หน้าหลัก / โรแมนติก / เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดียวยุค 80's / ตอนที่ 10. ไม่ใช่ภรรยาผู้แสนว่านอนสอนง่ายคนนั้น

แชร์

ตอนที่ 10. ไม่ใช่ภรรยาผู้แสนว่านอนสอนง่ายคนนั้น

เพียงเดินเข้ามาในบ้าน กั๋วคังเหรินพลันรู้สึกได้สัมผัสความคุ้นเคยที่ห่างหายไปนาน เขาปรายตามองไปยังชั้นผนังห้องด้านหนึ่ง เป็นรูปวาดสเก็ตภาพด้วยดินสอ เป็นรูปครอบครัวสี่คนพ่อแม่และลูกแฝดทั้งสอง  ภาพงานแต่งงานยังคงประดับอยู่ที่ผนังห้อง  รูปภาพเหล่านั้นไม่มีฝุ่นเกาะเลยสักนิด แสดงว่าถูกทำความสะอาดหรือหยิบดูบ่อยๆ  นี่คงเป็นเหตุผลที่เด็กสองคนที่ไม่เคยเห็นตัวจริงของเขา  แต่กลับเรียกเขาว่าพ่อได้เต็มปากเต็มคำ

“คุณหนู คุณชาย มาทางนี้ก่อนค่ะ”

ป้าฮุ่ยชิวพยักหน้าเรียกเด็กทั้งสอง แต่จางหย่งกอดคอชายหนุ่มแน่นไม่ยอมปล่อย จางลี่มองด้วยตาแดงๆ อยากกอดคุณพ่อบ้าง หลินเหยาซื่อเกรงว่าเด็กจะร้องไห้ออกมาเลยส่งลูกให้ป้าฮุ่ยชิว

“หย่งหย่ง ลี่ลี่ อยู่กับคุณป้าก่อนนะคะ คุณ...เอ่อ...คุณพ่อไม่ไปไหนหรอกค่ะ เราสัญญากันว่าจะไม่ดื้อและเชื่อฟังแม่ใช่ไหม”

เด็กสองคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้ารับ จางหย่งยอมปล่อยมือแล้วเดินไปจับมือกับจางลี่ที่ยังมองใบหน้าของผู้ชายที่เหมือนในรูปถ่ายก่อนจะจับมือป้าฮุ่ยชิวไปในครัว

เมื่อไม่มีคนอื่นแล้ว หยินเหยาซื่อจึงจ้องมองชายคนหน้าเต็มตา เช่นเดียวกับกั๋วคังเหริน ที่กวาดสายตามองหญิงสาวตรงหน้า ไม่เจอกันเกือบสี่ปี ดู...เปลี่ยนไปมาก หรือไม่ก็เพราะทำใจเรื่องเขาได้แล้วถึงได้ดู ‘สวย’ ขึ้นขนาดนี้

“คุณ...กั๋วคังเหริน?”  หลินเหยาซื่อถามตรงๆ ผู้ชายคนนี้นะหรือ?ที่ ‘หลินเหยาซื่อ’ รักสุดจิตสุดใจ รักมากขนาดที่เธอผู้มาอาศัยร่างนี้ยังรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในอก ตั้งแต่สบตาในวินาทีแรก ร่างนี้ก็แทบอยากโผเข้ากอด ยังดีที่เธอหันไปคว้าเอาจางลี่มากอดไว้แทน ไม่งั้นก็คง...

“ไม่เชื่อว่าเป็นผมเหรอ” เขาถาม น้ำเสียงราบเรียบ

“ก็...คุณหายไป…”

“สามปี”

“สามปีกับอีกหกเดือน”  เธอพูดขึ้น ที่จำได้ก็เพราะไดอารี่ของ ‘หลินเหยาซื่อ’ ล้วนๆ

“ลูก...สามขวบแล้วสินะ”

“ค่ะ จางหย่งกับจางลี่สามขวบแล้ว” 

“ชื่อที่ผมเคยตั้งไว้...”

เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขากำลังจะบอกว่าเขาคือกั๋วคังเหรินตัวจริงใช่ไหม เชอะ! อย่าให้ตอกย้ำ ในไดอารี่ของหลินเหยาซื่อเขียนไว้ว่า เขาเคยหลุดปากพูดออกมา ถ้ามีลูกชายจะให้ชื่อจางหย่ง ลูกสาวชื่อจางลี่ แต่เขาไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเต็มใจมีลูกกับเธอ

“ใช่...ก่อนที่คุณจะหายตัวไป” 

ที่พูดเพราะอยากตอกย้ำ ไม่ใช่อาลัยอาวรณ์หรอกนะ  เอ๊ะ! หรือว่าเขาจะกลับมาขอหย่า! สวรรค์! หย่าเลยค่ะ ฉันพร้อมค่ะ!

            ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย กั๋วคังเหรินแน่ใจว่าเมื่อครู่เขาเห็นแววตารื่นเริงของหญิงสาวตรงหน้า แม้จะแค่เสี้ยววินาทีก็ตาม  เพราะนั่งประจันหน้ากัน เธออยู่ตรงข้ามกับเขา กั๋วคังเหรินจึงโน้มตัวไปข้างหน้าและยื่นหน้าไปใกล้

            “คุณอยากให้พิสูจน์หรือเปล่าล่ะ”

            เพราะลมหายใจอุ่นร้อนที่ปะทะใบหน้าทำให้หลินเหยาซื่อตัวเกร็งไปเล็กน้อยแต่ยังบังคับไม่ให้เอนหลังถอยหนี  หรือเขาก็ ‘รู้สึก’ว่าเธอไม่ใช่ภรรยาผู้แสนว่านอนสอนง่ายคนนั้น 

            ทั้งสองประสานสายตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

            ก่อนที่จะทันได้ ‘พิสูจน์’ ว่าคนตรงหน้าคือ ‘สามี’  ตัวจริง หางตาก็เห็นเงาร่างเล็กๆ ที่มุมห้อง ดวงตาสองคู่แอบมองอยู่  กั๋วคังเหรินก็รู้เช่นกัน เขาย้ายสายตากลับไปมองเด็กน้อยทั้งสองด้วยแววตาอ่อนโยน  คล้ายทุกสิ่งมันตรงข้ามกับที่เขาคิด หลินเหยาซื่อไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายหรือแม้แต่ทุบตีเขา แต่เธอกลับใช้ ‘สายตา’ไม่เชื่อใจจ้องมอง จนเขาไม่อาจประเมินสถานการณ์เช่นนี้ได้

            เด็กสองคนเห็นรอยยิ้มของผู้ชายที่เหมือนในรูปที่ติดผนังห้องเป๊ะ! ก็ยิ้มตอบ แต่พอเห็นสายตาดุๆ ของแม่ก็หดคอกลับไปทันที

            กั๋วคังเหรินกลัวหญิงสาวจะดุลูกจึงยื่นมือไปจับมือที่วางอยู่บนโต๊ะเป็นเชิงห้าม  เธอหันมามองเขาแวบหนึ่งก่อนจะหันไปฉีกยิ้มให้ลูกทั้งสอง เป็นจังหวะที่ป้าฮุ่ยชิวรีบเดินมาจูงมือเด็กน้อยเข้าไปในครัว  เธอจึงหันมาสบตากับเขา

            “คิดว่าฉันจะดุลูกหรือไง”  เธอแยกเขี้ยวใส่ “ว่าแต่คุณหายไปไหนมา”

            เขาเลิกคิ้วขึ้น ไม่คิดว่านี้จะเป็นประโยคที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากภรรยาที่อ่อนโยน ตั้งแต่เขารู้จักหลินเหยาซื่อ จะมีดวงตาคู่หนึ่งลอบมองเขาอย่างอ่อนหวานและหากเขาสบตาก็จะพบแววตาประหม่าเขินอาย  ต่อให้แต่งงานกันแล้ว ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่

            หรือเพราะวันเวลาที่เขาไม่อยู่ ทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้

            คงเป็นเพราะเขาถึงทำให้ทุกอย่างมาถึงจุดนี้สินะ

            เห็นแววตาอ่อนล้าของเขาแล้ว หลินเหยาซื่อรู้สึกผิดขึ้นมา เขาคือคนที่คุณพ่อเชื่อใจและไว้ใจให้แต่งงานด้วย  จู่ๆ กลับหายไป  คงมีเรื่องจำเป็นถึงกลายเป็นแบบนี้  หลินเหยาซื่อกระแอมไอพลางคิดว่าต้องพูดใหม่ ต้องงัดวิชายุทธ์ที่เคยเรียนการแสดงออกมา เธอต้องเป็นหลินเหยาซื่อที่อ่อนแอ

            “ขอโทษที่ทำให้ลำบาก” 

            ยังไม่ทันจะปั้นสีหน้า หลินเหยาซื่อก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาก่อน เธอเงยหน้าสบตากับแววตาที่รู้สึกผิดซึ่งเธอมั่นใจว่าเขาไม่ได้เสแสร้ง  

            “เอ่อ...”  เธออึกอักไปครู่หนึ่ง จะพูดกับคนที่ไม่เจอกันสามปีหกเดือนยังไงดี

            “กลับมาก็ดีแล้วค่ะ”   คราวนี้เธอพูดเบาลง

            “ผมไม่รู้ว่าคุณท้อง...”

            ‘ถ้ารู้แล้วจะหายไปไหมล่ะ?’

หลินเหยาซื่อกลืนคำประโยคของตัวตัวเองลงท้อง ยังไม่อยากสร้างรอยร้าวขึ้นในเวลานี้

            “ตอนนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”  เธอพูดไปตามที่อ่านในไดอารี่ของหลินเหยาซื่อ “ถ้าไม่มีพวกเขา ฉันก็คงไม่มีกำลังใจอยู่มาถึงตอนนี้”

            ‘ส่วนประโยคนี้เธอคิดอย่างนั้นจริงๆนะ จู่ๆ เธอก็ฟื้นในร่างของผู้หญิงที่ชื่อเดียวกันแต่ในปี1980 แถมมีลูกแฝดด้วย แต่เพราะเจ้าเด็กแฝดนั้นแหละ ที่ทำให้เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อไป’

            ‘นั้นสินะ ถ้าเขารู้...เขาคงหาทางกลับมาได้เร็วกว่านี้’

            “เราค่อยๆคุยเรื่องพวกนี้กันเถอะนะ” หลินเหยาซื่อรีบพูดออกไป เธอเอง จู่ๆมีลูกก็ใช้เวลาทำใจอยู่หลายวัน ตอนนี้จู่ๆสามีก็โผล่มาอีก ไม่รู้จะมีเจ้ากรรมนายเวรที่ไหนโผล่มาอีกไหม

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status