ดวงตาคมเข้มบนใบหน้าคมคายที่ข้นคลั่กยามนี้จับจ้องอยู่ที่ดวงตากลมใต้คิ้วโก่งรับกับจมูกโด่งปลายรั้นและริมฝีปากอิ่มเต็มซึ่งยังคงฉาบด้วยประกายของลิปสติกอ่อนใส สายตาคู่นั้นแลเลยลงไปยังลำคอเรียวระหงและอดไม่ได้ที่จะมองความงามของเนินเนื้อที่โผล่พ้นเสื้อคอกว้างของชุดแต่งงานออกมารำไร มันไหวกระเพื่อมขึ้นลงจนเขาได้ยินเสียงหอบปนสะอื้นของหญิงสาวชัดเจน ร่างสูงใหญ่เหยียดยิ้มหยันส่งเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ หากแต่สำหรับหญิงสาวราคาแห่งความพอใจจากสายตาที่ไร้ความเป็นมิตรอาจอยู่ที่สร้อยเพชรแบบดราเพอรี่ราคาหลักล้านซึ่งประดับอยู่บนเรือนกายของเธอมากกว่าเป็นอย่างอื่น
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรที่คุณว่ามานั่นหรอก...ปล่อยฉันไปเถอะนะ ได้โปรด...หรือว่า...หรือว่าคุณอยากได้อะไร เอาไปเลย!...นี่ไง สร้อยเพชรเส้นนี้เอาไปขายได้นะ ได้หลายล้านด้วย ฉันจะให้...แค่ปล่อยฉันไป...ฉันจะ...ว้าย!”
ปรายฟ้ากรีดร้องสุดเสียงเมื่อกำลังทำท่าจะยกมือที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกขึ้นดึงของมีค่าบนลำคอออกมาหากแต่ไม่ทันมือหนาที่เอื้อมมากระชากมันทิ้งไปทางเบาะด้านหลังราวไม่ใยดี
“ทำอะไรน่ะ!...จะบ้ารึไง!...สร้อยนั่นราคาเป็นล้านนะ ราคาของมันมากกว่ารถจิ๊บคันนี้ซะอีก คุณต้องการอะไรกันแน่!”
“ของนั่นไม่ได้ทำให้ไอ้ก้องกาจมันรู้สำนึกหรอก เจ้าสาวของมันต่างหากที่จะทำให้มันร้อนรนจนอกแทบระเบิด ไอ้ผู้ชายสารเลว!...มันชอบทำให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจ คราวนี้ถึงทีของมันบ้างต้องได้รับการตอบแทนกลับไปอย่างสาสม มันจะรู้สึกยังไงบ้างถ้าผู้หญิงที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับมันตกไปเป็นของคนอื่น แค่ชั่วเวลาไม่ทันข้ามคืน ป่านนี้มันคงหัวปั่นไม่เป็นอันทำอะไรพอรู้ว่าจะไม่มีวันได้สุขสมหวังกับคนที่มันรัก!”
“จะทำอะไรฉัน!...นี่จะพาฉันไปไหน ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย จะทำแบบนี้เพื่ออะไร” หญิงสาวสติยิ่งหลุดกระเจิงเมื่อได้ฟังคำพูดอันหมายมาดนั้น ริมฝีปากของเธอสั่นระริกอยากจะวิ่งหนีไปไหนก็ได้ในตอนนี้หากแต่ไม่มีสิ่งใดเอื้ออำนวยแก่ความพยายามนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นรถที่ประตูปิดสนิทและใบหน้าอันหื่นกระหายจากความคั่งแค้นของคนที่พาเธอมา...เธอจะทำยังไงดี...เธอจะหนีได้ยังไง
ปรายฟ้าแทบหยุดลมหายใจเมื่อเขาเอนร่างเข้ามาใกล้และใช้มือหนาใหญ่ดึงไหล่บางจนร่างนั้นเข้าไปชิดใบหน้าคมคาย
“ไม่มีฆาตกรคนไหนบอกวาระสุดท้ายให้เหยื่อรู้หรอก คุณปรายฟ้า...เขาแค่อยากให้คุณคาดเดาถึงการทรมานไปต่าง ๆ นานา นั่นแหละทุกข์ทรมานยิ่งกว่าอะไรในโลก!”
“ไอ้โจรห้าร้อย!...ลักพาตัวฉันมายังไม่พอ ยังคิดทำอะไรบ้า ๆ อีก ไอ้โจรบ้า!...ปล่อยฉันไปนะ...ไอ้โจรเถื่อน!....โอ้ย!” เสียงกรีดร้องหายไปพร้อมร่างบางที่ถูกผลักไปกระแทกกับคอนโซลหน้ารถ ปรายฟ้าถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวดที่แล่นปรี่ขึ้นมาจากเรียวแขนย่างช่วยไม่ได้
“เขมราช!...ผมชื่อเขมราช อัครินทร พี่ชายของเขมริน ผู้หญิงที่เจ้าบ่าวของคุณมันหลอกให้รักและทิ้งเธอไปอย่างไม่ใยดี ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกลายเป็นคนบ้า เสียสติเพราะผิดหวังในตัวผู้ชายสันดานระยำคนหนึ่งที่ไม่ยอมรับผิดชอบอะไร แค่มันรู้ว่าเขมรินท้องมันก็ทิ้งเธอวิ่งโร่ไปหาผู้หญิงคนใหม่ และผู้หญิงคนนั้นก็คือคุณ ปรายฟ้า นิรกิจจากร ลูกสาวเจ้าของโรงแรมใหญ่ติดอันดับของประเทศ คุณรู้ไว้ด้วย ว่าคุณคือผู้ร่วมสมคบคิดกับไอ้คนต่ำทรามนั่นทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องหมดอนาคตเพราะมัน!”
“ไม่จริง!...พี่ก้องจะเป็นคนแบบนั้นได้ยังไง คุณเอาอะไรมายืนยันกับฉันว่าเขาทำแบบนั้นจริง ฉันไม่เชื่อหรอก ฉันรู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไง คุณอาจจะแค่ปรักปรำคนอื่นเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง ฉันไม่มีวันเชื่อคุณ!”
“ปกป้องกันดีเหลือเกินนะ...คุณปรายฟ้า คุณก็คงไม่พ้นมือมันแล้วสิท่าถึงได้ออกรับหน้าแทนกันซะขนาดนี้”
คนพูดไม่พูดเปล่ากวาดสายตาโลมเลียไปทั่วร่างของหญิงสาวอย่างย่ามใจ เขมราชเพียงนึกเสียดายความงามตรงหน้า ดอกไม้กลีบบางดอกนี้คงไม่รอดพ้นจากการถูกเชยชมของว่าที่เจ้าบ่าวอย่างก้องกาจ ผู้ชายที่เห็นผู้หญิงเป็นเพียงทางผ่านและปรายฟ้าคงเป็นของเล่นชิ้นใหม่อันถูกใจด้วยความสวยบาดตาที่แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงความอ่อนไหวที่เริ่มเร่งเร้าอยู่ภายในส่วนลึก หากก็น่าเสียดายที่ดอกไม้แสนงามแม้เคยถูกเด็ดดมจะต้องมาแหลกสลายด้วยน้ำมือของเขาที่จะเป็นผู้บดขยี้ให้ย่อยยับลงกับมือ
“อย่ามาพูดพล่อย ๆ แบบนี้นะ ถ้าคุณคิดว่าตัวเองดีกว่าเขาทำไมต้องทำตัวเหมือนโจรเที่ยวลักขโมยของคนอื่นเขาด้วย ใครกันที่จะเชื่อว่าคุณเป็นคนดี ฉันคนหนึ่งล่ะที่จะขอบอกว่าการกระทำของคุณมันเลวร้ายยิ่งกว่าอะไร!”
“คุณต้องได้เห็นแน่ปรายฟ้า คุณต้องได้รู้ซึ้งแน่ว่าคนเลวอย่างผมทำอะไรกับคุณได้บ้าง ผมรู้ว่าคุณมันอยากลองดี แล้วจะได้รู้จักคนชื่อเขมราชคนนี้ลึกซึ้งเข้าไปถึงก้นบึ้งของคุณเลยทีเดียว!”ชายหนุ่มทิ้งสายตาและถ้อยวาจาพยาบาทลึกไว้ก่อนจะหันกลับไปจับพวงมาลัยและเหยียบคันเร่งให้รถจิ๊บคันเก่าทว่าแรงม้าเต็มพิกัดทะยานไปเบื้องหน้าผ่านป้ายบอกทางของจังหวัดกาญจนบุรี เพียงชั่วแวบปรายฟ้าก็เพิ่งนึกถึงคนขับที่อันตรธานไปพร้อมกับรถของบิดา“นายย้งล่ะ...นี่คุณทำอะไรกับคนขับรถของฉัน คุณฆ่านายย้งแล้วใช่มั้ย คุณมันไม่ใช่แค่ชอบขโมยของ แต่คุณยังเป็นฆาตกรเลือดเย็นฆ่าคนตายด้วย!”“หยุดพล่ามซะทีเถอะ!...ไม่มีใครหาคุณพบแล้วตอนนี้ คนขับรถของคุณเขาก็หลับสบายอยู่ในห้องน้ำที่ปั๊มนั่นล่ะ ตื่นขึ้นมาอาจจะแค่มึนและก็ไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเหมือนคุณที่ตอนนี้มารู้ก็สายไปหมดแล้ว”“เขมราช...คุณจะพาฉันไปไหน...คุณมันคนบ้า ตำรวจต้องตามตัวคุณพบ นี่แค่จังหวัดกาญจนบุรี มันไม่ไกลจากกรุงเทพฯเลย พ่อฉันต้องไม่ปล่อยคุณไว้แน่...เขาต้องฆ่าคุณแน่ ๆ ที่พาฉันมาแบบนี้!”“เฮอะ!...อยากพูดอะไรตอนนี้ก็พูดไปเถอะ เพราะหลังจากนี้คุณไม่มีสิทธิ์จะได
“อุ๊ย!...นี่คุณ...ช่วยหยุดรถทีสิ!” ปรายฟ้าคู้ตัวและนิ่วหน้าร้องบอกให้คนขับชะลอคันเร่ง “ทำไม!...เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ!” “ฉันปวดท้องฉี่...คุณขับรถเข้ามาในป่านี่ตั้งนานแล้วนะ ฉันก็อยากทำธุระของฉันบ้างสิ!...โอ้ย!” หญิงสาวต้องร้องเสียงหลงออกมาอีกครั้งเมื่อเขมราชเหยียบเบรคกะทันหันจนร่างของเธอเหมือนถูกกระชากกลับไปกระแทกคอนโซลด้านหน้าอีกครั้ง “นี่คุณ!...เบรคดี ๆ ไม่เป็นรึยังไง ฉันเจ็บไปหมดแล้วนะ!” “เรื่องของคุณ!...ผมไว้ชีวิตคุณมาถึงนี่ก็นับว่าบุญเท่าไหร่ อย่ามาทำลวดลายกับผมก็แล้วกันปรายฟ้า แล้วอย่าหาว่าเขมราชคนนี้ไม่เคยเตือนคุณ!” เสียงคำรามลั่นสั่นประสาทของปรายฟ้าจนกระเจิดกระเจิงไปเกือบหมด หากแต่เธอต้องเก็บความยั้งคิดสุดท้ายที่ตกผลึกไว้ ไม่ว่าสิ่งที่เธอเผชิญจะน่ากลัวมากแค่ไหน หากเธอไม่ลงมือทำอะไร นรกขุมท้ายสุดต้องรอเธออยู่แน่นอน “ผมให้เวลาคุณห้านาที...ถ้าขืนชักช้าผมจะเข้าไปลากคุณออกมาเอง!” เขมราชสาดคำคาดโทษไว้อีกก่อนจะลงจากรถและเดินลงส้นไปเปิดประตูให้หญิงสาวที่นั่งอยู่อีกฝั่ง ปรายฟ้ารีบสะบัดเท้าเรี
สิ้นคำชายหนุ่มจึงยกร่างนั้นขึ้นพาดไว้บนบ่าโดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องและการดิ้นขัดขืนซึ่งก็ดูราวเป็นความพยายามอันสูญเปล่าภายใต้รัตติกาลอันมืดมน “ปล่อยฉันนะ!...คนบ้า!...ถ้าฉันออกไปได้ฉันจะแจ้งตำรวจ...ฉันจะ...” ปรายฟ้ายิ่งเหนื่อยหอบและรู้ว่าตัวเธอตกอยู่ในความตีบตันของทุกเส้นทาง เขมราชวางร่างของเธอลงข้างรถก่อนจะดึงเชือกบนข้อมือร่างเล็กออก หญิงสาวนึกใจชื้นเพียงชั่วครู่แต่แล้วก็ต้องพบกับสิ่งที่น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่านั้นเมื่อร่างสูงใหญ่หันไปเปิดประตูด้านหลังเพื่อดึงโซ่เหล็กออกมาไว้ในมือ “นี่มันอะไรกัน!...คุณจะทำอะไรฉันอีก...ในเมื่อฉันก็หนีคุณไม่ได้แล้วคุณจะเอายังไงอีก คุณเขมราช!” “เชือกเส้นเดียวมันยังน้อยไปสำหรับผู้หญิงเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างคุณ ถ้าไม่ทำให้คุณเห็นซะบ้างว่าการอวดดีกับผมมันเป็นยังไง คุณก็ไม่มีวันหลาบจำ!” “ไม่นะ!...อย่าทำกับฉันแบบนี้ ฉันเป็นคนนะคุณเขมราช คุณมัดฉันไว้กับโซ่อย่างพวกสัตว์ไม่ได้!” เขมราชดึงร่างนั้นเข้ามาหาตัวเขาหากก็ต้องชะงักเมื่อหญิงสาวอ่อนเปลี้ยไปหมด แทนที่จะใช้โซ่มัดเธอตามความตั้งใจกลับต้องตระกองกอ
ตั้งแต่ลืมตาดูโลกยังไม่เคยพบเจอใครโหดร้ายและไร้เหตุผลอย่างเขมราช หัวใจของเขาดำมืดกว่าราตรีที่กำลังจะผ่านพ้น นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว บิดากับเจ้าบ่าวของเธอเล่า งานแต่งที่เชิญคนมาอีกนับพัน จะโกลาหนและเดือดร้อนกันมากแค่ไหน ปรายฟ้าถอนหายใจเบา ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะส่งลมหายใจแรงออกมาเพราะขืนทำอะไรผิดไปต่อหน้าคนบ้าดีเดือดเธออาจต้องเจ็บลึกจากวาจาที่ยิ่งกว่าแส้เฆี่ยนตีลงบนความรู้สึก หญิงสาวมิอาจข่มตาได้ลงแม้เพียงน้อยใจนั้นจดจ่ออยู่กับรถจิ๊ปภายใต้การบังคับของเขมราชที่แล่นไปบนทางลาดชันสูงขึ้นเรื่อย ๆ เขาขับรถอย่างทรหดอดทนไม่แสดงอาการออกมาว่าเหนื่อยหรือหนักผิดกับตัวเธอที่ความอ่อนล้าและสิ้นหวังประเดประดังเข้ามาบีบอัดสำนึกจนอยากละทิ้งลมหายใจเอาไว้บนหนทางยากลำบากที่พาดผ่าน ปรายฟ้าเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างรถ บนเวิ้งฟ้าเหนือปลายหญ้าและยอดไม้ยามนี้ดาวเดือนคล้ายเคลื่อนต่ำลงจรดกับพื้นเบื้องล่าง ที่ ๆ เขากำลังพาเธอมาคือแดนดินใดในโลกหล้า ที่นี่หาใช่ป่ารกชัฏธรรมดาที่ใครจะหาเธอพบได้ง่ายเสียแล้ว หญิงสาวเริ่มกระจ่างในคำถามของตัวเองเมื่อเขมราชเริ่มชะลอความเร็วลงกระทั่งดับเครื่องยนต์สนิทในบริเวณที่เธอรู้ส
“ปล่อยนะ!...ปล่อยฉัน!...ปล่อย!...” ชายหนุ่มตวัดแขนเกี่ยวร่างระหงที่ขืนตัวแม้อ่อนแรงเดินตรงไปยังบ้านไม้หลังใหญ่ซึ่งพาดเงาดำทะมึนใต้แสงจันทรา ความหวาดกลัวถึงขีดสุดแล่นปรี่เข้าจับหัวใจของหญิงสาว เขมราชอาจทรมานเธอด้วยวิธีการที่มิอาจหยั่งรู้ในบ้านอันห่างไกลเกินใครจะเข้ามาช่วยแห่งนี้ ชายหนุ่มพาเธอเหยียบขั้นบันใดขึ้นไปยังตัวบ้าน และเมื่อบานประตูถูกผลักออกเขาจึงสลัดร่างนั้นซวนเซลงไปนอนกองอยู่กับพื้นราวสิ่งของที่เขาไม่คิดจะใยดี ร่างของปรายฟ้าสั่นสะท้านไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ที่นี่ไม่มีแสงนีออนนอกจากตะเกียงเก่าห่อหุ้มเปลวน้อยสาดความสว่างรางเลือนออกมาภายนอก หญิงสาวลุกขึ้นนั่งกอดเข่าขณะที่บุรุษร่างสูงใหญ่ย่อกายลงด้านหน้าเพื่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุดันไม่แปรเปลี่ยน “ตอนนี้ตีสามแล้ว...ผมให้เวลาคุณนอนได้จนถึงเวลาแสงแรกของวันใหม่ ถ้าไม่ตื่นผมจะเป็นคนปลุกคุณด้วยตัวเอง!” คนออกคำสั่งกล่าวจบก็เดินลงส้นออกไปและปิดบานประตูลงโครมใหญ่ปล่อยให้ร่างบอบบางนั่งกอดเข่าในความเงียบงันทั้งหยาดน้ำตา ปรายฟ้าเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นกับชะตากรรมของตัวเองที่ไม่เคยนึกฝัน เรือนผมอ่อนนุ่มที่ถ
ขณะที่ปรายฟ้าก้มหน้ามองบาดแผลเขาก็เพิ่งเห็นความงดงามตรงหน้าชัดเจนกว่าที่เคยเห็นท่ามกลางความมัวหมองในยามค่ำคืน ความสวยหวานของปรายฟ้าดึงดูดนัยน์ตาเข้มที่เผลอจ้องมองจนแทบลืมความตั้งใจทุกอย่างไปในฉับพลันทันใด หากแต่เขมราชกลับต้านทานมันไว้ได้ก่อนจะชักสีหน้าบูดบึ้งดุดันใส่เธออีกคำรบ “ผู้หญิงจอมมารยา!...แผลนิดเดียวร้องไห้ซะลั่นบ้าน ช่างไม่มีความอดทนเอาซะเลยคุณหนูบ้านนิรกิจจากร พ่อของคุณไม่เคยสอนให้คุณรู้จักอดกลั้นอะไรบ้างหรือกับความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้” “เขาสอนฉัน...เขาสอนให้ฉันรู้จักอดทนอดกลั้น แต่ไม่เคยสอนฉันให้ทำร้ายคนอื่นโดยเฉพาะคนไม่มีทางสู้ที่อ่อนแอ” ปรายฟ้าไม่ยอมลงให้เขาแม้เพียงสักนิด ใบหน้าเชิดและคำพูดจาคะคานทำให้เขมราชลุแก่โทสะอีกหน ชายหนุ่มจับไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวไว้แน่น ดวงตาเข้มคลั่กฉาบฉายด้วยประกายไฟร้อนจากความเคียดขึ้งจนสุดประมาณ “คนอ่อนแอบางครั้งก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมแพ้ให้คู่ต่อสู้นี่ใช่มั้ยปรายฟ้า! คนอ่อนแอบางทีก็เป็นนักวางแผนจ้องจะทวงคืนจากคนที่ทำร้ายตัวเองเหมือนคุณไง!” “ฉันเจ็บนะ!...ฉันไม่ได้วางแผน ฉั
“คุณมัน...โรคจิต” “คุณว่าอะไร!” “ฉันไม่ได้ว่าอะไร!” ปรายฟ้าหน้านิ่วเมื่อชายหนุ่มทำดังที่เขาบอกจริง ๆ ด้วยการนั่งลงบนลานหินที่เขาหยิบผ้าโยนให้เธอเมื่อครู่ หญิงสาวนั่งตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับตัวเองเพราะตั้งแต่บั้นเอวลงไปเปียกปอนอยู่ในธารน้ำจนหมด ร่างระหงก้มลงมองผ้าในมือซึ่งเป็นผ้าถุงและเสื้อกับกางเกงเพียงเท่านั้น เขมราชคงบ้าไปแล้วจะให้เธอมาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเขาได้เยี่ยงไร แต่แล้วสายตาคู่นั้นก็เหลือบไปพบโขดหินใหญ่อีกด้านซึ่งอยู่ใกล้กัน อย่างน้อยที่สุดถ้าแอบอยู่หลังโขดหินนั่นก็อาจรอดพ้นสายตาดุจพญาอินทรีย์ที่กำลังจับจ้องเธออยู่ในตอนนี้ได้เป็นแน่ “นั่นคุณจะไปไหน!” เขมราชลั่นคำถามเมื่อเขาเห็นว่าปรายฟ้าฝืนกำลังหยัดกายขึ้นลุยน้ำไปอีกฝั่งหนึ่งอย่างทุลักทุเล “ฉันไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าคุณหรอกนะ ฉันจะไปเปลี่ยนผ้าที่หลังโขดหินนั่น” “ผมบอกแล้วไงว่าจะไม่ให้คุณทำอะไรคลาดสายตา ผมจะพาคุณไปเปลี่ยนเอง!” “นี่คุณ!” ปรายฟ้าจะร้องห้ามแต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วเมื่อร่างสูงใหญ่ก้าวพรวดเดียวมาถึงตัวเธ
“ถ้ารู้จักรักษาสัญญาแบบนี้ ไม่ดื้อดึงแต่แรกก็คงไม่ต้องเจ็บตัวอีก” เสียงของเขมราชดังขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้ามาขณะมองเธอด้วยสายตาหยามเหยียด เขาคงหัวเราะเยาะในความดึงดันอันไร้ผล เขาคงนึกเย้ยเธอที่ตอบโต้อะไรไม่เคยสำเร็จเสียที ปรายฟ้าเชิดหน้าก่อนจะตัดพ้อเขาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ถึงจะไม่เจ็บตัวก็ต้องเจ็บใจเพราะคำพูดร้าย ๆ ของคุณอยู่ดี มันไม่มีอะไรแตกต่างสำหรับการอยู่ที่นี่ อยู่ในที่ ๆ ฉันก็ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมคุณถึงพาฉันมา” “ผมบอกคุณไปจนหมดแล้ว และก็จะไม่อธิบายซ้ำเป็นหนที่สอง แต่สำหรับเวลาที่เหลือจากนี้คุณจะได้พบกับเหตุผลที่ผมพาคุณมาที่นี่ด้วยตัวคุณเอง” “คุณจะพาฉันไหนอีก!” ปรายฟ้าร้องออกมาเมื่อเขาดึงมือเรียวบางให้ร่างนั้นเดินตามออกไป เขมราชหยุดก้าวเท้าชั่วขณะและหันมาเค้นเสียงหนักกับหญิงสาว “ผมจะพาคุณไปพบกับเหตุผลนั่นยังไง เหตุผลที่ทำให้คุณต้องมาอยู่ที่นี่ มันอาจไม่เลวร้ายสำหรับว่าที่เจ้าสาวที่กำลังจะเข้าพิธีอย่างหน้าชื่นตาบาน แต่สำหรับคนบางคน ความสุขของคน ๆ หนึ่งมันเป็นหลุมฝังกลบให้คนอีกคนต้องตายทั้งที่ยังหายใจ!”
“คุณจะรู้อะไร! นังนั่นมันคงหลอกล่อคุณให้ตายใจด้วยความสวยของมัน... ลูกสาวของนรา เจ้าของ ดิ เอเมอรัล ใครก็รู้ว่าสวยหยาดฟ้ามาดิน แต่ในวงสังคมมันก็เป็นแค่เจ้าสาวที่คงถูกพวกโจรพาไปทำปู้ยี่ปู้ยำจนหมดแล้ว คุณไม่มีวันรู้หรอกเขมว่ามันมีสามีมากี่คนแล้วก่อนจะถึงมือคุณ”“คุณคงอยากได้ความกระจ่างมากกว่าที่มืดบอดอยู่ ผมนี่แหละ ผู้ชายคนแรกของปรายฟ้า คนที่ฉุดเธอไปจากงานแต่งคืนนั้นคือผม เขมราช อัครินทร!”“กรี๊ด!...ไม่จริง!...เขม คุณจะบ้ารึไง คุณพูดออกมาได้ยังไงว่าคุณเป็นคนฉุดปรายฟ้าไป คุณแกล้งอัญใช่มั้ยถึงได้กุเรื่องบ้าบอคอแตกนี้ขึ้นมา!”“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น คนอย่างผมไม่เคยล้อใครเล่น และไม่รู้จักการโกหก โดยเฉพาะกับคนที่ผมรัก”เขมราชดูจะใส่ใจต่อเสียงกรีดร้องปลายสายน้อยลงในทุกขณะเมื่อร่างที่เขาทาบทับอยู่นั้นเป็นฝ่ายผงกศีรษะขึ้นมาเพื่อมอบจูบอันหน่วงหนักโดยละทิ้งความกริ่งเกรงในคราวแรกว่าสามีของเธอจะใจอ่อนต่อผู้หญิงคนนั้น“เขม...คุณต้องสั่งทนายของคุณให้หยุดเดินเรื่องฟ้องอัญเดี๋ยวนี้นะคะ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ อัญเป็นแฟนคุณ ไม่ใช่คู่กรณีทางกฎหมายแบบนี้”“ก็แค่เคย...ผมจะไม่พูดอะไรในตอนนี้ เพราะคนที่จะพูดแทนผมได้คื
“ผมรักคุณนะปราย...มากกว่าอะไรในโลกนี้”เสียงปนหอบขานรับดังชัดกว่าสายฝนพรำและประทับลงสู่เบื้องลึกของความทรงจำที่มี เขา เสมอมิเสื่อมคลาย“ปรายก็รักคุณค่ะ...มากกว่าอะไร...ในโลกนี้”เสียงนกร้องปลุกสำนึกแรกของเขมราชให้ลืมตาตื่นรับประกายแดดอ่อนเบาที่ทอดผ่านเข้ามาทางบานกระจกหน้าต่างหลังคืนฟ้าฝนตกหนักผ่านพ้นไป เปลือกตาใต้โครงคิ้วหนาเป็นปื้นกระพริบถี่รัวเพื่อปรับม่านนัยน์ตารับแสงแรกของอรุณใหม่ภายในเรือนไม้หลังงามซึ่งเขาชื่นชมนักเมื่อมาถึงครั้งแรก ชายหนุ่มยังไม่ขยับตัวไปทางใดเมื่อดวงตาคมเปิดรับภาพอันชัดเจนและตรึงตราของปรายฟ้าที่ยังนอนหนุนแขนของเขาต่างหมอนตลอดทั้งคืน ร่างสูงใหญ่บิดตะแคงเพียงน้อยเพื่อเพ่งพิศความงามของร่างเล็กเปลือยเปล่าซึ่งยังคงทิ้งตัวในนิทรารมย์ใต้ผ้าห่มคลุมแค่เนินเนื้ออิ่มเผยเนียนผิวขาวช่างเจิดจรัสราวกุหลาบงามใต้ละอองแดดอาบไล้ฉาบประกายชมพูบนเนื้อนวลอันหมดจดผู้อยู่ในอ้อมแขนขยับตัวบางครั้งเพื่อบดเบียดตัวเองเข้าหาแผ่นอกกว้างทำให้เขาได้กลิ่นหอมเบาบางจากเรือนผมดำยาวสยายเต็มหมอนโอบล้อมวงหน้ารูปไข่และแก้มเปล่งปลั่งตามธรรมชาติโดยไร้การแต่งเติมสีสันใด ๆ ทว่าก็ช่างน่ามองนัก ทุกครั้งที่ร
“คะเขม”“ผมลืมไปว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่คุณกับผม”“คุณหมายถึงลูกของเราใช่ไหมคะ”เขมราชเลื่อนตัวลงแนบข้างแทนที่จะทิ้งน้ำหนักบนร่างสาวโดยตรงพลางวางฝ่ามือหนาลงบนหน้าท้องที่ยังเรียบตึงแต่ก็เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวช่างนุ่มนิ่มอิ่มอวบขึ้นมากกว่าแต่ก่อน หากก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความมีน้ำมีนวลนี้เร่งเร้าให้เขาอยากสัมผัสเธอไปทุกส่วนสัด ยิ่งเนินถันอวบอัดที่กระเพื่อมขึ้นลงนั้นดูคล้ายบัวตูมดอกใหญ่อิ่มขยายชูช่อรอรับหยาดแห่งความฉ่ำชื่น“เขาจะเป็นอะไรมั้ยถ้าเรา...”ปรายฟ้าวางมือบางบนหลังมือที่แนบอยู่บนแผ่นผิวหน้าท้องราบเรียบด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด“เขาอยู่ลึกมากเลยค่ะเขม ปรายยังไม่รู้สึกว่าเขาตอบสนอง แต่เขาอยู่ที่นั่นค่ะ”“ปราย...ที่ผมรีบตามคุณมาที่นี่เพราะกลัวว่าคุณจะทำอย่างขิม เป็นความจริงที่ผู้ชายตัดสินใจทำอะไรได้รวดเร็วเด็ดขาด แต่เรื่องความใจเด็ดเราอาจมีไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของผู้หญิง”ร่างเล็กเบียดตัวเองเข้าหาความแข็งแกร่งกำยำราวจะบอกในทีว่าถึงอย่างไรสตรีก็ไม่เคยลืมทิ้งความอ่อนหวานให้บุรุษถวิลหา“คุณกำลังจะว่าผู้หญิงโหดเหี้ยมกว่าผู้ชาย ถึงยังไงเราก็สู้คนตัวโตกว่าไม่ได้อยู่แล้วนี่คะเขม”เขมราชลากปลาย
“ปราย...ผมจะแต่งงานกับคุณ”ปรายฟ้าชะงักงันแม้ชุดนอนจะถูกรั้งลงไปกองอยู่ข้างเตียงเหลือเพียงร่างงามเปล่าเปลือยผ่องผุดใต้แสงเย็นตา เขมราชไล้ปลายนิ้วสากไปบนผิวนิ่มลื่นบนไหล่บางและเกลี่ยปลายผมที่ทิ้งตัวลงมาปิดถันอิ่มออกไปโดยไม่ได้สนใจดวงตากลมโตฉายความฉงนของอีกฝ่ายแต่อย่างใด“เขมคะ...ปรายแต่งงานกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ”หญิงสาวจับมือของเขาที่ไล้ลูบบนเนินทรวงทั้งที่ความรุ่มร้อนเริ่มแผดเผาจากข้างในทว่าก็ยังมีข้อสงสัยที่เธออยากคลี่คลายมันเสียก่อน“มีอะไรที่ยากลำบากสำหรับคุณหรือปราย ในเมื่อตอนนี้ก้องกาจก็อยู่ต่างประเทศ”“มันไม่ได้เกี่ยวกับพี่ก้อง แต่มันเป็นชื่อเสียงของคุณ ประธานกลุ่มบริษัทอัครินทรต้องหมองมัวแน่ถ้าสังคมรับรู้ว่าคุณจะลงเอยกับเจ้าสาวที่ถูกฉุดหายไปในวันแต่งงาน... ปรายฟ้า นิรกิจจากร”“คุณคือปรายฟ้า อัครินทร ต่างหาก ลืมไปแล้วหรือว่าหลักฐานในทะเบียนสมรสระบุไว้อย่างนั้น หรือถ้าคุณคิดว่ามันยังไม่ชัดเจนพอ ผมก็จะขอเอาตัวเองพิสูจน์กับคุณเสียเดี๋ยวนี้เลย”“เขม...” เรียวปากจิ้มลิ้มอ้าออกไม่ทันคัดค้านก็ถูกประกบปิดไว้แน่นแนบจากเจ้าของใบหน้าคมคาย ชายหนุ่มไม่ต้องการประวิงเวลาไว้สำหรับความเข้าใจอันลึก
“ปราย...” เขาแน่ใจว่าเธออยู่ตรงนั้นในเวลาที่ยังรำลึกถึงคำพูดซึ่งเขายังจดจำอยู่เสมอ“ปรายกลัวเสียงฟ้าผ่าค่ะ...เป็นมาตั้งแต่เด็ก แก้ไม่เคยหายเลย”“แล้วเมื่อก่อนเวลาคุณกลัว...คุณทำยังไง” “ปรายชอบแอบอยู่ข้างเตียง...ตลกมากใช่มั้ยคะ ปรายไม่เคยบอกใครเลย”ชายหนุ่มก้าวไปหยุดใกล้ ๆ และเห็นชัดว่าร่างเล็กห่อกายด้วยผ้านวมผืนใหญ่ซุกตัวอยู่ติดผนังห้องตรงหัวเตียงด้านล่าง“เขม...เขมคะ” เสียงสั่นเครือบอกความกลัวเจือด้วยความเว้าวอนนั้นทำให้เขมราชรู้ตัวว่าเขาคงมิอาจทอดทิ้งปรายฟ้าไปไหนได้อีกแล้วเมื่อร่างสูงตระหง่านตรงเข้าไปคุกเข่าและกอดหญิงสาวในผ้านวมแนบแน่น“ปราย...ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว อย่ากลัว ผมจะปกป้องคุณเอง”ร่างอรชรสลัดผ้าผืนหนาออกก่อนสอดแขนเรียวโอบรอบแผ่นหลังกว้างราวกับเธอก็หมดสิ้นแล้วซึ่งทิฐิและความถือดีใด ๆ นอกจากหัวใจเพรียกหาสามีผู้เป็นที่รัก“ไหนคุณบอกนายย้งว่าคุณจะกลับกรุงเทพแล้วไงคะ คุณจะกลับไปจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”“คุณเชื่อที่ผมพูดหรือ...แล้วคุณรู้ได้ยังไง คุณได้ยินทุกอย่างใช่มั้ยที่ผมคุยกับนายย้งข้างนอก”ชายหนุ่มใช้มือทั้งสองแนบลงกับหูของหญิงสาวและตรึงให้ใบหน้าหวานเผชิญกับเขาอย่างนุ่
“จะให้ผมรับหมอมาดูอาการของคุณเขมราชที่นี่หรือเปล่าครับคุณปราย”นายย้งเสนอตัวก่อนหันไปมองใบหน้าคมคายซีดเผือดบนร่างสูงกำยำซึ่งยังนอนหายใจหนักใต้ผ้าห่มผืนหนาด้วยความร้อนยังไม่ทุเลาเบาลง“ไม่ต้องหรอกค่ะ...นายย้งคอยเฝ้าดูอาการของเขาตรงนี้แล้วกันนะคะ ถ้าไข้เขาลดแล้ว...”ปรายฟ้าระบายลมหายใจก่อนพูดต่อเสียงหวิว“ปรายจะซื้อตั๋วเครื่องบินให้นายย้งพาเขาไปส่งที่กรุงเทพค่ะ”“คุณปรายครับ...แต่ว่าคุณเขมราชเพิ่งมาถึงนะครับ แล้วถ้าให้ผมพาเขากลับกรุงเทพคุณปรายจะอยู่กับใคร”“ปรายอยู่คนเดียวได้ค่ะ! ปรายอยากอยู่คนเดียวมากกว่าจะมีเขา ซึ่งการที่มีเขาหรือไม่มี ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างนี่คะนายย้ง”ร่างบางกล่าวจบก็เดินออกไปจากที่นั้นซึ่งนายย้งรู้ดีว่าคุณหนูของเขาคงไปนั่งจัดดอกไม้ในสวนข้างบ้านอย่างเคย เขาส่ายหน้าไปมาก่อนพูดกับตัวเอง“เฮ้อ!...คุณปรายของย้ง ดูเหมือนจะใจอ่อนแล้ว บทจะแข็งขึ้นมาก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน”.ใช่แต่คำพูดของนายย้งที่แทรกซึมเข้าไปในประสาทรับรู้ของเขมราช ถ้อยวาจาก่อนหน้าของปรายฟ้าก็ยังดังชัดเจนในหูของคนทำทีเสมือนหลับหากก็เปิดเปลือกตาขึ้นมาเมื่อผู้รับคำสั่งให้คอยดูแลเดินกลับเข้าไปในครัวแล้ว“ตื๊อเท
ร่างอรชรโคลงศีรษะขับไล่ความมึนงงก่อนลุกขึ้นจากเตียงอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงผ้าไหมเรียบลื่นสีครีมขับประกายผุดผ่องบนผิวขาวอมชมพูในวันท้องฟ้ายังขมุกขมัว และเมื่อเธอเปิดประตูห้องนอนก็ยังรู้สึกว่าบ้านช่างเงียบเชียบ...หรือเขมราชกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วแต่แล้วหญิงสาวก็หมดสงสัยเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ยังคงนอนเหยียดยาวใต้ผ้านวมคลุมมิดชิดถึงลำคอบนโซฟาบุหนังต่างที่นอนตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ทุกอย่างยังคงเงียบจนดูเหมือนผิดปกติยินเพียงเสียงหายใจหนักซึ่งเริ่มทำให้หญิงสาวเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาสบายดี เธออยู่กับเขมราชจนรู้ว่าเขาไม่ใช่คนชอบนอนตื่นสาย เขาตื่นเช้ามากจนหลายครั้งเธอก็ยังนึกอายเมื่อลืมตาขึ้นมาในอ้อมแขนและเห็นนัยน์ตาคมคู่นั้นจ้องมองเธอยามหนุนแขนหนาใหญ่แนบอกกว้างจนไม่อยากขยับตัวลุกจากที่นอน“คุณเขมราช...คุณเขม...เขมคะ” ปรายฟ้าคุกเข่าลงใกล้ ๆ พลางเรียกเขาซ้ำ ๆ จนหลงลืมเรียกสามีตัวเองอย่างคุ้นเคยอีกครั้ง ทว่าคำตอบของเขาคือเสียงทอดลมหายใจยาวและหนักสลับกับเสียงครางในลำคอ“คุณเขม!” หญิงสาวใจหายวาบเมื่อวางหลังมือบางลงบนหน้าผากของชายหนุ่มและสัมผัสที่ได้คือความร้อนแล่นไหลไปตามอณูผิว ปรายฟ้ากำลังจะดึงมือกลับหากก็ถ
“ปราย...”ปรายฟ้าหยุดชะงักเมื่อเก็บร่มและหันหลังให้เขาขณะกำลังจะก้าวกลับเข้าบ้าน“ผมรู้ว่าคุณไม่ใจร้ายปล่อยให้ผมตายอยู่ข้างนอกแน่ และผมก็รู้ว่า...คุณกลัวเสียงฟ้าร้อง”ชายหนุ่มนิ่งมองแผ่นหลังของร่างเล็กภายใต้เสื้อคลุมตัวยาวท่ามกลางแสงอ่อนจากโคมไฟในยามท้องฟ้าหมองมัวและบรรยากาศขะมุกขมัวด้วยละอองน้ำปรายโปรย ผมยาวปล่อยสยายบนไหล่บางสะท้อนความงามเงาดึงดูดสายตาของเขาเสมอ ปรายฟ้าฝืนก้าวเท้ากลับเข้าไปทั้งที่เวลาเช่นนี้เธอปรารถนาอ้อมกอดของเขาล้นเหลือ หากแต่ความโกรธทำให้หญิงสาวอยากเกลียดเขาให้มากเท่าที่เขาเคยทำให้เธอเจ็บช้ำแทบหมดสิ้นกำลังใจ“ฮัดเช้ย!” เสียงจามเป็นระยะของเขมราชทำให้ปรายฟ้าซึ่งกำลังหอบผ้านวมและหมอนมาวางกองบนโซฟาภายในห้องรับแขกอดที่จะเหลือบมองร่างกำยำที่สวมกางเกงแพรตัวเดียวขณะนั่งลูบผ้าขนหนูไปบนเรือนผมสั้นทว่าเปียกชื้นนั้นไม่ได้ ร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบนหน้าอกกว้างและหน้าท้องเป็นลอนน่ามองทุกครั้งที่มันขมวดเกร็งและกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจ“คุณนอนตรงนี้ก็แล้วกัน จะกลับพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือคะ?”“ผมบอกแล้วไงว่าจะมาอยู่คอยดูแลคุณแทนคุณพ่อ แล้วจะไล่ผมกลับไปแบบนี้ได้ยังไง”“บ้านนี้ห้อ
ปรายฟ้าร่ำรองอยู่กับตัวเองขณะนั่งบนฟูกนุ่มรองด้วยเตียงไม้ฉลุลายโบราณภายในห้องนอนกว้างซึ่งอวลด้วยกลิ่นดอกไม้หอมในแจกัน หญิงสาวพยายามสลัดภาพใบหน้าคมคายออกจากหัวใจทั้งที่รู้ว่าไม่เคยทำได้สักที ก็จะเป็นไรไปเล่า เขาอยากจะนั่งเฝ้าคอยเธอก็ให้เขานั่งต่อไป ร่างอรชรลุกจากที่นอนและทำเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันนี้ทั้งที่ใจเต้นระส่ำเมื่อได้ยินเสียงฝนหล่นกระทบหลังคาดังเปาะแปะก่อนหยาดพิรุณจะทิ้งเม็ดหนามากขึ้นทุกทีเมื่อมองลอดกระจกหน้าต่างมัวหมองด้วยฝ้าน้ำออกไปปรายฟ้ายังพยายามนิ่งใจเย็นหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนผ้าซาตินสายเดี่ยวสวมทับด้วยเสื้อคลุมตัวยาวก็หยิบหนังสือเล่มเล็กมานั่งอ่านทั้งที่สายตานั้นพร่าไปหมดด้วยไม่แน่ใจอะไรบางอย่างเขาคงกลับไปแล้ว....หญิงสาวค่อย ๆ ปิดหนังสือขณะน้ำหยดน้อยร่วงผล็อยลงมาจากดวงตาคู่สวย ฝนฟ้าตกหนักเช่นนี้มีหรือที่เขาจะมานั่งทนรอเธอให้เสียเวลา อาจขับรถกลับกรุงเทพไปเสียแล้วกระมังเพราะคงถอดใจกับการประชดประชันไม่เข้าท่าของผู้หญิงไร้ค่าในสายตาของเขา“คุณปราย!...คุณปรายครับ ย้งเองครับคุณปราย”เสียงของนายย้งดังขึ้นพร้อมเคาะประตูหลายหนจนปรายฟ้าต้องลุกจากที่นอนเพื่อผลักประตูห้