ฉันยิ้มให้กับคำชมของโอม ฉันพูดภาษาเหนือไม่ได้หรอกแต่ฟังรู้เรื่องเพราะย่าเป็นคนเหนือ จริงๆ ก็อยากจะพูดได้นะเพราะภาษาเหนือมีเสน่ห์มากๆ โอมยิ้มหวานให้ฉันก่อนที่สายตาจะเลื่อนต่ำลงมามองที่ท้องของฉันแล้วเบิกตากว้าง “ปี้ท้องกะว่าอ้วน”“แม้หนุ่มน้อยใครเขาจะอ้วนแค่ตรงท้องล่ะ” แพรพูดขึ้นแล้วส่ายหน้าไปมาให้กับโอม “พี่ท้องน่ะ ^_^” “ฮู้ตัวก่อว่าปี้ยะหื้อผมเหมือนคนกำลังอกหัก”“อย่าแก่แดดสิ ยังไม่ขึ้นมหาวิทยาลัยเลยนะเราอะ” ที่ฉันรู้ว่าโอมยังไม่ขึ้นมหาวิทยาลัยก็เพราะว่าชุดที่เขาใส่มาเป็นชุดนักเรียน ม.ปลายอยู่ “ละอ่อนก็ฮักเป็นเน้อปี้”“รักอะไรยิ่งพูดยิ่งเลอะเทอะใหญ่แล้วนะโอม” “ผมฮักเมาปี้ตั้งมอก ป.2 แล้ว” โอมทำหน้าบึ้งใส่ฉัน ไม่รู้ว่าฉันจะสงสารดีไหมเนี่ย แต่ท่าทางของโอมมันทำให้ฉันอดขำออกมาไม่ได้จริงๆ “ผมอู้แต้หนาว่าผมฮักเมาปี้ตั้งมอก ป.2 จนถึงบะเดี่ยวจนได้ปิกมาเจอปี้อลิชแหม มันยะหื้อหัวใจผมเต้นแฮง”“เด็กคนนี้ท่าจะเอาจริงนะแก” แพรกระซิบบอกฉัน ก่อนจะพูดกับโอม “นี่เพื่อนพี่ถึงจะท้องแต่ตอนนี้โสดนะ สนใจเปล่าล่ะ ^_^” ฉันรีบหยิกแขนเพื่อนไปหนึ่งที ดูก็รู้ว่าแพรอยากจะจับคู่ให้ฉัน แถมยังพูดอะไรที่มันไ
ฉันหันมองเห็นว่าโอมยืนฟังอยู่จึงเดินเลี่ยงออกมาคุยไกลๆ ( ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร ทำไมถึงอยู่กับเธอ ) คุณคานส์ถามอีกครั้ง เขาคงจะคาดคั้นให้ฉันตอบให้ได้สินะ ( คุณคานส์ไม่มีสิทธิ์แล้วนะคะ ลืมไปแล้วหรือไง ) พอฉันพูดครั้งนี้คุณคานส์เงียบ ได้ยินแค่เสียงหายใจออกมาแรงๆ หลายครั้ง ก่อนที่เสียงของลมหายใจนั้นจะเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นเบาๆ พอได้ยินเสียงสะอื้นจากปลายสายฉันก็เผลอกำมือแน่น ได้แต่พยายามย้ำกับตัวเองว่าห้ามใจอ่อนเด็ดขาด ( ทำไมต้องหนีฉัน ทำไมต้องเอาลูกไปจากฉัน ) ( เคยบอกไปแล้วไงคะว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากการกระทำของคุณคานส์เองทั้งนั้น ) ( แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรที่ทรยศเธอเลยด้วยซ้ำ!! )( มั่นใจหรอคะ แค่คุณคานส์หวั่นไหวกับแป้งนั่นแหละค่ะคือการทรยศ ) คุณคานส์เงียบ ฉันคิดว่าเขาจะมองเห็นความผิดของตัวเองบ้าง แต่เปล่าเลย… ( ฉันอยากขอโอกาส ) คุณคานส์บอกน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย ( อลิชยังไม่พร้อมเปิดใจตอนนี้ ) ( แล้วเมื่อไหร่เธอถึงจะเปิดใจให้ฉันอีกครั้ง )( สำหรับคุณคานส์…มันคงไม่มีวันนั้นหรอกค่ะ ) ( แค่ครั้งสุดท้ายก็ไม่ได้หรือไง ) ( โอกาสครั้งสุดท้ายอลิชให้ไปแล้วค่ะ แต่คุณคานส
Talk อลิช#บ้าน วันนี้เป็นวันดีออกไปขายเสื้อผ้าไม่ถึงสองชั่วโมงก็ได้กลับบ้านแล้ว เพราะขายหมดเกลี้ยง “นี่มันเกินคาดมากเลยนะแก ฉันคิดว่าวันแรกจะเหงาๆ ขายไม่ได้ซะอีก ที่ไหนได้ลูกค้าเข้าร้านเยอะมาก ขายหมดภายในสองชั่วโมงแหนะ” “ของหมดแบบนี้แล้วพรุ่งนี้เราจะเอาอะไรมาขายกันล่ะแก” ฉันถามแพร มันก็ดีใจแต่ก็คิดหนักเพราะพรุ่งนี้คงไม่มีของขายแน่ๆ “ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันจัดการเอง รับลองมีของมาขายพรุ่งนี้ชัวร์ๆ” พูดจบแพรก็ยื่นเงินที่ได้ตากการขายเสื้อผ้าทั้งหมดมาให้ฉัน “แกเอาเงินนี้เก็บไว้นะ” “บ้าหรอ! ต้องแบ่งกันสิ อีกอย่างแกเป็นคนลงทุนจะมาให้ฉันทั้งหมดได้ยังไง”“แกท้องอยู่มีภาระต้องรับผิดชอบ ส่วนฉันตัวคนเดียวไม่ได้มีภาระอะไร” “แต่ฉันก็พอมีเงินอยู่บ้าง” “รับไว้เถอะน่า ถ้าไม่รับไว้ฉันน้อยใจแย่” การกระทำของแพรมันทำให้ฉันซึ้งจนอยากจะร้องไห้ เธอดีกับฉันทุกอย่างจริงๆ ถึงจะไม่อยากรับเงินมาคนเดียวแต่สุดท้ายฉันก็ต้องรับมาไว้ “ไปอาบน้ำนอนได้แล้วแกน่ะ คนท้องห้ามนอนดึกนะ” “จ้า นี่เพื่อนหรือแม่คะ” ฉันกับแพรยิ้มให้กันก่อนจะต่างแยกย้ายกันเข้านอน ทุกครั้งที่หลับตาลงฉันมักจะคิดถึงเรื่องราวดีๆ ที่คุณคานส์ทำให
หัวใจดวงน้อยมันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าผู้ชายตรงหน้าคือคุณคานส์จริงๆ เขากำลังช่วยเก็บเสื้อผ้าให้ ส่วนฉันก็นิ่งเหมือนวิญญาณมันหลุดออกไปจากร่างทำไมกันทั้งที่เคยขอให้ปล่อยฉันไป ทำไมเขาถึงกลับมา หนีมาขนาดนี้แล้วทำไมถึงตามมาได้ “เธอไปรอที่รถก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันเก็บให้เอง” คุณคานส์หันมาบอก เขาทำเหมือนว่าระหว่างเรามันเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน ฉันกำหมัดแน่น สมองคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเจ็บปวดเพราะผู้ชายคนนี้ “ไปให้พ้น” พอฉันบอกแบบนั้นคุณคานส์ก็ชะงัก เขาค่อยๆ หันหน้ามามองฉันช้าๆ เหมือนจะตกใจที่ได้ยินฉันไล่“…เดี๋ยวฉันพาไปที่รถ” คำพูดที่ฉันไล่เขามันคงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะคุณคานส์ทำเมินเหมือนฉันไม่ได้พูดอะไรเลย แถมยังเดินมาประคองตัวฉันอีกต่างหาก พรึบ! ฉันผลักคุณคานส์ออก “อย่ามาถูกตัวอลิชนะ จะไปไหนก็ไป!!” “เห็นไหมว่าฝนกำลังจะตก จะด่าจะว่าฉันก็เอาไว้ทีหลัง” คุณคานส์ตอบแบบไม่สนใจ จากนั้นเขาก็ตั้งใจเก็บเสื้อผ้าต่อ ฉันเห็นว่าฝนมันกำลังจะตกแล้วจริงๆ จึงพยายามระงับอารมณ์และความรู้สึกมากมายเอาไว้ ก่อนจะเร่งมือเก็บเสื้อผ้าใส่กล่อง เพราะหากว่าฉันเอาแต่ตัวเองข้าวของที่ต้องขายคงจะเสียหายแน่ๆ “กล
“ฝนหยุดตกแล้ว ลงจากรถไปได้แล้วค่ะ” ฉันมองออกไปด้านนอกเห็นว่าฝนหยุดตกแล้วจึบรีบไล่คุณคานส์ลงจากรถทันที “…….” คุณคานส์ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาเงียบไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็เปิดประตูรถเดินออกไปทั้งๆ ที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อ แถมยังทิ้งถุงเสื้อเปียกเอาไว้ในรถอีกต่างหาก ฉันละสายตาจากแผ่นหลังของคุณคานส์แล้วรีบขับรถกลับมาที่บ้าน #บ้าน กำลังนั่งคิดว่าควรจะบอกพ่อหรือบอกอลันดีหรือเปล่าเรื่องที่คุณคานส์ตามมาถึงที่นี่ หรือจะหนีเขาอีกครั้งดี“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่อลิช” แพรที่อยู่ในสภาพใบหน้าซีดเผือดจากพิษไข้เดินออกมาจากห้องแล้วถามฉัน “เมื่อกี้น่ะ แล้วนี่ทำไมแกไม่นอนพัก” “ฝนตกฉันเลยตื่นน่ะ แล้วที่ตลาดตกหรือเปล่า”“อื้อ ตกเหมือนกัน” “แล้วแกเก็บเสื้อผ้าทันหรอ หรือโอมไปช่วย ?”“โอมไม่ได้มาช่วยหรอก” ฉันค่อยๆ บีบมือแน่นคิดว่าจะบอกแพรเรื่องคุณคานส์ เพราะแพรอยู่ที่นี่ยังไงก็ต้องเห็นเขาอยู่แล้ว “อ้าว! โอมไม่ไปช่วยแล้วแกเก็บของคนเดียวไหวหรอ” แพรขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ “….คุณคานส์ช่วยเก็บ” “ห๊ะ! แกว่ายังไงนะ คุณคานส์อย่างนั้นหรอ” แพรอุทานออกมาเสียงดังทั้งที่ตัวเองเสียงแหบแห้งอยู่ในลำคอ “อื้อ เขาตามหาฉันเจอแ
ฉันเบือนหน้าหนีโดยไม่ตอบอะไร แต่คุณคานส์กลับคิดเข้าข้างตัวเอง “ถ้าไม่ตอบแปลว่าอนุญาตให้ฉันจีบได้แล้วนะ” “มะ….” พอฉันจะหันไปปฏิเสธก็ไม่ทัน เพราะคุณคานส์รีบเปิดประตูลงไปจากรถ ฝันไปเถอะว่าฉันจะให้เขาจีบ ทำไมไม่ไปจีบแฟนเก่าเขาล่ะ หวั่นไหวกับเธอไม่ใช่หรือไง เมื่อสมองมันคิดถึงแป้งฉันก็หงุดหงิดจนหน้าแดง คุณคานส์ยกกล่องลังเสื้อผ้ากับรองเท้าลงจากรถแล้วจัดร้าน ฉันเองก็นั่งในรถในเมื่อเขาอยากวุ่นวายมากก็ให้ทำไป ยุ่งดีนัก วันนี้คนไม่ค่อยมาเดินตลาดเท่าไหร่เพราะบรรยากาศคล้ายฝนจะตก ตอนออกมาจากบ้านยังไม่มีท่าทีเมฆครึ้ม แต่พอขายไปได้สักพักลมก็เล่มพัดแรงขึ้น ที่ฉันรู้ว่าลมพัดแรงก็เพราะว่าเปิดกระจกรถเอาไว้ ขณะที่คุณคานส์กำลังขายเสื้อผ้าอยู่เขาก็ไอออกมาแทบจะตลอดเวลา ฉันเห็นว่าวันนี้คงขายได้ไม่มากจึงเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาบอกคุณคานส์ “เก็บของกลับบ้าน” ฉันบอกสั้นๆ จากนั้นก็เดินกลับเข้ามานั่งในรถเหมือนเดิม ส่วนคุณคานส์ก็เก็บของตามที่ฉันบอก ใช่เวลานานพอสมควร หลังจากเก็บของเสร็จคุณคานส์ก็ขึ้นมาบนรถ “ยังขายได้ไม่เท่าไหร่เลย ทำไมให้รีบเก็บของ แค่กๆ” “ไม่เห็นหรือไงคะว่าฝนกำลังจะตก” ฉันตวาดบอกอย่างร
ฉันเดินมาได้สี่ห้าก้าวก็ต้องหยุดคิดทบทวนว่าจะไปหรือไม่ไปดี ถ้าไปคุณคานส์ก็คงจะคิดว่าฉันเป็นห่วงตัวเองแน่ๆ แต่แบบนั้นมันจะดูใจดำเกินไปหรือเปล่านะ เอาล่ะ! ไปก็ไป หลังจากที่ทบทวนอยู่นานสองนานสุดท้ายฉันก็เลือกจะไปดูคุณคานส์ เมื่อเดินมาถึงที่บ้านแล้วลองจับประตูดูปรากฏว่าไม่ได้ล็อก ไม่ล็อกบ้านแบบนี้ไม่กลัวโขมยหรือไงฉันนึกบ่นในใจแล้วเดินเข้ามาด้านในบ้าน บรรยากาศเงียบสงัดราวไม่มีคนอยู่ แถมยังวังเวง “คุณคานส์” ฉันส่งเสียงเรียกและรอฟังว่าจะมีเสียงตอบกลับมาหรือเปล่า แต่ก็ไร้วี่แววจึงเรียกซ้ำ “คุณคานส์อยู่บ้านหรือเปล่าคะ อย่าเงียบแบบนี้สิ” เรียกครั้งที่สองก็ยังเหมือนเดิม ไร้เสียงตอบกลับมา ฉันเหลือบตามองเห็นประตูห้องสองห้องอยู่ติดกันจึงเดินมาเปิดประตูหนึ่งก่อนว่าใช่ห้องนอนของคุณคานส์หรือเปล่า เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็เจอกับห้องที่คล้ายห้องเก็บของ ในตอนแรกฉันไม่ได้สนใจกำลังจะถอยหลังเดินมาเปิดประตูอีกห้อง แต่จู่ๆ มันก็รู้สึกคุ้นตากับพวกถุงผ้าและกล่องรองเท้าที่วางกองอยู่ ฉันกดสวิตช์เปิดไฟให้สว่างเพื่อจะได้มองเห็นชัดๆ และเมื่อได้เห็นเต็มตาฉันก็ต้องอ้าปากค้างตามมาด้วยความโกรธ ข้าวของที่วางกองอยู
“ถ้ายังอยากจะอยู่ใกล้ๆ อลิชก็ให้สถานะได้แค่นี้ค่ะ เราเป็นพ่อและแม่ของลูกเป็นเพื่อนร่วมชีวิต แต่ไม่ใช่สามีภรรยา” อลิชเธอพูดอย่างเด็ดขาดและหนักแน่น ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงใจแข็งมากขนาดนี้ สถานะที่เธอให้มาคือผมสามารถวนเวียนอยู่รอบตัวเธอได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ครอบครองหัวใจเธอ คำพูดที่ไร้เยื่อใยมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด มันทำให้ลูกผู้ชายอย่างผมอยากจะร้องไห้ แต่ก็ต้องพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ “…ฉันอิ่มแล้ว” “กินไปแค่นิดเดียวเองนะคะ” “ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” ใครมันจะไปกินลง เธอพูดมาขนาดนั้น ถึงผมจะหนักแน่นว่าจะง้อให้สำเร็จ แต่ตอนนี้แทบไม่มีหวัง “งั้นก็กินยานะคะ อลิชจะเอาชามไปล้าง” “เธอกินอะไรหรือยัง ?” ตั้งแต่เช้าเธอเอาแต่ดูแลผม ไม่รู้ว่ากินข้าวบ้างหรือยัง “กำลังจะไปกินค่ะ” อลิชลุกขึ้นยืนถือชามออกไปนอกห้อง ส่วนผมก็หยิบยากับน้ำที่เธอเตรียมเอาไว้ให้มากิน หลังจากกินยาและน้ำแล้วผมก็ค่อยๆ นอนลง เหมือนร่างกายหมดเรี่ยวแรงมันไม่ใช่เพราะป่วย แต่เป็นเพราะหัวใจของผมตอนนี้มันกำลังเต้นช้าลงเพราะคำพูดไร้เยื่อใยของอลิช ใจคอจะให้ผมเป็นเพื่อนร่วมชีวิตอย่างนั้นจริงๆ หรือไง แล้วถ้าวันหนึ่งมีผู้ชายเข้ามาในชีวิตของเธอ เ