คุณคานส์คว้ามือมาจับแขนฉันแล้วดึงเข้าหาตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเอามือมาโอบเอวของฉันเอาไว้ จากนั้นก็ขยับใบหน้าคมคายก้มลงมาใกล้ๆ กับใบหน้าของฉัน “ฉันบอกไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ทำไมไม่ยอมเชื่อกันบ้าง” “เพราะความเชื่อใจมันหมดไปแล้วไงคะ” “พอฉันรักเธอแล้วเธอก็จะมาทิ้งกันง่ายๆ แบบนี้หรือไง” เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคุณคานส์ตัดพ้ออะไรแบบนี้ออกมา เขาพูดว่ารักอย่างนั้นหรอ รักฉันแล้วทำให้ฉันเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่าทำไม ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ฉันคงจะดีใจจนบิดตัวเป็นเกียวที่ได้ยินคำว่ารักจากปากของงงผู้ชายตรงหน้า แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถหวั่นไหวได้อีก “คนที่ทิ้งกันคือคุณคานส์ต่างหากค่ะไม่ใช่อลิช” “ฉันบอกให้กลับไปกรุงเทพกับฉัน ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าฉันบริสุทธิ์ใจ” “พูดจบหรือยังคะ ?” “เธอจะไล่ฉัน ?” คุณคานส์เลิกคิ้วขึ้นถาม จากนั้นเขาก็ปล่อยตัวฉันให้เป็นอิสระก่อนจะถอยห่าง “ฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนจนกว่าเธอจะยอมรับฟัง” “ระหว่างเรามันจบแล้วค่ะ อลิชบอกแล้วไงว่าเราเป็นแค่พ่อกับแม่ของลูกก็เท่านั้น” “ฉันก็บอกไปแล้วว่าไม่มีทาง”“อยากเจอพ่อเอาปืนไล่ยิงอีกหรือไงคะ” “ถ้าฉันยอมแพ้ก็เท่ากับยอมรับผิด
คุณคานส์อุ้มฉันมาที่รถโดยไม่สนใจเลยว่าผู้คนมากมายจับจ้องมองการกระทำของเขาอยู่ “คุณคานส์คะ ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ถึงยังไงคุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับอลิชแบบนี้” แพรพูดเตือนสติคุณคานส์ ส่วนฉันก็พยายามดิ้นเพื่อให้เขาวางฉันลงสักที“เมียของฉัน ทำไมจะไม่มีสิทธิ์” นี่คือคำตอบของคุณคานส์ หลังจากที่พูดจบประโยคเขาก็เปิดประตูรถแล้วเอาตัวของฉันยัดเข้าไปด้านใน ก่อนจะปิดประตูแล้วรีบเดินมาเปิดประตูที่ฝั่งของคนขับ รถหรูขับแล่นออกไปจากตลาดทันที แต่ทว่าทางที่คุณคานส์ขับมานั้นมันไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉัน “จะพาอลิชไปไหนคะ” ฉันรีบหันขวับมาถามคุณคานส์ทันที “กลับบ้าน” “แต่นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้านอลิช” “แล้วใครบอกว่าจะไปบ้านเธอ ฉันกำลังจะกลับกรุงเทพต่างหาก” “ไอ้คนบ้า!! จอดรถเดี๋ยวนี้นะอลิชไม่กลับ!!” ฉันตะเบ็งเสียงออกมาดังสนั่น จนคุณคานส์ต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดหูไว้ “จะตะโกนทำไมนั่งอยู่ใกล้ๆ แค่นี้” “บอกให้จอดรถไงคะ” “ไม่จอด” ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปดันพวงมาลัยรถแต่ถูกคุณคานส์หันมาทำสีหน้าเกรี้ยวกราดใส่ “อย่าทำอะไรโง่ๆ” คำพูดนี้ทำให้ฉันหยุดชะงัก ใช่! เมื่อกี้ฉันคิดจะทำอะไรโง่ๆ โดยไม่คิดถึงลูกที่อยู่ในท้องเพียง
นักข่าวพากันฮือหาต่างตกใจในคำพูดของคุณคานส์ หลังจากพูดจบคุณคานส์ก็ดึงตัวฉันออกมาจากฝูงนักข่าวตอนนี้หัวใจดวงน้อยของฉันมันกำลังเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ คุณคานส์พาฉันเดินขึ้นลิฟต์โดยที่นักข่าวก็ยังตามมาอยู่ แต่ตามไม่ทันเพราะประตูลิฟต์ปิดซะก่อน เมื่อได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองในลิฟต์ฉันเองก็ทำตัวไม่ถูก ภายในใจมันสับสนกับเรื่องราวที่เกิเขึ้น ความโกรธที่มีมันค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อได้ยินคุณคานส์ให้สัมภาษณ์แบบนั้น พอลิฟต์เปิดออกคุณคานส์ก็พาฉันเดินมายังห้องๆ หนึ่ง ลืมบอกไปว่างานนี้ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมเมื่อเข้ามาในห้องแล้วคุณคานส์ก็กอดฉันแน่น แล้วกระซิบถาม “เชื่อใจฉันได้หรือยัง”ฉันได้แต่เงียบไม่ได้ตอบไปในทันทีเพราะยังตกใจอยู่ “อะไรกันฉันทำขนาดนี้แล้วเธอยังไม่เชื่ออีกหรือไง” คุณคานส์ถามแล้วทำใบหน้าบึ้งตึงใส่ “ปล่อยอลิชก่อนค่ะ” “เธอยังโกรธฉันอยู่ ?” “ให้เวลาอลิชทบทวนหน่อยสิคะ แบบนี้มันกระทันหันเกินไป ก่อนหน้านี้อลิชยังโกรธคุณคานส์เป็นฟืนเป็นไฟอยู่เลย” พอคุณคานส์ได้ยินคำตอบของฉันเขาก็ยิ้มออกมา ก่อนจะอุ้มฉันขึ้นแล้วพาเดินมาที่เตียง ร่างของฉันถูกวางลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ โดยมีคุณคานส์คร่อมไว้ด้านบน
กว่าที่คุณคานส์จะยอมพาฉันออกมาที่หน้างานก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง ในที่แบบนี้เขาก็ยังหื่นเอามากๆ ฉันเองบอกไปหลายครั้งแล้วว่าให้กลับไปทำต่อที่บ้าน แต่คุณคานส์เองนั่นแหละที่ไม่ยอม ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เคลียร์ไปหมดแล้ว ฉันเองก็ไม่มีเรื่องให้ทุกใจ และกลับมามาความสุขอีกครั้ง คุณคานส์จับมือฉันเดินออกมาพบปะผู้ใหญ่ในงานและแนะนำตัวว่าฉันคือภรรยาของเขา บอกอีกด้วยว่าเรากำลังจะมีเจ้าตัวน้อยด้วยกัน “ตาคานส์อาขอคุยด้วยหน่อย” พ่อของเปียเดินมาหาเราทั้งคู่ด้วยท่าทางที่ไม่พอใจสักเท่าไหร่ “ถ้าอย่างนั้นอลิชขอตัวก่อนนะคะ” ฉันเห็นว่ามันคงไม่ใช่ธุระอะไรของฉันจึงไม่อยากจะยืนฟังให้เสียมารยาท แต่พอจะเดินเลี่ยงออกมา คุณคานส์ก็ไม่ยอมปล่อยให้ฉันไปไหน “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณอา” คุณคานส์ถาม “ให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้นมันหักหน้ากันชัดๆ แบบนี้ลูกสาวอาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” ที่แท้ก็ไม่พอใจเรื่องให้สัมภาษณ์นี่เอง ฉันรู้แล้วแหละว่าเปียเธอนิสัยเหมือนใคร “ผมก็ให้สัมภาษณ์ตามความจริง ถ้าผมเลือกจะโกหกตามที่เปียบอก แล้วความรู้สึกของภรรยาของผมล่ะครับ” ฉันยิ้มเล็กน้อยให้กับคำตอบของคุณคานส์ ตอนนี้เขากำลังทำให้ฉันหลงรักมากขึ้นจะรู
“ผู้หญิงคนนั้นทิ้งฉันไปหาผู้ชายอีกคน” เงียบไปนานคุณคานส์ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง ได้ฟังเสียงของเขามันทำให้ฉันรู้สึกเศร้าไปด้วยยังไงก็ไม่รู้ “เธอกำลังคิดว่าฉันยังลืมผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ใช่ไหม ?” “ปะ เปล่าค่ะ อลิชไม่ได้คิดแบบนั้น” “ไหนขอดูหน้าหน่อย” พูดจบคุณคานส์ก็จับหน้าฉันหันมาหาตัวเอง แล้วใช้สายตาคมกริบจ้องมองอย่างพิจารณา “แววตาของเธอมันฟ้องว่าเธอคิดมากอยู่” “กะ ก็บอกว่าเปล่าไงคะ” ทำไมกัน ทำไมเวลาที่ฉันรู้สึกอะไรคุณคานส์ถึงดูออกอย่างง่ายดาย แต่พอเป็นเขามันกลับยากที่จะคาดเดา “ที่ฉันพูดไปมันก็เป็นแค่เรื่องในอดีต ส่วนปัจจุบันฉันมีแค่เธอกับลูก” “ให้จริงเถอะค่ะ” ฉันมองค้อนคุณคานส์ “เชื่อใจฉันได้แล้ว” “ที่ผ่านมาอลิชก็เชื่อใจตลอด แต่คุณคานส์นั่นแหละชอบหาเรื่อง” คุณจ้องหน้าคุณคานส์ตาเขม็งแล้วถามต่อ “แล้วนี่คุณคานส์เอารถคืนจากผู้หญิงคนนั้นหรือยังคะ” พอฉันถามแบบนั้นคุณคานส์ก็เงียบ เขาหลบสายตาของฉันด้วย แบบนี้แปลว่ายังไม่เอาคืนสินะ! “นี่หรอคะที่บอกให้อลิชเชื่อใจ” ฉันกำลังจะลุกขึ้นแต่ถูกฝ่ามือใหญ่ของคุณคานส์รั้งเอาไว้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจไม่เอาคืน ก็แค่ลืมเพราะมัวแต่ง้อเธอ” “แล้วเมื่อไหร่ล่
ตรวจคำผิดย้อนหลังนะคะ——— ฉันไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ทักคุณคานส์คือใคร ด้วยความสวยของเธอมันทำให้ฉันรู้สึกหวงเขาเอามากๆ “อืม” คุณคานส์ตอบผู้หญิงคนนั้น ทำให้เธอฉีกยิ้มกว้าง แล้วพูดต่อ “แป้งเพิ่งกลับมาไทย ไม่คิดว่าจะได้เจอคานส์ สบายดีหรือเปล่า” “ก็ดี” ฉันรู้สึกว่าคุณคานส์ไม่ค่อยอยากจะตอบคำถามของผู้หญิงคนนี้สักเท่าไหร่“ยังโกรธแป้งอยู่อีกหรอคานส์” คุณคานส์ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ เขาหันกลับมาบอกพนักงาน “เดี๋ยวผมจะให้ลูกน้องมาจัดการเรื่องเพชรพวกนี้” พูดจบก็มองหน้าฉันจากนั้นก็จับมือฉันพาเดินออกไปจากร้านทันที ซึ่งฉันก็ยังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน คำพูดของเธอไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น เหมือนเธอเคยสนิทกับคุณคานส์มาก่อน “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครหรอคะ” “เพื่อนเก่า” “เพื่อนหรอคะ” ฉันถามย้ำให้แน่ใจ “แค่เพื่อนหรือเปล่าคะ” “เธอจะหาเรื่องทะเลาะกับฉันอีกแล้วใช่ไหม” พอได้ยินคำถามคุณคานส์ก็มองค้อนฉันทันที “อลิชเปล่าหาเรื่องทะเลาะนะ ก็แค่ถามเองนี่คะ”คุณคานส์ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาโอบเอวฉัสแล้วพูด “แค่เพื่อนเก่า แต่เพราะไม่ได้เจอกันนานมากฉันก็เลยไม่รู้จะคุยอะไร อีกอย่างถ้าให้ยืนคุยกั
“ขอโทษนะคะที่เข้ามาโดยไม่เคาะประตูก่อน” เธอรีบเอ่ยขอโทษก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปมมองคุณคานส์ แล้วถามด้วยความสงสัย “อ้าวคานส์ นี่บริษัทของคานส์หรอ” “อืม แล้วเธอมาที่นี่ทำไม ?” คุณคานส์ถาม “แป้งเป็นตัวแทนของบริษัทในต่างประเทศที่ส่วตัวมาคุยเรื่องธุรกิจ ไม่คิดว่าบริษัทที่จะลงทุนด้วยคือบริษัทของคานส์”คุณคานส์ลุกขึ้นจากเก้าอี้เขาจับมือฉันพาเดินมานั่งที่โซฟา แล้วบอกกับผู้หญิงคนนั้น “นั่งสิ” เธอรีบพยักหน้าแล้วนั่งลงตามที่คุณคานส์สั่ง ฉันรู้ว่าเธอคือเพื่อนเก่าของคุณคานส์ แต่นี่มันคือเวลางานไม่ชอบเลยที่เธอเรียกคุณคานส์อย่างสนิทสนมกันแบบนั้น “จะให้อลิสออกไปรอด้านนอกไหมคะ คุณคานส์จะได้คุยเรื่องธุรกิจ” ฉันถามคุณคานส์ ถึงจะอยากนั่งอยู่แต่ถ้ามันเป็นเรื่องงานฉันเองก็ไม่อยากรบกวน “ไม่ต้องไปไหน” คุณคานส์ตอบก่อนที่เขาจะเอามือมาโอบเอวของฉันเอาไว้ ผู้หญิงคนนั้นเธอนิ่งไปเลย สายตาของเธอมองมายังมือของคุณคานส์ที่กำลังโอบเอวของฉันเอาไว้อยู่ “มาเริ่มคุยเรื่องธุรกิจกันเลยไหม ?” คุณคานส์ที่เห็นเธอเอาแต่เงียบเหมือนเหม่อลอยก็เลยท้วงขึ้น เธอเหมือนได้สติสะดุ้งเล็กน้อยจากนั้นก็รีบพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ ฉันฟัง
ผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีได้ ฉันทำอาหารเพลินจนลืมนึกถึงแป้งที่ไปเข้าห้องน้ำ พอคิดขึ้นมาได้ก็รู้สึกแปลกใจที่เธอไปเข้าห้องน้ำนานขนาดนี้ “หรือว่าจะหาห้องน้ำไม่เจอนะ” ฉันพึมพำคนเดียวเบาๆ แต่ฝห้หลังจากคำพูดของฉันไม่นานแป้งเธอก็เดินกลับมาที่ครัว “ไปซะนานเลย หาห้องน้ำไม่เจอหรอคะ” “ค่ะ โชคดีที่เจอคานส์ เขาเลยบอกทางให้ไม่อย่างนั้นฉันคงหลงเดินอ้อมบ้านแน่ๆ” ในขณะที่พูดอยู่เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองฉัยเลย “อ๋อค่ะ” ฉันตอบไปแค่นั้นแล้วก็ทำอาหารต่อ ส่วนแป้งเธอก็เป็นลูกมือ หลังจากกลับมาจากห้องน้ำฉันรู้สึกได้ว่าแป้งเธอเงียบไปไม่ชวนคุยเก่งเหมือนก่อนหน้านี้ แปลกจังฉันกำลังจะเดินเอาผักมาล้างแต่ทว่าพื้นมันลื่นจนทรงตัวไม่อยู่ ฉันกรี๊ดออกมาเสียงดังเพราะคิดว่าตัวเองต้องลื่นล้มก้นกระแทกพื้นแน่ๆ “กรี๊ด~” ยังดีที่โชคเข้าข้าง ฉันคว้ามือมาจับกับอ่างล้างจานได้ทัน ไม่รู้ว่าเสียงของฉันมันดังขนาดไหนเพราะคุณคานส์รีบวิ่งมาหาฉันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่กับแป้งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เธอกลับนิ่งไม่ได้มาช่วยประคอง เธอคงกำลังตกใจอยู่เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ฉันเองก็ตกใจเหมือนกัน “เป็นอะไร” คุณคานส์ประคอ