“กั๋ว-จาง-หย่ง- กั๋ว-จาง-ลี่”
หญิงสาวพูดพลางให้เด็กๆ จับดินสอเขียนชื่อตัวเอง นิ้วมือเล็กๆ จับดินสออย่างตั้งใจ หลายวันก่อนซื้ออุปกรณ์สำหรับฝึกเขียนอักษร รวมทั้งหนังสือคัดอักษร เด็กแฝดทั้งสองหัวไวกว่าที่เธอคิดไว้มาก ซ้ำยังสนุกกับการขีดๆ เขียนๆ รวมทั้งวาดรูปจนเลอะเทอะให้ป้าฮุ่ยชิวบ่นอุบอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้บ้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
“เดี๋ยวฉันเย็บผ้ากันเปื้อนให้เด็กๆใส่แล้วกัน เวลาเด็กๆ ทำเลอะจะได้ไม่เลอะไปถึงเสื้อผ้า”
“ก็ดีเจ้าค่ะ”
ป้าฮุ่ยชิวหัวเราะเบาๆ นางก็บ่นไปอย่างนั้น แต่บ้านที่มีเสียงหัวเราะแบบนี้สิ ถึงจะเป็นบ้าน นางทำงานที่นี่ตั้งแต่สาวยันแก่ บรรยากาศในบ้านมักจะเงียบนิ่งเสมอ แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ก็ตาม วันๆ คุณนายก็เอาแต่ตามหาสามีที่หายไป นางเข้าใจคนมั่นในรักอย่างหลินเหยาซื่อ แต่สามีที่หายไปสามปี หากยังมีชีวิตอยู่ก็ควรกลับมาหาลูกหาเมียสิ แต่นี่หายไปไร่ร่องรอยเหมือนคนไม่ต้องการกลับมาที่นี่อีก แต่หลังจากคุณนายฟื้นขึ้นก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เลิกตามหาคุณผู้ชาย และทุ่มเทดูแลคุณหนูคุณชายน้อยทั้งสอง เห็นเช่นนี้แล้วนางก็พลอยดีใจกับคุณหนูทั้งสองที่ได้มารดากลับคืน
“หลิน-เหยา-ซื่อ” หญิงสาวมองลายมือโยเยของลูกๆ ที่ฝึกเขียนชื่อของเธอ “เด็กๆ เก่งมากๆเลย”
“เด็กๆ?” ป้าฮุ่ยชิวหันไปมองอย่างแปลกใจ
“เด็กๆ ก็ลูกๆ ไง” หลินเหยาซื่อนึกได้ก็แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน เธอเลี้ยงเด็กจนชิน พอได้สวมบทคุณแม่ยังสาวก็ลืมไปบ้าง
“นี่ชื่อคุณแม่ นี่ชื่อจางลี่ นี่ชื่อจางหย่ง” เด็กหญิงตัวน้อยใช้นิ้วจิ้มๆไปที่ตัวอักษรตรงหน้า
“ชื่อคุณพ่อล่ะฮะ” จางหย่งเอียงคอมองอย่างสงสัย
“อ้อ! ชื่อคุณพ่อ”
หลินเหยาซื่อแย้มยิ้มแต่ในใจแอบก่นด่าผู้ชายคนนั้น เธอนั่งอ่านสมุดบันทึกของ ‘หลินเหยาซื่อ’ ทุกอย่างจดบันทึกอย่างละเอียด เรียกได้ว่า เธอซึ่งไม่เคยรู้จัก ‘ผู้ชายคนนั้น’ ก็พอจะนึกออกมาเป็นคนเย็นชามากแค่ไหน นอกจากขยันทำมาหากินดูแลกิจการในส่วนที่บิดามอบให้อย่างดีแล้ว เรื่องอื่นก็นึกไม่ออก ผู้หญิงดีๆ อย่างหลินเหยาซื่อทำไมถึงตกหลุมรักผู้ชายเย็นชาอย่างนั้นได้นะ ถ้าเป็นเธอนะเหรอ หาผู้ชายดีๆไม่ได้ก็อยู่โสดๆ สวยๆ และรวยๆ ดีกว่า
แต่เรื่องดีเรื่องเดียวที่เธอนึกออกก็คือ คู่แฝดสองคนนี้ ลูกชายหล่อ ลูกสาวสวย เห็นแล้วเจริญหูเจริญตาจริงๆ
“กั๋ว-คัง-เหริน”
หลินเหยาซื่อเขียนชื่อสามีที่เธอไม่นับเป็นสามี แอบกัดฟันกรอดอยู่ในใจทั้งที่ต้องฉีกยิ้มเปี่ยมสุข อย่างไรเขาเป็น ‘พ่อ’ ของเด็กแฝด เธอไม่ควรเอาความเกลียดชังของตัวเองไปยัดเหยียดใส่เด็ก...เอ่อ...ลูก
“กั๋ว-คัง-เหริน” จางลี่จางหย่งออกเสียงพร้อมกันแล้วค่อยๆ ลากเส้นเป็นชื่อของบิดา
“คุณแม่ฮะ เราชวนคุณพ่อไปสวนสนุกด้วยกันนะฮะ”
“ใช่ค่ะคุณแม่ พาคุณพ่อไปสวนสนุกด้วยนะคะ”
หลินเหยาซื่อยิ้มแข็งค้าง คงเพราะความรักอันเปี่ยมล้นของเจ้าของร่างนี้ที่มีต่อสามีในนามคนนั้น คงจะเล่าบรรยายแต่เรื่องดีงามทำให้ลูกๆ ถึงยิ้มทุกครั้งที่พูดถึงพ่อที่ไม่เคยเจอหน้า จะว่าไปก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย เธอจะไปทำลายมโนภาพของเด็กๆไม่ได้
“ได้จ๊ะ คุณพ่อกลับมาเราจะไปเที่ยวด้วยกัน”
“ในรูปถ่ายไม่มีรูปคุณพ่อเลย” จางลี่ทำเสียงเศร้า
“นั้นสิๆ ไม่มีรูปคุณพ่ออยู่กับพวกเราเลย”
ป้าฮุ่ยซิวสบตากับคุณผู้หญิง เด็กสามขวบอยู่ในวัยช่างถาม นางก็ไม่รู้จะช่วยอธิบายอย่างไรดี
หลินเหยาซื่อยังคงฉีกยิ้มอ่อนโยน ในยุคของเธอถ้ามีโน้ตบุ๊คสักเครื่อง เธอก็ตัดต่อภาพได้สบายๆ อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ เท่าที่มองเห็นก็มีเครื่องพิมพ์ดีดในบ้าน โทรทัศน์ขาวดำ แล้วก็โทรศัพท์บ้าน เธอเหลือบมองไปรอบตัวก็แล้วนึกได้
“ได้จ๊ะ” หลินเหยาซื่อตอบทันที ป้าฮุ่ยซิวถึงกับมีสีหน้าประหลาดใจ
“คุณผู้หญิงจะทำอย่างไรเจ้าคะ”
“ทำได้สิ ลูกๆก็ทำได้นะ” หลินเหยาซื่อพูดแล้วหยิบกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งมาวางตรงหน้า แล้วหยิบดินสอของลูกมาใช้ก่อน “เราก็วาดรูปคุณพ่อเพิ่มลงไปไงล่ะ”
“จริงด้วย เราวาดรูปคุณพ่อได้นี่น่า” จางลี่ทำตาโต
“วาดรูปๆ” จางหย่งพูดแล้วเดินไปหยิบสีไม้มาวางบนโต๊ะ
“ใช่แล้ว เราจะวาดรูปคุณพ่อกัน ลี่ลี่กับหย่งหย่งอยากให้คุณพ่ออยู่ตรงไหนเอ่ย”
“คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ตรงกลาง ลี่จะอยู่กับคุณพ่อ หย่งหย่งอยู่ข้างคุณแม่”
“ไม่เอาๆ หย่งหย่งจะอยู่กับคุณพ่อ!”
“ลี่ลี่จะอยู่กับคุณพ่อ!”
เด็กสองคนเริ่มแยกเขี้ยวใส่กัน
“อ้าว! ไม่มีใครอยากอยู่กับคุณแม่เหรอคะ” หลินเหยาซื่อแกล้งทำน้ำเสียงน้อยใจ เด็กทั้งสองเลิกทะเลาะกันทันทีแล้ววิ่งอ้อมโต๊ะเขียนหนังสือมากอด
“พวกเราจะอยู่กับคุณแม่!”
“ไม่หลอกแม่นะ” หลินเหยาซื่อถาม เด็กแฝดพยักหน้าพร้อมกัน “ถ้าอย่างนั้น เราวาดรูปลูกๆ อยู่ตรงกลางแล้วพ่อกับแม่กอดลูกๆ ดีไหม”
“ดีครับ/ค่ะ”
ยังไม่ทันลงมือวาดรูป ก็มีเสียงกริ่งดังที่หน้าบ้าน ป้าฮุ่ยซิวเดินออกไปดู ครู่หนึ่งก็มีชายวัยประมาณสามสิบปีคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวตัวหลวมกับกางเกงสแลคสีดำเข้ากับรองเท้าหนังที่สวมอยู่ เพียงเห็นเธอเขาก็เปิดรอยยิ้มดีใจสาวเท้าเข้ามาเร็วๆ ยื่นมือมาจะจับมือของเธอ แต่หลินเหยาซื่อไม่ชอบให้ใครถูกเนื้อถูกตัวนัก แม้เป็นนักแสดงตัวประกอบ หากนอกบทเธอก็ไม่ชอบให้คนอื่นมาถูกตัว ปฏิกิริยาขยับตัวถอยหนีจึงเกิดขึ้นทันที ทำให้ชายคนนั้นชะงักไป เขาชักมือกลับอย่างเก้อเขินแล้วหัวเราะน้อยๆ
“ขอโทษด้วย พี่ดีใจที่เห็นน้องเหยาซื่อฟื้นเป็นปกติ”
“พี่...” หลินเหยาซื่อทำหน้างงแล้วปรายตามองไปทางป้าฮุ่ยซิว
“คุณนายไม่สบายหลายวัน ความจำสับสนไปบ้าง” ป้าฮุ่ยซิวเองก็ไม่ค่อยพอใจนัก ตอนที่บ้านนี้ลำบาก นางบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากหลายๆคน แต่ไม่มีใครมาดูดำดูดีเลย แต่เวลานี้คุณนายดีขึ้นแล้ว กลับเพิ่งมีคนโผล่หน้ามา “นี่คุณกั๋วซีฮัน เป็นพี่ชายคุณผู้ชายเจ้าค่ะ”
“กั๋วซีฮัน...” หลินเหยาซื่อพยักหน้ารับ เธอพอนึกออกอยู่บ้างเพราะในสมุดบันทึกของ ‘หลินเหยาซื่อ’ มีเขียนถึงกั๋วซีฮันซึ่งเป็นพี่ชายของกั๋วคังเหริน “ป้าฮุ่ยซิวพาเด็กๆไปกินขนมก่อนนะคะ ฉันจะดูแลคุณ เอ่อ พี่ซีฮันเอง” กั๋วซีฮันมองหญิงสาวที่พูดคุยกับเด็กฝาแฝดที่ลอบมองทางเขาก่อนสะบัดหน้าเดินไปพร้อมกับแม่บ้าน ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มซ่อนความชิงชังไว้อย่างมิดชิด เด็กสองคนนั้นหน้าตาคล้าย ‘กั๋วคังเหริน’ เสียเหลือเกิน ใครจะรู้ว่าไอ้ไก่อ่อนอย่างกั๋วคังเหรินจะทิ้งทายาทไว้ให้เป็นเสี้ยนหนามชีวิตอีก “พี่ซีฮัน รับน้ำชานะคะ” เธอเอ่ยถามแต่ตัวเองเดินไปรินน้ำร้อนใส่กาน้ำชาเรียบร้อยแล้ว “ให้พี่ช่วยดีกว่าครับ” กั๋วซีฮันปาดเข้าไปยกถาดน้ำชาด้วยตนเอง “เรานั่งที่เก้าอี้สนามหน้าบ้านดีไหม” “ค่ะ” หยินเหยาซื่อพยักหน้ารับ เธอไม่อยากอยู่กับผู้ชายสองต่อสองในบ้านอยู่พอดี พอเขาเสนอให้ไปนั่งด้านนอกก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง “ต้องขอโทษด้วยนะคะ ช่วงที่ไม่สบายหลับไปหลายวัน ตื่นมาอีกทีก็มึนๆ งงๆ จำใครไม่ค่อยได้” “น้องเหยาซื่อไปหาหมอหรือยัง ให้คุณหมอตรวจร่างกายหน่อยดีไหมครับ”
หลินเหยาซื่อตรวจดูของในกระเป๋าแล้วก้าวออกจากบ้าน เธอสำรวจเส้นทางจนคุ้นชินไม่จำเป็นต้องเรียกแท็กซี่แล้ว การใช้รถโดยสารก็ไม่ได้ลำบากอะไร การแต่งตัวที่โดดเด่นสะดุดตากลายเป็นเป้าสายตาอยู่บ้าง แต่เธอก็เลือกที่จะเชิดใบหน้าขึ้น หญิงสาวมาถึงค๊อฟฟี่ช็อฟก่อนเวลาเล็กน้อย เธอเลือกโต๊ะที่นั่งสบายและมองเห็นประตูทางเข้า สั่งกาแฟร้อนให้ตัวเองแล้วนั่งกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนรับงานเป็นตัวประกอบ เธอก็เคยทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านกาแฟขณะคิดอะไรเพลินๆ ร่างของหวังเข่อซิงก็เดินเข้ามา หลินเหยาซื่อลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม หวังเข่อซิงเดินเข้ามาใกล้แล้วจับไหล่ของหญิงสาวไว้ กวาดสายตามองพร้อมรอยยิ้ม “สวยมากจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าแค่เปลี่ยนลวดลายก็ดูสวยแปลกตาขึ้น” “ขอบคุณค่ะ” “มาๆ นั่งก่อน” หวังเข่อซิงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่ม “เค้กร้านนี้อร่อยนะคะ ซื้อไปฝากเด็กๆที่บ้านก็ได้นะ” หลินเหยาซื่อใจชื้นขึ้น ดูท่าทางหวังเข่อซิงจะเป็นคนคุยง่ายอยู่เหมือนกัน “วันนี้ฉันเอาแบบร่างเสื้อผ้ามาให้ดูค่ะ เผื่อว่ามาดามจะชอบ” หวังเข่อซิง
หลินเหยาซื่อทำแป้งโดว์ให้เด็กทั้งสองเล่นและสอนปั้นเป็นรูปทรงต่างๆ จางหย่ง จางลี่ ต่างก็ชื่นชอบกันมาก “ไม่คิดว่าแป้งสาลี่จะเอามาทำแป้งปั้นแบบนี้ได้นะคะ” “ใช้ดีกว่าดินน้ำมันอีก” หลินเหยาซื่อหัวเราะคิกคัก นั่งมองเด็กๆ ปั้นแป้งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ “ให้เด็กๆ เล่นหน้าบ้านสักยี่สิบนาทีแล้วพาเข้าบ้านนะคะ ฉันจะไปทำงานก่อน” “เจ้าค่ะ คุณผู้หญิง” ป้าฮุ่ยชิวนั่งดูเด็กๆ ปั้นดิน ตอนนี้หลินเหยาซื่อใช้ห้องนั่งเล่นเป็นห้องทำงานตัดเย็บเสื้อผ้าตัวอย่าง จึงไม่อยากให้เด็กๆ เข้าไปรบกวนเวลาทำงาน “ไข่ น้องไก่ไข่แล้วไปเก็บไข่กัน” จางลี่พูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแม่ไก่ร้องกระต๊ากๆ “เก็บไข่ๆ” จางหย่งพูดขึ้นและทำท่าจะวิ่งไปที่เล้าไก่ใกล้ๆ “ใจเย็นๆค่ะคุณหนูคุณชาย” ป้าฮุ่ยชิวหัวเราะออกมา จางลี่เป็นผู้หญิงแต่นิสัยใจกล้าอยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็กผู้ชาย แต่จางหย่งเป็นเด็กชายกลับนิสัยอ่อนโยนว่าง่ายราวเด็กผู้หญิง “เดี๋ยวป้าเก็บเอง คุณๆ รออยู่ตรงนี้ อ้อ เล่นลูกบอลนี้ก็ได้ค่ะ” ป้าฮุ่ยชิวส่งลูกบอลให้จางหย่งแล้วเดินไปทางเล้าไก่ คร
เพียงเดินเข้ามาในบ้าน กั๋วคังเหรินพลันรู้สึกได้สัมผัสความคุ้นเคยที่ห่างหายไปนาน เขาปรายตามองไปยังชั้นผนังห้องด้านหนึ่ง เป็นรูปวาดสเก็ตภาพด้วยดินสอ เป็นรูปครอบครัวสี่คนพ่อแม่และลูกแฝดทั้งสอง ภาพงานแต่งงานยังคงประดับอยู่ที่ผนังห้อง รูปภาพเหล่านั้นไม่มีฝุ่นเกาะเลยสักนิด แสดงว่าถูกทำความสะอาดหรือหยิบดูบ่อยๆ นี่คงเป็นเหตุผลที่เด็กสองคนที่ไม่เคยเห็นตัวจริงของเขา แต่กลับเรียกเขาว่าพ่อได้เต็มปากเต็มคำ“คุณหนู คุณชาย มาทางนี้ก่อนค่ะ”ป้าฮุ่ยชิวพยักหน้าเรียกเด็กทั้งสอง แต่จางหย่งกอดคอชายหนุ่มแน่นไม่ยอมปล่อย จางลี่มองด้วยตาแดงๆ อยากกอดคุณพ่อบ้าง หลินเหยาซื่อเกรงว่าเด็กจะร้องไห้ออกมาเลยส่งลูกให้ป้าฮุ่ยชิว“หย่งหย่ง ลี่ลี่ อยู่กับคุณป้าก่อนนะคะ คุณ...เอ่อ...คุณพ่อไม่ไปไหนหรอกค่ะ เราสัญญากันว่าจะไม่ดื้อและเชื่อฟังแม่ใช่ไหม”เด็กสองคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้ารับ จางหย่งยอมปล่อยมือแล้วเดินไปจับมือกับจางลี่ที่ยังมองใบหน้าของผู้ชายที่เหมือนในรูปถ่ายก่อนจะจับมือป้าฮุ่ยชิวไปในครัวเมื่อไม่มีคนอื่นแล้ว หยินเหยาซื่อจึงจ้องมองชายคนหน้าเต็มตา เช่นเดียวกับกั๋วคังเหริน ที่กวาดสายตามองหญิงสาวตรงหน้า ไม่เจอกันเ
แนะนำตัวละครหลินเหยาซื่อ : อายุ 22 ปี อาชีพนักแสดงตัวประกอบ กั๋วคังเหริน : อายุ 28 ปี ประธานกั๋วผู้บริหารบริษัทหลินกรุ๊ฟกั๋วจางหย่ง ( กล้าหาญ ) กั๋วจางลี่ / ( งดงาม) : ลูกแฝดชายหญิงวัย 3 ขวบ ป้าฮุ่ยชิว : ป้าแม่บ้านที่อยู่มานาน 'ตัวประกอบ' คือนักแสดงที่แทบไม่เคยอยู่ในสายตาคนดูคนเราล้วนเป็นตัวประกอบในชีวิตของกันและกันอาจแค่เคยเดินผ่านมาในชีวิตใครสักคนเพื่อให้ฉากในวันนั้นสมบูรณ์แบบและในขณะเดียวกัน คนที่เล่นเป็นตัวประกอบในชีวิตคนอื่น ก็เล่นเป็นนางเอก(พระเอก)ในชีวิตของตัวเอง ทันทีที่ตัดสินใจลืมตา ภาพแรกที่เห็นคือเด็กน้อยสองคนที่หน้าตาคล้ายกันจนเหมือนพิมพ์เดียวกันนั่งจ้องหน้าด้วยแววตาวิตกกังวล มันไม่ใช่แววตาที่เด็กสามขวบควรมี ทำให้เธอตัดสินใจยื่นมือไปคว้าเอาเด็กสองคนมากอดแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ เสียงหัวเราะคิกคักจึงดังขึ้น “แม่ตื่นแล้ว” หญิงสาวบอกกับเด็กน้อยที่ตอนนี้ปีนขึ้นเตียงเธอเรียบร้อยแล้ว “ทำไมลูกๆ ตื่นเช้ากันจัง หรือว่าหิวกันแล้ว” “หม่ำๆ” “ขอโทษนะ แม่ตื่นสายเอง” เธอจุ๊บแก้มนุ่มๆ ของเด็กๆ ไม่กี่นาทีต่อมา แม่บ้านวัยห้าสิบก
ภายนอกเขาคือสามีที่ใส่ใจภรรยา แต่เรื่องในบ้านไม่มีใครรู้ และยิ่งทุกอย่างกลายเป็นความดำมืดที่ไม่มีใครล่วงรู้ก็คือ วันหนึ่งฮุ่ยชิวรับโทรศัพท์จากตำรวจซึ่งแจ้งว่าพบรถยนต์ของคุณกั๋วคังเหรินตกเขา สภาพรถพังเสียหาย ในที่เกิดเหตุพบศพหญิงสาวที่มาทราบภายหลังว่าเป็นนักร้องไนท์คลับแห่งหนึ่ง แต่ไม่พบร่างของกั๋วคังเหริน ไม่มีใครรู้ความสัมพันธ์ของกั๋วคังเหรินกับผู้หญิงคนนั้น แต่แน่นอนว่าข่าวที่ออกไปไม่ดีนัก ในปีนั้นเองที่หลินเหยาซื่อตั้งครรภ์อ่อนๆ เธอเองก็ไม่รู้ว่ากั๋วคังเหรินรู้หรือไม่ว่าภรรยาสาวตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว หญิงสาวเดินเข้าในห้องครัว เด็กชายหญิงหน้าตาละม้ายคล้ายกันหันมามองแล้วสิ่งยิ้มกว้าง เด็กทั้งสองนั่งแกว่งเท้าไปมาบนเก้าอี้เด็ก หลินเหยาซื่อส่งยิ้มกว้าง เดินไปคว้าผ้ากันเปื้อนมาคาดเอวอย่างรวดเร็วและเตรียมลงมือป้อนอาหารเช้าให้เด็กทั้งสอง“คุณผู้หญิงค่ะ ไก่ที่สั่งไว้มาส่งแล้วนะคะ”“ไก่มาแล้วหรือ?” เธอหันไปมองนาฬิกา “มาแต่เช้าเลยรึ? หรือว่าฉันตื่นสาย”ป้าฮุ่ยชิวแอบค้อนเข้าให้ “คุณผู้หญิงไม่น่าให้เงินไปก่อนเลยเจ้าค่ะ คราวหน้าคราวหลังได้ของแล้วค่อยให้เงินนะเจ้าค่ะ”“แค่ไก่ไม่กี่ตัว เขาคง
“คุณนายค่ะ ให้คนยกจักรเย็บผ้าออกมาให้แล้วค่ะ”“ขอบใจจ๊ะ” หลินเหยาซื่อตื่นจากภวังค์ เธอไม่มีเวลามาสนใจผู้ชายที่หายไปคนนั้น หญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วจูงมือเด็กทั้งสองคนไปที่ห้องนั่งเล่น บ้านหลังนี้กว้างขวางดี ด้านหลังที่เคยเป็นสวนดอกไม้ เธอก็จ้างคนมาทำเสียใหม่ มีเล้าไก่เล็กๆ และทำแปลงผัก ป้าฮุ่ยชิวเล่าว่าแต่ก่อนบ้านนี้ก็มีคนรับใช้มากมาย เรื่องคนสวนแทบไม่มีปัญหาเลย แต่หลังจากนายท่านใหญ่เสียชีวิตและคุณผู้ชายหายตัวไป การเงินในบ้านขัดสน จำต้องให้คนรับใช้ทยอยออกกันไป แต่เมื่อต้องการใช้งาน หลินเหยาซื่อจะจ้างเป็นรายวัน ป้าฮุ่ยชิวไปตามคนสวนเก่ามาช่วยทำแปลงผักให้คุณนาย ใช้เวลาแค่สองวันก็ได้ตามที่เหยาซื่อต้องการ“คุณนายไม่เสียดายหรือเจ้าคะ” ป้าฮุ่ยชิวอดถามไม่ได้“มีอะไรให้เสียดายกันเล่า” เหยาซื่อหัวเราะเสียงใสขณะจูงมือเด็กฝาแฝดไปดูเล้าไก่ แม่ไก่สามตัวและพ่อไก่หนึ่งตัว อีกไม่นานก็จะเก็บไข่กินได้“ปล่อยไว้ไม่ได้ใช้ประโยชน์มันน่าเสียดายมากกว่า”ป้าฮุ่ยชิวเป็นคนเก่าคนแก่ ซ้ำยังไม่รู้หนังสือ ชีวิตเหลือตัวคนเดียว เมื่อหลินเหยาซื่อสั่งให้ทำอะไร นางก็ลงมือทำทันทีแม้จะมีคำถามในใจอยู่บ้างก็ตาม จักรเย็บผ้า
“ของป้าฮุ่ยซิวก็มีนะ” หลินเหยาซื่อหยิบหมวกทรงฟักทองส่งให้ “เอาไว้คราวหน้าจะเย็บเสื้อผ้าชุดใหม่ให้นะคะ” “ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ” “ลำบากอะไรกันค่ะ” หญิงสาวหัวเราะร่า “เราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่น่า วันนี้ไปเที่ยวกันค่ะ” ป้าฮุ่ยซิวยกไม้ยกมือปฏิเสธแต่ถูกเด็กแฝดชายหญิงวิ่งเข้าไปเกาะขาส่งสายตาอ้อนวอน เด็กสองคนแทบไม่ได้ออกไปไหน นานทีจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน หากคุณนายไปคนเดียวก็เกรงว่าจะดูแลเด็กสองคนไม่ไหว นางจึงตัดสินใจพยักหน้ารับ “ป้าปิดบ้านสักประเดี๋ยวนะคะ” “ค่ะ” ที่โรงรถมีรถเก๋งอยู่หนึ่งคัน แต่ฝุ่นจับเขรอะไปหมด เรื่องขับรถ เธอขับเป็นอยู่แล้วเพราะตอนสถานสงเคราะห์ก็ได้หัดขับรถ เวลามีกิจกรรมเธอก็ขับรถตู้พาเด็กๆไปพิพิธภัณฑ์หรือไปสวนสัตว์ เท่าที่เธอพอจะรู้ ‘หลินเหยาซื่อ’ในปี1980 เรียนจบมัธยมปลายและไม่ได้เรียนต่อ ทั้งที่บ้านมีฐานะดี แต่เดาว่าเจ้าของร่างนี้สุขภาพไม่แข็งแรงนัก ป้าฮุ่ยซิวเองยังเคยพูดว่า แค่คลอดลูกแฝดได้อย่างปลอดภัยก็นับว่าเธอยังมีบุญอยู่มากแล้ว คงเพราะแบบนี้ถึงรีบแต่งงานตั้งแต่อายุสิบแปด พ