เจ้าของงานอย่างนิรัชกับครอบครัวของเสี่ยวิชัยทุกคน พวกเขาก็อนุญาตเองว่าให้พาน้องพอสมาด้วยกัน
ที่สำคัญลานสำหรับเต้นก็อยู่ตรงนั้น ตรงนี้คือเด็กเล็กวิ่งได้
ขนาดงานแต่งของคนไฮโซที่จัดทางโซนอีกฝั่งยังอุ้มลูกเล็กเด็กแดงมาทั้งชุดราตรีลากยาวเลย เธอเห็นเด็กตัวเล็กๆ วิ่งเล่นกันให้ควั่กอยู่หน้างานนั่นไง
แต่จะว่าไปเธอก็ผิดเองที่ปล่อยน้องพอสให้วิ่งมาทางนี้เพราะเด็กน้อยเห็นนิรัชซึ่งคุ้นเคยกันดีก็วิ่งมาหาเลย เธอจึงไม่ทันได้ฉุกคิดหรือห้ามปรามอะไร
“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ” พี่เลี้ยงเพียรขอโทษอีกหลายคำ
ทว่าพิมพ์วดีก็ยังคงรักษาสีหน้าราบเรียบออกไปทางบึ้งตึงไร้วี่แววผ่อนคลายอยู่อย่างนั้น “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันหวังดีหรอกนะคะถึงได้ช่วยเตือน อย่าหาว่าสอนแทนพ่อแม่ของน้องเลยค่ะ ขืนปล่อยให้ซุกซนต่อไปอาจทำร้ายคนอื่นได้นะคะ”
ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่เห็นด้วย พี่เลี้ยงมองน้องพอสที่อายุย่างสามขวบ เด็กตัวแค่นี้ไม่น่าจะซุกซนจนทำร้ายคนอื่นได้นี่นา เธอจึงเริ่มเถียง “เอ่อ...แต่น้องพอสยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะคะ แค่เกือบจับชายกระโปรงเอง” เข้าใจคำว่าแค่ ‘เกือบ’ ไหม?
พิมพ์วดีถอนหายใจอีกครั้งอย่างเอือมระอา แม้ท่าทางยังคงราบเรียบสูงส่งและน้ำเสียงไม่ได้ดังอะไร แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับการทำร้ายเด็กคนหนึ่งด้วยการเอาชนะคะคานไร้เหตุผล โชคดีที่เด็กคนหนึ่งที่ว่าทำได้แค่มองอีกฝ่ายตาปริบๆ ยังไม่เข้าใจ
ณภัทรเห็นท่าไม่ดีจึงหันมาบอก “พี่แจ่มพาน้องพอสไปหาแม่ของแกเถอะค่ะ ยังหัวค่ำอยู่ เด็กน้อยจึงมีแรงเยอะเชียว”
“ค่ะคุณภัทร แจ่มจะดูน้องพอสไม่ให้ลุกจากเก้าอี้นะคะ”
“เอ้า! ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”
ณภัทรพูดติดตลก พลางกวาดตามองรอบบริเวณตรงนี้ที่เป็นพื้นที่ลานโล่งเหมาะสำหรับให้เด็กเล็กวิ่งเล่นผ่อนคลายหากใครพาบุตรหลานมา ซึ่งแยกออกจากโซนจัดงานเลี้ยงซึ่งมีผู้คนแออัด
เธอลอบถอนหายใจไร้สุ้มเสียง
คล้อยหลังพี่เลี้ยงกับเด็กน้อย ณภัทรก็หันมายิ้มหวานกับพิมพ์วดีเหมือนเดิม ชวนคุยอย่างอ่อนโยนเหมือนเดิม
มองไม่ออกเลยว่าเธอแอบจดบัญชีลับอะไรไว้ในใจ
แม่เธอสอนมาว่าคนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกกระทำตัวได้ และมารยาทที่ดีไม่ควรทำกิริยาสูงส่งเฉียดฟ้าแบบเมื่อครู่นี้กับใคร
หลายวันแล้วที่วิชัยกับนิรัชเกิดหัวข้อสนทนาไม่จบไม่สิ้นจนลามปามเป็นการถกเถียงกันไปมา
ต้นตอของปัญหาคือเรื่องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
“ปริญญาโทหลักสูตรบริหารธุรกิจยังไงแกก็ต้องไปเรียนเพื่อกลับมาต่อยอดแนวคิดทางธุรกิจของครอบครัวทั้งในและต่างประเทศ เรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลายจะได้นำมาพัฒนาโรงแรมในเครือปัญจรักษ์ให้ครอบคลุม พร้อมต้อนรับลูกค้าจากทุกเชื้อชาติทั่วโลก เปิดมุมมองให้กว้างขึ้นที่ไม่ได้มีแค่ในประเทศไทย”
เหตุผลต่างๆ นานาถูกวิชัยยกมากล่าวอ้างเป็นครั้งที่ร้อย ซึ่งนิรัชไม่เคยโต้แย้งเลยแม้แต่น้อย เขายินดีทำตามคำสั่งพ่อเรื่องนี้ ทว่ามีเพียงเรื่องเดียวที่เขาต้องการร้องขอ
“ผมแค่อยากรออีกสักสองปี ค่อยไปเรียนไม่ได้เหรอ?”
รอสองปีของนิรัช ณภัทรที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ พอเข้าใจได้
เขารอให้เธอเรียนจบแล้วไปเรียนต่อพร้อมกัน
หญิงสาวให้รู้สึกใจสั่นหวั่นไหว เธอเม้มปากแน่น นั่งช่วยแม่ปอกผลไม้จนมีดเกือบบาดนิ้ว ระหว่างนั้นก็ช้อนตามองสองพ่อลูกคุยกันในเรื่องเดิมตรงโซฟาห้องนั่งเล่นเป็นระยะ
วิชัยส่ายหน้าปฏิเสธเสียงแข็ง “รออะไร ไม่จำเป็นต้องรอ ใครจะรู้ว่าในหนึ่งวัน หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น อนาคต การงาน โอกาส วิกฤต เรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม คนที่จะต้องเป็นผู้นำอย่างแกไม่ควรรอ กว่าจะเรียนจบสองปี ฝึกทำงานหาประสบการณ์อีกเต็มที่สักสามปี กว่าแกจะพร้อมกลับมารับตำแหน่งท่านประธานแห่งปัญจรักษ์เต็มตัวให้พ่อได้วางมือปลดเกษียณ ตอนนั้นแกคงอายุยี่สิบปลายๆ แล้ว เกือบสามสิบละมัง รีบไปเรียนแล้วรีบกลับมาเพื่อรับช่วงธุรกิจของพ่อเถอะ พ่อแก่มากแล้ว อยากพักบ้างสักที ประเดี๋ยวหมดแรงเที่ยวรอบโลกซะก่อนจะทำไง”
เหตุผลของผู้เป็นพ่อ ทำนิรัชกับณภัทรได้แต่ปลง
แต่คงจะดีไม่น้อย หากวิชัยไม่ได้คาดหวังให้นิรัชไปเรียนต่างแดนแสนไกลและยาวนานขนาดนั้น
ความเงียบเกิดขึ้นฉับพลัน ได้ยินเพียงเสียงทำงานของเครื่องปรับอากาศติดผนัง แม้แต่ณภัทรกับลินดายังไม่พูดอะไรสักคำ
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ วิชัยเอ่ยขึ้นอีก “พ่อคิดว่าจะตอบตกลงคุณชื่นผกาเรื่องที่จะให้แกไปเรียนกับหนูพิมพ์วดีนะ”
“...!?”
ความเงียบที่เงียบแต่เดิมเพิ่มเติมคือวังเวง ซึ่งกำลังก่อร่างสร้างตัวคล้ายปราการแก้วอันเปราะบางพร้อมปริแตก
นอกหน้าต่าง มวลเมฆดำทะมึน กลุ่มฝนตั้งเค้า ไม่นานเม็ดฝนก็ร่วงหล่นตกมาเกรียวกราวพร้อมฟ้าแลบแปลบปลาบจนเกิดเสียงดังสะเทือนไปทั่วน่านฟ้าในห้องนั่งเล่นที่เดือดระอุ นิรัชใช้ความเงียบแทนคำตอบ ดวงตาดำจัดเรียวยาวคล้ายบรรจุมีดคมกริบนับพันเล่มความดุดันยิ่งฉายชัดคล้ายระเบิดเวลา สีหน้าราบเรียบเริ่มบึ้งตึงเผยความดื้อดึงตามแบบฉบับคุณชายประจำคฤหาสน์ออกมา“พ่อพูดอะไร?”วิชัยขมวดคิ้วกล่าวเสียงเครียด “พ่อตัดสินใจแล้ว แกจะได้มีเพื่อนคอยดูแลกันยามอยู่ต่างถิ่นแดนไกล”นิรัชรีบเอ่ยปากปฏิเสธ “ถ้าพ่อคิดอย่างนั้น ผมจะไม่ไปเรียนต่อเด็ดขาด”“อะไรกัน?” วิชัยตบโต๊ะอย่างโมโห “เราคุยกันมามากพอแล้วนะ ตารัช!”“ผมก็ฟังมามากพอแล้วเหมือนกัน” จบคำก็ลุกพรวดขึ้นแล้วเดินหนีไปเลยวิชัยโวยวายตามหลัง “ตารัช! ไอ้ลูกชายคนนี้! กลับมาคุยให้รู้เรื่องนะ”เสียงโต้แย้งเริ่มตะเบ็งดังลั่นและบานปลายมากกว่าเดิม กลับเป็นณภัทรที่เดินมานั่งลงตรงโซฟา วางจานผลไม้ขัดบทสนทนา ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟังเหมือนดังเช่นทุกวัน“พ่อใจเย็นๆ ค่ะ”เสียงนั้นมิใช่เพียงทำวิชัยใจเย็นลง แต่ยังทำนิรัชที่เดินเลี้ยวหลบไปทางมุมหนึ่งต้องหยุดยืน อิงแผ่นหลังกว
ประโยคยาวเหยียดของณภัทร ทำวิชัยงุนงง“หมายความว่ายังไงลูก พ่อไม่เข้าใจ”หญิงสาวยังคงยิ้มหวาน “พ่อบอกเมื่อกี้ว่าจะให้พี่รัชไปเรียนพร้อมกับคุณพิมพ์วดี?”วิชัยขมวดคิ้ว พยักหน้ายอมรับอย่างฉงนณภัทรเริ่มมีสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงก็เริ่มเคร่งขรึมขึ้นมา “คุณพิมพ์วดีเติบโตในต่างแดน คุ้นเคยกับทางนั้นมากๆ นั่นคือเหตุผลที่พ่อต้องการให้พี่รัชไปเรียนด้วยกันกับเธอ”สำหรับคนเป็นพ่อแม่ไม่ว่าลูกอายุเท่าไหร่ โตแค่ไหน จะอย่างไรก็ยังเด็กเกินไปเสมอในสายตา หากต้องปล่อยไปอยู่ลำพังในที่ไกลๆ ความห่วงใยย่อมมีมากกว่ายามปกติตั้งแต่เล็กจนโต วิชัยไม่เคยห่างจากลูกชายคนนี้เลยเขาดูแลประคบประหงมนิรัชอย่างดี เพราะอีกฝ่ายขาดแม่ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้“ทว่าพ่อจะปล่อยให้เขาเอาแต่ใจ ไม่นึกถึงอนาคตไม่ได้ ยังไงก็ต้องไปเรียนต่ออยู่ดี รู้แหละว่าจะอย่างไรในต่างแดนต่างถิ่นต่อให้ศิวิไลขนาดไหนก็ไม่ใช่บ้านเมืองตัวเอง คุณชายอย่างเจ้ารัชอาจลำบากมากสักหน่อย และนี่คือเหตุผลที่พ่อให้ไปกับหนูพิมพ์วดี สองคนจะได้ดูแลกันและกัน”“ค่ะ ภัทรเข้าใจ แต่ว่าพ่อคะ นั่นไม่สมควรเอามาเป็นเหตุผลหลักของพี่รัช เพราะเขาดูแลตัวเองได้อยู่แล้วโด
แม้เรื่องผู้หญิงจะเคลียร์จนสะอาดเรียบไปแล้ว ทว่านิรัชยังคงมีเรื่องค้างคาใจกับณภัทร ซึ่งไม่อาจคลีนโดยง่าย ดังนั้นทันทีที่สาวน้อยเดินขึ้นบันไดชั้นสองแล้วเลี้ยวขวา ข้อมือเล็กพลันถูกฝ่ามือใหญ่จับกระชากแล้วลากเข้าห้องมา“อ๊ะ! พี่รัช!”เสียงอุทานเกิดขึ้นแผ่วเบา เพราะไม่ต้องการให้ใครได้ยิน แต่คิดอีกทีก็คงไม่มีใครได้ยินหรอก เนื่องจากพี่แววกับป้าแหวนกลับเรือนพักด้านหลังแล้วเรียบร้อย พ่อกับแม่ก็อยู่ในห้องนั่งเล่นข้างล่าง และฝนข้างนอกยังตกหนักซะขนาดนี้“มีอะไร? ลากภัทรเข้าห้องพี่มาทำไมเนี่ย”คำตอบที่ได้รับคือริมฝีปากนุ่มชื้นกับลมหายใจอุ่นจัดที่ประกบแนบชิดอย่างร้อนแรงแฝงความเอาแต่ใจ พร้อมด้วยอารมณ์เคืองขุ่นที่ปะทุอัดแน่นคล้ายระเบิดเวลาและตอนนี้ระเบิดเวลาที่ว่าถูกเปิดสลักดังตูมแล้วนิรัชจูบณภัทรแนบแน่นอย่างเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟัน จับเธออุ้มจนตัวลอยมาโยนลงบนเตียงกว้างแล้วโน้มตัวลงคร่อมทับอย่างเร็ว กักคนตัวเล็กไว้ตลอดแนวร่างกาย“พี่รัช ทำอะไร ที่นี่บ้านนะ ไม่ใช่เพ้นท์เฮ้าส์”สาวน้อยตกอกตกใจยกใหญ่ ดิ้นขลุกขลักไปมา ทว่าไม่อาจรอดพ้นอ้อมแขนแข็งแรงได้นาทีนี้นิรัชกำลังโกรธจนหน้ามืดแล้วจริงๆ ทำไมยัยตัวยุ่งข
แต่ช่วงหลังมานี้ณภัทรกินยาคุมอย่างเคร่งครัด จึงอนุญาตให้นิรัชได้ทำตามใจเป็นบางครั้ง เธอย่อมไร้กังวล“ภัทรทำอะไร?”หญิงสาวถามอย่างใสซื่อ เธอไม่รู้สึกรู้สาว่าได้ปล่อยระเบิดใส่อีกฝ่ายในเรื่องสนับสนุนให้เขาไปเรียนต่อทันทีที่เรียนจบตรีคนถูกถามสะกดเธอไว้ด้วยนัยน์ตาลุ่มลึกในระยะประชิด “ภัทรรู้ดีว่าพี่ต้องการรออีกสองปีเพราะอะไร”แน่นอนว่าการไปเรียนต่อเมืองนอกจะอย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น วิชัยกำหนดเอาไว้ตายตัวตั้งแต่ลูกชายสุดรักอายุไม่เท่าไหร่ด้วยซ้ำ คำพูดโต้แย้งของนิรัชจึงไม่ควรมีแต่แรก และณภัทรก็ไม่มีความคิดที่จะรั้งเขาเอาไว้อย่างเห็นแก่ตัว เธอต้องมองให้ทั่วๆ ไม่ใช่แค่ตัวเอง อนาคตของปัญจรักษ์ขึ้นอยู่กับทายาทสายตรงหนึ่งเดียวอย่างนิรัช“ภัทรรู้ แต่...อ๊ะ! พี่รัช เบาๆ”คนกดกระแทกด้วยความมันเขี้ยว ส่งเสียงทุ้มพร่า “รู้? แล้วทำไมไม่ช่วยกันพูด”“จะให้ช่วยพูดอะไร? อื้อ...”น้ำเสียงแม้สั่นเครือเพราะความเสียวรุมเร้า แต่ประโยคที่เอ่ยหนักแน่นและจริงจัง “พี่รัชก็แค่รีบไปเรียนแล้วก็รีบกลับมา”“ห้าปี...” รวมเรียนและฝึกงานอยู่ต่างประเทศตามกำหนด “ไม่ต่ำกว่านั้นแน่...” ห้าปีทีเดียวไม่ใช่ห้าวันหรือห้าเดือน“มันนา
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง...คนสองคนที่ทะเลาะกันแทบตาย สุดท้ายก็นอนกอดกันอย่างหมดเรี่ยวแรง เหลือเพียงรสสัมผัสหวามไหวติดค้างชายหนุ่มครางเบาๆ ขยับลึกอีกครั้งก่อนค่อยๆ ถอดถอนตัวตนแผ่วช้า เหงื่อซึมทั่วร่างหนา หยาดไหลร่วมกับร่างบางอ่อนนุ่มหลังจากลมหายใจร้อนๆ กลับมาเป็นปกติ นิรัชถึงได้จูบซับหยดเหงื่อระเรื่อยไปตามข้างขมับให้ณภัทรสาวน้อยปรือตาฉ่ำเยิ้มมองคนขี้งอน “หายโกรธหรือยัง?”“ยัง!”เสียงทุ้มพร่าติดจะแหบห้วนอยู่มาก นิรัชกระชับอ้อมแขนกอดคนตัวนุ่มแน่นขึ้นไม่คิดปล่อยความหวงแหนก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงในทุกวัน ความรู้สึกเป็นเจ้าของก็เช่นกัน ณภัทรทำนิรัชแทบคลั่งได้ทุกครั้งแค่ก้มมองแล้วถ้าเธอไม่ได้อยู่ในสายตา ถ้าไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้กอด...คำถามแสนง่ายแต่กลับยากมากที่จะหาคำอธิบายมาบรรยายความรู้สึกแค่นึกภาพว่าสิ่งสำคัญที่สุดได้ขาดหายไปในชีวิตประจำวัน แค่นั้นความอึดอัดทรมานที่ยากจะเอ่ยก็กดทับจนหายใจไม่ออกชายหนุ่มกำลังคิดว่า หากเขาต้องอยู่ห่างเธอคนละฟากฟ้าก็โปรดกรุณาเอามีดมาเฉือนหัวใจเขาแทนเถอะ!ณภัทรย่อมเข้าใจนิรัชเป็นอย่างดี ได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้จะไม่เข้าใจได้ยังไง ทว่าเธอก็ยังต้องปล่อยเขาไปเรียนต
แต่ไม่ว่าจะมีใครมาบอกเธอยังไง คนที่ทำให้เธอหวั่นไหวและเชื่อใจได้กลับมีเพียง...นิรัช...พี่ชายตามกฎหมายคนนี้คนเดียวณภัทรรักนิรัชแค่คนเดียวเท่านั้น ทว่าความรักสำหรับเธอไม่ใช่การยึดติดปิดกั้นหรือครอบครองเอาไว้ข้างกายตลอดเวลา แต่เป็นการมองคนรักด้วยความหวังดีตลอดไปต่างหากหญิงสาวค่อยๆ กล่อม “พี่รัชฟังภัทรนะ คนเรายังต้องเผชิญอีกหลายเหตุการณ์ระหว่างเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มันไม่ใช่ปัญหาแค่มือที่สามมือที่สี่ที่จะเข้ามาแทรกกลางระหว่างเรา แต่มันอาจมีปัญหามากมายรุมเร้า ซึ่งนั่นก็มากพอที่จะทำให้ชีวิตคู่พบทางตัน กระทั่งต้องหันหลังคุยกัน เกราะป้องกันที่ดีคือต้องฝึกฝนแก้ปัญหาเอาไว้แต่เนิ่นๆ ไม่ต้องรอจนความรักเดินทางมาไกลเกินแก้ไข”นิรัชอึ้งงัน ได้ยินเสียงใสกังวานอ่อนหวานแต่หนักแน่นว่า “ภัทรขอสัญญาจะรอพี่รัชอยู่ตรงนี้ เป็นความมั่นคงของพี่ตลอดไป ไม่ว่าพี่ต้องเจอกับปัญหาอะไร หันมาก็จะเจอภัทรเสมอ ตกลงไหม”ณภัทรเป็นคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องคำสัญญา เธอนำพาชีวิตให้อยู่กับปัจจุบัน ตั้งมั่นบนโลกความจริงในแต่ละวันตามหลักการและเหตุผลอันสมควร ไม่ใช้อารมณ์ฝันเฟื่องอย่างเรื่องลมปากที่พ่นออกมาพร้อมกับคำว่า ‘สัญญ
ทุกวัน ณภัทรมักจะเห็นทุกสิ่งเป็นร่องรอยของคนคุ้นเคยอยู่ตลอดเวลาทุกกิจกรรม ทุกการกระทำ ทุกซอกทุกมุมที่กวาดตามอง ยิ่งนานยิ่งติดตรึงในความทรงจำที่โซฟาห้องนั่งเล่น ร่างสูงโดดเด่นมักจะพักผ่อนอยู่ตรงนั้น เขามองมาทางเธอด้วยสองตาดำจัดคมดุที่คนอื่นมองไม่ออกว่ามีความนัยอะไรในสระว่ายน้ำสีคราม สัดส่วนสมบูรณ์แบบที่เปิดเปลือยเผยมัดกล้ามตึงแน่นล่อตาลวงใจที่เขาชอบทำที่โต๊ะอาหาร เขามักกินข้าวแค่เงียบๆ น้อยครั้งถึงจะพูดจา ทว่าก็มักจะคอยมองเธอว่ากินอิ่มหรือยัง จะได้ไปเรียนพร้อมกันยังมีมุมโต๊ะทำงาน หน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น... คนตัวโตมักจะมีสีหน้าเรียบเฉย นั่งฟังเธออ่านบทความอย่างเย็นชาเพื่อรอพิมพ์เอกสาร ยามที่เธอกำลังอ่านบทความ สายตาของเขาคล้ายไม่ใส่ใจอะไรรอบกายเลย ทว่าสมาธิทั้งหมดกลับตกอยู่ที่เธอ ตั้งใจฟังแค่เพียงน้ำเสียงของเธอณภัทรเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเรื่องสมัครงานพิเศษวันนั้นเป็นเพราะนิรัชหวังจะได้อยู่กับเธอสองต่อสอง มีเวลาทำอะไรๆ ร่วมกัน โดยไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตต่อพ่อกับแม่ให้เธอต้องลำบากใจยังมีเรื่องที่พาไปเที่ยวทะเล เขาต้องหาสารพัดวิธีเพื่อที่จะพาเธอไปได้อย่างถูกต้องแต่กว่าจะไ
ปลายฝนต้นหนาว สายฝนนอกหน้าต่างยังคงสาดซัด สร้างความหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจในห้องนอนส่วนตัว ณภัทรยังคงสะอึกสะอื้นนั่งขดตัวอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำการบ้านโดยมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คอยู่เป็นเพื่อนเอกสารงานแปลไม่ได้มากมายอะไรเธอทำเสร็จแล้วทั้งหมดแค่รอส่งเท่านั้น ทุกอย่างจึงถูกจัดเก็บเรียบร้อยเมื่อร้องไห้คิดถึงนิรัชจนเหนื่อยล้าก็รีบปาดน้ำตาก่อนฝืนใจกินข้าวสองสามคำ จากนั้นก็นำลงไปเก็บที่ครัว แล้วหมุนตัวขึ้นห้องนอนอย่างรวดเร็วเธออยากอยู่คนเดียวหญิงสาวอาบน้ำ สวมชุดนอนกระโปรงตัวเก่ง มุดเข้าผ้าห่ม พยายามข่มตาหลับให้ลงเหมือนเช่นเคยทว่าก็ไม่เคยหลับลงสักทีเข็มนาฬิกาเดินทางมาค่อนข้างดึกมากแล้ว ณภัทรยังคงพลิกตัวไปมาอยู่ใต้ผ้าห่มที่ไม่เคยอุ่นอีกเลยตั้งแต่ใครบางคนจากไปจังหวะนั้นใครบางคนก็เฟสไทม์มา เธอรีบกดรับอย่างเร็ว ทว่าพูดอะไรไม่ออกสักคำ“ภัทร...”เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากปลายสาย ส่งผลให้น้ำใสที่แห้งไปแล้วเริ่มเอ่อคลอตรงขอบตากลมอีกครา“พี่...”เสียงเธอเจือสะอื้นเล็กน้อย ทั้งๆ ที่เพียรสะกดกลั้นเอาไว้ แต่มันยากเกินไป “พี่รัช...”น้ำเสียงแบบนี้ของณภัทร ทำเอาความเงียบพลันปกคลุมรอบด้านอยู่อึดใจใหญ่ ส่งผ
แม้ปากจะบอกแบบนั้น แต่ทุกวันที่ผันผ่านก็ยังคงเลวร้ายในความรู้สึกอยู่มากโชคดีที่ณภัทรเป็นคนที่จัดการกับความรู้สึกตนเองได้เป็นอย่างดี หญิงสาวยิ่งรู้สึกว่าโชคดีเหลือเกินที่เธอเลือกเร้นรัก กักเก็บความสัมพันธ์ฉันแฟนกับนิรัชโดยไม่คิดเปิดเผยออกมาเผื่อที่ว่าถึงวันหนึ่งเรื่องของเธอกับเขามันเป็นไปไม่ได้ อะไรๆ จะได้ไม่เลวร้ายมากไปกว่านี้ผู้ชายน่ะ เวลาเปลี่ยนใจไปมีคนใหม่ พวกเขาจะสามารถมองหน้าผู้หญิงคนเก่าได้อย่างสบาย ทำทีเป็นไม่เคยมีอะไรต่อกันก็ยังได้ เพราะฉะนั้น เพื่อรักษาระดับความสัมพันธ์ฉันพี่น้องให้ครอบครัวไร้ปัญหา เธอก็จะต้องทำได้เช่นกันแต่ว่า...นั่นเฉพาะต่อหน้าคนอื่นเท่านั้นนะเวลาอยู่คนเดียว ณภัทรจะแอบร้องไห้บ้างอะไรบ้าง ตามประสาคนอกหักรักคุด รักผิดชีวิตสะดุด หยุดอยู่กับที่ไม่กล้าเดินหน้าคบใครต่อไปหลังจากเรียนจบปีสุดท้าย โมรินกับศรุตก็จับมือบินลัดฟ้า พี่เอมี่ก็ไปเป็นนางแบบอินเตอร์โดยมีคุณเควินคอยซับพอร์ตณภัทรจึงเหลือตัวคนเดียวโดยสมบูรณ์โคตรเหงา...เนื่องจากเรียนจบแล้ว ระหว่างรอรับปริญญา หญิงสาวจึงเข้าออฟฟิศทำงานเต็มตัว เต็มที่กับโครงการร่วมทุนสร้างกับคู่ค้า ตอนนี้เธอยัง
“น้าพลยอมโดยไม่กล้าขัดขืนเลยแหละ แต่เงื่อนไขคือต้องไปกับพี่รุต คุณแม่ของเขาถึงขนาดไปคุยกับน้าพลที่บ้าน ใช้อำนาจเจ้าของบริษัทเลยเชียว น้าพลก็เลยต้องยอม ส่วนค่าใช้จ่ายคุณแม่บอกว่าจะออกให้ทั้งหมด ถือเป็นสินสอดทองหมั้น”ณภัทรเลิกคิ้ว หญิงสาวรู้มาว่าศรุตตามจีบโมรินไม่เว้นวัน กระทั่งพาไปแนะนำตัวกับมารดาว่าเป็นแฟนแบบแนบเนียน หลังจากนั้นก็คอยไปรับไปส่งระหว่างบ้านกับมหาวิทยาลัยตลอด สองคนนี้ตกลงเป็นแฟนกันแล้ว หลังจากเรียนจบศรุตเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทของครอบครัว ไม่ได้ทำตัวล่องลอยไปวันๆ เหมือนแต่ก่อน เขาไม่ใช่ทายาทเพียงคนเดียวของครอบครัว ยังมีพี่ชายคนสำคัญรอสืบทอดกิจการอยู่แล้วทั้งคน จึงไม่จำเป็นต้องรีบไปเรียนต่อพร้อมนิรัช อีกทั้งชายหนุ่มยังต้องการรอโมรินเรียนจบแล้วไปต่างประเทศพร้อมกันณภัทรยิ้มขื่น เธอเองก็ควรให้นิรัชรอเหมือนกันใช่ไหม? แต่คิดไปคิดมา หากย้อนเวลากลับไปเธอจะทำอย่างนั้นได้จริงเหรอเสี่ยวิชัยมีนิรัชเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแค่เพียงคนเดียว ตัวของเสี่ยวิชัยเองก็ไม่มีพี่น้อง บิดามารดาก็ไม่อยู่แล้ว หลังจากภรรยาคนเก่าเสียชีวิตเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เขาก็อยู่กับนิรัชแค่สองคนจนกระท
หญิงสาวก้มหน้าทำงาน พยายามไม่คิดมากอีกทว่าท้ายที่สุด เธอก็พ่ายแพ้ให้แก่หัวใจไม่รักดีของตัวเองเรียวนิ้วเปิดโปรแกรมเฟสไทม์ ทำใจดีสู้เสือโทรออกไป นานครู่ใหญ่จนเกือบจะถอดใจ ในที่สุดปลายสายก็กดรับภาพของคนคุ้นเคยสุดแสนจะคิดถึงก็ปรากฏ “ว่าไงภัทร?”หญิงสาวกะพริบตา มือบีบโทรศัพท์แน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เธอพยายามข่มใจไม่คิดมากกับคำถามชวนคิดมากแบบนี้“ก็ไม่ว่าไง พี่รัชทำอะไรอยู่เหรอ?”“ช่วงนี้พี่กำลังยุ่งมากเลยภัทร ไม่ว่างโทรหาเลย”คนฟังมุ่นคิ้ว เธอก็ยุ่งเหมือนกันนี่นา...หญิงสาวกำลังจะเอ่ยปากบอกไปตามตรงว่าเธอเองก็ยุ่งเหมือนกันไง ทำไมยังโทรหาเขาได้ เสียงหวานหนึ่งพลันเอ่ยแทรก“รัช...ไปกันเถอะ”เสียงของผู้หญิงไม่ผิดแน่ ณภัทรยังเห็นภาพเธอจากในโทรศัพท์ด้วย ผู้หญิงคนนั้นคือชัญญ่า...อดีตพี่รหัสของณภัทรนั่นเอง“อ้าว! น้องภัทรเหรอ? สวัสดีจ๊ะ” แค่นั้น ชัญญ่าทักทายเพียงแค่นั้น ก่อนหันไปทางนิรัช “รัช...เราไปกันเถอะ”“อืม...แค่นี้ก่อนนะภัทร”ปลายสายตัดไป ณภัทรได้แต่อึ้ง เธอเห็นภาพที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ที่นั่นคือห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ห้องเรียนแน่นอน...ธุรกิจเบเกอรี่ที่ณภัทรร่วมหุ้นกับภานียังคงไ
ระยะเวลาที่ห่างกัน จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งเดือน จากนั้นก็เลื่อนเป็นหนึ่งปีสองปีตามลำดับ ณภัทรยังคงคิดถึงนิรัชเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเริ่มเคยชินรถซุปเปอร์คาร์สีเหลืองสดแซ่บจี๊ดวนเข้ามาจอดด้านหน้าของภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง ประตูเปิดออกโดยบริกรที่มาคอยให้บริการ สาวสวยดูดีในมาดนักธุรกิจรุ่นใหม่ค่อยๆ ก้าวเท้าลงมา เธอสวมสูทสไตล์แฟชั่นล้ำสมัย ซึ่งเป็นการรังสรรค์เสื้อผ้าอันโดดเด่นที่มีส่วนช่วยให้เกิดความประทับใจต่อผู้ติดต่อทางธุรกิจ และยังสะท้อนทัศนคติไร้ขีดจำกัดให้กับผู้หญิงยุคนี้ที่บทบาททางสังคมเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจนแตกต่างจากในอดีตเธอคือณภัทร ผู้สลัดลุคนักศึกษาสาววัยใสกลายเป็นสาวสวยมั่นใจเต็มวัย แต่งหน้าทาปากเข้มขึ้นจนมองอายุจริงไม่ออก เสื้อผ้าหน้าผมล้วนได้โมรินช่วยดีไซน์และจัดการให้วันนี้เธอต้องมาเจรจาธุรกิจแทนวิชัยสาเหตุเป็นเพราะอีกฝ่ายออกรอบตีกอล์ฟกับเพื่อนเพลินเกินไปหน่อย กระทั่งเอวเคล็ดกระดูกเคลื่อนเล็กน้อยจนต้องแอดมิทโรงพยาบาล ในขณะที่ลินดาป่วยเข้าโรงพยาบาลไปแล้วก่อนหน้าณภัทรรู้ดีว่ามารดาของตนสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เนื่องจากต้องตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ตอนอายุน้อยอีกทั้งยังตรากตร
หญิงสาวเต้นพองาม คลอกับเพลงที่เปิดอยู่ โดยที่ไม่รู้ว่ากำลังทำให้คนอีกฝั่งแทบคลั่งนิรัชขบกราม กอบกุมแก่นกายแน่น “ดี...แบบนี้ล่ะภัทร”เธอถามเสียงกระเส่า “พี่รัชไม่ต้องไปเรียนหรือไง?”“เดี๋ยวค่อยไป มโนว่าเอากับภัทรก่อน”หญิงสาวขำพรืด “บ้า”“พี่จะกล่อมภัทรให้นอนหลับสบายไง”ณภัทรยิ่งหน้าแดง และแน่นอนเธอยินยอม“ภัทร...”“หืม...”“นิ่งพิงหัวเตียง ถอดผ้า อ้าขา”“อืม...”ณภัทรถอดชุดนอนออกเผยหน้าอกอวบสวยเด้งดึ๋งโดดเด่น นิ้วเล็กเริ่มแตะแต้มน่องขาด้านใน แหวกขอบผ้าตัวบางจิ๋วออกช้าๆ“ภัทรเริ่มแล้วนะ”จบคำมือหนึ่งก็ค่อยๆ ขยำทรวงอกอิ่ม อีกมือเลื่อนลงต่ำ กรีดเรียวนิ้วกับเนินเนื้ออุ่นชื้น ค่อยๆ สอดใส่เข้าไป“คิดถึงพี่ ภัทร...” นิรัชสั่งเสียงทุ้มลึกณภัทรรับคำเสียงหวาน “อา...พี่รัช”ภาพของคนในจอคล้ายหลุดออกมาขยี้ขยำลูบคลำเธอ อุ้งปากร้อนๆ กำลังครอบครองยอดถัน ณภัทรสูดหายใจเข้าลึกยาว เมื่อความรู้สึกร้อนผ่าวจากส่วนสงวนชื้นแฉะกลางกายแล่นไปทั่วตัวตามปลายนิ้วที่เริ่มระรัว เธอรู้สึกเสียวนิรัชก็เช่นกัน เขารูดแก่นกายขึ้นลง สูดปากเบาๆ“อ้าขาอีกสิครับ”“อืม...พี่รัชอ่ะ”เธอแยกขากว้างขึ้นเพื่อเขา“พี่กำลั
ปลายฝนต้นหนาว สายฝนนอกหน้าต่างยังคงสาดซัด สร้างความหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจในห้องนอนส่วนตัว ณภัทรยังคงสะอึกสะอื้นนั่งขดตัวอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำการบ้านโดยมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คอยู่เป็นเพื่อนเอกสารงานแปลไม่ได้มากมายอะไรเธอทำเสร็จแล้วทั้งหมดแค่รอส่งเท่านั้น ทุกอย่างจึงถูกจัดเก็บเรียบร้อยเมื่อร้องไห้คิดถึงนิรัชจนเหนื่อยล้าก็รีบปาดน้ำตาก่อนฝืนใจกินข้าวสองสามคำ จากนั้นก็นำลงไปเก็บที่ครัว แล้วหมุนตัวขึ้นห้องนอนอย่างรวดเร็วเธออยากอยู่คนเดียวหญิงสาวอาบน้ำ สวมชุดนอนกระโปรงตัวเก่ง มุดเข้าผ้าห่ม พยายามข่มตาหลับให้ลงเหมือนเช่นเคยทว่าก็ไม่เคยหลับลงสักทีเข็มนาฬิกาเดินทางมาค่อนข้างดึกมากแล้ว ณภัทรยังคงพลิกตัวไปมาอยู่ใต้ผ้าห่มที่ไม่เคยอุ่นอีกเลยตั้งแต่ใครบางคนจากไปจังหวะนั้นใครบางคนก็เฟสไทม์มา เธอรีบกดรับอย่างเร็ว ทว่าพูดอะไรไม่ออกสักคำ“ภัทร...”เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากปลายสาย ส่งผลให้น้ำใสที่แห้งไปแล้วเริ่มเอ่อคลอตรงขอบตากลมอีกครา“พี่...”เสียงเธอเจือสะอื้นเล็กน้อย ทั้งๆ ที่เพียรสะกดกลั้นเอาไว้ แต่มันยากเกินไป “พี่รัช...”น้ำเสียงแบบนี้ของณภัทร ทำเอาความเงียบพลันปกคลุมรอบด้านอยู่อึดใจใหญ่ ส่งผ
ทุกวัน ณภัทรมักจะเห็นทุกสิ่งเป็นร่องรอยของคนคุ้นเคยอยู่ตลอดเวลาทุกกิจกรรม ทุกการกระทำ ทุกซอกทุกมุมที่กวาดตามอง ยิ่งนานยิ่งติดตรึงในความทรงจำที่โซฟาห้องนั่งเล่น ร่างสูงโดดเด่นมักจะพักผ่อนอยู่ตรงนั้น เขามองมาทางเธอด้วยสองตาดำจัดคมดุที่คนอื่นมองไม่ออกว่ามีความนัยอะไรในสระว่ายน้ำสีคราม สัดส่วนสมบูรณ์แบบที่เปิดเปลือยเผยมัดกล้ามตึงแน่นล่อตาลวงใจที่เขาชอบทำที่โต๊ะอาหาร เขามักกินข้าวแค่เงียบๆ น้อยครั้งถึงจะพูดจา ทว่าก็มักจะคอยมองเธอว่ากินอิ่มหรือยัง จะได้ไปเรียนพร้อมกันยังมีมุมโต๊ะทำงาน หน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น... คนตัวโตมักจะมีสีหน้าเรียบเฉย นั่งฟังเธออ่านบทความอย่างเย็นชาเพื่อรอพิมพ์เอกสาร ยามที่เธอกำลังอ่านบทความ สายตาของเขาคล้ายไม่ใส่ใจอะไรรอบกายเลย ทว่าสมาธิทั้งหมดกลับตกอยู่ที่เธอ ตั้งใจฟังแค่เพียงน้ำเสียงของเธอณภัทรเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเรื่องสมัครงานพิเศษวันนั้นเป็นเพราะนิรัชหวังจะได้อยู่กับเธอสองต่อสอง มีเวลาทำอะไรๆ ร่วมกัน โดยไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตต่อพ่อกับแม่ให้เธอต้องลำบากใจยังมีเรื่องที่พาไปเที่ยวทะเล เขาต้องหาสารพัดวิธีเพื่อที่จะพาเธอไปได้อย่างถูกต้องแต่กว่าจะไ
แต่ไม่ว่าจะมีใครมาบอกเธอยังไง คนที่ทำให้เธอหวั่นไหวและเชื่อใจได้กลับมีเพียง...นิรัช...พี่ชายตามกฎหมายคนนี้คนเดียวณภัทรรักนิรัชแค่คนเดียวเท่านั้น ทว่าความรักสำหรับเธอไม่ใช่การยึดติดปิดกั้นหรือครอบครองเอาไว้ข้างกายตลอดเวลา แต่เป็นการมองคนรักด้วยความหวังดีตลอดไปต่างหากหญิงสาวค่อยๆ กล่อม “พี่รัชฟังภัทรนะ คนเรายังต้องเผชิญอีกหลายเหตุการณ์ระหว่างเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มันไม่ใช่ปัญหาแค่มือที่สามมือที่สี่ที่จะเข้ามาแทรกกลางระหว่างเรา แต่มันอาจมีปัญหามากมายรุมเร้า ซึ่งนั่นก็มากพอที่จะทำให้ชีวิตคู่พบทางตัน กระทั่งต้องหันหลังคุยกัน เกราะป้องกันที่ดีคือต้องฝึกฝนแก้ปัญหาเอาไว้แต่เนิ่นๆ ไม่ต้องรอจนความรักเดินทางมาไกลเกินแก้ไข”นิรัชอึ้งงัน ได้ยินเสียงใสกังวานอ่อนหวานแต่หนักแน่นว่า “ภัทรขอสัญญาจะรอพี่รัชอยู่ตรงนี้ เป็นความมั่นคงของพี่ตลอดไป ไม่ว่าพี่ต้องเจอกับปัญหาอะไร หันมาก็จะเจอภัทรเสมอ ตกลงไหม”ณภัทรเป็นคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องคำสัญญา เธอนำพาชีวิตให้อยู่กับปัจจุบัน ตั้งมั่นบนโลกความจริงในแต่ละวันตามหลักการและเหตุผลอันสมควร ไม่ใช้อารมณ์ฝันเฟื่องอย่างเรื่องลมปากที่พ่นออกมาพร้อมกับคำว่า ‘สัญญ
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง...คนสองคนที่ทะเลาะกันแทบตาย สุดท้ายก็นอนกอดกันอย่างหมดเรี่ยวแรง เหลือเพียงรสสัมผัสหวามไหวติดค้างชายหนุ่มครางเบาๆ ขยับลึกอีกครั้งก่อนค่อยๆ ถอดถอนตัวตนแผ่วช้า เหงื่อซึมทั่วร่างหนา หยาดไหลร่วมกับร่างบางอ่อนนุ่มหลังจากลมหายใจร้อนๆ กลับมาเป็นปกติ นิรัชถึงได้จูบซับหยดเหงื่อระเรื่อยไปตามข้างขมับให้ณภัทรสาวน้อยปรือตาฉ่ำเยิ้มมองคนขี้งอน “หายโกรธหรือยัง?”“ยัง!”เสียงทุ้มพร่าติดจะแหบห้วนอยู่มาก นิรัชกระชับอ้อมแขนกอดคนตัวนุ่มแน่นขึ้นไม่คิดปล่อยความหวงแหนก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงในทุกวัน ความรู้สึกเป็นเจ้าของก็เช่นกัน ณภัทรทำนิรัชแทบคลั่งได้ทุกครั้งแค่ก้มมองแล้วถ้าเธอไม่ได้อยู่ในสายตา ถ้าไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้กอด...คำถามแสนง่ายแต่กลับยากมากที่จะหาคำอธิบายมาบรรยายความรู้สึกแค่นึกภาพว่าสิ่งสำคัญที่สุดได้ขาดหายไปในชีวิตประจำวัน แค่นั้นความอึดอัดทรมานที่ยากจะเอ่ยก็กดทับจนหายใจไม่ออกชายหนุ่มกำลังคิดว่า หากเขาต้องอยู่ห่างเธอคนละฟากฟ้าก็โปรดกรุณาเอามีดมาเฉือนหัวใจเขาแทนเถอะ!ณภัทรย่อมเข้าใจนิรัชเป็นอย่างดี ได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้จะไม่เข้าใจได้ยังไง ทว่าเธอก็ยังต้องปล่อยเขาไปเรียนต