ตอนนี้นางรู้แค่ว่ามีรายรับแค่เดือนละหนึ่งหมื่นหยวน บ้านหลังนี้มีบริเวณเลยสามารถเพาะปลูกเล็กๆน้อยๆ และเลี้ยงไก่เก็บกินไข่ได้ ประสบการณ์จากอยู่สถานสงเคราะห์ทำให้เธอรู้ว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างไร แต่การมีชีวิตน้อยๆ ที่เติบโตอย่างช้าๆ ก็เป็นความท้าทายให้หลินเหยาซื่อต้องลองสู้ดูสักตั้ง วันนี้เธอออกมาข้างนอกเพียงลำพัง อาศัยคำอธิบายของป้าฮุ่ยซิว หลายวันก่อนเอาฟิลม์มาล้างและที่ร้านนัดรับวันนี้ออกมารับภาพเอง ตั้งใจว่าจะเดินสำรวจบริเวณนี้ ถ้าอยู่ในปี2023 เธอมีวุฒิปริญญาตรีก็ยังพาหางานทำได้ไม่ยาก แต่ที่นี่เธอจบแค่มัธยมปลาย แม้อาจสูงกว่าคนทั่วไปแต่ก็ยังนับว่าเป็นอุปสรรคในการหางานทำอยู่ดี เอาเถอะ อย่างน้อยก็ยังมี ‘บ้าน’ อยู่ ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า แค่นี้ก็ประหยัดไปได้มากแล้ว
หญิงสาวเดินตรงไปที่ร้านอัดรูป เพียงผลักบานประตูก็ได้ยินเสียงกรุ๋งกริ๋ง ในร้านมีลูกค้าสาวอยู่ก่อนแล้ว เจ้าของร้านเห็นลูกค้าก็ยิ้มกว้างออกมาต้อนรับอย่างดี ดีเสียจนหลินเหยาซื่อนึกแปลกใจ
“มารับรูปค่ะ” เธอเอ่ยบอกแล้วยื่นบัตรนัดรูปไว้ เจ้าของหยิบซองใส่ภาพพร้อมฟิล์มที่ล้างแล้วส่งให้ เธอดูภาพเพื่อตรวจสอบความถูกต้องไม่สลับกับของคนอื่น เป็นภาพที่ถ่ายวันไปสวนสนุก แค่เห็นรอยยิ้มของสองแฝดก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้
“คุณผู้หญิงถ่ายรูปได้สวยมาก คงพอมีความรู้ด้านมุมกล้องใช่ไหมครับ” เจ้าของร้านชวนคุย
“นิดหน่อยค่ะ” หลินเหยาซื่อเคยเรียนถ่ายภาพเป็นคอร์สสั้นๆ แต่ตอนนั้นใช้กล้องดิจิตอล ไม่เหมือนตอนนี้ที่ใช้กล้องฟิล์ม ก่อนไปเที่ยวเธอต้องลองหยิบจับปรับโฟกัสให้คุ้นมือเสียก่อน กลัวว่าจะถ่ายภาพเสีย แล้วหลินเหยาซื่อก็ต้องทำตาโตเมื่อเจ้าของร้านหยิบรูปถ่ายขนาดใหญ่ส่งให้เธอดู
“ฉันไม่ได้สั่งอัดภาพขนาดใหญ่นี่คะ” เธอทักท้วงแต่เห็นภาพสามคนแม่ลูกแบบนี้แล้วก็รู้สึกชอบ เหมาะแก่การขยาดใหญ่แล้วใส่กรอบสวยๆจริงๆ เอาเถอะ ถึงจะเหมือนมัดมือชกแต่ให้จ่ายเงินเพิ่มก็ยอม
“รูปนี้อัดให้ฟรี แต่ขอแลกกับการติดรูปประดับที่ร้านของเรา”
หลินเหยาซื่อเข้าใจความหมายในทันที เธอพอจะจำได้ในวัยเด็กเคยเดินผ่านร้านล้าง-อัดรูป จะมีภาพติดที่หน้าร้าน
“เข้าใจแล้วค่ะ จะติดที่ไหนคะ”
“หน้าร้านเลย” เจ้าของร้านยิ้มกว้าง “รูปสวยมากจริงๆ ให้ช่างภาพที่ไหนถ่ายให้หรือครับ”
“ถ่ายเองค่ะ” หลินเหยาซื่อยิ้มกว้าง วันนั้นที่สวนสนุก เธออยากถ่ายรูปหมู่ครอบครัวแต่ป้าฮุ่ยซิวเกรงอกเกรงใจไม่ยอมถ่ายรูปด้วย เธอก็เลยตั้งกล้องถ่ายรูปสามคนแม่ลูก จำได้ว่าในบ้านมีแต่รูปตอนที่จางหย่งจางลี่ยังเด็กกว่านี้ ตอนนี้เธอเป็นแม่ของพวกเขาแล้ว จะถ่ายรูปเด็กๆ ทุกช่วงวัย ไม่เหมือนเธอที่แทบไม่มีรูปตอนเด็กเลย
ไม่รู้ว่าการสนทนาของเธอกับเจ้าของร้านเรียกความสนใจจากลูกค้าอีกคน หล่อนยื่นหน้ามองแล้วที่รูป
“สวยจริงๆ” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น “เสื้อผ้านี่เก๋เชียว ไม่ทราบว่าซื้อจากห้างร้านไหนเหรอ”
“ตัดเองค่ะ” หลินเหยาซื่อหัวเราะเขินๆ
“ว้าว! ยอดเลย! ฉันชอบมาก ไม่เคยเห็นชุดเป็นเซ็ตแม่ลูกแบบนี้ที่ไหนเลย”
เสียงร้องชื่นชมจริงใจทำเอาหลินเหยาซื่อแทบตัวลอย
“ขอโทษที ฉันชื่อหวังเข่อซิง เพิ่งย้ายมาอยู่เมืองนี้ได้เดือนกว่าๆนี้เอง” หวังเข่อซิงแนะนำตัวเอง
“ฉันหลินเหยาซื่อค่ะ”
“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เสื้อผ้าที่เธอใส่ดูสะดุดตามากทีเดียว นี่ก็ตัดเองเหรอ”
“ค่ะ” หลินเหยาซื่อก้มมองตัวเอง วันนี้ใส่ชุดเดรสกระโปรงยาวคลุมเข่า ใช้ผ้าเย็บเป็นเข็มขัดเส้นใหญ่รัดใต้ฐานอก ขับเน้นรูปร่างได้สัดส่วนแต่ไม่เย้ายวนจนเกินไป เธอไม่ชอบใส่รองเท้าส้นสูงจึงสวมแบบส้นเตี้ยซึ่งในบ้านก็มีหลายคู่นับได้ว่ารสนิยมเดียวกัน
“เธอเป็นช่างเย็บผ้าเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ แต่ชอบค่ะ”
“แล้วได้เสื้อมาจากไหนเหรอ”
“ออกแบบเองค่ะ”
“ว้าว! สุดยอด” หวังเข่อซิงร้องแล้วกวาดตามอง “สวยเก๋แปลกตาจริงๆ เอาจริงๆนะ ฉันมีร้านที่ตัดเย็บเสื้อผ้าได้ประณีต แต่การออกแบบไม่ถูกใจเลย ต่อให้เปิดแมกกาซีนฝรั่งก็ยังทำไม่ได้”
“มันอยู่ที่การสร้างแพทเทิร์นด้วยค่ะ”
“นั้นแหละๆ”
ในบ้านไม่มีกระดาษสำหรับเขียนแพทเทิร์นหรือแบบสำหรับตัดเย็บเสื้อผ้า ตอนนั้นเธอจึงใช้กระดาษหนังสือพิมพ์แทน ใช้แก้ขัดไปก่อน ตอนที่อยู่สถานสงเคราะห์ เธอได้ฝึกวิชาชีพมาบ้างก็เลยทำได้ไม่ยากนัก ก็ใช่สิ เหยาซื่อคือมนุษย์เป็ด ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่ได้ดีสักอย่าง
“นี่ถ้าฉันให้ออกแบบเสื้อผ้าเอาแบบชุดพ่อแม่ลูกแบบนี้บ้างจะได้ไหม”
“คะ?”
“ตายจริง ฉันก็ใจร้อน พอเห็นอะไรถูกใจก็กลัวจะหลุดมือ” หวังเข่อซิงหัวเราะคิกคัก “เอาอย่างนี้ เรานัดเจอกันก็ได้ อีกสองวันเจอกันที่ค๊อฟฟี่ช็อป สักสิบโมงเป็นอย่างไร ฉันไปส่งลูกสาวเรียนบัลเล่ต์แล้วก็พอมีเวลาอยู่บ้าง”
“คุณนายหวังเป็นเจ้าของตึกแถวมุมถนนนั้นไง เชื่อถือได้” เจ้าของร้านถ่ายรูปช่วยยืนยัน
ได้ยินแบบนี้แล้วหลินเหยาซื่อจึงพยักหน้ารับทันที “ได้ค่ะ สิบโมงเช้าเจอกันนะคะ”
“จ๊ะ ฉันจะรอนะ”
ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อย หลินเหยาซื่อจ่ายค่าอัดรูปแล้วจึงเดินออกมา ใบหน้าหวานยิ้มระรื่น เธอเดินตรงไปที่ร้านขายเครื่องเขียน ตั้งใจไว้ว่าจะซื้ออุปกรณ์ฝึกเขียนอักษร จางหย่งจางลี่อายุสามขวบแล้ว นิ้วมือเล็กๆ ควรได้รับการฝึกฝนจับดินสอและปั้นดินน้ำมัน เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
หญิงสาวเลือกอุปกรณ์ที่ต้องการ เหลือบไปเห็นสมุดสเก็ตช์ภาพ เธอลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจหยิบมาพร้อมดินสอหลายขนาด มันนานมากแล้วที่มนุษย์เป็ดอย่างเหยาซื่อเคยวาดรูป แต่ถ้าได้รื้อฟื้นเสียหน่อย เธอเชื่อว่าต้องทำได้อย่างแน่นอน นั้นคือจุดแข็งของมนุษย์เป็ดที่ชื่อเหยาซื่อ
หญิงสาวเดินบนถนนเส้นเดิม มุ่งหน้ากลับบ้านด้วยรถโดยสาร เธอเดินผ่านร้านล้างอัดรูปอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ เจ้าของร้านกำลังนำรูปของเธอกับลูกชายหญิงฝาแฝดมาติดที่หน้าร้าน เธออดหยุดยืนมองไม่ได้ ใบหน้าของเด็กฝาแฝดที่ยิ้มกว้างจนดวงตาเป็นประกาย ด้านหลังเป็นภาพเครื่องเล่นในสวนสนุก รอยยิ้มเปี่ยมสุขนี่แหละ ที่จะเป็นแรงผลักดันในให้เธอใช้ชีวิตใหม่ในยุค80นี้ให้มีความสุข
เจ้าของร่างเพรียวบางเดินจากไปแล้ว โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองจนแผ่นหลังของหญิงสาวหายลับตาไป ทว่าภาพครอบครัวสุขสันต์ที่อยู่หน้าร้านถ่ายรูป ที่มองอย่างไรก็รู้ว่านี่เป็นรูปแม่และลูกชายหญิงฝาแฝด ภาพนี้ทำให้เจ้าของดวงตาคมเข้มคู่นั้นจ้องเขม็ง เขาขบฟันแน่นจนเป็นสันนูน
ผู้หญิงคนนั้นมีลูก! ลูกกับใครกัน!
“กั๋ว-จาง-หย่ง- กั๋ว-จาง-ลี่” หญิงสาวพูดพลางให้เด็กๆ จับดินสอเขียนชื่อตัวเอง นิ้วมือเล็กๆ จับดินสออย่างตั้งใจ หลายวันก่อนซื้ออุปกรณ์สำหรับฝึกเขียนอักษร รวมทั้งหนังสือคัดอักษร เด็กแฝดทั้งสองหัวไวกว่าที่เธอคิดไว้มาก ซ้ำยังสนุกกับการขีดๆ เขียนๆ รวมทั้งวาดรูปจนเลอะเทอะให้ป้าฮุ่ยชิวบ่นอุบอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้บ้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ“เดี๋ยวฉันเย็บผ้ากันเปื้อนให้เด็กๆใส่แล้วกัน เวลาเด็กๆ ทำเลอะจะได้ไม่เลอะไปถึงเสื้อผ้า”“ก็ดีเจ้าค่ะ”ป้าฮุ่ยชิวหัวเราะเบาๆ นางก็บ่นไปอย่างนั้น แต่บ้านที่มีเสียงหัวเราะแบบนี้สิ ถึงจะเป็นบ้าน นางทำงานที่นี่ตั้งแต่สาวยันแก่ บรรยากาศในบ้านมักจะเงียบนิ่งเสมอ แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ก็ตาม วันๆ คุณนายก็เอาแต่ตามหาสามีที่หายไป นางเข้าใจคนมั่นในรักอย่างหลินเหยาซื่อ แต่สามีที่หายไปสามปี หากยังมีชีวิตอยู่ก็ควรกลับมาหาลูกหาเมียสิ แต่นี่หายไปไร่ร่องรอยเหมือนคนไม่ต้องการกลับมาที่นี่อีก แต่หลังจากคุณนายฟื้นขึ้นก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เลิกตามหาคุณผู้ชาย และทุ่มเทดูแลคุณหนูคุณชายน้อยทั้งสอง เห็นเช่นนี้แล้วนางก็พลอยดีใจกับคุณหนูทั้งสองที่ได้มารดากลับคืน“หลิ
“กั๋วซีฮัน...” หลินเหยาซื่อพยักหน้ารับ เธอพอนึกออกอยู่บ้างเพราะในสมุดบันทึกของ ‘หลินเหยาซื่อ’ มีเขียนถึงกั๋วซีฮันซึ่งเป็นพี่ชายของกั๋วคังเหริน “ป้าฮุ่ยซิวพาเด็กๆไปกินขนมก่อนนะคะ ฉันจะดูแลคุณ เอ่อ พี่ซีฮันเอง” กั๋วซีฮันมองหญิงสาวที่พูดคุยกับเด็กฝาแฝดที่ลอบมองทางเขาก่อนสะบัดหน้าเดินไปพร้อมกับแม่บ้าน ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มซ่อนความชิงชังไว้อย่างมิดชิด เด็กสองคนนั้นหน้าตาคล้าย ‘กั๋วคังเหริน’ เสียเหลือเกิน ใครจะรู้ว่าไอ้ไก่อ่อนอย่างกั๋วคังเหรินจะทิ้งทายาทไว้ให้เป็นเสี้ยนหนามชีวิตอีก “พี่ซีฮัน รับน้ำชานะคะ” เธอเอ่ยถามแต่ตัวเองเดินไปรินน้ำร้อนใส่กาน้ำชาเรียบร้อยแล้ว “ให้พี่ช่วยดีกว่าครับ” กั๋วซีฮันปาดเข้าไปยกถาดน้ำชาด้วยตนเอง “เรานั่งที่เก้าอี้สนามหน้าบ้านดีไหม” “ค่ะ” หยินเหยาซื่อพยักหน้ารับ เธอไม่อยากอยู่กับผู้ชายสองต่อสองในบ้านอยู่พอดี พอเขาเสนอให้ไปนั่งด้านนอกก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง “ต้องขอโทษด้วยนะคะ ช่วงที่ไม่สบายหลับไปหลายวัน ตื่นมาอีกทีก็มึนๆ งงๆ จำใครไม่ค่อยได้” “น้องเหยาซื่อไปหาหมอหรือยัง ให้คุณหมอตรวจร่างกายหน่อยดีไหมครับ”
หลินเหยาซื่อตรวจดูของในกระเป๋าแล้วก้าวออกจากบ้าน เธอสำรวจเส้นทางจนคุ้นชินไม่จำเป็นต้องเรียกแท็กซี่แล้ว การใช้รถโดยสารก็ไม่ได้ลำบากอะไร การแต่งตัวที่โดดเด่นสะดุดตากลายเป็นเป้าสายตาอยู่บ้าง แต่เธอก็เลือกที่จะเชิดใบหน้าขึ้น หญิงสาวมาถึงค๊อฟฟี่ช็อฟก่อนเวลาเล็กน้อย เธอเลือกโต๊ะที่นั่งสบายและมองเห็นประตูทางเข้า สั่งกาแฟร้อนให้ตัวเองแล้วนั่งกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนรับงานเป็นตัวประกอบ เธอก็เคยทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านกาแฟขณะคิดอะไรเพลินๆ ร่างของหวังเข่อซิงก็เดินเข้ามา หลินเหยาซื่อลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม หวังเข่อซิงเดินเข้ามาใกล้แล้วจับไหล่ของหญิงสาวไว้ กวาดสายตามองพร้อมรอยยิ้ม “สวยมากจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าแค่เปลี่ยนลวดลายก็ดูสวยแปลกตาขึ้น” “ขอบคุณค่ะ” “มาๆ นั่งก่อน” หวังเข่อซิงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่ม “เค้กร้านนี้อร่อยนะคะ ซื้อไปฝากเด็กๆที่บ้านก็ได้นะ” หลินเหยาซื่อใจชื้นขึ้น ดูท่าทางหวังเข่อซิงจะเป็นคนคุยง่ายอยู่เหมือนกัน “วันนี้ฉันเอาแบบร่างเสื้อผ้ามาให้ดูค่ะ เผื่อว่ามาดามจะชอบ” หวังเข่อซิง
หลินเหยาซื่อทำแป้งโดว์ให้เด็กทั้งสองเล่นและสอนปั้นเป็นรูปทรงต่างๆ จางหย่ง จางลี่ ต่างก็ชื่นชอบกันมาก “ไม่คิดว่าแป้งสาลี่จะเอามาทำแป้งปั้นแบบนี้ได้นะคะ” “ใช้ดีกว่าดินน้ำมันอีก” หลินเหยาซื่อหัวเราะคิกคัก นั่งมองเด็กๆ ปั้นแป้งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ “ให้เด็กๆ เล่นหน้าบ้านสักยี่สิบนาทีแล้วพาเข้าบ้านนะคะ ฉันจะไปทำงานก่อน” “เจ้าค่ะ คุณผู้หญิง” ป้าฮุ่ยชิวนั่งดูเด็กๆ ปั้นดิน ตอนนี้หลินเหยาซื่อใช้ห้องนั่งเล่นเป็นห้องทำงานตัดเย็บเสื้อผ้าตัวอย่าง จึงไม่อยากให้เด็กๆ เข้าไปรบกวนเวลาทำงาน “ไข่ น้องไก่ไข่แล้วไปเก็บไข่กัน” จางลี่พูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแม่ไก่ร้องกระต๊ากๆ “เก็บไข่ๆ” จางหย่งพูดขึ้นและทำท่าจะวิ่งไปที่เล้าไก่ใกล้ๆ “ใจเย็นๆค่ะคุณหนูคุณชาย” ป้าฮุ่ยชิวหัวเราะออกมา จางลี่เป็นผู้หญิงแต่นิสัยใจกล้าอยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็กผู้ชาย แต่จางหย่งเป็นเด็กชายกลับนิสัยอ่อนโยนว่าง่ายราวเด็กผู้หญิง “เดี๋ยวป้าเก็บเอง คุณๆ รออยู่ตรงนี้ อ้อ เล่นลูกบอลนี้ก็ได้ค่ะ” ป้าฮุ่ยชิวส่งลูกบอลให้จางหย่งแล้วเดินไปทางเล้าไก่ คร
เพียงเดินเข้ามาในบ้าน กั๋วคังเหรินพลันรู้สึกได้สัมผัสความคุ้นเคยที่ห่างหายไปนาน เขาปรายตามองไปยังชั้นผนังห้องด้านหนึ่ง เป็นรูปวาดสเก็ตภาพด้วยดินสอ เป็นรูปครอบครัวสี่คนพ่อแม่และลูกแฝดทั้งสอง ภาพงานแต่งงานยังคงประดับอยู่ที่ผนังห้อง รูปภาพเหล่านั้นไม่มีฝุ่นเกาะเลยสักนิด แสดงว่าถูกทำความสะอาดหรือหยิบดูบ่อยๆ นี่คงเป็นเหตุผลที่เด็กสองคนที่ไม่เคยเห็นตัวจริงของเขา แต่กลับเรียกเขาว่าพ่อได้เต็มปากเต็มคำ“คุณหนู คุณชาย มาทางนี้ก่อนค่ะ”ป้าฮุ่ยชิวพยักหน้าเรียกเด็กทั้งสอง แต่จางหย่งกอดคอชายหนุ่มแน่นไม่ยอมปล่อย จางลี่มองด้วยตาแดงๆ อยากกอดคุณพ่อบ้าง หลินเหยาซื่อเกรงว่าเด็กจะร้องไห้ออกมาเลยส่งลูกให้ป้าฮุ่ยชิว“หย่งหย่ง ลี่ลี่ อยู่กับคุณป้าก่อนนะคะ คุณ...เอ่อ...คุณพ่อไม่ไปไหนหรอกค่ะ เราสัญญากันว่าจะไม่ดื้อและเชื่อฟังแม่ใช่ไหม”เด็กสองคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้ารับ จางหย่งยอมปล่อยมือแล้วเดินไปจับมือกับจางลี่ที่ยังมองใบหน้าของผู้ชายที่เหมือนในรูปถ่ายก่อนจะจับมือป้าฮุ่ยชิวไปในครัวเมื่อไม่มีคนอื่นแล้ว หยินเหยาซื่อจึงจ้องมองชายคนหน้าเต็มตา เช่นเดียวกับกั๋วคังเหริน ที่กวาดสายตามองหญิงสาวตรงหน้า ไม่เจอกันเ
แนะนำตัวละครหลินเหยาซื่อ : อายุ 22 ปี อาชีพนักแสดงตัวประกอบ กั๋วคังเหริน : อายุ 28 ปี ประธานกั๋วผู้บริหารบริษัทหลินกรุ๊ฟกั๋วจางหย่ง ( กล้าหาญ ) กั๋วจางลี่ / ( งดงาม) : ลูกแฝดชายหญิงวัย 3 ขวบ ป้าฮุ่ยชิว : ป้าแม่บ้านที่อยู่มานาน 'ตัวประกอบ' คือนักแสดงที่แทบไม่เคยอยู่ในสายตาคนดูคนเราล้วนเป็นตัวประกอบในชีวิตของกันและกันอาจแค่เคยเดินผ่านมาในชีวิตใครสักคนเพื่อให้ฉากในวันนั้นสมบูรณ์แบบและในขณะเดียวกัน คนที่เล่นเป็นตัวประกอบในชีวิตคนอื่น ก็เล่นเป็นนางเอก(พระเอก)ในชีวิตของตัวเอง ทันทีที่ตัดสินใจลืมตา ภาพแรกที่เห็นคือเด็กน้อยสองคนที่หน้าตาคล้ายกันจนเหมือนพิมพ์เดียวกันนั่งจ้องหน้าด้วยแววตาวิตกกังวล มันไม่ใช่แววตาที่เด็กสามขวบควรมี ทำให้เธอตัดสินใจยื่นมือไปคว้าเอาเด็กสองคนมากอดแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ เสียงหัวเราะคิกคักจึงดังขึ้น “แม่ตื่นแล้ว” หญิงสาวบอกกับเด็กน้อยที่ตอนนี้ปีนขึ้นเตียงเธอเรียบร้อยแล้ว “ทำไมลูกๆ ตื่นเช้ากันจัง หรือว่าหิวกันแล้ว” “หม่ำๆ” “ขอโทษนะ แม่ตื่นสายเอง” เธอจุ๊บแก้มนุ่มๆ ของเด็กๆ ไม่กี่นาทีต่อมา แม่บ้านวัยห้าสิบก
ภายนอกเขาคือสามีที่ใส่ใจภรรยา แต่เรื่องในบ้านไม่มีใครรู้ และยิ่งทุกอย่างกลายเป็นความดำมืดที่ไม่มีใครล่วงรู้ก็คือ วันหนึ่งฮุ่ยชิวรับโทรศัพท์จากตำรวจซึ่งแจ้งว่าพบรถยนต์ของคุณกั๋วคังเหรินตกเขา สภาพรถพังเสียหาย ในที่เกิดเหตุพบศพหญิงสาวที่มาทราบภายหลังว่าเป็นนักร้องไนท์คลับแห่งหนึ่ง แต่ไม่พบร่างของกั๋วคังเหริน ไม่มีใครรู้ความสัมพันธ์ของกั๋วคังเหรินกับผู้หญิงคนนั้น แต่แน่นอนว่าข่าวที่ออกไปไม่ดีนัก ในปีนั้นเองที่หลินเหยาซื่อตั้งครรภ์อ่อนๆ เธอเองก็ไม่รู้ว่ากั๋วคังเหรินรู้หรือไม่ว่าภรรยาสาวตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว หญิงสาวเดินเข้าในห้องครัว เด็กชายหญิงหน้าตาละม้ายคล้ายกันหันมามองแล้วสิ่งยิ้มกว้าง เด็กทั้งสองนั่งแกว่งเท้าไปมาบนเก้าอี้เด็ก หลินเหยาซื่อส่งยิ้มกว้าง เดินไปคว้าผ้ากันเปื้อนมาคาดเอวอย่างรวดเร็วและเตรียมลงมือป้อนอาหารเช้าให้เด็กทั้งสอง“คุณผู้หญิงค่ะ ไก่ที่สั่งไว้มาส่งแล้วนะคะ”“ไก่มาแล้วหรือ?” เธอหันไปมองนาฬิกา “มาแต่เช้าเลยรึ? หรือว่าฉันตื่นสาย”ป้าฮุ่ยชิวแอบค้อนเข้าให้ “คุณผู้หญิงไม่น่าให้เงินไปก่อนเลยเจ้าค่ะ คราวหน้าคราวหลังได้ของแล้วค่อยให้เงินนะเจ้าค่ะ”“แค่ไก่ไม่กี่ตัว เขาคง
“คุณนายค่ะ ให้คนยกจักรเย็บผ้าออกมาให้แล้วค่ะ”“ขอบใจจ๊ะ” หลินเหยาซื่อตื่นจากภวังค์ เธอไม่มีเวลามาสนใจผู้ชายที่หายไปคนนั้น หญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วจูงมือเด็กทั้งสองคนไปที่ห้องนั่งเล่น บ้านหลังนี้กว้างขวางดี ด้านหลังที่เคยเป็นสวนดอกไม้ เธอก็จ้างคนมาทำเสียใหม่ มีเล้าไก่เล็กๆ และทำแปลงผัก ป้าฮุ่ยชิวเล่าว่าแต่ก่อนบ้านนี้ก็มีคนรับใช้มากมาย เรื่องคนสวนแทบไม่มีปัญหาเลย แต่หลังจากนายท่านใหญ่เสียชีวิตและคุณผู้ชายหายตัวไป การเงินในบ้านขัดสน จำต้องให้คนรับใช้ทยอยออกกันไป แต่เมื่อต้องการใช้งาน หลินเหยาซื่อจะจ้างเป็นรายวัน ป้าฮุ่ยชิวไปตามคนสวนเก่ามาช่วยทำแปลงผักให้คุณนาย ใช้เวลาแค่สองวันก็ได้ตามที่เหยาซื่อต้องการ“คุณนายไม่เสียดายหรือเจ้าคะ” ป้าฮุ่ยชิวอดถามไม่ได้“มีอะไรให้เสียดายกันเล่า” เหยาซื่อหัวเราะเสียงใสขณะจูงมือเด็กฝาแฝดไปดูเล้าไก่ แม่ไก่สามตัวและพ่อไก่หนึ่งตัว อีกไม่นานก็จะเก็บไข่กินได้“ปล่อยไว้ไม่ได้ใช้ประโยชน์มันน่าเสียดายมากกว่า”ป้าฮุ่ยชิวเป็นคนเก่าคนแก่ ซ้ำยังไม่รู้หนังสือ ชีวิตเหลือตัวคนเดียว เมื่อหลินเหยาซื่อสั่งให้ทำอะไร นางก็ลงมือทำทันทีแม้จะมีคำถามในใจอยู่บ้างก็ตาม จักรเย็บผ้า