Share

ตอนที่4.

ตอนที่4.

เฌอปรางเดินกลับเข้ามาในแผนกบัญชีด้วยสีหน้าเครียดจัด ใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอนั้นไร้รอยยิ้มดวงตากลมโตดูขุ่นมัวเพราะเจ้าตัวกำลังคร่ำเคร่งคิดอะไรบางอย่าง

“น้องหนูปราง... ปราง!”

“อุ้ย... โอย ปรางตกใจหมดเลยค่ะพี่ลิลลี่” เฌอปรางอุทานอย่างตกใจเมื่อพี่ลิลลี่เอื้อมมือมาแตะบ่าเธอพร้อมกับเรียกเสียงดัง 

“เป็นอะไร หน้าตาไม่ดีเลย”

“ปละ เปล่าค่ะ แค่รู้สึกเหนื่อย วันนี้งานเยอะเหลือเกิน”

“จ้ะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้วคืนพรุ่งนี้เราก็จะได้สนุกกันสุดเหวี่ยง” พี่ลิลลี่ บอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพลางนึกถึงงานในคืนวันพรุ่งนี้ที่จะต้องสนุกสนานแน่นอน ในขณะที่เฌอปรางหน้าจืดเจื่อนไม่รู้สึกสนุกเลยสักนิด เพราะหลังจากพรุ่งนี้ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปตลอดกาลไม่ว่าผลมันจะออกมาแบบไหน...

“อาปรางกลับมาแล้ว พวกเราเตรียมของเสร็จแล้วครับ” น้องปิง หรือเด็กชายปริวัตร วัยสิบสองเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกกะละมังผักที่ล้างและหั่นเรียบร้อยแล้วไปตั้งบนโต๊ะทำกับข้าวในครัวเล็กๆ โดยมีกับ น้องปาน หรือเด็กหญิง ปานรวี วัยสิบขวบกำลังล้างจานอยู่ หลานชายและหลานสาวของเธอเป็นลูกๆ ของ พี่ปั่น หรือ ประวิช พี่ชายซึ่งไปทำงานอยู่ที่ประเทศแถวตะวันออกกลางตั้งแต่สี่ปีที่แล้วโดยพาลูกๆ มาฝากเธอกับ นางปิ่น ผู้เป็นมารดาให้ช่วยเลี้ยงให้และให้เงินไว้ใช้จ่ายจำนวนหนึ่งแต่ก็ไม่มากพอจะส่งเสียให้เด็กๆ เรียนในระดับที่สูงกว่าชั้นประถมศึกษาเป็นแน่ ซึ่งเงินก้อนนั้นมันก็หมดไปตั้งแต่เปิดเทอมปีแรกที่หลานๆ มาอยู่กับเธอ และหลังจากนั้นพี่ชายของเธอก็ขาดการติดต่อ ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ถามบริษัทที่ส่งตัวพี่ชายไปทำงานก็เงียบไม่มีคำตอบที่กระจ่างให้ ทำให้เธอกับมารดาคิดปลงไปว่าพี่ปั่นอาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็เป็นเพราะช่วงนั้นแถบตะวันออกกลางก็มีสงครามกลางเมืองและเกิดจลาจลบ่อยๆ เธอเฝ้าคอยดูรายชื่อคนที่ทางรัฐบาลช่วยเหลือให้กลับบ้าน แต่ก็ไม่มีรายชื่อพี่ชายของตนเลยสักครั้ง 

เฌอปรางยิ้มให้หลานๆ แล้วรีบทำกับข้าวเพื่อไปขายในตลอดตอนเย็นซึ่งหลานๆ ได้เตรียมหั่นผักและเนื้อหมู เนื้อไก่พร้อมกับเครื่องปรุงต่างๆ ไว้แล้ว เธอแค่มาทำให้เสร็จเท่านั้น ก่อนจะไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ที่รีสอร์ตตอนสองทุ่ม

เธอต้องวางเรื่องราวทุกข์ใจไว้ชั่วขณะเพราะคิดมากไปก็ไม่สามารถทำอะไรให้มันดีขึ้น เฌอปรางคิดในใจ

เมื่อวานนี้เธอเหนื่อยกับกองเอกสารที่ถูกเจ้านายใหญ่ขอดูย้อนหลัง เพื่อประเมินการทำงานของพนักงานทุกแผนก ซึ่งแผนกบัญชีดูจะเป็นพนักแผนกที่เหนื่อยที่สุด โดยเฉพาะพัชดานั้นดูกังวลและเครียดกว่าใครๆ งานสำคัญๆ พัชดาจะดูแลจัดการเองวันนี้ใครก็เข้าหน้าเธอไม่ติดพากันหลบพายุอารมณ์ของพัชดากันหมดด้วยการไปรอรับเจ้านายสุดหล่อที่มาพร้อมคณะผู้บริหารจากโรงแรมทุกสาขาของเขารวมไปถึงหัวหน้าแผนกจากทุกบริษัทเครือข่ายของฟ็อกซ์ กรุ๊ป ที่มีจำนวนเกือบพันคน พนักงานหลายร้อยคนในรีสอร์ตต่างก็ทำงานกันตัวเป็นเกลียว อีกส่วนหนึ่งก็ต้องมาประจำอยู่ที่แผนกเพื่อจัดหาเอกสาร ทำงานแทนคนที่เข้าร่วมประชุม เรียกได้ว่าวันนี้เหนื่อยกว่าทุกวัน

เธอก็ไม่มีโอกาสเห็นหน้าเจ้านายใหญ่อดีตดาราดังเลยแม้แต่เส้นผมเพราะขลุกอยู่กับพัชดาและพนักงานอีกสิบเก้าคนในแผนกช่วยกันจัดการเรื่องเอกสารย้อนหลัง ซึ่งเธอก็มีหน้าที่ถ่ายเอกสาร เย็บเล่มค้นหาเอกสารเก่าๆ จากตู้เอกสารหลังใหญ่ ทำอยู่อย่างนี้ทั้งวันจนหัวหมุน ทำให้เธอสงสัยว่าทำไมต้องวุ่นวายกับเอกสารกันถึงเพียงนี้ หากมีการจัดเก็บเป็นระบบก็คงไม่เหนื่อยกันทั้งแผนก และเธอรู้สึกว่าพัชดาจงใจให้เป็นแบบนั้น หรือเธออาจจะคิดไปเอง สาวน้อยสะบัดศีรษะเบาๆ อย่างสลัดความฟุ้งซ่านออกไป แล้วรีบจัดการทำงานตรงหน้าเสร็จโดยเร็วดีที่ว่าเธอจะเลิกงานตอนบ่ายสองทำให้มีเวลากลับมาทำอาหารได้ทัน แต่ถึงแม้จะมีเวลาแค่ชั่วโมงเดียวกับข้าวทุกอยางก็สามารถทำเสร็จทันไปขายเพราะหลานๆ จะเตรียมทุกอย่างไว้จนพร้อมแล้วนั่นเอง

“วันนี้อาปรางจะไปงานเลี้ยงไม่ใช่หรือคะ แบบนี้ก็ไม่มีเวลาแต่งตัวสวยสิคะ อย่าเครียดเลยค่า” น้องปานถามอาสาวอย่างใคร่รู้ พิจารณาผู้เป็นอาอย่างเอาจริงเอาจังก็เห็นว่าอาสาวทำหน้าเคร่งเครียดกว่าทุกวัน

“นั่นสิครับอาปราง น่าจะให้พวกเราทำกันเอง ปิงน่ะทำกับข้าวได้หลายอย่างแล้วนะครับ วันนี้อาต้นหลิวก็จะมาช่วยเราขายกับข้าวด้วย” เด็กชายกล่าวถึง พี่ต้นหลิว หรือ สุรัตนา เพื่อนรักของเฌอปรางนั่นเอง

“ไม่เป็นไรจ้า อาไปทันถ้าต้นหลิวมาก็ดีสิ จะได้ซิ่งมอเตอร์ไซค์อีแก่ไปส่งอาได้ทันเวลา”

“มาแล้วจ้า ใครน้า บ่นถึงอาต้นหลิว”

เสียงใสๆ ของต้นหลิวดังขึ้นพร้อมกับร่างอวบอิ่มขาวผ่อง เรือนร่างสาวน้อยวัยยี่สิบในแบบที่เรียกว่าเนื้อนมไข่เยื้องกรายเข้ามาในครัวเล็กๆ นั้นอย่างคุ้นเคย ใบหน้าขาวอมชมพูกับดวงตาเรียวเล็กตามแบบสาวไทยเชื้อสายจีนนั้นแวววาวเปล่งประกายเช่นคนอารมณ์ดี ทำให้ต้นหลิวดูน่ารักสดใส

ต้นหลิวเป็นบุตรสาวของ เฮียหมิง กับเจ๊หยก เจ้าของร้านขายส่งสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอและไม่มีใครไม่รู้จักเธอ แต่อัธยาศัยของคนในครอบนี้จะเป็นคนเรียบง่ายไม่ถือตัวว่าร่ำรวย ครอบครัวของต้นหลิวมักจะชอบทำบุญทำทานและบริจาคเงินทุนการศึกษาให้เด็กเรียนดีแต่ยากจนในโรงเรียนประจำอำเภอในทุกๆ วันเด็กหรืองานกิจกรรมต่างๆ ที่สำคัญของทางโรงเรียนอีกด้วย

“แหม.. ยังกับรู้ว่ามีคนบ่นถึง” เฌอปรางพูดยิ้มๆ 

“อย่างว่าล่ะหลิวน่ะมีญาณวิเศษ หยั่งรู้ได้ว่าใครบ่นถึงหรือนินทา อิอิ”

“เอาล่ะมาแล้วก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์ หยิบกะทิให้ที” เฌอปรางถือโอกาสใช้เพื่อนรัก และต้นหลิวก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ สองสาวช่วยกันทำกับข้าวจนเสร็จห้าอย่าง มีกับข้าวพื้นๆ คือพะโล้ พะแนงไก่ ต้มจืดมะระหมูสับ ต้มยำกระดูกหมูและผัดผักรวมกุ้งสด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status