“คุณต้องได้เห็นแน่ปรายฟ้า คุณต้องได้รู้ซึ้งแน่ว่าคนเลวอย่างผมทำอะไรกับคุณได้บ้าง ผมรู้ว่าคุณมันอยากลองดี แล้วจะได้รู้จักคนชื่อเขมราชคนนี้ลึกซึ้งเข้าไปถึงก้นบึ้งของคุณเลยทีเดียว!”
ชายหนุ่มทิ้งสายตาและถ้อยวาจาพยาบาทลึกไว้ก่อนจะหันกลับไปจับพวงมาลัยและเหยียบคันเร่งให้รถจิ๊บคันเก่าทว่าแรงม้าเต็มพิกัดทะยานไปเบื้องหน้าผ่านป้ายบอกทางของจังหวัดกาญจนบุรี เพียงชั่วแวบปรายฟ้าก็เพิ่งนึกถึงคนขับที่อันตรธานไปพร้อมกับรถของบิดา
“นายย้งล่ะ...นี่คุณทำอะไรกับคนขับรถของฉัน คุณฆ่านายย้งแล้วใช่มั้ย คุณมันไม่ใช่แค่ชอบขโมยของ แต่คุณยังเป็นฆาตกรเลือดเย็นฆ่าคนตายด้วย!”
“หยุดพล่ามซะทีเถอะ!...ไม่มีใครหาคุณพบแล้วตอนนี้ คนขับรถของคุณเขาก็หลับสบายอยู่ในห้องน้ำที่ปั๊มนั่นล่ะ ตื่นขึ้นมาอาจจะแค่มึนและก็ไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเหมือนคุณที่ตอนนี้มารู้ก็สายไปหมดแล้ว”
“เขมราช...คุณจะพาฉันไปไหน...คุณมันคนบ้า ตำรวจต้องตามตัวคุณพบ นี่แค่จังหวัดกาญจนบุรี มันไม่ไกลจากกรุงเทพฯเลย พ่อฉันต้องไม่ปล่อยคุณไว้แน่...เขาต้องฆ่าคุณแน่ ๆ ที่พาฉันมาแบบนี้!”
“เฮอะ!...อยากพูดอะไรตอนนี้ก็พูดไปเถอะ เพราะหลังจากนี้คุณไม่มีสิทธิ์จะได้ใช้คำพูดร้องขอความเห็นใจจากผมอีกแล้ว ผมจะพาคุณไปอยู่ในที่ ๆ เหมาะกับคุณ เหยื่อของคนที่คุณคิดว่าเขาเป็นฆาตกรเป็นโจรห้าร้อย อย่าหลงคิดไปเลยว่ามันไม่ไกลจากกรุงเทพ...อยากจะรู้นักว่าใครมันจะมีปัญญาตามหาคนหายเข้าไปในป่าลึก เตรียมใจไว้รับความทุกข์ทรมานของตัวเองไว้ได้เลย คงต้องโทษว่าที่เจ้าบ่าวของคุณนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุให้คุณต้องมาอยู่กับคนเดนตายอย่างผมแบบนี้!”
ปรายฟ้ามือเย็นเฉียบ หน้าชาขณะกัดปากตัวเองแน่น นี่มันโชคร้ายอะไรกันถึงได้ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าพรั่นพรึงเกินจะกล่าว เธอหายใจขัดอึดอัดจนอกแทบจะระเบิด หญิงสาวร่ำร้องในใจให้ใครก็ได้มาช่วยเธอออกไปจากนาทีอันบีบคั้นซึ่งไม่ใช่ฝัน ปรายฟ้าจิกปลายเล็บลงบนผิวมือซ้ำแล้วซ้ำเล่าและทุกครั้งก็บังเกิดความปวดแปลบแสบบนเนื้อหนังตอบรับความเป็นจริงอันน่าหวั่นกลัวว่าเธอกำลังถูกคนบ้าเลือดลักพาตัวและถูกคุกคามจากทุกการกระทำที่ผู้ชายชื่อเขมราชแสดงออก
ถ้าผู้ชายคนนี้เกิดคิดจะฆ่าเธอขึ้นมาจริง ๆ ก็หารอดพ้นไม่ หากทว่าในความประหวั่นพรั่นใจปรายฟ้ากลับนึกคิดถึงชายที่เขมราชบริภาษอย่างรุนแรง... ก้องกาจ เช่นนั้นหรือที่เป็นคนใจร้ายทำลายน้องสาวของเขาจริง ๆ ก้องกาจ บุรุษที่มีความเป็นสุภาพชนในสายตาของผู้หญิงเช่นเธอ
เขาอ่อนโยนและให้เกียรติคู่หมั้นไม่เคยล่วงเกินเธอแม้ปลายเล็บ แล้วเขมราชเป็นใครกันจึงยัดเยียดข้อหาให้เขาเป็นยิ่งกว่าจำเลยความผิดอุกฉกรรจ์ทว่าผู้ถูกพิพากษารับโทษทัณฑ์กลับเป็นว่าที่เจ้าสาวซึ่งไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย ปรายฟ้านับหนึ่งถึงร้อยเพื่อค่อยปัดเป่าความสับสนภายใน
เธอจะยอมให้เขามาทำเยี่ยงเธอเป็นทาสไม่ได้ ฉะนั้น...เธอต้องคิดหาวิธีหนี แต่แผนการที่เหลือเวลาอยู่เพียงน้อยนิดต้องรอบคอบและสุขุม หญิงสาวข่มความกลัวลงได้ยากเย็นเมื่อภาพถนนหลวงข้างทางแปรเปลี่ยนเป็นแคบเล็กและรกครึ้มด้วยไม้ใหญ่มากขึ้นทุกขณะ
ท่ามกลางความมืดปรายฟ้ามองเห็นเพียงปลายไม้ไหวในที่ร้างไร้แสงไฟสว่างและบ้านผู้คน รถจิ๊ปคันใหญ่โยกโยนไปตามเส้นทางที่เริ่มขรุขระและลาดชันมากขึ้นทุกขณะ เสียงล้อบดเบียดพื้นเป็นหลุมบ้างนูนบ้างบอกให้รู้ว่าเส้นทางเดินรถหมดไปแล้วซึ่งอาจเป็นก้อนหินและรากไม้วางตัวอยู่รายทาง
ใบหน้าคมคายทว่าเคร่งเครียดยังคงสงบนิ่งอยู่หลังพวงมาลัย ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปตามแสงไฟเบื้องหน้าที่สาดส่องเนินดินและหินซึ่งพาดผ่านเข้าไปยังป่ารกชัฏ
สำหรับปรายฟ้าช่วงเวลาบนรถคันนี้เสมือนชั่วชีวิต นานนับชั่วโมงที่คนขับพายานพาหนะเก่าคร่าทว่าแข็งแกร่งหลีกเลี้ยวกิ่งก้านไม้และหินดินดานราวกับเป็นผู้ชำนาญทางอย่างดีแล้ว
เบื้องหลังมีเพียงความมืดทิ้งตัวห่างออกไปมากขึ้น ๆ เสมือนกล่าวคำอำลาต่ออิสรภาพที่น้อยลงทุกทีจนทำให้หญิงสาวยิ่งนึกหวั่นว่าแล้วเส้นทางที่เธอวางแผนหลบหนีเล่าจะสิ้นสุดลง ณ ที่ใด เธอมองไม่เห็นสิ่งใดให้เป็นที่สังเกตได้เลยว่าเป็นจุดเริ่มต้นหรือจุดจบในป่าอันลึกล้ำนี้ ฤาหากจะมีอาจเป็นตัวเธอเองกระมังที่ต้องทำอะไรสักอย่างก่อนเขาจะพาเธอไปจรดที่หมายเบื้องหน้า
“อุ๊ย!...นี่คุณ...ช่วยหยุดรถทีสิ!” ปรายฟ้าคู้ตัวและนิ่วหน้าร้องบอกให้คนขับชะลอคันเร่ง “ทำไม!...เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ!” “ฉันปวดท้องฉี่...คุณขับรถเข้ามาในป่านี่ตั้งนานแล้วนะ ฉันก็อยากทำธุระของฉันบ้างสิ!...โอ้ย!” หญิงสาวต้องร้องเสียงหลงออกมาอีกครั้งเมื่อเขมราชเหยียบเบรคกะทันหันจนร่างของเธอเหมือนถูกกระชากกลับไปกระแทกคอนโซลด้านหน้าอีกครั้ง “นี่คุณ!...เบรคดี ๆ ไม่เป็นรึยังไง ฉันเจ็บไปหมดแล้วนะ!” “เรื่องของคุณ!...ผมไว้ชีวิตคุณมาถึงนี่ก็นับว่าบุญเท่าไหร่ อย่ามาทำลวดลายกับผมก็แล้วกันปรายฟ้า แล้วอย่าหาว่าเขมราชคนนี้ไม่เคยเตือนคุณ!” เสียงคำรามลั่นสั่นประสาทของปรายฟ้าจนกระเจิดกระเจิงไปเกือบหมด หากแต่เธอต้องเก็บความยั้งคิดสุดท้ายที่ตกผลึกไว้ ไม่ว่าสิ่งที่เธอเผชิญจะน่ากลัวมากแค่ไหน หากเธอไม่ลงมือทำอะไร นรกขุมท้ายสุดต้องรอเธออยู่แน่นอน “ผมให้เวลาคุณห้านาที...ถ้าขืนชักช้าผมจะเข้าไปลากคุณออกมาเอง!” เขมราชสาดคำคาดโทษไว้อีกก่อนจะลงจากรถและเดินลงส้นไปเปิดประตูให้หญิงสาวที่นั่งอยู่อีกฝั่ง ปรายฟ้ารีบสะบัดเท้าเรี
ประกายวาววามที่ส่องความเจิดจรัสออกมาจากสร้อยคอแพลตินัมประดับเพชรในกล่องอัญมณีสีนิลสะท้อนอยู่ในดวงตากลมโตสุกใสสีน้ำตาลอ่อนบนเรียวหน้ารูปไข่ที่ไล้เมคอัพอย่างเฉิดฉายใต้กรอบผมซึ่งถูกมวยมุ่นและตรึงไว้ด้วยดอกคามิลเลียสีขาวบริสุทธิ์ เจ้าสาวแสนสวยนั่งส่องกระจกบานใหญ่ขณะพิศดูตนเองในชุดแต่งงานสีงาช้างแต่งด้วยผ้าลูกไม้ คอเสื้อคว้านกว้างเผยให้เห็นเนินอกพองามรำไรหากก็ดูไร้จริตยั่วยวนกลับชวนมองให้ใหลหลงในความดึงดูดใจนั้น ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ได้รับการเลือกสรรมาอย่างดีสำหรับ ปรายฟ้า นิรกิจจากร บุตรสาวบุญธรรมเพียงคนเดียวของ นรา นิรกิจจากร เจ้าของโรงแรมระดับห้าดาวสุดหรู ดิ เอเมอรัล ซิตี้ โฮเต็ล ซึ่งติดอันดับท็อป ไฟว์ หรือหนึ่งในห้าโรงแรมชั้นนำของเมืองไทย “ปราย...เรียบร้อยหรือยังลูก” สาวสวยวัยยี่สิบสามปีซึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ไม่นานหันไปตามเสียงนุ่มลึกของชายวัยกลางคน ผิวขาว รูปร่างสันทัดในชุดสูทสุดเนี้ยบที่เดินเข้ามาถึงตัวเธอและวางมือลงบนไหล่บางอย่างถนอม “ปรายลูกพ่อ...คืนนี้หนูเป็นเจ้าหญิงที่สวยที่สุด นี่ถ้าแม่ของหนูยังอยู่ เขาคงปลื้มใจมากทีเ
“นายย้ง...ช่วยซื้อน้ำแร่ให้ปรายหน่อยค่ะ ปรายหิวน้ำ” เธอบอกคนขับรถที่กลับเข้ามานั่งโดยมิทันได้นึกสังเกตสิ่งใด จวบจนร่างสูงใหญ่กว่าปกติเดินออกไปและกลับเข้ามาอีกครั้งโดยยื่นขวดน้ำแร่ขนาดเล็กให้เธอจากด้านหน้าก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์พารถแล่นไปตามเส้นทางที่ปรายฟ้ามิได้สนใจขณะจิบน้ำแร่แค่นิดหน่อยหากแต่เพียงครู่เดียวกลับรู้สึกว่าความง่วงงุนกำลังเข้ามารบกวนประสาทสั่งงานของเธอเสียแล้ว ปรายฟ้ายังหลงเหลือสำนึกสุดท้ายว่าอาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าที่ต้องเตรียมตัวเพื่อการเป็นเจ้าสาวตั้งแต่เช้าจรดค่ำก่อนทุกอย่างจะทิ้งดิ่งกลับลงไปสู่ภวังค์อันว่างวาย“อืม...อือ....”เสียงหวานนั้นครางลึกอยู่ในลำคออันแห้งผากขณะร่างบางในชุดเจ้าสาวบิดตัวไปมาด้วยเมื่อขบเสมือนมันแทรกซึมอยู่ในกล้ามเนื้อที่คงอยู่กับอากัปกิริยาท่าเดียวติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน แพขนตางอนงามบนเปลือกตาไหวไปตามการหรุบขึ้นลงเมื่อแสงสว่างลอดผ่านเข้าไปในม่านดวงตากลมโต ปรายฟ้าขยับกายเล็กน้อยรู้สึกอยากยกมือขึ้นขยี้ตาที่ยังไม่ชินกับความสว่างที่ค่อย ๆ แทรกตัวเข้ามาในความมืดมิดมากขึ้นทุกขณะหากก็อึดอัดคัดแน่นไปหมดที่ข้อมือทั้งสองเธอมาถึงโรงแรมแล้วหรืออย่างไร..
ดวงตาคมเข้มบนใบหน้าคมคายที่ข้นคลั่กยามนี้จับจ้องอยู่ที่ดวงตากลมใต้คิ้วโก่งรับกับจมูกโด่งปลายรั้นและริมฝีปากอิ่มเต็มซึ่งยังคงฉาบด้วยประกายของลิปสติกอ่อนใส สายตาคู่นั้นแลเลยลงไปยังลำคอเรียวระหงและอดไม่ได้ที่จะมองความงามของเนินเนื้อที่โผล่พ้นเสื้อคอกว้างของชุดแต่งงานออกมารำไร มันไหวกระเพื่อมขึ้นลงจนเขาได้ยินเสียงหอบปนสะอื้นของหญิงสาวชัดเจน ร่างสูงใหญ่เหยียดยิ้มหยันส่งเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ หากแต่สำหรับหญิงสาวราคาแห่งความพอใจจากสายตาที่ไร้ความเป็นมิตรอาจอยู่ที่สร้อยเพชรแบบดราเพอรี่ราคาหลักล้านซึ่งประดับอยู่บนเรือนกายของเธอมากกว่าเป็นอย่างอื่น“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรที่คุณว่ามานั่นหรอก...ปล่อยฉันไปเถอะนะ ได้โปรด...หรือว่า...หรือว่าคุณอยากได้อะไร เอาไปเลย!...นี่ไง สร้อยเพชรเส้นนี้เอาไปขายได้นะ ได้หลายล้านด้วย ฉันจะให้...แค่ปล่อยฉันไป...ฉันจะ...ว้าย!”ปรายฟ้ากรีดร้องสุดเสียงเมื่อกำลังทำท่าจะยกมือที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกขึ้นดึงของมีค่าบนลำคอออกมาหากแต่ไม่ทันมือหนาที่เอื้อมมากระชากมันทิ้งไปทางเบาะด้านหลังราวไม่ใยดี“ทำอะไรน่ะ!...จะบ้ารึไง!...สร้อยนั่นราคาเป็นล้านนะ ราคาของมันมากกว่