส่กล่องกระดาษไว้พร้อมจะนำเข้าห้องประชุม

“จ้าน้องหนูปรางเอาไปไว้ที่ห้องประชุมเลยจ้ะ แล้วก็จัดเอกสารไว้ที่โต๊ะผู้เข้าร่วมประชุมคนละหนึ่งชุด จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้ให้เรียบร้อยเลยจ้ะ เดี๋ยวพี่ตามไป”

“ค่ะ” เธอรับคำพร้อมกับยกกล่องเอกสารเดินไปยังห้องประชุมโอ่อ่า ที่สามารถบรรจุคนได้ถึงห้าพันคนและมีห้องประชุมเล็กแยกย่อยไปตามความต้องการของผู้มาใช้สถานที่จัดการประชุมสัมมนาอีกเป็นร้อยห้อง ที่นี่เป็นรีสอร์ตที่ใหญ่มาก มีเนื้อที่เป็นพันไร่ซึ่งถูกใช้สอยเป็นพื้นที่ของรีสอร์ต หอพักพนักงาน และสวนผลไม้ ซึ่งผลผลิตจากสวนก็ใช้เสิร์ฟในรีสอร์ตที่นี่และโรงแรมในเครือของฟ็อกซ์กรุ๊ป บรรดานักธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศก็มาใช้บริการมากที่สุดชื่อเสียงของรีสอร์ตก็ติดอันดับโลกเลยทีเดียว

เฌอปรางเดินอย่างคล่องแคล่วไปยังห้องประชุมใหญ่ซึ่งหลังจากประชุมสัมมนาและประเมินผลงานของพนักงานแล้ว ในคืนนี้ก็จะจัดงานเลี้ยงสังสรรค์เพื่อขอบคุณพนักงานที่ปฏิบัติอย่างดีรวมถึงมีการมอบรางวัลพนักงานดีเด่นด้วย

หลังจากที่จัดวางเอกสารเสร็จแล้วเธอก็เดินออกจากห้องประชุมแต่ในขณะที่เดินไปตามทางปูกระเบื้องลายสวยมีซุ้มโค้งปลูกประดับด้วยดอกไม้เลื้อยทั้งอัญชัน มธุรดาและบานบุรีที่ออกดอกสะพรั่งสีเหลือง ม่วง ส้มแดงสร้างสีสันให้ทางเดินมีชีวิตชีวาร่มรื่นเย็นสบาย

“สวัสดีเฌอปราง...” เสียงห้าวค่อนไปทางแหบพร่าเอ่ยขึ้นทำให้เท้าเรียวชะงักกึก 

“คุณราเชนทร์...”

“สบายดีไหมปราง”

“ค่ะ คุณราเชนทร์มีอะไรคะ ถึงมาพบปรางถึงที่นี่” เธอถามเพราะที่นี่ค่อนข้างไกลจากกรุงเทพฯ มาก อดตื่นเต้นไม่ได้ที่เขามาเยี่ยมและแปลกใจกับการแต่งตัวของเขาซึ่งดูเหมือนการปลอมตัว เหมือนกับในภาพยนตร์ที่เธอเคยดู ราเชนทร์ไม่ได้แต่งสูทผูกไทอย่างที่เธอเคยเห็นซึ่งชายหนุ่มมักจะอยู่ในชุดที่เรียบหรูดูดีเสมอแม้อยู่ในชุดลำลอง แต่วันนี้เขากลับแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีทึมๆ กางเกงยีนเก่าปอนสวมเสื้อยืดสีน้ำตาลและสวมแจ็กเกตยีนสีเดียวกันกับกางเกง รองเท้าผ้าใบแม้จะดูใหม่และบ่งบอกถึงราคาแพงลิบแต่เธอไม่เคยเห็นเขามาปรากฏตัวต่อหน้าเธอด้วยสภาพเช่นนี้

“ฉันมีงานจะขอร้องให้เธอทำนิดหน่อย... ตามมานี่สิ”

“แต่ว่าปรางยังทำงานอยู่ค่ะ ปรางกลัวคุณพัชดาจะว่าเอา เธอดุมากโดยเฉพาะกับปราง”

“ไม่ต้องห่วง วันนี้ผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางดุด่าเธอหรอกฉันรับรองได้ ตามฉันมา...”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status