นิโคลัส ฟ็อกซ์ มองหนังสือพิมพ์ในมือย่างเย็นชา ร่างสูงถึงร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตรยืนขึ้นเต็มความสูงเหยียดยิ้มให้กับหนังสือพิมพ์เหล่านั้นอย่างไม่ใยดี นักข่าวพยายามเหลือเกินที่จะเขียนข่าวของเขาทั้งในแง่ดีและแง่ลบ แต่ส่วนใหญ่น่าจะเป็นข่าวในแง่ลบมากกว่า เช่นข่าวของเขากับดารานางแบบสาวหลายคน รวมไปถึงข่าวเกี่ยวกับธุรกิจที่มีคนพยายามดิสเครดิตเขา
ชายหนุ่มมีผิวสีแทนใบหน้าคมเข้มอย่างลูกครึ่งไทย แอฟริกาใต้ ใบหน้าเรียวยาวมีเคราเขียวๆ ขึ้นครึ้มจรดจอนผม ผมหยักศกหนาในแบบฉบับของผู้ชายเลือดผสมตัดเล็มได้รูปรับกับเครื่องหน้าที่ประกอบด้วยคิ้วเข้มดกหนาเหนือดวงตาคมใหญ่สีน้ำเงินเข้มจัด และมันจะแทบกลายเป็นสีดำยามที่เจ้าของดวงตาคมโกรธจัด จมูกโด่งเป็นสันสวยรับกับริมฝีกปากหยักได้รูปสีเรื่อด้วยสุขภาพที่ดีแต่ใบหน้าหล่อเหลานั้นกลับเรียบเฉยอยู่เป็นนิจ ทำให้บุคลิกของนิโคลัสดูเย็นชาและเย่อหยิ่ง ชายหนุ่มวัยสามสิบสามในปีนี้กอดอกมองผ่านกระจกใสซึ่งเห็นทิวทัศน์ของเมืองกรุงที่เต็มไปด้วยตึกรามมากมายรถราขวักไขว่อยู่ทั้งบนทางด่วนและไม่ด่วน ผู้คนที่เห็นเป็นเพียงจุดเล็กๆ เบื้องล่างราวกับมดตัวเล็กๆ นั้นขยับเคลื่อนไหวไปมาไม่มีทีท่าว่าหยุดลงแม้แต่จุดเดียว
นักธุรกิจหนุ่มหล่อดีกรีมหาเศรษฐีทั้งยังเป็นอดีตดาราหนุ่มสุดฮอต พระเอกพันล้านจากภาพยนตร์บู๊แอ็กชั่นสุดมันส์เมื่อเจ็ดปีก่อน และเขาแสดงฉากเสี่ยงตายกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยตัวเองและไม่ใช้แสตนอิน ซึ่งทำร้ายได้มากกว่าพันล้านในเมืองไทยและดังไกลถึงฮอลลีวูด แต่เขากลับหันหลังให้วงการบันเทิงปฏิเสธแสดงหนังและละครทั้งหมดอย่างไม่มีใครรู้สาเหตุ แล้วหลังจากนั้นไม่นานนิโคลัสก็ประกาศหมั้นหมายกับสาวสวยนอกวงการที่เคยเป็นข่าวกับเขาเมื่อสองปีก่อน
สาวสวยดีกรีนักเรียนนอกทายาทตระกูลดัง พิมพ์อักษร อัศวพิทักษ์ หญิงสาวผู้โชคดีที่สามารถครอบครองดวงใจของชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม ข่าวคราวการหมั้นหมายของเขากับหญิงสาวนั้นโด่งดังอยู่พักใหญ่ แต่แม้ว่าเขาจะหันหลังให้วงการบันเทิงแล้วก็ตามเขาก็ยังเดินแบบหรือถ่ายแบบให้กับหนังสือบางเล่มที่พิเศษจริงๆ หรืองานแฟชั่นโชว์เพื่อการกุศลซึ่งเขาพอใจจะเป็นนายแบบให้เท่านั้น แต่ข่าวคาวๆ ของเขามักมีเข้ามาให้บรรดานักข่าวได้ลงข่าวกันอย่างสนุกสนาน ทำรายได้ให้กับสำนักพิมพ์ที่ลงข่าวเขามากมายเลยทีเดียว
นิโคลัสหันกลับมายังโต๊ะทำงานแล้วเริ่มอ่านตรวจทานเอกสารทุกอย่างอย่างละเอียดเพราะตอนนี้เขาไม่อาจจะปล่อยให้ใครมายักยอกทรัพย์สินจากบริษัทของเขาได้อีกแน่นอนและเขาก็เห็นความผิดปรกติของบัญชีตรงหน้า
“ไอ้จักร แกอยู่ไหน..”
ชายหนุ่มต่อสายถึง จักร ลูกน้องคนสนิทที่เขาให้ออกไปหาข่าวบางอย่าง น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยภาษาไทยนั้นชัดเจนไม่แปร่งหูเหมือนอย่างลูกครึ่งบางคนที่ส่วนใหญ่มักพูดภาษาไทยไม่ชัด
“อยู่แถวหน้ารามฯ ครับคุณนิค”
“เจอไหม”
“ครับ มันเป็นคนของไอ้ ราเชนทร์”
จักรลูกน้องคนสนิทวัยเดียวกันกับผู้เป็นนายเรียนและเติบโตมาด้วยกัน พวกเขาผูกพันกันมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ยาตายายแล้วก็ว่าได้ เพราะตาและบิดาของจักรก็ทำงานอยู่กับครอบครัวของนิโคลัสมาตั้งแต่แรกเริ่มจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของนิโคลัสไปแล้ว เพราะทุกคนในครอบครัวของจักรได้รับความไว้วางใจจากตระกูลฟ็อกซ์มาตลอด
“ดี ตามไปให้ถึงรังและจับตาดูมันไว้อย่าให้มันรู้ตัว ฉันอยากจะรู้ว่าไอ้ราเชนทร์มันจะทำอย่างไรต่อไป”
นิโคลัสวางสายดวงตาคมที่เรียบเฉยเมื่อครู่ลุกวาวด้วยไฟโทสะที่แสดงออกมาเพียงแววตาที่กราดเกรี้ยวเท่านั้น ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรนั้นยังคงเรียบเฉยดูเย็นชาเช่นเดิม ซึ่งลักษณะที่ดูเหมือนเย็นชาไม่สนใจใคร ไม่ยอมให้นักข่าว สื่อมวลชนเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ และค่อนข้างไว้ตัวและปิดปากเงียบกับการให้ข่าวต่างๆ ที่มีกับดารานางแบบสาวทำให้นิโคลัสได้รับฉายาที่มีคำว่า พระเอกเทวดาคาสโนวาแห่งวงการ ในวงการบันเทิงเมื่อเจ็ดปีก่อนนั้นไม่มีใครจะไม่รู้จักเขาจากฉายานี้
“ฉันอยากจะรู้เหมือนกันไอ้เชน ว่าแกจะทำอะไร”
เขาพูดกับตัวเอง เมื่อนึกถึง ราเชนทร์ คู่อริที่ขับเคี่ยวกันมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น... และเป็นคนเดียวที่เป็นมารหัวใจเขามาตลอดเช่นกัน
ตอนที่2..“โอย ตายแล้วมาสายๆ คุณดาต้องเล่นงานเราแน่ๆ”สาวน้อยวัยยี่สิบเศษเดินแกมวิ่งกระหืดหระหอบไปตามถนนคอนกรีตซึ่งทอดตัวไปยังอาคารทรงสวยทันสมัยที่ผสมผสานความเป็นไทยไว้อย่างลงตัว ของโรงแรมสไตล์รีสอร์ตสุดหรูชื่อดัง คันทารี ฟ็อกซ์ โฮเทล แอนด์ รีสอร์ต เพราะเธอเป็นนักศึกษาฝึกงานของที่นี่เพราะในปีนี้เธอก็จะจบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงจากสถาบันพาณิชยการแห่งหนึ่ง นี่ก็เหลือเวลาอีกไม่กี่วันการฝึกงานก็จะสิ้นสุดลงแล้วร่างเล็กบอบบางรีบเก็บสัมภาระที่มีเพียงแป้งเด็กกระป๋องเล็กๆ สำหรับใช้ทาใบหน้ากับลิปกลอสสำหรับบำรุงริมฝีปากอวบอิ่มค่อนข้างหนาของตนและเงินเพียงสี่สิบบาทในกระเป๋าสำหรับค่าเดินทางและซื้ออะไรกินนิดหน่อย เช่นลูกชิ้นทอดหรือน้ำอัดลมที่อยากจะกินแต่ส่วนใหญ่แล้วเธอไม่เคยซื้ออะไรพวกนั้นเลย เพราะเมื่อเลิกงานแล้วเธอก็ตรงกลับบ้านทันทีเพื่อทำกับข้าวให้มารดาขายตอนเย็นในตลาดนัดใกล้บ้าน “เธอมาสายอีกแล้วนะ เฌอปราง...”เสียงเย็นๆ ของ พัชดา หัวหน้าฝ่ายบัญชีวัยสี่สิบดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางของ เฌอปราง นักศึกษาฝึกงานวัยใสที่กำลังก้าวอย่างเร่งรีบไปยังหน้าลอบบี้ของรีสอร์ตเพื่อผ่า
ตอนที่3.“ขอบคุณนะคะพี่ลิลลี่ที่มาช่วยชีวิตปราง”“แหม.. ช่วยชีวิตเลยหรือน้องหนูปรางขา ฮิฮิ”วัชรินทร์ปิดปากหัวเราะอย่างขบขันที่สามารถทำให้คู่ปรับอย่างพัชดาหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้ เขาหมั่นไส้ยายพัชดาตั้งแต่เข้ามาทำงานแล้ว เขาไม่เคยเห็นพัชดาทำงานเป็นชิ้นเป็นอันส่วนใหญ่จะสั่งให้คนโน้นคนนี้ทำเสียมากกว่า แต่เวลาที่รายงานนายใหญ่ คนที่ได้ผลงานได้หน้าก็จะเป็นตัวพัชดาเอง ซึ่งการทำงานกับคนเช่นนี้เป็นสิ่งที่น่าเบื่อและไม่ค่อยมีความสุขนัก แต่ที่เขาทำงานที่นี่ได้นานเพราะเจ้าของโรงแรมนี้เป็นอดีตดาราหนุ่มที่เขาชื่นชอบ เงินดี ที่พักอาหารก็ฟรี เงินเดือนก็เยอะ ทนๆ เอาหน่อยให้ผ่านไปแต่ละเดือนก็อยู่ได้สบายๆ ชายใจสาวคิดอย่างชื่นมื่นขณะถ่ายเอกสารให้สาวน้อยฝึกงานช่วยเย็บเอกสารเข้าชุดให้“วันนี้แม่ของปรางเข้าโรงพยาบาลอีกแล้วค่ะเลยทำให้มาสาย”“จ้า ไม่เป็นไรแล้วแม่เราเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”“ก็อาการทรงๆ อยู่ค่ะ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ หายไม่ขาดเสียทีตอนนี้ก็รอผ่าตัดค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...” เฌอปรางพูดหงอยๆ“ขอให้คุณแม่น้องหนูปรางหายไวๆ นะจ๊ะ” ทั้งสองคุยกันไปขณะที่มือก็ทำงานไปด้วย“ขอบคุณค่ะพี่ลิลล
ตอนที่4.เฌอปรางเดินกลับเข้ามาในแผนกบัญชีด้วยสีหน้าเครียดจัด ใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอนั้นไร้รอยยิ้มดวงตากลมโตดูขุ่นมัวเพราะเจ้าตัวกำลังคร่ำเคร่งคิดอะไรบางอย่าง“น้องหนูปราง... ปราง!”“อุ้ย... โอย ปรางตกใจหมดเลยค่ะพี่ลิลลี่” เฌอปรางอุทานอย่างตกใจเมื่อพี่ลิลลี่เอื้อมมือมาแตะบ่าเธอพร้อมกับเรียกเสียงดัง “เป็นอะไร หน้าตาไม่ดีเลย”“ปละ เปล่าค่ะ แค่รู้สึกเหนื่อย วันนี้งานเยอะเหลือเกิน”“จ้ะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้วคืนพรุ่งนี้เราก็จะได้สนุกกันสุดเหวี่ยง” พี่ลิลลี่ บอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพลางนึกถึงงานในคืนวันพรุ่งนี้ที่จะต้องสนุกสนานแน่นอน ในขณะที่เฌอปรางหน้าจืดเจื่อนไม่รู้สึกสนุกเลยสักนิด เพราะหลังจากพรุ่งนี้ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปตลอดกาลไม่ว่าผลมันจะออกมาแบบไหน...“อาปรางกลับมาแล้ว พวกเราเตรียมของเสร็จแล้วครับ” น้องปิง หรือเด็กชายปริวัตร วัยสิบสองเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกกะละมังผักที่ล้างและหั่นเรียบร้อยแล้วไปตั้งบนโต๊ะทำกับข้าวในครัวเล็กๆ โดยมีกับ น้องปาน หรือเด็กหญิง ปานรวี วัยสิบขวบกำลังล้างจานอยู่ หลานชายและหลานสาวของเธอเป็นลูกๆ ของ พี่ปั่น หรือ ประวิช พี่ชายซึ่งไปทำงานอยู่ที่ประเทศแถวตะวันออก