ฉันแพรกับอลันรีบตามคุณคานส์ที่อุ้มแป้งเข้ามาในบ้าน พอคุณคานส์วางแป้งลงเขาก็รีบไปหากล่องปฐมพยาบาลอย่างร้อนรน ส่วนแป้งเธอก็ร้องโอดโอยราวกับเจ็บมาก พอได้กล่องปฐมพยาบาลมาแล้วคุณคานส์ก็กำลังจะเดินกลับไปหาแป้ง แต่ฉันเดินมาขวางทางเอาไว้ก่อน “มีอะไร ?” คุณคานส์เลิกคิ้วถาม “เดี๋ยวอลิชทำแผลให้เธอเองค่ะ” พูดจบฉันก็ดึงกล่องทำแผลมาจากมือของคุณคานส์แล้วเดินไปหาแป้ง สีหน้าของเธอดูไม่ค่อยเจ็บแบบตอนแรกเมื่อรู้ว่าฉันจะทำแผลให้ เป็นแบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันคิด“เกรงใจจังเลยค่ะ” แป้งเธอพูดขึ้นในขณะที่ฉันกำลังจะทำแผลให้ตัวเอง “ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ อลิชเต็มใจทำให้”ฉันนั่งทำแผลให้แป้ง จริงๆ มันก็ไม่ใช่หน้าที่และฉันก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ แต่มันก็คงจะดีกว่าถ้าให้คุณคานส์มาทำเอง “ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ” พอทำแผลเสร็จแป้งเธอก็รีบเอ่ยขอบคุณฉัน ฉันไม่ได้ตอบอะไรก้มหน้าเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่องแล้วเอาไปเก็บไว้ที่เดิม โดยมีแพรเดินตามมาติดๆ “แกกำลังคิดมากอยู่ ฉันดูสีหน้าของแกออก” “ปะ เปล่า” ฉันหลบสายตาแพรแล้วรีบเอากล่องปฐมพยาบาลเก็บไว้ที่เดิม แล้วรีบเดินกลับออกไปที่เดิม แต่ภาพที่เห็นคือคุณคานส์กำลังประคองแป้งอยู่ “เ
ดูจากสีหน้าของคุณคานส์แล้วคำขอข้อนี้ของฉันมันคงจะทำให้เขาลำบากใจพอสมควร ฉันขอมากไปอย่างนั้นหรอ “เธอต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ ฉันตกลงจะทำธุรกิจไปแล้วถ้ากลับคำพูดมันจะทำให้บริษัทไม่น่าเชื่อถือ” “ให้อลิสมีเหตุผลอย่างนั้นหรอคะ แล้วทีมีผู้ชายเข้าใกล้อลิชล่ะคุณคานส์รู้สึกยังไง คุณคานส์ก็งี่เง่าไม่มีเหตุผลเหมือนกันที่อลิชเป็นอยู่ตอนนี้”“อลิช ใจเย็นๆ หน่อยได้ไหม มันไม่ได้มีอะไรเลย ฉันบริสุทธิ์ใจถึงได้ตัดสินใจบอกเธอ” “วันนี้ไม่มีอะไรแล้ววันหน้าละคะ ถ้าอลิชรู้ก็คงไม่ยอมให้คุณคานส์ทำธุรกิจกับเธอตั้งแต่แรก”“ไว้ให้ใจเย็นกว่านี้แล้วเราค่อยมาคุยกันอีกครั้งดีกว่านะ” คุณคานส์ถอนหายใจออกมาเหมือนเบื่อหน่ายที่ฉันไม่ยอมฟังเหตุผลของเขา “ห้ามเดินนี้อลิชนะ ยังไงวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง!!” ฉันตวาดบอกคุณคานส์เสียงดัง ทำให้คุณคานส์ที่กำลังจะเดินเข้าบ้านหยุดเดินแล้วหันมามองฉัน “ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอไปมากกว่านี้” “แล้วคิดว่าอลิชอยากทะเลาะหรือเปล่าคะ อลิชก็ไม่อยากงี่เง่า แต่มารู้แบบนี้จะให้อลิชรู้สึกยังไง แค่รู่ว่าเธอเป็นแฟนเก่าของคุณคานส์มันก็ช้ำใจมากพอแล้ว นี่คุณคานส์ยังจะทำธุรกิจกับเธอต่ออีก”“ฉันขอ
ฉันหยุดนิ่งมองหน้าคุณคานส์ครู่หนึ่งแล้วนึกถึงคำที่แป้งบอกว่าชุดในมือของฉันคทอชุดที่เธอเคยบอกกับคุณคานส์ว่าอยากใส่มัน “ก็เห็นอยู่ว่าอลิชกำลังทำอะไร ยังจะถามอีกหรอคะ” “โกรธฉันแล้วทำไมต้องมาลงที่ชุดแบบนี้!!” “ชุดนี้ใครเป็นคนสั่งตัดคะ อลิชไม่ได้เลือก” ฉันถามคุณคานส์เสียงแข็ง “ฉันเป็นคนเลือกให้เธอเอง ทำไมอะไรที่ฉันเลือกให้ตอนนี้เธอไม่ต้องการแล้วใช่ไหม จะโกรธจนไม่คิดถึงใจคนอื่นแบบนี้หรือไงอลิช” “ทำไมเลือกจะต่อว่าอลิช ทำไมไม่ถามก่อนล่ะคะว่าเกิดอะไรขึ้น” “ก็เห็นอยู่ว่าเธอกำลังเอาแต่ใจโดยการทำรายข้าวของแบบนี้” ยิ่งฟังคุณคานส์พูดมันก็ยิ่งทำให้ฉันเสียความรู้สึก ฉันหันมองแป้งตอนนี้เธอกำลังยิ้มเยาะเย้ยฉันอยู่ “สาแก่ใจเธอแล้วใช่ไหม” ฉันพูดกับแป้งก่อนจะทิ้งชุดในมือลงพื้นแล้วใช้เท้าเหยียบมันก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านโดยมีคุณคานส์ตามมาติดๆ พอเห็นว่าคุณคานส์เดินตามมาฉันก็รีบเดินเร็วขึ้นเพื่อจะเข้าห้องได้ทันก่อนที่เข้าจะตามเข้ามาในห้องด้วย แต่ทว่าพอกำลังจะปิดประตูคุณคานส์ก็ดันเอาไว้ และด้วยความที่ฉันเป็นผู้หญิงทำให้สู้แรงเขาไม่ได้ “ออกไปนะ!!” ฉันตวาดบอกคุณคานส์ “จะให้ออกไปไหนฉันก็นอนห้อ
แป้งเธอเอาแต่หวีดร้องแล้วก็เรียกให้คุณคานส์ช่วย แพรกับอลันรีบมาที่ห้องของฉันพร้อมๆ กันด้วยสีหน้าที่แตกตื่น“อลิช” แพรยกมือขึ้นปิดปากแล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นฉันกระชากผมแป้งอยู่ “เป็นบ้าไปหรือไง ปล่อยนะฉันเจ็บ” แป้งไม่ได้โต้ตอบ ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเปล่า ถ้าคุณคานส์ไม่ได้อยู่ตรงนี้เธออาจจะสวนกลับฉันแล้วก็ได้ “เวลาอยู่กับฉันสองคนเธอพูดยังไง พูดมาสิพูดต่อหน้าทุกคน ให้คนอื่นได้รู้ว่าเธอมันตอแหลแค่ไหน” “ฉันพูดอะไร อย่าใส่ร้ายกันแบบนี้สิอลิช” “ฉันใส่ร้ายเธองั้นหรอ ได้!! ฉันจะทำให้เธอพูดเอง” ฉันกระชากศรีษะแป้งให้เงยขึ้น จากนั้นก็ง้างมือเตรียมจะตบเธอ แต่!! คุณคานส์กลับคว้ามือมาจับแขนฉันเอาไว้ นี่เขาเป็นห่วงแป้งงั้นหรอ..พอคุณคานส์ห้ามฉันก็จ้องเขาตาเขม็ง แล้วพูด “อลิชบอกแล้วนะคะว่าอย่าห้าม” “ทำแบบนี้มันไม่เกินไปหรือไง เธอรุนแรงเกินไปแล้วอลิช” คุณคานส์ถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วแกะมือที่ฉันจิกผมแป้งออก ซึ่งฉันก็ยอมปล่อยแต่โดยดีเพราะคำพูดของคุณคานส์ที่มันทำให้ฉันเสียความรู้สึก “อลิชแค่เอาคืนที่เธอพูดไม่ดี แปลว่าอลิชรุนแรงงั้นหรอคะ” “ฉันไม่อยากให้เธอใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหาแบบนี้” “แต่ผู้หญิงแ
“ฉันไม่ได้พูดอะไรบ้าๆ แบบนั้น ฉันไม่เคยคิดอยากจะหย่ากับเธอ” ผมจะยื่นมือไปจับแขนอลิชก็รีบปัดมือผมออก แววตาของเธอที่มองผมตอนนี้มันเปลี่ยนไปจากเดิม “จะให้อลิชเชื่อได้ยังไงในเมื่อเห็นคุณคานส์จูบกับเธอเต็มสองตาแบบนั้น” “คานส์ปล่อยเธอไปได้แล้วค่ะ” แป้งเดินมากอดแขนผม สิ่งที่ผมทำคือสะบัดแขนออกแรงๆ แล้วหันมาจ้องเธอตาเขม็ง “ทำแบบนี้เพื่ออะไรวะ!! พูดแบบนั้นทำไม” “…แป้งรักคานส์นะ ยังรักเหมือนเดิม” “แต่ฉันกำลังจะแต่งงาน และฉันก็ไม่มีวันกลับไปหาผู้หญิงอย่างเธอ” ผมขอคืนคำพูดที่แป้งทำให้ผมหวั่นไหวอีกครั้ง ตอนนี้หัวใจของผมมันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว ทุกอย่างมันชัดเจนขึ้นเมื่อผมรู้ว่าแป้งตั้งใจจะทำให้ผมกับอลิชทะเลาะกัน ผมนี่มันโง่จริงๆ!!“ไสหัวกลับไปซะ!! ถ้าฉันเห็นหน้าเธออีกเธอได้ถูกจับโยนออกไปนอกบ้านแน่” “คานส์ทำไมถึงใจร้ายกับแป้งแบบนี้ละคะ” “เธอทำให้ฉันต้องร้ายเอง!! รีบกลับไปซะ” พูดจบผมก็หันกลับมาเพื่อจะอธิบายให้อลิชฟัง แต่ทว่าเธอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ผมจึงรีบวิ่งตามขึ้นไปชั้นบน Talk อลิชฉันขึ้นมาบนห้องเพื่อเก็บเสื้อผ้า ไม่ได้อยู่รอฟังว่าคุณคานส์พูดกับแป้งว่ายังไง ถ้าฉันไม่ลงไปที่ชั
ตรวจคำผิดย้อนหลังนะคะ——————- #คอนโดของอลันคุณคานส์ปล่อยฉันแล้วจริงๆ เขาไม่ได้ตามมาและไม่โทรหา ซี่งมันก็เป็นสิ่งที่ฉันต้องการแต่ทำไมฉันถึงต้องมาเสียใจมากขนาดนี้ ตั้งแต่นั่งรถจนมาถึงคอนโดอลันฉันก็เอาแต่ร้องไห้ ถึงแม้พยายามหยุดร้องแต่น้ำตามันก็ไหลออกมาอยู่ดี ภาพของคุณคานส์กับแป้งที่จูบกันมันยังวนเวียนอยู่ในหัว คิดถึงทีไรมันก็ทำให้รู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะเป็นบ้า “อลิชหยุดร้องได้แล้วแกร้องไห้ตั้งแต่นั่งรถมาแล้วนะ” แพรถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเอาน้ำเปล่าวางลงก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆ กับฉัน “อึก~ ทำไมฉันถึงโชคร้ายแบบนี้นะ คิดว่าทุกอย่างกำลังจะดีแล้วแท้ๆ” “แกเป็นอะไรทำไมทะเลาะกับคุณคานส์ถึงขั้นแยกทางกันแบบนี้เล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม” แพรยังไม่รู้เรื่องที่ฉันเห็นคุณคานส์จูบกับแป้ง เธอพยายามเค้นถามบนรถแต่เพราะฉันเอาแต่ร้องให้ก็เลยไม่ได้เล่าอะไร “ฉะ ฉันเห็น อึก~ เห็นคุณคานส์กับแป้งจูบกัน” พอบอกแบบนั้นแพรก็ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองพร้อมกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ“กะ แกแน่ในหรออลิช คุณคานส์กล้าทำถึงขนาดนั้นเชียวหรอ” แพรถามย้ำ เธอดูจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันบอกเท่าไหร่ “เพราะว่าฉันเห็นถึงได้ตัดสินใจออกมา
ผมขับรถออกมาจากบ้านด้วยความเร็วเพื่อจะตามไปขอโอกาศกับอลิชอีกครั้ง ผมเสียเวลาไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ กับการลังเลว่าจะเอายังไงต่อไปกับชีวิต คิดจะปล่อยเธอไป แต่สุดท้ายแล้วพอได้มาถามกับตัวเองซ้ำๆ และคิดตามคำพูดของพ่อ มันก็ทำให้ผมได้รู้แล้วว่าไม่สามารถปล่อยอลิชไปได้ ผมตั้งใจจะไปอธิบายหวังว่าเธอจะรับฟัง…และกลับมาเชื่อใจผมอีกครั้ง กริ้ง~ ในขณะที่กำลังขับรถอยู่มีสายเรียกเข้ามาในโทรศัพท์ ผมก้มมองดูเบอร์คนที่โทรเข้ามาคือแป้ง เธอโทรมาหาผมบ่อยครั้งแต่ผมไม่รับสาย ไม่ใช่แค่โทรเธอยังมาหาที่บ้าน แต่ไม่ว่าจะมาที่บ้านกี่ครั้งเธอก็ไม่ได้เจอผม เพราะผมสั่งให้ลูกน้องไล่เธอกลับไป แม้แต่หน้าประตูทางเข้ามาในบ้านเธอก็ไม่ได้ขึ้นมาเหยียบ ความรู้สึกหวั่นไหวบ้านั่นมันจะไม่เกิดขึ้นกับผมอีก!! ผมขับรถมาหลายชั่วโมงโดยที่ไม่ได้จอดพักที่ไหนนอกจากเข้าปั้มเติมน้ำมัน มาถึงที่บ้านของอลิชก็เกือบจะช่วงเย็น เมื่อรถเลี้ยวมาภายในรั้งบ้านผมก็ทำใจไว้แล้วว่าจะเจอกับอะไร อย่างแรกเลยก็คงจะเป็นลูกปืน อย่างที่สองอลิชคงไม่ยอมออกมาเจอหน้าผมแน่ๆ วันนั้นผมไม่น่าปล่อยให้เธอกลับมาที่บ้าน ไม่น่ายอมให้ทุกอย่างมันจบลงเลยจริงๆ ทันทีที่รถของผ
ฉันยิ้มให้กับคำชมของโอม ฉันพูดภาษาเหนือไม่ได้หรอกแต่ฟังรู้เรื่องเพราะย่าเป็นคนเหนือ จริงๆ ก็อยากจะพูดได้นะเพราะภาษาเหนือมีเสน่ห์มากๆ โอมยิ้มหวานให้ฉันก่อนที่สายตาจะเลื่อนต่ำลงมามองที่ท้องของฉันแล้วเบิกตากว้าง “ปี้ท้องกะว่าอ้วน”“แม้หนุ่มน้อยใครเขาจะอ้วนแค่ตรงท้องล่ะ” แพรพูดขึ้นแล้วส่ายหน้าไปมาให้กับโอม “พี่ท้องน่ะ ^_^” “ฮู้ตัวก่อว่าปี้ยะหื้อผมเหมือนคนกำลังอกหัก”“อย่าแก่แดดสิ ยังไม่ขึ้นมหาวิทยาลัยเลยนะเราอะ” ที่ฉันรู้ว่าโอมยังไม่ขึ้นมหาวิทยาลัยก็เพราะว่าชุดที่เขาใส่มาเป็นชุดนักเรียน ม.ปลายอยู่ “ละอ่อนก็ฮักเป็นเน้อปี้”“รักอะไรยิ่งพูดยิ่งเลอะเทอะใหญ่แล้วนะโอม” “ผมฮักเมาปี้ตั้งมอก ป.2 แล้ว” โอมทำหน้าบึ้งใส่ฉัน ไม่รู้ว่าฉันจะสงสารดีไหมเนี่ย แต่ท่าทางของโอมมันทำให้ฉันอดขำออกมาไม่ได้จริงๆ “ผมอู้แต้หนาว่าผมฮักเมาปี้ตั้งมอก ป.2 จนถึงบะเดี่ยวจนได้ปิกมาเจอปี้อลิชแหม มันยะหื้อหัวใจผมเต้นแฮง”“เด็กคนนี้ท่าจะเอาจริงนะแก” แพรกระซิบบอกฉัน ก่อนจะพูดกับโอม “นี่เพื่อนพี่ถึงจะท้องแต่ตอนนี้โสดนะ สนใจเปล่าล่ะ ^_^” ฉันรีบหยิกแขนเพื่อนไปหนึ่งที ดูก็รู้ว่าแพรอยากจะจับคู่ให้ฉัน แถมยังพูดอะไรที่มันไ