หานอวี๋เฟิ่งหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน รู้สึกหนักอึ้งไปหมด เรื่องราวในครั้งนั้นสร้างรอยแผลเป็นบาดลึกให้แก่นาง หลังจากวันนั้นเมื่อบุรุษผู้นั้นกระทำกับนางอย่างไร้ความปรานีแล้ว กลับใช้เรื่องที่เกิดขึ้นข่มขู่นาง เอาเปรียบนาง ใช้นางรองรับความโกรธแค้นที่เขามีต่อมารดาของนาง นางต้องเผชิญกับความอดสูและรวดร้าวในอกอย่างแสนสาหัส แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องหยุดลงเมื่อบุรุษผู้นั้นต้องกลับชายแดนโดยด่วน หลังจากนั้นข่าวคราวของเขาก็หายเงียบไปตั้งแต่วันนั้น ทิ้งไว้เพียงรอยแผลในใจของดรุณีน้อยวัยสิบห้าหนาวให้จมอยู่กับความทุกข์ตรมที่เกิดขึ้นถึงสามปี และในวันนี้คนผู้นั้นก็ได้กลับมาอีกครั้ง กลับมาสร้างความหวาดหวั่นและหวาดกลัวกับตราบาปที่เขาเป็นผู้กระทำ นางกลัว กลัวเหลือเกินว่าความอัปยศที่นางเก็บซ่อนเอาไว้จะถูกคนผู้นั้นเปิดเผย เพื่อที่จะสร้างความเจ็บปวดให้กับคนที่นางรัก กลัวว่าคนผู้นั้นจะกลับมาทำให้นางต้องทุกข์ทรมานเช่นเดิมอีกครั้ง
"คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ"
เสียงเรียกของเสี่ยวถานทำให้นางถึงกับสะดุ้ง กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอที่แห้งผาก ภาพความจำเมื่อสามปีก่อนยังฉายชัด ราวกับว่ามันพึ่งจะผ่านพ้นไป
"เสี่ยวถาน"
อวี๋เฟิ่งที่ลืมตาขึ้นมองบ่าวรับใช้คนสนิท มองคนที่คอยยืนเคียงข้างนางมาตลอด นางยังจำวันที่อีกฝ่ายร้องไห้จนตาบวมแดงก่ำได้เป็นอย่างดี พร่ำโทษตัวเองที่ไม่อาจช่วยเหลืออันใดนางได้ จนเป็นนางเสียเองที่ต้องปลอบใจอีกฝ่าย นางรู้ว่าเสี่ยวถานพยายามสุดความสามารถแล้ว แต่เป็นเพราะความร้ายกาจของบุรุษผู้นั้นต่างหาก
"คิดเรื่องนั้นอีกแล้วหรือเจ้าคะ โถ คุณหนูของบ่าว"
เสี่ยวถานรู้สึกสงสารคุณหนูของนางยิ่งนัก หากย้อนกลับไปได้ในวันนั้นนางจะไม่ยอมให้คุณหนูได้เฉียดใกล้คนผู้นั้นเด็ดขาด ท่านแม่ทัพช่างใจร้ายใจดำ อำมหิตนัก ทำลายชีวิตดรุณีน้อยนางหนึ่งให้ย่อยยับได้อย่างเลือดเย็น นางยังจำเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดได้เป็นอย่างดี
เสี่ยวถาน นางติดตามผู้เป็นนายมาจากตระกูลหาน ตั้งแต่จำความได้นางก็ติดตามรับใช้เป็นเพื่อนเล่นให้คุณหนูมาตั้งแต่เด็ก จนเมื่อสิ้นนายท่านนางก็ยังอยู่รับใช้ผู้เป็นนาย นางนั้นอายุมากกว่าคุณหนูสองหนาว เมื่อผู้เป็นนายมาอยู่ที่จวนแห่งนี้ นางก็ยังคงติดตามมาอยู่ข้างกาย แม้จะไม่รับรู้ถึงเรื่องราวของหานฮูหยินในอดีต แต่นางก็รับรู้มาตลอดว่าท่านแม่ทัพผู้นี้เกลียดชังฮูหยินมากและยังเผื่อแผ่มายังคุณหนูของนางและคุณหนูเจินเจินอีกด้วย
แต่เมื่อท่านแม่ทัพผู้นั้นเป็นผู้ช่วยชีวิตของคุณหนูของนางเอาไว้ แม้จะไม่อยากให้คุณหนูเข้าใกล้อีกฝ่าย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบุญคุณต้องทดแทน และฮูหยินผู้เฒ่าเซียวก็ยังฝากฝังให้คุณหนูส่งมอบของสำคัญให้ท่านแม่ทัพ จึงได้ยอมให้คุณหนูมาพบกับอีกฝ่าย
แต่ในที่สุดสิ่งที่นางนึกกลัวก็เกิดขึ้นจริงๆ นางที่ตามติดคุณหนูไม่ยอมห่างจนถึงเขตเรือนของท่านแม่ทัพ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน จึงทำได้เพียงยืนรอคุณหนูอยู่ด้านนอกเพียงเท่านั้น เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงผ่านนานเกินไปแล้วจึงคิดที่จะไปเรียนนายท่านผู้เฒ่าตระกูลเซียวเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เป็นนาย เพียงแค่หันหลังเท่านั้นสติของนางก็ดับวูบ ไม่รู้ว่านางหลับไปนานเท่าใด รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่านางถูกกักขังเอาไว้ในห้องห้องหนึ่งที่ถูกปิดตายพร้อมกับอาการปวดแปลบบริเวณต้นคอ หัวใจของนางกระตุกวูบ กระวนกระวายถึงผู้เป็นนาย แต่เพียงไม่นานหลังจากนั้น นางก็ถูกปล่อยตัวออกมาจากห้องห้องนั้นโดยบุรุษผู้เป็นคนสนิทของท่านแม่ทัพ
"เรื่องในวันนี้ หากไม่อยากให้คุณหนูของเจ้าต้องอับอาย รู้ใช่หรือไม่ว่าต้องทำเช่นไร"
บุรุษใบหน้าเย็นชาผู้นั้นกล่าวขึ้น ถึงแม้ว่านางจะอยากกรีดร้องใส่หน้าคนเลวผู้นี้เพียงใด แต่ใจที่เป็นห่วงผู้เป็นนายนั้นมีมากกว่า ได้แต่เดินตามร่างสูงอย่างจำยอม
เมื่อออกมาด้านนอกปรากฏว่ารอบกายของนางนั้นมืดสนิทแล้ว นางหลับไปนานถึงเพียงนี้แล้วคุณหนูของนางเล่าจะเป็นเช่นไรบ้าง หัวใจที่สั่นไหวยิ่งรู้สึกปวดหนึบ จากนั้นนางก็ถูกพามาส่งยังเรือนคุ้นตาที่เป็นเรือนของผู้เป็นนาย นางเล็กรีบวิ่งเข้าไปด้านในเห็นสภาพร่างบอบบางของคุณหนูของนางที่สลบไสลอยู่บนเตียง เข่าของนางถึงกับทรุดลงกับพื้นเย็นเฉียบ ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น เหตุใดคนผู้นั้นถึงได้ทำกับคุณหนูของนางเช่นนี้ คุณหนูของนางพึ่งจะผ่านเลยวัยปักปิ่นมาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
แม้จะรู้สึกเจ็บปวดใจเพียงใด ร่างเล็กของนางก็รีบหยัดกายขึ้น นางจะอ่อนแอมิได้ ลุกไปปิดประตูเรือนอย่างแน่นหนา ช่วยทำความสะอาดให้ร่างบอบบางที่นางเฝ้าทะนุถนอมมาเป็นอย่างดี ตอนนี้มันกลับเต็มไปด้วยร่องรอยบอบช้ำที่นางพอจะรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ร่วงหล่นสงสารคุณหนูตัวน้อยจับใจ ร่างกายบอบช้ำถึงเพียงนี้แล้วจิตใจเล่า
เสี่ยวถานที่คิดอย่างขมขื่นในอก ก่อนจะเร่งรีบไปต้มยาห้ามครรภ์มาให้คุณหนูของนางดื่ม จะอย่างไรนางจะไม่ยอมให้คุณหนูของนางต้องทุกข์ทรมานไปมากกว่านี้เป็นแน่ กว่าจะผ่านพ้นช่วงเวลาที่เจ็บปวดแสนสาหัสนั้นมาได้ นางก็เจ็บปวดทรมานไม่แพ้ผู้เป็นนาย รู้สึกบีบหัวใจทุกครั้งที่เห็นน้ำตาของผู้เป็นนายหลั่งไหล แต่นางกลับช่วยเหลืออันใดมิได้เลย
"เป็นอันใดไปเสี่ยวถาน ข้ามิได้เป็นอันใดเสียหน่อย"
เสียงหวานของคุณหนูที่กล่าวขึ้น พร้อมใบหน้างดงามที่ยกยิ้มจนดวงตากลมโตหยีเล็ก กดข่มความเจ็บปวดจนริมฝีปากอวบอิ่มนั้นสั่นระริก ทำให้นางหลุดจากภวังค์ความคิด นางรู้ว่าคุณหนูกำลังหวาดกลัวสิ่งใด นางจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องคุณหนูให้ได้ ตอนนี้คุณหนูของนางเติบโตขึ้นมาอย่างเข้มแข็งแล้ว กลายเป็นสตรีที่งดงามเหนือสตรีใดใดที่นางพานพบ ท่านแม่ทัพจะต้องเสียใจในสิ่งที่ได้ทำกับคุณหนูของนาง
"เสี่ยวถาน ข้าจะไม่อ่อนแออีกแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้คนผู้นั้นมาทำร้ายข้าได้อีก"อวี๋เฟิ่งที่บอกกับบ่าวรับใช้ของตน และบอกกับตัวเอง พยายามยิ้มออกมาอย่างเข้มแข็ง มือบอบบางกระชับมือเล็กของเสี่ยวถานเอาไว้มั่นนางต้องเข้มแข็งต้องไม่อ่อนแออีก เพื่อปกป้องคนที่นางรัก ตอนนี้นางไม่ใช่เด็กสาวผู้โง่งม ใสซื่อเช่นใดอดีตอีกแล้ว"เจ้าค่ะคุณหนู คุณหนูของบ่าวเก่งที่สุด"สตรีสองนางต่างส่งยิ้มให้แก่กันเสี่ยวถานบอกกับตัวเองเสมอว่านางจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างคุณหนูของนางไม่ทอดทิ้งให้อีกฝ่ายต้องทุกข์ใจเพียงลำพัง"แล้วเจ้า มีอันใดหรือไม่"อวี๋เฟิ่งที่เอ่ยถามบ่าวคนสนิท"อ้อ เกือบลืมไปเจ้าค่ะ บ่าวจะมาเรียนคุณหนูว่าคุณชายอู๋มาขอพบ ตอนนี้กำลังรอคุณหนูอยู่ที่ศาลาท่าน้ำเจ้าค่ะ"เสี่ยวถานที่รีบเอ่ยบอกคุณหนูคนงามของนางคุณชายอู๋ ที่เสี่ยวถานกล่าวถึง คือ คุณชายอู๋ฟงอี้ บุตรชายคนรองของนายท่านอู๋ คหบดีผู้ร่ำรวยของเมืองหลวงแห่งนี้ บุรุษผู้ที่อดีตคือนักเลงโต อันธพาลขาใหญ่ คุณชายเจ้าสำราญ บุรุษหนุ่มรูปงาม มีบิดาร่ำรวยมหาศาล จึงไม่เคยเห็นหัวใคร แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นบุรุษหนุ่มผู้สง่าผ่าเผย เป็นหนึ่งในบุรุษที่เหล่าสตรีงามปรารถนาที่จ
ในที่สุดวันที่หานอวี๋เฟิ่งหวาดกลัวก็มาถึง เมื่อบุรุษผู้นั้นกำลังจะกลับมาเยือนจวนแห่งนี้อีกครั้ง จวนที่เป็นของเขา และนางอยู่ที่นี่ในฐานะน้องสาวต่างสายเลือดจวนแม่ทัพวันนี้ดูวุ่นวายเป็นอย่างมาก บ่าวไพร่ทุกคนต่างกระวีกระวาดจัดเตรียมการต้อนรับนายตัวจริงกลับเรือนอย่างขะมักเขม้น หลังจากที่อีกฝ่ายจากจวนแห่งนี้ไปถึงสามปี แต่การกลับมาของเขาในครั้งนี้ เขากลับมาพร้อมกับชัยชนะที่คนทั้งแคว้นต่างยกย่องสรรเสริญ ทุกคนในเรือนต่างมารอต้อนรับแม่ทัพหนุ่มกลับจวน แม้ว่าอีกฝ่ายจะกลับมาเมืองหลวงได้หลายวันแล้ว แต่เลือกที่จะพำนักอยู่ที่จวนพระราชทานนอกเมือง และวันนี้เป็นวันแรกที่อีกฝ่ายกลับมายังจวนแห่งนี้นายท่านผู้เฒ่าเซียว เซียวหยางเล่ย อดีตแม่ทัพผู้เกรียงไกร แม้ใบหน้าเคร่งขรึมจะดูดุดัน แต่ทว่าดวงตานั้นกลับกระจ่างไปด้วยความยินดีอย่างปิดไม่มิดสตรีงดงามเรือนร่างระหงที่ยืนอยู่ข้างกาย ผู้ที่ตอนนี้มีอำนาจเหนือสตรีทุกนางในจวนแห่งนี้ ใบหน้างดงามอ่อนหวานแลดูสง่างามในชุดเรียบหรู เจียงซือหนี่ มารดาของนางในวัยสามสิบห้าหนาว ที่เลือกกลับมาใช้สกุลเดิมของตน ยังคงงดงามราวสตรีวัยยี่สิบกลางๆ ใบหน้าขาวผ่องนั้นแม้จะดูราบเรียบ แ
"คุณหนูเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ"เสี่ยวถานที่กระซิบถามคุณหนูของนางอย่างห่วงใยในความรู้สึกของผู้เป็นนาย คุณหนูของนางคิดเช่นไรกับท่านแม่ทัพเหตุใดนางจะไม่รู้ ได้แต่หวังว่าสักวันท่านแม่ทัพจะวางความแค้นลง คุณหนูของนางจะได้มีความสุขเสียที"ข้าไม่เป็นไร เรากลับเรือนกันเถอะ"อวี๋เฟิ่งที่เอ่ยตอบบ่าวคนสนิท เดินนำอีกฝ่ายกลับเรือนของตน นางยังต้องเตรียมตัวเตรียมใจที่จะต้องร่วมในงานเลี้ยงฉลองการกลับมาของอีกฝ่ายในค่ำวันนี้ จวนแม่ทัพในค่ำคืนนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงเล็กๆเป็นการภายใน เชิญเฉพาะญาติสนิทมิตรสหายที่มีสัมพันธ์อันดีกับจวนตระกูลเซียวเท่านั้น กายบางที่เหยียบย่ำไปตามโถงทางเดินยังคงสั่นสะท้าน เพียงเท่านี้นางก็แทบจะทรุดกายลงอย่างไร้เรี่ยวแรง มันพึ่งจะได้เริ่มต้นเท่านั้น นางกลับทั้งหวาดกลัวทั้งหวาดหวั่น นางจะทำเช่นไรต่อไปดี แม้จะไม่ได้มองใบหน้านั้น แต่นางก็สัมผัสได้ถึงสายตาอันตรายที่อีกฝ่ายส่งมา นางจะยอมให้เรื่องราวมันลงเอยเช่นดังอดีตอีกครั้งอย่างนั้นหรือแล้วท้องฟ้าด้านนอกก็เริ่มมืดสลัวลง เป็นสัญญาณว่างานเลี้ยงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เสียงดนตรีที่บรรเลงดังเล็ดลอดออกมาจากบริเวณโถงจัดเลี้ยง อวี๋เฟิ่งอยู่ในอ
โดยมิทันได้ตั้งตัว ร่างสูงของบุรุษใบหน้าหล่อเหลาคุ้นตาที่ปรากฏตัวขึ้นกลับโถมกายหนาเข้าหานาง ริมฝีปากหยักลึกทาบทับลงมาปิดกั้นเสียงร้องของนางอย่างรวดเร็ว มอบจุมพิตที่เร่าร้อนหิวกระหายสูบเอาเรี่ยวแรงไปจากร่างเล็ก ที่พยายามดิ้นรนขัดขืน ฝืนร่างกายต่อต้าน แต่ร่างสูงใหญ่กลับดันร่างบอบบางของนางจนแผ่นหลังขาวนวลชิดติดผนัง สองมือฟอนเฟ้นไปทั่วเรือนร่างเย้ายวน ก่อนจะรวบเอามือเล็กที่ทุบตีแผ่นอกกำยำเอาไว้โดยมือใหญ่เพียงข้างเดียว อีกมือจับกระชับท้ายทอยเล็กไม่ให้ขยับหนีเรียวลิ้นร้อนที่ดุนดันเรียวปากอุ่นเพื่อกวาดต้อนความหอมหวานด้านใน"อื้ออออ"แม่ทัพหนุ่มที่บดขยี้เรียวปากเล็กด้วยความโหยหา ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าเขาคิดถึงนาง ยิ่งได้เห็นยิ่งอยากแนบชิดให้สมกับที่ต้องห่างหาย ยิ่งเมื่อร่างเย้ายวนในอาภรณ์ตัวบางปรากฏสู่สายตา อาภรณ์สีขาวบางเบาเมื่อมองผ่านแสงจากเปลวไฟที่ไหววูบยิ่งทำให้เห็นเรือนร่างอวบอิ่มเย้ายวน จนความอดทนทั้งหมดขาดสะบั้นลงร่างบางที่เกร็งไปทั้งร่าง สั่นสะท้านไปทั้งกาย สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่คละเคล้าไปด้วยกลิ่นสุราชั้นดีรสชาติหวานล้ำที่สัมผัสกับเรียวลิ้นเล็กกำจายอยู่ในโพรงปากอ่อนนุ่ม ทำใ
ดวงตาสีรัตติกาลที่จ้องมองดวงตาฉ่ำวาวของแม่ลูกกวางน้อยของเขาที่ตอนนี้พยศขึ้นเสียแล้ว"เห็นทีเจ้าคงอยากให้มารดาของเจ้ารับรู้ถึงความสัมพันธ์ของเราแล้วกระมัง"ร่างสูงที่เอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน จ้องมองร่างเล็กที่ตอนนี้ถึงขนาดกล้าที่จะจ้องตอบเขา"ท่านจะทำอะไรก็เชิญ ข้าจะไม่ยอมให้ท่านเอาเรื่องต่ำช้านั่นมาข่มขู่ข้าอีกแล้ว"ร่างบางที่เอ่ยขึ้นด้วยริมฝีปากสั่นระริก จนร่างสูงต้องหรี่ตามอง ลูกกวางน้อยของเขาเวลาพยศก็น่ามองไม่น้อยเหมือนกัน เป็นแบบนี้ก็น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวแม้จะรู้สึกหวาดกลัว แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีก อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด นางจะไม่ยินยอมให้บุรุษผู้นี้ใช้เรื่องอัปยศในครั้งนั้นมาข่มขู่นางอีกต่อไป หากเขาคิดที่จะเปิดเผยมันออกมา ก็จงทำไปเถิด ดีเสียอีกทุกอย่างจะได้จบสิ้นลงเสียที อย่างไรเสียนางก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ มารดาของนางเป็นคนเก่งเป็นสตรีที่เข้มแข็ง เรื่องทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดีร่างบางที่สั่นเทากอดกายที่เกือบจะเปลือยเปล่าของตนเอาไว้แน่น เพื่อยืนยันคำพูดของนาง นัยน์ตากลมโตแดงก่ำไหวระริกแม่ทัพหนุ่มที่มองเรือนร่างเย้ายวนตรงหน้า แม้จะอยากตอกตรึงนางด้วยกา
ร่างบอบบางของสตรีที่เร่งสวมใส่ชุดที่หยิบติดมือมาอย่างเร่งรีบ กายบางที่ทรุดกายที่สั่นเทาพิงต้นกุยฮวาตรงโถงทางเดินอย่างหมดแรง ปล่อยน้ำตาแห่งความอดสูให้ร่วงหล่นลงหยดแล้วหยดเล่า เหตุใดนางถึงต้องมาแบกรับผลกรรมที่ตนเองมิได้ก่อกัน มือบางที่ยกขึ้นปิดกั้นเสียงสะอื้นที่ดังราวกับจะขาดใจ เหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงได้ใจร้ายนัก เหตุใดจึงยังยึดติดอยู่กับอดีตที่ทำให้ตนเองเจ็บปวด จนกลายเป็นคนไร้หัวใจได้ถึงขนาดนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่มีความรู้สึกดีๆให้นางบ้างเลยหรือ หรือเป็นเพราะในใจของบุรุษผู้นั้นยังคงมีมารดาของนางอยู่กันแน่"ท่านทำแบบนี้ทำไม เหตุใดจึงทำร้ายข้าเช่นนี้ ข้าไปทำสิ่งใดให้ท่านกัน"นางยังจำคำถามที่เอ่ยถามบุรุษผู้นั้นด้วยน้ำตานองหน้า ในครั้งที่คนผู้นั้นบีบบังคับให้นางไปพบหลังจากที่ผ่านเรื่องราวโหดร้ายนั้นไปเพียงไม่นาน แต่เมื่อนางไม่ยอมไปพบเขา เขากลับเอาเรื่องในวันนั้นขึ้นมาข่มขู่นางจนนางไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้ นางหวาดกลัวไปหมด กลัวทุกคนจะรู้ โดยเฉพาะมารดาของนาง จึงต้องยอมทำตามที่บุรุษผู้นั้นต้องการ"เจ้าไม่ได้ทำ แต่บิดามารดาของเจ้าเป็นคนทำ ถ้าจะโทษก็โทษที่เจ้าเกิดมายืนยันความระยำของสองคนนั้นแล
เรือนกายกำยำที่ทาบทับ ผิวเนื้อร้อนผ่าวที่สัมผัส ทำให้ร่างบางสั่นสะท้านหวามไหว กายบางสะบัดร้อนสะบัดหนาวราวกับจะจับไข้ เรียวปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อที่ถูกบดคลึงดูดดึงจนบ่วมเจ่อ เผยอขึ้นครวญครางเสียงหวานปนสะอื้น เมื่อยอดทรวงสีเรื่อถูกอุ้งปากร้อนขบเม้มดูดดื่มราวทารกน้อยดูดนมจากเต้าทรวงมารดา แผ่นหลังนวลเนียนแอ่นโค้งขึ้นอย่างเสียวซ่านป้อนความอิ่มตึงจรดปากหนาอย่างลืมอาย เรียวปากร้อนผ่าวที่ไล้เลียขบเม้มเนินเนื้อขาวนวลเต่งตึงจูบซับปัดป่ายสูดดมความหอมหวานอย่างหลงใหล กลิ่นหอมอ่อนที่เพียงแตะจมูกก็ชวนให้ตกอยู่ในห้วงอารมณ์วาบหวามมึนเมาให้ลุ่มหลง ซุกไซ้จมูกโด่งดอมดมเนื้อนวลระเรื่อยจากทรวงงาม จูบพรมมาตามลาดไหล่ขาวนวล ซุกไซ้ขบเม้มลำคอขาวหอมละมุน ไล้เล็มขบกัดจรดปลายคางมน ประทับจุมพิตแก้มนวลที่แดงก่ำเพราะพิษรักวาบหวาม บดจูบครอบครองลงบนริมฝีปากอวบอิ่ม บดคลึงกลีบปากนุ่มแสนหวาน ส่งปลายลิ้นร้อนไล้เลียกลีบปากสีชมพูระเรื่อฉ่ำน้ำ สอดแทรกปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดรึงลิ้นเล็กจนร่างบางสิ้นไร้เรี่ยวแรงนอนทอดกายอ่อนระทวย มือหนาบีบขย้ำทรวงอกตูมเต่ง บีบเคล้นหนักเบาอย่างหลงใหล ลูบไล้ฝ่ามือหนาไปตามเนื้อนวลขาวผ่องนุ่มนิ่มล
อวี๋เฟิ่งที่ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้มนวลหลังจากที่ร้องไห้จนพอใจ สะบัดศีรษะเพียงเล็กน้อยขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง เรื่องราวและภาพความเร่าร้อนของเขาและนางยังฝังลึกอยู่ในความทรงจำ เป็นเช่นนี้แล้วนางจะลืมเลือนบุรุษผู้นี้ได้อย่างไร จะตัดเขาออกไปจากชีวิตได้เช่นไรกัน อวี๋เฟิ่งก้มลงมองดูสภาพที่แทบจะดูไม่ได้ของนาง นางคงไม่อาจที่จะกลับเข้าไปในงานเลี้ยงในสภาพแบบนี้ได้ ร่างบางที่ทอดถอนลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน มองดูกลีบดอกไม้งามที่ร่วงหล่นลงจากต้นกลีบแล้วกลีบเล่าอย่างเหม่อลอย นางต้องชดใช้ให้อีกฝ่ายด้วยชีวิตหรืออย่างไร เขาถึงจะยอมให้อภัยในสิ่งที่มารดาได้ทำเอาไว้ในอดีต"คุณหนู"เสียงของเสี่ยวถานที่เอ่ยเรียก ทำให้ใบหน้างามที่ยังเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาหันไปมองตามเสียงเรียก น้ำตาที่พึ่งจะแห้งเหือดไหลลงมาอีกครั้ง ริมฝีปากอวบอิ่มที่สั่นขึ้นจนยากที่จะระงับ กายบางสะอื้นไห้จนไหวสะท้านพุ่งเข้ามาโอบกอดบ่าวคนสนิทอย่างต้องการที่พึ่ง"คุณหนูเกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ"เสี่ยวถานที่เร่งรีบตามคุณหนูของนางออกมา แต่เมื่อมาถึงกลับไม่เห็นคุณหนูคนงามอยู่ในห้อง จึงเร่งออกตามหา แต่กลับพบร่างบางนั่งเหม่อลอยอยู่หลังต้นไม้ข้างทา
ร่างบางของเสี่ยวถานยืนบิดกายไปมาอยู่หน้าเรือนหอของผู้เป็นนาย ใบหน้างามนั้นแดงก่ำ แม้ว่านางจะล่วงเลยวัยที่จะออกเรือนมานานมากแล้ว แต่ก็ยังมิเคยใกล้ชิดบุรุษใดมาก่อน เรื่องความสนิทสนมแบบชู้สาวยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง นางยังอ่อนด้อยในเรื่องเช่นนี้มากนักแม้ว่าคุณหนูจะอยากให้นางออกเรือนมีครอบครัวเป็นของตนเอง แต่นางยังไม่พบบุรุษที่ถูกตาต้องใจเลย หากนางจะต้องมีสามี ก็ขอเลือกบุรุษที่นางรัก หาไม่แล้วนางขออยู่รับใช้คุณหนูของนางไปเช่นนี้ตลอดชีวิตเสียยังดีกว่า แม้จะมีแวบหนึ่งที่ใบหน้าของบุรุษผู้แสนเย็นชาผู้นั้นจะแวบผ่านมาในความรู้สึก แต่นางจะไปหวังสิ่งใดกับคนไร้หัวใจเช่นนั้นกัน เขาคงไม่มีวันสนใจสตรีเช่นนางหรอกกระมัง ศีรษะเล็กที่สะบัดความคิดไร้สาระนั้นพลางทอดถอนใจ นางอยู่คนเดียวเช่นนี้ก็ดีแล้ว เสียงครางหวานที่ดังลอดออกมาจากด้านในทำให้ร่างบางหลุดจากความคิดของตัวเองใบหน้างามพลันร้อนผ่าว รีบถอยห่างจากหน้าเรือนเสี่ยวถานที่เดินบิดกายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพื่อกลับเรือนพักของตน คืนนี้คุณหนูคงไม่มีเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาเรียกใช้นางแล้วกระมัง เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตา จึงทำให้ไม่ทันระวังเดินชนร่างสูงของใครคนหนึ่งเข้าอย่างจ
ร่างบอบบางในชุดแดงมงคลงดงามล้ำค่า กำลังนั่งมองตัวเองอยู่ด้านหน้ากระจกด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใบหน้าอิ่มเอิบแต่งแต้มไปด้วยความสุขที่ฉายชัดอยู่ในดวงตางดงาม อวี๋เฟิ่งนางไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่นางจะได้สวมชุดมงคลและได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับผู้เป็นสามีอย่างสมเกียรติ แม้ความจริงนางจะมิได้คิดถึงเรื่องนี้แล้วก็ตาม ในวันที่รถม้าเดินทางเข้าสู่ความพลุกพล่านของเมืองหลวง มุ่งหน้าสู่จวนแม่ทัพ หัวใจของนางนั้นเต้นแรงมาก แม้จะสังเกตว่าสองข้างทางนั้นถูกประดับไปด้วยผ้าแดงมงคลตลอดทางจนถึงประตูจวน แต่กลับถูกความตื่นเต้นที่ได้พบหน้าทุกคนกลบความสงสัยนั้น การต้อนรับที่แสนอบอุ่น อ้อมกอดของผู้เป็นมารดาทำให้นางไม่ได้ให้ความสนใจสิ่งรอบกาย จนเมื่อได้โอบกอดมารดาจนพอใจจึงได้เอ่ยถามในสิ่งที่สงสัย ว่าในจวนจะมีงานมงคลของผู้ใดกัน มิใช่ว่าน้องสาวของนาง อวี๋เจินได้แต่งให้กับคุณชายอู๋ฟงอี้ไปเมื่อปีก่อนตามที่ผู้เป็นสามีได้บอกเล่าหรอกหรือ"ลองถามท่านแม่ทัพดูดีหรือไม่"เจียงซือหนี่ที่เอ่ยกับบุตรสาวด้วยรอยยิ้มละมุน โน้มกายลงโอบอุ้มหลายชายตัวน้อยที่หน้าตาช่างน่ารักน่าชังเอาไว้ในอ้อมแขน ปล่อยให้บิดามารดาของเด็กน้อ
"ซี๊ดด โอ๊ย!เจ็บ"เสียงโอดครวญไม่จริงจังนักของแม่ทัพหนุ่มเรียกรอยยิ้มจากเสี่ยวถานและจงไห่ที่กำลังจัดเตรียมข้าวของเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางกลับจวนในวันพรุ่งนี้เมื่อผู้เป็นนายเข้าใจและคืนดีกัน ก็สร้างความยินดีและปลาบปลื้มให้กับเสี่ยวถานและจงไห่บ่าวผู้ซื่อสัตย์ทั้งสองยิ่งนัก ต่อไปผู้เป็นนายจะได้มีความสุขที่แท้จริงเสียที หลังจากที่ต้องเจ็บช้ำกันมาอย่างแสนสาหัส บ่าวคนสนิททั้งสองที่รู้ใจผู้เป็นนายเป็นอย่างดีเร่งเก็บข้าวของก่อนจะอุ้มคุณชายน้อยพาออกไปเล่นด้านนอกเปิดโอกาสให้ผู้เป็นนายได้มีเวลาร่วมกันแม่ทัพหนุ่มที่ออดอ้อนภรรยาตัวน้อยผู้ที่กำลังทำแผลให้เขา ใบหน้างามนั้นแดงก่ำอย่างเขินอายอวี๋เฟิ่งที่หมั่นไส้บุรุษไร้ยางอายตรงหน้ายิ่งนัก มือเล็กจึงหยิกลงตรงหน้าท้องแกร่งเต็มแรง"โอ๊ย น้องหญิงหยิกพี่ทำไม พี่เจ็บจริงๆ นะ"ร่างสูงที่แสร้งโอดครวญมองโฉมงามด้วยสายตาละห้อย"ข้าไม่เชื่อท่านหรอก"อวี๋เฟิ่งที่ส่งค้อนให้อีกฝ่าย ใบหน้างามนั้นร้อนผ่าวไปหมด เขามันไร้ยางอายที่สุด"เหตุใดถึงไม่เชื่อเล่า พี่ไปทำสิ่งใดให้เจ้าไม่เชื่อกัน"แม่ทัพหนุ่มที่จ้องมองใบหน้างามด้วยสายตากรุ้มกริ่มอย่างรอคำตอบ"ก็ท่าน...ท่าน ท
ร่างหนาที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มในอ้อมแขน ดวงตาสีรัตติกาลที่ก้มลงมองร่างหอมกรุ่นด้วยหัวใจที่เต้นระทึก เมื่อเห็นว่าร่างบอบบางที่เขาคิดว่ากำลังฝันว่าได้โอบกอดนางอยู่นั้น ตอนนี้นางกลับหลับตาพริ้มแนบอกกว้างของเขา แม่ทัพเซียวไป๋ซานที่ไม่แม้แต่จะกล้าขยับตัว กลัวเหลือเกินว่าเมื่อนางรู้สึกตัวตื่นแล้วจะรีบผละออกจากอ้อมแขนของเขา แต่หัวใจที่เต้นแรงนั้นกลับไม่รักดี มันเต้นกระหน่ำจนเปลือกตาที่มีขนตางอนประดับอยู่นั้นขยับยุกยิก และลืมขึ้นมาในที่สุด ดวงตาหรี่ปรือฉ่ำหวานที่จ้องมองสบกับดวงตาสีรัตติกาลของเขาอยู่นั้นช่างงดงามยิ่งนัก จนใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำลงมาประทับริมฝีปากหนาบนเรียวปากอวบอิ่มแผ่วเบา ก่อนจะผละออก เขาไม่ได้ฝันไปและนางก็ยังไม่ผลักไสเขาอีกด้วย ในอกแกร่งยิ่งเต้นกระหน่ำ นางอภัยให้เขาแล้วใช่หรือไม่ ใบหน้าหล่อเหลาพลันยกยิ้มกว้างและสตรีตรงหน้าก็ยิ้มตอบเขาเช่นกัน ขอบคุณ ขอบคุณสวรรค์อ้อมแขนแกร่งที่โอบกระชับร่างบางแนบอก กดจุมพิตลงบนเส้นผมอ่อนนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า "ขอบคุณ เฟิ่งเอ๋อที่ให้โอกาสพี่"ฝ่ามือหนาที่เชยคางมนขึ้นรับจุมพิตที่เขาบรรจงมอบให้นางอย่างหวานล้ำ จุมพิตที่แสนยาว
ตอนนี้บ้านหลังน้อยก็มีผู้อาศัยเพิ่มมาอีกหนึ่งคน แม่ทัพเซียวไป๋ซานที่ขอพักอยู่ที่นี่จนกว่าแผลของเขาจะหายดี และขอใช้เวลาอยู่กับบุตรชายที่พึ่งได้พบหน้ากันอีกสักหน่อย เมื่อนางไม่ยินยอมที่จะกลับเมืองหลวงด้วยกัน แต่นางก็ไม่ใจดำพอที่จะกีดกันบิดากับบุตร เขาได้รับความเมตตาจากร่างบางเพราะมีบุตรชายที่ติดเขามากจนนางเอ่ยอนุญาต และตอบแทนที่เขาได้ช่วยชีวิตบุตรชายเอาไว้ นางยอมถอยให้เขาเพราะสงสารผู้เป็นบุตรชายที่ดูจะดีใจมากเมื่อมีบิดาดังเช่นเด็กคนอื่น นางยอมให้เขาเป็นบิดาของบุตร แต่นางยังไม่ยอมรับว่าเขาเป็นสามีของนาง ยังทำราวกับว่าเขานั้นเป็นคนอื่น แม่ทัพใหญ่เช่นเขากลับถูกไล่ให้มาซุกหัวนอนอยู่ในโรงเก็บฟืนที่มีเพียงแคร่ไม้ไผ่และผ้าห่มหนึ่งผืนหมอนหนึ่งใบจากเจ้าของบ้าน แต่แค่นี้ก็ถือว่านางเมตตาเขามากแล้วหลายวันมานี้แม่ทัพเซียวไป๋ซานผู้ทระนงองอาจ กลับทำตัวดีว่านอนสอนง่ายมาตลอด ตามงอนง้อขอนางคืนดี แต่นางก็ใจแข็งเหลือเกิน แม้จะสารภาพผิดและบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้นางฟัง บอกถึงความในใจที่อยากจะบอกนางตลอด บอกรักนางแทบจะสามเวลา รวมถึงเรื่องราวของเขาในอดีตและสิ่งที่มารดาของเขากระทำ และเขากับมารดานาง
"เสี่ยวถาน เสี่ยวถานอยู่ไหน"ร่างบางที่เอ่ยเรียกบ่าวรับใช้คนสนิทด้วยเสียงแหบเครือ ทำราวกับว่าบุรุษตรงหน้าไม่มีตัวตน นางไม่แม้แต่จะเอ่ยทักทายอีกฝ่ายแม้เพียงครึ่งคำ นางไม่อยากจะคิดอะไรหรือว่าคุยกับใครทั้งนั้น แม้หัวใจของนางตอนนี้จะเต้นกระหน่ำเพียงใดก็ตาม"คุณหนู คุณหนูฟื้นแล้ว บ่าวอยู่นี่เจ้าค่ะ"เสี่ยวถานที่รีบวิ่งเข้ามาหาคุณหนูของนางด้วยรอยยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางรู้สึกตัวแล้วหลังจากที่สลบไสลไม่ได้สติไปถึงสองวันเต็มๆ ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะเลือนหายไป เมื่อสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดภายในห้อง"ข้าหิวน้ำ"อวี๋เฟิ่งที่เอ่ยบอกบ่าวคนสนิท เสี่ยวถานที่หันไปมองใบหน้าหม่นเศร้าของท่านแม่ทัพก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ เดินตัวลีบไปรินน้ำมาให้ผู้เป็นนาย ที่รับน้ำมาดื่มอย่างกระหาย หลังจากนั้นก็ล้มตัวลงนอนหันหลังให้ทุกคน"ออกไปได้แล้ว ข้าอยากพักผ่อน"ร่างบางที่เอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยล้าหลับตาลงทันที โดยไม่สนใจที่จะพูดคุยกับใครทั้งนั้น หลังจากนั้นนางก็เผลอหลับไปจริงๆ อย่างอ่อนเพลีย รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่รู้สึกถึงไออุ่นที่ซุกอยู่ตรงทรวงอกอิ่ม ริมฝีปากที่ตอนนี้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้งพลันยกยิ้มขึ้
เกิดการต่อสู้ขึ้นตรงหน้าร้านขายยานั้น พร้อมกับเสียงกรีดร้องของชาวเมืองที่ต่างวิ่งหนีกันชุลมุน เสี่ยวถานที่ถือห่อวิ่งออกมาจากร้านขายยาด้วยกายที่สั่นเทา มองหาร่างเล็กของคุณชายน้อยด้วยน้ำตาเอ่อคลอ หัวใจบีบรัดจนสั่นไปทั้งร่างเมื่อเห็นร่างเล็กนั่งร้องไห้จ้าอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ ร่างบางที่รีบพุ่งกายเข้าไปหาผู้เป็นนายกลับถูกดึงรั้งเขาไว้ด้วยมือของใครคนหนึ่ง"ปล่อยข้า ข้าจะไปช่วยคุณชาย ปล่อยข้าสิ"ทางด้านฉินอ๋องที่มีแม้จะเก่งกาจเพียงใด น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ และคนที่เขากำลังเผชิญหน้าคือแม่ทัพผู้เก่งกล้าแห่งแคว้น และคนของเขาก็กำลังจะเพลี่ยงพลั้ง สายตาที่คล้ายดังสุนัขจนตรอกกลับเหลือบไปเห็นร่างเล็กที่นั่งคุดคู้สั่นเทาด้วยความหวาดกลัวของเด็กน้อยจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปหาร่างเล็ก เพื่อจับเจ้าหนูน้อยผู้นั้นเป็นตัวประกัน แต่ยังช้ากว่าผู้เป็นแม่ทัพที่พุ่งเข้ามาหาร่างเล็กนั้นเช่นกัน ด้วยความที่เป็นห่วงเด็กน้อยผู้นั้น จึงพุ่งเข้าหาร่างเล็กเอากายหนานั้นบังร่างเจ้าตัวน้อยจึงทำให้พลาดพลั้งโดนคมกระบี่ของบุรุษอีกคนที่พุ่งตัวเข้ามาเกิดเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ก่อนจะพลิกกายฟาดกระบี่ในมือตัดแขนของบุรุษผู้นั้นจนเลือดสาดกระเซ็น พร
เมืองตงหนิงเหล่าชายฉกรรจ์ชุดดำนับสิบคนที่เข้ามาภายในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ที่พากันขึ้นไปบนชั้นสองที่มีความเป็นส่วนตัว สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านไม่น้อย เพราะกลิ่นอายของคนเหล่านี้ช่างดูกดดันเสียเหลือเกิน คาดว่าคงมิใช่ชาวบ้านธรรมดาเป็นแน่ โดยเฉพาะบุรุษในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มที่คาดว่าคงจะเป็นนายของกลุ่มคนเหล่านี้ ที่ดูองอาจเหนือบุรุษ ถึงแม้ใบหน้าหล่อเหลานั้นจะมีไรหนวดเขียวครึ้ม แต่กลับส่งให้ใบหน้านั้นยิ่งดูคมเข้มในสายตาคนมอง บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ต่างหลบตาอย่างเอียงอาย"ท่านแม่ทัพขอรับ"จงไห่ ที่เอ่ยเรียกผู้เป็นนายก่อนจะรายงานถึงความคืบหน้า"ตอนนี้คนของเราได้กระจายกำลังออกไปทุกจุดแล้วขอรับ โดยเฉพาะโรงหมอและร้านขายยา และได้ทำการปิดประตูทางเข้าออกในเมืองทุกจุด ตามคำสั่งแล้วขอรับ""ดีมาก ให้คนของเราจับตาบุรุษต้องสงสัยทุกคน ข้าแน่ใจว่าฉินอ๋องยังกบดานอยู่ในเมืองนี้แน่นอน"แม่ทัพเซียวไปซาน ที่ตามจับตัวฉินอ๋อง ผู้ที่คิดการกบฏต่อบัลลังก์ สามารถทลายกองกำลังของฉินอ๋องได้สำเร็จ แต่ฉินอ๋องนั้นหนีรอดไปได้ และหลบหนีเข้ามากบดานอยู่ในเมืองแห่งนี้ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เขานำกำลังมาที่นี่ คาดว่าอีกไม่นานฉินอ๋องคง
เปรี้ยง!!!กรี๊ดดดเฮือกกแม่ทัพเซียวไป๋ซานที่ผวาตื่นขึ้นมาในตอนย่ำรุ่ง หันมองรอบกายที่ยังคงเงียบสงัด มองผ่านช่องหน้าต่างที่มีสายฟ้าแลบแปลบปราบ พร้อมกับสายฝนที่โปรยปรายลงมาก่อนจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มือหนายกขึ้นลูบใบหน้าที่มีหนวดเคราขึ้นเขียวครึ้ม เหงื่อผุดซึมขึ้นจนเปียกชื้น เขาคงจะฝันอีกแล้วสินะ เพียงแค่หลับตาลงเขาก็มักจะฝันเห็นนางอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าป่านนี้นางจะเป็นเช่นไรบ้าง"พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน เฟิ่งเอ๋อ"กรี๊ดดด!อุแว้ อุแว้เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นตามด้วยเสียงร้องไห้จ้าของทารกน้อยท่ามกลางสายฝนพรำในตอนรุ่งสาง สายฝนที่ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตาในตอนแรกพลันขาดเม็ดลง พระอาทิตย์สาดแสงเกิดเป็นภาพความงดงามของเช้าวันใหม่ ฟ้าหลังฝนที่แสนงดงาม "เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ คุณหนู"เสี่ยวถานที่เอ่ยบอกผู้เป็นนายด้วยความยินดี ส่งเจ้าก้อนแป้งตัวอวบอ้วนเข้าสู่อ้อมอกของผู้เป็นมารดา ที่น้ำตาแห่งความยินดีเอ่อคลอดวงตาคู่งาม"เจ้าก้อนแป้งน้อยของแม่"หานอวี๋เฟิ่งที่จ้องมองใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มอย่างรักใคร่หลงใหล รู้สึกตื้นตันใจจนไม่อาจบรรยายออกมาได้ มีเพียงความรักและหวงแหนเจ้าก้อนกลมๆ ตัวน้อยในอ้อมแขน เกิดความร