ผู้หญิงเรียบร้อยรักเรียนแต่มักจะแอบแซ่บบ่อยๆ เวลาที่อยู่คนเดียวอย่างณภัทร ไม่แปลกหากเรื่องไม่คาดคิดจะเกิดขึ้น
เพราะความเมาของพวกเราในคืนนั้น
ณภัทรเมามายจนเดินเข้าผิดห้อง ขณะทำเรื่องน่าอายอย่างการช่วยตัวเองยังคิดว่าตนแค่ฝันหวานตามอารมณ์กำดัดสาวน้อย
ส่วนนิรัชเองก็ดื่มเบียร์อยู่คนเดียวในห้องจนเมามากเช่นกัน เขาทำเรื่องอย่างนั้นกับเธอด้วยอารมณ์เคลิ้มๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่นคล้ายคนละเมอคิดว่าตนเองแค่ฝันเปียกสมจริงเกินไป
เมื่อรู้ตัวอีกทีก็เสร็จสมด้วยกันทั้งสองฝ่ายถึงสองรอบใหญ่
หลังจากนั้น กลับเป็นฝ่ายชายที่ถามหาความรับผิดชอบ ส่วนฝ่ายหญิงผู้แสนจะเรียบร้อยไม่เคยทำตัวออกนอกลู่นอกทางก็ทำได้เพียงหลบหลีกไม่ยอมรับผิดชอบ และไม่พูดถึงอีก
ฟันแล้วทิ้ง! เธอถูกพี่ชายตามกฎหมายตราหน้านับแต่นั้น
ก็จะให้ทำอะไรได้มากกว่านั้น พ่อเลี้ยงกับแม่ของณภัทรเพิ่งแต่งงานและจดทะเบียนสมรสเป็นครอบครัวเดียวกัน และเธอก็อายุแค่เพียงเท่านี้ กำลังเริ่มต้นชีวิตที่สดใสในรั้วมหาวิทยาลัย อนาคตยังอีกยาวไกล เรื่องอะไรจะต้องให้การพลั้งพลาดเสียตัวเพราะเมาเหล้ามาฉุดรั้งชีวิตในวัยสาวสะพรั่งกันล่ะ
ไม่แฟร์หรอกนะ!
บางทีผู้หญิงเรียบร้อยที่เคยรักนวลสงวนตัวยิ่งชีพเมื่อพลาดขึ้นมากลับมีความคิดลึกล้ำเกินกว่าผู้ชายจะเข้าใจ
นอกจากรู้สึกไม่แฟร์แล้วยังมีอีกเรื่องที่สำคัญ
หากเรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างเธอกับพี่ชายถูกเปิดเผย แม่ก็อาจจะต้องหย่ากับพ่อเลี้ยง ชีวิตรักของแม่ถูกทำลาย อนาคตอันแสนสดใสคงกลายเป็นมืดครึ้มมองเห็นหนทางแค่รำไร
ณภัทรไม่อยากเสี่ยงเลยจริงๆ
สาเหตุที่ณภัทรมีความคิดเป็นของตัวเองได้ขนาดนี้ สืบเนื่องมาจากผู้เป็นมารดาอย่างลินดา
เมื่อครั้งที่ลินดาเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เธอมีแฟนและพลาดพลั้งตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
แฟนหนุ่มนอกจากไม่รับผิดชอบยังหลบหน้า หนีหายเข้ากลีบเมฆ ทิ้งให้ลินดาเผชิญชะตากรรมอยู่คนเดียว
เมื่อไปหาที่บ้านก็ไม่เคยเจอหน้า พบแต่พ่อแม่ของอีกฝ่าย ซึ่งก็คอยบอกปัดว่าไม่รู้ลูกชายไปไหน หนักเข้าก็กล่าวหาอย่างหยาบคายว่าลินดาปล่อยเนื้อปล่อยตัว ท้องกับใครก็ไม่รู้ ไม่แน่ว่าอาจไม่ใช่กับลูกชายของพวกเขา
ทางบ้านของลินดานั้น ค่อนข้างเป็นผู้ดีเก่า พวกเขามีฐานะมีหน้ามีตาในสังคม จึงรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
คนในครอบครัวจึงลงความเห็นพ้องต้องกันอย่างเด็ดขาดว่าให้ลินดาทำแท้ง แล้วกลับไปเรียนต่อให้จบ
แต่เธอไม่ยอม ดึงดันเก็บเด็กในท้องเอาไว้
ยามนั้นเพื่อนๆ ของเธอได้เล่าเรียนมีอนาคตสดใสรออยู่ ในขณะที่เธอต้องอุ้มท้องกลมโตไร้อนาคตอยู่บ้านอย่างมืดมน
ทุกคนในบ้านแทบไม่อยากมองหน้าเธอ พวกเขาต่อว่าและประจานเธอ ญาติพี่น้องไม่มีใครยอมรับเธอและลูกในครรภ์
กระทั่งลินดาคลอดเด็กน่ารักออกมาคนหนึ่ง
เธออดทนต่อสายตาดูแคลนจนร่างกายแข็งแรงจึงตัดสินใจเดินออกมาใช้ชีวิตของตนเองอย่างเด็ดเดี่ยว เลือกตัดขาดจากครอบครัวอย่างมีสติครบครัน ไม่ใช่เพียงอารมณ์ชั่ววูบหรือขาดการไตร่ตรองอะไรทั้งนั้น
แน่นอนว่าลินดาไม่ใช่ลูกคนเดียว บ้านของเธอเป็นครอบครัวใหญ่ เธอเป็นหนึ่งในลูกที่ไม่เคยมีสิทธิ์มีเสียงอะไรอยู่แล้ว
วันที่เธอเดินจากมายังได้ยินเพียงเสียงต่อว่าและด่าทอจากพวกเขาไล่หลังจนลับตา
โชคดีที่ลินดาไม่มีหนี้สินและที่สำคัญเธอมีเงินเก็บส่วนตัวอยู่ก้อนหนึ่ง
เธอใช้มันไปกับเด็กหญิงณภัทร ซื้อนม ซื้อเสื้อผ้าเด็กอ่อน และจ้างกึ่งไหว้วานป้าใจดีข้างบ้านเช่าให้เป็นพี่เลี้ยง ส่วนตัวเธอก็ออกหางานทำโดยไม่เกี่ยงว่าจะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน
แต่ด้วยวุฒิการศึกษาที่ต้อยต่ำ เธอจึงเลือกทำงานไปด้วยเรียนกศน.[1] ไปด้วย
ใช้เวลานานพอควรจนได้วุฒิการศึกษาที่ต้องการ เธอจึงเปลี่ยนงานที่ดีกว่าเดิม หาช่องทางเพิ่มรายได้ไปเรื่อยๆ
อาศัยเป็นคนความจำดี รูปร่างหน้าตาสะสวยบุคลิกภาพดี และพอจะมีความรู้เรื่องภาษาเป็นทุนเดิม ลินดาจึงได้งานในห้างสรรพสินค้าหรูโซนเครื่องใช้แบรนด์เนม
ณภัทรเห็นมารดาลำบากเพราะเธอและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดมาโดยตลอด เธอจึงเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนอย่างสม่ำเสมอ
เธอยังเข้าใจดีที่ลินดาทั้งเคี่ยวเข็ญและเข้มงวดอย่างที่มนุษย์แม่คนหนึ่งจะเจ้าระเบียบกับลูกได้
นอกจากจะเป็นเด็กเรียบร้อย รักเรียนเป็นที่ตั้ง ณภัทรยังหางานพิเศษทำเพื่อแบ่งเบาภาระมารดา
ต่อมาลินดาก็เจอรักครั้งใหม่กับเสี่ยวิชัย เขาเป็นหม้ายภรรยาตาย ทั้งสองท่านตกลงแต่งงานจดทะเบียนสมรส ก่อนมารดาจะย้ายเข้าบ้านเขาในเวลาต่อมา
ณภัทรคิดว่ามารดาของตนคงไม่อยากมีใครแล้วเสียอีก เพราะตลอดเวลาหลายปีมานี้ เนื่องจากอีกฝ่ายยังสาวยังสวยแม้จะมีเธอเป็นลูกติดก็ยังมีผู้ชายมาขายขนมจีบไม่เคยขาดสาย แต่เธอก็ไม่เคยเห็นมารดาจะมีอะไรเกินเลยกับใครสักคน
ท้ายที่สุดเธอกลับได้พ่อเลี้ยงสุดแสนจะใจดีคนหนึ่งแถมด้วยพี่ชายหล่อเนี้ยบมาดเท่ห์แต่อารมณ์ร้ายเอาแต่ใจมาก ๆ อีกคน
ถึงขนาดทำให้เธอใจแตกอยู่ในขณะนี้
แต่ณภัทรยังคงมีปณิธานอันแรงกล้า เธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง
เธอจะตั้งใจเรียนก่อน ไม่ยอมมีแฟนเด็ดขาด
การเรียนมหาวิทยาลัยก็เป็นหนึ่งในความฝันของแม่ เธอจะต้องทำมันให้ดี ให้แม่เห็น
ภายภาคหน้าเธอจะต้องมีอนาคตที่ดีและสดใสอย่างที่สุด ใครก็หยุดเธอไม่ได้
เธอไม่คิดว่าผู้ชายคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตหรอก
คู่รักวัยเรียนยิ่งไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
เธอต้องมีชีวิตเป็นของตัวเองและเป็นหลักประกันให้แม่ได้ ต่อให้แม่ไม่มีใครก็จะยังมีเธอตลอดไป
ณภัทรคิดด้วยจิตใจอันมุ่งมั่น ไม่มีใครสั่นคลอนได้ แต่เมื่อนึกถึงพี่ชายที่หล่อร้ายถึงขั้นอันตรายคอยกระชากใจ
เธอก็ได้แต่กลัดกลุ้ม
[1] กศน. ย่อมาจาก “การศึกษานอกโรงเรียน” แต่ปัจจุบัน หลังจากมีพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 เกิดขึ้น กศน. จึงหมายถึง “การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย”
เช้าวันใหม่สดใสเสมอณภัทรโยนเรื่องกลัดกลุ้มทิ้งไปอย่างคนไม่ต้องการเก็บทะเลทุกข์ไว้ในใจ เพราะชีวิตต้องเดินต่อไป หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล อาจมีสิ่งดีๆ รออยู่นับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคืออนาคตอันสดใส เธอไม่อยากย่ำอยู่กับที่ให้จิตตกไปมากกว่านี้หญิงสาวลุกขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันและนาฬิกาก็ยังไม่ทันปลุก ซ่อนหุ่นแซ่บสะท้านเทียบเท่าพริกยกสวนเอาไว้ภายใต้ชุดนักศึกษาที่แสนเรียบร้อย ไม่เผยความยั่วยวนออกมาเลยสักนิดหลังจากหมุนรอบกระจกสามรอบจนพอใจก็ลงแป้งบางๆ ทาลิปกลอสสีวาวใส เธอไม่ชอบแต่งหน้าจัดจ้าน เพราะหากมีสิวขึ้นก็จะเป็นการสิ้นเปลืองเงินเนื่องจากต้องไปหาซื้อยารักษาสิวยังต้องไปหาหมอเสริมความงามแล้วรักษาอย่างต่อเนื่อง เธอจึงเน้นการรักษาผิวพรรณให้เนียนละเอียดกระจ่างใสไร้ริ้วรอยอยู่ตลอดเวลา จะได้ไม่เปลืองเครื่องสำอางแต่งหน้าอะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด เธอเป็นอย่างนี้เสมอมาณภัทรตรวจดูความเรียบร้อยของตนเองอีกหนจนพอใจก่อนจะกวาดสิ่งของจำเป็นลงกระเป๋าสะพายนอกจากของใช้ส่วนตัวจำพวกลิปกลอส แป้งฝุ่น แป้งตลับ ผ้าอนามัย ทิชชู โทรศัพท์ ของจุกจิกที่ชอบพกพาเป็นประจำแล้ว เวลานี้เธอยังพกถุงยางอนามัยและย
ลินดาไม่เคยปิดบังเรื่องราวเหลวไหลของตนในอดีตวิชัยจึงรู้เรื่องทั้งหมดแต่ไม่เคยนึกรังเกียจ หลังจากแต่งงาน วิชัยจึงไม่ยอมให้ลินดาต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยอีก ลินดาจึงกลายเป็นคุณนายอยู่บ้านสวยๆ ไปวันๆทว่าเธอกลับไม่ยอมอยู่นิ่งๆ มักจะตื่นก่อนนอนทีหลังเสมอบ้านทุกซอกทุกมุมเป็นระเบียบเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้ว อาหารทุกจานที่ลินดาเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเองยังอร่อยทุกอย่างไม่ใช่เพียงวิชัยที่เหมือนน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น นิรัชเองก็ดูเหมือนจะมีน้ำมีนวลขึ้นมาเช่นกัน เพียงแต่เขาตัวสูงจึงดูไม่ค่อยออกเมื่อคุณนายเป็นแบบนี้ แม่บ้านสองคนที่พักอยู่เรือนเล็กด้านหลังจึงตื่นตั้งแต่ไก่โห่มาทำงานบ้านอย่างขยันขันแข็งมากยิ่งขึ้น เนื่องจากคิดมาก กลัวจะถูกไล่ออกลินดาจึงต้องคอยปลอบใจแม่บ้านบ่อย ๆ “ป้าแหวนพี่แววอย่าคิดมากเลย ดาแค่อยู่เฉยไม่เป็นเท่านั้นไม่ได้คิดแย่งงานเลยนะ” แม่บ้านทั้งสองได้หัวเราะขัดเขินเก้อกระดากแต่ก็ยังรีบตื่นแต่เช้าทำงานให้หนักเข้าไว้เหมือนเดิมณภัทรนั่งกินข้าวอย่างอร่อยพลางมองแม่บ้านสองคนที่เป็นลูกมือก้นครัวให้แม่ เธอเห็นแม่บ้านทั้งสองแย่งกันหั่นต้นหอมผักชีเพื่อเอาหน้ากันยกใหญ่หญิงสาวยิ้มขัน ในใจ
นิรัชขับรถมาส่งณภัทรถึงหน้าตึกเรียนคณะของเธอทั้ง ๆ ที่รถจอดแล้วแต่เขาเห็นเธอยังคงเขียนอะไรยุกยิกลงบนสมุดโน๊ตเล็ก ๆ เล่มหนึ่งไม่หยุดชายหนุ่มหรี่ตาเพ่งมองเงียบๆ หากเดาไม่ผิด เธอคงกำลังลิสต์รายชื่อแหล่งหางานพิเศษอยู่ เพราะระหว่างทางจากบ้านมาถึงมหาวิทยาลัย ทุกครั้งที่เห็นมีสถานที่หลายแห่งที่ติดป้ายเปิดรับนักศึกษาให้หารายได้พิเศษ ณภัทรที่หยิบมือถือถ่ายรูปไม่ทัน เนื่องจากรถกำลังวิ่ง เธอจะรีบมองแล้วจำมาจด นิรัชมองณภัทรอย่างใจเย็น ปล่อยให้เธอเขียนจนเสร็จโดยไม่เอ่ยปากเร่งเธอให้ลงจากรถของเขาสักพักเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของณภัทรดังขึ้นเธอล้วงกระเป๋าหยิบต้นเสียงที่ตั้งค่าให้ดังแค่เบา ๆ ออกมาแล้วกดรับสาย ก่อนเอามันแนบกับแก้มขาวเนียนแล้วเอียงคอ ใช้ไหล่บางประคองโทรศัพท์ไว้ ส่วนมือก็เขียนขยุกขยิกต่อไปไม่หยุดท่าทางคล้ายนักธุรกิจหญิงที่กำลังไฟแรงเร่งเปิดกิจการใหม่ทุกไตรมาส งานยุ่งจึงที่สุดในโลก“ฮัลโหล อืม...ถึงหน้าตึกคณะแล้ว โอเคๆ เจอกัน”ณภัทรกดปุ่มวางสาย เก็บสมุดเข้ากระเป๋า ทำท่าจะเปิดประตูออกไปโดยไม่ปลดเข็มขัดนิรภัยแน่นอนว่าเธอคงลืมนิรัชจึงต้องรีบปลดเข็มขัดนิรภัยของตนเองก่อนจะโน้มตั
คอนโดแห่งนี้นิรัชมีคีย์การ์ดร่วมหนึ่งใบ เพราะชายหนุ่มซื้อเป็นชื่อของเขาให้เพื่อนคนนี้อยู่อาศัย สืบเนื่องว่าอีกฝ่ายต้องคอยหลบคนทางบ้านไม่ให้หาเจอตัวได้ง่ายๆเมื่อเข้าห้องมา เสียงหนึ่งพลันเล็ดลอดให้ได้ยิน“อา...พี่รุตขา...”ตามด้วยเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นแข่งกับเสียงเพลงคลาสสิกเร้าอารมณ์ที่เปิดคลอกิจกรรมบางอย่างนิรัชย่อมรู้ดีว่ากิจกรรมที่ว่านี้คืออะไร ทั้งยังเห็นภาพได้ชัดเจนเสมือนเปิดหนังเอวีจอใหญ่ เพราะประตูห้องนอนที่ติดกับห้องรับแขกเปิดอ้าเอาไว้บนเตียงนอนหนานุ่มจึงปรากฏภาพของชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งซ้อนกันอยู่ฝ่ายชายเปลือยกายท่อนล่าง ท่อนบนสวมเสื้อยืดตัวบางสำหรับใส่นอน เขานั่งพิงหัวเตียงฝ่ายหญิงอยู่ในชุดนักศึกษานั่งทับอยู่กลางแก่นกายแข็งขึง สองมือจับขยุ้มบ่ากว้าง แหงนหน้าครวญครางโยกตัวไปมาซักพักก็เปลี่ยนท่าผู้ชายจับร่างอวบอึ๋มของฝ่ายหญิงให้คว่ำหน้าลงตลบกระโปรงขึ้นสูงเปิดสะโพกกลมกลึงขาวเนียน ก่อนประกบบั้นท้ายงามงอนแล้วแทรกตัวตนร้อนผ่าวเข้าไปในกายสาว เขาขยับสะโพกเนิบนาบเรียกเสียงครางอีกสายหนึ่งจากผู้หญิงด้านล่าง“อื้อออ...พี่รุต”เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นอีกครั้งในจังหวะต่อม
ครั้นอีกฝ่ายสายตาสะดุดกับเขาที่กำลังนั่งเป็นรูปปั้นตรงโซฟา ศรุตก็ตกใจตะโกนลั่น“เฮ้ย! ไอ้รัช! แกมานั่งอยู่เมื่อไหร่เนี่ย?”นิรัชตอบเสียงเรียบ “ก่อนแกเสร็จไม่นานหรอก”คำว่าไม่นานของนิรัชก็คือได้เห็นหลายท่าของศรุตเพื่อนกันก็อย่างนี้ เข้าใจกันถึงกระดูกทว่านอกจากไม่คิดจะเดินกลับห้องนอนเพื่อใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยอย่างคนควรอาย ศรุตยังถามอย่างสงสัย“แล้วแกใส่ชุดนักศึกษาทำไมเนี่ย วันนี้ไม่มีเรียนนี่”คนถูกถามเลิกคิ้ว “วันนี้ไม่มีเรียน แกก็เลยอนุญาตให้สาวขึ้นมาเอากับแกได้แต่เช้า?”ศรุตยกมือเสยผมยุ่ง ๆ ให้เข้าที่ ยักคิ้วกวน ใบหน้าหล่อเข้มเผยแววตากรุ้มกริ่ม ก่อนเดินเข้าไปดื่มน้ำในครัวด้วยท่าทางสบายๆ ปราศจากอาการอับอาย แล้วเดินกลับไปในห้องนอน สวมเสื้อผ้าพลางคุยกับผู้หญิงในห้อง “น้องอร รีบไปเรียนก่อน ค่อยมาหาพี่ให้ช่วยคลายเหงาใหม่คราวหน้า วันนี้เพื่อนพี่เข้ามารอนานแล้ว”“หา!”คนนอนหงายตัวอ่อนระทดระทวยเมื่อครู่รีบดีดเด้งขึ้นมา ก่อนจะเร่งมือติดตะขอบราลูกไม้ กลัดกระดุมเสื้อ เอื้อมมือควานหาเกงเกงชั้นในสีดำที่ตกอยู่ริมเตียงอีกฝั่งมาสวมอย่างลนลานเธอเดินออกจากห้องนอนพลางบอกศรุตที่กำลังสวมเสื้อผ้า“พี
หลังเลิกเรียน ณภัทรยังไม่คิดกลับบ้าน เธอต้องการหางานพิเศษทำสักอย่างตามวิสัย แต่การนั่งรถเมล์ดูจะไม่สะดวกเท่าไหร่ จึงคิดเรียกวินมอร์เตอร์ไซค์เพื่อนั่งออกไปโบกแท็กซี่หน้าปากซอย จากนั้นค่อย ๆ ถามหางานทีละแห่งทว่าแค่เดินออกจากอาคารเรียนแต่ยังไม่ทันก้าวเท้าออกนอกอาณาเขตของคณะอักษรศาสตร์ รถยุโรปสีขาวก็มาจอดเทียบตรงทางเดินฟุตบาทณภัทรย่อมจำได้ว่าเป็นรถของใครหญิงสาวเห็นอีกฝ่ายลดกระจกลง ส่งสายตาออกคำสั่งว่าให้เข้าไปนั่งในรถแต่โดยดีคนอย่างณภัทรซึ่งเปลี่ยนใจไม่อยากเสียค่าแท็กซี่แล้วจึงรีบขึ้นรถทันทีไม่มีปฏิเสธ ทั้งยังไม่ลืมคาดเข็มขัดนิรภัยด้วยสาวน้อยแก้มใสยิ้มแฉ่งแข่งกับแสงตะวันอย่างพึงพอใจ “ดีจัง พี่รัชเลิกเรียนพร้อมภัทรเลย”นิรัชแอบยิ้มมุมปากนิดๆ แทบมองไม่เห็น ได้ยินอีกฝ่ายออกปากขอร้องพร้อมท่าทางออดอ้อนแบบลืมตัวว่า “ไปส่งภัทรสมัครงานพิเศษหน่อยได้มั้ยคะ”ชายหนุ่มไม่ตอบแต่ถามกลับขณะหมุนพวงมาลัยรถยนต์ “จะสมัครงานอะไร พนักงานร้านสะดวกซื้อหรือ?”อีกคนส่ายหน้า เธอไม่สะดวกทำงานเข้ากะกลางคืนแล้วนิรัชถามอีก “พนักงานฟาดฟู๊ดเหรอ ในห้างใกล้บ้านก็พอมี ไปดูที่นั่นก่อนไหม? เธอไม่ควรหางานไก
ทันทีที่วิชัยได้ฟังจากปากลูกชายว่าเขาจะทำงานพิเศษ ความรู้สึกตกใจก็ท่วมท้น“แกเนี่ยนะเจ้ารัช จะทำงานพิเศษ”คนถูกปรามาสกลางโต๊ะอาหารมื้อเย็นยังคงความนิ่งขรึมให้ค้างเติ่งบนใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้ พลางตอบเสียงเรียบ “เทอมหน้าผมถึงจะได้ออกฝึกงาน เทอมนี้จึงทำงานพิเศษได้อยู่แล้วครับพ่อ”วิชัยดื่มน้ำเข้าไปอึกหนึ่งด้วยเกรงว่าตนจะสำลักกับข้าวที่เพิ่งเข้าปาก ก่อนขมวดคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อ “ประเด็นไม่ใช่เรื่องนั้น แต่คุณชายรักสบายอย่างแกเนี่ยนะจะทำงานพิเศษ”นิรัชไม่ตอบอะไรอีก เพียงรับประทานอาหารเงียบๆบ้านของเสี่ยวิชัยทำธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ ฐานะค่อนข้างร่ำรวย เงินทองมีมากมาย นิรัชจึงไม่เคยขาดอะไร ความคิดที่จะทำงานหาเงินพิเศษด้วยตนเองจึงไม่เคยเกิดขึ้นแต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว วิชัยก็ไม่ได้คิดจะขัดขวางหรืออะไร เขาเพียงแค่รู้สึกตกใจเท่านั้น“พ่อไม่ห้ามแกทำงานหรอก แต่แน่ใจเหรอว่าจะทำงานนี้”งานนี้ที่ว่าก็คืองานแปลภาษาหนังสือวิชาการซึ่งคนอย่างนิรัชไม่ใช่พวกหนอนหนังสือและไม่ได้เรียนคณะอักษรศาสตร์เหมือนณภัทรแม้ว่าณภัทรจบมาจะทำงานด้านโรงแรมช่วยธุรกิจครอบครัวได้เช่นกัน แต่นิรัชเรียนคณะบริหารธุรกิจ ก
ในขณะที่พี่ชายอย่างนิรัชกำลังออกหน้ารับทุกความสงสัยอย่างสงบนิ่งณภัทรที่ไม่คิดจะรับผิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทั้งหมดก็ได้แต่กินข้าวจนแน่นจุกท้องไปหมดความจริงก็คือแม้เธอจะมีพื้นฐานทางด้านภาษาค่อนข้างดี ทั้งจีน อังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส เธอได้หมด แต่ความสามารถด้านการพิมพ์สัมผัสยังอยู่แค่เกณฑ์ธรรมดาเรียกได้ว่าพิมพ์เร็วในระดับพื้นฐานผ่านงานทั้งนี้เงื่อนไขคือเธอยังเพิ่งเข้าเรียนแค่ปีหนึ่งวันแรกเท่านั้น ความน่าเชื่อถือค่อนข้างน้อยมากๆ ทางสำนักงานจึงให้เธอรอรับการพิจารณาไปก่อนซึ่งนั่นหมายความว่าหากมีคนที่ดีกว่าก็พร้อมจะเขี่ยเธอทิ้งแม้เธอจะมีลิสต์งานพิเศษที่มาร์คไว้หลายที่หลายทางให้เลือกสรรและสำนักงานแห่งนี้ยังเป็นเพียงหน้าม้าเป็นนายหน้าจัดหานักแปลภาษาให้เอเจนซี่เท่านั้น ทว่าเธอก็ยังอยากได้งานนี้มากจริง ๆ เพราะสอบถามจนรู้มาว่าเขารับงานแปลให้เอเจนซี่ต่างประเทศด้วยและสามารถรับงานมาทำที่บ้านได้อย่างสบาย ๆ ไม่ต้องไปยืนขาแข็งและเสี่ยงอันตรายด้วยการกลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆที่สำคัญลักษณะงานค่อนข้างตรงกับวิชาที่เธอเลือกเรียน ช่วยเสริมประสบการณ์ได้อย่างดีเยี่ยมแต่เมื่อถูกปฏิเสธแบบอ้อมๆ เช่นนั้นเธ
บนเวทีมงคล พิธีกรชายกำลังส่งคำถามแก่คู่บ่าวสาวด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม“ตามธรรมเนียม ทั้งสองต้องบอกมาตามตรงว่าพบรักกันได้ยังไง เล่ามาเลยครับ”ข้างล่างต่างรอฟังอย่างตื่นเต้นกันใหญ่ มีบางคนแอบสงสัยว่าพวกเขาคงแพ้ความใกล้ชิดแหละ ประมาณน้ำมันกับไฟเจอกันใครจะคิดอย่างไรไม่ใช่ว่านิรัชกับณภัทรจะรับรู้ไม่ได้ ทว่าต่อให้เป็นเพราะเหตุนั้นแล้วยังไงล่ะเจ้าบ่าวรับไมค์ไปกรอกเสียงตอบก่อน “ผมแอบชอบภัทรตั้งแต่ตอนเธออยู่มัธยมต้น เธอเป็นรักแรกพบของผม ตั้งแต่วันนั้น เจ้าสาวของผมคือเธอคนเดียวครับ”และคำตอบตรงไปตรงมาของคนพูดน้อยเรียกเสียงกรีดร้องจากสาวๆ ทั้งงานเลยทีเดียว หลายคนนับนิ้วกันใหญ่ หลายปีเชียว ผู้ชายในงานยังยกนิ้วโป้งส่งให้ นายแน่มาก...ตอนนี้ณภัทรหน้าแดงก่ำไปหมด เขินจนตอบไม่ถูกแล้วค่ะพิธีกรให้เวลาเธอได้สะเทิ้นอายพอประมาณแล้วเริ่มถาม “แล้วเจ้าสาวล่ะครับ เริ่มรักเจ้าบ่าวตอนไหนเอ่ย?”หญิงสาวค่อยๆ ตอบเสียงสั่น “รู้ตัวว่ารักหมดใจเมื่อไม่นานมานี่ล่ะค่ะ ก่อนหน้านั้นแค่มึนๆ ไม่ค่อยเข้าใจ”เสียงหัวเราะดังครืน คำตอบของเจ้าสาวยียวนใช้ได้เจ้าบ่าวแซวเธอ “เพราะแบบนี้ไงถึงต้องรีบแต่งงานเร็วๆ กลัวเจ้
งานหมั้นถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายหรูหราที่บ้านปัญจรักษ์ในหนึ่งเดือนต่อมา มีเพียงญาติสนิทและมิตรสหายเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์ร่วมงานสำคัญครั้งนี้ ส่วนงานฉลองมงคลสมรสจะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่โรงแรมในเครืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้าทว่าระหว่างนั้นณภัทรกลับเริ่มมีความผิดปกติของร่างกาย เธอรู้สึกผะอืดผะอมขมคอปั่นป่วนมวนท้องในตอนลืมตาตื่นตอนเช้า หญิงสาวคลื่นไส้อาเจียนและไวต่อกลิ่นกับอาหารการกินทุกอย่างเธอนึกขึ้นได้ว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดตอนที่ห่างกับนิรัช แต่แล้วพลันถูกเขาจู่โจมอย่างร้อนแรงในเพ้นท์เฮ้าส์วันนั้น ถุงยางอนามัยก็ไม่ได้ใส่ กว่าจะรู้ตัวว่าลืมป้องกันก็ไม่ทันแล้วสุดท้ายความจริงจึงกระจ่าง เนื่องจากผลการตรวจครรภ์ของณภัทรขึ้นสองขีดเต็มๆทั้งนิรัชและณภัทรถูกลินดาเรียกไปต่อว่าเสียยกใหญ่เรียกได้ว่าบ้านแทบแตกพวกเขาได้แต่ก้มหน้าก้มตายอมรับผิดอย่างจำนนคนเป็นแม่โกรธจัดไม่ใช่เพราะอยากทำเหมือนที่บ้านเดิมหรืออะไร แค่รู้สึกผิดหวังที่ลูกสาวไม่ยอมบอกความจริงเท่านั้น“ภัทรไม่ควรโกหกแม่นะ ลูกคิดว่าแม่จะตัดหางปล่อยวัดเหมือนบ้านคุณตาคุณยายหรืออย่างไร? แม่ไม่สิ้นคิดทำร้ายลูกสาวสุดที่รักของแม่ขนา
ย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้ว ก่อนนิรัชเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกา เขาคุยกับวิชัยตามตรงที่สนามบินโดยไม่ปิดบัง‘ผมกับภัทรรักกันเกินพี่น้อง เราสองคนจะแต่งงานทันทีเมื่อเรียนจบ’นั่นจึงทำให้วิชัยถึงขั้นไม่พูดไม่จา ยามเดินกลับมาสมทบกับลินดาและณภัทรที่ร้านอาหาร สีหน้าเขาเย็นชา ท่าทางเคร่งขรึม ครู่ใหญ่จึงยอมปริปาก“ตารัชไปแล้ว...ใจหายเหมือนกันนะ”ลินดารีบจับมือสามีมากุมเอาไว้ “เด็กๆ ต้องโตขึ้นค่ะ ตารัชจะเติบใหญ่โดยสมบูรณ์แล้วกลับมาดูแลปัญจรักษ์อย่างดีนะคะ”ชายวัยกลางคนพยักหน้า ตบเบาๆ ที่หลังมือภรรยา “อืม...ลูกๆ ของเรา พวกเขาโตแล้วจริงๆ”พวกเขาไม่ใช่แค่เด็กชายเด็กหญิงไร้เดียงสาอีกแล้ว... หลังจากนั้น วิชัยจึงค่อยๆ มอบหมายงานถึงขั้นมอบกิจการให้ณภัทรดูแลแบบเต็มตัว เพื่อฝึกเป็นสะใภ้หนึ่งเดียวแห่งปัญจรักษ์เพราะนั่นคือสินสอดทองหมั้น คือของขวัญรอวันแต่งงานของลูกชายกับลูกสาวณภัทรได้ฟังความจริงจากปากของนิรัชก็ได้แต่อึ้งส่วนปัญหาเรื่องผู้หญิงที่ชื่อชัญญ่า และห้องหนึ่งซึ่งพวกเขาอยู่ด้วยกัน ล้วนเป็นการเข้าใจผิดในห้องนั้นคือโซนวีไอพีให้กลุ่มที่นัดทำโปรเจกต์ร่วมกัน เจ้าของห้องคือแฟนต่างชาติของชัญญ่าณภ
ในขณะที่ณภัทรเปล่าเปลือยทั้งตัว นิรัชยังเหลือเสื้อด้านบน เขาหยัดกายขึ้นถอดมันออกไม่ไยดี เผยกล้ามตึงแน่นเรียงตัวงดงามเขาก้มหน้าลง บดจูบเธออีกครั้งและอีกครั้ง ลงลิ้นชิมรสหวานฉ่ำอย่างโหยหามาแรมปี ท่าทางร้อนรนและเก็บกดเต็มที่ เนินอกอวบนิ่มบดเบียดกล้ามลอนแข็งแกร่งแนบแน่นการขยับเสียดสีก่อเกิดความวาบหวิวสยิวซ่านในอีกครา ความพลุ่งพล่านเกิดขึ้นอีกคำรบ พวกเขายังคงไร้ซึ่งคำพูดใดต่อกันกระนั้นร่างกายกลับรู้ดีไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ นิรัชอุ้มณภัทรไปวางลงบนโซฟา เปลี่ยนสถานที่ร่วมกระสัน ปรับเปลี่ยนท่วงท่า เพิ่มความตื่นเต้นในลีลาแห่งรักใคร่คราวนี้เป็นสาวน้อยบ้างขึ้นคร่อมข้างบน อีกคนนั่งเอนกายพิงแผ่นหลังกับพนัก ปล่อยเธอย่ำยีคุมเกมส์ตามอัธยาศัยเสียงหอบกระเส่าของเขาดังอยู่ริมหู อกแกร่งสะท้านขึ้นลงใต้ร่างเธอณภัทรก้มหน้ากัดสันกรามอย่างแรง ทั้งประชดและหมั่นไส้ นิรัชเงยหน้าขึ้น หอมแก้มแดงฟอดใหญ่แววตาคมดุเต็มเปี่ยมไปด้วยความนัย ทำเอาคนถูกจ้องต้องสะเทิ้นอาย ขัดเขินโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยอะไรสักคำสะโพกกลมงามโยกเบาๆ แต่หน่วงหนึบตอดรัด เรียกเสียงสูดปากจากชายใต้ร่างได้ไม่ยาก เขาซุกซบใบหน้าลงบนเนินอกสล้าง ดูดกลื
นิรัชลงมือลงทัณฑ์รวดเร็ว ไม่ให้นักโทษสาวได้ตั้งตัวห้องครัวกลายเป็นสนามรักอันบ้าคลั่ง โต๊ะตัวยาวที่เดิมทีใช้กินอาหารยังกลายเป็นสถานที่เริงรักอันร้อนแรงตอนนี้ ณภัทรใจเต้นเร่าเหมือนจะตายให้ได้ ดวงตาหลับปี๋แน่นอนเธอตกใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือกล้ามเนื้อในตัวเธอกำลังเต้นอย่างรุ่มร้อน ปวดตุบๆ ด้วยความถวิลหาผู้ชายตรงหน้าคือนิรัชไม่ผิดแน่ภายในกายเธอบีบรัด ทั้งเปียกทั้งพร้อมในเวลาอันรวดเร็ววูบแรกเธอรู้สึกน้อยใจจนเกือบจะท้อถอยถอดใจ ทว่าวูบต่อมาเธอกลับเอียงหน้าแนบเข้าหาสัมผัสของเขาตามสัญชาตญาณคนเราจะรู้สึกคิดถึงถวิลหาและรักใคร่หมดใจจนความผิดอะไรก็ลืมไปได้จนสิ้นในพริบตา แบบนี้เลยเหรอ?ท่ามกลางความรู้สึกสับสนมึนงงปนเป ณภัทรถูกนิรัชสั่นคลอนจิตใจโดยสมบูรณ์ ชายหนุ่มหญิงสาวคล้ายไฟเจอน้ำมัน เผาไหม้กลืนกินไม่ยั้ง ราวพายุหมุนพัดพาทุกสรรพสิ่งอย่างบ้าคลั่งนิรัชปลดเปลื้องกางเกงของตนอย่างรวดเร็ว หอบทุกความปรารถนาบรรจุลงบนความต้องการของร่างกายที่แข็งขึงตึงผงาดความเป็นชายสั่นระริกเพราะแข็งจัดเบียดเสียดแนบสนิทกับส่วนอ่อนไหวที่บัดนี้ฉ่ำเยิ้มพร้อมพรั่งกระทั่งสองร่างสอดผสานแนบแน่นถึงได้รู้ว่าพวกเขาตัวสั่น อ
แม้ปากจะบอกแบบนั้น แต่ทุกวันที่ผันผ่านก็ยังคงเลวร้ายในความรู้สึกอยู่มากโชคดีที่ณภัทรเป็นคนที่จัดการกับความรู้สึกตนเองได้เป็นอย่างดี หญิงสาวยิ่งรู้สึกว่าโชคดีเหลือเกินที่เธอเลือกเร้นรัก กักเก็บความสัมพันธ์ฉันแฟนกับนิรัชโดยไม่คิดเปิดเผยออกมาเผื่อที่ว่าถึงวันหนึ่งเรื่องของเธอกับเขามันเป็นไปไม่ได้ อะไรๆ จะได้ไม่เลวร้ายมากไปกว่านี้ผู้ชายน่ะ เวลาเปลี่ยนใจไปมีคนใหม่ พวกเขาจะสามารถมองหน้าผู้หญิงคนเก่าได้อย่างสบาย ทำทีเป็นไม่เคยมีอะไรต่อกันก็ยังได้ เพราะฉะนั้น เพื่อรักษาระดับความสัมพันธ์ฉันพี่น้องให้ครอบครัวไร้ปัญหา เธอก็จะต้องทำได้เช่นกันแต่ว่า...นั่นเฉพาะต่อหน้าคนอื่นเท่านั้นนะเวลาอยู่คนเดียว ณภัทรจะแอบร้องไห้บ้างอะไรบ้าง ตามประสาคนอกหักรักคุด รักผิดชีวิตสะดุด หยุดอยู่กับที่ไม่กล้าเดินหน้าคบใครต่อไปหลังจากเรียนจบปีสุดท้าย โมรินกับศรุตก็จับมือบินลัดฟ้า พี่เอมี่ก็ไปเป็นนางแบบอินเตอร์โดยมีคุณเควินคอยซับพอร์ตณภัทรจึงเหลือตัวคนเดียวโดยสมบูรณ์โคตรเหงา...เนื่องจากเรียนจบแล้ว ระหว่างรอรับปริญญา หญิงสาวจึงเข้าออฟฟิศทำงานเต็มตัว เต็มที่กับโครงการร่วมทุนสร้างกับคู่ค้า ตอนนี้เธอยัง
“น้าพลยอมโดยไม่กล้าขัดขืนเลยแหละ แต่เงื่อนไขคือต้องไปกับพี่รุต คุณแม่ของเขาถึงขนาดไปคุยกับน้าพลที่บ้าน ใช้อำนาจเจ้าของบริษัทเลยเชียว น้าพลก็เลยต้องยอม ส่วนค่าใช้จ่ายคุณแม่บอกว่าจะออกให้ทั้งหมด ถือเป็นสินสอดทองหมั้น”ณภัทรเลิกคิ้ว หญิงสาวรู้มาว่าศรุตตามจีบโมรินไม่เว้นวัน กระทั่งพาไปแนะนำตัวกับมารดาว่าเป็นแฟนแบบแนบเนียน หลังจากนั้นก็คอยไปรับไปส่งระหว่างบ้านกับมหาวิทยาลัยตลอด สองคนนี้ตกลงเป็นแฟนกันแล้ว หลังจากเรียนจบศรุตเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทของครอบครัว ไม่ได้ทำตัวล่องลอยไปวันๆ เหมือนแต่ก่อน เขาไม่ใช่ทายาทเพียงคนเดียวของครอบครัว ยังมีพี่ชายคนสำคัญรอสืบทอดกิจการอยู่แล้วทั้งคน จึงไม่จำเป็นต้องรีบไปเรียนต่อพร้อมนิรัช อีกทั้งชายหนุ่มยังต้องการรอโมรินเรียนจบแล้วไปต่างประเทศพร้อมกันณภัทรยิ้มขื่น เธอเองก็ควรให้นิรัชรอเหมือนกันใช่ไหม? แต่คิดไปคิดมา หากย้อนเวลากลับไปเธอจะทำอย่างนั้นได้จริงเหรอเสี่ยวิชัยมีนิรัชเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแค่เพียงคนเดียว ตัวของเสี่ยวิชัยเองก็ไม่มีพี่น้อง บิดามารดาก็ไม่อยู่แล้ว หลังจากภรรยาคนเก่าเสียชีวิตเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เขาก็อยู่กับนิรัชแค่สองคนจนกระท
หญิงสาวก้มหน้าทำงาน พยายามไม่คิดมากอีกทว่าท้ายที่สุด เธอก็พ่ายแพ้ให้แก่หัวใจไม่รักดีของตัวเองเรียวนิ้วเปิดโปรแกรมเฟสไทม์ ทำใจดีสู้เสือโทรออกไป นานครู่ใหญ่จนเกือบจะถอดใจ ในที่สุดปลายสายก็กดรับภาพของคนคุ้นเคยสุดแสนจะคิดถึงก็ปรากฏ “ว่าไงภัทร?”หญิงสาวกะพริบตา มือบีบโทรศัพท์แน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เธอพยายามข่มใจไม่คิดมากกับคำถามชวนคิดมากแบบนี้“ก็ไม่ว่าไง พี่รัชทำอะไรอยู่เหรอ?”“ช่วงนี้พี่กำลังยุ่งมากเลยภัทร ไม่ว่างโทรหาเลย”คนฟังมุ่นคิ้ว เธอก็ยุ่งเหมือนกันนี่นา...หญิงสาวกำลังจะเอ่ยปากบอกไปตามตรงว่าเธอเองก็ยุ่งเหมือนกันไง ทำไมยังโทรหาเขาได้ เสียงหวานหนึ่งพลันเอ่ยแทรก“รัช...ไปกันเถอะ”เสียงของผู้หญิงไม่ผิดแน่ ณภัทรยังเห็นภาพเธอจากในโทรศัพท์ด้วย ผู้หญิงคนนั้นคือชัญญ่า...อดีตพี่รหัสของณภัทรนั่นเอง“อ้าว! น้องภัทรเหรอ? สวัสดีจ๊ะ” แค่นั้น ชัญญ่าทักทายเพียงแค่นั้น ก่อนหันไปทางนิรัช “รัช...เราไปกันเถอะ”“อืม...แค่นี้ก่อนนะภัทร”ปลายสายตัดไป ณภัทรได้แต่อึ้ง เธอเห็นภาพที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ที่นั่นคือห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ห้องเรียนแน่นอน...ธุรกิจเบเกอรี่ที่ณภัทรร่วมหุ้นกับภานียังคงไ
ระยะเวลาที่ห่างกัน จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งเดือน จากนั้นก็เลื่อนเป็นหนึ่งปีสองปีตามลำดับ ณภัทรยังคงคิดถึงนิรัชเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเริ่มเคยชินรถซุปเปอร์คาร์สีเหลืองสดแซ่บจี๊ดวนเข้ามาจอดด้านหน้าของภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง ประตูเปิดออกโดยบริกรที่มาคอยให้บริการ สาวสวยดูดีในมาดนักธุรกิจรุ่นใหม่ค่อยๆ ก้าวเท้าลงมา เธอสวมสูทสไตล์แฟชั่นล้ำสมัย ซึ่งเป็นการรังสรรค์เสื้อผ้าอันโดดเด่นที่มีส่วนช่วยให้เกิดความประทับใจต่อผู้ติดต่อทางธุรกิจ และยังสะท้อนทัศนคติไร้ขีดจำกัดให้กับผู้หญิงยุคนี้ที่บทบาททางสังคมเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจนแตกต่างจากในอดีตเธอคือณภัทร ผู้สลัดลุคนักศึกษาสาววัยใสกลายเป็นสาวสวยมั่นใจเต็มวัย แต่งหน้าทาปากเข้มขึ้นจนมองอายุจริงไม่ออก เสื้อผ้าหน้าผมล้วนได้โมรินช่วยดีไซน์และจัดการให้วันนี้เธอต้องมาเจรจาธุรกิจแทนวิชัยสาเหตุเป็นเพราะอีกฝ่ายออกรอบตีกอล์ฟกับเพื่อนเพลินเกินไปหน่อย กระทั่งเอวเคล็ดกระดูกเคลื่อนเล็กน้อยจนต้องแอดมิทโรงพยาบาล ในขณะที่ลินดาป่วยเข้าโรงพยาบาลไปแล้วก่อนหน้าณภัทรรู้ดีว่ามารดาของตนสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เนื่องจากต้องตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ตอนอายุน้อยอีกทั้งยังตรากตร