ดูจากสีหน้าของคุณคานส์แล้วคำขอข้อนี้ของฉันมันคงจะทำให้เขาลำบากใจพอสมควร ฉันขอมากไปอย่างนั้นหรอ “เธอต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ ฉันตกลงจะทำธุรกิจไปแล้วถ้ากลับคำพูดมันจะทำให้บริษัทไม่น่าเชื่อถือ” “ให้อลิสมีเหตุผลอย่างนั้นหรอคะ แล้วทีมีผู้ชายเข้าใกล้อลิชล่ะคุณคานส์รู้สึกยังไง คุณคานส์ก็งี่เง่าไม่มีเหตุผลเหมือนกันที่อลิชเป็นอยู่ตอนนี้”“อลิช ใจเย็นๆ หน่อยได้ไหม มันไม่ได้มีอะไรเลย ฉันบริสุทธิ์ใจถึงได้ตัดสินใจบอกเธอ” “วันนี้ไม่มีอะไรแล้ววันหน้าละคะ ถ้าอลิชรู้ก็คงไม่ยอมให้คุณคานส์ทำธุรกิจกับเธอตั้งแต่แรก”“ไว้ให้ใจเย็นกว่านี้แล้วเราค่อยมาคุยกันอีกครั้งดีกว่านะ” คุณคานส์ถอนหายใจออกมาเหมือนเบื่อหน่ายที่ฉันไม่ยอมฟังเหตุผลของเขา “ห้ามเดินนี้อลิชนะ ยังไงวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง!!” ฉันตวาดบอกคุณคานส์เสียงดัง ทำให้คุณคานส์ที่กำลังจะเดินเข้าบ้านหยุดเดินแล้วหันมามองฉัน “ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอไปมากกว่านี้” “แล้วคิดว่าอลิชอยากทะเลาะหรือเปล่าคะ อลิชก็ไม่อยากงี่เง่า แต่มารู้แบบนี้จะให้อลิชรู้สึกยังไง แค่รู่ว่าเธอเป็นแฟนเก่าของคุณคานส์มันก็ช้ำใจมากพอแล้ว นี่คุณคานส์ยังจะทำธุรกิจกับเธอต่ออีก”“ฉันขอ
ฉันหยุดนิ่งมองหน้าคุณคานส์ครู่หนึ่งแล้วนึกถึงคำที่แป้งบอกว่าชุดในมือของฉันคทอชุดที่เธอเคยบอกกับคุณคานส์ว่าอยากใส่มัน “ก็เห็นอยู่ว่าอลิชกำลังทำอะไร ยังจะถามอีกหรอคะ” “โกรธฉันแล้วทำไมต้องมาลงที่ชุดแบบนี้!!” “ชุดนี้ใครเป็นคนสั่งตัดคะ อลิชไม่ได้เลือก” ฉันถามคุณคานส์เสียงแข็ง “ฉันเป็นคนเลือกให้เธอเอง ทำไมอะไรที่ฉันเลือกให้ตอนนี้เธอไม่ต้องการแล้วใช่ไหม จะโกรธจนไม่คิดถึงใจคนอื่นแบบนี้หรือไงอลิช” “ทำไมเลือกจะต่อว่าอลิช ทำไมไม่ถามก่อนล่ะคะว่าเกิดอะไรขึ้น” “ก็เห็นอยู่ว่าเธอกำลังเอาแต่ใจโดยการทำรายข้าวของแบบนี้” ยิ่งฟังคุณคานส์พูดมันก็ยิ่งทำให้ฉันเสียความรู้สึก ฉันหันมองแป้งตอนนี้เธอกำลังยิ้มเยาะเย้ยฉันอยู่ “สาแก่ใจเธอแล้วใช่ไหม” ฉันพูดกับแป้งก่อนจะทิ้งชุดในมือลงพื้นแล้วใช้เท้าเหยียบมันก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านโดยมีคุณคานส์ตามมาติดๆ พอเห็นว่าคุณคานส์เดินตามมาฉันก็รีบเดินเร็วขึ้นเพื่อจะเข้าห้องได้ทันก่อนที่เข้าจะตามเข้ามาในห้องด้วย แต่ทว่าพอกำลังจะปิดประตูคุณคานส์ก็ดันเอาไว้ และด้วยความที่ฉันเป็นผู้หญิงทำให้สู้แรงเขาไม่ได้ “ออกไปนะ!!” ฉันตวาดบอกคุณคานส์ “จะให้ออกไปไหนฉันก็นอนห้อ
แป้งเธอเอาแต่หวีดร้องแล้วก็เรียกให้คุณคานส์ช่วย แพรกับอลันรีบมาที่ห้องของฉันพร้อมๆ กันด้วยสีหน้าที่แตกตื่น“อลิช” แพรยกมือขึ้นปิดปากแล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นฉันกระชากผมแป้งอยู่ “เป็นบ้าไปหรือไง ปล่อยนะฉันเจ็บ” แป้งไม่ได้โต้ตอบ ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเปล่า ถ้าคุณคานส์ไม่ได้อยู่ตรงนี้เธออาจจะสวนกลับฉันแล้วก็ได้ “เวลาอยู่กับฉันสองคนเธอพูดยังไง พูดมาสิพูดต่อหน้าทุกคน ให้คนอื่นได้รู้ว่าเธอมันตอแหลแค่ไหน” “ฉันพูดอะไร อย่าใส่ร้ายกันแบบนี้สิอลิช” “ฉันใส่ร้ายเธองั้นหรอ ได้!! ฉันจะทำให้เธอพูดเอง” ฉันกระชากศรีษะแป้งให้เงยขึ้น จากนั้นก็ง้างมือเตรียมจะตบเธอ แต่!! คุณคานส์กลับคว้ามือมาจับแขนฉันเอาไว้ นี่เขาเป็นห่วงแป้งงั้นหรอ..พอคุณคานส์ห้ามฉันก็จ้องเขาตาเขม็ง แล้วพูด “อลิชบอกแล้วนะคะว่าอย่าห้าม” “ทำแบบนี้มันไม่เกินไปหรือไง เธอรุนแรงเกินไปแล้วอลิช” คุณคานส์ถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วแกะมือที่ฉันจิกผมแป้งออก ซึ่งฉันก็ยอมปล่อยแต่โดยดีเพราะคำพูดของคุณคานส์ที่มันทำให้ฉันเสียความรู้สึก “อลิชแค่เอาคืนที่เธอพูดไม่ดี แปลว่าอลิชรุนแรงงั้นหรอคะ” “ฉันไม่อยากให้เธอใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหาแบบนี้” “แต่ผู้หญิงแ
“ฉันไม่ได้พูดอะไรบ้าๆ แบบนั้น ฉันไม่เคยคิดอยากจะหย่ากับเธอ” ผมจะยื่นมือไปจับแขนอลิชก็รีบปัดมือผมออก แววตาของเธอที่มองผมตอนนี้มันเปลี่ยนไปจากเดิม “จะให้อลิชเชื่อได้ยังไงในเมื่อเห็นคุณคานส์จูบกับเธอเต็มสองตาแบบนั้น” “คานส์ปล่อยเธอไปได้แล้วค่ะ” แป้งเดินมากอดแขนผม สิ่งที่ผมทำคือสะบัดแขนออกแรงๆ แล้วหันมาจ้องเธอตาเขม็ง “ทำแบบนี้เพื่ออะไรวะ!! พูดแบบนั้นทำไม” “…แป้งรักคานส์นะ ยังรักเหมือนเดิม” “แต่ฉันกำลังจะแต่งงาน และฉันก็ไม่มีวันกลับไปหาผู้หญิงอย่างเธอ” ผมขอคืนคำพูดที่แป้งทำให้ผมหวั่นไหวอีกครั้ง ตอนนี้หัวใจของผมมันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว ทุกอย่างมันชัดเจนขึ้นเมื่อผมรู้ว่าแป้งตั้งใจจะทำให้ผมกับอลิชทะเลาะกัน ผมนี่มันโง่จริงๆ!!“ไสหัวกลับไปซะ!! ถ้าฉันเห็นหน้าเธออีกเธอได้ถูกจับโยนออกไปนอกบ้านแน่” “คานส์ทำไมถึงใจร้ายกับแป้งแบบนี้ละคะ” “เธอทำให้ฉันต้องร้ายเอง!! รีบกลับไปซะ” พูดจบผมก็หันกลับมาเพื่อจะอธิบายให้อลิชฟัง แต่ทว่าเธอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ผมจึงรีบวิ่งตามขึ้นไปชั้นบน Talk อลิชฉันขึ้นมาบนห้องเพื่อเก็บเสื้อผ้า ไม่ได้อยู่รอฟังว่าคุณคานส์พูดกับแป้งว่ายังไง ถ้าฉันไม่ลงไปที่ชั
ตรวจคำผิดย้อนหลังนะคะ——————- #คอนโดของอลันคุณคานส์ปล่อยฉันแล้วจริงๆ เขาไม่ได้ตามมาและไม่โทรหา ซี่งมันก็เป็นสิ่งที่ฉันต้องการแต่ทำไมฉันถึงต้องมาเสียใจมากขนาดนี้ ตั้งแต่นั่งรถจนมาถึงคอนโดอลันฉันก็เอาแต่ร้องไห้ ถึงแม้พยายามหยุดร้องแต่น้ำตามันก็ไหลออกมาอยู่ดี ภาพของคุณคานส์กับแป้งที่จูบกันมันยังวนเวียนอยู่ในหัว คิดถึงทีไรมันก็ทำให้รู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะเป็นบ้า “อลิชหยุดร้องได้แล้วแกร้องไห้ตั้งแต่นั่งรถมาแล้วนะ” แพรถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเอาน้ำเปล่าวางลงก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆ กับฉัน “อึก~ ทำไมฉันถึงโชคร้ายแบบนี้นะ คิดว่าทุกอย่างกำลังจะดีแล้วแท้ๆ” “แกเป็นอะไรทำไมทะเลาะกับคุณคานส์ถึงขั้นแยกทางกันแบบนี้เล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม” แพรยังไม่รู้เรื่องที่ฉันเห็นคุณคานส์จูบกับแป้ง เธอพยายามเค้นถามบนรถแต่เพราะฉันเอาแต่ร้องให้ก็เลยไม่ได้เล่าอะไร “ฉะ ฉันเห็น อึก~ เห็นคุณคานส์กับแป้งจูบกัน” พอบอกแบบนั้นแพรก็ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองพร้อมกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ“กะ แกแน่ในหรออลิช คุณคานส์กล้าทำถึงขนาดนั้นเชียวหรอ” แพรถามย้ำ เธอดูจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันบอกเท่าไหร่ “เพราะว่าฉันเห็นถึงได้ตัดสินใจออกมา
ผมขับรถออกมาจากบ้านด้วยความเร็วเพื่อจะตามไปขอโอกาศกับอลิชอีกครั้ง ผมเสียเวลาไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ กับการลังเลว่าจะเอายังไงต่อไปกับชีวิต คิดจะปล่อยเธอไป แต่สุดท้ายแล้วพอได้มาถามกับตัวเองซ้ำๆ และคิดตามคำพูดของพ่อ มันก็ทำให้ผมได้รู้แล้วว่าไม่สามารถปล่อยอลิชไปได้ ผมตั้งใจจะไปอธิบายหวังว่าเธอจะรับฟัง…และกลับมาเชื่อใจผมอีกครั้ง กริ้ง~ ในขณะที่กำลังขับรถอยู่มีสายเรียกเข้ามาในโทรศัพท์ ผมก้มมองดูเบอร์คนที่โทรเข้ามาคือแป้ง เธอโทรมาหาผมบ่อยครั้งแต่ผมไม่รับสาย ไม่ใช่แค่โทรเธอยังมาหาที่บ้าน แต่ไม่ว่าจะมาที่บ้านกี่ครั้งเธอก็ไม่ได้เจอผม เพราะผมสั่งให้ลูกน้องไล่เธอกลับไป แม้แต่หน้าประตูทางเข้ามาในบ้านเธอก็ไม่ได้ขึ้นมาเหยียบ ความรู้สึกหวั่นไหวบ้านั่นมันจะไม่เกิดขึ้นกับผมอีก!! ผมขับรถมาหลายชั่วโมงโดยที่ไม่ได้จอดพักที่ไหนนอกจากเข้าปั้มเติมน้ำมัน มาถึงที่บ้านของอลิชก็เกือบจะช่วงเย็น เมื่อรถเลี้ยวมาภายในรั้งบ้านผมก็ทำใจไว้แล้วว่าจะเจอกับอะไร อย่างแรกเลยก็คงจะเป็นลูกปืน อย่างที่สองอลิชคงไม่ยอมออกมาเจอหน้าผมแน่ๆ วันนั้นผมไม่น่าปล่อยให้เธอกลับมาที่บ้าน ไม่น่ายอมให้ทุกอย่างมันจบลงเลยจริงๆ ทันทีที่รถของผ
ฉันยิ้มให้กับคำชมของโอม ฉันพูดภาษาเหนือไม่ได้หรอกแต่ฟังรู้เรื่องเพราะย่าเป็นคนเหนือ จริงๆ ก็อยากจะพูดได้นะเพราะภาษาเหนือมีเสน่ห์มากๆ โอมยิ้มหวานให้ฉันก่อนที่สายตาจะเลื่อนต่ำลงมามองที่ท้องของฉันแล้วเบิกตากว้าง “ปี้ท้องกะว่าอ้วน”“แม้หนุ่มน้อยใครเขาจะอ้วนแค่ตรงท้องล่ะ” แพรพูดขึ้นแล้วส่ายหน้าไปมาให้กับโอม “พี่ท้องน่ะ ^_^” “ฮู้ตัวก่อว่าปี้ยะหื้อผมเหมือนคนกำลังอกหัก”“อย่าแก่แดดสิ ยังไม่ขึ้นมหาวิทยาลัยเลยนะเราอะ” ที่ฉันรู้ว่าโอมยังไม่ขึ้นมหาวิทยาลัยก็เพราะว่าชุดที่เขาใส่มาเป็นชุดนักเรียน ม.ปลายอยู่ “ละอ่อนก็ฮักเป็นเน้อปี้”“รักอะไรยิ่งพูดยิ่งเลอะเทอะใหญ่แล้วนะโอม” “ผมฮักเมาปี้ตั้งมอก ป.2 แล้ว” โอมทำหน้าบึ้งใส่ฉัน ไม่รู้ว่าฉันจะสงสารดีไหมเนี่ย แต่ท่าทางของโอมมันทำให้ฉันอดขำออกมาไม่ได้จริงๆ “ผมอู้แต้หนาว่าผมฮักเมาปี้ตั้งมอก ป.2 จนถึงบะเดี่ยวจนได้ปิกมาเจอปี้อลิชแหม มันยะหื้อหัวใจผมเต้นแฮง”“เด็กคนนี้ท่าจะเอาจริงนะแก” แพรกระซิบบอกฉัน ก่อนจะพูดกับโอม “นี่เพื่อนพี่ถึงจะท้องแต่ตอนนี้โสดนะ สนใจเปล่าล่ะ ^_^” ฉันรีบหยิกแขนเพื่อนไปหนึ่งที ดูก็รู้ว่าแพรอยากจะจับคู่ให้ฉัน แถมยังพูดอะไรที่มันไ
ฉันหันมองเห็นว่าโอมยืนฟังอยู่จึงเดินเลี่ยงออกมาคุยไกลๆ ( ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร ทำไมถึงอยู่กับเธอ ) คุณคานส์ถามอีกครั้ง เขาคงจะคาดคั้นให้ฉันตอบให้ได้สินะ ( คุณคานส์ไม่มีสิทธิ์แล้วนะคะ ลืมไปแล้วหรือไง ) พอฉันพูดครั้งนี้คุณคานส์เงียบ ได้ยินแค่เสียงหายใจออกมาแรงๆ หลายครั้ง ก่อนที่เสียงของลมหายใจนั้นจะเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นเบาๆ พอได้ยินเสียงสะอื้นจากปลายสายฉันก็เผลอกำมือแน่น ได้แต่พยายามย้ำกับตัวเองว่าห้ามใจอ่อนเด็ดขาด ( ทำไมต้องหนีฉัน ทำไมต้องเอาลูกไปจากฉัน ) ( เคยบอกไปแล้วไงคะว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากการกระทำของคุณคานส์เองทั้งนั้น ) ( แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรที่ทรยศเธอเลยด้วยซ้ำ!! )( มั่นใจหรอคะ แค่คุณคานส์หวั่นไหวกับแป้งนั่นแหละค่ะคือการทรยศ ) คุณคานส์เงียบ ฉันคิดว่าเขาจะมองเห็นความผิดของตัวเองบ้าง แต่เปล่าเลย… ( ฉันอยากขอโอกาส ) คุณคานส์บอกน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย ( อลิชยังไม่พร้อมเปิดใจตอนนี้ ) ( แล้วเมื่อไหร่เธอถึงจะเปิดใจให้ฉันอีกครั้ง )( สำหรับคุณคานส์…มันคงไม่มีวันนั้นหรอกค่ะ ) ( แค่ครั้งสุดท้ายก็ไม่ได้หรือไง ) ( โอกาสครั้งสุดท้ายอลิชให้ไปแล้วค่ะ แต่คุณคานส
แน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกันแล้วเราคือสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูคัสก็วันกำลังซน ตอนนี้เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งแล้ว แถมยังมาเล่าฉันอีกว่ากำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ลูกฉันนี่คงจะแพรวพราวตั้งแต่เด็กแน่ๆ ตั้งแต่ลูคัสเด็กๆ คุณคานส์ก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เขาไม่เข้าบริษัทเป็นเวลาสองปีเพื่อเลี้ยงลูกช่วยฉัน พอลูคัสเกือบจะสามขวบเขาเข้าไปที่บริษัทเหมือนเดิม ไม่ได้เอางานมาทำที่บ้านแล้วลูคัสยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนคุณคานส์ ทั้งคนที่เจอและครูที่โรงเรียนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของฉันหล่อตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร ช่วงนี้งานที่บริษัทของคุณคานส์ค่อนข้างจะยุ่งๆ พรุ่งนี้ครบรอบแต่งงานครบสองปีของเราไม่รู้ว่าจะจำได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อของฉันจะมารับลูคัสไปอยู่ด้วยไม่รู้จะมารับเองหรือให้อลันมารับเพราะพรุ่งนี้อลันก็จะกลับไปที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาวของลูคัสฉันเองก็ไม่ขัดอะไรเพราะอยากให้ลูกคุ้นชินกับตาของเขา วันนี้ฉันพาลูคัสมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณคานส์เขาอยู่ที่บริษัทงานยุ่งไม่ว่างมาด้วย “ไม่ร้องนะครับ” ฉันอุ้
ฉันรีบเดินหลับเข้ามาในครัวเหตุผลก็เพราะว่าไม่อยากให้มีปัญหา เพราะรู้ว่าคุณคานส์เป็นคนขี้หึงและเขาก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผล ถึงแม้ฉันกับไวน์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยก็ตาม ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ ในห้องครัว รอเวลาให้เพื่อนของคุณคานส์กลับไปก่อนจึงจะออกไปด้านนอก “ขอน้ำกินหน่อยครับ ^_^” เป็นไวน์ที่เดินเข้ามาในครัว เขาเอ่ยขอน้ำกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม การได้เจอไวน์ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอก ทุกๆ ครั้งจะมีแต่ความกลัว กลัวว่าคุณคานส์จะมาเจอเข้า แล้วนี่เป็นที่บ้านด้วย “ในตู้เย็นน่ะ เดี๋ยวหยิบให้นะ” “ขนาดคลอดลูกแล้วพี่อลิชก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ไวน์ก็ยังคงชอบพูดทะเล้นเหมือนเดิม “หยุดพูดหยอดได้แล้ว เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฉันดุเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าคุณคานส์ได้สังเกตหรือเปล่าที่ไวท์มาในครัวแบบนี้ “ผมอ่ะไม่คิดอะไรแล้วนะ แต่เฮียนี่สิคงจะฝังใจ” ไวท์พูดพร้อมกับรับน้ำไปจากฉัน เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณคานส์เดินมาในครัวพอดี ทำเอาฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบถอยห่างจากไวท์ทันที “ลูกร้องหิวนม” คุณคานส์บอกสั้นๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง “โธ่เฮีย! ผมมีเมียแล้วนะ ไม่ต้องหึงขนาดนั้น
คุณคานส์โน้มตัวลงมาใช้ลิ้นตวัดเบียบนหน้าท้องที่แบนราบของฉัน “แก้มัดให้อลิชได้แล้วค่ะ อ๊า~” ฉันครางออกมาพร้อมกับค่อยๆ กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคุณคานส์กระแทกเอวสอบอีกครั้ง “ขออีกน้ำนะครับที่รัก” เขาพูดเสียงหวานจากนั้นก็หยัดตัวขึ้น ไม่ยอมแก้มัดให้ฉัน ปัก ปัก ปัก~ เสียงของเนื้อที่มันกระทบกันเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง “ค..คุณคานส์ อ๊ะ~ อลิชอยากกอด กะ แก้มัดให้หน่อยได้ไหมคะ อ๊าง~” ฉันพูดอย่างเอาอกเอาใจในขณะที่ร่างกำลังกระเพื่อมสั่นไหวอยู่ ครั้งนี้คุณคานส์ยอมเห็นใจ เขาแก้มัดให้ฉันแต่โดยดี อีกทั้งเอวสอบกระเร่งอัดกระแทกไม่หยุด ปัก ปัก ปัก ~ เมื่อแก้มัดเสร็จแล้วคุณคานส์ก็จับสะโพกของฉันแน่น เขาเร่งจังหวะให้ป่าเถื่อนขึ้น “อึก~ อ๊า อ๊าง~” ฉันครางเสียงดังไปพร้อมกับกับเสียงบองกระดิ่งที่คอ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผล่กอดคุณคานส์แน่น “พะ พอก่อนได้ไหมคะ อ๊า~ อลิชอยากไปล้างก่อน” ฉันบอกอย่างเขินอาย ตอนนี้น้ำกามของคุณคานส์มันเปื้อนเหนอะหนะไปหมดเลย “ไว้ค่อยไปล้างทีเดียวก็ได้ ซี๊ด~” คุณคานส์โอบกอดฉันไว้แน่น จากนั้นเขาก็กระแทกรุนแรงจนก้นฉันมันลอยขึ้นจากโต๊ะทำงาน “อ๊า~ บะ เบาๆ ได้ไหม อื้อซี๊ด~” ฉันไม่ปฏิเสธ
ใบหน้าคมคายก้มลงมาตวัดลิ้นหยอกล้อเล่นกับยอดปทุมถัน ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งด้วยความเสียวซ่านรีบคว้ามือกอดต้นคอแกร่งของคุณคานส์เอาไว้แน่น ความเย็นเฉียบของปรายลิ้นมันทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่ “อ๊า~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นมองการกระทำของคุณคานส์ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว “ดะ ดูดเบาๆ หน่อยสิคะ”ถึงกับต้องร้องท้วงเมื่อถูกอุ้งปากร้อนๆ ตะโบมดูดดุนยอดปทุมถันอย่างหิวโหย การดูดเม้มมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเอามากๆ “เธอน่าจะชอบนะ ครางไม่หยุดเลย” คุณคานส์เงยหน้าขึ้นมาพูด ทำเอาฉันต้องรีบเบือนหน้าหนีเพราะความเขินอาย ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกทั้งสองเต้าของฉันจนเกิดรอยแดงเถือก คุณคานส์ยังไม่พอใจเขาก้มลงมาดูดเลียเม็ดไตบนเนินหน้าอกอีกครั้ง “อ๊า อลิช บะ บอกให้ อ๊ะ บะ เบาๆ ไงคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หมับ! พรึบ! ฝ่ามือใหญ่ช้อนตัวฉันขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าคุณคานส์ปัดของบนโต๊ะลงไปกองที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้โต๊ะทำงานของเขาไม่มีเอกสารอยู่เลย ชุดคลุมของฉันถูกดึงออกไปในพ้นตัว คุณคานส์กรีดกรายนิ้วของตัวเองไต่มาตามเรียวขาอ่อนของฉันด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “เดี๋ยวลูกตื่นก่อนนะคะ ถ้าไม่รีบทำ” ฉันพูดเตือ
กว่าฉันจะเกลี่ยกล่อมคุณคานส์ให้ใจเย็นๆ ได้ใช้เวลานานนับชั่วโมงเลย เขามุ่งมั่นคิดแต่เรื่องพันนั้นอย่างเดียว มันน่าตีจริงๆ ตอนนี้ฉันอุ้มลูกลงมาเลี้ยงที่ชั้นล่าง คุณคานส์จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูคัสแล้วเรียบร้อย ลูกน้องของคุณคานส์ก็น่ารักนะคอยมาหยอกเล่นกับลูคัสไม่ขาดสายเลย พี่เจกับพี่โจ้สองคนนี้เอ็นดูลูคัสสุดๆ แถมยังเรียกลูคัสว่านายน้อย น่าเอ็นดูเชียวล่ะ “อุแง ~” ลูคัสร้องออกมาเสียงดังลั่น ฉันที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่จึงรีบวิ่งมาดูลูกทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สามคำ “โอ้ๆ แม่อยู่นี่ครับแม่อยู่นี่ หิวนมหรอครับ” ฉันเอาลูกเข้าเต้าแต่ทว่าลูคัสส่ายหน้าไปมาไม่ยอมกินนม “ลูกเป็นอะไร” คุณคานส์ได้ยินเสียงร้องของลูคัสจึงเดินมาดู เขานั่งทำงานที่ห้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะเอาแต่ร้อง ให้กินนมก็ไม่ยอมกิน” ฉันมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ใจแม่ไม่ดีเลยนะลูคัส “มาเดี๋ยวฉันลองอุ้ม” “คุณคานส์ทำงานอยู่ไม่ใช่หรอคะ”“ลูกสำคัญกว่างานนะ” “อลิชล่ะคะสำคัญกว่าหรือเปล่า”“เธอยังเห็นว่าฉันเป็นผัวอยู่หรือเปล่าล่ะ” คุณคานส์ยังคงนอยที่ฉันไม่ยอมให้เขาทำเรื่องอย่าง
“พะ พาเธอมาทำไมคะ” ฉันกำมือแน่นพร้อมกับเอ่ยถามคุณคานส์เสียงสั่น เพราะความรู้สึกตอนนี้มันเริ่มกลัวไปหมดทุกอย่าง “คานส์ออกไปข้างนอกก่อนก็ได้ค่ะ แป้งขอคุยกับเธอสองคน” แป้งเธอบอกคุณคานส์ฉันจึงรีบค้านขึ้น “คุยอะไร….”คุณคานส์เดินมาหาฉันแล้วก้มลงมาจูบลงบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ลูบศรีษะของฉันไปมาแล้วพูด “แป้งแค่อยากเคลียร์เรื่องตอนนั้น ก่อนที่เธอจะกลับต่างประเทศ”“คุณคานส์บอกอลิชว่าเธอกลับไปแล้วนี่คะ” “…..” พอฉันท้วงไปแบบนั้นคุณคานส์ก็หน้าซีด แปลว่าเขาโกหกกันอย่างนั้นหรอ “ฉันมาดี” แป้งเธอพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่คุณคานส์จะเดินออกไปจากห้อง ฉันไม่รู้ว่าเธอมาดีจริงหรือเปล่าเพราะมารยาของเธอนั้นเยอะเหลือเกิน และถึงจะมาดีแต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นมิตรด้วย ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเกลียดใคร แต่ถ้าฉันได้เกลียดก็ยากที่จะเปลี่ยนความรู้สึกนั้นได้ “มีอะไรก็พูดมาสิ” เป็นฉันที่เปิดเรื่องพูดขึ้นมาก่อนเพราะอยากให้เธอรีบพูดแล้วก็รีบกลับไป“ฉันขอพูดตรงๆ ว่ายังรู้สึกดีๆ กับคานส์อยู่” ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอไม่ได้มาดีตั้งแต่แรก พอคุณคานส์ออกไปธาตุแท้ก็ออกมา “จะมาขอเขาคืนอีกหรอคะ ก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันปล่
#ช่วงเย็น หมอเอาลูกมาให้และสอนวิธีเอาลูกเข้าเต้านมและสอนวิธีอาบน้ำให้ฉันกับคุณคานส์ดูแล้ว ลูคัสกินนมจนอิ่มแต่ก็ยังไม่ยอมนอน คงจะเป็นเพราะคุณปู่กับคุณตาคอยกวนแน่เลย อย่างที่คุณคานส์บอกว่าลูกเหมือนเขาเปะๆ ฉันได้เห็นหน้าลูกชัดๆ แล้วก็นึกน้อยใจเพราะไม่มีส่วนไหนของใบหน้าที่ลูกเหมือนฉันเลย “หน้าตาเหมือนตาคานส์ตอนเกิดไม่มีผิด” พ่อของคุณคานส์มองเจ้าตัวเล็กในรถเข็นแล้วก็หันมาพูดกับฉัน “ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ” ฉันบอกอย่างน้อยอกน้อยใจ “ครั้งต่อไปต้องทำให้เหมือนตัวเองนะจะได้ไม่น้อยหน้า” พ่อของฉันบอก พูดมาแบบนี้แปลว่าอยากจะให้ฉันมีหลานให้อีกคนแน่ๆ “นั่นสิ คนต่อไปพ่อขอผู้หญิงนะอยากอุ้มหลานผู้หญิงบ้าง ไอริสก็มีหลานชายให้ นี่ท้องอีกคนก็เป็นผู้ชาย” พ่อของคุณคานส์แทนตัวเองกับฉันว่าพ่อแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่าคือได้ยินว่าไอริสน้องสาวของคุณคานส์กำลังท้องลูกคนที่สอง “ไอริสเพิ่งคลอดไปเองไม่ใช่หรอคะ ทะ ทำไมถึงท้องเร็วจัง” “เธอก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ คลอดปุบท้องปับ” คุณคานส์พูดขึ้น ฉันรู้ทันหรอกว่าเขาคิดเรื่องอะไรอยู่ “ไม่เอาค่ะ เว้นไปก่อนสักสองสามปีก็ได้” ฉันยังเข็ดกับการคลอดอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีความรู้สึ
ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดผ่านพ้นไปด้วยดีตอนนี้ฉันกำลังพักฟื้นหลังคลอดอยู่ที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาล ฉันรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดกว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้มันไม่ง่ายเลย แต่มันคือความเจ็บปวดที่งดงามความเจ็บปวดที่ฉันเฝ้ารอมาตลอดเก้าเดือน ตอนนี้ลูกชายของฉันได้คลอดออกมาแล้ว ช่วงเวลาที่ฉันเจ็บที่สุดในชีวิตคุณคานส์คอยอยู่ใกล้ๆ จับมือให้กำลังใจฉันไม่ห่าง ครั้งแรกที่เราเห็นหน้าลูกทั้งฉันและคุณคานส์เราก็ต่างร้องไห้ออกมา “เป็นไงบ้างเจ็บอยู่ไหม” คุณคานส์ไปจัดการเรื่องเอกสาร พอกลับมาที่ห้องพักฟื้นก็รีบถามฉันด้วยความเป็นห่วง “เจ็บสิคะ เจ็บมากด้วย” ตอนนี้แผลที่เย็บมันยังเจ็บมากๆ ขยับตัวแทบไม่ได้เลย “เดี๋ยวหมอเอาลูกมาให้ตอนเช้า เธอมีน้ำนมแล้วใช่ไหม” คุณคานส์ดูตื่นเต้นมากกว่าตอนที่ฉันคลอดอีกนะตอนนี้ เขามีท่าทางรนๆ อยู่ไม่นิ่ง “มีแล้วค่ะ ไหลออกมาเยอะเลย” โชคดีที่น้ำนมของฉันมีพร้อมให้ลูกดื่มทันที ได้ยินคุณหมอบอกว่าบางคนต้องรอหลายวันกว่าน้ำนมจะมา “ลูกหน้าเหมือนฉันเปะๆ เลย” คุณคานส์บอกอย่างภูมิใจ ตอนคลอดฉันเห็นหน้าลูกไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะมัวแต่ร้องไห้ด้วย คุณคานส์ก็คงจะไปดูลูกมาแล้วถึงมาพูดแบบนี้ “ไม่เห