“ฉันไม่ได้พูดอะไรบ้าๆ แบบนั้น ฉันไม่เคยคิดอยากจะหย่ากับเธอ” ผมจะยื่นมือไปจับแขนอลิชก็รีบปัดมือผมออก แววตาของเธอที่มองผมตอนนี้มันเปลี่ยนไปจากเดิม “จะให้อลิชเชื่อได้ยังไงในเมื่อเห็นคุณคานส์จูบกับเธอเต็มสองตาแบบนั้น” “คานส์ปล่อยเธอไปได้แล้วค่ะ” แป้งเดินมากอดแขนผม สิ่งที่ผมทำคือสะบัดแขนออกแรงๆ แล้วหันมาจ้องเธอตาเขม็ง “ทำแบบนี้เพื่ออะไรวะ!! พูดแบบนั้นทำไม” “…แป้งรักคานส์นะ ยังรักเหมือนเดิม” “แต่ฉันกำลังจะแต่งงาน และฉันก็ไม่มีวันกลับไปหาผู้หญิงอย่างเธอ” ผมขอคืนคำพูดที่แป้งทำให้ผมหวั่นไหวอีกครั้ง ตอนนี้หัวใจของผมมันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว ทุกอย่างมันชัดเจนขึ้นเมื่อผมรู้ว่าแป้งตั้งใจจะทำให้ผมกับอลิชทะเลาะกัน ผมนี่มันโง่จริงๆ!!“ไสหัวกลับไปซะ!! ถ้าฉันเห็นหน้าเธออีกเธอได้ถูกจับโยนออกไปนอกบ้านแน่” “คานส์ทำไมถึงใจร้ายกับแป้งแบบนี้ละคะ” “เธอทำให้ฉันต้องร้ายเอง!! รีบกลับไปซะ” พูดจบผมก็หันกลับมาเพื่อจะอธิบายให้อลิชฟัง แต่ทว่าเธอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ผมจึงรีบวิ่งตามขึ้นไปชั้นบน Talk อลิชฉันขึ้นมาบนห้องเพื่อเก็บเสื้อผ้า ไม่ได้อยู่รอฟังว่าคุณคานส์พูดกับแป้งว่ายังไง ถ้าฉันไม่ลงไปที่ชั
ตรวจคำผิดย้อนหลังนะคะ——————- #คอนโดของอลันคุณคานส์ปล่อยฉันแล้วจริงๆ เขาไม่ได้ตามมาและไม่โทรหา ซี่งมันก็เป็นสิ่งที่ฉันต้องการแต่ทำไมฉันถึงต้องมาเสียใจมากขนาดนี้ ตั้งแต่นั่งรถจนมาถึงคอนโดอลันฉันก็เอาแต่ร้องไห้ ถึงแม้พยายามหยุดร้องแต่น้ำตามันก็ไหลออกมาอยู่ดี ภาพของคุณคานส์กับแป้งที่จูบกันมันยังวนเวียนอยู่ในหัว คิดถึงทีไรมันก็ทำให้รู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะเป็นบ้า “อลิชหยุดร้องได้แล้วแกร้องไห้ตั้งแต่นั่งรถมาแล้วนะ” แพรถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเอาน้ำเปล่าวางลงก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆ กับฉัน “อึก~ ทำไมฉันถึงโชคร้ายแบบนี้นะ คิดว่าทุกอย่างกำลังจะดีแล้วแท้ๆ” “แกเป็นอะไรทำไมทะเลาะกับคุณคานส์ถึงขั้นแยกทางกันแบบนี้เล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม” แพรยังไม่รู้เรื่องที่ฉันเห็นคุณคานส์จูบกับแป้ง เธอพยายามเค้นถามบนรถแต่เพราะฉันเอาแต่ร้องให้ก็เลยไม่ได้เล่าอะไร “ฉะ ฉันเห็น อึก~ เห็นคุณคานส์กับแป้งจูบกัน” พอบอกแบบนั้นแพรก็ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองพร้อมกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ“กะ แกแน่ในหรออลิช คุณคานส์กล้าทำถึงขนาดนั้นเชียวหรอ” แพรถามย้ำ เธอดูจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันบอกเท่าไหร่ “เพราะว่าฉันเห็นถึงได้ตัดสินใจออกมา
ผมขับรถออกมาจากบ้านด้วยความเร็วเพื่อจะตามไปขอโอกาศกับอลิชอีกครั้ง ผมเสียเวลาไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ กับการลังเลว่าจะเอายังไงต่อไปกับชีวิต คิดจะปล่อยเธอไป แต่สุดท้ายแล้วพอได้มาถามกับตัวเองซ้ำๆ และคิดตามคำพูดของพ่อ มันก็ทำให้ผมได้รู้แล้วว่าไม่สามารถปล่อยอลิชไปได้ ผมตั้งใจจะไปอธิบายหวังว่าเธอจะรับฟัง…และกลับมาเชื่อใจผมอีกครั้ง กริ้ง~ ในขณะที่กำลังขับรถอยู่มีสายเรียกเข้ามาในโทรศัพท์ ผมก้มมองดูเบอร์คนที่โทรเข้ามาคือแป้ง เธอโทรมาหาผมบ่อยครั้งแต่ผมไม่รับสาย ไม่ใช่แค่โทรเธอยังมาหาที่บ้าน แต่ไม่ว่าจะมาที่บ้านกี่ครั้งเธอก็ไม่ได้เจอผม เพราะผมสั่งให้ลูกน้องไล่เธอกลับไป แม้แต่หน้าประตูทางเข้ามาในบ้านเธอก็ไม่ได้ขึ้นมาเหยียบ ความรู้สึกหวั่นไหวบ้านั่นมันจะไม่เกิดขึ้นกับผมอีก!! ผมขับรถมาหลายชั่วโมงโดยที่ไม่ได้จอดพักที่ไหนนอกจากเข้าปั้มเติมน้ำมัน มาถึงที่บ้านของอลิชก็เกือบจะช่วงเย็น เมื่อรถเลี้ยวมาภายในรั้งบ้านผมก็ทำใจไว้แล้วว่าจะเจอกับอะไร อย่างแรกเลยก็คงจะเป็นลูกปืน อย่างที่สองอลิชคงไม่ยอมออกมาเจอหน้าผมแน่ๆ วันนั้นผมไม่น่าปล่อยให้เธอกลับมาที่บ้าน ไม่น่ายอมให้ทุกอย่างมันจบลงเลยจริงๆ ทันทีที่รถของผ
ฉันยิ้มให้กับคำชมของโอม ฉันพูดภาษาเหนือไม่ได้หรอกแต่ฟังรู้เรื่องเพราะย่าเป็นคนเหนือ จริงๆ ก็อยากจะพูดได้นะเพราะภาษาเหนือมีเสน่ห์มากๆ โอมยิ้มหวานให้ฉันก่อนที่สายตาจะเลื่อนต่ำลงมามองที่ท้องของฉันแล้วเบิกตากว้าง “ปี้ท้องกะว่าอ้วน”“แม้หนุ่มน้อยใครเขาจะอ้วนแค่ตรงท้องล่ะ” แพรพูดขึ้นแล้วส่ายหน้าไปมาให้กับโอม “พี่ท้องน่ะ ^_^” “ฮู้ตัวก่อว่าปี้ยะหื้อผมเหมือนคนกำลังอกหัก”“อย่าแก่แดดสิ ยังไม่ขึ้นมหาวิทยาลัยเลยนะเราอะ” ที่ฉันรู้ว่าโอมยังไม่ขึ้นมหาวิทยาลัยก็เพราะว่าชุดที่เขาใส่มาเป็นชุดนักเรียน ม.ปลายอยู่ “ละอ่อนก็ฮักเป็นเน้อปี้”“รักอะไรยิ่งพูดยิ่งเลอะเทอะใหญ่แล้วนะโอม” “ผมฮักเมาปี้ตั้งมอก ป.2 แล้ว” โอมทำหน้าบึ้งใส่ฉัน ไม่รู้ว่าฉันจะสงสารดีไหมเนี่ย แต่ท่าทางของโอมมันทำให้ฉันอดขำออกมาไม่ได้จริงๆ “ผมอู้แต้หนาว่าผมฮักเมาปี้ตั้งมอก ป.2 จนถึงบะเดี่ยวจนได้ปิกมาเจอปี้อลิชแหม มันยะหื้อหัวใจผมเต้นแฮง”“เด็กคนนี้ท่าจะเอาจริงนะแก” แพรกระซิบบอกฉัน ก่อนจะพูดกับโอม “นี่เพื่อนพี่ถึงจะท้องแต่ตอนนี้โสดนะ สนใจเปล่าล่ะ ^_^” ฉันรีบหยิกแขนเพื่อนไปหนึ่งที ดูก็รู้ว่าแพรอยากจะจับคู่ให้ฉัน แถมยังพูดอะไรที่มันไ
ฉันหันมองเห็นว่าโอมยืนฟังอยู่จึงเดินเลี่ยงออกมาคุยไกลๆ ( ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร ทำไมถึงอยู่กับเธอ ) คุณคานส์ถามอีกครั้ง เขาคงจะคาดคั้นให้ฉันตอบให้ได้สินะ ( คุณคานส์ไม่มีสิทธิ์แล้วนะคะ ลืมไปแล้วหรือไง ) พอฉันพูดครั้งนี้คุณคานส์เงียบ ได้ยินแค่เสียงหายใจออกมาแรงๆ หลายครั้ง ก่อนที่เสียงของลมหายใจนั้นจะเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นเบาๆ พอได้ยินเสียงสะอื้นจากปลายสายฉันก็เผลอกำมือแน่น ได้แต่พยายามย้ำกับตัวเองว่าห้ามใจอ่อนเด็ดขาด ( ทำไมต้องหนีฉัน ทำไมต้องเอาลูกไปจากฉัน ) ( เคยบอกไปแล้วไงคะว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากการกระทำของคุณคานส์เองทั้งนั้น ) ( แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรที่ทรยศเธอเลยด้วยซ้ำ!! )( มั่นใจหรอคะ แค่คุณคานส์หวั่นไหวกับแป้งนั่นแหละค่ะคือการทรยศ ) คุณคานส์เงียบ ฉันคิดว่าเขาจะมองเห็นความผิดของตัวเองบ้าง แต่เปล่าเลย… ( ฉันอยากขอโอกาส ) คุณคานส์บอกน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย ( อลิชยังไม่พร้อมเปิดใจตอนนี้ ) ( แล้วเมื่อไหร่เธอถึงจะเปิดใจให้ฉันอีกครั้ง )( สำหรับคุณคานส์…มันคงไม่มีวันนั้นหรอกค่ะ ) ( แค่ครั้งสุดท้ายก็ไม่ได้หรือไง ) ( โอกาสครั้งสุดท้ายอลิชให้ไปแล้วค่ะ แต่คุณคานส
Talk อลิช#บ้าน วันนี้เป็นวันดีออกไปขายเสื้อผ้าไม่ถึงสองชั่วโมงก็ได้กลับบ้านแล้ว เพราะขายหมดเกลี้ยง “นี่มันเกินคาดมากเลยนะแก ฉันคิดว่าวันแรกจะเหงาๆ ขายไม่ได้ซะอีก ที่ไหนได้ลูกค้าเข้าร้านเยอะมาก ขายหมดภายในสองชั่วโมงแหนะ” “ของหมดแบบนี้แล้วพรุ่งนี้เราจะเอาอะไรมาขายกันล่ะแก” ฉันถามแพร มันก็ดีใจแต่ก็คิดหนักเพราะพรุ่งนี้คงไม่มีของขายแน่ๆ “ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันจัดการเอง รับลองมีของมาขายพรุ่งนี้ชัวร์ๆ” พูดจบแพรก็ยื่นเงินที่ได้ตากการขายเสื้อผ้าทั้งหมดมาให้ฉัน “แกเอาเงินนี้เก็บไว้นะ” “บ้าหรอ! ต้องแบ่งกันสิ อีกอย่างแกเป็นคนลงทุนจะมาให้ฉันทั้งหมดได้ยังไง”“แกท้องอยู่มีภาระต้องรับผิดชอบ ส่วนฉันตัวคนเดียวไม่ได้มีภาระอะไร” “แต่ฉันก็พอมีเงินอยู่บ้าง” “รับไว้เถอะน่า ถ้าไม่รับไว้ฉันน้อยใจแย่” การกระทำของแพรมันทำให้ฉันซึ้งจนอยากจะร้องไห้ เธอดีกับฉันทุกอย่างจริงๆ ถึงจะไม่อยากรับเงินมาคนเดียวแต่สุดท้ายฉันก็ต้องรับมาไว้ “ไปอาบน้ำนอนได้แล้วแกน่ะ คนท้องห้ามนอนดึกนะ” “จ้า นี่เพื่อนหรือแม่คะ” ฉันกับแพรยิ้มให้กันก่อนจะต่างแยกย้ายกันเข้านอน ทุกครั้งที่หลับตาลงฉันมักจะคิดถึงเรื่องราวดีๆ ที่คุณคานส์ทำให
หัวใจดวงน้อยมันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าผู้ชายตรงหน้าคือคุณคานส์จริงๆ เขากำลังช่วยเก็บเสื้อผ้าให้ ส่วนฉันก็นิ่งเหมือนวิญญาณมันหลุดออกไปจากร่างทำไมกันทั้งที่เคยขอให้ปล่อยฉันไป ทำไมเขาถึงกลับมา หนีมาขนาดนี้แล้วทำไมถึงตามมาได้ “เธอไปรอที่รถก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันเก็บให้เอง” คุณคานส์หันมาบอก เขาทำเหมือนว่าระหว่างเรามันเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน ฉันกำหมัดแน่น สมองคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเจ็บปวดเพราะผู้ชายคนนี้ “ไปให้พ้น” พอฉันบอกแบบนั้นคุณคานส์ก็ชะงัก เขาค่อยๆ หันหน้ามามองฉันช้าๆ เหมือนจะตกใจที่ได้ยินฉันไล่“…เดี๋ยวฉันพาไปที่รถ” คำพูดที่ฉันไล่เขามันคงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะคุณคานส์ทำเมินเหมือนฉันไม่ได้พูดอะไรเลย แถมยังเดินมาประคองตัวฉันอีกต่างหาก พรึบ! ฉันผลักคุณคานส์ออก “อย่ามาถูกตัวอลิชนะ จะไปไหนก็ไป!!” “เห็นไหมว่าฝนกำลังจะตก จะด่าจะว่าฉันก็เอาไว้ทีหลัง” คุณคานส์ตอบแบบไม่สนใจ จากนั้นเขาก็ตั้งใจเก็บเสื้อผ้าต่อ ฉันเห็นว่าฝนมันกำลังจะตกแล้วจริงๆ จึงพยายามระงับอารมณ์และความรู้สึกมากมายเอาไว้ ก่อนจะเร่งมือเก็บเสื้อผ้าใส่กล่อง เพราะหากว่าฉันเอาแต่ตัวเองข้าวของที่ต้องขายคงจะเสียหายแน่ๆ “กล
“ฝนหยุดตกแล้ว ลงจากรถไปได้แล้วค่ะ” ฉันมองออกไปด้านนอกเห็นว่าฝนหยุดตกแล้วจึบรีบไล่คุณคานส์ลงจากรถทันที “…….” คุณคานส์ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาเงียบไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็เปิดประตูรถเดินออกไปทั้งๆ ที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อ แถมยังทิ้งถุงเสื้อเปียกเอาไว้ในรถอีกต่างหาก ฉันละสายตาจากแผ่นหลังของคุณคานส์แล้วรีบขับรถกลับมาที่บ้าน #บ้าน กำลังนั่งคิดว่าควรจะบอกพ่อหรือบอกอลันดีหรือเปล่าเรื่องที่คุณคานส์ตามมาถึงที่นี่ หรือจะหนีเขาอีกครั้งดี“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่อลิช” แพรที่อยู่ในสภาพใบหน้าซีดเผือดจากพิษไข้เดินออกมาจากห้องแล้วถามฉัน “เมื่อกี้น่ะ แล้วนี่ทำไมแกไม่นอนพัก” “ฝนตกฉันเลยตื่นน่ะ แล้วที่ตลาดตกหรือเปล่า”“อื้อ ตกเหมือนกัน” “แล้วแกเก็บเสื้อผ้าทันหรอ หรือโอมไปช่วย ?”“โอมไม่ได้มาช่วยหรอก” ฉันค่อยๆ บีบมือแน่นคิดว่าจะบอกแพรเรื่องคุณคานส์ เพราะแพรอยู่ที่นี่ยังไงก็ต้องเห็นเขาอยู่แล้ว “อ้าว! โอมไม่ไปช่วยแล้วแกเก็บของคนเดียวไหวหรอ” แพรขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ “….คุณคานส์ช่วยเก็บ” “ห๊ะ! แกว่ายังไงนะ คุณคานส์อย่างนั้นหรอ” แพรอุทานออกมาเสียงดังทั้งที่ตัวเองเสียงแหบแห้งอยู่ในลำคอ “อื้อ เขาตามหาฉันเจอแ