“...?”
“...”
“...”
“ช่วย...ยังไงหรือขอรับ”
“ช่วยอย่างไรหรือเจ้าคะ” เด็กๆ ที่ได้ยินต่างก็สงสัยกับคำกล่าวของเย่หัว “ทุกวันนี้คุณหนูก็ได้ช่วยเหลือพวกเราเอาไว้มากแล้วนะเจ้าคะ”
“ใช่แล้วขอรับ ถึงจะไม่มีใครมากล่าวต่อคุณหนูโดยตรง แต่สำหรับพวกเราในหมู่บ้านตระกูลจางต่างก็รู้สึกขอบคุณคุณหนูจากใจ เพราะสำหรับพวกเราแล้วอาหารที่คุณหนูมอบให้มันมากเกินกว่าค่าแรงสำหรับคนจนๆอย่างพวกเราสามารถหาได้ไปไกลโขแล้วขอรับ”
“...” เย่หัวมองเด็กๆ ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
“พี่ใหญ่กับหัวหน้าไม่ได้กล่าวผิดไปแม้แต่นิดเดียวขอรับ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเนื้อสัตว์ที่คุณหนูมักจะมอบให้กับผู้คนที่แวะเวียนมาช่วยงาน หรือหัวมันแปลกๆ ที่พวกเราไม่เคยพบเห็นมาก่อนที่คุณหนูมอบให้ทุกคนได้กินกันนั้นมันคือสิ่งใด แต่เท่าที่พวกเรารู้อย่างน้อยที่สุดเนื้อสัตว์และพืชหัวที่ทั้งมีรสชาติดีและให้พลังงานอย่างเต็มที่แบบนี้ มันมีราคาสูงมากเลยขอรับ” เจ้าอ้วนกล่าวสำทับอีกคนหนึ่ง
เพราะสำหรับตัวมันที่ไม่ได้อดหยากเท่ากับคนอื่น เพราะที่บ้านค่อนข้างมีฐานะพอสมควร ทำให้ได้เห็นและได้กินอะไรมากพอสมควร ถึงในตอนที่เริ่มเกิดความแห้งแล้งขึ้นตัวมันจะจำเรื่องราวไม่ได้มากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังจดจำอาหารการกินในช่วงเวลาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
ไม่อย่างนั้นตัวมันคงไม่ได้ชื่อว่า “เจ้าอ้วนใหญ่” หรอก
ถึงแม้เนื้อสัตว์กับพืชหัวนั่นอาจจะไม่ได้มีราคาสูงจนเกินเอื้อม แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่เรียกว่าลูกอมหวานๆ หลากรสชาติกับน้ำสีดำๆ ที่กินแล้วสดชื่นนั่นมันไม่เคยเห็นหรือได้ยินจากที่ไหนมาก่อนเลยในชีวิต
ทั้งรสชาติ กลิ่น รสสัมผัส
ล้วนแล้วแต่เป็นเลิสอย่างยิ่ง!
“มันก็อาจจะจริงแต่ข้าไม่รู้ว่าข้าจะสามารถนำมันออกมาได้อีกมากแค่ไหน หรือว่าตัวข้าจะยังสามารถอยู่ที่นี่ได้อีกเนิ่นนานสักเท่าไหร่...” ถึงจะไม่อยากที่จะทำลายความฝันของเด็กๆ ทุกคน แต่มันก็คือความเป็นจริงที่ไม่มีใครสามารถที่จะรับรู้ได้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ถึงแม้ว่าในตอนนี้นางจะรู้สึกดีกับหมู่บ้านแห่งนี้สักแค่ไหน...
แต่นางก็ไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่าในวันที่นางได้รับความทรงจำกลับคืนมานางจะยังอยากอยู่อย่างสงบที่นี่ไหม หรือแม้แต่ถ้าหากว่าวันหนึ่งผู้คนที่ตามล่านางได้กลับมาอีกครั้ง...นางก็ต้องไปจากที่นี่อยู่ดี
“...”
“...”
“...”
ทุกคนที่ได้ยินคำนี้ต่างก็พากันเงียบไป ถึงแม้จะไม่เคยพูดมันออกมา แต่มันก็คือสิ่งที่เด็กๆ ต่างก็หวาดกลัวที่สุด
“ไม่ใช่ว่าข้าอยากที่จะจากที่นี่ไป แต่ไม่มีใครรู้ได้ว่าในกาลข้างหน้ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” เมื่อได้เห็นท่าทางเหมือนหมาหงอยของทุกคนนางก็ใจอ่อนยวบ “เอาเป็นว่าถ้าเป็นไปได้ข้าก็ไม่ได้อยากที่จะจากพวกเจ้าไปจนกว่าพวกเจ้าจะเป็นผู้ขับไล่ข้าออกไปเอง”
“ไม่มีทาง!”
“ไม่ไม่ทางเกิดขึ้นเป็นอันขาด”
“ใช่แล้วสำหรับพวกข้าไม่มีทางที่จะมีใครคิดร้ายหรืออยากขับไล่คุณหนูไปเป็นแน่ข้าสาบานได้!!”
“...”
“...”
“...”
เด็กๆ ต่างก็ร้องแรกแหกกระเชิงทันทีเมื่อได้ยินคำกล่าวของเย่หัว ทั้งขุ่นเคืองทั้งน้อยใจ เพราะขนาดหมาที่เป็นเดรัจฉานถ้าหากได้กินข้าวสักคำน้ำสักถ้วยยังไม่มีวันลืมบุญคุณคนให้ข้าวให้น้ำ
แต่พวกเขาทั้งหมู่บ้านที่ได้รับความช่วยเหลือจากนางจนมีผู้คนมากมายที่ร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่าแต่ก่อน หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่บางคนที่ไม่ต้องเดินทางขึ้นเขาไปหลายสิบลี้เพื่อหาของป่ากับล่าสัตว์ ทำให้ลดการตายไปได้มากโขเลยทีเดียว...
“ขอบคุณนะ ขอบคุณพวกเจ้าทุกคนมากๆ” เย่หัวถึงกับน้ำตาซึม เพราะมันเป็นความรู้สึกของการได้รับการยอมรับ และสิ่งที่นางได้ทำลงไปมันมีความหมายต่อผู้คนมากมาย มันเป็นสิ่งที่นางไม่เคยได้รับเลยในชีวิตที่ผ่านมา
“เอาเป็นว่าข้าขอโทษจริงๆ ถ้าหากว่าคำพูดของข้าไปทำร้ายจิตใจพวกเจ้า แต่ข้าตั้งใจที่จะช่วยเหลือให้ทุกคนได้มีอาหารกินต่อไป ถึงแม้ว่าวันหนึ่งจะไม่มีข้าหรือว่าต่อให้ยังแก้ปัญหาไม่ได้ก็ตาม พวกเจ้ารออยู่นี่เดี๋ยวข้าไปเอามาดูก่อน เพราะข้าเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่ามันจะได้ผลหรือไม่”
………………..
“พวกเจ้าเข้ามาช่วยข้ายกนี่หน่อย” หลังจากที่เด็กๆ กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้วเย่หัวก็จะเอาห่อผ้าห่อหนึ่งออกมาให้ทุกคนได้ดู แต่ก็ลืมไปว่าห่อผ้ามันหนักเกินกว่าร่างกายเล็กๆ ของนางจะสามารถยกได้ “ขอคนแข็งแรงสักสี่คนมาช่วยกัน”“ขอรับ”“เจ้าค่ะ”ว่าแล้วจางซิวกับคนอื่นๆ อีกสามคนก็เดินข้ามาในห้องหนึ่ง ที่มีผ้าผืนใหม่ผืนหนึ่งปูเอาไว้ โดยมีบางสิ่งบางอย่างที่น่าจะหนักพอควรวางอยู่แล้วมีผ้าอีกผืนคลุมอยู่ “เอ้าๆ ช่วยกันยกออกไปข้างนอกหน่อย”“นี่มันอะไรหรือเจ้าคะ?...เราจะมาต้มมันกันหรือเจ้าคะ” จางหลัวผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มเป็นผู้กล่าวขึ้นด้วยตาลุกวาว เมื่อเห็นกองมันสองสีกองใหญ่“เปล่า” เย่หัวที่มองเห็นตาที่งอกออกมาอย่างสมบูรณ์ผิดคาดก็กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น “แต่เราจะมาลองปลูกมันพวกนี
บทที่ 9 เงามืดในหมู่บ้านอันสงบสุข“อิ่มกันหรือยัง” หลังจากที่กินมื้อเย็นไปจนอาหารเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่น้ำต้มก้นหม้อ เย่หัวก็ถามทุกๆ คนที่กำลังนั่งล้อมโต๊ะหินด้วยกันอยู่“อิ่มแล้วขอรับ”“อิ่มแล้วเจ้าค่ะ”“วันนี้อิ่มแปล้เลยคุณหนู”“...”“...”ทุกคนต่างก็ตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน ที่สำคัญที่สุดก็คือรอยยิ้มกว้างที่ประดับอยู่บนใบหน้าของทุกคน“ถ้าอิ่มแล้วก็เหมือนเดิมนะ ช่วยกันเก็บล้างให้เรียบร้อย เดี๋ยวข้าไปเอาของหวานมาให้”“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ แค่ลำพังอาหารดีๆ ที่พวกเรากินไปก็มากพอดูแล้ว” จางซิวเอ่ยออกมาด้วยความเกรงใจ“ใช่แล้วข
บทที่ 10 ค่ำคืนอันยาวนาน“เฮ้อ...มืดอีกแล้ว”หลังจากที่เด็กๆ กลับไปจนหมด กว่าที่ฟ้าจะมืดก็ยาวนานนับสิบชั่วโมงเห็นจะได้ ซึ่งพอดวงตะวันลับขอบฟ้าลงไป ก็เหมือนกับในทุกๆ วันที่ผ่านมา ที่นางออกมานั่งถอนหายใจมองท้องฟ้าข้างๆ กองไฟเหมือนทุกวันเดือนกว่าๆ...เหมือนกับว่ามันอาจจะเป็นเหมือนเวลาเพียงแค่สั้นๆ ไม่กี่วัน แต่ในละวันที่เนิ่นนานกว่าโลกเดิมถึงสิบเท่า แล้วแต่ละเดือนยังมีเวลาที่มากถึงร้อยวัน!ในตอนแรกนางก็ยังคงพยายามนับวันเวลาอยู่บ้าง แต่สุดท้ายแล้วเมื่อเดินทางมาถึงตรงนี้ นางเริ่มเข้าใจที่ผู้คนเริ่มไม่นับวันเวลากันไปแล้ว ถ้าเช้าก็แค่ตื่นนอน ใช้ชีวิตในยามที่มีแสงตะวันเหมือนปกติทั่วไป หิวเมื่อไหร่ก็กินเพราะถึงยังไงนางก็มีของกินมากพอที่จะให้กินไปชั่วชีวิตอยู่แล้ว ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรก็มีแต่ในช่วงเวลากลางคืนที่แสนจะยาวนานนี่แหละที่นางไม่คุ้นช
ตามชื่อตอนนะครับ ไหนๆ ก็เดินทางมาถึงสิบตอนแรกแล้วและน่าจะปั่นเรื่องนี้ไปยาวๆ เลยอยากพูดคุยกันนิดนึงครับอย่างแรกเลยถ้าหากนักอ่านที่ตามมาจากเรื่องเก่าๆ ของไรท์น่าจะพอรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่มาใหม่ไรท์ขอแนะนำตัวคร่าวๆ นะครับไรท์ชื่อชาครับ นายปรีชาทองแก้ว ปีนี้อายุ35ปี(ในอีกไม่กี่เดือน)ตอนนี้ผมต้องดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียงมาจะหกปีแล้ว (ครบหกปีวันที่4เมษา) และต้องดูแลด้วยตัวเองเพียงแค่คนเดียวมาแปดเดือนกว่าแล้ว เพราะพี่ๆ ต่างก็แยกย้ายไปทำสิ่งที่พวกเขาเลือก ทำให้ผมต้องรับภาระในการดูแลพ่อคนเดียวทั้งหมดเนื่องจากอาการของพ่อผมเป็นเส้นเลือดในสมองแตกส่งผลให้ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย บวกกับโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ที่มีรวมๆ ก็ หัวใจโต เก๊าต์ พาคิดสัน ปอด ต่อมลูกหมาก ไม่ร่วมโรคคนแก่อื่นๆ ซ้ำในตอนนี้(ตั้งแต่ช่วงนี้ของปีที่แล้ว) พ่อเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสามทำให้ต้องเข้า
บทที่ 11 พิเศษเพียงแค่ไม่กี่วันให้หลังผู้คนในหมู่บ้านต่างกรูกันไปให้เด็กหญิงใช้งานด้วยความเต็มใจ แล้วก็มีผู้คนมากเกินไปจนสุดท้ายแล้ว “พี่ชาย” ของเขาที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านจึงจัดส่งคนไปเป็นกลุ่มๆ เพื่อไม่ให้มีคนมากจนเกินไป จนไปสร้างความรำคาญให้กับเด็กหญิงตัวน้อยที่มาพร้อมกับผู้คุ้มกันสี่ขา จนนางเปลี่ยนใจไม่ช่วยเหลือมันก็อาจจะทำให้ผู้คนกลับไปลำบากเหมือนแต่ก่อน พี่ชายของเขาจึงพยายามให้นางมีความสุขที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป...แม้แต่ในตอนที่เขาส่งลูกสมุนของเขาไปเพื่อแกล้งเป็นโจรปล้นอาหาร หมายจะเข่นฆ่าเด็กหญิงที่ทำให้แผนการของเขาเสียหายเสีย แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิด‘มนุษย์มาร’ ที่ควรจะสามารถจัดการได้แม้แต่สัตว์อสูรระดับสองดาว ที่สามารถฆ่าคนทั้งหมู่บ้านได้อย่างไม่ยากเย็นด้วยตัวคนเดียว แต่กลับเป็นว่ามนุษย์มารทั้งหมดที่เขาสร้างขึ้นกลับถูกกำจัดจนสิ้นในค่ำคืนเดียวด้วยคมเขี้ยวของเจ้าหมายักษ์นั่น!
บทที่ 12 ข่าวดีโฮ้ง โฮ้ง“ทุกคนรีบมาดูนี่เร็ว!!”หลังจากที่ผ่านไปไม่นานนัก หลังจากที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีของแปลงผัก เย่หัวก็เฝ้ารอให้เด็กๆ มาถึงด้วยความตื่นเต้นดีใจ เมื่อมองเห็นเด็กๆ กำลังเดินเป็นกลุ่มมาแต่ไกลตามเสียงเห่าเสียงใหญ่ๆ ของเจ้าสังที่มองไปยังทิศทางที่เด็กๆ กำลังเดินมา“มีอะไรหรือขอรับคุณหนู”“มีอะไรหรือเจ้าคะ”เด็กๆ ที่ได้ยินเสียงเรียกด้วยความตื่นเต้นของเจ้าของสถานที่ ก็รีบวิ่งแจ้นมาหาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรองถามเด็กหญิงวัยแปดขวบที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง“ทุกคนรีบมาดูนี่สิ” ไม่รีรออะไรเย่หัวรีบพาเด็กๆ ไปที่แปลงผักอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะชี้ให้ทุกคนได้ดูหน่ออ่อนสีเขียวที่เริ่มแตกกอสวยงามขึ้นมา “มันที่พวกเราลงมือลงแรงช่วยกันปลูกไปเมื่อวานนี้เริ่มแตกห
บทที่ 13 เข้าครัวด้วยกัน“กลับมาแล้วขอรับ”“กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”หลังจากที่เวลาล่วงเลยผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ทั้งสามคนก็กลับมาพร้อมกับมีผู้ใหญ่ตามมาด้วยสองสามคน ที่พาของมาด้วยพะรุงพะรัง เนื่องจากเย่หัวได้ขอเครื่องครัวบางอย่างไปด้วย เพราะในครัวของนางในตอนนี้มีแค่หม้อใบโตหนึ่งใบกับหม้อใบเล็กอีกใบเท่านั้น“ขอบคุณท่านน้าทั้งสองมากนะเจ้าคะ ที่เป็นธุระช่วยขนของมาให้” เย่หัวพยักหน้าให้กับจางซิวจางหลัวและจางต้าพังเบาๆ ก่อนที่จะหันมากล่าวขอบคุณหญิงชายวัยยี่สิบปลายๆ ทั้งสองคน ที่เคยเห็นหน้าค่าตากันประจำ เนื่องจากทั้งสองมาคอยช่วยงานที่นี่บ่อยๆและที่จำได้แม่นที่สุดก็คงหนีไม่พ้นพรสวรรค์ในการทำอาหารของพี่ผู้หญิงกับฝีมือในงานไม้ของพี่ผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นถ้วยจานหรือแก้วน้ำในบ้านของนางเองก็ได้อาศัยฝีมือของพี่ผู้ชายท่านนี้เป็นส่วนใหญ่“ไ
บทที่ 14 จิตใจที่กำลังเติบโตย้อนกลับไปเดือนเศษๆ ก่อนหน้าที่เย่หัวจะลืมตาตื่นขึ้นมา ณ เนินเขาที่อยู่เหนือขึ้นมาตามสายลำธารของหมู่บ้าน เด็กหญิงรู้เพียงแค่ว่าผู้คนต้องพยายามปากกัดตีนถีบเพื่อที่จะมีชีวิตรอด เนื่องด้วยความแห้งแล้งที่กลืนกินหุบเขา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของหมู่บ้านแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนซึ่งภูมิประเทศโดยรวมแห่งนี้เป็นหนึ่งในหุบเขาขนาดใหญ่ที่ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรไปมาเท่าไรนัก นานๆ สักครั้งถึงจะมีผู้คนผ่านเข้ามาสักที เนื่องจากหุบเขาที่รายล้อมแอ่งกระทะที่กินพื้นที่กว่านับร้อยลี้แห่งนี้นั้น ด้านหนึ่งเป็นเทือกเขาสูงที่อยู่ไกลออกไปด้านหลังบ้านของเย่หัว เป็นเทืองเขาที่สูงลิ่วจนคนธรรมดาๆ ไม่สามารถปี่นป่ายขึ้นไปได้ ส่วนอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นด้านตรงข้าม แล้วยังเป็นทิศทางที่นางจากมา ก็ยังเป็นเทือกเขาสูงอีกแห่งที่เป็นภูเขาลูกใหญ่ที่ขวางกันพวกเขากับโลกภายนอกเอาไว้มีเพียงแค่ช่องเขาเล็กๆ ที่พวกเขาสามารถลัดเลาะลำน้ำตามออกไปจนกว่าจะพ้นเขตแดนของหุบเขาแห่งนี้ก็กินระยะทางไกลนับร้อยลี้!ยังไม่รวมกับตำนานสัตว์ปีศาจทั้งสองตนที่ครองยอดเขาแต่ละด้าน ว่ากันว่าพวกมันทั้งสองเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่เกือบจะบรร
บทที่ 78 เลี้ยงส่ง(2)“ก็ตามที่ได้บอกไปก็แล้วกัน เดี๋ยวทุกคนก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง ข้าจะเป็นคนนำฝ่ายผู้ชายไปจัดเตรียมสถานที่ตามที่คุณหนูได้สั่งเอาไว้ ส่วนพวกผู้หญิงก็เดินทางไปหาคุณหนูได้เลย เห็นนางบอกว่า วันนี้นางจะจัดเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดด้วยตัวเอง พวกเจ้าไม่ต้องนำสิ่งใดไปด้วย ถ้าจะเอาไปก็คงจะเป็นพวกอุปกรณ์ จานชาม และสิ่งที่จำเป็นต่อการประกอบอาหารก็แล้วกัน พวกเจ้ามีอะไรก็เอาไปเท่าที่มี เพราะว่าการที่จะจัดเลี้ยงผู้คนทั้งหมู่บ้านก็คงจะต้องเตรียม หลายอย่างเลยทีเดียว”“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพวกข้าขอแบ่งออกไปตัดไม้แล้วกันนะหัวหน้า จะพาคนไปด้วยร้อยคนจะได้ช่วยกันหาไม้มาให้ได้มากที่สุด”“ส่วนพวกข้าก็จะไปเตรียมลานกว้างเลยแล้วกันนะ ขอรับ ถ้าจะขยายพื้นที่เพื่อวางโต๊ะ ตามรูปแบบที่นางเซียนน้อยได้กล่าว คงจะต้องเตรียมพื้นที่ให้มากขึ้นอีกหน่อย จะได้เดินเหินสะดวกในงานเลี้ยงขอรับ”“ถ้าอย่างนั้นข้ากับพวกผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ขอแยกย้ายกลับบ้านก่อนแล้วกันนะเจ้าคะ จะได้ไปบอกเด็กๆให้ไปเล่นที่บ้านของนางเซียนน้อยด้วย หลายวันมานี้ทุกคนตั้งใจเรียนมากเลย ผ่อนคลายสักวันก็คงจะไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”“ก็ดีนะเจ้าคะ เดี๋ยว
บทที่ 77 เลี้ยงส่ง(1)“วันนี้คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ” จางหลงที่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกขุ่นมัวในใจของนางเซียนน้อย ก็ได้เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ออกมาจากเรือน ซึ่งเป็นที่พักของผู้มาใหม่ทั้ง 2 คน “ทำไมวันนี้คุณหนูถึงได้ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยขอรับ”“ไม่ได้มีอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ เพราะว่าวันนี้ข้าตั้งใจจะทำตามความต้องการของตัวเองตั้งแต่แรก คือก็คือการปรุงอาหารให้ทุกคนได้ลองกินดู ไหนๆก็จะเปิดโรงเตี๊ยมอยู่แล้ว แต่ข้ายังไม่เคยได้ทำอาหารจริงๆจังๆเลยสักครั้ง การที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่เช้า มันก็คงจะทำให้ข้าหงุดหงิดไปบ้าง อย่างไรต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ” เยว่หัวพยายามเปลี่ยนเรื่อง เพราะว่าไม่ได้อยากจะให้ใครรู้เรื่องราวของความฝันมากนัก เพราะว่าการที่มีใครรับรู้มันไปมากกว่านี้ จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นอีกไหม และอีกอย่างหนึ่ง สิ่งที่นางพูดไปก็ไม่ใช่เรื่องโกหกไปเสียทั้งหมด เพราะว่ากันแล้ววันนี้นางต้องการที่จะลงมือควบคุมการปรุงอาหาร ในการเลี้ยงผู้คนทั้งหมู่บ้านทั้งหมดจริงๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้วนางอยากจะลองทำอย่างจริงจังดูสักครั้ง“จริงหรือขอรับ ทุกคนคงดีใจมากแน่ๆ”“ขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ?”“คุณหน
บทที่ 76 หลอมรวม“ไม่ต้องระวังตัวขนาดนั้นก็ได้เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำอันตรายพวกท่าน” ในทันทีที่เด็กสาวเข้ามาถึงห้องที่มีผู้ป่วย 2 คนนอนอยู่ หนึ่งในนั้นที่เป็นชายหนุ่มก็ได้ดึงตัวลุกขึ้นเตรียมต่อสู้ในทันที เยว่หัวเลยกล่าวออกไปแบบนั้น พลางหันไปหาจางหลงที่มาด้วยกัน “ไหนท่านบอกว่าพวกเขาหมดสติไปอย่างไรเล่าเจ้าคะ แล้วไม่ใช่ว่าเข้ามาตามหาข้าหรอกหรือ”“ขออภัยด้วยขอรับ อาจจะเป็นเพราะว่าฤทธิ์ยาที่ทำให้เขามึนงงอยู่บ้าง” จางหลงถอนหายใจเบาๆ แล้วมองไปทางอีกฝ่ายด้วยท่าทีไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก “เป็นท่านเองมิใช่หรือที่มาขอความช่วยเหลือจากพวกเรา แล้วทำไมถึงได้แสดงท่าทีเป็นอริศัตรูกันแบบนี้เล่า”“ข้าขออภัยด้วย อาจเป็นเพราะว่าตัวข้ายังรู้สึกเหมือนกับเพิ่งจะถูกตามล่ามา ทำให้แสดงท่าทีเสียมารยาทไปแบบนั้น ข้าขออภัยจริงๆ” แม้อย่าพูดออกมาแบบนั้น แม้จะละท่าทีความหวาดระแวงลง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นความไม่เป็นมิตรในสายตาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน“เลิกตั้งป้อมเป็นศัตรูกันเถอะเจ้าค่ะ ถ้ามีอะไรสงสัยก็แค่พูดมา เพราะถ้าหากว่าพวกข้าต้องการจะทำอะไรพวกท่านจริง ก็คงจะไม่ปล่อยเอาไว้จนถึงตอนนี้หรอกเจ้าค่ะ” เยว่หัวที่คร้านจ
บทที่ 75 ผู้มาใหม่“ต้าพัง...ต้าพัง!”เยว่หัวร้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่น เด้งตัวลุกขึ้นมานั่งมองภาพรอบๆด้วยสายตาที่ตื่นตระหนก แต่หลังจากที่นางกะพริบตาถี่ๆ หลายครั้ง ก็สามารถรับรู้ได้ว่าตอนนี้ตนเองตื่นขึ้นมาจากความฝันแล้ว“ข้าฝันไปอย่างนั้นสินะ แต่ว่ามันคงจะไม่ใช่ความฝันธรรมดาธรรมดาแน่ เพราะไม่มีทางที่เจ้านั่นจะทำอะไรแบบนี้โดยเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน แต่ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือทำไมต้าพังถึงไปอยู่ในความฝันนั้นได้ ตกลงว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่...”เด็กหญิงพยายามใช้ความคิดของตัวเองหมุนวนอย่างเร็วจี๋ เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในห้วงแห่งความฝัน แต่ไม่ว่านางจะพยายามอย่างไร ก็เหมือนจะไม่เข้าใจอยู่ดี สิ่งที่มันยังจำได้แม่นก็มีเพียงแค่เรื่องของการฝึกฝนเคล็ดวิชาขั้นถัดไปเท่านั้นอีกอย่างหนึ่งไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ยิ่งนางใช้ชีวิตในโลกนี้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ความทรงจำของนางในโลกใบเดิมก็ยิ่งหายไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่นางเคยคิดว่านางสามารถจดจำ เรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนเก่าหรือตัวนางเองได้มากแค่ไหน แต่มันก็ราวกับว่านางแทบจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนเหมือนกับจำไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียวแล
บทที่ 74 ซวนซานจุน“เป็นอย่างไรบ้าง การที่ได้เจอนางอีกครั้งแบบนี้เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไร”“ก็ยังรู้สึกยินดีแบบเดิมขอรับ เพียงแต่ว่าข้าไม่เข้าใจว่าในตอนนี้ข้าเป็นอะไรไปแล้ว ทำไมข้าถึงยังอยู่ที่นี่ทั้งๆที่ข้าได้ตายไปแล้วหรือขอรับ”“เพราะว่าในช่วงสุดท้ายของชีวิต เจ้าได้ทำการให้ในสิ่งที่ยากที่สุด ก็คือการให้อภัยต่อบิดาผู้เอาชีวิตของเจ้า ทั้งยังตัวเจ้าในตอนนั้นได้ระลึกถึงบุญคุณของนางที่มีต่อเจ้า ต่อผู้คนที่อยู่รอบกายของเจ้า ทำให้เจ้าสามารถพ้นสภาวะจิตความเป็นมนุษย์ แล้วเสวยรูปของการเป็นเทพได้ในตอนนี้”“เทพอย่างนั้นหรือ...”“เพียงแต่ว่าเจ้ายังสั่งสมบุญบารมีมาไม่มากพอ มิได้บรรลุธรรม หรือมิได้สร้างกรรมอันยิ่งใหญ่ จนสามารถรังสรรค์ปราสาทและบริวารของเจ้าได้ เมื่อรวมกับดวงจิตสุดท้ายของเจ้าที่ผูกติดกับสถานที่แห่งนี้ เจ้าก็เลยยังเป็นเทพเบื้องต่ำที่ยังมิได้ไปไหนถึงฟังดูอาจจะไม่ค่อยน่าฟังสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายแล้วเจ้าก็ยังสูง กว่าภพมนุษย์ที่เจ้าจากมามาก”“แล้วหลังจากนี้ข้าควรจะทำอย่างไรต่อไป”“ตราบเท่าที่เจ้ายังไม่ก้าวพ้นห้วงสังสารวัฎ กล่าวคือยังเกิดในภพของมนุษย์ เทพ เดรัจฉาน เปรต และสัตว์นรก เจ้าก็จะย
บทที่ 73 ความฝัน(3)“...กูถามมึงจริงๆเถอะ การที่มึงมาร้องไห้ร่ำไรรำพัน กับการจากไปของเขา มึงคิดว่าถ้าต้าพังยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง หรือยังสามารถรับรู้สิ่งที่มึงทำมึงเป็นอยู่ได้ มึงคิดว่าเด็กคนนั้นจะรู้สึกยังไงกูไม่ได้บอกว่าให้มึงลืมทุกสิ่งทุกอย่าง กูไม่ได้บอกว่าที่มึงไม่สบายใจที่มึงเสียใจมันผิด แต่มึงแก่แล้วนะถึงเทียบอายุกับโลกนี้ มึงอาจจะยังแค่เด็กน้อยก็เถอะแต่มึงกับกูเคยอยู่ในโลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันเร็ว ทุกสิ่งทุกอย่าง มันเชื่อมถึงกันหมดทั้งโลก มึงได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ยิ่งมึงเป็นครีเอเตอร์ดัง มึงก็ต้องพบกับแฟนคลับมากหน้าหลายตา มึงอยู่กับสังคมมามากกว่ากูเยอะอย่างน้อยที่สุดกูอยากให้มึงใช้เหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นเรื่องสำคัญที่มึงต้องเรียนรู้ต่อไปในวันข้างหน้า มึงจะต้องจำให้ได้ว่า ความประมาทของมึง ความคิดน้อยของมึง มันอาจจะนำพาความเสียใจมาให้มึงอีกครั้งก็ได้
บทที่ 72 ความฝัน(2)“ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยขนาดนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ...” เยว่หัวบ่นกับตัวเอง เบาๆ มันไม่ได้เป็นความเหนื่อยที่ร่างกาย เนื่องจากตลอดวันทั้งวัน นางแทบไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะว่าคนในหมู่บ้านถ้าหากว่าหายใจแทนนางได้ก็คงจะทำไปแล้วสิ่งที่นางทำมากที่สุดในแต่ละวัน สำหรับช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา ก็เพียงแค่การเปิดตู้เย็นแล้วเอาสิ่งของออกมาเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นก็ ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แม้แต่อย่างเดียวส่วนช่วงเวลากลางคืน หลังจากที่นางสามารถฝึกฝนพลัง จนสามารถเปิดจุดลมปราณตามเคล็ดวิชา ขั้นแรกได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว นางก็แทบไม่รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนในยามค่ำคืนอีกเลย นางจึงพยายามใช้ทุกวินาทีที่ผ่านพ้น ไปในตอนที่ว่างเว้นจากการอยู่กับคนอื่น เพื่อฝึกฝนทำความเข้าใจเคล็ดวิชาที่เขียนเอาไว้ในความทรงจำของนางแต่ที่น่าแปลก...ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นางเหมือนจะจำได้ว่า ในหนังสือที่นางอ่านไปในตอนนั้นมันเขียนบอกเอาไว้ถึงการฝึกฝนขั้นต่อไปด้วย แต่ในตอนนี้นางจำไม่ได้เสียแล้วว่า จะต้องฝึกอย่างไรต่อ จึงทำได้เพียงแค่เพิ่มการสังเกต การรับรู้ และรวบรวมพลังไปยังจุดที่ชีพจรที่กลางหน้าผาก ให้มากที่สุด เข้มข้นที่สุด แ
หลังจากผ่านมาได้พักใหญ่ ลองกลับไปไล่ดูคอมเม้นของหลายๆ ท่านนะครับ เรื่องนิสัยของเยว่หัวที่มันขัดใจหลายๆ คนเสียจริงๆ ประมานว่า…อายุเดิมก็ปาไปหลายสิบปีแล้วไม่น่าจะคิดแบบนั้นอายุครึ่งร้อยแต่ความคิดเด็กน้อยโลกสวยเกินไปฯลฯสรุปรวมคร่าวๆ หลายๆ คนหมั่นใส่หรือไม่ชอบในความคิดความอ่านของนางเอกพอสมควรเลย หรืออาจจะเป็นส่วนใหญ่ด้วยซ้ำที่คิดแบบนั้น แต่จริงๆ แล้วผมตั้งใจให้เห็นแบบนั้นจริงๆ นั่นแหละครับ ซึ่งจริงๆ อยากจะค่อยๆ อธิบายในเนื้อหาไปเรื่อยๆ แต่หากว่ามันช่วยแก้ความเข้าใจผิดให้กับนักอ่านได้คงจะดีครับ เพราะจริงๆ อยากให้ทุกคนติดตามกันไปเรื่อยๆ เพราะผมตั้งใจวางทุกๆ คนในเรื่องให้เป็นคนจริงๆ ทุกๆ คนที่เติบโตในแบบของตัวเอง และทุกๆ ชีวิตในโลกใบนี้เป็นชีวิตจริงๆ ที่มีความคิดและโชคชะตาในแบบของตนอย่างแรก…และถ้าหากนักอ่านได้ตามอ่านถึงตอนปัจจุบัน คงจะพอเข้าใจแล้วถึงว่าทำไมไรท์ต้องใจดำฆ่าต้าพังที่ดูเหมือนจะมีบทสำคัญมาก ซึ่งความตั้งใจจริงๆ ของไรท์ต้าพังก็เป็นคนที่มีบทบาทสำคัญที่สุดคนหนึ่งในโลกนี้ เพราะเขาเป็นคนที่สร้างบาดแผลให้เยว่หัวได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างที่สอง เรื่องนิสัยของเยว่หัว อย่างแรกที
บทที่ 71 ความฝัน(1)“ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับคุณหนู หากคุณหนูพร้อมพรุ่งนี้เราสามารถเปิดทำการโรงเตี๊ยมจันทราอัสดง ได้อย่างเป็นทางการเลยขอรับ”“ขอบคุณท่านหัวหน้าและทุกๆคนมากเลยนะเจ้าคะ ถ้าหากไม่มีทุกคนข้าก็ไม่รู้ว่า ความฝันเล็กๆน้อยๆ ของข้าจะสำเร็จเมื่อไร”“ไม่เป็นไรเลยขอรับ อันที่จริงเป็นพวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณหนูมาก ถ้าหากว่าคุณหนูไม่ได้มาที่นี่แล้วละก็ พวกเราก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ชีวิตจะเป็นอย่างไรบ้าง”“ใช่แล้วล่ะขอรับ ลำพังสิ่งที่คุณหนูมอบให้กับพวกเราแล้ว ต่อให้พวกเราใช้ทั้งชีวิตนี้มอบให้กับคุณหนูก็คงจะไม่เพียงพอด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่การทำอะไรเล็กๆน้อยๆ พวกนี้เลย”“ใช่ใช่ อีกอย่างคุณหนูก็ยังได้มอบทั้งอาหารทั้งเครื่องดื่ม ที่สุดแสนวิเศษให้กับพวกเราไม่เว้นแต่ละวัน ด้วยความสามารถ เล็กๆน้อยๆของพวก