ตั้งแต่ลืมตาดูโลกยังไม่เคยพบเจอใครโหดร้ายและไร้เหตุผลอย่างเขมราช หัวใจของเขาดำมืดกว่าราตรีที่กำลังจะผ่านพ้น นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว บิดากับเจ้าบ่าวของเธอเล่า งานแต่งที่เชิญคนมาอีกนับพัน จะโกลาหนและเดือดร้อนกันมากแค่ไหน ปรายฟ้าถอนหายใจเบา ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะส่งลมหายใจแรงออกมาเพราะขืนทำอะไรผิดไปต่อหน้าคนบ้าดีเดือดเธออาจต้องเจ็บลึกจากวาจาที่ยิ่งกว่าแส้เฆี่ยนตีลงบนความรู้สึก หญิงสาวมิอาจข่มตาได้ลงแม้เพียงน้อยใจนั้นจดจ่ออยู่กับรถจิ๊ปภายใต้การบังคับของเขมราชที่แล่นไปบนทางลาดชันสูงขึ้นเรื่อย ๆ เขาขับรถอย่างทรหดอดทนไม่แสดงอาการออกมาว่าเหนื่อยหรือหนักผิดกับตัวเธอที่ความอ่อนล้าและสิ้นหวังประเดประดังเข้ามาบีบอัดสำนึกจนอยากละทิ้งลมหายใจเอาไว้บนหนทางยากลำบากที่พาดผ่าน ปรายฟ้าเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างรถ บนเวิ้งฟ้าเหนือปลายหญ้าและยอดไม้ยามนี้ดาวเดือนคล้ายเคลื่อนต่ำลงจรดกับพื้นเบื้องล่าง ที่ ๆ เขากำลังพาเธอมาคือแดนดินใดในโลกหล้า ที่นี่หาใช่ป่ารกชัฏธรรมดาที่ใครจะหาเธอพบได้ง่ายเสียแล้ว หญิงสาวเริ่มกระจ่างในคำถามของตัวเองเมื่อเขมราชเริ่มชะลอความเร็วลงกระทั่งดับเครื่องยนต์สนิทในบริเวณที่เธอรู้สึกว่าสถานที่นั้นเริ่มโล่งแจ้งมิได้รกเรื้ออย่างทางที่ผ่านมา
“ถ้าคุณคิดจะหนีตอนนี้ผมก็จะไม่ตามคุณไป ไม่อยากตกเหวตายหรือให้ไอ้แมวลายตัวใหญ่คาบไปกินก็เท่านั้น!”
แสงจันทร์อันนุ่มนวลลอดผ่านเข้ามาทางกระจกตกกระทบลงบนใบหน้าคมคายหากวาจานั้นช่างแรงร้ายคอยแต่จะข่มขู่ให้ปรายฟ้านึกกลัว คราวนี้หญิงสาวไม่ตอบโต้อันใดเพราะประจักษ์ด้วยตัวเองแล้วว่าการหนีครั้งแรกที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าสอนให้เธอรู้ว่าการมีชีวิตอยู่ท่ามกลางป่าใหญ่ในตอนกลางคืนช่างไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย เขมราชโน้มร่างใหญ่เข้ามาหาเธออีกครั้ง ปรายฟ้าลืมตัวหยุดหายใจเมื่อใบหน้าคมคายของเขายิ่งเข้ามาชิดแก้มนวลซึ่งอาบด้วยเหงื่อกาฬจากความตื่นเต้นตกใจเมื่อครู่ มือหนาค่อยคลายโซ่ที่มัดร่างนั้นไว้ในขณะที่ชายหนุ่มก็สึกว่ามีบางอย่างสั่นไหวความรู้สึกยามอยู่ชิดใกล้เชลยสาวแสนสวย เขาพยายามข่มใจให้ทุกอย่างเป็นปกติทั้งที่อยากฝังจมูกโด่งลงบนพวงแก้มสุกปลั่งกระทั่งร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นเป็นอิสระจากตรวนที่ถูกคลายออก แม้แต่ปรายฟ้าเองก็ใจเต้นตึกตักยามชายแปลกหน้าเข้ามาใกล้ชิดและนี่เป็นครั้งที่สองที่เธอกับเขาอยู่ห่างกันอีกเพียงคืบหลังฝากจูบแรกในชีวิตแม้ไม่รุนแรงหากก็ทำให้เธอวาบหวามแทบขาดใจ ปรายฟ้าพยามไม่สบตาเข้มคู่นั้นรู้สึกเจ็บใจลึก ๆ ใยต้องรู้สึกแปลกประหลาดเช่นนี้ด้วย เพียงครู่เดียวร่างสูงใหญ่จึงผละออกไปและหญิงสาวได้หายใจหายคอยังไม่ทันเท่าใดประตูด้านที่เธอนั่งก็ถูกดึงออกพร้อมคำบัญชาดังลั่น
“ลงมานี่ ปรายฟ้า!...ถึงที่อยู่ใหม่ของคุณแล้ว” เขาไม่เคยพูดดีแม้เพียงสักหน ครั้งนี้ก็เช่นกัน ตวาดเธอลั่นซ้ำยังดึงร่างนั้นลงจากเบาะรถอย่างไม่ปราณีปราศรัย
“นี่คุณ!...ฉันเจ็บนะ เจ็บมากด้วย ให้ฉันนั่งพักอีกหน่อยไม่ได้รึไง” ปรายฟ้าร้องบอกขณะยืนเอาหลังพิงข้างตัวรถอย่างเหน็ดเหนื่อย การเดินทางอันแสนทุลักทุเลทำเอากระดูกกระเดี้ยวของเธอแทบป่นไปตามแรงไหวโยกอันรุนแรงนั้น เขมราชก้าวเข้ามาและรั้งร่างบางเข้าหาอกของเขา เสียงหายใจที่ราดรดบนใบหน้าของเธอไหวความรู้สึกลึก ๆ ของปรายฟ้าได้อย่างน่าประหลาดนัก
“คุณรนหาที่เองนะปรายฟ้า คนโง่เท่านั้นที่จะวิ่งอยู่ในป่าโดยไม่มีความชำนาญพื้นที่ตอนกลางคืน คุณคิดว่าที่นี่เป็นสนามเด็กเล่นรึไง จะบอกอะไรให้ว่าความตายมันอ้าแขนรอคุณอยู่ทุกวินาทีถ้าไม่ระวังตัว อย่าอวดดีอวดเก่งไปนักเลย คนอย่างคุณน่ะสังเวยชีวิตมานักต่อนักแล้วเพราะความเอาแต่ใจไม่เข้าท่านี่แหละ!”
“ฉันมีสิทธิ์ที่จะคิดหนีไม่ใช่หรือ...คุณต่างหากที่ทำไม่ถูก คุณบีบคั้นบังคับฉันแบบนี้ เป็นใครก็ต้องทำอย่างฉัน คุณน่าจะคิดตริตรองใหม่ คุณเขมราช...คุณลักพาตัวฉันมากฎหมายบ้านเมืองต้องลงโทษคุณ แต่ถ้าคุณกลับใจพาฉันไปส่งที่บ้านฉันสัญญาว่าจะไม่เอาความ”
เขมราชแสยะยิ้มอำมหิตอยู่ใต้แสงจันทร์นวล ดวงตาคู่นั้นวับวาวราวอยากจะเยาะเย้ยในคำร้องขอของหญิงสาว แขนแข็งแรงรัดร่างบางจนเธอหายใจลำบาก อยากจะผลักเขาออกห่างทว่ายากเหลือเกิน
“คุณเชื่อใจพวกหัวขโมยอย่างผมด้วยหรือปรายฟ้า พวกคนใกล้ตายมันก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น ยอมแลกศรัทธากับความปลิ้นปล้อน ยอมแม้แต่เอาวิญญาณของตัวเองแลกกับความสิ้นหวังจากคำขอร้องที่ไม่มีวันเป็นจริง...เชื่อคุณผมก็โง่ สู้เก็บคุณเอาไว้ดีกว่า เพราะค่าตัวของคุณมันก็คือความทุกข์ทรมานของไอ้ผู้ชายเลวระยำคนนั้น!”
“ปล่อยนะ!...ปล่อยฉัน!...ปล่อย!...” ชายหนุ่มตวัดแขนเกี่ยวร่างระหงที่ขืนตัวแม้อ่อนแรงเดินตรงไปยังบ้านไม้หลังใหญ่ซึ่งพาดเงาดำทะมึนใต้แสงจันทรา ความหวาดกลัวถึงขีดสุดแล่นปรี่เข้าจับหัวใจของหญิงสาว เขมราชอาจทรมานเธอด้วยวิธีการที่มิอาจหยั่งรู้ในบ้านอันห่างไกลเกินใครจะเข้ามาช่วยแห่งนี้ ชายหนุ่มพาเธอเหยียบขั้นบันใดขึ้นไปยังตัวบ้าน และเมื่อบานประตูถูกผลักออกเขาจึงสลัดร่างนั้นซวนเซลงไปนอนกองอยู่กับพื้นราวสิ่งของที่เขาไม่คิดจะใยดี ร่างของปรายฟ้าสั่นสะท้านไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ที่นี่ไม่มีแสงนีออนนอกจากตะเกียงเก่าห่อหุ้มเปลวน้อยสาดความสว่างรางเลือนออกมาภายนอก หญิงสาวลุกขึ้นนั่งกอดเข่าขณะที่บุรุษร่างสูงใหญ่ย่อกายลงด้านหน้าเพื่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุดันไม่แปรเปลี่ยน “ตอนนี้ตีสามแล้ว...ผมให้เวลาคุณนอนได้จนถึงเวลาแสงแรกของวันใหม่ ถ้าไม่ตื่นผมจะเป็นคนปลุกคุณด้วยตัวเอง!” คนออกคำสั่งกล่าวจบก็เดินลงส้นออกไปและปิดบานประตูลงโครมใหญ่ปล่อยให้ร่างบอบบางนั่งกอดเข่าในความเงียบงันทั้งหยาดน้ำตา ปรายฟ้าเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นกับชะตากรรมของตัวเองที่ไม่เคยนึกฝัน เรือนผมอ่อนนุ่มที่ถ
ขณะที่ปรายฟ้าก้มหน้ามองบาดแผลเขาก็เพิ่งเห็นความงดงามตรงหน้าชัดเจนกว่าที่เคยเห็นท่ามกลางความมัวหมองในยามค่ำคืน ความสวยหวานของปรายฟ้าดึงดูดนัยน์ตาเข้มที่เผลอจ้องมองจนแทบลืมความตั้งใจทุกอย่างไปในฉับพลันทันใด หากแต่เขมราชกลับต้านทานมันไว้ได้ก่อนจะชักสีหน้าบูดบึ้งดุดันใส่เธออีกคำรบ “ผู้หญิงจอมมารยา!...แผลนิดเดียวร้องไห้ซะลั่นบ้าน ช่างไม่มีความอดทนเอาซะเลยคุณหนูบ้านนิรกิจจากร พ่อของคุณไม่เคยสอนให้คุณรู้จักอดกลั้นอะไรบ้างหรือกับความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้” “เขาสอนฉัน...เขาสอนให้ฉันรู้จักอดทนอดกลั้น แต่ไม่เคยสอนฉันให้ทำร้ายคนอื่นโดยเฉพาะคนไม่มีทางสู้ที่อ่อนแอ” ปรายฟ้าไม่ยอมลงให้เขาแม้เพียงสักนิด ใบหน้าเชิดและคำพูดจาคะคานทำให้เขมราชลุแก่โทสะอีกหน ชายหนุ่มจับไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวไว้แน่น ดวงตาเข้มคลั่กฉาบฉายด้วยประกายไฟร้อนจากความเคียดขึ้งจนสุดประมาณ “คนอ่อนแอบางครั้งก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมแพ้ให้คู่ต่อสู้นี่ใช่มั้ยปรายฟ้า! คนอ่อนแอบางทีก็เป็นนักวางแผนจ้องจะทวงคืนจากคนที่ทำร้ายตัวเองเหมือนคุณไง!” “ฉันเจ็บนะ!...ฉันไม่ได้วางแผน ฉั
“คุณมัน...โรคจิต” “คุณว่าอะไร!” “ฉันไม่ได้ว่าอะไร!” ปรายฟ้าหน้านิ่วเมื่อชายหนุ่มทำดังที่เขาบอกจริง ๆ ด้วยการนั่งลงบนลานหินที่เขาหยิบผ้าโยนให้เธอเมื่อครู่ หญิงสาวนั่งตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับตัวเองเพราะตั้งแต่บั้นเอวลงไปเปียกปอนอยู่ในธารน้ำจนหมด ร่างระหงก้มลงมองผ้าในมือซึ่งเป็นผ้าถุงและเสื้อกับกางเกงเพียงเท่านั้น เขมราชคงบ้าไปแล้วจะให้เธอมาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเขาได้เยี่ยงไร แต่แล้วสายตาคู่นั้นก็เหลือบไปพบโขดหินใหญ่อีกด้านซึ่งอยู่ใกล้กัน อย่างน้อยที่สุดถ้าแอบอยู่หลังโขดหินนั่นก็อาจรอดพ้นสายตาดุจพญาอินทรีย์ที่กำลังจับจ้องเธออยู่ในตอนนี้ได้เป็นแน่ “นั่นคุณจะไปไหน!” เขมราชลั่นคำถามเมื่อเขาเห็นว่าปรายฟ้าฝืนกำลังหยัดกายขึ้นลุยน้ำไปอีกฝั่งหนึ่งอย่างทุลักทุเล “ฉันไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าคุณหรอกนะ ฉันจะไปเปลี่ยนผ้าที่หลังโขดหินนั่น” “ผมบอกแล้วไงว่าจะไม่ให้คุณทำอะไรคลาดสายตา ผมจะพาคุณไปเปลี่ยนเอง!” “นี่คุณ!” ปรายฟ้าจะร้องห้ามแต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วเมื่อร่างสูงใหญ่ก้าวพรวดเดียวมาถึงตัวเธ
“ถ้ารู้จักรักษาสัญญาแบบนี้ ไม่ดื้อดึงแต่แรกก็คงไม่ต้องเจ็บตัวอีก” เสียงของเขมราชดังขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้ามาขณะมองเธอด้วยสายตาหยามเหยียด เขาคงหัวเราะเยาะในความดึงดันอันไร้ผล เขาคงนึกเย้ยเธอที่ตอบโต้อะไรไม่เคยสำเร็จเสียที ปรายฟ้าเชิดหน้าก่อนจะตัดพ้อเขาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ถึงจะไม่เจ็บตัวก็ต้องเจ็บใจเพราะคำพูดร้าย ๆ ของคุณอยู่ดี มันไม่มีอะไรแตกต่างสำหรับการอยู่ที่นี่ อยู่ในที่ ๆ ฉันก็ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมคุณถึงพาฉันมา” “ผมบอกคุณไปจนหมดแล้ว และก็จะไม่อธิบายซ้ำเป็นหนที่สอง แต่สำหรับเวลาที่เหลือจากนี้คุณจะได้พบกับเหตุผลที่ผมพาคุณมาที่นี่ด้วยตัวคุณเอง” “คุณจะพาฉันไหนอีก!” ปรายฟ้าร้องออกมาเมื่อเขาดึงมือเรียวบางให้ร่างนั้นเดินตามออกไป เขมราชหยุดก้าวเท้าชั่วขณะและหันมาเค้นเสียงหนักกับหญิงสาว “ผมจะพาคุณไปพบกับเหตุผลนั่นยังไง เหตุผลที่ทำให้คุณต้องมาอยู่ที่นี่ มันอาจไม่เลวร้ายสำหรับว่าที่เจ้าสาวที่กำลังจะเข้าพิธีอย่างหน้าชื่นตาบาน แต่สำหรับคนบางคน ความสุขของคน ๆ หนึ่งมันเป็นหลุมฝังกลบให้คนอีกคนต้องตายทั้งที่ยังหายใจ!”
“ปรายฟ้ามาอยู่กับเราที่นี่ ขิมจะได้ไม่เหงายังไงล่ะ” หญิงสาวไม่รู้ว่าเขมราชพูดอะไรผิดไปเพราะจู่ ๆ น้องสาวของเขาก็ร้องไห้ออกมาจนน่าตกใจ “ขิมไม่เหงา ขิมไม่อยากอยู่กับใคร ขิมจะอยู่กับลูกของขิม ก้องล่ะ...ก้องไม่มาหาขิมเลย ฮือ...ฮือ...ก้องทิ้งขิมไปแล้ว” ชายหนุ่มรีบผละจากคนในอ้อมแขนเข้าไปตระกองกอดเขมรินอีกครั้งโดยภาพที่ปรากฏตรงหน้าจู่โจมความรู้สึกของปรายฟ้าจนอ่อนแรง เขมริน น้องสาวของเขาเสียสติเพราะ ก้องกาจ ความสลดหดหู่แล่นเข้าปะทะเกราะกั้นความนึกคิดที่มีความกังขาเป็นล้นพ้นจนพังทลาย ทุกอย่างเป็นความจริงหรือนี่...เจ้าบ่าวที่แสนดีทำให้ผู้หญิงตรงหน้าสูญเสียสัมปชัญญะในการควบคุมตัวเองถึงเพียงนี้เทียวหรือ ปรายฟ้าอยากจะเกลียดเขมราชให้มากกว่าที่เคยคิด ทว่าความจริงอันน่าเจ็บปวดที่ทะลุทะลวงความรู้สึกของเธอคือความทุกข์ทรมานของคนอีกคนซึ่งต้องทนแบกรับลมหายใจอันไร้วิญญาณของคนที่ตัวเองรักบทที่ ๓ ความเชื่อใจ “นี่เป็นห้องนอน...ของเรา” เขมราชเอ่ยขึ้นขณะดึงมือหญิงสาวตามเข้าไปในห้องหนึ่งบนตัวบ้านหลังปลุกปลอบใจเขมรินจนหยุดร้องไห้และปล่อยเธ
เขมราชถือสิทธิ์ในเรือนร่างนั้นอีกหนด้วยการกดริมฝีปากของเขาดูดกลืนเสียงที่กำลังจะทักท้วงของปรายฟ้าไว้แน่นสนิท หญิงสาวมินึกรู้อันใดนอกจากร่างกายที่ใกล้หลอมเหลวด้วยไฟร้อนภายในของชายหนุ่มซึ่งตอกย้ำซ้ำ ๆ ผ่านการสัมผัสชิดใกล้ในสถานที่อันเป็นใจเช่นนี้ “อืม...” คราวนี้เขาเป็นฝ่ายครางลึกในลำคอราวพึงพอใจต่อการชดใช้อันน่าเสน่หา มือเรียวบางที่ผลักใสเขาไปเมื่อครู่กลับลู่ลงแนบกับอกกว้างเสมือนแรงต้านทานสูญสิ้นไปด้วย ร่างบางถูกดันไปข้างหลังจนแนบกับบานประตูหากแต่ชายหนุ่มมีทีท่าว่าจะไม่ยอมเลิกราบดขยี้กลีบปากนุ่มราวดอกไม้ฉ่ำฝนนั้นโดยง่าย ครั้งนี้ปรายฟ้าแทบจะหลอมละลายเพราะการจาบจ้วงอย่างย่ามใจด้วยปลายลิ้นล้วงลึกเสมือนจะกลืนกินตัวเธอให้หมดกระนั้น “คุณเขม...ปล่อยค่ะ..ได้โปรด” หญิงสาวครางครวญเมื่อเขมราชเลื่อนริมฝีปากผ่านลงไปยังลำคอขาวเนียน เขาฝังความรุ่มร้อนไว้ที่ตรงนั้น ซุกไซ้จนปรายฟ้าขนลุกชันด้วยความวาบหวิว นี่คือความรู้สึกแปลกใหม่อันเบ่งบานออกมาจากแก่นกลางของความปรารถนาที่กำลังหยั่งลึกลงไปในห้วงอารมณ์ซึ่งถูกสั่นไหวของคนทั้งสอง ร่างสูงใหญ่คล้ายหยุดตัวเองไม่ได้ขณะที่ร่าง
แสงสุดท้ายลาลับทิวเขาไปนานแล้ว ก่อนราตรีกาลจะมาถึงบ้านกลางเขาสูงและป่าลึก ปรายฟ้าต้องกระวีกระวาดไปอาบน้ำเพื่อกลับมาหุงข้าวด้วยเตาไฟโบราณแสนยุ่งยาก เกิดมาไม่เคยทำอาหารพาลจะไข้ขึ้นตั้งแต่ตอนสุมไฟถ่าน เธอรู้เพียงว่าที่นี่เขมราชอยู่กับน้องสาวของเขาแค่สองคนและคงมีสิงห์สาราสัตว์รวมทั้งไม้ใหญ่เล็กรายล้อมเป็นเพื่อน “อะไรกันนี่!...ข้าวดิบ...โอย!” หญิงสาวอารมณ์ห่อเหี่ยวเมื่อเปิดฝาหม้อข้าวพบกับผลงานของตัวเองโดยไม่คาดฝัน เธอจำต้องตักข้าวดิบใส่จานและกลืนลงคอประทังความหิวไปก่อน เขมราชไม่คิดจะกินข้าวปลาหรืออย่างไรเพราะเธอเห็นเขายังนั่งอยู่ในสวนดอกไม้กับน้องสาวที่อิงแอบบ่ากว้างนั้นอยู่ตลอดเวลา นึกดูทีรึก็น่าสงสาร แต่แม้เป็นจริงตามคำบอกเล่าก็ช่างไร้เหตุผลที่เขาลักพาเธอมาเช่นนี้ ซ้ำไม่เคยคิดจะใช้วาจาถ้อยทีกับเธอแม้สักครั้ง ปรายฟ้ากลับมานึกเห็นใจตัวเองมากกว่าที่ต้องกลายเป็นเป้านิ่งให้เขาคอยจับผิด ยิ่งพูดถึงก้องกาจมากเท่าใดหัวใจของเขาก็ดังถูกสุมเชื้อไฟให้เพลิงแค้นยิ่งลุกโชติมากเท่านั้น แต่หากปรายฟ้าอยู่นิ่งเฉยไม่พูดอะไรเสียบ้างเธอเองที่จะเป็นฝ่ายผิดในสายตาของเขามากขึ้นทุกที ปรายฟ้
หญิงสาวเผลอไผลมองความหล่อเหลาราวเสกสรรและเรือนร่างสูงใหญ่กำยำทอดกายเหยียดยาวบนฟูกด้านล่างด้วยความรู้สึกต่างไปจากครั้งแรกที่ได้เห็น ยามหลับเขมราชก็เฉกเช่นปุถุชนทั่วไปดูไร้พิษภัยตรงข้ามดึงดูดความสนใจจากดวงตากลมโตคู่นั้น เธอปรารถนาให้เขาหลับอยู่เช่นนี้นาน ๆ จะได้ไม่ต้องตื่นขึ้นมาพูดพาลให้เธอเสียใจ “อะไรกันครับนี่!...คุณลุง นี่มันเกือบจะสัปดาห์หนึ่งแล้วนะครับที่ปรายฟ้าหายไป” เสียงหนัก ๆ กระฟัดกระเฟียดดังกลบความเงียบภายในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ราวคฤหาสน์ของตระกูล นิรกิจจากร ขณะที่ชายวัยกลางคนผิวขาวเจ้าของบ้านซึ่งอยู่ในชุดลำลองนั่งนิ่งมองบุรุษร่างสูงในชุดสูทเดินไปมาอย่างครุ่นคิด นราระบายลมหายใจยาวก่อนหันไปทางนายย้งคนขับรถซึ่งยืนสงบนิ่งอยู่อีกด้านหนึ่งด้วยสีหน้าไม่ใคร่สู้ดีเช่นกัน “นายย้ง...ถามจริง ๆ เถอะ จำหน้าคนโปะยาสลบที่ปั๊มไม่ได้จริง ๆ ล่ะหรือ?” นราเอ่ยถามอย่างขัดใจทั้งรู้ว่าคำตอบที่ได้ไม่ต่างจากตอนให้ปากคำตำรวจ “ผมจำอะไรไม่ได้เลยครับคุณท่าน...พอลงจากรถไปเข้าห้องน้ำก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาทางข้างหลัง จากนั้นก็วูบไปเลย ตื่นมาอีกทีก็อยู่ในห้อ
“คุณจะรู้อะไร! นังนั่นมันคงหลอกล่อคุณให้ตายใจด้วยความสวยของมัน... ลูกสาวของนรา เจ้าของ ดิ เอเมอรัล ใครก็รู้ว่าสวยหยาดฟ้ามาดิน แต่ในวงสังคมมันก็เป็นแค่เจ้าสาวที่คงถูกพวกโจรพาไปทำปู้ยี่ปู้ยำจนหมดแล้ว คุณไม่มีวันรู้หรอกเขมว่ามันมีสามีมากี่คนแล้วก่อนจะถึงมือคุณ”“คุณคงอยากได้ความกระจ่างมากกว่าที่มืดบอดอยู่ ผมนี่แหละ ผู้ชายคนแรกของปรายฟ้า คนที่ฉุดเธอไปจากงานแต่งคืนนั้นคือผม เขมราช อัครินทร!”“กรี๊ด!...ไม่จริง!...เขม คุณจะบ้ารึไง คุณพูดออกมาได้ยังไงว่าคุณเป็นคนฉุดปรายฟ้าไป คุณแกล้งอัญใช่มั้ยถึงได้กุเรื่องบ้าบอคอแตกนี้ขึ้นมา!”“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น คนอย่างผมไม่เคยล้อใครเล่น และไม่รู้จักการโกหก โดยเฉพาะกับคนที่ผมรัก”เขมราชดูจะใส่ใจต่อเสียงกรีดร้องปลายสายน้อยลงในทุกขณะเมื่อร่างที่เขาทาบทับอยู่นั้นเป็นฝ่ายผงกศีรษะขึ้นมาเพื่อมอบจูบอันหน่วงหนักโดยละทิ้งความกริ่งเกรงในคราวแรกว่าสามีของเธอจะใจอ่อนต่อผู้หญิงคนนั้น“เขม...คุณต้องสั่งทนายของคุณให้หยุดเดินเรื่องฟ้องอัญเดี๋ยวนี้นะคะ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ อัญเป็นแฟนคุณ ไม่ใช่คู่กรณีทางกฎหมายแบบนี้”“ก็แค่เคย...ผมจะไม่พูดอะไรในตอนนี้ เพราะคนที่จะพูดแทนผมได้คื
“ผมรักคุณนะปราย...มากกว่าอะไรในโลกนี้”เสียงปนหอบขานรับดังชัดกว่าสายฝนพรำและประทับลงสู่เบื้องลึกของความทรงจำที่มี เขา เสมอมิเสื่อมคลาย“ปรายก็รักคุณค่ะ...มากกว่าอะไร...ในโลกนี้”เสียงนกร้องปลุกสำนึกแรกของเขมราชให้ลืมตาตื่นรับประกายแดดอ่อนเบาที่ทอดผ่านเข้ามาทางบานกระจกหน้าต่างหลังคืนฟ้าฝนตกหนักผ่านพ้นไป เปลือกตาใต้โครงคิ้วหนาเป็นปื้นกระพริบถี่รัวเพื่อปรับม่านนัยน์ตารับแสงแรกของอรุณใหม่ภายในเรือนไม้หลังงามซึ่งเขาชื่นชมนักเมื่อมาถึงครั้งแรก ชายหนุ่มยังไม่ขยับตัวไปทางใดเมื่อดวงตาคมเปิดรับภาพอันชัดเจนและตรึงตราของปรายฟ้าที่ยังนอนหนุนแขนของเขาต่างหมอนตลอดทั้งคืน ร่างสูงใหญ่บิดตะแคงเพียงน้อยเพื่อเพ่งพิศความงามของร่างเล็กเปลือยเปล่าซึ่งยังคงทิ้งตัวในนิทรารมย์ใต้ผ้าห่มคลุมแค่เนินเนื้ออิ่มเผยเนียนผิวขาวช่างเจิดจรัสราวกุหลาบงามใต้ละอองแดดอาบไล้ฉาบประกายชมพูบนเนื้อนวลอันหมดจดผู้อยู่ในอ้อมแขนขยับตัวบางครั้งเพื่อบดเบียดตัวเองเข้าหาแผ่นอกกว้างทำให้เขาได้กลิ่นหอมเบาบางจากเรือนผมดำยาวสยายเต็มหมอนโอบล้อมวงหน้ารูปไข่และแก้มเปล่งปลั่งตามธรรมชาติโดยไร้การแต่งเติมสีสันใด ๆ ทว่าก็ช่างน่ามองนัก ทุกครั้งที่ร
“คะเขม”“ผมลืมไปว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่คุณกับผม”“คุณหมายถึงลูกของเราใช่ไหมคะ”เขมราชเลื่อนตัวลงแนบข้างแทนที่จะทิ้งน้ำหนักบนร่างสาวโดยตรงพลางวางฝ่ามือหนาลงบนหน้าท้องที่ยังเรียบตึงแต่ก็เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวช่างนุ่มนิ่มอิ่มอวบขึ้นมากกว่าแต่ก่อน หากก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความมีน้ำมีนวลนี้เร่งเร้าให้เขาอยากสัมผัสเธอไปทุกส่วนสัด ยิ่งเนินถันอวบอัดที่กระเพื่อมขึ้นลงนั้นดูคล้ายบัวตูมดอกใหญ่อิ่มขยายชูช่อรอรับหยาดแห่งความฉ่ำชื่น“เขาจะเป็นอะไรมั้ยถ้าเรา...”ปรายฟ้าวางมือบางบนหลังมือที่แนบอยู่บนแผ่นผิวหน้าท้องราบเรียบด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด“เขาอยู่ลึกมากเลยค่ะเขม ปรายยังไม่รู้สึกว่าเขาตอบสนอง แต่เขาอยู่ที่นั่นค่ะ”“ปราย...ที่ผมรีบตามคุณมาที่นี่เพราะกลัวว่าคุณจะทำอย่างขิม เป็นความจริงที่ผู้ชายตัดสินใจทำอะไรได้รวดเร็วเด็ดขาด แต่เรื่องความใจเด็ดเราอาจมีไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของผู้หญิง”ร่างเล็กเบียดตัวเองเข้าหาความแข็งแกร่งกำยำราวจะบอกในทีว่าถึงอย่างไรสตรีก็ไม่เคยลืมทิ้งความอ่อนหวานให้บุรุษถวิลหา“คุณกำลังจะว่าผู้หญิงโหดเหี้ยมกว่าผู้ชาย ถึงยังไงเราก็สู้คนตัวโตกว่าไม่ได้อยู่แล้วนี่คะเขม”เขมราชลากปลาย
“ปราย...ผมจะแต่งงานกับคุณ”ปรายฟ้าชะงักงันแม้ชุดนอนจะถูกรั้งลงไปกองอยู่ข้างเตียงเหลือเพียงร่างงามเปล่าเปลือยผ่องผุดใต้แสงเย็นตา เขมราชไล้ปลายนิ้วสากไปบนผิวนิ่มลื่นบนไหล่บางและเกลี่ยปลายผมที่ทิ้งตัวลงมาปิดถันอิ่มออกไปโดยไม่ได้สนใจดวงตากลมโตฉายความฉงนของอีกฝ่ายแต่อย่างใด“เขมคะ...ปรายแต่งงานกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ”หญิงสาวจับมือของเขาที่ไล้ลูบบนเนินทรวงทั้งที่ความรุ่มร้อนเริ่มแผดเผาจากข้างในทว่าก็ยังมีข้อสงสัยที่เธออยากคลี่คลายมันเสียก่อน“มีอะไรที่ยากลำบากสำหรับคุณหรือปราย ในเมื่อตอนนี้ก้องกาจก็อยู่ต่างประเทศ”“มันไม่ได้เกี่ยวกับพี่ก้อง แต่มันเป็นชื่อเสียงของคุณ ประธานกลุ่มบริษัทอัครินทรต้องหมองมัวแน่ถ้าสังคมรับรู้ว่าคุณจะลงเอยกับเจ้าสาวที่ถูกฉุดหายไปในวันแต่งงาน... ปรายฟ้า นิรกิจจากร”“คุณคือปรายฟ้า อัครินทร ต่างหาก ลืมไปแล้วหรือว่าหลักฐานในทะเบียนสมรสระบุไว้อย่างนั้น หรือถ้าคุณคิดว่ามันยังไม่ชัดเจนพอ ผมก็จะขอเอาตัวเองพิสูจน์กับคุณเสียเดี๋ยวนี้เลย”“เขม...” เรียวปากจิ้มลิ้มอ้าออกไม่ทันคัดค้านก็ถูกประกบปิดไว้แน่นแนบจากเจ้าของใบหน้าคมคาย ชายหนุ่มไม่ต้องการประวิงเวลาไว้สำหรับความเข้าใจอันลึก
“ปราย...” เขาแน่ใจว่าเธออยู่ตรงนั้นในเวลาที่ยังรำลึกถึงคำพูดซึ่งเขายังจดจำอยู่เสมอ“ปรายกลัวเสียงฟ้าผ่าค่ะ...เป็นมาตั้งแต่เด็ก แก้ไม่เคยหายเลย”“แล้วเมื่อก่อนเวลาคุณกลัว...คุณทำยังไง” “ปรายชอบแอบอยู่ข้างเตียง...ตลกมากใช่มั้ยคะ ปรายไม่เคยบอกใครเลย”ชายหนุ่มก้าวไปหยุดใกล้ ๆ และเห็นชัดว่าร่างเล็กห่อกายด้วยผ้านวมผืนใหญ่ซุกตัวอยู่ติดผนังห้องตรงหัวเตียงด้านล่าง“เขม...เขมคะ” เสียงสั่นเครือบอกความกลัวเจือด้วยความเว้าวอนนั้นทำให้เขมราชรู้ตัวว่าเขาคงมิอาจทอดทิ้งปรายฟ้าไปไหนได้อีกแล้วเมื่อร่างสูงตระหง่านตรงเข้าไปคุกเข่าและกอดหญิงสาวในผ้านวมแนบแน่น“ปราย...ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว อย่ากลัว ผมจะปกป้องคุณเอง”ร่างอรชรสลัดผ้าผืนหนาออกก่อนสอดแขนเรียวโอบรอบแผ่นหลังกว้างราวกับเธอก็หมดสิ้นแล้วซึ่งทิฐิและความถือดีใด ๆ นอกจากหัวใจเพรียกหาสามีผู้เป็นที่รัก“ไหนคุณบอกนายย้งว่าคุณจะกลับกรุงเทพแล้วไงคะ คุณจะกลับไปจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”“คุณเชื่อที่ผมพูดหรือ...แล้วคุณรู้ได้ยังไง คุณได้ยินทุกอย่างใช่มั้ยที่ผมคุยกับนายย้งข้างนอก”ชายหนุ่มใช้มือทั้งสองแนบลงกับหูของหญิงสาวและตรึงให้ใบหน้าหวานเผชิญกับเขาอย่างนุ่
“จะให้ผมรับหมอมาดูอาการของคุณเขมราชที่นี่หรือเปล่าครับคุณปราย”นายย้งเสนอตัวก่อนหันไปมองใบหน้าคมคายซีดเผือดบนร่างสูงกำยำซึ่งยังนอนหายใจหนักใต้ผ้าห่มผืนหนาด้วยความร้อนยังไม่ทุเลาเบาลง“ไม่ต้องหรอกค่ะ...นายย้งคอยเฝ้าดูอาการของเขาตรงนี้แล้วกันนะคะ ถ้าไข้เขาลดแล้ว...”ปรายฟ้าระบายลมหายใจก่อนพูดต่อเสียงหวิว“ปรายจะซื้อตั๋วเครื่องบินให้นายย้งพาเขาไปส่งที่กรุงเทพค่ะ”“คุณปรายครับ...แต่ว่าคุณเขมราชเพิ่งมาถึงนะครับ แล้วถ้าให้ผมพาเขากลับกรุงเทพคุณปรายจะอยู่กับใคร”“ปรายอยู่คนเดียวได้ค่ะ! ปรายอยากอยู่คนเดียวมากกว่าจะมีเขา ซึ่งการที่มีเขาหรือไม่มี ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างนี่คะนายย้ง”ร่างบางกล่าวจบก็เดินออกไปจากที่นั้นซึ่งนายย้งรู้ดีว่าคุณหนูของเขาคงไปนั่งจัดดอกไม้ในสวนข้างบ้านอย่างเคย เขาส่ายหน้าไปมาก่อนพูดกับตัวเอง“เฮ้อ!...คุณปรายของย้ง ดูเหมือนจะใจอ่อนแล้ว บทจะแข็งขึ้นมาก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน”.ใช่แต่คำพูดของนายย้งที่แทรกซึมเข้าไปในประสาทรับรู้ของเขมราช ถ้อยวาจาก่อนหน้าของปรายฟ้าก็ยังดังชัดเจนในหูของคนทำทีเสมือนหลับหากก็เปิดเปลือกตาขึ้นมาเมื่อผู้รับคำสั่งให้คอยดูแลเดินกลับเข้าไปในครัวแล้ว“ตื๊อเท
ร่างอรชรโคลงศีรษะขับไล่ความมึนงงก่อนลุกขึ้นจากเตียงอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงผ้าไหมเรียบลื่นสีครีมขับประกายผุดผ่องบนผิวขาวอมชมพูในวันท้องฟ้ายังขมุกขมัว และเมื่อเธอเปิดประตูห้องนอนก็ยังรู้สึกว่าบ้านช่างเงียบเชียบ...หรือเขมราชกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วแต่แล้วหญิงสาวก็หมดสงสัยเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ยังคงนอนเหยียดยาวใต้ผ้านวมคลุมมิดชิดถึงลำคอบนโซฟาบุหนังต่างที่นอนตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ทุกอย่างยังคงเงียบจนดูเหมือนผิดปกติยินเพียงเสียงหายใจหนักซึ่งเริ่มทำให้หญิงสาวเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาสบายดี เธออยู่กับเขมราชจนรู้ว่าเขาไม่ใช่คนชอบนอนตื่นสาย เขาตื่นเช้ามากจนหลายครั้งเธอก็ยังนึกอายเมื่อลืมตาขึ้นมาในอ้อมแขนและเห็นนัยน์ตาคมคู่นั้นจ้องมองเธอยามหนุนแขนหนาใหญ่แนบอกกว้างจนไม่อยากขยับตัวลุกจากที่นอน“คุณเขมราช...คุณเขม...เขมคะ” ปรายฟ้าคุกเข่าลงใกล้ ๆ พลางเรียกเขาซ้ำ ๆ จนหลงลืมเรียกสามีตัวเองอย่างคุ้นเคยอีกครั้ง ทว่าคำตอบของเขาคือเสียงทอดลมหายใจยาวและหนักสลับกับเสียงครางในลำคอ“คุณเขม!” หญิงสาวใจหายวาบเมื่อวางหลังมือบางลงบนหน้าผากของชายหนุ่มและสัมผัสที่ได้คือความร้อนแล่นไหลไปตามอณูผิว ปรายฟ้ากำลังจะดึงมือกลับหากก็ถ
“ปราย...”ปรายฟ้าหยุดชะงักเมื่อเก็บร่มและหันหลังให้เขาขณะกำลังจะก้าวกลับเข้าบ้าน“ผมรู้ว่าคุณไม่ใจร้ายปล่อยให้ผมตายอยู่ข้างนอกแน่ และผมก็รู้ว่า...คุณกลัวเสียงฟ้าร้อง”ชายหนุ่มนิ่งมองแผ่นหลังของร่างเล็กภายใต้เสื้อคลุมตัวยาวท่ามกลางแสงอ่อนจากโคมไฟในยามท้องฟ้าหมองมัวและบรรยากาศขะมุกขมัวด้วยละอองน้ำปรายโปรย ผมยาวปล่อยสยายบนไหล่บางสะท้อนความงามเงาดึงดูดสายตาของเขาเสมอ ปรายฟ้าฝืนก้าวเท้ากลับเข้าไปทั้งที่เวลาเช่นนี้เธอปรารถนาอ้อมกอดของเขาล้นเหลือ หากแต่ความโกรธทำให้หญิงสาวอยากเกลียดเขาให้มากเท่าที่เขาเคยทำให้เธอเจ็บช้ำแทบหมดสิ้นกำลังใจ“ฮัดเช้ย!” เสียงจามเป็นระยะของเขมราชทำให้ปรายฟ้าซึ่งกำลังหอบผ้านวมและหมอนมาวางกองบนโซฟาภายในห้องรับแขกอดที่จะเหลือบมองร่างกำยำที่สวมกางเกงแพรตัวเดียวขณะนั่งลูบผ้าขนหนูไปบนเรือนผมสั้นทว่าเปียกชื้นนั้นไม่ได้ ร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบนหน้าอกกว้างและหน้าท้องเป็นลอนน่ามองทุกครั้งที่มันขมวดเกร็งและกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจ“คุณนอนตรงนี้ก็แล้วกัน จะกลับพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือคะ?”“ผมบอกแล้วไงว่าจะมาอยู่คอยดูแลคุณแทนคุณพ่อ แล้วจะไล่ผมกลับไปแบบนี้ได้ยังไง”“บ้านนี้ห้อ
ปรายฟ้าร่ำรองอยู่กับตัวเองขณะนั่งบนฟูกนุ่มรองด้วยเตียงไม้ฉลุลายโบราณภายในห้องนอนกว้างซึ่งอวลด้วยกลิ่นดอกไม้หอมในแจกัน หญิงสาวพยายามสลัดภาพใบหน้าคมคายออกจากหัวใจทั้งที่รู้ว่าไม่เคยทำได้สักที ก็จะเป็นไรไปเล่า เขาอยากจะนั่งเฝ้าคอยเธอก็ให้เขานั่งต่อไป ร่างอรชรลุกจากที่นอนและทำเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันนี้ทั้งที่ใจเต้นระส่ำเมื่อได้ยินเสียงฝนหล่นกระทบหลังคาดังเปาะแปะก่อนหยาดพิรุณจะทิ้งเม็ดหนามากขึ้นทุกทีเมื่อมองลอดกระจกหน้าต่างมัวหมองด้วยฝ้าน้ำออกไปปรายฟ้ายังพยายามนิ่งใจเย็นหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนผ้าซาตินสายเดี่ยวสวมทับด้วยเสื้อคลุมตัวยาวก็หยิบหนังสือเล่มเล็กมานั่งอ่านทั้งที่สายตานั้นพร่าไปหมดด้วยไม่แน่ใจอะไรบางอย่างเขาคงกลับไปแล้ว....หญิงสาวค่อย ๆ ปิดหนังสือขณะน้ำหยดน้อยร่วงผล็อยลงมาจากดวงตาคู่สวย ฝนฟ้าตกหนักเช่นนี้มีหรือที่เขาจะมานั่งทนรอเธอให้เสียเวลา อาจขับรถกลับกรุงเทพไปเสียแล้วกระมังเพราะคงถอดใจกับการประชดประชันไม่เข้าท่าของผู้หญิงไร้ค่าในสายตาของเขา“คุณปราย!...คุณปรายครับ ย้งเองครับคุณปราย”เสียงของนายย้งดังขึ้นพร้อมเคาะประตูหลายหนจนปรายฟ้าต้องลุกจากที่นอนเพื่อผลักประตูห้