“คุณมัน...โรคจิต”
“คุณว่าอะไร!”
“ฉันไม่ได้ว่าอะไร!” ปรายฟ้าหน้านิ่วเมื่อชายหนุ่มทำดังที่เขาบอกจริง ๆ ด้วยการนั่งลงบนลานหินที่เขาหยิบผ้าโยนให้เธอเมื่อครู่ หญิงสาวนั่งตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับตัวเองเพราะตั้งแต่บั้นเอวลงไปเปียกปอนอยู่ในธารน้ำจนหมด ร่างระหงก้มลงมองผ้าในมือซึ่งเป็นผ้าถุงและเสื้อกับกางเกงเพียงเท่านั้น เขมราชคงบ้าไปแล้วจะให้เธอมาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเขาได้เยี่ยงไร แต่แล้วสายตาคู่นั้นก็เหลือบไปพบโขดหินใหญ่อีกด้านซึ่งอยู่ใกล้กัน อย่างน้อยที่สุดถ้าแอบอยู่หลังโขดหินนั่นก็อาจรอดพ้นสายตาดุจพญาอินทรีย์ที่กำลังจับจ้องเธออยู่ในตอนนี้ได้เป็นแน่
“นั่นคุณจะไปไหน!” เขมราชลั่นคำถามเมื่อเขาเห็นว่าปรายฟ้าฝืนกำลังหยัดกายขึ้นลุยน้ำไปอีกฝั่งหนึ่งอย่างทุลักทุเล
“ฉันไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าคุณหรอกนะ ฉันจะไปเปลี่ยนผ้าที่หลังโขดหินนั่น”
“ผมบอกแล้วไงว่าจะไม่ให้คุณทำอะไรคลาดสายตา ผมจะพาคุณไปเปลี่ยนเอง!”
“นี่คุณ!” ปรายฟ้าจะร้องห้ามแต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วเมื่อร่างสูงใหญ่ก้าวพรวดเดียวมาถึงตัวเธอและรั้งร่างนั้นตามไปยังที่โขดหินที่หญิงสาวหมายตาไว้ เธอมีอาการตื่นตระหนกเมื่อถูกดึงมายังหลังโขดหินซึ่งมีแอ่งน้ำใสลึกถึงบั้นเอว
“คุณเขมราช...คุณอย่าทำแบบนี้เลยค่ะ ฉันขอร้อง ฉันไม่คิดจะหนีคุณอีกแล้ว” ร่างบางพยายามผลักใสด้วยการใช้มือปัดป้องหากแต่เอวคอดกลับไม่พ้นอ้อมกอดของเขาอยู่ดี ยิ่งเธอดิ้นรนขัดขืนมากเท่าไหร่เนื้อตัวก็ยิ่งเปียกปอนด้วยน้ำกระฉอกใส่มากเท่านั้น
“ผู้หญิงมารยาร้อยเล่ห์ จะให้ผมเชื่อคุณได้ยังไงว่าคุณจะไม่วางแผนอะไรไว้อีก!”
“คำก็มารยา สองคำก็เจ้าเล่ห์ คุณหยุดด่าว่าฉันซะทีเถอะ ถ้าเป็นคุณจะทำยังไงถ้ามีใครก็ไม่รู้ใจร้ายโหดเหี้ยมพาคุณมาในที่ ๆ ไม่รู้จัก...คุณจะทำยังไง!”
เขมราชชะงักตัวเองลงเมื่อได้ยินคำอ้อนวอนปนสะอื้นของปรายฟ้าตัดพ้อเขาอยู่ในอ้อมแขน แม้สายน้ำเย็นเยียบหากหัวใจของเขากลับรุ่มร้อนหนักหาใช่จากความพยาบาทในคราวแรก ทุกคราที่น้ำตาของหญิงสาวหลั่งไหลเสมือนบั่นทอนกำลังใจของเขาทุกครั้ง เขมราชกระชับอ้อมแขนแข็งแกร่งกักเก็บเธอไว้แนบแน่นเมื่อใบหน้างดงามที่กำลังโหยให้เหนี่ยวรั้งความรู้สึกของเขาราวมีบางอย่างดึงดูดให้เขมราชโน้มใบหน้าคมคายลงไปหาอีกครั้ง ปรายฟ้ามิได้มีทีท่าปฏิเสธริมฝีปากและลิ้นหนาที่ส่งผ่านเข้ามายังกลีบปากอิ่มเป็นหนที่สอง อาจเพราะอ่อนล้าจากการขัดขืนซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรมิเคยกระทำได้สำเร็จเลยแม้สักครั้ง หญิงสาวยอมรับความรู้สึกแปลกใหม่ด้วยความตื่นเต้นแม้สำเหนียกได้ในความโกรธแค้นที่ยังเผาไหม้หัวใจของเขาก็ตาม
ลิ้นเล็กเริ่มรู้ทิศทางเมื่อเขารุกหนักและเธอก็ไม่ได้นิ่งเฉยให้เขาดูดดุนควานหาความฉ่ำหวานแต่เพียงฝ่ายเดียว ปรายฟ้าไม่เคยพบเจอและรับรู้ความซาบซ่านเฉกนี้มาก่อน เธอไม่เคยได้ใกล้ชิดก้องกาจซึ่งเธอรับหมั้นเขาเพราะไม่อยากให้บิดาร้อนใจก็เท่านั้น นี่เธอกำลังปล่อยตัวปล่อยใจให้ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักเพราะถูกลักพามาล่วงล้ำเธอได้อย่างง่ายดายเช่นนี้เทียวหรือ หญิงสาวอยากจะผลักเขาออกห่างทว่าสัมผัสรัญจวนจากปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดความอ่อนนุ่มภายในโพรงปากยามนี้เสมือนดึงดูดให้ร่างหนาเบียดเข้าหาตัวเธอมากขึ้นทุกที
“คุณเขม...คุณเขมราช...ปล่อยค่ะ”
เสียงแหบกระเส่าของปรายฟ้าหลุดออกมาเมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกจากใบหน้าของเธอและนั่นทำให้สติที่กำลังลอยหายของเขมราชโบยบินกลับมาอีกครั้งดังเดิม หญิงสาวได้ยินเสียงเขาถอนใจหนักก่อนจะพูดเสียงเข้มอีกครั้ง
“ผมจะให้คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนี้ก็ได้ แต่อย่าลวดลายกับผมอีก คราวนี้คุณจะโดนหนักกว่าเก่า!”
ชายหนุ่มค่อย ๆ คลายอ้อมแขนทั้งที่สำนึกอีกข้างยังเสียดายนวลเนื้อจนไม่นึกปรารถนาจะทิ้งอ้อมกอดจากเธอในยามนี้ เขมราชเตือนความไหวหวั่นที่พลันพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกหลายครั้งว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ปรายฟ้ายังไม่ได้พบเจอในที่แห่งนี้ อย่างน้อยที่สุดคือ เขมริน น้องสาวของเขาที่คอยนั่งนับเดือนดาวเฝ้ารอความฝันที่ไม่มีวันเดินทางมาถึง ปรายฟ้าก้มลงมองตัวเองอีกครั้งอย่างชั่งใจหนักใต้เงาไม้ใหญ่ เธอดูเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตแขนยาวมอซอสวมกางเกงเลซึ่งก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ใช่เอวแบบมียางยืดต้องพันสายที่ขอบเอวไปมาไม่เข้าท่าสำหรับเธอสักนิด แม้แต่ผ้าถุงเธอก็ยังไม่คุ้นวิธีการนุ่งต้องคอยดึงรั้งไว้ตอนอาบน้ำกลัวมันจะหลุดร่วงอวดสัดส่วนโค้งเว้าเกินตัวที่ไม่อยากให้คนลักพามาได้มีโอกาสเห็น ทว่าหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะรำลึกถึงรอยจูบนั่นเสมือนประทับอยู่บนริมฝีปากของเธอมิจางหาย...ปรายฟ้า เธออย่าได้ใจง่ายเผลอไผลไปในสัมผัสที่ไม่เข้าใจว่าใยจึงตอบรับเขาไปเสียทุกครา
“ถ้ารู้จักรักษาสัญญาแบบนี้ ไม่ดื้อดึงแต่แรกก็คงไม่ต้องเจ็บตัวอีก” เสียงของเขมราชดังขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้ามาขณะมองเธอด้วยสายตาหยามเหยียด เขาคงหัวเราะเยาะในความดึงดันอันไร้ผล เขาคงนึกเย้ยเธอที่ตอบโต้อะไรไม่เคยสำเร็จเสียที ปรายฟ้าเชิดหน้าก่อนจะตัดพ้อเขาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ถึงจะไม่เจ็บตัวก็ต้องเจ็บใจเพราะคำพูดร้าย ๆ ของคุณอยู่ดี มันไม่มีอะไรแตกต่างสำหรับการอยู่ที่นี่ อยู่ในที่ ๆ ฉันก็ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมคุณถึงพาฉันมา” “ผมบอกคุณไปจนหมดแล้ว และก็จะไม่อธิบายซ้ำเป็นหนที่สอง แต่สำหรับเวลาที่เหลือจากนี้คุณจะได้พบกับเหตุผลที่ผมพาคุณมาที่นี่ด้วยตัวคุณเอง” “คุณจะพาฉันไหนอีก!” ปรายฟ้าร้องออกมาเมื่อเขาดึงมือเรียวบางให้ร่างนั้นเดินตามออกไป เขมราชหยุดก้าวเท้าชั่วขณะและหันมาเค้นเสียงหนักกับหญิงสาว “ผมจะพาคุณไปพบกับเหตุผลนั่นยังไง เหตุผลที่ทำให้คุณต้องมาอยู่ที่นี่ มันอาจไม่เลวร้ายสำหรับว่าที่เจ้าสาวที่กำลังจะเข้าพิธีอย่างหน้าชื่นตาบาน แต่สำหรับคนบางคน ความสุขของคน ๆ หนึ่งมันเป็นหลุมฝังกลบให้คนอีกคนต้องตายทั้งที่ยังหายใจ!”
“ปรายฟ้ามาอยู่กับเราที่นี่ ขิมจะได้ไม่เหงายังไงล่ะ” หญิงสาวไม่รู้ว่าเขมราชพูดอะไรผิดไปเพราะจู่ ๆ น้องสาวของเขาก็ร้องไห้ออกมาจนน่าตกใจ “ขิมไม่เหงา ขิมไม่อยากอยู่กับใคร ขิมจะอยู่กับลูกของขิม ก้องล่ะ...ก้องไม่มาหาขิมเลย ฮือ...ฮือ...ก้องทิ้งขิมไปแล้ว” ชายหนุ่มรีบผละจากคนในอ้อมแขนเข้าไปตระกองกอดเขมรินอีกครั้งโดยภาพที่ปรากฏตรงหน้าจู่โจมความรู้สึกของปรายฟ้าจนอ่อนแรง เขมริน น้องสาวของเขาเสียสติเพราะ ก้องกาจ ความสลดหดหู่แล่นเข้าปะทะเกราะกั้นความนึกคิดที่มีความกังขาเป็นล้นพ้นจนพังทลาย ทุกอย่างเป็นความจริงหรือนี่...เจ้าบ่าวที่แสนดีทำให้ผู้หญิงตรงหน้าสูญเสียสัมปชัญญะในการควบคุมตัวเองถึงเพียงนี้เทียวหรือ ปรายฟ้าอยากจะเกลียดเขมราชให้มากกว่าที่เคยคิด ทว่าความจริงอันน่าเจ็บปวดที่ทะลุทะลวงความรู้สึกของเธอคือความทุกข์ทรมานของคนอีกคนซึ่งต้องทนแบกรับลมหายใจอันไร้วิญญาณของคนที่ตัวเองรักบทที่ ๓ ความเชื่อใจ “นี่เป็นห้องนอน...ของเรา” เขมราชเอ่ยขึ้นขณะดึงมือหญิงสาวตามเข้าไปในห้องหนึ่งบนตัวบ้านหลังปลุกปลอบใจเขมรินจนหยุดร้องไห้และปล่อยเธ
เขมราชถือสิทธิ์ในเรือนร่างนั้นอีกหนด้วยการกดริมฝีปากของเขาดูดกลืนเสียงที่กำลังจะทักท้วงของปรายฟ้าไว้แน่นสนิท หญิงสาวมินึกรู้อันใดนอกจากร่างกายที่ใกล้หลอมเหลวด้วยไฟร้อนภายในของชายหนุ่มซึ่งตอกย้ำซ้ำ ๆ ผ่านการสัมผัสชิดใกล้ในสถานที่อันเป็นใจเช่นนี้ “อืม...” คราวนี้เขาเป็นฝ่ายครางลึกในลำคอราวพึงพอใจต่อการชดใช้อันน่าเสน่หา มือเรียวบางที่ผลักใสเขาไปเมื่อครู่กลับลู่ลงแนบกับอกกว้างเสมือนแรงต้านทานสูญสิ้นไปด้วย ร่างบางถูกดันไปข้างหลังจนแนบกับบานประตูหากแต่ชายหนุ่มมีทีท่าว่าจะไม่ยอมเลิกราบดขยี้กลีบปากนุ่มราวดอกไม้ฉ่ำฝนนั้นโดยง่าย ครั้งนี้ปรายฟ้าแทบจะหลอมละลายเพราะการจาบจ้วงอย่างย่ามใจด้วยปลายลิ้นล้วงลึกเสมือนจะกลืนกินตัวเธอให้หมดกระนั้น “คุณเขม...ปล่อยค่ะ..ได้โปรด” หญิงสาวครางครวญเมื่อเขมราชเลื่อนริมฝีปากผ่านลงไปยังลำคอขาวเนียน เขาฝังความรุ่มร้อนไว้ที่ตรงนั้น ซุกไซ้จนปรายฟ้าขนลุกชันด้วยความวาบหวิว นี่คือความรู้สึกแปลกใหม่อันเบ่งบานออกมาจากแก่นกลางของความปรารถนาที่กำลังหยั่งลึกลงไปในห้วงอารมณ์ซึ่งถูกสั่นไหวของคนทั้งสอง ร่างสูงใหญ่คล้ายหยุดตัวเองไม่ได้ขณะที่ร่าง
แสงสุดท้ายลาลับทิวเขาไปนานแล้ว ก่อนราตรีกาลจะมาถึงบ้านกลางเขาสูงและป่าลึก ปรายฟ้าต้องกระวีกระวาดไปอาบน้ำเพื่อกลับมาหุงข้าวด้วยเตาไฟโบราณแสนยุ่งยาก เกิดมาไม่เคยทำอาหารพาลจะไข้ขึ้นตั้งแต่ตอนสุมไฟถ่าน เธอรู้เพียงว่าที่นี่เขมราชอยู่กับน้องสาวของเขาแค่สองคนและคงมีสิงห์สาราสัตว์รวมทั้งไม้ใหญ่เล็กรายล้อมเป็นเพื่อน “อะไรกันนี่!...ข้าวดิบ...โอย!” หญิงสาวอารมณ์ห่อเหี่ยวเมื่อเปิดฝาหม้อข้าวพบกับผลงานของตัวเองโดยไม่คาดฝัน เธอจำต้องตักข้าวดิบใส่จานและกลืนลงคอประทังความหิวไปก่อน เขมราชไม่คิดจะกินข้าวปลาหรืออย่างไรเพราะเธอเห็นเขายังนั่งอยู่ในสวนดอกไม้กับน้องสาวที่อิงแอบบ่ากว้างนั้นอยู่ตลอดเวลา นึกดูทีรึก็น่าสงสาร แต่แม้เป็นจริงตามคำบอกเล่าก็ช่างไร้เหตุผลที่เขาลักพาเธอมาเช่นนี้ ซ้ำไม่เคยคิดจะใช้วาจาถ้อยทีกับเธอแม้สักครั้ง ปรายฟ้ากลับมานึกเห็นใจตัวเองมากกว่าที่ต้องกลายเป็นเป้านิ่งให้เขาคอยจับผิด ยิ่งพูดถึงก้องกาจมากเท่าใดหัวใจของเขาก็ดังถูกสุมเชื้อไฟให้เพลิงแค้นยิ่งลุกโชติมากเท่านั้น แต่หากปรายฟ้าอยู่นิ่งเฉยไม่พูดอะไรเสียบ้างเธอเองที่จะเป็นฝ่ายผิดในสายตาของเขามากขึ้นทุกที ปรายฟ้
หญิงสาวเผลอไผลมองความหล่อเหลาราวเสกสรรและเรือนร่างสูงใหญ่กำยำทอดกายเหยียดยาวบนฟูกด้านล่างด้วยความรู้สึกต่างไปจากครั้งแรกที่ได้เห็น ยามหลับเขมราชก็เฉกเช่นปุถุชนทั่วไปดูไร้พิษภัยตรงข้ามดึงดูดความสนใจจากดวงตากลมโตคู่นั้น เธอปรารถนาให้เขาหลับอยู่เช่นนี้นาน ๆ จะได้ไม่ต้องตื่นขึ้นมาพูดพาลให้เธอเสียใจ “อะไรกันครับนี่!...คุณลุง นี่มันเกือบจะสัปดาห์หนึ่งแล้วนะครับที่ปรายฟ้าหายไป” เสียงหนัก ๆ กระฟัดกระเฟียดดังกลบความเงียบภายในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ราวคฤหาสน์ของตระกูล นิรกิจจากร ขณะที่ชายวัยกลางคนผิวขาวเจ้าของบ้านซึ่งอยู่ในชุดลำลองนั่งนิ่งมองบุรุษร่างสูงในชุดสูทเดินไปมาอย่างครุ่นคิด นราระบายลมหายใจยาวก่อนหันไปทางนายย้งคนขับรถซึ่งยืนสงบนิ่งอยู่อีกด้านหนึ่งด้วยสีหน้าไม่ใคร่สู้ดีเช่นกัน “นายย้ง...ถามจริง ๆ เถอะ จำหน้าคนโปะยาสลบที่ปั๊มไม่ได้จริง ๆ ล่ะหรือ?” นราเอ่ยถามอย่างขัดใจทั้งรู้ว่าคำตอบที่ได้ไม่ต่างจากตอนให้ปากคำตำรวจ “ผมจำอะไรไม่ได้เลยครับคุณท่าน...พอลงจากรถไปเข้าห้องน้ำก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาทางข้างหลัง จากนั้นก็วูบไปเลย ตื่นมาอีกทีก็อยู่ในห้อ
“คุณเขมเข้าไปในเมืองค่ะ เดี๋ยวก็คงมา ปรายอยู่เป็นเพื่อนคุณขิมตรงนี้แล้วไงคะ” หญิงสาวแย้มยิ้มกับบุคคลตรงหน้าซึ่งแววตามีแต่ความว่างเปล่าสะท้อนออกมาแทนคำพูด ปรายฟ้าสงสารเขมรินจับใจ นี่หรือคือสิ่งที่ก้องกาจตอบแทนไว้สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งทุ่มเทใจให้แทบหมดสิ้น สำหรับก้องกาจแล้ว เธอเพิ่งได้รู้จักเจ้าบ่าวของเธอเมื่อสามเดือนก่อน นราพยายามจัดเวลาให้เธอกับก้องกาจได้พบกันบ่อยครั้งจนดูเป็นความตั้งใจ ปรายฟ้าไม่เคยปฏิเสธความต้องการของบิดาและก็เห็นว่าเขาหาใช่คนเลวร้ายเพราะไม่เคยทำลายความไว้วางใจในตัวเธอสักหน ก่อนหน้านั้นเธอพบบุตรชายนักธุรกิจใหญ่ในงานจัดเลี้ยงของโรงแรม ก้องกาจแสดงท่าทีว่าพึงใจเธอแต่แรกพบ เขาแสดงออกชัดเจนว่าอยากสานสัมพันธ์กับเธอมากแค่ไหน หลังจากนั้นนราก็ช่วยตอบรับความมีน้ำใจของเขาด้วยการสนับสนุนให้เธอและก้องกาจได้คบกัน หากทว่าสำหรับปรายฟ้ามันเป็นแค่ปรากฏการณ์ตามครรลองของหนุ่มสาวที่วันหนึ่งต้องสร้างครอบครัว เธอไม่ได้เหงามากถึงขนาดต้องไขว่คว้าหาคนมาเคียงข้างทั้งที่หัวใจดวงนั้นยังปรารถนาใน ความรัก มาช่วยเติมเต็ม... รัก ของเธออยู่ที่ใดปรายฟ้ายังหาไม่เห็น หากแต่เธอ
“คนเลว!...คุณพาฉันมาจากที่ ๆ ฉันอยู่ คุณพาฉันมาอยู่ในที่ ๆ ฉันไม่รู้จักเพื่อให้ฉันมารับรู้และสำนึกผิดในสิ่งที่ฉันไม่ได้ก่อ ฉันเกลียดคุณ!...เขมราช คุณบีบบังคับให้ฉันต้องยอมจำนนต่อความผิดบาปของคนอื่น คุณทำแบบนี้ทำไม! คุณทำมันเพื่ออะไร!” “เพื่อให้คนที่คุณอยากกลับไปหาแทบขาดใจได้รู้ซะบ้างว่าเวลาสูญเสียของรักมันเป็นยังไง!...คุณกล้าด่าว่าผมเลวงั้นรึ...ผมยังเลวได้มากกว่าที่คุณคิดตอนนี้เสียอีก อยากรู้มั้ยปรายฟ้าว่าผมเลวได้แค่ไหน ถึงคุณไม่อยากรู้ผมก็จะทำให้คุณดูซะตอนนี้เลยว่าความเลวของผมมันเป็นยังไง!” “จะบ้ารึไง! คุณจะทำอะไร!” ปรายฟ้าหลงลืมเมื่อเขาก้าวพรวดเดียวเข้ามาถึงตัวหญิงสาวที่ตวัดฝ่ามือบางลงบนใบหน้านั้นเต็มแรง การกระทำของเธอราวกับสาดน้ำมันลงบนกองเพลิงให้ลุกช่วงยิ่งขึ้น เขมราชขบกรามแน่นและหายใจหนักขณะยกมือลูบแก้ม เขาหาได้รู้สึกรู้สากับการตอบโต้ของอีกฝ่าย ทว่าสิ่งที่ทำให้ความสะกดกลั้นนั้นพังทลายคือการอวดดีในความลวงหลอกของผู้หญิงตรงหน้า ร่างบางยกมือเย็นเฉียบขึ้นแตะริมฝีปากซีดขาวเมื่อใบหน้าเข้ามาหันมายังเธอด้วยความอาฆาตแค้น เขมราชโกรธจัดและมิอาจระงับม
ความรุนแรงจากร่างสูงใหญ่ที่กดทับอยู่เหนือหญิงสาวเบาบางลงเมื่อรู้สึกถึงการผ่อนคลายในแรงขัดขืน มือเรียวที่กรีดเล็บบนหลังกว้างแนบลงกับผิวกร้านอย่างยอมจำนนในที่สุด ปรายฟ้าหอบหายใจสะท้อนเมื่อรู้สึกว่าร่างกายไม่ยอมตอบโต้เขาอีกแล้ว เรือนร่างอรชรนั้นเป็นกบฏต่อหัวใจที่ยังดื้อรั้นเมื่อความรุ่มร้อนเริ่มแล่นผ่านจนเรือนกายสั่นสะท้านไปทุกอณูบนผิวเนื้อ เขมราชกำลังขืนใจเธอ...หญิงสาวร้องบอกกับใจตัวเอง หากแต่ใยจึงไหวเอนไปตามสัมผัสอันป่าเถื่อนทว่าสุดรัญจวนนั้นได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ท่ามกลางรสจูบที่ละลายใจเธอกลับกระตุ้นให้ปรายฟ้าปรารถนาลิ้มลองความรู้สึกแปลกใหม่แทนการผลักไสเขาไปในคราวแรก ร่างบางเริ่มลูบไล้ปลายนิ้วไปบนผิวหยาบหนาของความเป็นบุรุษเพศ สัมผัสเขาแผ่วเบาอย่างเคลิบเคลิ้มแทบไม่รู้สึกว่ากำลังลอยละลิ่วปลิวไปตามอารมณ์ที่หลีกเร้นในร่องหลืบของความคิดซึ่งบัดนี้หลุดร่วงกระจัดกระจายยิ่งกว่าสายลมไหว ความเสียวซ่านจากเรือนร่างที่ยังคงบดเบียดจุดประกายไฟกามายามเขมราชลากริมฝีปากลงมาซุกไซ้ที่ลำคอขาวเนียน ปรายฟ้าทำได้แค่เพียงเลื่อนฝ่ามือมาไว้บนมัดกล้ามของอกกว้างที่ยิ่งเขม็งเกร็งเมื่อมือหนาของเขาเอาคืนบ้
“คุณจะรู้อะไร! นังนั่นมันคงหลอกล่อคุณให้ตายใจด้วยความสวยของมัน... ลูกสาวของนรา เจ้าของ ดิ เอเมอรัล ใครก็รู้ว่าสวยหยาดฟ้ามาดิน แต่ในวงสังคมมันก็เป็นแค่เจ้าสาวที่คงถูกพวกโจรพาไปทำปู้ยี่ปู้ยำจนหมดแล้ว คุณไม่มีวันรู้หรอกเขมว่ามันมีสามีมากี่คนแล้วก่อนจะถึงมือคุณ”“คุณคงอยากได้ความกระจ่างมากกว่าที่มืดบอดอยู่ ผมนี่แหละ ผู้ชายคนแรกของปรายฟ้า คนที่ฉุดเธอไปจากงานแต่งคืนนั้นคือผม เขมราช อัครินทร!”“กรี๊ด!...ไม่จริง!...เขม คุณจะบ้ารึไง คุณพูดออกมาได้ยังไงว่าคุณเป็นคนฉุดปรายฟ้าไป คุณแกล้งอัญใช่มั้ยถึงได้กุเรื่องบ้าบอคอแตกนี้ขึ้นมา!”“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น คนอย่างผมไม่เคยล้อใครเล่น และไม่รู้จักการโกหก โดยเฉพาะกับคนที่ผมรัก”เขมราชดูจะใส่ใจต่อเสียงกรีดร้องปลายสายน้อยลงในทุกขณะเมื่อร่างที่เขาทาบทับอยู่นั้นเป็นฝ่ายผงกศีรษะขึ้นมาเพื่อมอบจูบอันหน่วงหนักโดยละทิ้งความกริ่งเกรงในคราวแรกว่าสามีของเธอจะใจอ่อนต่อผู้หญิงคนนั้น“เขม...คุณต้องสั่งทนายของคุณให้หยุดเดินเรื่องฟ้องอัญเดี๋ยวนี้นะคะ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ อัญเป็นแฟนคุณ ไม่ใช่คู่กรณีทางกฎหมายแบบนี้”“ก็แค่เคย...ผมจะไม่พูดอะไรในตอนนี้ เพราะคนที่จะพูดแทนผมได้คื
“ผมรักคุณนะปราย...มากกว่าอะไรในโลกนี้”เสียงปนหอบขานรับดังชัดกว่าสายฝนพรำและประทับลงสู่เบื้องลึกของความทรงจำที่มี เขา เสมอมิเสื่อมคลาย“ปรายก็รักคุณค่ะ...มากกว่าอะไร...ในโลกนี้”เสียงนกร้องปลุกสำนึกแรกของเขมราชให้ลืมตาตื่นรับประกายแดดอ่อนเบาที่ทอดผ่านเข้ามาทางบานกระจกหน้าต่างหลังคืนฟ้าฝนตกหนักผ่านพ้นไป เปลือกตาใต้โครงคิ้วหนาเป็นปื้นกระพริบถี่รัวเพื่อปรับม่านนัยน์ตารับแสงแรกของอรุณใหม่ภายในเรือนไม้หลังงามซึ่งเขาชื่นชมนักเมื่อมาถึงครั้งแรก ชายหนุ่มยังไม่ขยับตัวไปทางใดเมื่อดวงตาคมเปิดรับภาพอันชัดเจนและตรึงตราของปรายฟ้าที่ยังนอนหนุนแขนของเขาต่างหมอนตลอดทั้งคืน ร่างสูงใหญ่บิดตะแคงเพียงน้อยเพื่อเพ่งพิศความงามของร่างเล็กเปลือยเปล่าซึ่งยังคงทิ้งตัวในนิทรารมย์ใต้ผ้าห่มคลุมแค่เนินเนื้ออิ่มเผยเนียนผิวขาวช่างเจิดจรัสราวกุหลาบงามใต้ละอองแดดอาบไล้ฉาบประกายชมพูบนเนื้อนวลอันหมดจดผู้อยู่ในอ้อมแขนขยับตัวบางครั้งเพื่อบดเบียดตัวเองเข้าหาแผ่นอกกว้างทำให้เขาได้กลิ่นหอมเบาบางจากเรือนผมดำยาวสยายเต็มหมอนโอบล้อมวงหน้ารูปไข่และแก้มเปล่งปลั่งตามธรรมชาติโดยไร้การแต่งเติมสีสันใด ๆ ทว่าก็ช่างน่ามองนัก ทุกครั้งที่ร
“คะเขม”“ผมลืมไปว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่คุณกับผม”“คุณหมายถึงลูกของเราใช่ไหมคะ”เขมราชเลื่อนตัวลงแนบข้างแทนที่จะทิ้งน้ำหนักบนร่างสาวโดยตรงพลางวางฝ่ามือหนาลงบนหน้าท้องที่ยังเรียบตึงแต่ก็เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวช่างนุ่มนิ่มอิ่มอวบขึ้นมากกว่าแต่ก่อน หากก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความมีน้ำมีนวลนี้เร่งเร้าให้เขาอยากสัมผัสเธอไปทุกส่วนสัด ยิ่งเนินถันอวบอัดที่กระเพื่อมขึ้นลงนั้นดูคล้ายบัวตูมดอกใหญ่อิ่มขยายชูช่อรอรับหยาดแห่งความฉ่ำชื่น“เขาจะเป็นอะไรมั้ยถ้าเรา...”ปรายฟ้าวางมือบางบนหลังมือที่แนบอยู่บนแผ่นผิวหน้าท้องราบเรียบด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด“เขาอยู่ลึกมากเลยค่ะเขม ปรายยังไม่รู้สึกว่าเขาตอบสนอง แต่เขาอยู่ที่นั่นค่ะ”“ปราย...ที่ผมรีบตามคุณมาที่นี่เพราะกลัวว่าคุณจะทำอย่างขิม เป็นความจริงที่ผู้ชายตัดสินใจทำอะไรได้รวดเร็วเด็ดขาด แต่เรื่องความใจเด็ดเราอาจมีไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของผู้หญิง”ร่างเล็กเบียดตัวเองเข้าหาความแข็งแกร่งกำยำราวจะบอกในทีว่าถึงอย่างไรสตรีก็ไม่เคยลืมทิ้งความอ่อนหวานให้บุรุษถวิลหา“คุณกำลังจะว่าผู้หญิงโหดเหี้ยมกว่าผู้ชาย ถึงยังไงเราก็สู้คนตัวโตกว่าไม่ได้อยู่แล้วนี่คะเขม”เขมราชลากปลาย
“ปราย...ผมจะแต่งงานกับคุณ”ปรายฟ้าชะงักงันแม้ชุดนอนจะถูกรั้งลงไปกองอยู่ข้างเตียงเหลือเพียงร่างงามเปล่าเปลือยผ่องผุดใต้แสงเย็นตา เขมราชไล้ปลายนิ้วสากไปบนผิวนิ่มลื่นบนไหล่บางและเกลี่ยปลายผมที่ทิ้งตัวลงมาปิดถันอิ่มออกไปโดยไม่ได้สนใจดวงตากลมโตฉายความฉงนของอีกฝ่ายแต่อย่างใด“เขมคะ...ปรายแต่งงานกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ”หญิงสาวจับมือของเขาที่ไล้ลูบบนเนินทรวงทั้งที่ความรุ่มร้อนเริ่มแผดเผาจากข้างในทว่าก็ยังมีข้อสงสัยที่เธออยากคลี่คลายมันเสียก่อน“มีอะไรที่ยากลำบากสำหรับคุณหรือปราย ในเมื่อตอนนี้ก้องกาจก็อยู่ต่างประเทศ”“มันไม่ได้เกี่ยวกับพี่ก้อง แต่มันเป็นชื่อเสียงของคุณ ประธานกลุ่มบริษัทอัครินทรต้องหมองมัวแน่ถ้าสังคมรับรู้ว่าคุณจะลงเอยกับเจ้าสาวที่ถูกฉุดหายไปในวันแต่งงาน... ปรายฟ้า นิรกิจจากร”“คุณคือปรายฟ้า อัครินทร ต่างหาก ลืมไปแล้วหรือว่าหลักฐานในทะเบียนสมรสระบุไว้อย่างนั้น หรือถ้าคุณคิดว่ามันยังไม่ชัดเจนพอ ผมก็จะขอเอาตัวเองพิสูจน์กับคุณเสียเดี๋ยวนี้เลย”“เขม...” เรียวปากจิ้มลิ้มอ้าออกไม่ทันคัดค้านก็ถูกประกบปิดไว้แน่นแนบจากเจ้าของใบหน้าคมคาย ชายหนุ่มไม่ต้องการประวิงเวลาไว้สำหรับความเข้าใจอันลึก
“ปราย...” เขาแน่ใจว่าเธออยู่ตรงนั้นในเวลาที่ยังรำลึกถึงคำพูดซึ่งเขายังจดจำอยู่เสมอ“ปรายกลัวเสียงฟ้าผ่าค่ะ...เป็นมาตั้งแต่เด็ก แก้ไม่เคยหายเลย”“แล้วเมื่อก่อนเวลาคุณกลัว...คุณทำยังไง” “ปรายชอบแอบอยู่ข้างเตียง...ตลกมากใช่มั้ยคะ ปรายไม่เคยบอกใครเลย”ชายหนุ่มก้าวไปหยุดใกล้ ๆ และเห็นชัดว่าร่างเล็กห่อกายด้วยผ้านวมผืนใหญ่ซุกตัวอยู่ติดผนังห้องตรงหัวเตียงด้านล่าง“เขม...เขมคะ” เสียงสั่นเครือบอกความกลัวเจือด้วยความเว้าวอนนั้นทำให้เขมราชรู้ตัวว่าเขาคงมิอาจทอดทิ้งปรายฟ้าไปไหนได้อีกแล้วเมื่อร่างสูงตระหง่านตรงเข้าไปคุกเข่าและกอดหญิงสาวในผ้านวมแนบแน่น“ปราย...ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว อย่ากลัว ผมจะปกป้องคุณเอง”ร่างอรชรสลัดผ้าผืนหนาออกก่อนสอดแขนเรียวโอบรอบแผ่นหลังกว้างราวกับเธอก็หมดสิ้นแล้วซึ่งทิฐิและความถือดีใด ๆ นอกจากหัวใจเพรียกหาสามีผู้เป็นที่รัก“ไหนคุณบอกนายย้งว่าคุณจะกลับกรุงเทพแล้วไงคะ คุณจะกลับไปจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”“คุณเชื่อที่ผมพูดหรือ...แล้วคุณรู้ได้ยังไง คุณได้ยินทุกอย่างใช่มั้ยที่ผมคุยกับนายย้งข้างนอก”ชายหนุ่มใช้มือทั้งสองแนบลงกับหูของหญิงสาวและตรึงให้ใบหน้าหวานเผชิญกับเขาอย่างนุ่
“จะให้ผมรับหมอมาดูอาการของคุณเขมราชที่นี่หรือเปล่าครับคุณปราย”นายย้งเสนอตัวก่อนหันไปมองใบหน้าคมคายซีดเผือดบนร่างสูงกำยำซึ่งยังนอนหายใจหนักใต้ผ้าห่มผืนหนาด้วยความร้อนยังไม่ทุเลาเบาลง“ไม่ต้องหรอกค่ะ...นายย้งคอยเฝ้าดูอาการของเขาตรงนี้แล้วกันนะคะ ถ้าไข้เขาลดแล้ว...”ปรายฟ้าระบายลมหายใจก่อนพูดต่อเสียงหวิว“ปรายจะซื้อตั๋วเครื่องบินให้นายย้งพาเขาไปส่งที่กรุงเทพค่ะ”“คุณปรายครับ...แต่ว่าคุณเขมราชเพิ่งมาถึงนะครับ แล้วถ้าให้ผมพาเขากลับกรุงเทพคุณปรายจะอยู่กับใคร”“ปรายอยู่คนเดียวได้ค่ะ! ปรายอยากอยู่คนเดียวมากกว่าจะมีเขา ซึ่งการที่มีเขาหรือไม่มี ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างนี่คะนายย้ง”ร่างบางกล่าวจบก็เดินออกไปจากที่นั้นซึ่งนายย้งรู้ดีว่าคุณหนูของเขาคงไปนั่งจัดดอกไม้ในสวนข้างบ้านอย่างเคย เขาส่ายหน้าไปมาก่อนพูดกับตัวเอง“เฮ้อ!...คุณปรายของย้ง ดูเหมือนจะใจอ่อนแล้ว บทจะแข็งขึ้นมาก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน”.ใช่แต่คำพูดของนายย้งที่แทรกซึมเข้าไปในประสาทรับรู้ของเขมราช ถ้อยวาจาก่อนหน้าของปรายฟ้าก็ยังดังชัดเจนในหูของคนทำทีเสมือนหลับหากก็เปิดเปลือกตาขึ้นมาเมื่อผู้รับคำสั่งให้คอยดูแลเดินกลับเข้าไปในครัวแล้ว“ตื๊อเท
ร่างอรชรโคลงศีรษะขับไล่ความมึนงงก่อนลุกขึ้นจากเตียงอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงผ้าไหมเรียบลื่นสีครีมขับประกายผุดผ่องบนผิวขาวอมชมพูในวันท้องฟ้ายังขมุกขมัว และเมื่อเธอเปิดประตูห้องนอนก็ยังรู้สึกว่าบ้านช่างเงียบเชียบ...หรือเขมราชกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วแต่แล้วหญิงสาวก็หมดสงสัยเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ยังคงนอนเหยียดยาวใต้ผ้านวมคลุมมิดชิดถึงลำคอบนโซฟาบุหนังต่างที่นอนตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ทุกอย่างยังคงเงียบจนดูเหมือนผิดปกติยินเพียงเสียงหายใจหนักซึ่งเริ่มทำให้หญิงสาวเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาสบายดี เธออยู่กับเขมราชจนรู้ว่าเขาไม่ใช่คนชอบนอนตื่นสาย เขาตื่นเช้ามากจนหลายครั้งเธอก็ยังนึกอายเมื่อลืมตาขึ้นมาในอ้อมแขนและเห็นนัยน์ตาคมคู่นั้นจ้องมองเธอยามหนุนแขนหนาใหญ่แนบอกกว้างจนไม่อยากขยับตัวลุกจากที่นอน“คุณเขมราช...คุณเขม...เขมคะ” ปรายฟ้าคุกเข่าลงใกล้ ๆ พลางเรียกเขาซ้ำ ๆ จนหลงลืมเรียกสามีตัวเองอย่างคุ้นเคยอีกครั้ง ทว่าคำตอบของเขาคือเสียงทอดลมหายใจยาวและหนักสลับกับเสียงครางในลำคอ“คุณเขม!” หญิงสาวใจหายวาบเมื่อวางหลังมือบางลงบนหน้าผากของชายหนุ่มและสัมผัสที่ได้คือความร้อนแล่นไหลไปตามอณูผิว ปรายฟ้ากำลังจะดึงมือกลับหากก็ถ
“ปราย...”ปรายฟ้าหยุดชะงักเมื่อเก็บร่มและหันหลังให้เขาขณะกำลังจะก้าวกลับเข้าบ้าน“ผมรู้ว่าคุณไม่ใจร้ายปล่อยให้ผมตายอยู่ข้างนอกแน่ และผมก็รู้ว่า...คุณกลัวเสียงฟ้าร้อง”ชายหนุ่มนิ่งมองแผ่นหลังของร่างเล็กภายใต้เสื้อคลุมตัวยาวท่ามกลางแสงอ่อนจากโคมไฟในยามท้องฟ้าหมองมัวและบรรยากาศขะมุกขมัวด้วยละอองน้ำปรายโปรย ผมยาวปล่อยสยายบนไหล่บางสะท้อนความงามเงาดึงดูดสายตาของเขาเสมอ ปรายฟ้าฝืนก้าวเท้ากลับเข้าไปทั้งที่เวลาเช่นนี้เธอปรารถนาอ้อมกอดของเขาล้นเหลือ หากแต่ความโกรธทำให้หญิงสาวอยากเกลียดเขาให้มากเท่าที่เขาเคยทำให้เธอเจ็บช้ำแทบหมดสิ้นกำลังใจ“ฮัดเช้ย!” เสียงจามเป็นระยะของเขมราชทำให้ปรายฟ้าซึ่งกำลังหอบผ้านวมและหมอนมาวางกองบนโซฟาภายในห้องรับแขกอดที่จะเหลือบมองร่างกำยำที่สวมกางเกงแพรตัวเดียวขณะนั่งลูบผ้าขนหนูไปบนเรือนผมสั้นทว่าเปียกชื้นนั้นไม่ได้ ร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบนหน้าอกกว้างและหน้าท้องเป็นลอนน่ามองทุกครั้งที่มันขมวดเกร็งและกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจ“คุณนอนตรงนี้ก็แล้วกัน จะกลับพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือคะ?”“ผมบอกแล้วไงว่าจะมาอยู่คอยดูแลคุณแทนคุณพ่อ แล้วจะไล่ผมกลับไปแบบนี้ได้ยังไง”“บ้านนี้ห้อ
ปรายฟ้าร่ำรองอยู่กับตัวเองขณะนั่งบนฟูกนุ่มรองด้วยเตียงไม้ฉลุลายโบราณภายในห้องนอนกว้างซึ่งอวลด้วยกลิ่นดอกไม้หอมในแจกัน หญิงสาวพยายามสลัดภาพใบหน้าคมคายออกจากหัวใจทั้งที่รู้ว่าไม่เคยทำได้สักที ก็จะเป็นไรไปเล่า เขาอยากจะนั่งเฝ้าคอยเธอก็ให้เขานั่งต่อไป ร่างอรชรลุกจากที่นอนและทำเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันนี้ทั้งที่ใจเต้นระส่ำเมื่อได้ยินเสียงฝนหล่นกระทบหลังคาดังเปาะแปะก่อนหยาดพิรุณจะทิ้งเม็ดหนามากขึ้นทุกทีเมื่อมองลอดกระจกหน้าต่างมัวหมองด้วยฝ้าน้ำออกไปปรายฟ้ายังพยายามนิ่งใจเย็นหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนผ้าซาตินสายเดี่ยวสวมทับด้วยเสื้อคลุมตัวยาวก็หยิบหนังสือเล่มเล็กมานั่งอ่านทั้งที่สายตานั้นพร่าไปหมดด้วยไม่แน่ใจอะไรบางอย่างเขาคงกลับไปแล้ว....หญิงสาวค่อย ๆ ปิดหนังสือขณะน้ำหยดน้อยร่วงผล็อยลงมาจากดวงตาคู่สวย ฝนฟ้าตกหนักเช่นนี้มีหรือที่เขาจะมานั่งทนรอเธอให้เสียเวลา อาจขับรถกลับกรุงเทพไปเสียแล้วกระมังเพราะคงถอดใจกับการประชดประชันไม่เข้าท่าของผู้หญิงไร้ค่าในสายตาของเขา“คุณปราย!...คุณปรายครับ ย้งเองครับคุณปราย”เสียงของนายย้งดังขึ้นพร้อมเคาะประตูหลายหนจนปรายฟ้าต้องลุกจากที่นอนเพื่อผลักประตูห้