แชร์

ตอนที่ 5 หลินเหยาซื่อ – มนุษย์เป็ด

            ตอนนี้นางรู้แค่ว่ามีรายรับแค่เดือนละหนึ่งหมื่นหยวน บ้านหลังนี้มีบริเวณเลยสามารถเพาะปลูกเล็กๆน้อยๆ และเลี้ยงไก่เก็บกินไข่ได้ ประสบการณ์จากอยู่สถานสงเคราะห์ทำให้เธอรู้ว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างไร แต่การมีชีวิตน้อยๆ ที่เติบโตอย่างช้าๆ ก็เป็นความท้าทายให้หลินเหยาซื่อต้องลองสู้ดูสักตั้ง วันนี้เธอออกมาข้างนอกเพียงลำพัง อาศัยคำอธิบายของป้าฮุ่ยซิว หลายวันก่อนเอาฟิลม์มาล้างและที่ร้านนัดรับวันนี้ออกมารับภาพเอง ตั้งใจว่าจะเดินสำรวจบริเวณนี้ ถ้าอยู่ในปี2023 เธอมีวุฒิปริญญาตรีก็ยังพาหางานทำได้ไม่ยาก แต่ที่นี่เธอจบแค่มัธยมปลาย แม้อาจสูงกว่าคนทั่วไปแต่ก็ยังนับว่าเป็นอุปสรรคในการหางานทำอยู่ดี    เอาเถอะ อย่างน้อยก็ยังมี ‘บ้าน’ อยู่ ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า แค่นี้ก็ประหยัดไปได้มากแล้ว

            หญิงสาวเดินตรงไปที่ร้านอัดรูป เพียงผลักบานประตูก็ได้ยินเสียงกรุ๋งกริ๋ง ในร้านมีลูกค้าสาวอยู่ก่อนแล้ว  เจ้าของร้านเห็นลูกค้าก็ยิ้มกว้างออกมาต้อนรับอย่างดี ดีเสียจนหลินเหยาซื่อนึกแปลกใจ

            “มารับรูปค่ะ”  เธอเอ่ยบอกแล้วยื่นบัตรนัดรูปไว้ เจ้าของหยิบซองใส่ภาพพร้อมฟิล์มที่ล้างแล้วส่งให้  เธอดูภาพเพื่อตรวจสอบความถูกต้องไม่สลับกับของคนอื่น เป็นภาพที่ถ่ายวันไปสวนสนุก แค่เห็นรอยยิ้มของสองแฝดก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้

            “คุณผู้หญิงถ่ายรูปได้สวยมาก คงพอมีความรู้ด้านมุมกล้องใช่ไหมครับ”  เจ้าของร้านชวนคุย

            “นิดหน่อยค่ะ”  หลินเหยาซื่อเคยเรียนถ่ายภาพเป็นคอร์สสั้นๆ แต่ตอนนั้นใช้กล้องดิจิตอล ไม่เหมือนตอนนี้ที่ใช้กล้องฟิล์ม ก่อนไปเที่ยวเธอต้องลองหยิบจับปรับโฟกัสให้คุ้นมือเสียก่อน กลัวว่าจะถ่ายภาพเสีย   แล้วหลินเหยาซื่อก็ต้องทำตาโตเมื่อเจ้าของร้านหยิบรูปถ่ายขนาดใหญ่ส่งให้เธอดู

            “ฉันไม่ได้สั่งอัดภาพขนาดใหญ่นี่คะ”  เธอทักท้วงแต่เห็นภาพสามคนแม่ลูกแบบนี้แล้วก็รู้สึกชอบ เหมาะแก่การขยาดใหญ่แล้วใส่กรอบสวยๆจริงๆ เอาเถอะ ถึงจะเหมือนมัดมือชกแต่ให้จ่ายเงินเพิ่มก็ยอม

            “รูปนี้อัดให้ฟรี แต่ขอแลกกับการติดรูปประดับที่ร้านของเรา” 

            หลินเหยาซื่อเข้าใจความหมายในทันที  เธอพอจะจำได้ในวัยเด็กเคยเดินผ่านร้านล้าง-อัดรูป จะมีภาพติดที่หน้าร้าน

            “เข้าใจแล้วค่ะ จะติดที่ไหนคะ”

            “หน้าร้านเลย” เจ้าของร้านยิ้มกว้าง “รูปสวยมากจริงๆ ให้ช่างภาพที่ไหนถ่ายให้หรือครับ”

            “ถ่ายเองค่ะ”  หลินเหยาซื่อยิ้มกว้าง  วันนั้นที่สวนสนุก เธออยากถ่ายรูปหมู่ครอบครัวแต่ป้าฮุ่ยซิวเกรงอกเกรงใจไม่ยอมถ่ายรูปด้วย เธอก็เลยตั้งกล้องถ่ายรูปสามคนแม่ลูก จำได้ว่าในบ้านมีแต่รูปตอนที่จางหย่งจางลี่ยังเด็กกว่านี้  ตอนนี้เธอเป็นแม่ของพวกเขาแล้ว จะถ่ายรูปเด็กๆ ทุกช่วงวัย ไม่เหมือนเธอที่แทบไม่มีรูปตอนเด็กเลย

            ไม่รู้ว่าการสนทนาของเธอกับเจ้าของร้านเรียกความสนใจจากลูกค้าอีกคน หล่อนยื่นหน้ามองแล้วที่รูป

            “สวยจริงๆ”  หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น “เสื้อผ้านี่เก๋เชียว ไม่ทราบว่าซื้อจากห้างร้านไหนเหรอ”

            “ตัดเองค่ะ”  หลินเหยาซื่อหัวเราะเขินๆ

            “ว้าว! ยอดเลย! ฉันชอบมาก ไม่เคยเห็นชุดเป็นเซ็ตแม่ลูกแบบนี้ที่ไหนเลย”

เสียงร้องชื่นชมจริงใจทำเอาหลินเหยาซื่อแทบตัวลอย 

“ขอโทษที ฉันชื่อหวังเข่อซิง เพิ่งย้ายมาอยู่เมืองนี้ได้เดือนกว่าๆนี้เอง”    หวังเข่อซิงแนะนำตัวเอง

“ฉันหลินเหยาซื่อค่ะ” 

“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เสื้อผ้าที่เธอใส่ดูสะดุดตามากทีเดียว นี่ก็ตัดเองเหรอ”

“ค่ะ”  หลินเหยาซื่อก้มมองตัวเอง วันนี้ใส่ชุดเดรสกระโปรงยาวคลุมเข่า ใช้ผ้าเย็บเป็นเข็มขัดเส้นใหญ่รัดใต้ฐานอก ขับเน้นรูปร่างได้สัดส่วนแต่ไม่เย้ายวนจนเกินไป เธอไม่ชอบใส่รองเท้าส้นสูงจึงสวมแบบส้นเตี้ยซึ่งในบ้านก็มีหลายคู่นับได้ว่ารสนิยมเดียวกัน

“เธอเป็นช่างเย็บผ้าเหรอ”

“ไม่ใช่ค่ะ แต่ชอบค่ะ”

“แล้วได้เสื้อมาจากไหนเหรอ”

“ออกแบบเองค่ะ”

“ว้าว! สุดยอด” หวังเข่อซิงร้องแล้วกวาดตามอง “สวยเก๋แปลกตาจริงๆ เอาจริงๆนะ ฉันมีร้านที่ตัดเย็บเสื้อผ้าได้ประณีต แต่การออกแบบไม่ถูกใจเลย ต่อให้เปิดแมกกาซีนฝรั่งก็ยังทำไม่ได้”

“มันอยู่ที่การสร้างแพทเทิร์นด้วยค่ะ”

“นั้นแหละๆ”

ในบ้านไม่มีกระดาษสำหรับเขียนแพทเทิร์นหรือแบบสำหรับตัดเย็บเสื้อผ้า ตอนนั้นเธอจึงใช้กระดาษหนังสือพิมพ์แทน ใช้แก้ขัดไปก่อน ตอนที่อยู่สถานสงเคราะห์ เธอได้ฝึกวิชาชีพมาบ้างก็เลยทำได้ไม่ยากนัก ก็ใช่สิ เหยาซื่อคือมนุษย์เป็ด ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่ได้ดีสักอย่าง

“นี่ถ้าฉันให้ออกแบบเสื้อผ้าเอาแบบชุดพ่อแม่ลูกแบบนี้บ้างจะได้ไหม”

“คะ?”

“ตายจริง ฉันก็ใจร้อน พอเห็นอะไรถูกใจก็กลัวจะหลุดมือ”  หวังเข่อซิงหัวเราะคิกคัก “เอาอย่างนี้ เรานัดเจอกันก็ได้ อีกสองวันเจอกันที่ค๊อฟฟี่ช็อป สักสิบโมงเป็นอย่างไร ฉันไปส่งลูกสาวเรียนบัลเล่ต์แล้วก็พอมีเวลาอยู่บ้าง”

“คุณนายหวังเป็นเจ้าของตึกแถวมุมถนนนั้นไง เชื่อถือได้”  เจ้าของร้านถ่ายรูปช่วยยืนยัน

            ได้ยินแบบนี้แล้วหลินเหยาซื่อจึงพยักหน้ารับทันที “ได้ค่ะ สิบโมงเช้าเจอกันนะคะ”

            “จ๊ะ ฉันจะรอนะ”

            ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อย หลินเหยาซื่อจ่ายค่าอัดรูปแล้วจึงเดินออกมา ใบหน้าหวานยิ้มระรื่น เธอเดินตรงไปที่ร้านขายเครื่องเขียน ตั้งใจไว้ว่าจะซื้ออุปกรณ์ฝึกเขียนอักษร  จางหย่งจางลี่อายุสามขวบแล้ว นิ้วมือเล็กๆ ควรได้รับการฝึกฝนจับดินสอและปั้นดินน้ำมัน เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง

หญิงสาวเลือกอุปกรณ์ที่ต้องการ เหลือบไปเห็นสมุดสเก็ตช์ภาพ เธอลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจหยิบมาพร้อมดินสอหลายขนาด มันนานมากแล้วที่มนุษย์เป็ดอย่างเหยาซื่อเคยวาดรูป แต่ถ้าได้รื้อฟื้นเสียหน่อย เธอเชื่อว่าต้องทำได้อย่างแน่นอน  นั้นคือจุดแข็งของมนุษย์เป็ดที่ชื่อเหยาซื่อ

            หญิงสาวเดินบนถนนเส้นเดิม มุ่งหน้ากลับบ้านด้วยรถโดยสาร เธอเดินผ่านร้านล้างอัดรูปอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ เจ้าของร้านกำลังนำรูปของเธอกับลูกชายหญิงฝาแฝดมาติดที่หน้าร้าน เธออดหยุดยืนมองไม่ได้ ใบหน้าของเด็กฝาแฝดที่ยิ้มกว้างจนดวงตาเป็นประกาย ด้านหลังเป็นภาพเครื่องเล่นในสวนสนุก รอยยิ้มเปี่ยมสุขนี่แหละ ที่จะเป็นแรงผลักดันในให้เธอใช้ชีวิตใหม่ในยุค80นี้ให้มีความสุข

            เจ้าของร่างเพรียวบางเดินจากไปแล้ว โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองจนแผ่นหลังของหญิงสาวหายลับตาไป ทว่าภาพครอบครัวสุขสันต์ที่อยู่หน้าร้านถ่ายรูป ที่มองอย่างไรก็รู้ว่านี่เป็นรูปแม่และลูกชายหญิงฝาแฝด  ภาพนี้ทำให้เจ้าของดวงตาคมเข้มคู่นั้นจ้องเขม็ง เขาขบฟันแน่นจนเป็นสันนูน

ผู้หญิงคนนั้นมีลูก! ลูกกับใครกัน!

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status