อัยย์วารินทร์พูดออกมาด้วยแววตาเศร้าหมอง แพขนตางอนสวยหลุบลงราวกับไม่อยากให้ใครเห็นความทุกข์ในใจ แจนที่ได้ยินถึงกับเลิกคิ้วด้วยความตกใจ
“อะไรนะ? แกเนี่ยนะโดนปฏิเสธ?”
“อื้ม...” อัยย์วารินทร์พยักหน้ายืนยันด้วยน้ำเสียงติดเศร้า ประโยคปฏิเสธจากพี่เชนยังคงก้องในหัวใจ ราวกับเพิ่งผ่านไปไม่นาน
แจนถึงกับถอนหายใจอย่างหนักก่อนจะกระแทกเสียงด้วยความขุ่นมัว
“ผู้ชายคนนั้นต้องโง่แน่ ๆ เขารู้ไหมว่าแกมีคนรุมจีบเยอะแค่ไหน แต่แกก็ไม่เคยสนใจใคร ส่วนคนที่แกชอบกลับไม่สนใจแกซะอย่างนั้น เฮ้อ... สวรรค์กลั่นแกล้งแกจริง ๆ”
อัยย์วารินทร์เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเพื่อนเสียงเบา “เขาคือลูกชายเจ้าของบริษัทที่ฉันไปฝึกงานนั่นแหละ”
แจนทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะร้องอ๋อเสียงดัง “อ๋อ...คนที่แกเคยเล่าให้ฟังว่าแอบปลื้มตั้งแต่เด็กน่ะเหรอ?”
อัยย์วารินทร์พยักหน้า “อืม...”
แจนจ้องหน้าเพื่อนสนิทอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“โอ้โห แกกล้าสารภาพรักพี่เขาด้วยเหรอเนี่ย! ทำไมกล้าล่ะ?” แจนจ้องใบหน้าเพื่อนสนิทพร้อมเขย่าแขนเบา ๆ ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน เพราะโดยปกติแล้วอัยย์วารินทร์เป็นคนเงียบ ๆ ขี้อายจะตาย แม้จะหน้าตาสวยแต่ก็ขาดความมั่นใจมาตลอด เพราะตั้งแต่เด็กจนโต พ่อแม่และพี่ชายของเธอคอยปกป้องเหมือนเธอเป็นไข่ในหิน คอยจัดการทุกปัญหาแทนเสมอ
แต่นี่ เพื่อนเธอสารภาพรักเลยนะ!!
“ก็ตอนที่ฝึกงาน ฉันได้เห็นพี่เขาทุกวัน ยิ่งได้มองหน้าเขา ความรู้สึกมันก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ แล้วพอรู้ว่าพี่เขาโสด ฉันเลยตัดสินใจบอกความในใจให้พี่เขารู้... แต่ก็อย่างที่บอก พี่เขาปฏิเสธ เขามองฉันเป็นแค่น้องสาว” อัยย์วารินทร์อธิบายด้วยเสียงแผ่วเบา พยายามกลั้นน้ำตาและกดความเจ็บปวดเอาไว้ให้ลึกที่สุด เหมือนกับที่เธอเคยพยายามทำมาตลอด
ฮึก! แต่มันก็ไม่เคยได้ผลเลยสักครั้ง อัยย์วารินทร์ก้มหน้าลงซบใบหน้าบนแขนตัวเองเพื่อซ่อนน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาอย่างเงียบ ๆ ไม่อยากให้เพื่อนเห็นถึงความอ่อนแอที่เธอพยายามซ่อนอยู่
แจนที่เห็นเพื่อนรักกำลังเศร้า ก็ยิ้มปลอบพลางบีบมือเพื่อนเบา ๆ ราวกับจะบอกว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว แม้ว่าอัยย์วารินทนั่นแหละจะพยายามซ่อนน้ำตาไว้ แต่แจนก็รู้ดีว่าเพื่อนของเธอกำลังเจ็บปวดแค่ไหน
“ไม่เป็นไรนะแก แกทั้งสวย น่ารัก สดใส แล้วก็รวยอีกต่างหาก อีกไม่นานต้องมีผู้ชายดี ๆ เข้ามาในชีวิตแกแน่นอน อย่าเศร้าไปเลยนะ” แจนพูดด้วยความมั่นใจ พยายามทำให้เพื่อนรู้สึกดีขึ้น
คำปลอบจากเพื่อนรักทำให้หญิงสาวตระหนักว่า สิ่งที่เธอต้องกลัวที่สุดไม่ใช่การโดนปฏิเสธ แต่เป็นการที่เธอจะกลับมาเป็นตัวเองได้อีกครั้งหรือเปล่านั่นแหละ
“อืม... ขอบใจแกมากนะ” อัยย์วารินทร์พยักหน้าเบา ๆ ทั้งที่ยังนอนหนุนแขนตัวเองอยู่ น้ำตายังคงซึมออกมา แต่ความรู้สึกอุ่นใจจากการมีเพื่อนรักคอยปลอบก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“ไม่เป็นไรหรอก ก็เราเป็นเพื่อนรักกันนี่นา” แจนพูดพลางยิ้มปลอบใจ บีบไหล่บางของเพื่อนรักเบา ๆ เพื่อส่งผ่านกำลังใจ
อัยย์วารินทร์ที่ไม่อยากให้แจนต้องรู้สึกหดหู่ไปด้วย รีบสลัดความเศร้าออกจากใจดวงหน้างามเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนฉีกยิ้มกว้างเต็มใบหน้า ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“อืม...มาคุยเรื่องของแกบ้างดีกว่า ไปฝึกงานมาเป็นยังไงบ้าง?”
“ได้เลย แต่เรื่องนี้ยาวแน่ ๆ” แจนหัวเราะ “เราไปหาที่นั่งคุยที่อื่นกันเถอะ”
“อืม...ไปสิ”
การพูดคุยเป็นสิ่งที่ทั้งคู่ถนัด การสนทนาจึงไหลลื่นไปอย่างสนุกสนาน เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเรื่องราวต่าง ๆ ที่แจนเล่า ทำให้อัยย์วารินทร์ได้ลืมความเศร้าชั่วขณะ เธอหัวเราะไปกับเพื่อนรักจนรู้สึกดีขึ้นมาก
หลังเลิกเรียน อัยย์วารินทร์กลับบ้านทันทีโดยไม่แวะไปไหน เมื่อเธอก้าวเข้ามาในบ้าน สิ่งแรกที่สังเกตเห็นคือแม่ของเธอที่ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แถมยังดูแปลกไปจากปกติ
“แม่คะ...” อัยย์วารินทร์ถามขึ้นอย่างสงสัย แต่ยังไม่ทันจะถามอะไร แม่ก็พูดขัดขึ้นเสียก่อน
“อ้าว... กลับมาแล้วเหรอลูก ดีเลย ๆ รีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดนะ เลือกชุดที่สวยที่สุดมาใส่เลยลูก เดี๋ยวจะมีแขกมาบ้าน”
เสียงแม่ดูตื่นเต้นและกระตือรือร้นมากจนเธออดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าใครมากันร่างบางจึงพยักหน้าเล็กน้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“จะพาหนูไปไหนเหรอคะ” อัยย์วารินทร์ถามด้วยความสงสัย
“ไม่ไปไหนหรอกจ้ะ อยู่บ้านนี่แหละ แต่ว่าจะมีแขกคนสำคัญมาทานอาหารเย็นกับเรา” พริมาพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“แขกคนสำคัญเหรอคะ” หญิงสาวขมวดคิ้วนิด ๆ อย่างงง ๆ ใครกันที่ทำให้แม่ตื่นเต้นขนาดนี้
“ใช่แล้ว! ไปเร็ว ๆ อย่ามัวแต่สงสัยอยู่เลย เดี๋ยวแขกก็มาก่อนหรอก” แม่พูดพร้อมกับดันหลังลูกสาวคนสวยขึ้นบันไดไปอย่างอ่อนโยน อัยย์วารินทร์จึงเก็บความสงสัยไว้ในใจและทำตามที่แม่บอกอย่างว่าง่าย
“ค่ะแม่”
เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง หญิงสาวในชุดเดรสกระโปรงแขนพัฟลายดอกไม้ที่เข้ากับวัยของเธออย่างเหมาะเจาะเดินลงบันไดจากชั้นสองลงมา ผิวพรรณผุดผาดและการแต่งตัวที่เรียบง่ายแต่สวยงามทำให้หญิงสาวดูน่ารักสดใส เมื่อเธอเดินลงมาก็เห็นแม่บ้านกำลังยกจานอาหารหลากหลายเมนูไปวางบนโต๊ะอาหาร ขณะที่แม่ของเธอกำลังจัดแจงจัดโต๊ะอย่างขะมักเขม้นทั้งยังฮัมเพลงอย่างมีความสุข
อัยย์วารินทร์ไม่รอช้า ร่างบางเดินเข้าไปหาแม่เพื่อถามความคิดเห็นเรื่องชุดที่เธอเลือกมาใส่
“แม่คะ ชุดนี้เป็นยังไงบ้างคะ?” เธอถามพร้อมหมุนตัวเล็กน้อยให้แม่ดู
พริมายิ้มอย่างภูมิใจในตัวลูกสาว “สวยมากจ้ะลูกรัก ดูน่ารักสมวัย แขกที่มาวันนี้ต้องชอบแน่ ๆ” พริมาพูดพร้อมกับหยิกแก้มนิ่มลูกสาวอย่างอยอกๆ
คำตอบของแม่ทำให้หญิงสาวยิ่งสงสัยว่าแขกคนสำคัญที่แม่พูดถึงนั้นเป็นใคร
เพราะความสงสัยยังคงก่อตัวอยู่ในใจ อัยย์วารินทร์จึงลองถามแม่อีกครั้ง
“เอ่อ...แม่คะ แขกคนสำคัญที่แม่พูดถึงคือใครเหรอคะ”
“แขกคนสำคัญก็เพื่อนของพ่อกับแม่ไงละจ๊ะ”
“เพื่อนของพ่อกับแม่?” อัยย์ทวนคำด้วยความไม่แน่ใจ เธอเริ่มรู้สึกตงิดใจ เพราะเพื่อนของพ่อแม่ที่เธอรู้จักมีไม่กี่คน แล้วสิ่งที่เธอคลางแคลงใจก็ถูกเปิดเผยจากปากของแม่อย่างชัดเจน
“ก็ลุงพงษ์กับป้าวรรณ พ่อกับแม่ของพี่เชนยังไงล่ะลูก”
“แม่!!” อัยย์เบิกตากว้าง น้ำเสียงของเธอตื่นตระหนกเกินกว่าเหตุ พริมาถึงกับสะดุ้งและอดที่จะเอ็ดลูกสาวไม่ได้ “อะไรกันลูก อยู่ดี ๆ ก็ตะโกนเสียงดัง ทำแม่ตกใจหมด”“ทำไมแม่ถึง...” อัยย์พูดตะกุกตะกัก สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเธอคาดคั้นถามถึงเหตุผลว่าแม่กำลังทำอะไรอยู่พริมาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “แม่บอกแล้วไงว่าแม่จะช่วยให้ลูกสมหวังเอง” พริมาพูดอย่างมีเลศนัย“สมหวัง..นี่แม่กำลังจะทำอะไรคะ” อัยย์ถามด้วยความตกใจปนสับสน เพราะเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่ถึงคิดจะทำอะไรแบบนี้ ทั้งที่เธอเพิ่งถูกปฏิเสธจากพี่เชนไปหมาด ๆ ตอนนี้เธอรู้สึกถึงหายนะกำลังมาเยือนในไม่ช้า“แม่ไม่ได้ทำอะไรเลย ความจริงลูกกับพี่เชนเป็นของกันและกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”“แม่หมายความว่ยังไงคะ” อัยย์วารินทร์เอียงคอถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนที่มากขึ้น คำพูดของแม่ทำให้เธอรู้สึกสะดุดใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า ‘ความจริงลูกกับพี่เชนเป็นของกันและกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว’ มันหมายความว่าอะไรกันแน่!พริมามองลูกสาวด้วยรอยยิ้มที่แฝงความลับบางอย่างที่ยังไม่ต้องการเฉลยตอนนี้ “เดี๋ยวน้องอัยย์ก
“เอ่อ….พ่อกับแม่ และคุณลุงคุณป้าครับ เรื่องแบบนี้พวกเราควรจะถามไอ้เชนกับยัยอัยย์ก่อนดีไหมครับ ว่าพวกเขาอยากแต่งงานกันหรือเปล่า” เสียงของคชาเหมือนกับสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น อัยย์วารินทร์หันไปมองพี่ชายด้วยสายตาขอบคุณ“อืม...นั่นสิ ตาเชน คิดเห็นอย่างไรถ้าพ่อกับแม่จะให้ลูกแต่งงานกับน้องอัยย์” ธมลวรรณเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง สายตาของเธอจ้องมองลูกชายอย่างตั้งใจ และรอคอยคำตอบที่เธอเชื่อว่าลูกชายจะไม่ขัดใจคนเป็นแม่อย่างเธอคเชนทร์มองหญิงสาวด้วยสายตาเย็นชา ราวกับตั้งใจสื่อบางอย่าง ก่อนจะตอบแม่ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“แล้วแต่พ่อกับแม่เถอะครับ”คำตอบนี้ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยิ้มออกมาอย่างพอใจไม่น้อย ส่วนอัยย์วารินทร์รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่เขาไม่ปฏิเสธ แต่สำหรับคเชนทร์แล้วเขารู้ดีว่า แม้จะปฏิเสธไป ก็ไม่มีประโยชน์ พ่อแม่ของเขายังไงก็จะบังคับให้เขาแต่งงานอยู่ดี เขาจึงเลือกที่จะยอมแต่งไปก่อน และค่อยทำให้เห็นว่า ชีวิตคู่ที่ถูกคลุมถุงชนนี้ไปกันไม่รอดจริง ๆเวลาผ่านไปหลายวัน ตั้งแต่วันนั้นที่อัยย์วารินทร์ตัดสินใจสารภาพรักกับคเชนทร์เธอก็ไม่เคยพบเจอกับความสุขที่แท้จริงอีกเลย
"มาทำไม!" คเชนทร์เอ่ยถาม น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความไม่พอใจอัยย์วารินทร์ที่นั่งรออยู่ พอเห็นคเชนทร์มาถึงก็คลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แต่ความอ่อนโยนและใสซื่อในแววตาของเธอไม่สามารถทำลายก้อนน้ำแข็งที่เกาะอยู่ในใจของเขาได้ เมื่อเธอรู้สึกถึงความเฉยชาที่แผ่ออกมาจากร่างสูง หญิงสาวรีบหุบยิ้มลงทันที“สะ...สวัสดีค่ะพี่เชน” หญิงสาวเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนาจากตรงไหน คำว่าสวัสดีจึงเป็นประโยคแรกที่หลุดออกมาแต่คำทักทายนั้นกลับไม่เข้าหูของคเชนทร์แม้แต่น้อย สีหน้าของเขาเย็นชาและปราศจากอารมณ์ ทำให้อัยย์วารินทร์ที่พยายามยิ้มใจแป้ว รู้สึกห่อเหี่ยวไปหมดแต่ถึงแม้ว่าจะถูกปฏิเสธกลาย ๆ จากท่าทีเย็นชาของเขา แต่อัยย์วารินทร์ยังไม่ยอมแพ้ เธอลุกขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และเดินเข้าไปหาคเชนทร์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ของเขาอัยย์วารินทร์พยายามหาทางทำให้คเชนทร์ยอมพูดกับเธอ จึงตัดสินใจทำท่าทีเหมือนเล่นสนุกแบบที่เคยทำกันเมื่อตอนเด็ก ๆ โดยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ฉีกยิ้มหวานออกมา หวังว่ามันจะทำให้คเชนทร์คลายความเย็นชาได้บ้าง และดูเหมือนมันจะได้ผล คเชนทร์ยอมพูดออกมาในที่สุดแต่สิ่งที่
"อะไรนะคะ" อัยย์วารินทร์อุทานด้วยความตกใจ ดวงตาเบิกกว้างราวกับไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน ‘เมื่อวานพี่เชนยังพูดเหมือนโกรธเรามาก แล้วทำไมวันนี้ถึงยอมทำแบบนี้กันล่ะ’ ความคิดตีรวนในหัวด้วยความสับสนพี่เชนเป็นคนที่อ่านยากมาแต่ไหนแต่ไร เธอไม่เคยเดาทางเขาได้เลย แต่เรื่องคุ้มดีคุ้มร้าย ปากร้ายใส่เธอ เธอเองก็เพิ่งเห็นหลังจากที่มีเรื่องให้ต้องแต่งงานกันนี่แหละ"แม่คะ แต่ว่า…." หญิงสาวมองหน้าแม่พยายามจะพูด แต่แม่ของเธอก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้อธิบาย“ไม่มีแต่! เร็ว ๆ เลยลูก ลุกไปอาบน้ำเร็ว” พริมาไม่รอช้า จับไหล่ลูกสาวทั้งสองข้างแล้วดันเบา ๆ ให้เดินไปที่ห้องน้ำ ทำให้เธอจำต้องยอมทำตามแม่โดยดี แม้ในหัวของเธอจะเต็มไปด้วยคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบก็ตามในขณะที่เดินไปยังห้องน้ำ หัวใจของอัยย์เต้นไม่เป็นจังหวะ เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคเชนทร์ถึงยอมทำตามแผนการแต่งงานในวันนี้ ทั้งที่เมื่อวานเขาแสดงท่าทีปั้นปึ่งเย็นชา ปากร้ายอีกต่างหากเมื่ออัยย์วารินทร์อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอก็ลงมากินข้าวชั้นล่าง แต่กินไปได้สักพักเธอก็วางช้อนลงหลังจากกินไปได้ไม่กี่คำ ความกังวลทำให้เธอกลืนอาหารไม่ลง“อิ่มแล้วเหรอลูก” ปรินถามลูกสาวด้ว
พนักงานสังเกตเห็นใบหน้างดงามของว่าที่เจ้าสาวใบซีดลงทันทีที่ฝ่ายชายพูดจบ เธอก็เอะใจไม่น้อย และเพิ่งสังเกตท่าทางห่างเหินของฝ่ายชายแม้เธอจะไม่รู้เหตุผลที่ทั้งสองกำลังจะแต่งงานกัน แต่ก็ชัดเจนว่ามันไม่ใช่เพราะความรักแบบคู่แต่งงานทั่วไปแน่นอน เพราะตั้งแต่เข้าร้านมาว่าที่เจ้าบ่าวยังไม่มีรอยยิ้มสักครั้ง นอกจากคำพูดที่จำเป็นเท่านั้นและดูเหมือนว่าเจ้าบ่าวจะขยันทำร้ายจิตใจว่าที่เจ้าสาวเสียเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามรักษาบรรยากาศและรีบแนะนำต่ออย่างเป็นมืออาชีพ“มี After Party ไหมคะ เอ่อ... ถ้ามีด้วย ดิฉันแนะนำชุดเจ้าสาวแบบ Tea-Length ค่ะ ชุดนี้เป็นเดรสสั้นที่มีช่วงกระโปรงพลิ้วไหว มีเสน่ห์แบบวินเทจ ช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดได้อย่างดีค่ะ”ร่างสูงพยักหน้าโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “มีด้วย พาเธอไปลองชุดได้เลย”“ได้ค่ะ” พนักงานพยายามยิ้มตอบด้วยความสุภาพ พร้อมกับพาว่าที่เจ้าสาวไปลองชุดอีกครั้งหลังจากที่เลือกชุดเจ้าสาวเสร็จ พนักงานก็หันมาแนะนำชุดเจ้าบ่าวต่อ ยังคงน้ำเสียงสุภาพเช่นเดิมแม้จะรู้สึกอึดอัดกับว่าที่เจ้าบ่าวผู้หล่อเหลาแต่ใบหน้าสงบนิ่งจนเดาอารมณ์ไม่ออก“ส่วนคุณผู้ชาย อยากได้ชุดเจ้าบ่าวแบบไหนด
"ไม่แล้วล่ะ แต่ว่าเธอคงต้องไปเอง พอดีฉันมีธุระต่อ คงไม่ได้ไปส่ง”เมื่อได้ฟังคำตอบจากร่างสูง ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของอัยย์วารินทร์ เธอรู้สึกจุก จนแทบพูดไม่ออก สายตาของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวเริ่มจมดิ่งลงเรื่อย ๆ เธอฝืนยิ้มและตอบกลับด้วยเสียงสั่น ๆ"อ๋อ...ไม่เป็นไรค่ะ อัยย์ไปเองได้ พี่เชนก็ขับรถดี ๆ นะคะ" พูดจบเธอก็รีบเปิดประตูลงจากรถทันที พลางคิดในใจว่าเขาคงอยากให้เธอไปให้พ้นหน้าเสียทีกระมัง ทันทีที่ร่างเล็กลงจากรถ รถหรูก็เคลื่อนออกไปโดยเร็ว ไม่แยแสว่าเธอจะไปต่ออย่างไร ใบหน้าสวยของอัยย์วารินทน์ตอนนี้เต็มไปด้วยความขมขื่น จิตใจบอบช้ำเกินกว่าที่จะทนไหว หญิงสาวมองท้ายรถที่ขับออกไปไกล ด้วยความรู้สึกเจ็บหน่วงหัวใจ เป็นที่สุดในที่สุด วันที่หลายคนคาดหวังว่าจะเป็นวันที่มีความสุขก็มาถึงแขกเหรื่อเริ่มทยอยเดินเข้างาน ทุกคนต่างยิ้มแย้มมีความสุข เว้นแต่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเท่านั้นที่ดูเหมือนกล้ำกลืนฝืนทนเต็มที ทั้งคู่ออกมายืนต้อนรับแขกที่มาร่วมงานแต่งงาน โดยมีครอบครัวของทั้งสองฝ่ายยืนอยู่ด้วยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอัยย์วารินทร์มองใบหน้าคมเข้มของเจ้าบ่าวด้วยสายตาห
ในขณะที่อัยย์วารินทร์พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น เปลือกตาของคนเมาที่ปิดลงคล้ายคนจะหลับกลับค่อย ๆ เปิดขึ้น เผยให้เห็นดวงตาฉ่ำวาวมองมาที่เธออย่างไม่กะพริบ สายตานั้นทำให้อัยย์วารินทร์รู้สึกถึงความร้อนรุ่มในอกที่เพิ่มขึ้น เธอพยายามดันตัวเองลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับถูกมือหนาของชายหนุ่มกดแผ่นหลังเอาไว้ ราวกับเขาจะไม่ยอมให้เธอหนีไปไหน“พี่เชน... ปล่อยอัยย์เถอะค่ะ” อัยย์วารินทร์เอ่ยออกมาด้วยเสียงติดสั่น หัวใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ เธอดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดแต่ร่างแกร่งกลับยิ่งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ดวงตาปรือปรอยคู่นั้นจ้องริมฝีปากบางแต่ดูอวบอิ่มอย่างหลงใหลแบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน ก่อนที่ใบหน้าคมไร้หนวดเคราจะค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้จนเกือบสัมผัสใบหน้าสวย รู้ตัวอีกทีหญิงสาวก็หลับตาลงโดยอัตโนมัติและสัมผัสถึงรสจูบนุ่มลึกแต่พอนึกถึงคำพูดในช่วงพิธีงานแต่งของฝ่ายชายได้ 'ผมแพ้ลิปสติก' ก็ทำให้ดวงตากลมโตเบิกโพลงในทันทีแม้ว่าเขาจะยังจูบอยู่ก็ตาม ลิ้นเรียวที่เกี่ยวพันจนฉ่ำแฉะเริ่มรุกเร้าไล่ต้อนและดูดดุนอย่างรุนแรง ทำเอาเธอได้สติ มือบางทุบอกไปแกร่งไปหลายทีก่อนที่เขาจะผละออก ดวงตาขุ่นเคืองของคนใต้ร่างจ้องม
ร่างเล็กพยายามร้องขอเพราะความเจ็บจี๊ดที่ซอกคอขาวเธอพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างสุดชีวิต มือบางยันอกแกร่งที่ตอนนี้กระดุมหลุดออกไปหลายเม็ด ฝ่ามือบางจึงสัมผัสกับแผ่นอกกว้างโดยตรง และเป็นครั้งแรกที่เธอสัมผัสเนื้อต่อเนื้อกับผู้ชายครั้งแรก ใบหน้าสวยของเธอจึงมีแต่ริ้วแดงที่ปรากฏออกมาจากใบหน้าที่ร้อนผ่าวในขณะที่ริมฝีปากเปียกชื้นของชายหนุ่มแนบลงบนลำคอซุกไซ้ไม่หยุดเธอ จากความเจ็บกลายเป็นความซ่านหวิวอย่างที่เธอไม่เคยพาลพบมาก่อนหญิงสาวพยายามเบี่ยงคอหนี แต่กลับกลายเป็นว่าเพียงแค่เธอเอียงคอหนีก็ทำให้เขากดจูบลงมาอย่างถนัดก่อนที่เขาจะตรึงใบหน้าของเธอเอาไว้ด้วยมืออุ่นข้างเดียวทำเธอไม่มีโอกาสหนีได้อีกริมฝีปากอุ่นร้อนหว่านพรมความร้อนไปตั้งแต่ซอกคอและกกหู คลอเคลียที่แก้มเนียนนุ่ม ก่อนจะเคลื่อนปลายจมูกกลับมาซุกไซ้ที่ซอกคออีกครั้ง พร้อมกับลมหายใจถี่กระชั้น ก่อนที่ฟันคมจะงับต้นคอเพรียวระหงไล่เรื่อยไปยังแอ่งชีพจร พ่นลมหายใจร้อนผ่าวคล้ายจะยั่วให้ทนไม่ไหว จากนั้นฝ่ามือใหญ่ก็ลูบไล้ไปทั่วผิวเนื้อนวลเนียนทั่วร่างกายของคนตัวเล็ก เสียงครางกระหึ่มอยู่ในลำคอบ่งบอกถึงความพอใจร่างนุ่มนิ่มทำให้ความต้องการที่มากขึ้นไปอีก
คเชนทร์เอ่ยออกมาอย่างหลงใหล พร้อมมองใบหน้าของหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่ง ลมหายใจของร่างสูงถี่หอบขึ้นมาเรื่อย ๆ และส่งเสียงแข่งกับเนื้อดังกระทบกันออกอย่างต่อเนื่องชายหนุ่มขยับตัวเองนั่งตัวตรงตั้งฉาก เพื่อจับจ้องที่ร่องสวาทซึ่งตอนนี้มีท่อนเอ็นของเขาขยับเข้าและออกมาอย่างช้า ๆ แต่เป็นการกระทำที่หนักหน่วงเพราะทุกจังหวะการกระแทกของเขาทำให้หญิงสาวทั้งเสียวทั้งเจ็บ“พี่เชน อ้ะ เสียวอัยย์ เสียวไปทั้งตัวเลย อ๊ะ...อย่าขยับแบบนั้นสิคะ” เสียงครางกระเส่าของหญิงสาวดังออกมาอย่างต่อเนื่อง จนคนที่ได้ยินอดที่จะยกยิ้มออกมาเล็กน้อยไม่ได้“เหรอคะ เสียวแล้วชอบไหม..อ่าาห์~ซี๊ด พี่ก็เสียว” คำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวมองเชนอย่างคาดโทษแต่เธอก็ต้องสะดุ้ง เมื่อนิ้วหัวแม่มือของคเชนทร์ได้ขยี้ลงตรงร่องสวาทของเธอ พร้อมการขยับท่อนเอ็นเข้าและออกด้วยจังหวะที่ร้อนแรงขึ้นมากกว่าเดิมเรื่อย ๆ“อือ.. เสียว อ๊ะ พี่เชน..ไม่ไหวแล้ว อัยย์จะไม่ไหวแล้ว..” ความรู้สึกตอนนี้สุขสมใกล้จะล้นทะลักเต็มที ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวอย่างเซ็กซี่พร้อมส่วนลึกที่ตอดรัดท่อนเนื้อทำเอาร่างสูงกัดฟันแน่นเพราะความเสียวไม่แพ้กันท่าทีของห
“วะ ว่ายังไงนะคะ”“ถ้าอัยย์เรียนจบแล้ว เรามีลูกกันเลยดีไหมครับ” ร่างสูงทวนคำถามอีกครั้ง น้ำเสียงนุ่มนวลแต่จริงจัง ทำเอาพวงแก้มเนียนนุ่มของอัยย์วารินทร์ขึ้นสี ใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกมาจากอก เธอตอบกลับอย่างตะกุกตะกักด้วยความขวยเขิน“ถ้าพี่เชนว่าดี อัยย์ก็ว่าดีค่ะ แต่ว่าเรา…ยังไม่ได้ไปฮันนีมูนกันเลยนะคะ”คเชนทร์กะพริบตาปริบ ๆ หยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อคิดได้“อ่า..นั่นสิ พี่ลืมไปได้ยังไง ว่าแต่อัยย์อยากไปฮันนีมูนที่ไหน มัลดีฟส์ดีไหม หรือปารีส ฝรั่งเศสดี”“อัยย์ไปที่ไหนก็ได้ค่ะ ขอแค่มีพี่เชนไปด้วยก็พอ” อัยย์วารินทร์ตอบพลางซุกหน้าลงกับอกแกร่งของสามี ซ่อนใบหน้าที่เริ่มแดงจัด ไม่ยอมให้เขาเห็น พอเห็นคนตัวเล็กเขินอาย หัวใจของเชนที่เคยเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งก็หลอมละลายลงไปจนหมดสิ้น ความรักที่เธอมีต่อเขานั้นเหมือนสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำที่ซึมซาบเข้าไปในหัวใจ ค่อย ๆ ละลายความแข็งกระด้างและความเหินห่างที่เคยมีออกไปจนสิ้น เหลือเพียงความอบอุ่นและอ่อนโยนที่เขามีต่อเธอเพียงคนเดียวเขารู้สึกได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าคือคนที่เขารอคอยมาตลอด“พี่ก็เหมือนกัน พี่ไปได้ทุกที่ ขอแค่มีอัยย์ไปด้วยก็พอ” เชนพูดพร้อ
แกร๊ก!เสียงเปิดประตูทำให้อัยย์วารินทร์รีบลุกขึ้นจากตักของคเชนทร์โดยอัตโนมัติ ก่อนจะได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงที่ดังกระทบพื้นด้วยความมั่นใจ ทำให้อัยย์วารินทร์รู้ทันทีว่าเป็นใครที่เข้ามาคเชนทร์เห็นว่าเป็นใคร จึงรีบลุกขึ้น จัดเสื้อเชิ้ตและเนกไทให้เข้าที่ ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มพลันเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง แฝงไปด้วยความเย็นชาอย่างไม่ปิดบัง“ก่อนเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู”“ปกติลิลลี่ก็เข้ามาแบบนี้ตลอดนะเชน” หญิงสาวริมฝีปากทรงกระจับแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสดตอบกลับอย่างมั่นใจ แต่สายตาคมของเธอกลับจับจ้องไปที่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างคนรักเก่าของเธอตาไม่กะพริบ“อือ..ช่างเถอะ นี่อัยย์ เป็นภรรยาของผม” คเชนทร์พูดพร้อมยื่นมือไปกุมมือร่างบาง ดึงเธอเข้ามาใกล้แนบชิด แม้อัยย์จะดูประหม่า แต่มือหนาก็กระชับมือของเธอเอาไว้แน่น เพื่อเน้นย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอลิลลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะแนะนำตัวเองอย่างมาดมั่น “ไหน ๆ ก็แนะนำตัวกันแล้ว ลิลลี่ก็ขอแนะนำบ้าง ฉันชื่อลิลลี่ค่ะ เป็น…แฟนเก่าที่เชนรักมาก” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งมั่นใจเต็มที่“เคยรัก แต่ตอนนี้ไม่ได้รักแล้ว” คเชนทร์ตอบกลับทันที ก่อนจะ
“พะ...พี่เชน พี่เชนพูดว่าอะไรนะคะ” อัยย์วารินทร์เงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม เมื่อกี้นี้พี่เชนพูดว่า 'รัก' ออกมา...คำที่เธอเฝ้ารอมานาน และไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมันจากปากของเขาคเชนทร์มองหญิงสาวด้วยสายตาเว้าวอน "อัยย์...พี่รักอัยย์จริง ๆ พี่ขอโทษที่รู้ตัวช้า ขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับอัยย์ วันนี้พี่รู้แล้วว่าหัวใจของพี่มีแต่อัยย์ ให้อภัยคนโง่ ๆ อย่างพี่เถอะนะ”คำสารภาพที่เต็มไปด้วยความจริงใจของคเชนทร์ท่ามกลางสักขีพยานทั้งสองครอบครัว ทำให้อัยย์วารินทร์เริ่มมีสีหน้าที่อ่อนลง แววตาของเธอสั่นระริกด้วยความอ่อนไหว คำพูดของเขาทำให้หัวใจที่เคยแข็งกร้าวเริ่มอ่อนลงโดยไม่รู้ตัวเมื่อเคชนทร์เห็นความหวั่นไหวในดวงตาหญิงสาวความหวังเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ“น้องอัยย์คิดเห็นว่ายังไงลูก” พริมาถามขึ้นอย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นลูกสาวนิ่งเงียบไป ก่อนจะพูดต่อ“ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไง แม่กับพ่อและพี่คชาก็จะเคารพการตัดสินใจของหนู” ดวงตาเอื้ออาทรของแม่พริมาส่งผ่านความห่วงใย พร้อมคำพูดที่เปรียบดั่งน้ำเย็นชโลมใจ ช่วยให้อัยย์กล้าตัดสินใจตามความรู้สึกของตัวเองตอนนี้อัยย์วารินทร์จ
อัยย์วารินทร์ที่กลับขึ้นไปห้องนอนของตัวเองแล้ว แต่จิตใจยังว้าวุ่น พอได้ยินเสียงพี่ชายกับสามีทะเลาะกันเสียงดังอยู่นานสองนาน จนเธอทนไม่ไหวต้องลงมาห้ามในที่สุดคเชนทร์ที่เห็นหญิงสาวก็รีบปล่อยมือจากคอเสื้อของคชาทันที เขาปรี่เข้าไปหาอัยย์วารินทร์ด้วยสายตาละห้อย อารมณ์โกรธที่มีเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น“อัยย์….”“หยุดเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” น้ำเสียงเย็นชาจากปากเล็ก ทำให้ร่างรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกข้างซ้าย ‘น้ำเสียงแบบนี้สินะ ที่เขาเคยใช้พูดทำร้ายจิตใจของอัยย์ในเมื่อก่อน’“อัยย์จะลงมาทำไมอีก กลับขึ้นไปเถอะ” คชาเดินเข้าไปหาน้องสาว ก่อนจะเอ่ยตำหนิเล็กน้อย“อัยย์ได้ยินว่ากำลังจะมีใครบางคนทำร้ายพี่คชา อัยย์ก็เลยทนไม่ได้ต้องรีบมาห้ามไว้ค่ะ” คำพูดที่ฟังดูห่างเหินจากปากของหญิงสาวยิ่งทำให้คเชนทร์รู้สึกเจ็บช้ำ แต่เขาไม่เคยคิดโกรธเธอเลย เพราะเขาเองที่เคยทำไม่ดีกับเธอก่อนคชาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงยียวน “น้องไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก ก็แค่คนพาล พี่ไม่กลัวหรอก”“ไอ้คชา!” เชนคำรามด้วยความโกรธ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงแหวก็ดังขึ้นอีกครั้ง“อย่านะคะ” คำพูดเพียงสั้น ๆ ของเธอ แต่กลับมีอำนาจมากพอที่จะระงับอารม
คเชนทร์ตวาดออกมาด้วยความเดือดดาล สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ ความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียคนรักทำให้เขายิ่งพยายามแสดงความเป็นเจ้าของ คเชนทร์ดึงหญิงสาวเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแสดงความหวงแหนแต่ใครจะรู้ว่าคนในอ้อมแขนนั้นกลับดิ้นขัดขืนอย่างไม่หยุด ทั้งยังกล่าวคำหักหน้าของเขาออกมาอีกด้วย“พี่เชน! ..ปล่อยนะ เราไม่ได้เป็น….สามีภรรยากันแล้วนะคะ” คำพูดของหญิงสาวทำให้คเชนทร์ที่กำลังเกรี้ยวกราดอยู่แล้ว ยิ่งโกรธจัดจนควบคุมสติตัวเองไม่อยู่“ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเหรอ ทะเบียนสมรสก็ยังมี จะไม่ได้เป็นได้ยังไง!” เขาโพล่งออกมาทันควัน น้ำเสียงแข็งกระด้าง ดวงตาวาวโรจน์จ้องที่หญิงสาวอย่างไม่ลดละ ทั้งที่ก่อนมาเขาตั้งใจจะขอโทษเธอกับสิ่งที่เขาทำผิดไป แต่พอเห็นหญิงสาวคุยหัวเราะกับผู้ชายคนอื่นทำให้เกิดหึงหวงออกมาโดยไม่รู้ตัวและเป็นครั้งแรกที่คเชนทร์ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ อัยย์วารินทร์มองหน้าคนที่กำลังอาละวาดด้วย ความไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่เธอถอยให้เขาขนาดนี้แล้วเขายังจะตามมารังควานเธออีกทำไม หญิงสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้น..“...แต่อีกไม่นานอัยย์กับพี่เชนก็ต้องหย่ากันแล้ว” อัยย์วารินทร์พูดด้วยน้ำเสียงติดนิ่ง แต่เธอ
“แม่ยอมรับว่าตอนแรกแม่อยากให้ลูกแต่งงานกับพี่เชนมาก เพราะแม่คิดว่าเขาจะดูแลลูกได้ดี แต่พ่อกับแม่ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำให้ลูกของแม่เสียใจขนาดนี้ สิ่งที่ตาเชนทำกับหนู..พวกเรารับไม่ได้จริง ๆ” น้ำตาของคนเป็นแม่ไหลลงอย่างกลั้นไม่อยู่“แม่ขอโทษนะลูก แม่ขอโทษที่ไม่ฟังลูก ไม่ถามความรู้สึกของลูกให้ดี เอาแต่จะบีบบังคับลูกอย่างเดียว” น้ำเสียงของแม่สั่นเครือ ขณะที่เธอก้าวเข้ามากอดลูกสาวสุดที่รักไว้แน่น เพราะความเชื่อมั่นในใจตัวเองแท้ ๆ ที่ทำให้ลูก ทุกข์ระทมได้ถึงขนาดนี้ พริมาต่อว่าตัวเองอยู่ในใจเมื่อได้ยินดังนั้น คนเป็นลูกสาวก็ยิ่งหลั่งน้ำตาออกมา สองแม่ลูกพากันร้องไห้ออกมาด้วยความทุกข์ใจไม่ต่างกันอัยย์วารินทร์ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะคำว่าหย่าที่ได้ยินมันทำให้เธอจุกและเจ็บจนพูดไม่ออกและเมื่อเห็นแม่ของตัวเองร้องไห้ด้วยความทุกข์ใจ น้ำตาของเธอก็ไหลพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างเล็กสะอึกสะอื้นไห้จนไหล่เล็กสะท้านอย่างน่าสงสารในตอนนี้ อัยย์วารินทร์รู้สึกสับสนไปหมด ทั้งรัก ทั้งเจ็บ และเห็นใจครอบครัวของตัวเอง ความคิดในหัวของเธอวุ่นวายไม่หยุดความรักที่เธอมีต่อคเชนทร์ ความเจ็บปวดที่ได้รับ และความรู้สึก
ในขณะที่คเชนทร์ประสบความยุ่งยากในใจอยู่นั้น อีกฟากหนึ่งของบ้านภรรยาก็เกิดความวุ่นวายใจไม่แพ้กัน หลังจากกลับจากกินข้าวนอกบ้าน คชาส่งอัยย์วารินทร์เข้าห้องนอนทันที เพราะตอนนี้เธอไม่พร้อมที่จะเจอหน้าพ่อแม่ เมื่อพาน้องสาวไปพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว คชาจึงเรียกพ่อกับแม่มารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่ของบ้าน เพื่อหารือเรื่องปัญหาครอบครัว เมื่อหนึ่งคนมีปัญหา คนอื่นในครอบครัวก็ต้องช่วยกันหาทางออก“พ่อครับ แม่ครับ ผมมีเรื่องต้องขอคำปรึกษามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับยัยอัยย์.."“มีเรื่องอะไร..!” ทั้งสองคนถามขึ้นพร้อมกัน เมื่อเห็นใบหน้าเคร่งเครียดและท่าทีจริงจังของลูกชาย หัวใจของพ่อแม่เริ่มรู้สึกกังวล กลัวว่าสิ่งที่กำลังจะได้ยินเป็นเรื่องร้ายแรงคชาอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน มันไม่ง่ายเลยที่จะพูดออกไป แต่ด้วยความเป็นพี่ชาย หากเขายังทำไม่รู้ไม่เห็นแล้วปล่อยไป เขาคงเป็นพี่ชายที่แย่มาก ๆ และเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ อันที่จริงถ้ามันไม่รักน้องสาวเขา ๆ ก็ไม่ว่าอะไร แต่ในเมื่อคนเราแต่งงานกันแล้วแทนที่มันจะซื่อสัตย์ต่อภรรยาแต่มันกลับนอกใจ แบบนี้ไม่มีวันที่เขาจะยอมให้น้องสาวต้องไปทนทุกข์กับมั
เมื่อได้ยินอย่างนั้นจากพี่ชาย หญิงสาวที่ก้มหน้าอยู่ก็หันขวับไปมองอีกฝ่ายทันที เมื่อกี้พี่ชายเธอถามว่ายังไงนะ"พี่ถามว่าไอ้เชนมันนอกใจอัยย์ใช่มั้ย!" เสียงเข้มตอกย้ำคำถามอีกครั้งตอนแรกไอ้วรินคิดว่าหูเพี้ยน ที่ได้ยินพี่ชายถามเรื่องที่ไม่คาดคิด แต่พอเห็นใบหน้าและท่าทางที่จริงจังของพี่ชายอัยย์วารินทร์ก็ถึงกับไปไม่ “พะ พี่คชา” เธอเริ่มอึกอักตอบไม่ถูก ใบหน้าฉงนด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ว่าพี่ชายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ส่วนคชาก็ไม่ทำให้น้องได้สงสัยอีกต่อไปเขาสบตาน้องสาวก่อนจะตอบเสียงเรียบ“วันนี้พี่ไปหาไอ้เชนที่บริษัท แล้วเจอผู้หญิงคนหนึ่ง ท่าทางสนิทสนมกับมันมาก และถ้าพี่จำไม่ผิด ผู้หญิงคนนั้นก็คือลิลลี่ แฟนเก่าของมัน”“ฟะ... แฟนเก่าเหรอคะ? ” อัยย์วารินทร์ถามเสียงสั่น ความจริงที่ได้ยินทำให้เธอแทบหยุดหายใจ ลำคอตีบตันไปด้วยก้อนสะอื้นที่ไหลมาจุกอยู่ที่คอ‘ผู้หญิงคนนั้นคือแฟนเก่าที่พี่เชนรักมากอย่างนั้นเหรอ... แล้วฉันควรทำยังไง จะเอาอะไรไปสู้กับเขาได้ ตอนนั้นจำได้ว่าคุณลุงกับคุณป้าเคยพูดว่าพี่เชนถูกคนรักบอกเลิกไป โดยที่ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงและตอนนั้นพี่เชนก็เสียศูนย์มากกว่าจะกลับมาตั้งหลักได้อีกครั