ผมขับรถออกมาจากบ้านด้วยความเร็วเพื่อจะตามไปขอโอกาศกับอลิชอีกครั้ง ผมเสียเวลาไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ กับการลังเลว่าจะเอายังไงต่อไปกับชีวิต คิดจะปล่อยเธอไป แต่สุดท้ายแล้วพอได้มาถามกับตัวเองซ้ำๆ และคิดตามคำพูดของพ่อ มันก็ทำให้ผมได้รู้แล้วว่าไม่สามารถปล่อยอลิชไปได้ ผมตั้งใจจะไปอธิบายหวังว่าเธอจะรับฟัง…และกลับมาเชื่อใจผมอีกครั้ง กริ้ง~ ในขณะที่กำลังขับรถอยู่มีสายเรียกเข้ามาในโทรศัพท์ ผมก้มมองดูเบอร์คนที่โทรเข้ามาคือแป้ง เธอโทรมาหาผมบ่อยครั้งแต่ผมไม่รับสาย ไม่ใช่แค่โทรเธอยังมาหาที่บ้าน แต่ไม่ว่าจะมาที่บ้านกี่ครั้งเธอก็ไม่ได้เจอผม เพราะผมสั่งให้ลูกน้องไล่เธอกลับไป แม้แต่หน้าประตูทางเข้ามาในบ้านเธอก็ไม่ได้ขึ้นมาเหยียบ ความรู้สึกหวั่นไหวบ้านั่นมันจะไม่เกิดขึ้นกับผมอีก!! ผมขับรถมาหลายชั่วโมงโดยที่ไม่ได้จอดพักที่ไหนนอกจากเข้าปั้มเติมน้ำมัน มาถึงที่บ้านของอลิชก็เกือบจะช่วงเย็น เมื่อรถเลี้ยวมาภายในรั้งบ้านผมก็ทำใจไว้แล้วว่าจะเจอกับอะไร อย่างแรกเลยก็คงจะเป็นลูกปืน อย่างที่สองอลิชคงไม่ยอมออกมาเจอหน้าผมแน่ๆ วันนั้นผมไม่น่าปล่อยให้เธอกลับมาที่บ้าน ไม่น่ายอมให้ทุกอย่างมันจบลงเลยจริงๆ ทันทีที่รถของผ
ฉันยิ้มให้กับคำชมของโอม ฉันพูดภาษาเหนือไม่ได้หรอกแต่ฟังรู้เรื่องเพราะย่าเป็นคนเหนือ จริงๆ ก็อยากจะพูดได้นะเพราะภาษาเหนือมีเสน่ห์มากๆ โอมยิ้มหวานให้ฉันก่อนที่สายตาจะเลื่อนต่ำลงมามองที่ท้องของฉันแล้วเบิกตากว้าง “ปี้ท้องกะว่าอ้วน”“แม้หนุ่มน้อยใครเขาจะอ้วนแค่ตรงท้องล่ะ” แพรพูดขึ้นแล้วส่ายหน้าไปมาให้กับโอม “พี่ท้องน่ะ ^_^” “ฮู้ตัวก่อว่าปี้ยะหื้อผมเหมือนคนกำลังอกหัก”“อย่าแก่แดดสิ ยังไม่ขึ้นมหาวิทยาลัยเลยนะเราอะ” ที่ฉันรู้ว่าโอมยังไม่ขึ้นมหาวิทยาลัยก็เพราะว่าชุดที่เขาใส่มาเป็นชุดนักเรียน ม.ปลายอยู่ “ละอ่อนก็ฮักเป็นเน้อปี้”“รักอะไรยิ่งพูดยิ่งเลอะเทอะใหญ่แล้วนะโอม” “ผมฮักเมาปี้ตั้งมอก ป.2 แล้ว” โอมทำหน้าบึ้งใส่ฉัน ไม่รู้ว่าฉันจะสงสารดีไหมเนี่ย แต่ท่าทางของโอมมันทำให้ฉันอดขำออกมาไม่ได้จริงๆ “ผมอู้แต้หนาว่าผมฮักเมาปี้ตั้งมอก ป.2 จนถึงบะเดี่ยวจนได้ปิกมาเจอปี้อลิชแหม มันยะหื้อหัวใจผมเต้นแฮง”“เด็กคนนี้ท่าจะเอาจริงนะแก” แพรกระซิบบอกฉัน ก่อนจะพูดกับโอม “นี่เพื่อนพี่ถึงจะท้องแต่ตอนนี้โสดนะ สนใจเปล่าล่ะ ^_^” ฉันรีบหยิกแขนเพื่อนไปหนึ่งที ดูก็รู้ว่าแพรอยากจะจับคู่ให้ฉัน แถมยังพูดอะไรที่มันไ
ฉันหันมองเห็นว่าโอมยืนฟังอยู่จึงเดินเลี่ยงออกมาคุยไกลๆ ( ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร ทำไมถึงอยู่กับเธอ ) คุณคานส์ถามอีกครั้ง เขาคงจะคาดคั้นให้ฉันตอบให้ได้สินะ ( คุณคานส์ไม่มีสิทธิ์แล้วนะคะ ลืมไปแล้วหรือไง ) พอฉันพูดครั้งนี้คุณคานส์เงียบ ได้ยินแค่เสียงหายใจออกมาแรงๆ หลายครั้ง ก่อนที่เสียงของลมหายใจนั้นจะเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นเบาๆ พอได้ยินเสียงสะอื้นจากปลายสายฉันก็เผลอกำมือแน่น ได้แต่พยายามย้ำกับตัวเองว่าห้ามใจอ่อนเด็ดขาด ( ทำไมต้องหนีฉัน ทำไมต้องเอาลูกไปจากฉัน ) ( เคยบอกไปแล้วไงคะว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากการกระทำของคุณคานส์เองทั้งนั้น ) ( แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรที่ทรยศเธอเลยด้วยซ้ำ!! )( มั่นใจหรอคะ แค่คุณคานส์หวั่นไหวกับแป้งนั่นแหละค่ะคือการทรยศ ) คุณคานส์เงียบ ฉันคิดว่าเขาจะมองเห็นความผิดของตัวเองบ้าง แต่เปล่าเลย… ( ฉันอยากขอโอกาส ) คุณคานส์บอกน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย ( อลิชยังไม่พร้อมเปิดใจตอนนี้ ) ( แล้วเมื่อไหร่เธอถึงจะเปิดใจให้ฉันอีกครั้ง )( สำหรับคุณคานส์…มันคงไม่มีวันนั้นหรอกค่ะ ) ( แค่ครั้งสุดท้ายก็ไม่ได้หรือไง ) ( โอกาสครั้งสุดท้ายอลิชให้ไปแล้วค่ะ แต่คุณคานส
Talk อลิช#บ้าน วันนี้เป็นวันดีออกไปขายเสื้อผ้าไม่ถึงสองชั่วโมงก็ได้กลับบ้านแล้ว เพราะขายหมดเกลี้ยง “นี่มันเกินคาดมากเลยนะแก ฉันคิดว่าวันแรกจะเหงาๆ ขายไม่ได้ซะอีก ที่ไหนได้ลูกค้าเข้าร้านเยอะมาก ขายหมดภายในสองชั่วโมงแหนะ” “ของหมดแบบนี้แล้วพรุ่งนี้เราจะเอาอะไรมาขายกันล่ะแก” ฉันถามแพร มันก็ดีใจแต่ก็คิดหนักเพราะพรุ่งนี้คงไม่มีของขายแน่ๆ “ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันจัดการเอง รับลองมีของมาขายพรุ่งนี้ชัวร์ๆ” พูดจบแพรก็ยื่นเงินที่ได้ตากการขายเสื้อผ้าทั้งหมดมาให้ฉัน “แกเอาเงินนี้เก็บไว้นะ” “บ้าหรอ! ต้องแบ่งกันสิ อีกอย่างแกเป็นคนลงทุนจะมาให้ฉันทั้งหมดได้ยังไง”“แกท้องอยู่มีภาระต้องรับผิดชอบ ส่วนฉันตัวคนเดียวไม่ได้มีภาระอะไร” “แต่ฉันก็พอมีเงินอยู่บ้าง” “รับไว้เถอะน่า ถ้าไม่รับไว้ฉันน้อยใจแย่” การกระทำของแพรมันทำให้ฉันซึ้งจนอยากจะร้องไห้ เธอดีกับฉันทุกอย่างจริงๆ ถึงจะไม่อยากรับเงินมาคนเดียวแต่สุดท้ายฉันก็ต้องรับมาไว้ “ไปอาบน้ำนอนได้แล้วแกน่ะ คนท้องห้ามนอนดึกนะ” “จ้า นี่เพื่อนหรือแม่คะ” ฉันกับแพรยิ้มให้กันก่อนจะต่างแยกย้ายกันเข้านอน ทุกครั้งที่หลับตาลงฉันมักจะคิดถึงเรื่องราวดีๆ ที่คุณคานส์ทำให
หัวใจดวงน้อยมันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าผู้ชายตรงหน้าคือคุณคานส์จริงๆ เขากำลังช่วยเก็บเสื้อผ้าให้ ส่วนฉันก็นิ่งเหมือนวิญญาณมันหลุดออกไปจากร่างทำไมกันทั้งที่เคยขอให้ปล่อยฉันไป ทำไมเขาถึงกลับมา หนีมาขนาดนี้แล้วทำไมถึงตามมาได้ “เธอไปรอที่รถก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันเก็บให้เอง” คุณคานส์หันมาบอก เขาทำเหมือนว่าระหว่างเรามันเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน ฉันกำหมัดแน่น สมองคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเจ็บปวดเพราะผู้ชายคนนี้ “ไปให้พ้น” พอฉันบอกแบบนั้นคุณคานส์ก็ชะงัก เขาค่อยๆ หันหน้ามามองฉันช้าๆ เหมือนจะตกใจที่ได้ยินฉันไล่“…เดี๋ยวฉันพาไปที่รถ” คำพูดที่ฉันไล่เขามันคงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะคุณคานส์ทำเมินเหมือนฉันไม่ได้พูดอะไรเลย แถมยังเดินมาประคองตัวฉันอีกต่างหาก พรึบ! ฉันผลักคุณคานส์ออก “อย่ามาถูกตัวอลิชนะ จะไปไหนก็ไป!!” “เห็นไหมว่าฝนกำลังจะตก จะด่าจะว่าฉันก็เอาไว้ทีหลัง” คุณคานส์ตอบแบบไม่สนใจ จากนั้นเขาก็ตั้งใจเก็บเสื้อผ้าต่อ ฉันเห็นว่าฝนมันกำลังจะตกแล้วจริงๆ จึงพยายามระงับอารมณ์และความรู้สึกมากมายเอาไว้ ก่อนจะเร่งมือเก็บเสื้อผ้าใส่กล่อง เพราะหากว่าฉันเอาแต่ตัวเองข้าวของที่ต้องขายคงจะเสียหายแน่ๆ “กล
“ฝนหยุดตกแล้ว ลงจากรถไปได้แล้วค่ะ” ฉันมองออกไปด้านนอกเห็นว่าฝนหยุดตกแล้วจึบรีบไล่คุณคานส์ลงจากรถทันที “…….” คุณคานส์ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาเงียบไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็เปิดประตูรถเดินออกไปทั้งๆ ที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อ แถมยังทิ้งถุงเสื้อเปียกเอาไว้ในรถอีกต่างหาก ฉันละสายตาจากแผ่นหลังของคุณคานส์แล้วรีบขับรถกลับมาที่บ้าน #บ้าน กำลังนั่งคิดว่าควรจะบอกพ่อหรือบอกอลันดีหรือเปล่าเรื่องที่คุณคานส์ตามมาถึงที่นี่ หรือจะหนีเขาอีกครั้งดี“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่อลิช” แพรที่อยู่ในสภาพใบหน้าซีดเผือดจากพิษไข้เดินออกมาจากห้องแล้วถามฉัน “เมื่อกี้น่ะ แล้วนี่ทำไมแกไม่นอนพัก” “ฝนตกฉันเลยตื่นน่ะ แล้วที่ตลาดตกหรือเปล่า”“อื้อ ตกเหมือนกัน” “แล้วแกเก็บเสื้อผ้าทันหรอ หรือโอมไปช่วย ?”“โอมไม่ได้มาช่วยหรอก” ฉันค่อยๆ บีบมือแน่นคิดว่าจะบอกแพรเรื่องคุณคานส์ เพราะแพรอยู่ที่นี่ยังไงก็ต้องเห็นเขาอยู่แล้ว “อ้าว! โอมไม่ไปช่วยแล้วแกเก็บของคนเดียวไหวหรอ” แพรขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ “….คุณคานส์ช่วยเก็บ” “ห๊ะ! แกว่ายังไงนะ คุณคานส์อย่างนั้นหรอ” แพรอุทานออกมาเสียงดังทั้งที่ตัวเองเสียงแหบแห้งอยู่ในลำคอ “อื้อ เขาตามหาฉันเจอแ
ฉันเบือนหน้าหนีโดยไม่ตอบอะไร แต่คุณคานส์กลับคิดเข้าข้างตัวเอง “ถ้าไม่ตอบแปลว่าอนุญาตให้ฉันจีบได้แล้วนะ” “มะ….” พอฉันจะหันไปปฏิเสธก็ไม่ทัน เพราะคุณคานส์รีบเปิดประตูลงไปจากรถ ฝันไปเถอะว่าฉันจะให้เขาจีบ ทำไมไม่ไปจีบแฟนเก่าเขาล่ะ หวั่นไหวกับเธอไม่ใช่หรือไง เมื่อสมองมันคิดถึงแป้งฉันก็หงุดหงิดจนหน้าแดง คุณคานส์ยกกล่องลังเสื้อผ้ากับรองเท้าลงจากรถแล้วจัดร้าน ฉันเองก็นั่งในรถในเมื่อเขาอยากวุ่นวายมากก็ให้ทำไป ยุ่งดีนัก วันนี้คนไม่ค่อยมาเดินตลาดเท่าไหร่เพราะบรรยากาศคล้ายฝนจะตก ตอนออกมาจากบ้านยังไม่มีท่าทีเมฆครึ้ม แต่พอขายไปได้สักพักลมก็เล่มพัดแรงขึ้น ที่ฉันรู้ว่าลมพัดแรงก็เพราะว่าเปิดกระจกรถเอาไว้ ขณะที่คุณคานส์กำลังขายเสื้อผ้าอยู่เขาก็ไอออกมาแทบจะตลอดเวลา ฉันเห็นว่าวันนี้คงขายได้ไม่มากจึงเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาบอกคุณคานส์ “เก็บของกลับบ้าน” ฉันบอกสั้นๆ จากนั้นก็เดินกลับเข้ามานั่งในรถเหมือนเดิม ส่วนคุณคานส์ก็เก็บของตามที่ฉันบอก ใช่เวลานานพอสมควร หลังจากเก็บของเสร็จคุณคานส์ก็ขึ้นมาบนรถ “ยังขายได้ไม่เท่าไหร่เลย ทำไมให้รีบเก็บของ แค่กๆ” “ไม่เห็นหรือไงคะว่าฝนกำลังจะตก” ฉันตวาดบอกอย่างร
ฉันเดินมาได้สี่ห้าก้าวก็ต้องหยุดคิดทบทวนว่าจะไปหรือไม่ไปดี ถ้าไปคุณคานส์ก็คงจะคิดว่าฉันเป็นห่วงตัวเองแน่ๆ แต่แบบนั้นมันจะดูใจดำเกินไปหรือเปล่านะ เอาล่ะ! ไปก็ไป หลังจากที่ทบทวนอยู่นานสองนานสุดท้ายฉันก็เลือกจะไปดูคุณคานส์ เมื่อเดินมาถึงที่บ้านแล้วลองจับประตูดูปรากฏว่าไม่ได้ล็อก ไม่ล็อกบ้านแบบนี้ไม่กลัวโขมยหรือไงฉันนึกบ่นในใจแล้วเดินเข้ามาด้านในบ้าน บรรยากาศเงียบสงัดราวไม่มีคนอยู่ แถมยังวังเวง “คุณคานส์” ฉันส่งเสียงเรียกและรอฟังว่าจะมีเสียงตอบกลับมาหรือเปล่า แต่ก็ไร้วี่แววจึงเรียกซ้ำ “คุณคานส์อยู่บ้านหรือเปล่าคะ อย่าเงียบแบบนี้สิ” เรียกครั้งที่สองก็ยังเหมือนเดิม ไร้เสียงตอบกลับมา ฉันเหลือบตามองเห็นประตูห้องสองห้องอยู่ติดกันจึงเดินมาเปิดประตูหนึ่งก่อนว่าใช่ห้องนอนของคุณคานส์หรือเปล่า เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็เจอกับห้องที่คล้ายห้องเก็บของ ในตอนแรกฉันไม่ได้สนใจกำลังจะถอยหลังเดินมาเปิดประตูอีกห้อง แต่จู่ๆ มันก็รู้สึกคุ้นตากับพวกถุงผ้าและกล่องรองเท้าที่วางกองอยู่ ฉันกดสวิตช์เปิดไฟให้สว่างเพื่อจะได้มองเห็นชัดๆ และเมื่อได้เห็นเต็มตาฉันก็ต้องอ้าปากค้างตามมาด้วยความโกรธ ข้าวของที่วางกองอยู