คฤหาสน์ อัศวภัชรกุล
“แกเลิกกับหนูเมลแล้วงั้นเหรอ?” พิสุทธิ์เอ่ยออกมาอย่างตกใจกับข่าวที่ได้รับจากลูกชาย เช่นเดียวกับภรรยาอย่างมาราตรีและสุพรรณิสาผู้เป็นแม่
“มันเกิดอะไรขึ้น เมื่อวานก่อนย่ายังเห็นรักกันดีอยู่นิ”
แทนคุณนั่งเงียบขรึม มือทั้งสองข้างประสานกันมั่นใต้หว่างขา ราวกับกำลังข่มกลั้นอารมณ์บางอย่าง โดยไม่สนใจสายตาของครอบครัวที่มองมาอย่างกดดัน รอคำตอบที่ชัดเจน
“ที่เลิกกันคิดดีแล้วเหรอลูก” ถึงขั้นเลิกกันอย่างปุ๊บปั๊บคงทะเลาะกันเรื่องร้ายแรงพอสมควร ที่ผ่านมาทั้งสองไม่มีสัญญาณว่าจะเลิกรักกันเลยแม้แต่น้อย
“…”
“ว่ายังไงแทนคุณ?” ไร้ซึ่งคำตอบจากแทนคุณ มาราตรีจึงทวนถามลูกชายอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิม
“ครับ คิดดีแล้ว”
“เหตุผลล่ะ?” พิสุทธิ์ถามจ้องลูกชายแววตาเด็ดขาด อย่างต้องการคำตอบให้ได้
“หมดรักกัน” แทนคุณเงยหน้าสบตากับผู้เป็นพ่อ โป้ปดออกไปประโยคสั้น ๆ ทั้งที่ความเป็นจริง เขาไม่เคยหมดรักเธอคนนั้นเลย แต่เพราะเธอมันไม่รู้จักพอ
“ย่าไม่อยากให้แกเลิกกับหนูเมลเลยจริง ๆ” สุพรรณิสาทำหน้าเศร้า เมื่อหญิงสาวที่หมายมั่นว่าจะได้เป็นหลานสะใภ้ กลับหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย ต่อให้เธอถูกใจแฟนสาวของหลานชายมากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถบังคับฝืนใจทั้งสองให้แต่งงานกันตามใจตนได้
“ถึงแกจะเลิกกับหนูเมล ยังไงแกก็ต้องแต่งงานตามข้อตกลงในสัญญา ธุรกิจที่ทำร่วมกันจะได้เติบโตโดยไร้ซึ่งปัญหา”
“แล้วคุณจะบังคับให้ลูกแต่งงานกับหนูเมล ทั้งที่สองคนเลิกกันแล้วน่ะเหรอคะ” มาราตรีหม่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เธอไม่เห็นด้วยหากลูกชายถูกคลุมถุงชน
“คุณตุลาไม่ได้มีลูกสาวแค่คนเดียวสักหน่อย”
แทนคุณขมวดคิ้วแน่นตวัดสายตามองผู้เป็นพ่อ พอจะเข้าใจความหมายที่ผู้เป็นพ่อกำลังสื่อ
“หนูเมษายังเด็กอยู่เลยนะคะ”
“ไม่ได้ให้แต่งกันเร็ว ๆ นี้หรอกน่าคุณ”
“คุณถามความเห็นจากลูกชายก่อนไหม?” มาราตรีถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เอือมระอากับความคิดของสามี แต่ถึงอย่างไรเธอขอฟังเสียงลูกชายก่อน หากลูกชายคัดค้านเธอก็พร้อมอยู่เคืองข้างลูกชายหลังชนฝา
“อยู่ด้วยกันแค่ปีเดียวเท่านั้น หลังจากนั้น ถ้าแกกับหนูเมษาไม่ได้รักกัน จะหย่ากันก็ไม่ใช่ปัญหา”
“พูดง่ายดีนะคะ”
พิสุทธิ์ไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระกับถ้อยคำประชดประชันของภรรยา
“ปฏิเสธได้นะแทนคุณ แม่จะอยู่ข้างลูกเอง ไม่จำเป็นต้องแต่งก็ได้ ยังไงซะหุ้นบริษัทรากุลก็เป็นของเราเกือบทั้งหมด”
“สัญญามีให้ทำตาม ไม่ใช่มีไว้เพื่อผิดสัจจะ”
“แต่เราไม่มีสิทธิ์ไปบังคับลูกนะคะ”
“ว่ายังไงตาแทน?” พิสุทธิ์ไม่สนใจเสียงหรือสายตาดุของภรรยา แต่โยนคำถามไปที่ลูกชายแทน
“เอาตามที่พ่อต้องการเลย”
คำตอบของแทนคุณ ทำให้พิสุทธิ์ถึงกับยิ้มหน้าบาน ในขณะที่มาราตรีและสุพรรณิสา ต่างก็ไม่เข้าใจเหตุผลของลูกชาย ที่มีนิสัยใจร้อน ดื้อด้าน ไม่ยอมใคร แต่ตอนนี้กลับดูใจเย็น ยินยอมผู้เป็นพ่อเอาง่าย ๆ ทั้งที่กำลังถูกบังคับ และ ขัดต่อความรู้สึกของตัวเอง
…
หลายปีต่อมา (ปัจจุบัน)
คฤหาสน์ พีรพัฒน์
มาริษาหน้าตาน่ารักสดใส อยู่ในชุดไทยสีชมพูกลีบบัวขัดผิวให้ขาวผ่องมีออร่า เกลาผมทรงต่ำประดับด้วยปิ่นปักผมสีทอง เธอยิ้มปริ่มยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ โดยผู้เป็นแม่ยืนช้อนด้านหลังดูความเรียบร้อยของชุดอีกรอบ
“วันนี้ลูกสาวแม่สวยที่สุดเลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ว่าแต่ หนูอยู่ที่นี่กับพี่เขาได้จริง ๆ ใช่ไหม ถ้ายังไม่…แม่จะพูดกับพ่อให้ รอหนูอายุครบยี่สิบแล้วค่อยย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน”
“อยู่ได้ค่ะ” น้ำเสียงมั่นคงและแววตาแน่วแน่ของลูกสาว ทำให้เธอรู้สึกวางใจมากขึ้น อย่างไรเสียครอบครัวทั้งสองฝ่ายก็รู้จักมักจี่กันมานาน
“จ้ะ ถ้าไม่สบายใจหรืออึดอัดกลับบ้านเราได้นะ”
“ค่ะแม่”
แกรก
บานประตูห้องแต่งตัวถูกผลักเข้ามาด้วยฝีมือของหญิงสาวร่างเพรียว ใบหน้าสะสวยอยู่ในชุดเดรสสีขาว
“ถึงเวลาแล้วสา” เมลพี่สาวของมาริษา เธอไล่สายตามองน้องสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา
“ค่ะ”
ภายในงานแต่งงานเล็ก ๆ มีเพียงคนในครอบครัวของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเท่านั้น โดยไร้ซึ่งญาติมิตร เพื่อนฝูงหรือคนรู้จัก
“ไปรับน้องสิแทน”
แทนคุณเลื่อนสายตามองไปทางบันได พบกับเจ้าสาวของตัวเองที่กำลังก้าวขาเดินลงมา วันนี้เธอดูสวยสะดุดตาเป็นพิเศษ แต่สุดท้ายสายตาเขากลับหลุดโฟกัส มองไปที่พี่สาวของเธอแทนอย่างไม่สามารถห้ามได้
“น้องสวยจนอึ้งไปเลยใช่ไหมล่ะ”
เสียงเอ่ยแซวของผู้เป็นแม่ทำให้แทนคุณหลุดออกจากภวังค์ความคิด สาวเท้าเดินตรงไปหาเจ้าสาวทันที โดยไม่ได้ต่อบทสนทนากับผู้เป็นแม่
“ฝากน้องด้วยนะแทนคุณ” วิจิตตรานำมือลูกสาววางบนฝ่ามือใหญ่ ส่งต่อให้เป็นหน้าที่ของเจ้าบ่าว
“ครับ”
มาริษาช้อนตาขึ้นมองสบตากับแทนคุณเพียงครู่ ก่อนจะเป็นฝ่ายหลุบตามองต่ำอย่างเขินอาย สาวเท้าเดินไปเข้าพิธีพร้อมผู้ชายที่แอบรักมานาน
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง ที่เธอและเขาได้แต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน
---------------------
ผับ Moonก๊อก ก๊อก ก๊อก “ขออนุญาตเข้าไปนะครับนาย”“เข้ามา” แทนคุณเอ่ยเสียงตอบรับ ขณะสายตาจดจ่อที่หน้าจอคอม นิ้วมือคลิกที่เม้าส์ บานประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามา ด้วยฝีมือของลูกน้องคนสนิททิมโค้งศีรษะทำความเคารพผู้เป็นนายก่อนจะกล่าวรายงาน “คุณนาวากับคุณฟรานซ์มาถึงแล้วนะครับ”“อือ ให้พวกมันรอไปก่อนห้านาที”“ครับนาย” ทิมโค้งศีรษะอีกครั้งแล้วเดินออกไป แทนคุณปรายตามองตามหลังลูกน้องคนสนิทเพียงนิด ก่อนกลับไปสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อ…“งานยังสำคัญกว่าทุกสิ่งสินะ”“ประชดกูเพื่อ?” แทนคุณทิ้งตัวนั่งบนโซฟาตัวเดี่ยวข้าง ๆ กับนาวา ตรงข้ามฟรานซ์เจ้าของประโยคข้างต้น“ให้พวกกูนั่งรอตั้งห้านาที”“ไอ้สัส!ปัญญาอ่อน”“วันนี้แต่งเมียเข้าบ้านไม่ใช่เหรอ ทำไมยังมีอารมณ์มาทำงานอีกล่ะวะ” นาวาเทเหล้าราคาแพงใส่ในแก้วเปล่า แล้วเลื่อนไปตรงหน้าแทนคุณแทนคุณคว้าแก้วเหล้าราคาแพงที่เพื่อนส่งมาให้กระดกดื่ม ในคราเดียวหมด โดยไม่ได้ตอบคำถาม แต่ย้อนถามกลับไปแทน “มึงก็รู้นิว่ากูเพิ่งแต่งงาน แล้วพวกมึงจะชวนกูมาดื่มอีกทำไมล่ะ”“ยอกย้อนเก่ง เดาว่ามึงต้องเข้าผับไง”“หึ” แทนคุณกระตุกยิ้มมุมปากพลางเลื่อนแก้วเปล่าไปให้นาวา“เป็นกูนะ
กึก!เสียงรบกวนบางอย่าง ปลุกหญิงสาวใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงใหญ่สะดุ้งตัวตื่น เธอขยับยู่ใบหน้าเข้าหากันพลางปรือตามองค่อนข้างลำบาก หันมองหาเสียงพลันเจอกับแผ่นหลังกว้าง กำลังหาอะไรบางอย่างตามลิ้นชัก “พี่แทน” ริมฝีปากจิ้มลิ้มขยับพึมพำ พร้อมทั้งผุดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง ใช้หลังมือขยี้เปลือกตาเพื่อเพิ่มการมองเห็น ก่อนจะเหลือบตามองนาฬิกาแขวนผนัง ตีห้าครึ่งเขาเพิ่งกลับเข้าห้องหรอกหรือ“หาอะไรเหรอคะ?”“ไม่ต้องยุ่ง นอนไปเถอะ”ประโยคแล้งน้ำใจที่สามีเอ่ยออกมา มันทำให้มาริษาเจ็บที่หัวใจ เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น มองแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าแววตาสั่นระริก เธอสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะเอ่ยออกไป“เมื่อเช้าสาจัดห้องนอนใหม่ค่ะ พี่แทนหาอะไรบอกสาได้นะคะ เผื่อสาย้ายไปเก็บที่อื่น”ปั่ก!เสียงปิดลิ้นชักเสียงดังพลอยทำให้คนบนเตียงสะดุ้ง แทนคุณหันหลังจ้องมองภรรยาสาวเขม็ง ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ เพื่อปรับอารมณ์ “เห็นมีดโกนหนวดอันใหม่ไหม?”“อยู่ตรงลิ้นชักชั้นแรกตรงนู้นค่ะ” แทนคุณหันมองตามนิ้วเรียวเล็กที่ชี้ไปทางลิ้นชักใกล้ ๆ ห้องน้ำ จากนั้นก็หันกลับไปมองใบหน้าจิ้มลิ้มบนเตียงแวบหนึ่ง ก่อนจะสาวเท้าเดินตรงไป
มหาวิทยาลัย T.U อินเตอร์ “อึ๊ด~อาจารย์ปล่อยสักที” แกรมมี่หรือเกมส์ ชายใจเป็นหญิงยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจทันทีที่เลิกคลาสเรียน“วันนี้อาจารย์สอนโคตรนานเลย กว่าจะปล่อย นั่งจนเจ็บตูดแล้วเนี่ย” จีน่าหญิงสาวผมสั้นหน้าตาน่ารักบ่น พร้อมทั้งเก็บสัมภาระบนโต๊ะเรียน“บ่นเป็นคนแก่ไปได้ นี่เพิ่งวิชาแรกเองนะ” มาริษาขำกับสีหน้าท่าทางเหนื่อยหน่ายของเพื่อนทั้งสอง“จ้าแม่เด็กเรียนน~ ไม่เมื่อยเลยว่างั้น?” แกรมมี่เบ้ปากเล่นเสียงใส่เพื่อนสาวอย่างหมั่นไส้ มาริษาเพียงจิ๊ปากตอบโต้กลับไปเท่านั้น ที่จริงเธอก็เมื่อยเหมือนกัน แต่ไม่ได้แสดงออกมาเท่านั้น“เลิกเรียนคาบสุดท้าย ไปดูหนังเข้าใหม่กันปะ”“เอาสิฉันก็อยากดูเหมือนกัน”“แกล่ะสา?”มาริษามีสีหน้าครุ่นคิด หากเมื่อก่อนเธอคงตอบตกลงเพื่อน ๆ ไปโดยไม่ต้องลังเล แต่ตอนนี้สถานภาพของเธอมันไม่เหมือนเดิม เพราะเธอแต่งงานมีสามีแล้ว มีหน้าที่ที่ต้องทำยามเลิกเรียน จะไปไหนมาไหนต้องคิดไตร่ตรองบ้างเป็นธรรมดา“ว่ายังไงไปไหม”“ฉัน…”“ไม่ต้องปฏิเสธเลยนะยัยลูกหนู” แกรมมี่ทำน้ำเสียงเข้มพลางชี้หน้ามาริษาอย่างบังคับ ทำเอาคนถูกจ้องกดดันไม่กล้าปฏิเสธ“ก็ได้ งั้นฉันขอโทรบอกที่บ้านก่อนนะ”
บริษัท ตุลา กรุ๊ป“รายรับรายจ่ายของบริษัททั้งหมด ส่งให้ผมดูทางเมลล์ด้วยนะครับ” แทนคุณเอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังกว่าปกติ เนื่องจากเป็นวันประชุมประจำปีของบริษัท ที่ผู้เป็นพ่อมีหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง ซึ่งเท่ากับว่าเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์อีกคน และ เขาได้รับช่วงต่อจากผู้เป็นพ่อ โดยดำรงตำแหน่งประธานบริษัทร่วม“ได้ค่ะ” พนักงานสาวที่ได้รับหน้าที่ดูแลบัญชีตอบรับ“บริษัทเรามีโครงการใหม่ สร้างคอนโดหรูในสามจังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต ทุนในการสร้างมากกว่าพันล้าน ซึ่งจังหวัดที่ยังมีปัญหา คือ ภูเก็ต ยังมีชาวบ้านบางส่วนไม่ยอมขายที่ดินให้เรา ซึ่งที่ดินเหล่านั้นสำคัญมาก มีใครจะเสนอทางออกไหมคะ” มนัสรินทร์ประธานบริษัทอีกคนเอ่ยขึ้น ซึ่งนั่งหัวโต๊ะ“ง่าย ๆ ไม่ขายก็ไม่ต้องซื้อ หาที่หาทางใหม่จบ”มนัสรินทร์ตวัดสายตามองไปที่เจ้าของประโยคอย่างแทนคุณ (อดีตแฟนเก่า)“คงทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกค่ะ ทางเราได้ตกลงกับนายทุนใหญ่ไว้แล้ว หากผิดจากข้อตกลง บริษัทเราคงต้องเสียเงินจำนวนหลายร้อยล้าน”“โครงการใหญ่แบบนี้ ทำไมถึงไม่ส่งให้ผมพิจารณาก่อนจะอนุมัติล่ะครับคุณเมล” แทนคุณเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างถามอย่างต้องการกว
สิบปีที่แล้ว @ร้านสะดวกซื้อ ดิ้งงง~ เสียงกริ่งประตูร้านสะดวกซื้อดังขึ้น ครั้นมีคนเดินผ่านเข้ามาใช้บริการ ทว่าบุคคลดังกล่าวกลับไม่ใช่ลูกค้าพรึ่บ!“กรี๊ด!” เด็กสาวอยู่ในชุดนักเรียนมัธยมต้นโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัว จนเนื้อตัวสั่นเทาอย่างหนัก เนื่องจากยืนจ่ายเงินหน้าเคาน์เตอร์ จู่ ๆ ชายร่างใหญ่ก็โผล่เข้ามาล็อกคอแน่นหนา พร้อมทั้งจ่อปืนที่ศีรษะพนักงาน รวมถึงลูกค้าที่ยังอยู่ภายในร้านต่างแตกตื่นไปตาม ๆ กัน แต่ต้องอยู่ในความสงบ เมื่อโจรจับเด็กสาวเป็นตัวประกัน อีกทั้งยังมีอาวุธ“อยู่เฉย ๆ! ถ้าไม่อยากตาย”“…” น้ำเสียงเหี้ยมข่มขู่ ทำให้เด็กสาวนิ่งงันราวกับหินอย่างไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวตาย ขณะที่น้ำสีใสไหลพรากออกจากหัวตาเป็นสายธาร เธอได้แต่หลับตาภาวนาในใจ ขอให้ใครสักคนเข้ามาช่วยฟึ่บ!“เอาเงินใส่กระเป๋าให้หมด ถ้าไม่อยากให้อีเด็กนี่ตาย!” โจรร่างใหญ่จ่อปืนไปที่พนักงานสาวพร้อมทั้งโยนกระเป๋าเป้สีดำไปตรงเคาน์เตอร์ดิ้งงง~ แต่ขณะเดียวกันประตูร้านสะดวกซื้อก็เลื่อนเปิดพร้อมทั้งเสียงแจ้งเตือน ปรากฏร่างสูงของชายหนุ่มชุดนักศึกษาไม่เรียบร้อยปล่อยชายเสื้อออกนอกกางเกงสี
ผับ Moon “ไอ้ทิมไปส่งเมษากลับบ้านด้วย” แทนคุณออกคำสั่ง ใบหน้าหล่อตึงเครียด หลังจากได้รับรายงานเรื่องผับถูกวางเพลิง ก็รีบร้อนมาที่ผับทันที ซึ่งเป็นจังหวะที่ภรรยาสาวกำลังจะกลับบ้านพอดี จึงจำเป็นต้องพาเธอติดรถมาด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้“ครับนาย” ทิมโค้งศีรษะน้อมรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย แทนคุณเร่งพาตัวเองออกจากรถยนต์หรูสีดำวิ่งตรงไปยังทางประตูเข้าผับด้านหลัง ส่วนเมษาเธออยากตามสามีไปมากกว่ากลับบ้าน“อย่าเพิ่งไปค่ะ”ทิมที่กำลังจะขับรถออกจากโรงจอดรถของผับเป็นต้องหยุดนิ่ง ช้อนตาขึ้นมองนายหญิงของบ้านผ่านกระจกรถตรงหน้าเหนือศีรษะ คิ้วเข้มขมวดเข้ากันเล็กน้อยอย่างมีคำถาม“…”ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!หมัดหนัก ๆ ของแทนคุณฟาดเข้าที่ใบหน้าของเหล่าบรรดาลูกน้องจำนวนห้าคน ที่ยืนเรียงรายตรงหน้าคนละหมัด โทษฐานที่ละเลยหน้าที่ปล่อยให้คนไม่ประสงค์ดีรอบเข้ามาวางเพลิงได้ ดีที่สามารถควบคุมเพลิงได้ทัน จึงไม่มีอะไรเสียหายมากมาย“พวกมึงไสหัวออกไปให้หมด อย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก!” แทนคุณตะเบ็งเสียงอย่างฉุนเฉียว ที่ลูกน้องทำงานไม่เอาไหน เหล่าบรรดาลูกน้องทั้งห้าเหงื่อตกไปตาม ๆ กัน เมื่อถูกไล่ออกจากงาน ซึ่งไม่มีใครกล้าเอ่ยขอร้
“เมล เมล!”“หะ?” เสียงตะโกนเรียกทำให้มนัสรินทร์หลุดออกจากภวังค์ความคิด หันขวับไปมองหน้าเพื่อนสาว“แกเป็นอะไรฉันเรียกตั้งนาน”“เปล่า แล้วแกมีอะไร?” มนัสรินทร์ตั้งคำถาม แล้วยกแก้วน้ำสีอำพันในมือขึ้นจิบเบา ๆ พอรับรสชาติ“ฉันแค่สงสัย”“อะไร?”“แกยังรักพี่แทนอยู่หรือเปล่า?” ลิลลี่ถามเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงในผับที่ดังกระหึ่ม ทำเอาคนถูกถามชะงักสีหน้าและหยุดแกร่งแก้วในมือทันที“ทำไมจู่ ๆ ถึงถามล่ะ”“ฉันเห็นสายตาที่แกมองพี่แทนจูบกับเมษาเมื่อกี้แล้ว มันแปลก ๆ นะ แกยังรักพี่แทนอยู่เหรอ?”มนัสรินทร์กัดริมฝีปากล่างเบา ๆ พลางหลบตาเพื่อนสาวที่หรี่ตามองมาอย่างจับผิด เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบออกไป “…เรื่องฉันกับพี่แทนมันเป็นอดีตไปแล้ว อีกอย่างเขาคงเกลียดฉันเข้าไส้”“บางทีพี่แทนก็อาจจะยังรักแกอยู่ก็ได้นะ ฉันเห็นพี่แทนมองแกตลอดเวลาเลยล่ะ ตอนนี้ก็ยังมอง” ลิลลี่พยักพเยิดหน้าขึ้น ให้เพื่อนสาวมองตามมนัสรินทร์เงยหน้ามองชั้นวีไอพีสบปะทะสายตาเข้ากับอดีตแฟนเก่า ก่อนที่เขาคนนั้นจะเป็นฝ่ายละสายตาจากเธอเสียก่อน“คุยอะไรกันอยู่ครับสาว ๆ” แต่ขณะเดียวกันคิมจองแฟนปัจจุบันของมนัสรินทร์คบหากันมาสิบกว่าปีก็เดินเข้ามา
หมับ!“อื้อ!พี่แทน” แทนคุณตามขึ้นไปคร่อมตัวมาริษา จับข้อมือเล็กทั้งสองข้างกดแนบกับโซฟาแน่น ใบหน้าคมคายซุกไซร้ซอกคอขาว ขบกัดผิวเนื้ออ่อนทั้งซ้ายและขวาสลับกันค่อนข้างแรงระบายอารมณ์คุกรุ่นในใจ จนเกิดรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ โดยไม่สนใจเสียงโวยวายของคนใต้ล่างกลิ่นหอมละมุนคล้ายดอกไม้บนตัวภรรยาสาวชั่งเย้ายวนใจ อย่างที่ไม่เคยได้กลิ่นที่ไหนมาก่อน ปลุกเร้าอารมณ์หื่นกระหายได้เป็นอย่างดี“ปล่อยสานะพี่แทน! อะ…อื้อ!” ดูเหมือนเสียงประท้วงของเธอจะไม่ได้ผล เมื่อคนข้างบนเคลื่อนย้ายใบหน้ามาประกบจูบ เรียวลิ้นสากใช้จังหวะที่เธออ้าปากพูดสอดใส่เข้ามาตวัดเกี่ยวพันกับเรียวลิ้นเล็กไปมา กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปทั่วในปาก“…” มาริษาดีดดิ้นสุดกำลัง แต่ไม่สามารถต้านทานแรงยักษ์ของคนตัวใหญ่กว่าได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูเมามายมาก จนดูเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงก็ตามจ๊วบ!คนเจ้าอารมณ์ทั้งบดขยี้ทั้งขบเม้มริมฝีปากที่บวมเบ่งอย่างไม่อ่อนโยนราวกับต้องการให้ปากเธอฉีกขาด ส่งผลให้บริเวณท้องน้อยรู้สึกวาบหวามอย่างห้ามไม่ได้ นานเกือบนาทีที่คนข้างบนจะผละจูบออก“ถึงเวลาที่เธอต้องทำหน้าที่เมียให้ฉันแล้วล่ะ”“สะ…สาไม่ทำอะไรทั้งนั้น ปล่อย!” มาริษาหันหน้า
สามปีต่อมา งานรับปริญญาภายในงานรับปริญญาบัตรพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งบัณฑิตจบใหม่ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องของแต่ละคณะ และ ญาติมิตรที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกหลาน หรือ คนรู้จัก“สา” มนัสรินทร์ที่เห็นน้องสาวเป็นคนแรก เธอขานเรียกพลางโบกมือ ส่งสัญญาณว่าอยู่ทางนี้มาริษาอยู่ในชุดครุย ใบหน้าน่ารักถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางที่ค่อนข้างเข้มจัด สวยหวานราวกับเจ้าหญิง เธอโบกมือตอบรับพี่สาว รีบเร่งฝีเท้าเดินบนรองเท้าคัทชูตรงดิ่งเข้าไปหาบิดามารดาและ เพื่อนสนิทที่มาร่วมแสดงความยินดีในความสำเร็จของเธอ เธอเรียนจบหลังเพื่อน เพราะต้องดรอปเรียน เพื่อดูแลลูกสาวที่ตอนนี้อายุได้สามขวบเศษ“คูณแม่~” เจ้าของแก้มป่องราวกับลูกซาลาเปา ตากลมโต ฉีกยิ้มกว้างสดใส ตะโกนเรียกผู้เป็นแม่ ปล่อยมือจากผู้เป็นน้าสาว วิ่งเตาะแตะเข้าไปหามารดาด้วยความคิดถึง มาริษาย่อตัวลงอ้าแขนรับลูกสาว อุ้มขึ้นแนบอกฟอด~ มาริษาหอมแก้มป่องลูกสาวเจ้าของใบหน้าน่ารักฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงและเอ็นดู ขณะเพื่อน ๆ และคนในครอบครัว ต่างก็เดินเข้ามาสบทบ ยกเว้นเสียแต่พ่อของลูกที่ติดงานด่วนที่ต่างประเทศไม่สามารถมาวันสำคัญของเธอได้“ยินดีด้วยนะสา” จีน่าพ
หนึ่งเดือนต่อมา @คฤหาสน์ พีรพัฒน์ “สบายขึ้นไหม?” บนเตียงขนาดคิงไซซ์แทนคุณกำลังนวดเรียวขาทั้งสองข้างของมาริษาบนตักแกร่งอย่างเบามือ เนื่องจากเธอมีอาการปวดเมื่อยบริเวณขาทั้งสองข้าง เพราะท้องใกล้คลอดขนาดใหญ่มหึมา ครั้นจะนอนหรือนั่งก็ขยับพลิกตัวลำบากไปหมด“ค่ะ~” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยตอบเบา ๆ ด้วยความปวดขึ้นเรื่อย ๆ บริเวณอุ้งเชิงกราน จนน้ำตาเล็ด ถึงจะปวดไม่มากแต่ก็รู้สึกทรมานพอสมควร“ปวดท้องเหรอ?”“…” มาริษาพยักหน้าหงึก ๆ หยาดน้ำค่อย ๆ ไหลกลิ้งอาบแก้มใส มือบางกุมเข้าหากันแน่นอย่างอดทนกับอาการต่าง ๆ ของคนท้องใกล้คลอดที่ต้องเจอ เพื่อลูกคนแรกของเธอ“ทนอีกหน่อยนะ อีกไม่กี่วันเราจะได้เจอหน้าลูกกันแล้ว” แทนคุณเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้ามาริษาก็ถึงกับน้ำตาคลอเบ้าด้วยความสงสาร นิ้วยาวเอื้อมไปเช็ดน้ำตาบนแก้มนุ่มอย่างปลอบประโลม“ให้พี่นวดต่อไหมหรือนอนพัก”“นวดค่ะ สารอให้อาการปวดหายไปอีกสักนิดค่อยนอน”“ครับ งั้นพี่ร้องเพลงให้เอาไหม?” แทนคุณฉีกยิ้มให้กำลังใจมาริษา ในเมื่อไม่สามารถรับเจ็บปวดแทนเธอได้ เขาขอเป็นคนสร้างพลังบวกและคอยอยู่เคียงข้างเธอไม่ไปไหนมาริษากะพริบตาปริบ ๆ สีหน้าไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ มือ
หลายอาทิตย์ต่อมา คฤหาสน์ พีรพัฒน์ ดึก~“ฮึ ตัวเล็กถีบหน้าพ่อซะแรงเลยนะลูก” ภายในห้องนั่งเล่นคนที่กำลังเป็นพ่อคนแนบหูฟังเสียงเต้นหัวใจของลูกน้อยในครรภ์ของภรรยาตัวเล็กตรงโซฟาตัวยาว แต่แก้มสากกลับสัมผัสได้ถึงแรงดิ้นลูกน้อยในท้องค่อนข้างแรง ไม่รู้ว่าเป็นการทักทายหรือกลั่นแกล้งพ่อกันแน่ “ดูสิสาลูกเราดิ้นใหญ่เลย”แทนคุณเงยหน้าขึ้นกล่าวกับมาริษาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เป็นครั้งแรกที่ลูกในท้องดีดดิ้นอย่างซุกซน จนเห็นการเคลื่อนไหวเป็นคลื่น ๆ ตรงท้องป่องชัดเจน“สงสัยแกอยากออกมาเล่นกับพ่อเขาแล้วมั้งคะ” มาริษายิ้มปริ่มมีความสุขไปกับแทนคุณ แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเมื่อลูกในท้องดิ้นแรงเกินไปแต่เธอก็ยอมอดทน เธอท้องได้เจ็ดเดือนย่างเข้าเดือนที่แปด ท้องจึงโตตามอายุครรภ์ ไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างยากลำบากแทนคุณฉีกยิ้มดีใจใหญ่ทาบมือบนท้องป่องตรงจุดที่ลูกในท้องดีดดิ้น “เบา ๆ หน่อยนะครับ เดี๋ยวแม่เจ็บ”“ขออนุญาตค่ะ” ระหว่างนั้นสาวใช้ก็เดินเข้ามาโค้งศีรษะทำความเคารพผู้เป็นนายทั้งสอง ก่อนจะกล่าวรายงานในเวลาต่อมา “คุณหมอธัน คุณหวาน คุณเทวินแล้วก็คุณมิลินมาถึงแล้วค่ะ”“อือ” แทนคุณครางตอบรับสาวใช้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เช้าวันต่อมา “อื้อ~” หญิงสาวบนเตียงนุ่มส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ อย่างรู้สึกตัวตื่น เมื่อถูกรบกวนการนอนหลับ สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างกำลังยุ่มย่ามตรงกลางความเป็นสาว จนรู้สึกเสียววาบไปทั่วทั้งร่าง มือบางขยุ้มผ้าปูเตียงโดยทันที ขณะที่สมองเริ่มกลับมาประมวลอีกครั้งแผล็บ แผล็บ แทนคุณตวัดปลายลิ้นสากเลียกลีบกุหลาบสวยที่ไม่ได้เชยชมมานานหลายเดือนอย่างละเมียดละไม กลืนกินน้ำหวานบนกลางความเป็นสาวราวกับของอร่อย เหลือบตาขึ้นมองมาริษาที่ยังไม่ลืมตา แต่มือบางกลับเอื้อมลงมาผลักศีรษะให้ออกห่างจากความหอมหวาน“ยะ…อย่า~” ใบหน้าน่ารักเหยเกด้วยความเสียวในรอบสี่เดือน จนต้องหนีบเรียวขาเข้าหาคนตรงกลางหว่างขา ผลักไสยังไงก็ไม่เป็นผล คืนดีกันได้ไม่ถึงวันคนพี่ก็ลักหลับเธอเสียแล้ว เป็นคืนแรกที่เธอตื่นสายและรู้สึกว่าได้หลับเต็มอิ่ม หากไม่ถูกปลุกเสียก่อนก็คงนอนเพลินจนไม่รู้ตื่นกี่โมง“น้ำเมียพี่ยังหวานเหมือนเดิมเลยนะ” เจ้าของใบหน้าหล่อเงยขึ้นไปสบตากับร่างเล็กที่ยังงัวเงียด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ แววตาหยาดเยิ้มเต็มไปด้วยความหื่นกามอย่างเห็นได้ชัด“คนลามก ออกไปเลยนะ! สาไม่อนุญาตให้พี่ทำอะไรกับร่างกายสาทั้งนั้น” วาจาหยาบโลนทำ
ภายในรถสปอร์ตหรูสีฟ้าตกอยู่ในความเงียบสงัดตั้งแต่ขับออกมาจากโรงพยาบาล xxx มีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคนที่พ่นออกมาเป็นจังหวะ แทนคุณทำหน้าที่ขับรถ หันมองมาริษาที่นั่งเงียบ หันหน้าออกหน้าต่างตลอดทางบ่อยครั้งด้วยความเป็นห่วง “หิวไหม เดี๋ยวพี่จอดเซ่เว่นข้างหน้า ลงไปซื้อของกินมาให้” “ไม่” น้ำเสียงห้วน ๆ ตอบกลับ บ่งบอกว่าคนตัวเล็กกำลังหงุดหงิด แทนคุณพยายามทำความเข้าใจกับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของคนท้อง แม้ว่าค่อนข้างยากก็ตาม โดยนิสัยเป็นคนใจร้อนและขี้รำคาญ แต่ครั้งนี้เขาจะยอมทำเพื่อคนน้องและหัวใจตัวเอง “อือ ถ้าหิวหรืออยากเข้าห้องน้ำก็บอกพี่นะ” “…” คำตอบที่ได้กลับมาจากคนมาริษาคือความเงียบ เธอมองวิวนอกหน้าต่างรถ ตามทางส่วนมากเป็นบ้านคน และ ต้นไม้สลับกันไป ในหัวครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องตรวจ ยามที่นอนบนเตียงเพื่ออันตราซาวดูลูกในครรภ์เป็นวันแรก เธอเห็นหยดน้ำตาคนพี่หยดแหมะลงบนเตียง ขนาดที่หมอกำลังอธิบายอวัยวะต่าง ๆ ของลูกในท้อง เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นมุมอ่อนไหวของเขา บ้านสวนหวาน “ปลานึ่งมีทั้งโปรตีนทั้งโฟเลท สร้างเนื้อเยื่อให้กับร่าง
@บ้านสวน หวาน ปัง!ประตูรถกระบะถูกปิดเสียงดังด้วยฝีมือของหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ เธอเดินสะบัดตูดเข้าบ้านโดยไม่รอชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวขาเดินลงจากรถ“เปลี่ยนไปเยอะแฮะ” แทนคุณเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดู การกระทำน่าหงุดหงิดของมาริษา ไม่ได้ทำให้รู้สึกโกรธเลยสักนิดเดียว กลับมองว่าน่ารักเสียมากกว่า ถึงแม้ไม่ใช่มาริษาคนเดิมที่รู้จักก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเธออยู่ก็ในสายตา เขาต้องทำให้เธอกลับมาเป็นมาริษาคนเดิมให้ได้“…” แทนคุณส่ายหน้าไปมา แล้วสาวเท้าเดินตามหลังมาริษาเข้าบ้าน แต่ไม่ทันได้เดินตามเข้าห้องนอน มาริษากลับปิดประตูใส่หน้าเสียก่อน ใบหน้าหล่อ ๆ แทบถูกประตูกระแทก“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยตัวแสบ” นิ้วแกร่งชี้ย้ำ ๆ อย่างคาดโทษคนตัวเล็ก มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง“ผู้ชายอะไรดื้อด้านเป็นที่สุด!” เจ้าของดวงตาสวยมุ่ยหน้าหงุดหงิดพลางหย่อนสะโพกนั่งบนเตียงนุ่มอย่างเจ็บใจพ่อของลูก แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของคนพี่ เขาดูใจเย็น พูดจาดีขึ้นเยอะ หากเป็นเมื่อก่อนพี่ไม้คงเละเป็นโจ๊ก “ทำไมใบหน้าดูซูบลงไปเยอะจัง”“…” ความสงสัยและความเป็นห่วงแทรกเข้ามาแทนที่ความโกรธ ใบหน้าน่ารักมีแ
เวลาต่อมา 20:30 น. ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูจากคนด้านนอก ทำให้หญิงสาวตัวเล็กอยู่ในชุดเดรสยาวสีครีมสะดุ้งด้วยความตกใจ เธอกำลังเก็บเอกสารสำคัญเข้าใส่กระเป๋าผ้าอย่างเร่งรีบ“เปิดประตูให้ฉันหน่อยเมษา” เสียงจากคนด้านนอก ทำให้มาริษายิ่งลนลาน จับเอกสารยัดเข้ากระเป๋าอย่างไม่เป็นระเบียบ ขณะที่คนด้านนอกยังขานเรียกชื่อ “เมษา”“ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป งั้นสาไปเองแล้วกัน” มาริษาหยิบโทรศัพท์ปุ่มกดยี่ห้อธรรมดาขึ้นมาต่อสายหาใครบาง รอสายไม่นานนักปลายสายก็กดรับสาย…“ครับคุณเมษา” “สากำลังไปนะคะ” “ระวังตัวด้วยนะครับคุณเมษา” “ค่ะ” มาริษากดวางสาย เธอรีบเดินจ้ำอ้าวไปเปิดประตูหน้าต่าง ยกเก้าอี้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งวางบนพื้นหญ้าข้างหน้าต่าง ทำให้เสียงเบาที่สุด ซึ่งไม่สูงมาก หากเปรียบเทียบ ผู้ชายกระโดดข้ามได้สบาย ๆ“จิ๊!” แทนคุณส่งเสียงในปากอย่างหงุดหงิด ที่เรียกเท่าไหร่คนด้านในก็ไม่ยอมออกมาเปิดสักที ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินเลี่ยงไปทางอื่น และ กลับมาอีกทีพร้อมกับกุญแจสำรองที่ให้คนงานนำไปปั๊มเอาไว้อีกชุดแกรก“…” มือหนารีบไขกุญแจเปิดประตูห้องนอนของภรรยาตัวเล็กเข้าไปอย่างร้อนใจ แต่ภายในห้องนอนกลับ
หมับ!“อย่าเพิ่งไป” แทนคุณก้าวขายาวเข้าไปสวมกอดมาริษาที่กำลังจะเดินหนีจากด้านหลังแน่น พลางเกยปลายคางคมสันบนไหล่มน มาริษาดีดดิ้นพยายามแกะท่อนแขนแกร่งออกจากลำตัว แต่ก็ยากเหลือเกิน“ปล่อยนะ!”“ไม่ปล่อยจนกว่าเธอจะยอมฟังฉันอธิบาย”“ไม่จำเป็นค่ะ! สาไม่อยากฟังอะไรจากพี่อีกแล้ว”“งั้นฉันก็ไม่ปล่อย”“พี่แทน!” มาริษาเอี้ยวหน้ามองค้อนแทนคุณอย่างเอือมระอากับนิสัยเอาแต่ใจ ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่เคยเปลี่ยน แต่แทนคุณกลับตีหน้ามึนคลี่ยิ้มให้มาริษาอย่างไม่หวั่นเกรงกับแววตาดุของเธอ มองว่าน่ารักเสียมากกว่า“ปล่อยสาเดี๋ยวนี้” มาริษาพูดเน้นเสียงอย่างเป็นการขู่ ราวกับลูกแมวกำลังขู่เจ้าของฝ่อ ๆ แต่ไม่ได้ทำให้แทนคุณกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว“ฉันไม่ปล่อยเธอหลุดมือไปอีกแล้ว”ตึก! ตึก!หัวใจมาริษาเต้นถี่รัวไม่เป็นจังหวะเช่นเดียวกับหัวใจของแทนคุณที่เต้นแรงไม่ต่างกัน จนไม่รู้ว่าหัวใจใครเต้นแรงกว่ากัน เธอสัมผัสได้ถึงความคิดถึงปนความเศร้าจากน้ำเสียงอันแผ่วเบาของเขาชัดเจนกว่าทุกครั้งจนน่าประหลาดใจ“ฉันมีเรื่องอยากบอกกับเธอเยอะแยะไปหมดเลยนะเมษา” เมื่อเห็นร่างเล็กในอ้อมแขนนิ่งเงียบแทนคุณจึงพูดต่อตามความรู้สึกข
วันต่อมา “อือ~” หญิงสาวบนเตียงนุ่มส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ เมื่อรู้สึกตัวตื่นจากห้วงนิทราในช่วงเวลาเดิมเจ็ดโมงเช้า เธอลูบหน้าตัวเองหนึ่งครั้งเพื่อให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมองปรับโฟกัสสายตา มือบางปิดปากหาววอด ๆ อย่างง่วงนอน ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียง มองไปที่นาฬิกาแขวนผนัง พบว่าเข็มสั้นชี้เลขเจ็ด เข็มยาวชี้เลขหก เป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่ง “จะมาอีกไหมนะ” มาริษาทำสีหน้าครุ่นคิดถึงพ่อของลูก เมื่อรู้สึกคันบริเวณดวงตาจึงใช้นิ้วเรียวถูเปลือกตาเบา ๆ ให้หายคัน ก่อนที่สมองจะประมวลผลเรื่องที่คิดสำเร็จ “คนดื้อรั้นอย่างพี่แทน ต้องมาอีกแน่ ๆ”เธอยอมรับเลยว่ากลัวใจตัวเองเป็นที่สุด กลัวใจอ่อนให้เขา… “แม่จะทำยังไงกับพ่อของลูกดีจ้ะลูกจ๋า” มือบางลูบหน้าท้องที่นูนป่องไปมาเบา ๆ อย่างคิดไม่ตก สักพักถึงได้ก้าวขาเดินลงจากเตียง เดินไปทำกิจวัตรประจำในห้องน้ำอย่างเคย “…” มาริษากลับออกมาจากห้องนอนด้วยชุดเดรสยาวสีครีมแขนสั้นผ้าลินิน ผมยาวสีดำสลวยถูกปล่อยแผ่กระจายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าน่ารักสวยเป็นธรรมชาติไร้ซึ่งเครื่องสำอาง มีเพียงสกิลแคร์ทาทั่วใบหน้า