แชร์

ตอนที่ 4 สนมผู้ถูกลืมเลือน

ผู้เขียน: Jiulin
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-09 16:04:13

เมื่อปล่อยโคมไฟกันเรียบร้อยแล้วจ้าวซูหลินก็พาคนอื่นๆ เดินเที่ยวทั่วทั้งงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ระหว่างทางก็หยุดแวะซื้อของกินเล่นไปพลางๆ จนซั่วอิงต้องคอยห้ามอยู่บ่อยครั้ง

“กินของกินเล่นมาตลอดทางเจ้าอิ่มแล้วหรือไม่”

“ยังเจ้าค่ะ ข้าก็ยังรู้สึกหิวอยู่ดี”

ใต้เท้าโจวทองใบหน้าที่ทะเล้นของนางก่อนจะหลุดขำทันที

“เอาเถอะมื้อนี้ข้าเลี้ยงพวกเจ้าเอง แวะโรงเตี๊ยมข้างหน้านี้กันเถอะ”

จ้าวซูหลินหันมองไปตามฝ่ามือที่ผายออกไปทันที ปรากฎให้เห็นเป็นโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงแห่งนี้ หน้าโรงเตี๊ยมมีแม่น้ำไหลตัดผ่านมีเรือโดยสารแล่นผ่านไปทีละลำ บริเวณประตูหน้าประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีแดงดูสวยงามยิ่งนัก ป้ายหน้าโรงเตี๊ยมเขียนชื่อไว้เพียงสามคำว่า ‘ฟู่อันหลง’

“มันจะดูหรูหราเกินไปหรือไม่เจ้าค่ะใต้เท้า ข้าออกมาไม่ได้เอาเงินมาเยอะเสียด้วยสิ”

“ก็บอกแล้วว่าข้าจะเลี้ยงพวกเจ้าเอง มาเถอะน่าอย่ากังวลไปเลย”

“เช่นนั้นมื้อนี้ข้าคงต้องฝากท้องกับท่านแล้วนะเจ้าค่ะ”

“ด้วยความยินดีขอรับ”

น่าแปลกที่อาหารมื้อนี้พวกเขารู้สึกว่าเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เมื่อกินอาหารกันเสร็จก็เดินย่อยกันสักพักจนมาสุดที่ทางเดินท้ายงานโคมไฟแห่งนี้

“เจ้าจะกลับเลยหรือไม่”

“ก็คงต้องเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปส่งเจ้าเอง ดึกมากแล้วเกรงว่าข้าคงจะปล่อยพวกเจ้ากลับกันเพียงลำพังไม่ได้”

“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ท่านออกจากวังมาแล้วจะกลับไปทำไมอีกกันเสียเวลาท่านนะเจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไร ข้าเต็มใจไปเถอะ”

“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”

เนื่องจากดึกมากแล้วพวกเขาจึงรีบเร่งฝีเท้าเดินกันอย่างว่องไว จนมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้เก่าแก่บานนั้น

“ใต้เท้าวันนี้ข้าขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ หากไม่มีท่านช่วยนำทาง เกรงว่าคืนนี้ทั้งคืนพวกข้าคงต้องนอนข้างถนนเป็นแน่”

“ไม่เป็นไรอย่าได้เกรงใจข้าเลย”

“พวกข้าขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ”

“เดี่ยวสิ ข้ายังไม่รู้จักชื่อแซ่ของเจ้าเลย”

“ข้าชื่อซูหลินเจ้าค่ะ”

“อื้ม แม่นางซูไว้วันหลังข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวในเมืองอีก”

“ขอบคุณเจ้าค่ะใต้เท้าโจว”

นางส่งยิ้มให้เขาบางๆ ก่อนจะรีบเดินนำหน้าซั่วอิงผ่านประตูไม้บานนั้น แล้วเดินต่อไปทางตำหนักหนิงเซียงภายใต้การจับจ้องของบุรุษทั้งสอง

“พวกเจ้าอยู่แถวนี้หรือไม่”

สิ้นคำพูดของเขาก็มีเงาดำของคนผู้หนึ่งออกมาจากที่ซ่อนก่อนจะคุกเข่ารอรับคำสั่งจากเขา

“ฝ่าบาท เชิญรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าไปสืบมาว่าหญิงสาวสองคนนั้นเป็นใครกันแน่ ตำหนักหนิงเซียงที่ว่าเป็นตำหนักของสนมนางใด”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

องค์รักษ์เงาดำโหนทะยานเกาะไปตามหลังคาเพื่อตามหญิงสาวสองคนไปในทันที ก่อนจะหายไปกับความมืดมิดในค่ำคืนยามราตรีนี้

-ตำหนักเซียวเยว่-

ร่างเงาสีดำพลันปรากฏขึ้นภายในตำหนักที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูทว่าดูงดงามน่าเกรงขาม

ผู้มาเยือนเป็นองค์รักษ์เงาดำที่ฮ่องเต้บัญชาให้เขาไปตรวจสอบที่มาที่ไปของหญิงสาวทั้งสองนางนั้น

“ฝ่าบาท กระหม่อมติดตามพวกนางไปจนถึงตำหนักท้ายวังที่ชื่อว่าตำหนักหนิงเซียงพบว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ในนั้นนอกจากนางทั้งสองคนเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่มีใครจะเป็นไปได้อย่างไร วังหลังไม่เคยมีกฎทิ้งนางกำนัลไว้ที่ตำหนักเพียงลำพังโดยไร้เจ้านายนี่นา”

“ตำหนักหนิงเซียงงั้นหรือ...” เต๋อกงกงขันทีรับใช้ข้างกายฝ่าบาทอีกคนอุทานขึ้นมาทันที

“มีอะไรหรือเต๋อกงกง”

“ฝ่าบาท หากข้าน้อยจำไม่ผิดตำหนักหนิงเซียงเป็นที่พำนักของพระสนมซูหลินนะพ่ะย่ะค่ะ”

“สนมซูหลินงั้นหรือ”

"ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ตำหนักนั้นมีเพียงพระสนมซูหลินที่พำนักอยู่เพียงลำพังกับนางกำนัลอีกหนึ่งคนพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"

“เป็นเช่นนั้นเองหรือ”

'นางต้องการที่จะปิดบังตัวตนอย่างไรถึงได้กล้าบอกชื่อจริงของตัวเองกับคนนอกกันนะช่างสะเพร่าเสียจริงๆ ’

“พระสนมซูหลินคือคนที่เข้ามาในวังพร้อมกันกับพระสนมลิ่งเฟย แต่ในช่วงเวลานั้นพระองค์ทรงโปรดปรานพระสนมลิ่งเฟยมากจนลืมเลือนที่จะไปตำหนักหนิงเซียง จนตอนนี้ที่ตำหนักนั้นก็ยังคงเงียบเหงามาจนถึงทุกวันนี้ เหล่านางกำนัลต่างก็คุยกันสนุกปากว่าพระสนมซูหลินไม่ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทจนต้องปักผ้าออกขายเพื่อประทังชีวิตในวังหลวงแห่งนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“ปักผ้าประทังชีวิตงั้นเหรือ”

“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เหลวไหล ต่อให้ไม่ได้รับการโปรดปรานจากข้าจริงแต่ก็มีเบี้ยเลี้ยงสำหรับพระสนมทุกคน ไหนจะอาหารการกินเสื้อผ้าพวกนางไม่มีทางขาดเหลือ เหตุใดต้องทำงานเพื่อหาเงินประทังชีวิตด้วยล่ะ”

ฮ่องเต้เอ่ยขึ้นด้วยสุรเสียงที่ดูดุดันยิ่งนัก เต๋อกงกงที่รับใช้ฮ่องเต้มานานก็รับรู้ทันทีว่าตอนนี้พระองค์กำลังกริ้วอย่างมาก

“ฝ่าบาทเรื่องในวังหลังนั้นยากที่จะเข้าใจนะพ่ะย่ะค่ะ การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันย่อมมีให้เห็นในทุกวันยิ่งพระสนมที่ถูกละเลยแล้วนั้นย่อมเป็นที่ขบขันและเป็นที่กลั่นแกล้งเป็นอย่างดีเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นหรือ”

แววพระเนตรที่ดุดันทำเอาเต๋อกงกงและหลี่กงอี้ลอบมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัวยิ่งนัก

‘เหตุใดฝ่าบาทที่ไม่เคยสนพระทัยพระสนมคนไหนมาก่อนถึงได้ดูเป็นเดือดเป็นร้อนเมื่อรับรู้ว่าพระสนมซูหลินผู้ที่ถูกลืมเลือนถูกรังแกเช่นนั้นกันล่ะ’

ฮ่องเต้ทรงรู้ดีว่าเขาไม่อาจยื่นมือไปสอดแทรกเรื่องในวังหลังได้เพราะเป็นหน้าที่ของฮองเฮาผู้ดูแลวังหลังอยู่แล้ว หากเขายื่นมือเข้าไปช่วยนางย่อมเป็นที่ผิดใจกับฮองเฮาเป็นแน่

ฮ่องเต้ทรงทอดถอนพระปัสสาสะก่อนจะเหลือบไปมองที่องค์รักษ์เงาดำผู้นั้น

“เอาล่ะเจ้าคอยเฝ้าสังเกตการณ์ที่ตำหนักหนิงเซียงต่อไป หากมีสถานการณ์อื่นใดอีกให้กลับมารายงานข้าได้ทุกเมื่อ”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

หลังจากองค์รักษ์เงาดำจากไปฮ่องเต้ก็ไล่ให้องค์รักษ์และขันทีประจำกายไปพักผ่อน ก่อนที่เขาจะนอนครุ่นคิดเรื่องของนางต่ออย่างหนัก

คืนนี้จากการสังเกตดูท่าทางการแสดงออกของนางแล้วนั้นนางคงเหงามากเมื่ออยู่ในวังหลวงแห่งนี้ ถึงขึ้นแอบหนีออกไปจากวังในยามวิกาลโดยไม่เกรงกลัวโทษแต่อย่างใด ในตอนที่เขามาส่งนางที่ประตูวังก็แอบเห็นแววตาที่เศร้าสร้อยของนางอยู่ชั่วครู่ในพริบตานางก็ปรับสายตาให้ดูร่าเริงเพื่อไม่ให้ใครเห็นความโศกเศร้านั้น

‘นี่ข้าเลอะเลือนจนถึงกับทอดทิ้งหญิงงามเช่นนั้นไปได้อย่างไรกันนะ’

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เมื่อข้าไม่อยากเป็นสนมของฮ่องเต้   ตอนที่ 5 คิดจะรังแกข้า ง่ายไปหรือไม่

    จ้าวซูหลินไม่ได้ออกจากตำหนักหนิงเซียงมาเป็นเวลามากกว่าห้าวันแล้วจนนางรู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งนักนางเอาแต่นอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้ยาวหน้าตำหนักหนิงเซียงมาตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว ดวงตาหงส์งามล้ำจับจ้องไปที่มวลไม้ดอกไม้ประดับที่เจ้าของร่างเดิมลงทุนปลูกด้วยตัวเองเต็มตำหนักไปหมดนางคงจะมีความเหมือนกับเจ้าของร่างเดิมอยู่แค่เพียงชื่นชอบการปลูกไม้สวนไม้ประดับเท่านั้น นอกจากความสามารถนี้แล้วนางก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้เหมือนเจ้าของร่างเดิมนี้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเย็บปักถักร้อย เขียนกลอน ร่ายรำทำเพลง แต่ก็มีอยู่อย่างหนึ่งที่นางถนัดนั่นก็คือวิชาแพทย์‘หากจะเปิดโรงหมอก็ต้องใช้ทุนเยอะสินะ’ “เฮ้อ…”ทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ก็ร่วมหลายวันมาแล้วแต่เหตุใดถึงได้ไม่มีความทรงจำของนางหลงเหลืออยู่เลยล่ะ ไม่รู้จักตัวตนของนางเลยแม้เพียงนิดแบบนี้ข้าก็อึดอัดแย่เลยสิ“เฮ้อ….”ในนิยายที่เคยอ่านๆผ่านมาไฉนเลยนางเอกคนอื่นๆถึงได้มีมิติวิเศษติดตัวไปด้วยเล่า แล้วเพราะเหตุใดกันข้าถึงได้มาตัวเปล่า มีก็แต่เพียงมันสมองที่บรรจุเพียงความรู้ทางการแพทย์ติดตัวมาด้วยเท่านั้น จะไปมีประโยชน์อะไรกับในวังหลวงที่สุดแสนจะน่าเบื่อหน่ายแห่งนี้กัน“เฮ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • เมื่อข้าไม่อยากเป็นสนมของฮ่องเต้   ตอนที่ 6 หนทางสู่ความอิสระ

    “อะไร?เจ้ามองหน้าข้าแบบนั้นทำไม”“พระสนม…”“จะมาโทษข้าไม่ได้นะก็นางมาก่อกวนข้าก่อนนี่นา”“พระสนมเก่งมากเลยเพคะ แต่ท่านก็รู้ว่าฮ่องเต้โปรดปรานสนมลิ่งเฟยมากท่านอาจได้รับโทษก็เป็นได้นะเพคะ”“ข้าไม่กลัว ฆ่าข้าให้ตายไปเสียเลยสิ”“ไม่ได้สิหากข้าต้องโทษจริง ห่วงก็แต่เจ้าก็ต้องมาเดือดร้อนเพราะข้าอีกคน โว้ยยยย! หากไม่ใช่ว่านางมาหาเรื่องข้าก่อนมีหรือที่ข้าจะอารมณ์เสียได้ถึงเพียงนี้กัน”“แต่หากว่าข้าถูกทำโทษจริงเจ้าก็ไม่ต้องห่วงไปหรอก ข้าจะฟาดเจ้าด้วยไม้ท่อนนี้ให้พวกเขาเข้าใจว่าข้าสติไม่ดีทำร้ายคนไปทั่ว ตัวเจ้าเองก็จะรอดจากการถูกลงโทษในครั้งนี้แล้ว”“พระสนม!”“พอแล้วเลิกเรียกข้าเสียที เจ้าก็ดูต้นทางไปเผื่อมีทหารมาจะได้เริ่มแผนการเมื่อครู่ได้ทัน”“โธ่พระสนมหากว่าท่านถูกลงโทษข้าก็ยินดีรับโทษไปพร้อมท่านนะเพคะ พวกเราพูดความจริงทำไมต้องกลัวก็พระสนมลิ่งเฟยชอบมาข่มขู่ท่านทั้งยังใช้งานท่าน ทั้งๆที่ท่านเองก็มีตำแหน่งเทียบเท่ากับนางเพียงแค่ไม่ได้รับการโปรดปรานจากฝ่าบาทเหมือนกับนางก็เท่านั้นเอง”“ช่างเถอะข้าไม่สนใจหรอก ตอนนี้ที่ข้าสนใจคือข้าจะหาเงินจากที่ไหนมาไถ่ตัวเองออกจากวังแห่งนี้ได้เร็วๆกัน”‘เฮ้อ ไหน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • เมื่อข้าไม่อยากเป็นสนมของฮ่องเต้   ตอนที่ 1 ทะลุมิติ

    “คุณหมอคะ คุณหมอ”“มีอะไรเหรอคะ?”“มีเคสผ่าตัดด่วนเข้ามาค่ะ”“เวลานี้เป็นเวรหมอจุนไม่ใช่หรือ?”“ใช่ค่ะแต่ตอนนี้คุณหมอจุนยังมาไม่ถึงโรงพยาบาลเลยค่ะ คุณไข้อาการสาหัสรอไม่ได้แล้วนะคะ”“ได้ งั้นรีบไปกัน”“ค่ะ”นางพยาบาลรีบเดินตามคุณหมอไปอย่างรีบเร่งก่อนจะอธิบายเคสฉุกเฉินนี้ให้เธอฟังคร่าวๆ“เคสนี้เป็นเคสฉุกเฉินคนไข้เป็นทายาทของตระกูลโจวซึ่งเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนี้ด้วยค่ะ”“โอเค เตรียมชุดกับเครื่องมือเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”“ค่ะคุณหมอ”จ้าวซูหลินเป็นหมอหญิงที่มีฝีมือผ่าตัดเป็นอันดับหนึ่งของเมืองลั่วหนานแห่งนี้ เธอจำเป็นต้องเข้าผ่าตัดให้ทายาทตระกูลโจวที่โด่งดังที่สุดในประเทศนี้แทนคุณหมอจุนเป็นการฉุกเฉินแม้จะรู้สึกตื่นเต้นมากแต่เธอก็พยายามทำทุกอย่างอย่างระมัดระวังและตั้งใจที่สุดการผ่าตัดใช้เวลายาวนานร่วม12ชั่วโมงในที่สุดการผ่าตัดก็เสร็จสิ้นลงและสำเร็จไปได้ด้วยดี จ้าวซูหลินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยอาการเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง“คุณหมอจ้าว ขอบคุณที่เข้าผ่าตัดแทนผมนะครับ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณประสบอุบัติเหตุเป็นอะไรมากหรือเปล่าค่ะ”“อ๋อ พอดีว่ามีรถชนกันตรงกลางสะพานน่ะครับรถหลายคันรวมถึงของผมด้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • เมื่อข้าไม่อยากเป็นสนมของฮ่องเต้   ตอนที่ 2 ซวยซ้ำซวยซ้อน

    “ข้าอาจจะเป็นอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ นั่นแหละตอนนี้ข้าก็จำอะไรไม่ได้เลย ไหนเจ้าลองเล่ามาสิว่าข้านั้นคือใครแล้วทำไมถึงต้องมาอยู่ที่นี่”“ท่านคือคุณหนูรองตระกูลจ้าวบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านเสนาบดีจ้าวเพคะ ท่านเข้าวังมาพร้อมกับสหายเพียงคนเดียวของท่านก็คือพระสนมลิ่งเฟยแต่ตอนนั้นพระสนมลิ่งเฟยได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทเพียงผู้เดียวเพราะว่าท่านยอมสละค่ำคืนอันมีค่าให้แก่นาง ตอนนี้ท่านก็เลยต้องมานั่งหงอยเหงาอยู่ตำหนักท้ายวังเพียงลำพังโดยไร้ซึ่งนางกำนัลดูแลจะมีก็เพียงแค่หม่อมฉันคนเดียวเท่านั้นที่อยู่กับท่านจนถึงทุกวันนี้เพคะ”“สหายของข้างั้นหรือ?”“ก็พระสนมลิ่งเฟยคนที่ผลักท่านตกน้ำอย่างไรล่ะเพคะ”“อ้าว!แล้วทำไมนางถึงผลักข้าล่ะ”“คงจะกลัวว่าฝ่าบาทจะได้พบท่านกระมังเพคะ ท่านออกจะงดงามถึงเพียงนี้หากฝ่าบาทได้พบเห็นย่อมได้เป็นที่โปรดปราณของพระองค์เป็นแน่”‘อ่า…โดนสกัดดาวรุ่งว่างั้นเถอะ เฮอะๆ ’“ไม่รับใช้ฝ่าบาทก็ต้องอยู่เดียวดายเช่นนี้หรือ ข้าไม่ต้องทำอะไรหรอกหรือ”“ทำสิเพคะ ท่านต้องปักผ้าส่งไปให้ฮองเฮาในทุกๆ เดือนเลยนะเพคะ ท่านทำได้ดีเชียวล่ะถึงยังได้อยู่ที่ตำหนักแห่งนี้ต่อมีกินมีใช้จนถึงทุกวันนี้โดยไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • เมื่อข้าไม่อยากเป็นสนมของฮ่องเต้   ตอนที่ 3 เที่ยวงานเทศกาลโคมไฟ

    “เจ้าเป็นใครเหตุใดถึงออกมาเดินยามค่ำมืดเช่นนี้?”“เอ่อ...คือว่า”“ใต้เท้าของข้าถามพวกเจ้าเหตุใดถึงไม่ตอบ”“ไม่ต้องกลัวข้าไม่บอกใครหรอกว่าพบพวกเจ้าที่นี่เพียงแค่ห่วงว่าพวกเจ้าจะเป็นอันตรายก็เท่านั้น เป็นเพียงผู้หญิงมากันลำพังสองคนไม่กลัวหรืออย่างไร”“แล้วท่านเป็นใครกันเจ้าคะมาทำลับๆ ล่อๆ ตรงรั้วราชวังทำไมกัน”“นี่เจ้า! ใต้เท้าของข้าถามพวกเจ้าอยู่นะเหตุใดเจ้าถึงมาถามพวกข้ากลับกันเล่า”“กงอี้ ถอยไป”“ขอรับใต้เท้า”“ข้าเป็นเพียงขุนนางเล็กๆ ไม่ได้เป็นคนใหญ่คนโตอะไรหรอกก็เพียงแค่แวะมาหาหลานสาวข้าที่เป็นนางกำนัลตรงตำหนักของพระสนมลิ่งเฟยก็เท่านั้นเอง”“อย่างนี้นี่เอง”“แล้วตกลงว่าพวกเจ้า?”“พวกข้าเป็นนางกำนัลตำหนักหนิงเซียงเจ้าค่ะ”“ตำหนักหนิงเซียงงั้นหรือ?”บุรุษหน้าตาหล่อเหลาผู้นั้นรีบหันไปมองใบหน้าของผู้ติดตามของเขาทันที“ข้าว่าข้าก็คุ้นชื่อตำหนักแห่งนี้อยู่บ้างขอรับใต้เท้า”“ช่างเถอะ ว่าแต่พวกเจ้าสองคนจะไปไหนกันถึงได้ออกมาเดินค่ำๆ มืดๆ เช่นนี้ เจ้านายของพวกเจ้าอนุญาตให้ออกมาเช่นนั้นหรือ”“ก็ที่ทำลับๆ ล่อๆ ก็เพราะว่าแอบออกมานี่ล่ะเจ้าค่ะ”“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นสินะข้าก็คิดเอาไว้แล้วเชียว แล้วพวกเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09

บทล่าสุด

  • เมื่อข้าไม่อยากเป็นสนมของฮ่องเต้   ตอนที่ 6 หนทางสู่ความอิสระ

    “อะไร?เจ้ามองหน้าข้าแบบนั้นทำไม”“พระสนม…”“จะมาโทษข้าไม่ได้นะก็นางมาก่อกวนข้าก่อนนี่นา”“พระสนมเก่งมากเลยเพคะ แต่ท่านก็รู้ว่าฮ่องเต้โปรดปรานสนมลิ่งเฟยมากท่านอาจได้รับโทษก็เป็นได้นะเพคะ”“ข้าไม่กลัว ฆ่าข้าให้ตายไปเสียเลยสิ”“ไม่ได้สิหากข้าต้องโทษจริง ห่วงก็แต่เจ้าก็ต้องมาเดือดร้อนเพราะข้าอีกคน โว้ยยยย! หากไม่ใช่ว่านางมาหาเรื่องข้าก่อนมีหรือที่ข้าจะอารมณ์เสียได้ถึงเพียงนี้กัน”“แต่หากว่าข้าถูกทำโทษจริงเจ้าก็ไม่ต้องห่วงไปหรอก ข้าจะฟาดเจ้าด้วยไม้ท่อนนี้ให้พวกเขาเข้าใจว่าข้าสติไม่ดีทำร้ายคนไปทั่ว ตัวเจ้าเองก็จะรอดจากการถูกลงโทษในครั้งนี้แล้ว”“พระสนม!”“พอแล้วเลิกเรียกข้าเสียที เจ้าก็ดูต้นทางไปเผื่อมีทหารมาจะได้เริ่มแผนการเมื่อครู่ได้ทัน”“โธ่พระสนมหากว่าท่านถูกลงโทษข้าก็ยินดีรับโทษไปพร้อมท่านนะเพคะ พวกเราพูดความจริงทำไมต้องกลัวก็พระสนมลิ่งเฟยชอบมาข่มขู่ท่านทั้งยังใช้งานท่าน ทั้งๆที่ท่านเองก็มีตำแหน่งเทียบเท่ากับนางเพียงแค่ไม่ได้รับการโปรดปรานจากฝ่าบาทเหมือนกับนางก็เท่านั้นเอง”“ช่างเถอะข้าไม่สนใจหรอก ตอนนี้ที่ข้าสนใจคือข้าจะหาเงินจากที่ไหนมาไถ่ตัวเองออกจากวังแห่งนี้ได้เร็วๆกัน”‘เฮ้อ ไหน

  • เมื่อข้าไม่อยากเป็นสนมของฮ่องเต้   ตอนที่ 5 คิดจะรังแกข้า ง่ายไปหรือไม่

    จ้าวซูหลินไม่ได้ออกจากตำหนักหนิงเซียงมาเป็นเวลามากกว่าห้าวันแล้วจนนางรู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งนักนางเอาแต่นอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้ยาวหน้าตำหนักหนิงเซียงมาตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว ดวงตาหงส์งามล้ำจับจ้องไปที่มวลไม้ดอกไม้ประดับที่เจ้าของร่างเดิมลงทุนปลูกด้วยตัวเองเต็มตำหนักไปหมดนางคงจะมีความเหมือนกับเจ้าของร่างเดิมอยู่แค่เพียงชื่นชอบการปลูกไม้สวนไม้ประดับเท่านั้น นอกจากความสามารถนี้แล้วนางก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้เหมือนเจ้าของร่างเดิมนี้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเย็บปักถักร้อย เขียนกลอน ร่ายรำทำเพลง แต่ก็มีอยู่อย่างหนึ่งที่นางถนัดนั่นก็คือวิชาแพทย์‘หากจะเปิดโรงหมอก็ต้องใช้ทุนเยอะสินะ’ “เฮ้อ…”ทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ก็ร่วมหลายวันมาแล้วแต่เหตุใดถึงได้ไม่มีความทรงจำของนางหลงเหลืออยู่เลยล่ะ ไม่รู้จักตัวตนของนางเลยแม้เพียงนิดแบบนี้ข้าก็อึดอัดแย่เลยสิ“เฮ้อ….”ในนิยายที่เคยอ่านๆผ่านมาไฉนเลยนางเอกคนอื่นๆถึงได้มีมิติวิเศษติดตัวไปด้วยเล่า แล้วเพราะเหตุใดกันข้าถึงได้มาตัวเปล่า มีก็แต่เพียงมันสมองที่บรรจุเพียงความรู้ทางการแพทย์ติดตัวมาด้วยเท่านั้น จะไปมีประโยชน์อะไรกับในวังหลวงที่สุดแสนจะน่าเบื่อหน่ายแห่งนี้กัน“เฮ

  • เมื่อข้าไม่อยากเป็นสนมของฮ่องเต้   ตอนที่ 4 สนมผู้ถูกลืมเลือน

    เมื่อปล่อยโคมไฟกันเรียบร้อยแล้วจ้าวซูหลินก็พาคนอื่นๆ เดินเที่ยวทั่วทั้งงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ระหว่างทางก็หยุดแวะซื้อของกินเล่นไปพลางๆ จนซั่วอิงต้องคอยห้ามอยู่บ่อยครั้ง“กินของกินเล่นมาตลอดทางเจ้าอิ่มแล้วหรือไม่”“ยังเจ้าค่ะ ข้าก็ยังรู้สึกหิวอยู่ดี”ใต้เท้าโจวทองใบหน้าที่ทะเล้นของนางก่อนจะหลุดขำทันที“เอาเถอะมื้อนี้ข้าเลี้ยงพวกเจ้าเอง แวะโรงเตี๊ยมข้างหน้านี้กันเถอะ”จ้าวซูหลินหันมองไปตามฝ่ามือที่ผายออกไปทันที ปรากฎให้เห็นเป็นโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงแห่งนี้ หน้าโรงเตี๊ยมมีแม่น้ำไหลตัดผ่านมีเรือโดยสารแล่นผ่านไปทีละลำ บริเวณประตูหน้าประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีแดงดูสวยงามยิ่งนัก ป้ายหน้าโรงเตี๊ยมเขียนชื่อไว้เพียงสามคำว่า ‘ฟู่อันหลง’“มันจะดูหรูหราเกินไปหรือไม่เจ้าค่ะใต้เท้า ข้าออกมาไม่ได้เอาเงินมาเยอะเสียด้วยสิ”“ก็บอกแล้วว่าข้าจะเลี้ยงพวกเจ้าเอง มาเถอะน่าอย่ากังวลไปเลย”“เช่นนั้นมื้อนี้ข้าคงต้องฝากท้องกับท่านแล้วนะเจ้าค่ะ”“ด้วยความยินดีขอรับ”น่าแปลกที่อาหารมื้อนี้พวกเขารู้สึกว่าเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เมื่อกินอาหารกันเสร็จก็เดินย่อยกันสักพักจนมาสุดท

  • เมื่อข้าไม่อยากเป็นสนมของฮ่องเต้   ตอนที่ 3 เที่ยวงานเทศกาลโคมไฟ

    “เจ้าเป็นใครเหตุใดถึงออกมาเดินยามค่ำมืดเช่นนี้?”“เอ่อ...คือว่า”“ใต้เท้าของข้าถามพวกเจ้าเหตุใดถึงไม่ตอบ”“ไม่ต้องกลัวข้าไม่บอกใครหรอกว่าพบพวกเจ้าที่นี่เพียงแค่ห่วงว่าพวกเจ้าจะเป็นอันตรายก็เท่านั้น เป็นเพียงผู้หญิงมากันลำพังสองคนไม่กลัวหรืออย่างไร”“แล้วท่านเป็นใครกันเจ้าคะมาทำลับๆ ล่อๆ ตรงรั้วราชวังทำไมกัน”“นี่เจ้า! ใต้เท้าของข้าถามพวกเจ้าอยู่นะเหตุใดเจ้าถึงมาถามพวกข้ากลับกันเล่า”“กงอี้ ถอยไป”“ขอรับใต้เท้า”“ข้าเป็นเพียงขุนนางเล็กๆ ไม่ได้เป็นคนใหญ่คนโตอะไรหรอกก็เพียงแค่แวะมาหาหลานสาวข้าที่เป็นนางกำนัลตรงตำหนักของพระสนมลิ่งเฟยก็เท่านั้นเอง”“อย่างนี้นี่เอง”“แล้วตกลงว่าพวกเจ้า?”“พวกข้าเป็นนางกำนัลตำหนักหนิงเซียงเจ้าค่ะ”“ตำหนักหนิงเซียงงั้นหรือ?”บุรุษหน้าตาหล่อเหลาผู้นั้นรีบหันไปมองใบหน้าของผู้ติดตามของเขาทันที“ข้าว่าข้าก็คุ้นชื่อตำหนักแห่งนี้อยู่บ้างขอรับใต้เท้า”“ช่างเถอะ ว่าแต่พวกเจ้าสองคนจะไปไหนกันถึงได้ออกมาเดินค่ำๆ มืดๆ เช่นนี้ เจ้านายของพวกเจ้าอนุญาตให้ออกมาเช่นนั้นหรือ”“ก็ที่ทำลับๆ ล่อๆ ก็เพราะว่าแอบออกมานี่ล่ะเจ้าค่ะ”“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นสินะข้าก็คิดเอาไว้แล้วเชียว แล้วพวกเ

  • เมื่อข้าไม่อยากเป็นสนมของฮ่องเต้   ตอนที่ 2 ซวยซ้ำซวยซ้อน

    “ข้าอาจจะเป็นอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ นั่นแหละตอนนี้ข้าก็จำอะไรไม่ได้เลย ไหนเจ้าลองเล่ามาสิว่าข้านั้นคือใครแล้วทำไมถึงต้องมาอยู่ที่นี่”“ท่านคือคุณหนูรองตระกูลจ้าวบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านเสนาบดีจ้าวเพคะ ท่านเข้าวังมาพร้อมกับสหายเพียงคนเดียวของท่านก็คือพระสนมลิ่งเฟยแต่ตอนนั้นพระสนมลิ่งเฟยได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทเพียงผู้เดียวเพราะว่าท่านยอมสละค่ำคืนอันมีค่าให้แก่นาง ตอนนี้ท่านก็เลยต้องมานั่งหงอยเหงาอยู่ตำหนักท้ายวังเพียงลำพังโดยไร้ซึ่งนางกำนัลดูแลจะมีก็เพียงแค่หม่อมฉันคนเดียวเท่านั้นที่อยู่กับท่านจนถึงทุกวันนี้เพคะ”“สหายของข้างั้นหรือ?”“ก็พระสนมลิ่งเฟยคนที่ผลักท่านตกน้ำอย่างไรล่ะเพคะ”“อ้าว!แล้วทำไมนางถึงผลักข้าล่ะ”“คงจะกลัวว่าฝ่าบาทจะได้พบท่านกระมังเพคะ ท่านออกจะงดงามถึงเพียงนี้หากฝ่าบาทได้พบเห็นย่อมได้เป็นที่โปรดปราณของพระองค์เป็นแน่”‘อ่า…โดนสกัดดาวรุ่งว่างั้นเถอะ เฮอะๆ ’“ไม่รับใช้ฝ่าบาทก็ต้องอยู่เดียวดายเช่นนี้หรือ ข้าไม่ต้องทำอะไรหรอกหรือ”“ทำสิเพคะ ท่านต้องปักผ้าส่งไปให้ฮองเฮาในทุกๆ เดือนเลยนะเพคะ ท่านทำได้ดีเชียวล่ะถึงยังได้อยู่ที่ตำหนักแห่งนี้ต่อมีกินมีใช้จนถึงทุกวันนี้โดยไ

  • เมื่อข้าไม่อยากเป็นสนมของฮ่องเต้   ตอนที่ 1 ทะลุมิติ

    “คุณหมอคะ คุณหมอ”“มีอะไรเหรอคะ?”“มีเคสผ่าตัดด่วนเข้ามาค่ะ”“เวลานี้เป็นเวรหมอจุนไม่ใช่หรือ?”“ใช่ค่ะแต่ตอนนี้คุณหมอจุนยังมาไม่ถึงโรงพยาบาลเลยค่ะ คุณไข้อาการสาหัสรอไม่ได้แล้วนะคะ”“ได้ งั้นรีบไปกัน”“ค่ะ”นางพยาบาลรีบเดินตามคุณหมอไปอย่างรีบเร่งก่อนจะอธิบายเคสฉุกเฉินนี้ให้เธอฟังคร่าวๆ“เคสนี้เป็นเคสฉุกเฉินคนไข้เป็นทายาทของตระกูลโจวซึ่งเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนี้ด้วยค่ะ”“โอเค เตรียมชุดกับเครื่องมือเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”“ค่ะคุณหมอ”จ้าวซูหลินเป็นหมอหญิงที่มีฝีมือผ่าตัดเป็นอันดับหนึ่งของเมืองลั่วหนานแห่งนี้ เธอจำเป็นต้องเข้าผ่าตัดให้ทายาทตระกูลโจวที่โด่งดังที่สุดในประเทศนี้แทนคุณหมอจุนเป็นการฉุกเฉินแม้จะรู้สึกตื่นเต้นมากแต่เธอก็พยายามทำทุกอย่างอย่างระมัดระวังและตั้งใจที่สุดการผ่าตัดใช้เวลายาวนานร่วม12ชั่วโมงในที่สุดการผ่าตัดก็เสร็จสิ้นลงและสำเร็จไปได้ด้วยดี จ้าวซูหลินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยอาการเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง“คุณหมอจ้าว ขอบคุณที่เข้าผ่าตัดแทนผมนะครับ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณประสบอุบัติเหตุเป็นอะไรมากหรือเปล่าค่ะ”“อ๋อ พอดีว่ามีรถชนกันตรงกลางสะพานน่ะครับรถหลายคันรวมถึงของผมด้ว

DMCA.com Protection Status