บทที่ 11 พิเศษ
เพียงแค่ไม่กี่วันให้หลังผู้คนในหมู่บ้านต่างกรูกันไปให้เด็กหญิงใช้งานด้วยความเต็มใจ แล้วก็มีผู้คนมากเกินไปจนสุดท้ายแล้ว “พี่ชาย” ของเขาที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านจึงจัดส่งคนไปเป็นกลุ่มๆ เพื่อไม่ให้มีคนมากจนเกินไป จนไปสร้างความรำคาญให้กับเด็กหญิงตัวน้อยที่มาพร้อมกับผู้คุ้มกันสี่ขา จนนางเปลี่ยนใจไม่ช่วยเหลือมันก็อาจจะทำให้ผู้คนกลับไปลำบากเหมือนแต่ก่อน พี่ชายของเขาจึงพยายามให้นางมีความสุขที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป...
แม้แต่ในตอนที่เขาส่งลูกสมุนของเขาไปเพื่อแกล้งเป็นโจรปล้นอาหาร หมายจะเข่นฆ่าเด็กหญิงที่ทำให้แผนการของเขาเสียหายเสีย แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิด
‘มนุษย์มาร’ ที่ควรจะสามารถจัดการได้แม้แต่สัตว์อสูรระดับสองดาว ที่สามารถฆ่าคนทั้งหมู่บ้านได้อย่างไม่ยากเย็นด้วยตัวคนเดียว แต่กลับเป็นว่ามนุษย์มารทั้งหมดที่เขาสร้างขึ้นกลับถูกกำจัดจนสิ้นในค่ำคืนเดียว
ด้วยคมเขี้ยวของเจ้าหมายักษ์นั่น!
แผนการที่ดำเนินมากว่าสิบปีของเขาต้องมาพังลงอย่างง่ายได้เพียงเพราะแค่การมาถึงของเด็กคนเดียว!!
“แล้วนี้ยังมีหน้ามาพยายามช่วยเหลือผู้คนภายในหมู่บ้านอีก แค่ในตอนนี้พวกมันกลับมาแข็งแกร่งได้เหมือนเมื่อก่อน...ไม่สิอาจจะแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนภายในเวลาแค่เดือนเดียวมันก็หนักหนามากอยู่แล้ว มันไม่เท่ากับว่าที่ข้าทำมาตลอดมันไม่สูญเปล่าเลยหรือ”
บิดาของจางต้าพังเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะอย่างปิดไม่มิด
“...”
“กว่าที่ข้าจะซื้อใจเจ้าพวกนั้นได้ข้าต้องใช้เวลานานตั้งขนาดไหนแล้วสูญเสียเงินทองไปตั้งเท่าไหร่กัน”
“...”
“แล้วยิ่งในตอนนี้อย่าว่าแต่พวกมันจะสำนึกในบุญคุณของข้า เชื่อในสิ่งที่ข้าพูดว่าให้ขึ้นเขาไปหาของป่าไปขายในเมือง แล้วพวกเราทุกคนจะผ่านเรื่องแบบนี้ไปได้ในสักวัน แล้วหลังจากนั้นข้าจะทำพิธีบูชาเทพแล้วให้ท่านถอนคำสาปออกไป ทำให้คนพวกนั้นไปกราบไว้บูชาท่าน ส่วนข้าก็จะกลายเป็นผู้น้ำแห่งจิตวิญญาณ กลายเป็นที่รักที่นับหน้าถือตาของผู้คน...”
“...”
“ท่านเคยให้สัญญากับข้าเอาไว้เช่นนั้นไม่ใช้หรืออย่างไร!!”
จางเว่ยยังคงพูดระบายโทสะออกมาแล้วเดินจากไป โดยไม่รู้เลยว่าในทุกๆ คำพูดในทุกๆ การกระทำที่เพิ่งจะเกิดขึ้นไปทั้งหมดได้อยู่ในสายตาคู่หนึ่งเสมอ...
รุ่งสาง
อาจจะเป็นเพราะที่แห่งนี้ยังเป็นธรรมชาติอยู่มาก และมีผู้คนอยู่เพียงน้อยนิดซ้ำยังอยู่ไกลออกไป ในทันทีที่ตื่นขึ้นมาเย่หัวก็ได้ยินเสียงนกร้องกับเสียงเหล่าแมลงขับขานยามเช้า โดยที่เจ้าตัวไม่ได้สังเกตเลยว่าในทุกๆ วันที่นางมาอยู่อาศัยในที่แห่งนี้ เหล่าสิงสาราสัตว์ค่อยๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างช้าๆ
หลังจากที่ล้างหน้าบ้วนปากด้วยน้ำเย็นเจี๊ยบจากตู้เย็น ยางก็ยืดแข่งยืดขาเบาๆ เป็นการออกกำลัง แล้วเดินไปที่หน้าบ้านเพื่อเฝ้ารอเด็กๆ ที่จะมาเล่นที่นี่ด้วยความเคยชิน
“หืม...”
ในระหว่างที่ทอดสายตาออกไปไกลๆ เพื่อมองว่าเด็กๆ ได้มาถึงหรือยังนั้น หางตาของนางก็ได้มองเห็นบางสิ่งที่แปลกออกไป
“นี่แค่ผ่านไปเพียงคืนเดียวก็งอกออกมาแล้วหรอ เท่าที่จำได้มันก็ไม่น่าจะโตเร็วขนาดนี้นี่ ต่อให้แต่ละคืนจะยาวนานเท่ากับห้าวันของโลกก่อน แต่มันเป็นไปได้หรอที่เพียงแค่ห้าวันทั้งมันฝรั่งกับมันหวานจะโตขึ้นเป็นคืบแล้วแบบนี้!”
มองไปที่แปลงมันที่เพิ่งจะปลูกไปเมื่อวานตอนเย็น ที่ตอนนี้พากันแทงยอดออกมาจากพื้นดินเรียงกันเป็นแถว บางหลุมก็มีหน่อเล็กๆ สลับกับหน่อที่อุดมสมบูรณ์ที่ขาวเพียงแค่ข้อนิ้วไปยันคืบหนึ่งก็ยังมี
“มันเป็นไปได้จริงๆ หรอ”
มันมีสิ่งหนึ่งที่นางไม่เอะใจเลยนั้นก็คือส่วนหนึ่งในคำบอกเล่าของเพื่อนเก่า ว่าโลกใบนี้นั้นยังสมบูรณ์อยู่มาก ทั้งพลังงานของโลกและพลังงานฟ้าดินที่มากกว่าโลกที่นางจากมาอย่างมหาศาล
ต่อให้เป็นพื้นดินที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรในสายตาของคนในโลกใบนี้ แต่สำหรับหัวเผือกหัวมันที่เป็นพืชที่เรียกได้ว่าหากไม่เป็นดินไร้ปุ๋ยจนแข็งเป็นดินดาน มันก็ยังสามารถเติบโตมีหัวได้ จนในบางครั้งในที่ที่มีหญ้าคาขึ้นรกมาก คนสมัยก่อนที่ไม่มียาฆ่าหญ้ายังใช้หัวมันปลูกลงบนพื้นดินเพื่อดูดสารอาหารจนหญ้าคาไม่คอยเติบโตเลยด้วยซ้ำ
เมื่อมันจากโลกเดิมได้มาอยู่ในผืนดินที่เต็มไปด้วยพลังงานแบบนี้จึงสามารถเติบโตได้เร็วเกินเท่าตัวเลยทีเดียว
ยังไม่นับเรื่องที่ของที่มาจากตู้เย็นที่เพื่อนเก่าของนางมอบให้นั้นมันยังเป็นสิ่งที่ “พิเศษ” ยิ่งกว่ามันทั่วๆ ไป และยังมีความ “พิเศษ” ของสิ่งที่นำออกมาจากตู้เย็นเครื่องนั้นอีกหลายอย่างที่นางยังไม่รู้
.................................
บทที่ 12 ข่าวดีโฮ้ง โฮ้ง“ทุกคนรีบมาดูนี่เร็ว!!”หลังจากที่ผ่านไปไม่นานนัก หลังจากที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีของแปลงผัก เย่หัวก็เฝ้ารอให้เด็กๆ มาถึงด้วยความตื่นเต้นดีใจ เมื่อมองเห็นเด็กๆ กำลังเดินเป็นกลุ่มมาแต่ไกลตามเสียงเห่าเสียงใหญ่ๆ ของเจ้าสังที่มองไปยังทิศทางที่เด็กๆ กำลังเดินมา“มีอะไรหรือขอรับคุณหนู”“มีอะไรหรือเจ้าคะ”เด็กๆ ที่ได้ยินเสียงเรียกด้วยความตื่นเต้นของเจ้าของสถานที่ ก็รีบวิ่งแจ้นมาหาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรองถามเด็กหญิงวัยแปดขวบที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง“ทุกคนรีบมาดูนี่สิ” ไม่รีรออะไรเย่หัวรีบพาเด็กๆ ไปที่แปลงผักอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะชี้ให้ทุกคนได้ดูหน่ออ่อนสีเขียวที่เริ่มแตกกอสวยงามขึ้นมา “มันที่พวกเราลงมือลงแรงช่วยกันปลูกไปเมื่อวานนี้เริ่มแตกห
บทที่ 13 เข้าครัวด้วยกัน“กลับมาแล้วขอรับ”“กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”หลังจากที่เวลาล่วงเลยผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ทั้งสามคนก็กลับมาพร้อมกับมีผู้ใหญ่ตามมาด้วยสองสามคน ที่พาของมาด้วยพะรุงพะรัง เนื่องจากเย่หัวได้ขอเครื่องครัวบางอย่างไปด้วย เพราะในครัวของนางในตอนนี้มีแค่หม้อใบโตหนึ่งใบกับหม้อใบเล็กอีกใบเท่านั้น“ขอบคุณท่านน้าทั้งสองมากนะเจ้าคะ ที่เป็นธุระช่วยขนของมาให้” เย่หัวพยักหน้าให้กับจางซิวจางหลัวและจางต้าพังเบาๆ ก่อนที่จะหันมากล่าวขอบคุณหญิงชายวัยยี่สิบปลายๆ ทั้งสองคน ที่เคยเห็นหน้าค่าตากันประจำ เนื่องจากทั้งสองมาคอยช่วยงานที่นี่บ่อยๆและที่จำได้แม่นที่สุดก็คงหนีไม่พ้นพรสวรรค์ในการทำอาหารของพี่ผู้หญิงกับฝีมือในงานไม้ของพี่ผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นถ้วยจานหรือแก้วน้ำในบ้านของนางเองก็ได้อาศัยฝีมือของพี่ผู้ชายท่านนี้เป็นส่วนใหญ่“ไ
บทที่ 14 จิตใจที่กำลังเติบโตย้อนกลับไปเดือนเศษๆ ก่อนหน้าที่เย่หัวจะลืมตาตื่นขึ้นมา ณ เนินเขาที่อยู่เหนือขึ้นมาตามสายลำธารของหมู่บ้าน เด็กหญิงรู้เพียงแค่ว่าผู้คนต้องพยายามปากกัดตีนถีบเพื่อที่จะมีชีวิตรอด เนื่องด้วยความแห้งแล้งที่กลืนกินหุบเขา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของหมู่บ้านแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนซึ่งภูมิประเทศโดยรวมแห่งนี้เป็นหนึ่งในหุบเขาขนาดใหญ่ที่ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรไปมาเท่าไรนัก นานๆ สักครั้งถึงจะมีผู้คนผ่านเข้ามาสักที เนื่องจากหุบเขาที่รายล้อมแอ่งกระทะที่กินพื้นที่กว่านับร้อยลี้แห่งนี้นั้น ด้านหนึ่งเป็นเทือกเขาสูงที่อยู่ไกลออกไปด้านหลังบ้านของเย่หัว เป็นเทืองเขาที่สูงลิ่วจนคนธรรมดาๆ ไม่สามารถปี่นป่ายขึ้นไปได้ ส่วนอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นด้านตรงข้าม แล้วยังเป็นทิศทางที่นางจากมา ก็ยังเป็นเทือกเขาสูงอีกแห่งที่เป็นภูเขาลูกใหญ่ที่ขวางกันพวกเขากับโลกภายนอกเอาไว้มีเพียงแค่ช่องเขาเล็กๆ ที่พวกเขาสามารถลัดเลาะลำน้ำตามออกไปจนกว่าจะพ้นเขตแดนของหุบเขาแห่งนี้ก็กินระยะทางไกลนับร้อยลี้!ยังไม่รวมกับตำนานสัตว์ปีศาจทั้งสองตนที่ครองยอดเขาแต่ละด้าน ว่ากันว่าพวกมันทั้งสองเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่เกือบจะบรร
บทที่ 15 สิ่งที่ไม่คาดคิดนอกจากการเลี้ยงฉลองที่ดำเนินไปเรื่อยๆ ในวันนี้ และได้มีการให้เด็กๆ กลับไปตามผู้ใหญ่ที่ไม่ได้รับอาหารจากที่นี่มาหลายวันแล้ว ได้มีโอกาสกลับมากินอาหารฝีมือของเย่หัวอีกครั้ง ส่วนสองสามีภรรยาก็อยู่คอยช่วยเหลือนางตลอดวัน จนสุดท้ายวันนี้ก็จบลงด้วยการที่เด็กหญิงและคนอื่นๆ ไม่มีเวลาแวะมาดูแปลงผักเลยเนื่องจากเด็กๆ ที่แบ่งกลุ่มกันมาในแต่ละวันได้รับสิทธิพิเศษให้ทุกคนสามารถมากินด้วยกันทั้งหมด ส่วนผู้ใหญ่ก็มีแค่ไม่ยี่สิบกว่าคนเท่านั้น แต่นั่นก็เป็นจำนวนคนเกือบร้อยชีวิตที่เด็กหญิงและผู้ช่วยไม่กี่คนต้องทำงานหนักตลอดทั้งวันและแม้ว่าคนอื่นๆ จะขันอาสาช่วยแต่นางก็ยืนกรานว่าจะทำด้วยตัวเองที่สำคัญที่สุดนางยังทำอาหารเป็นชุดๆ มอบให้ไปยังคนแก่คนเฒ่าที่ไม่สามารถมาได้อีกหลายครัวเรือน ทำให้กว่ากว่าจะจบภารกิจในวันนี้เย่หัวแทบจะเหนื่อยตายเลยก็ว่าได้แต่มันก็เป็นวันที่นางทั้งรู้สึก
บทที่ 16 เป้าหมาย“โห!!”เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของเด็กๆ หลายสิบคนที่กำลังมาล้อมวงดูแปลงมันที่ตอนนี้เจริญเติบโตเขียวขจีเต็มหูเต็มตาไปหมด กอมันฝรั่งก็เริ่มแตกกอออกมาส่วนต้นมันเองก็สูงเกือบจะสองฉื่อแล้ว ส่วนกอมันหวานเองตอนนี้เถาของมันเริ่มยาวเฟื้อยเลื้อยไปมาเกินสามฉื่อเข้าไปแล้ว“เหลือจะเชื่อ เพิ่งจะปลูกไปเมื่อวันก่อนเอง ผ่านไปแค่สองคืนก็เติบโตขนาดนี้แล้ว...”“ใช่ๆ ”“ที่สำคัญพวกเจ้าดูที่ผืนดินตรงแปลงที่เถามันเลื้อยผ่านดูสิ มันทั้งชื้นราวกับว่าฝนเพิ่งจะตกใหม่ๆ เลย แต่กลับไม่ได้เปียกชุ่มขาดนั้น นี่มันอะไรกัน”“พวกเจ้าอย่าเอาแต่พูดจากัน ไปช่วยกันทำงานส่วนที่คุณหนูเคยบอกเอาไว้เสีย เมื่อวานคุณหนูเหนื่อยเพื่อพวกเรามามาก รีบไปทำให้เสร็จก่อนที่คุณหนูจะตื่นเสีย” จางหลัวที่เริ่มไม่ค่อยคุ้นชินกับเด็กจำน
บทที่ 17 วันที่แสนวุ่นวาย“เป็นอย่างไรบ้าง พอจะกินกันได้ไหม” เย่หัวถามเด็กๆ ทั้งหมดที่กำลังกินมันหวานต้มกับเนื้อเป็นมื้อเช้า“อร่อยมากเลยขอรับ/เจ้าค่ะ”เด็กๆ ทุกคนตอบอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยรอยยิ้มที่ริมฝีปากยังคงมันแผลบเนื่องจากความมันของน้ำซุป“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเด็กเล็กตั้งแต่เจ็ดขวบลงไปพากันไปวิ่งเล่นกันก่อนก็ได้ ส่วนคนที่อายุมากกว่านั้นเดี๋ยวอยู่ช่วยกันเก็บล้างจานก่อน เดี๋ยวหลังจากนี้เราจะไปแยกกอมันฝรั่งกัน”ด้วยที่มีเด็กๆ หกสิบกว่าคนที่มาพร้อมกันทั้งหมู่บ้านแบบนี้ ทำให้แผนการต่างๆ ของนางต้องเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร อีกทั้งมันฝั่งเองที่นางจำวิธีปลูกดูแลได้แค่ลางๆ ดันโตเร็วไปกว่าที่นางคิดมากโขเลยต้องเร่งแยกกอก่อนกำหนดแต่ก็นั่นแหละอาจจะเพราะผู้คนที่โลกนี้ยังไม่ได้ถูกปรุงแต่งด้วยสือหรือสังคมที
บทที่ 18 ความปรารถนาที่เป็นจริงในตลอดค่ำคืนอันยาวนานที่เด็กหญิงล่องลอยไปในห้องแห่งความฝันที่ไม่มีใครล่วงรู้ ผู้คนในหมู่บ้านทุกคนต่างก็มีความสุขแทบจะทุกผู้ตัวคน จะยกเว้นก็แต่บุคคนเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่อยู่ไม่สุข ผุดลุกผุดนั่งอยู่อย่างนั้น และเริ่มที่จะไม่สามารถควบคุมสติของตนเองในบางครั้ง แต่เมื่อได้ยินเสียงกรนเบาๆ ของบุตรชายมันก็ทำให้สติของเขากลับมาความร้อนรนที่แทบจะไม่เคยถูกดับลงไปเลยสักหนตลอดชีวิตตั้งแต่จำความได้ มีเพียงแค่ช่วงเวลาที่นึกถึงบุตรชายผู้สืบสายเลือดของเขาเท่านั้นที่ทำให้เขาพอจะกลับมาพยายามในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ความตั้งใจ...สำหรับคนธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีอะไรดีหรือแย่ เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่งที่บังเอิญมาเกิดในบ้านที่มีพี่ชายที่เก่งกาจในทุกๆ ด้าน เมื่อวันหนึ่งเขาได้แต่งงานมีครอบครัวและมีเจ้าอวบอ้วนตัวน้อยถือกำเนิดขึ้นมา ทำให้เขาเลิกน้อยเนื้อต่ำใจตัวเองไปชั่วขณะ...
บทที่ 19 ข่าวดี“ทุกคนวันนี้กลับไปช่วยไปแจ้งแก่พวกผู้ใหญ่ทุกคนให้ข้าหน่อยจะได้หรือไม่” ในระหว่างที่ทุกคนกำลังจัดการจานชามหลังจากที่กินอาหารใกล้จะเสร็จแล้วนั้นเอง เย่หัวก็รีบวิ่งมาหาก่อนที่ทุกๆ คนจะลากลับบ้านถึงมันจะไม่จำเป็นเพราะอย่างไรเด็กๆ จะต้องบอกลานางในทุกๆ วันก็เถอะ แต่อาจจะเพราะนางเผลอดีใจมากจนลืมไป“มีอะไรหรือเจ้าคะ” จางหลังที่กำลังพยายามเล่นกับเจ้าสังที่นอนหมอบอยู่อย่างไม่ไหวติง ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดเป็นคนถามขึ้น“เดี๋ยวเจ้าช่วยไปเรียกทุกคนมารวมตัวกันสักหน่อยได้หรือไม่ ทุกคนที่มาที่นี่เลยนะ รวมถึงเด็กๆ ด้วย ทุกๆ คนด้วยนะช่วยไปตามทั้งหมดมาที ข้ามีเรื่องจะฝากไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านและทุกๆ คนในหมู่บ้านเลย”“มากันครบแล้วเจ้าค่ะ”เพียงแค่ไม่นานนัก ก็มีคนมารายล้อมเด็กหญิงเอาไว้จนขนาดท
บทที่ 27 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(6)“ท่านหัวหน้าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วขอรับ!!”“อะไรอะไร...มีเรื่องอะไรกัน” จางหลงที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายมาจากหน้าบ้าน ก็รีบลุกออกจากเตียงไม้ในทันที เนื่องจากเมื่อวานทุกคนเหนื่อยกันมาก แล้วเขาเองก็ต้องมาเหนื่อยใจกับคนในหมู่บ้านอีก ทำให้เมื่อคืนกว่าที่เขาจะหลับได้ก็ดึกแล้ว แล้วนี่ยังต้องมาตื่นตั้งแต่ยังไม่เช้าอีก... “มีอะไรกันตั้งแต่ยังไม่สว่างเนี่ย”“ท่านหัวหน้าช่วยพวกเราด้วยขอรับ”“พวกเราผิดไปแล้วขอรับ”“ท่านหัวหน้าช่วยพาพวกเราไปขอโทษนางเซียนน้อยหน่อยได้ไหมขอรับ”“พวกเราจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วหรับ”“ได้โปรดให้อภัยพวกเราสักครั้งเถอะนะขอรับ”“พว
บทที่ 26 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(5)“...”จางหลงทำท่าเหมือนกับจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ว่าเมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปดี สำหรับพวกเขาที่อดอยากแทบตายมาหลายปีแล้ว มันคงจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าหากว่าทุกคนไม่ได้ใช้วิธีการที่ผิด“ท่านหัวหน้ากลับไปก่อนเถิดขอรับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจากสิ่งที่พวกเราทุกคนได้ทำลงไป พวกเราก็พร้อมยินยอมที่จะรับผลที่ตามมา แต่หากว่า จะให้พวกข้าต้องเฝ้ารอความหวังลมลมแล้งแล้ง จนอาจทำให้ลูกเมียของพวกข้าต้องอดตายไปในปีนี้ ตัวข้านั้นยินยอมให้ทุกคนประณามเหยียดหยามเสียดีกว่า”เฮ้อ...จางหลงระบายลมหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด สวัสดี ต่อให้ยากว่ากล่าวพวกมันสักเท่าไหร่ แต่ดูจากท่าทางของพวกมันแล้ว พวกมันก็คงจะเตรียมตัวมาก่อนหน้านี้แล้วเช่นเดียวกัน“ในเมื่อเจ้าพูดอย่างนั้นก็แสดงว่าข้าสามารถนำความท
บทที่ 25 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(4)“เจ้าว่ายังไงนะ”ในทันทีที่ได้ยินคำกล่าวของเพื่อนบ้าน จางหลงก็รู้สึกหวาดวิตกในทันที ด้วยหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในตลอดระยะช่วงเวลาที่ผ่านมา ต่อให้เขาจะไม่ได้เชื่อที่เด็กๆพูดทั้งหมด แต่อีกใจหนึ่งเขาก็เชื่อบ้างแล้วว่าอย่างน้อยที่สุดเด็กหญิงผู้มาใหม่ผู้นี้คงไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป เพราะต่อให้โง่สักแค่ไหนลองคิดดูง่ายๆว่าแค่จำนวนอาหารที่เด็กหญิงนำออกมา ให้คนในหมู่บ้านสามารถดื่มกินกันอย่างฟุ่มเฟือยในตลอดระยะเวลาเดือนเศษนี้ ซึ่งมีทั้งเนื้ออย่างดี พืชหัวที่นางเรียกว่ามันฝรั่งกับมันหวาน ที่แม้จะไม่ได้รับการปรุงแต่ก็ยังสามารถให้รสอร่อยกับผู้ที่กินมันได้ แล้วยังมีลูกอมกับน้ำสีดำนั้นอีกไม่ว่าจะเป็นในด้านของสติปัญญาที่ล้ำเลิศกว่าผู้คนในหมู่บ้าน ทั้งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีจิตใจเมตตาสงสารผู้คนจำนวนมาก สามารถแจกจ่ายสิ่งมีค่าเหล่านั้นให้กับพวกเขาอย่างไม่เสียดาย
บทที่ 24 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(3)สองชั่วยามผ่านไป...ตั้งแต่ตอนที่เย่หัวหมดสติ นางก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางผู้คนจำนวนมากที่รายล้อมนางอยู่ ด้วยความที่ไม่ชินกับการที่มีใครมาเป็นห่วงเป็นไยขนาดนี้ มันก็ทำให้นางรู้สึกเขินไม่ได้ จึงเอ่ยปากถามออกมาด้วยเสียงเบาๆ“...มีอะไรกันหรือเจ้าคะ”“คุณหนู...”“คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”“คุณหนูฟื้นแล้ว”“...”“...”“...”เด็กๆ ที่เฝ้ารออยู่ไม่ไกลต่างก็กรูเข้ามาบ้างดีอกดีใจ บ้างก็ร้องห่มร้องให้งอแงโผเข้ามากอดร่างเล็กจนแทบไม่มีช่องว่าให้หายใจเย่หัวที่เห็นทุกๆ คนเป็นห่วงขนาดนี้จากที่ตั้งใจที่จะผละออกไป กลับกลายเป็นยินยอมให้เด็กๆ
บทที่ 23 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(2)“ตอนนี้แหละ!!”ทั้งกลุ่มที่ตอนนี้รวมตัวกันได้ราวยี่สิบคน แบ่งหน้าที่กันอย่างรวดเร็วที่เกิดความวุ่นวายขึ้น โดยที่มีการแบ่งเป็นกลุ่มๆ ตั้งแต่กลุ่มดูต้นทางที่จะวางเอาไว้เป็นจุดๆ เพื่อป้องกันการถูกพบเห็น ซึ่งมีเพียงแค่สี่คนเท่านั้นที่อาษาทำหน้าที่นี้ ถึงจะไม่ค่อยมีความเสี่ยงมากเท่ากับกลุ่มที่ไปขโมยหัวมัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าพวกตนจะได้รับส่วนแบ่งน้อยลงตามไปด้วยกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่เป็นกลุ่มที่ต้องเอาถุงกระสอบสานลวกๆ ไปช่วยกันขนมันเท่าที่ทำได้ ซึ่งคนที่เหลือทั้งหมดแบ่งกันเป็นกลุ่มเล็กๆ กลุ่มละสองคนโดยที่พวกเขาจะเอามันไปให้มากที่สุดเท่าที่กระสอบจะสามารถจุไหว แล้วค่อยสลับกันขนไปเป็นช่วงๆ แล้วแยกย้ายกันหนีกลับไปที่หมู่บ้าน ซึ่งทุกคนต่างก็ให้สัญญากันเอาไว้ว่าถ้าหากใครถูกจับได้ก็จะไม่มีการซัดทอดอย่างเด็ดขาดและเมื่อเอากลับกันไปแล้วจะไปรวมตัวกันที่บ้านของหนึ่งในสมาชิกกลุ่มที่ห่างไกลออกไปจากหมู่บ้านเล็กน้อย แล้วค่อยแบ่งกันในคืนนี้...แล้วเมื่อจัดการแบ่งสันปันส่วนหน้าที่รับผิดชอบของตนเองกันแล้ว โดยไม่สนว่าผู้คนในหมู่บ้านต่างก็พากันไปดูเด็กหญิงด้วยความเป็นห
บทที่ 22 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(1)“...”ท่ามกลางห้วงแห่งความว่างเปล่า ดวงจิตของเย่หัวตื่นขึ้นมาบนห้วงอากาศที่สูงขึ้นไปเหนือท้องฟ้า ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ก้อนเมฆรูปร่างต่างๆ เต็มไปหมด แต่ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น“สงสัยอะดิ ว่าที่นี่คือที่ไหนแล้วมึงมาทำอะไรตรงนี้...”“ไอ้ชา!”“‘ไอ้ชา!’ มึงจะตะโกนเรียกชื่อกูแบบนี้ใช่ไหมล่ะ แต่กูบอกเลยว่านี่เป็นระบบอัตโนมัติที่จะทำงานในตอนที่มึงใช้พลังไปจนหมดเป็นครั้งแรก ในกรณีที่มึงไม่ยอมฝึกฝนลมปราณเลย”“แล้ว...”“กูรู้ว่ามึงมีเรื่องมากมายที่จะถาม แต่ก็เหมือนกับจดหมายที่เคยเขียนหรือตอนที่กูส่งมึงมาที่นี่ กูมีเวลาจำกัดมากๆ เพราะฉะนั้นแล้วกูของให้มึงช่วยฟังได้อย่างเดียวสได้ไหม ถือว่ากูขอละกัน
บทที่ 21 เนื้อเน่าแต่ดูเหมือนว่าความตั้งใจของหัวหน้าหมู่บ้านนั้นจะไม่ทันเสียแล้ว...“จะดีหรือ” ในระหว่างที่ผู้คนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันไกลออกไปเล็กน้อย “แต่ถ้าถูกจับได้มันจะไม่ดีเอานา...”“แล้วมันจะเป็นอะไรไปเล่า จะอย่างไรคนพวกนั้นก็ไม่ได้ห้ามสักหน่อยนี่”“ใช่แล้ว อีกอย่างเราแค่จะแอบเอาไปสักหน่อยแล้วเอาไปลองปลูกที่แถวๆ บ้านเราตามคำแนะนำของจางเว่ยเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำอะไรเสียหนายสักหน่อย”“แล้วอีกอย่างถ้าหากว่าเจ้าหัวมันกองนั้นสามารถนำไปปลูกได้จริง แล้วมันโตเร็วเหมือนที่เด็กๆ บอกเล่าแล้ว อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าหน้าหนาวในปีนี้ครอบครัวของพวกเราจะอยู่รอดได้ไม่ใช่หรืออย่างไร แล้วจะลังเลไปทำไมกัน”
บทที่ 20 เศร้าหมองหน้าหนาว...หนึ่งในฤดูที่เลวร้ายที่สุดสำหรับผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ ก่อนหนี้ไม่กี่สิบปีก่อนอาจจะไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านที่ห่างไกล และมีลำธารไหลพาดผ่านหลายสายใหญ่บ้างเล็กบ้างแล้วแต่ต้นน้ำว่ามาจากจุดไหนแต่หลังจากที่ภัยพิบัติได้เริ่มขึ้นเมื่อสิบปีก่อน จากฤดูหนาวธรรมดาๆ ที่เพียงแค่มันจะกินเวลานานบ้างเร็วบ้าง แต่มันก็เพียงแค่ต้องเตรียมพร้อมเสบียงอาหารให้มากขึ้นก็เท่านั้น กลายเป็นฤดูหนาวที่เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นผลผลิตที่ลดลงตามความแห้งแล้งจนแทบไม่ได้เลยในปีหลังๆ มานี้ เป็นสิ่งที่ทำให้เพิ่มจำนวนคนตายมากขึ้นในทุกๆ ปี...สำหรับหน้าหนาวที่ค่ำคืนจะยาวนานกว่ากลางวัน ในช่วงที่นานที่สุดอาจจะกินเวลากลางวันเกินไปถึงสองชั่วยาม เป็นช่วงเวลาที่ผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีอายุยืนยาวที่ไม่มีอาหารมากเพียงพอตายไปอย่างเงียบๆ ยิ่งเป็นหน้าหนาวที่ต้องประหยัดเนื่องจ
บทที่ 19 ข่าวดี“ทุกคนวันนี้กลับไปช่วยไปแจ้งแก่พวกผู้ใหญ่ทุกคนให้ข้าหน่อยจะได้หรือไม่” ในระหว่างที่ทุกคนกำลังจัดการจานชามหลังจากที่กินอาหารใกล้จะเสร็จแล้วนั้นเอง เย่หัวก็รีบวิ่งมาหาก่อนที่ทุกๆ คนจะลากลับบ้านถึงมันจะไม่จำเป็นเพราะอย่างไรเด็กๆ จะต้องบอกลานางในทุกๆ วันก็เถอะ แต่อาจจะเพราะนางเผลอดีใจมากจนลืมไป“มีอะไรหรือเจ้าคะ” จางหลังที่กำลังพยายามเล่นกับเจ้าสังที่นอนหมอบอยู่อย่างไม่ไหวติง ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดเป็นคนถามขึ้น“เดี๋ยวเจ้าช่วยไปเรียกทุกคนมารวมตัวกันสักหน่อยได้หรือไม่ ทุกคนที่มาที่นี่เลยนะ รวมถึงเด็กๆ ด้วย ทุกๆ คนด้วยนะช่วยไปตามทั้งหมดมาที ข้ามีเรื่องจะฝากไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านและทุกๆ คนในหมู่บ้านเลย”“มากันครบแล้วเจ้าค่ะ”เพียงแค่ไม่นานนัก ก็มีคนมารายล้อมเด็กหญิงเอาไว้จนขนาดท