สิบปีที่แล้ว
@ร้านสะดวกซื้อ
ดิ้งงง~
เสียงกริ่งประตูร้านสะดวกซื้อดังขึ้น ครั้นมีคนเดินผ่านเข้ามาใช้บริการ ทว่าบุคคลดังกล่าวกลับไม่ใช่ลูกค้า
พรึ่บ!
“กรี๊ด!” เด็กสาวอยู่ในชุดนักเรียนมัธยมต้นโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัว จนเนื้อตัวสั่นเทาอย่างหนัก เนื่องจากยืนจ่ายเงินหน้าเคาน์เตอร์ จู่ ๆ ชายร่างใหญ่ก็โผล่เข้ามาล็อกคอแน่นหนา พร้อมทั้งจ่อปืนที่ศีรษะ
พนักงาน รวมถึงลูกค้าที่ยังอยู่ภายในร้านต่างแตกตื่นไปตาม ๆ กัน แต่ต้องอยู่ในความสงบ เมื่อโจรจับเด็กสาวเป็นตัวประกัน อีกทั้งยังมีอาวุธ
“อยู่เฉย ๆ! ถ้าไม่อยากตาย”
“…” น้ำเสียงเหี้ยมข่มขู่ ทำให้เด็กสาวนิ่งงันราวกับหินอย่างไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวตาย ขณะที่น้ำสีใสไหลพรากออกจากหัวตาเป็นสายธาร เธอได้แต่หลับตาภาวนาในใจ ขอให้ใครสักคนเข้ามาช่วย
ฟึ่บ!
“เอาเงินใส่กระเป๋าให้หมด ถ้าไม่อยากให้อีเด็กนี่ตาย!” โจรร่างใหญ่จ่อปืนไปที่พนักงานสาวพร้อมทั้งโยนกระเป๋าเป้สีดำไปตรงเคาน์เตอร์
ดิ้งงง~
แต่ขณะเดียวกันประตูร้านสะดวกซื้อก็เลื่อนเปิดพร้อมทั้งเสียงแจ้งเตือน ปรากฏร่างสูงของชายหนุ่มชุดนักศึกษาไม่เรียบร้อยปล่อยชายเสื้อออกนอกกางเกงสีดำ สวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำอย่างหล่อเท่ดูดี ใบหน้าหล่อ จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเข้ม แววตาเรียบนิ่ง ไม่มีความหวั่นกลัวใด ๆ กับเหตุการณ์ที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนต่างขวัญเสีย
“เข้ามาทำไมวะ! อยากตายหรือไง”
“ใจเย็นก่อนครับพี่ ผมแค่จะมาซื้อของ เอ๊ะ!..แต่ดูเหมือนพี่จะรีบ ให้ผมช่วยไหม ผมช่วยพี่ได้นะ เอารถผมไปดีไหม ผมมีรถสปอร์ต ถ้าพี่เอาไปขายก็น่าจะได้หลายสิบล้าน” ชายหนุ่มชุดนักศึกษาตะล่อมโน้มน้าว พร้อมทั้งชูกุญแจรถสปอร์ตยืนยันว่าตนเองมีอย่างที่พูด ก่อนจะยื่นข้อเสนอ “เราแลกกันดีไหมครับ พี่เอากุญแจรถผมไป ส่วนพี่ก็ส่งตัวเด็กผู้หญิงคนนั้นมาให้ผม”
โจรร่างใหญ่ได้ฟังรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังลังเล ในขณะที่เด็กสาวจ้องมองเจ้าของใบหน้าหล่อตรงหน้า แววตาเต็มไปด้วยความหวัง อยากรอดพ้นจากง่ามมือของโจรโดยเร็ว เพราะไม่รู้ว่าโจรจะลั่นไกลใส่หัวเธอเมื่อไหร่
กึก! ปึก!
“อ๊าดด!” ชายหนุ่มชุดนักศึกษาใช้โอกาสที่โจรร่างใหญ่เผลอ เร่งฝีเท้าเข้าไปแย่งปืน โดยใช้ศิลปะป้องกันตัวในระยะประชิดที่เคยฝึกฝนเป็นประจำ เด็กสาวรู้หน้าที่รีบผละตัวออกห่างจากโจรร่างใหญ่ทันควัน
โจรร่างใหญ่ถูกจัดการ นอนคว่ำหน้าราบไปกับพื้น ส่งเสียงร้องโอดโอย เมื่อแขนทั้งสองข้างไขว้ไปข้างหลัง และ ถูกเข่าแกร่งของชายหนุ่มนักศึกษากดทับจนเกิดความเจ็บปวด หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกตำรวจจับกุมไปเป็นที่เรียบร้อย
…
“พี่คะ! เดี๋ยวค่ะ!” น้ำเสียงใส ๆ ขานเรียกตามหลัง ทำให้เจ้าของใบหน้าหล่อหยุดชะงักอยู่กับที่ ซึ่งกำลังจะเดินไปยังรถสปอร์ตของตัวเอง ขณะนั้นเสียงฝีเท้าขนาดเล็กก็หยุดยืนอยู่ด้านหลัง
“พี่คะ”
“ยังไม่รีบกลับบ้านไปอีก” เจ้าของใบหน้าหล่อหมุนตัวกลับไปจ้องมองเด็กสาวตัวเล็กนิ่ง ๆ ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักดูสดใสขึ้นกว่าเมื่อครู่ แต่แววตาไหวระริกยังเต็มไปด้วยความหวาดผวา
“รอคนมารับค่ะ เมื่อกี้สาขอบคุณพี่มาก ๆ เลยนะคะที่ช่วย พี่ทั้งเก่งทั้งเท่สุด ๆ ไปเลยค่ะ” ริมฝีปากเล็กอมชมพูฉีกยิ้มกว้างพร้อมทั้งยกนิ้วโป้งอันสั้นขึ้นชื่นชมชายหนุ่ม
เจ้าของใบหน้าหล่อไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมาเช่นเคย หันหลังให้เด็กสาวทันทีที่เธอพูดจบ แล้วสาวเท้าเดินไปข้างหน้า มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง แต่เดินได้ไม่ถึงสองก้าวต้องหยุดชะงักฝีเท้าอีกครั้ง…
“พี่คะ! ช่วยบอกชื่อพี่ได้ไหม?”
ร่างสูงชำเลืองหางตาไปด้านข้าง ก่อนจะเอ่ยบอกชื่อเสียงเรียงนามกับเด็กสาว “….แทนคุณ”
หลังจากนั้นก็ก้าวขายาวเดินตรงไปที่รถสปอร์ต โดยมีเสียงตะโกนของเด็กสาวดังขึ้นตามหลัง
“หนูชื่อเมษานะคะ ขอบคุณค่ะพี่แทนคุณ!”
“…”
ปัจจุบัน
@บริษัท TM Agency Group
หลังจากแทนคุณทานอาหารกลางวันกับเพื่อนสาวคนสนิททั้งสองเสร็จ ก็รีบบึ่งรถกลับมาที่บริษัทตัวเอง มือหนาผลักประตูเดินเข้าห้องทำงาน แต่ต้องชะลอฝีเท้าเดินช้าลง คิ้วหนาหม่นเข้ากันเล็กน้อย เมื่อสายตาโฟกัสไปที่แจกันดอกไม้ถูกจัดวางเด่นอยู่บนโต๊ะทำงาน ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่มี
“วุ่นวายจริง ๆ” ใบหน้าหล่อเหลียวไปมองร่างเล็กนอนตะแคงข้างหลับปุ๋ยบนโซฟาตัวยาว ก่อนจะเบี่ยงเท้าเดินเข้าไปหาภรรยาสาวในวินาทีต่อมา
แทนคุณหลุบตามองกระเป๋าเก็บความร้อนบนโต๊ะกระจกตรงหน้าโซฟาที่ภรรยานอนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเลื่อนสายตามองใบหน้าจิ้มลิ้มที่นอนหลับตาพริ้มไม่รู้ตัว แม้กระทั่งเขาเดินมาหยุดตรงหน้า
“นี่เธอ เธอ!” แทนคุณพ่นลมหายใจหนัก ๆ แล้วเขย่าปลุกภรรยาสาว ทำให้คนที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันขยับยู่ใบหน้าเข้าหากันอย่างรู้สึกตัวตื่น
มาริษาลูบหน้าตัวเองหนึ่งครั้ง เพื่อให้หายจากความง่วงนอน เปลือกตาค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมอง แต่ร่างสูงที่ยืนตรงหน้าทำเธอตกใจ จนต้องเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันควัน ส่งผลให้หัวใจเต้นตึกตักถี่เร็ว “พี่แทน!”
“ก็ฉันน่ะสิ ไม่ใช่ผี”
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ว่าใครใช้ให้เธอมายุ่มย่ามที่บริษัท”
“สาเอาข้าวเที่ยงมาให้ค่ะ”
“ข้าวเที่ยงอะไร นี่มันจะบ่ายสองแล้ว”
มาริษาดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ พบว่าบ่ายสองครึ่งเกือบบ่ายสาม เพราะตั้งแต่เธอจัดดอกไม้ใส่แจกันเสร็จ ก็มานั่งเล่นโทรศัพท์ระหว่างรอสามีที่โซฟาตัวยาว แต่ไม่รู้ว่าตัวเองผล็อยหลับไปยามไหน
“แล้วพี่แทนทานอะไรมาหรือยังคะ?”
“เรียบร้อย” น้ำเสียงห้วน ๆ เอ่ยตอบจบ ก็หมุนตัวเดินไปทันที พลันทำให้มาริษาใบหน้าหงอยทันที เธอมองตามแผ่นหลังกว้างเดินห่างออกไปด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยว เพราะอาหารที่เธอตั้งใจเตรียมมาให้สามี ดูเหมือนว่าจะเสียเปล่า
“เอาเวลามาทำอาหารให้ฉันเนี่ย ไปอ่านหนังสือเรียนดีกว่านะ” แทนคุณพูดพลางทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ทำงาน
“…” มาริษากัดปากล่างเบา ๆ อย่างรู้สึกเสียใจ ในขณะที่ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกคอ เพราะสิ่งที่สามีพูดแต่ละอย่างไม่เคยถนอมน้ำใจเธอเลย ทั้งที่เธอตั้งใจทำเพื่อดูแลเอาใจเขา
แทนคุณที่เห็นว่ามาริษาเงียบไป จึงตวัดสายตามองที่เธอ พบว่าเธอเอาแต่นั่งนิ่งทำหน้าเศร้าชวนให้รู้สึกรำคาญใจ “กลับบ้านไปซะ ฉันจะให้ไอ้ทิมไปส่ง”
“ไม่ดีกว่าค่ะ สาอยากกลับพร้อมพี่แทน” มาริษาเงยหน้าตอบอย่างเคือง ๆ
“เธอกำลังขัดคำสั่งฉันนะเมษา”
เมื่อเจอกับสายตาดุดันที่แทนคุณตวัดมองมาเขม็ง ทำเอามาริษารีบหลุบตามองต่ำทันที ส่วนแทนคุณถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่
----------------
ผับ Moon “ไอ้ทิมไปส่งเมษากลับบ้านด้วย” แทนคุณออกคำสั่ง ใบหน้าหล่อตึงเครียด หลังจากได้รับรายงานเรื่องผับถูกวางเพลิง ก็รีบร้อนมาที่ผับทันที ซึ่งเป็นจังหวะที่ภรรยาสาวกำลังจะกลับบ้านพอดี จึงจำเป็นต้องพาเธอติดรถมาด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้“ครับนาย” ทิมโค้งศีรษะน้อมรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย แทนคุณเร่งพาตัวเองออกจากรถยนต์หรูสีดำวิ่งตรงไปยังทางประตูเข้าผับด้านหลัง ส่วนเมษาเธออยากตามสามีไปมากกว่ากลับบ้าน“อย่าเพิ่งไปค่ะ”ทิมที่กำลังจะขับรถออกจากโรงจอดรถของผับเป็นต้องหยุดนิ่ง ช้อนตาขึ้นมองนายหญิงของบ้านผ่านกระจกรถตรงหน้าเหนือศีรษะ คิ้วเข้มขมวดเข้ากันเล็กน้อยอย่างมีคำถาม“…”ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!หมัดหนัก ๆ ของแทนคุณฟาดเข้าที่ใบหน้าของเหล่าบรรดาลูกน้องจำนวนห้าคน ที่ยืนเรียงรายตรงหน้าคนละหมัด โทษฐานที่ละเลยหน้าที่ปล่อยให้คนไม่ประสงค์ดีรอบเข้ามาวางเพลิงได้ ดีที่สามารถควบคุมเพลิงได้ทัน จึงไม่มีอะไรเสียหายมากมาย“พวกมึงไสหัวออกไปให้หมด อย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก!” แทนคุณตะเบ็งเสียงอย่างฉุนเฉียว ที่ลูกน้องทำงานไม่เอาไหน เหล่าบรรดาลูกน้องทั้งห้าเหงื่อตกไปตาม ๆ กัน เมื่อถูกไล่ออกจากงาน ซึ่งไม่มีใครกล้าเอ่ยขอร้
“เมล เมล!”“หะ?” เสียงตะโกนเรียกทำให้มนัสรินทร์หลุดออกจากภวังค์ความคิด หันขวับไปมองหน้าเพื่อนสาว“แกเป็นอะไรฉันเรียกตั้งนาน”“เปล่า แล้วแกมีอะไร?” มนัสรินทร์ตั้งคำถาม แล้วยกแก้วน้ำสีอำพันในมือขึ้นจิบเบา ๆ พอรับรสชาติ“ฉันแค่สงสัย”“อะไร?”“แกยังรักพี่แทนอยู่หรือเปล่า?” ลิลลี่ถามเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงในผับที่ดังกระหึ่ม ทำเอาคนถูกถามชะงักสีหน้าและหยุดแกร่งแก้วในมือทันที“ทำไมจู่ ๆ ถึงถามล่ะ”“ฉันเห็นสายตาที่แกมองพี่แทนจูบกับเมษาเมื่อกี้แล้ว มันแปลก ๆ นะ แกยังรักพี่แทนอยู่เหรอ?”มนัสรินทร์กัดริมฝีปากล่างเบา ๆ พลางหลบตาเพื่อนสาวที่หรี่ตามองมาอย่างจับผิด เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบออกไป “…เรื่องฉันกับพี่แทนมันเป็นอดีตไปแล้ว อีกอย่างเขาคงเกลียดฉันเข้าไส้”“บางทีพี่แทนก็อาจจะยังรักแกอยู่ก็ได้นะ ฉันเห็นพี่แทนมองแกตลอดเวลาเลยล่ะ ตอนนี้ก็ยังมอง” ลิลลี่พยักพเยิดหน้าขึ้น ให้เพื่อนสาวมองตามมนัสรินทร์เงยหน้ามองชั้นวีไอพีสบปะทะสายตาเข้ากับอดีตแฟนเก่า ก่อนที่เขาคนนั้นจะเป็นฝ่ายละสายตาจากเธอเสียก่อน“คุยอะไรกันอยู่ครับสาว ๆ” แต่ขณะเดียวกันคิมจองแฟนปัจจุบันของมนัสรินทร์คบหากันมาสิบกว่าปีก็เดินเข้ามา
หมับ!“อื้อ!พี่แทน” แทนคุณตามขึ้นไปคร่อมตัวมาริษา จับข้อมือเล็กทั้งสองข้างกดแนบกับโซฟาแน่น ใบหน้าคมคายซุกไซร้ซอกคอขาว ขบกัดผิวเนื้ออ่อนทั้งซ้ายและขวาสลับกันค่อนข้างแรงระบายอารมณ์คุกรุ่นในใจ จนเกิดรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ โดยไม่สนใจเสียงโวยวายของคนใต้ล่างกลิ่นหอมละมุนคล้ายดอกไม้บนตัวภรรยาสาวชั่งเย้ายวนใจ อย่างที่ไม่เคยได้กลิ่นที่ไหนมาก่อน ปลุกเร้าอารมณ์หื่นกระหายได้เป็นอย่างดี“ปล่อยสานะพี่แทน! อะ…อื้อ!” ดูเหมือนเสียงประท้วงของเธอจะไม่ได้ผล เมื่อคนข้างบนเคลื่อนย้ายใบหน้ามาประกบจูบ เรียวลิ้นสากใช้จังหวะที่เธออ้าปากพูดสอดใส่เข้ามาตวัดเกี่ยวพันกับเรียวลิ้นเล็กไปมา กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปทั่วในปาก“…” มาริษาดีดดิ้นสุดกำลัง แต่ไม่สามารถต้านทานแรงยักษ์ของคนตัวใหญ่กว่าได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูเมามายมาก จนดูเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงก็ตามจ๊วบ!คนเจ้าอารมณ์ทั้งบดขยี้ทั้งขบเม้มริมฝีปากที่บวมเบ่งอย่างไม่อ่อนโยนราวกับต้องการให้ปากเธอฉีกขาด ส่งผลให้บริเวณท้องน้อยรู้สึกวาบหวามอย่างห้ามไม่ได้ นานเกือบนาทีที่คนข้างบนจะผละจูบออก“ถึงเวลาที่เธอต้องทำหน้าที่เมียให้ฉันแล้วล่ะ”“สะ…สาไม่ทำอะไรทั้งนั้น ปล่อย!” มาริษาหันหน้า
“อื้อ!” แทนคุณฉกชิมริมฝีปากที่บวกเจ่อของร่างเล็กอีกครั้ง หนักหน่วงไม่ต่างจากครั้งที่ผ่านมา แต่เธอกลับดื้อด้านเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ไม่ยอมให้เขาได้สอดใส่เรียวลิ้นอุ่นเข้าไปควานหาน้ำหวานในโพรงปากนุ่มสวบ!นิ้วยาวกระแทกเข้ารูสวยคราเดียว จนร่างเล็กสะดุ้งตัวพลันเปิดปาก“….” มาริษานิ่วหน้ารู้สึกถึงความเจ็บแน่นในกายสาว เมื่อนิ้วยาวขยับเข้าออกรัว ๆ เน้น ๆ ทุกจังหวะ จนน้ำรักกระเซ็น ในขณะที่ลิ้นหนาตวัดชอนไชไปทั่วปากเล็กจนพอใจ ก่อนจะถอนจูบในเวลาต่อมา“อะ!” เสียงครางหลุดลอดออกมาทันทีด้วยความเสียวซ่านที่แทรกซึมเข้ามาแทนที่ความเจ็บ มาริษารวบรวมสติอันน้อยนิดกัดฟันแน่น เพื่อข่มกลั้นเสียงลามกที่ทำท่าว่าจะหลุดลอดออกมาได้ทุกเมื่อ ยามที่ร่างกายถูกกระตุ้นอารมณ์อย่างต่อเนื่องจ๊วบ~ จ๊วบ~ เต้าใหญ่ทั้งสองข้าง ทั้งถูกเรียวปากหนาดูด ทั้งถูกนิ้วแกร่งบดขยี้ ทำให้รู้สึกดีเสียจนสติแทบกระเจิดกระเจิง สะโพกไม่รักดีเด้งขึ้นรับนิ้วยาวที่ขยับเข้าออกรัว ๆ เวลานี้เธอไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ ซึ่งขัดต่อจิตใต้สำนึกอย่างสิ้นเชิง“เสียวก็ครางออกมา” แทนคุณผละปากออกจากยอดปทุมถันที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย เงยหน้าขึ้นมองป
ช่วงสายวันต่อมา อายเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในห้องนอนตกกระทบร่างเปลือยเปล่าของชายหนุ่มนอนคว่ำหน้าบนเตียงขนาดคิงไซซ์ ไร้ซึ่งผ้าห่มคลุมตัว รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือแทนคุณพลิกตัวนอนหงายพลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าคมคายหนึ่งครั้ง เพื่อให้รู้สึกสดชื่นขึ้น แต่บริเวณศีรษะกลับรู้สึกหนักอึ้ง จนต้องนิ่วหน้า จึงยกมือขึ้นนวดคลึงขมับเบา ๆ“โดนเอาขนาดนั้นมีแรงกลับด้วยเหรอวะ” สมองเริ่มกลับมาประมวลผลอีกครั้งหลังจากจอดับไป ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่ และ นึกไม่ออกว่าตัวเองเดินเข้ามานอนในห้องนอนยามไหน คงเพราะความเคยชิน แต่ที่จำได้แน่ ๆ เขาปรนเปรอความใคร่ลงบนร่างเล็กหลายต่อหลายรอบ จนนับไม่ถ้วนแทนคุณหยุดคิด แล้วผุดตัวลุกขึ้นก้าวขาลงจากเตียงหลังจากปรับสภาพร่างกายตัวเองได้ เดินตรงเข้าห้องน้ำ และ กลับออกมาอีกทีในสิบนาทีต่อมาด้วยชุดคลุมอาบน้ำ เพราะใช้เวลาอยู่ที่ผับซะส่วนใหญ่ จึงมีเครื่องใช้ส่วนตัวเกือบครบราวกับบ้านอีกหนึ่งหลัง“เชี้ย!” เจ้าของใบหน้าตกใจอุทานออกมาเสียงดัง เมื่อเดินออกมาจากห้องนอน พบว่าภรรยาสาวที่ถูกเขาจัดหนัก และ คิดว่าเธอกลับบ้านไปแล้ว นอนสลบแผ่หลาอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ร่างกายเปลือยเปล่าเต็มไปด้ว
คฤหาสน์ พีรพัฒน์ “อื้อ~” หญิงสาวใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงขนาดคิงไซซ์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเย็น หลังจากนอนไม่ได้สติเกือบหนึ่งวันเต็ม เธอค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมองอย่างยากลำบาก เห็นฝ้าเพดานสีขาวคุ้นตาราง ๆ ก่อนที่ระดับการมองเห็นจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ“บ้านเหรอ?” ริมฝีปากซีดขยับพึมพำเสียงแหบพร่าอย่างมึนงง อาการปวดเมื่อยตามร่างกายแทรกเข้ามาทันที ตามมาด้วยอาการปวดหนึบ ๆ บริเวณศีรษะเล็กน้อย ขณะที่สมองเริ่มกลับมาประมวลผลเป็นปกติอีกครั้ง“…” มาริษานิ่วหน้าเล็กน้อย มือบางลูบหน้าหนึ่งครั้ง เพื่อให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น ก่อนจะกรวดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องนอนที่เงียบสงบ พบว่าเป็นห้องนอนที่เคยนอนทุกวัน ความทรงจำครั้งสุดท้าย ถูกสามีทรมานช่วงล่างบนโซฟา จนสลบเหมือดไปไม่รู้เมื่อไหร่“คนใจร้าย” น้ำตาคลอเบ้า เมื่อนึกถึงการกระทำอันป่าเถื่อนของสามี แต่ถึงอย่างนั้นความรักที่เธอมีให้เขาก็ไม่ลดน้อยถอยลงเลย แม้จะรู้สึกโกรธมากเพียงใดก็ตาม“…” มาริษาใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มใส แล้วดันตัวลุกนั่งพิงหลังกับหัวเตียง เธอหันมองนาฬิกาแขวนผนัง พบว่าเวลานี้หกโมงเย็นแล้ว“หลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แอ่ก ๆ” ส่งเสียงไอออกมาเมื
วันต่อมา“เอ้า! นายหญิง ไม่สบายอยู่นะคะ ทำไมถึงได้รีบตื่นล่ะคะ?” ทันทีที่มาริษาย่างก้าวเข้าห้องครัวในเวลาหกโมงเช้า เสียงของสายหยดก็ดังขึ้นไถ่ถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย“สาดีขึ้นมากแล้วล่ะค่ะ” มาริษายิ้มสวย เธอปล่อยผมยาวตรงมีหน้าม้า อยู่ในชุดเสื้อแขนยาวคอเต่าสีขาว เพื่อปกปิดร่องรอยตามลำคอที่ยังเด่นชัด และ สวมใส่เสื้อเอื้อมกางเกงขาสั้นสีดำทับอีกที ให้ลุคสาวน่ารักตัวเล็ก“น่าจะพักผ่อนอีกหน่อยนะคะ”“สาดีขึ้นแล้วจริง ๆ ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง” ร่างกายฟื้นฟูเริ่มกลับมาเป็นปกติ เหลือเพียงอาการหน่วงบริเวณท้องน้อยเท่านั้นที่สร้างความรำคาญใจ“ไม่ต้องขอบคุณอะไรป้าหรอกนะคะนายหญิง” สายหยดเอ่ยอย่างเกรงใจนายหญิงของบ้าน เธอรู้สึกปลื้มเป็นอย่างมาก ที่มีเจ้านายทั้งน่ารักทั้งสุภาพอ่อนโยนและใจดีแบบหญิงสาวตัวเล็กน่ารักตรงหน้า“งั้นเช้านี้สาขอใส่บาตรด้วยคนนะคะ”“ได้เลยค่ะ”หลังจากใส่บาตรพระท่านเสร็จมาริษาก็มานั่งรอผู้เป็นสามีอยู่ในห้องอาหาร พลางหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา กระทั่งเวลาผ่านไปสิบห้านาที…“เธอนี่แข็งแรงกว่าที่ฉันคิดอีกนะ ขนาดป่วยยังตื่นเช้าได้ วันหลังคงต้องจัดหนักทั
11:30 น.หญิงสาวตัวเล็กอยู่ในชุดนอนกางเกงขาสั้นสีชมพูหวานลายสตรอว์เบอร์รี นั่งแต่งหน้าบนเก้าอี้หน้ากระจกตรงโต๊ะเครื่องแป้ง กำลังใช้แปรงเกลี่ยแป้งฝุ่นไปทั่วใบหน้าเรียวน่ารักอย่างละเมียดละไม ระหว่างนั้นประตูห้องนอนก็ถูกผลักเข้ามาด้วยฝีมือของชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของห้องตัวจริง“วันนี้สาเตรียมชุดสูทสีน้ำเงินให้นะคะ” มาริษากล่าวบอกกับสามี ขณะที่เธอย้ายมาปัดบรัชออนสีชมพูบนหน้าแก้ม ส่วนแทนคุณก็ไม่ได้พูดตอบอะไร เพียงใช้หางตามองคนที่กำลังแต่งเติมเครื่องสำอางลงบนใบหน้า“ผู้หญิงนี่เหมือนกันหมด”“อะไรนะคะ?” มาริษาหันขวับไปมองด้านหลังของคนที่เพิ่งเดินผ่าน เมื่อได้ยินเสียงพูดถึงอะไรบางอย่างดังแว่ว ๆ เข้ามาในหู คนถูกถามชะลอฝีเท้าพลางชำเลืองมองทางหางตา“ยุ่ง”“ตอบดี ๆ บ้างไม่ได้หรือยังไงกันนะ” มาริษามุ่ยหน้าพูดพึมพำอย่างตัดพ้อ โดยที่ยังมองตามแผ่นหลังกว้างเดินไป จนกระทั่งหายเข้าห้องแต่งตัว เธอระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างปลงจิต แล้วกลับไปแต่งหน้าตัวเองให้เสร็จ…“ฉันให้เวลาเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าสองนาที” น้ำเสียงเข้มเอ่ยสั่งทันทีที่เจ้าของใบหน้าน่ารักตากลมเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว“ทำไมคะ?” มาริษาหยุดอยู่กับที่เ
สามปีต่อมา งานรับปริญญาภายในงานรับปริญญาบัตรพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งบัณฑิตจบใหม่ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องของแต่ละคณะ และ ญาติมิตรที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกหลาน หรือ คนรู้จัก“สา” มนัสรินทร์ที่เห็นน้องสาวเป็นคนแรก เธอขานเรียกพลางโบกมือ ส่งสัญญาณว่าอยู่ทางนี้มาริษาอยู่ในชุดครุย ใบหน้าน่ารักถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางที่ค่อนข้างเข้มจัด สวยหวานราวกับเจ้าหญิง เธอโบกมือตอบรับพี่สาว รีบเร่งฝีเท้าเดินบนรองเท้าคัทชูตรงดิ่งเข้าไปหาบิดามารดาและ เพื่อนสนิทที่มาร่วมแสดงความยินดีในความสำเร็จของเธอ เธอเรียนจบหลังเพื่อน เพราะต้องดรอปเรียน เพื่อดูแลลูกสาวที่ตอนนี้อายุได้สามขวบเศษ“คูณแม่~” เจ้าของแก้มป่องราวกับลูกซาลาเปา ตากลมโต ฉีกยิ้มกว้างสดใส ตะโกนเรียกผู้เป็นแม่ ปล่อยมือจากผู้เป็นน้าสาว วิ่งเตาะแตะเข้าไปหามารดาด้วยความคิดถึง มาริษาย่อตัวลงอ้าแขนรับลูกสาว อุ้มขึ้นแนบอกฟอด~ มาริษาหอมแก้มป่องลูกสาวเจ้าของใบหน้าน่ารักฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงและเอ็นดู ขณะเพื่อน ๆ และคนในครอบครัว ต่างก็เดินเข้ามาสบทบ ยกเว้นเสียแต่พ่อของลูกที่ติดงานด่วนที่ต่างประเทศไม่สามารถมาวันสำคัญของเธอได้“ยินดีด้วยนะสา” จีน่าพ
หนึ่งเดือนต่อมา @คฤหาสน์ พีรพัฒน์ “สบายขึ้นไหม?” บนเตียงขนาดคิงไซซ์แทนคุณกำลังนวดเรียวขาทั้งสองข้างของมาริษาบนตักแกร่งอย่างเบามือ เนื่องจากเธอมีอาการปวดเมื่อยบริเวณขาทั้งสองข้าง เพราะท้องใกล้คลอดขนาดใหญ่มหึมา ครั้นจะนอนหรือนั่งก็ขยับพลิกตัวลำบากไปหมด“ค่ะ~” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยตอบเบา ๆ ด้วยความปวดขึ้นเรื่อย ๆ บริเวณอุ้งเชิงกราน จนน้ำตาเล็ด ถึงจะปวดไม่มากแต่ก็รู้สึกทรมานพอสมควร“ปวดท้องเหรอ?”“…” มาริษาพยักหน้าหงึก ๆ หยาดน้ำค่อย ๆ ไหลกลิ้งอาบแก้มใส มือบางกุมเข้าหากันแน่นอย่างอดทนกับอาการต่าง ๆ ของคนท้องใกล้คลอดที่ต้องเจอ เพื่อลูกคนแรกของเธอ“ทนอีกหน่อยนะ อีกไม่กี่วันเราจะได้เจอหน้าลูกกันแล้ว” แทนคุณเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้ามาริษาก็ถึงกับน้ำตาคลอเบ้าด้วยความสงสาร นิ้วยาวเอื้อมไปเช็ดน้ำตาบนแก้มนุ่มอย่างปลอบประโลม“ให้พี่นวดต่อไหมหรือนอนพัก”“นวดค่ะ สารอให้อาการปวดหายไปอีกสักนิดค่อยนอน”“ครับ งั้นพี่ร้องเพลงให้เอาไหม?” แทนคุณฉีกยิ้มให้กำลังใจมาริษา ในเมื่อไม่สามารถรับเจ็บปวดแทนเธอได้ เขาขอเป็นคนสร้างพลังบวกและคอยอยู่เคียงข้างเธอไม่ไปไหนมาริษากะพริบตาปริบ ๆ สีหน้าไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ มือ
หลายอาทิตย์ต่อมา คฤหาสน์ พีรพัฒน์ ดึก~“ฮึ ตัวเล็กถีบหน้าพ่อซะแรงเลยนะลูก” ภายในห้องนั่งเล่นคนที่กำลังเป็นพ่อคนแนบหูฟังเสียงเต้นหัวใจของลูกน้อยในครรภ์ของภรรยาตัวเล็กตรงโซฟาตัวยาว แต่แก้มสากกลับสัมผัสได้ถึงแรงดิ้นลูกน้อยในท้องค่อนข้างแรง ไม่รู้ว่าเป็นการทักทายหรือกลั่นแกล้งพ่อกันแน่ “ดูสิสาลูกเราดิ้นใหญ่เลย”แทนคุณเงยหน้าขึ้นกล่าวกับมาริษาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เป็นครั้งแรกที่ลูกในท้องดีดดิ้นอย่างซุกซน จนเห็นการเคลื่อนไหวเป็นคลื่น ๆ ตรงท้องป่องชัดเจน“สงสัยแกอยากออกมาเล่นกับพ่อเขาแล้วมั้งคะ” มาริษายิ้มปริ่มมีความสุขไปกับแทนคุณ แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเมื่อลูกในท้องดิ้นแรงเกินไปแต่เธอก็ยอมอดทน เธอท้องได้เจ็ดเดือนย่างเข้าเดือนที่แปด ท้องจึงโตตามอายุครรภ์ ไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างยากลำบากแทนคุณฉีกยิ้มดีใจใหญ่ทาบมือบนท้องป่องตรงจุดที่ลูกในท้องดีดดิ้น “เบา ๆ หน่อยนะครับ เดี๋ยวแม่เจ็บ”“ขออนุญาตค่ะ” ระหว่างนั้นสาวใช้ก็เดินเข้ามาโค้งศีรษะทำความเคารพผู้เป็นนายทั้งสอง ก่อนจะกล่าวรายงานในเวลาต่อมา “คุณหมอธัน คุณหวาน คุณเทวินแล้วก็คุณมิลินมาถึงแล้วค่ะ”“อือ” แทนคุณครางตอบรับสาวใช้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เช้าวันต่อมา “อื้อ~” หญิงสาวบนเตียงนุ่มส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ อย่างรู้สึกตัวตื่น เมื่อถูกรบกวนการนอนหลับ สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างกำลังยุ่มย่ามตรงกลางความเป็นสาว จนรู้สึกเสียววาบไปทั่วทั้งร่าง มือบางขยุ้มผ้าปูเตียงโดยทันที ขณะที่สมองเริ่มกลับมาประมวลอีกครั้งแผล็บ แผล็บ แทนคุณตวัดปลายลิ้นสากเลียกลีบกุหลาบสวยที่ไม่ได้เชยชมมานานหลายเดือนอย่างละเมียดละไม กลืนกินน้ำหวานบนกลางความเป็นสาวราวกับของอร่อย เหลือบตาขึ้นมองมาริษาที่ยังไม่ลืมตา แต่มือบางกลับเอื้อมลงมาผลักศีรษะให้ออกห่างจากความหอมหวาน“ยะ…อย่า~” ใบหน้าน่ารักเหยเกด้วยความเสียวในรอบสี่เดือน จนต้องหนีบเรียวขาเข้าหาคนตรงกลางหว่างขา ผลักไสยังไงก็ไม่เป็นผล คืนดีกันได้ไม่ถึงวันคนพี่ก็ลักหลับเธอเสียแล้ว เป็นคืนแรกที่เธอตื่นสายและรู้สึกว่าได้หลับเต็มอิ่ม หากไม่ถูกปลุกเสียก่อนก็คงนอนเพลินจนไม่รู้ตื่นกี่โมง“น้ำเมียพี่ยังหวานเหมือนเดิมเลยนะ” เจ้าของใบหน้าหล่อเงยขึ้นไปสบตากับร่างเล็กที่ยังงัวเงียด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ แววตาหยาดเยิ้มเต็มไปด้วยความหื่นกามอย่างเห็นได้ชัด“คนลามก ออกไปเลยนะ! สาไม่อนุญาตให้พี่ทำอะไรกับร่างกายสาทั้งนั้น” วาจาหยาบโลนทำ
ภายในรถสปอร์ตหรูสีฟ้าตกอยู่ในความเงียบสงัดตั้งแต่ขับออกมาจากโรงพยาบาล xxx มีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคนที่พ่นออกมาเป็นจังหวะ แทนคุณทำหน้าที่ขับรถ หันมองมาริษาที่นั่งเงียบ หันหน้าออกหน้าต่างตลอดทางบ่อยครั้งด้วยความเป็นห่วง “หิวไหม เดี๋ยวพี่จอดเซ่เว่นข้างหน้า ลงไปซื้อของกินมาให้” “ไม่” น้ำเสียงห้วน ๆ ตอบกลับ บ่งบอกว่าคนตัวเล็กกำลังหงุดหงิด แทนคุณพยายามทำความเข้าใจกับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของคนท้อง แม้ว่าค่อนข้างยากก็ตาม โดยนิสัยเป็นคนใจร้อนและขี้รำคาญ แต่ครั้งนี้เขาจะยอมทำเพื่อคนน้องและหัวใจตัวเอง “อือ ถ้าหิวหรืออยากเข้าห้องน้ำก็บอกพี่นะ” “…” คำตอบที่ได้กลับมาจากคนมาริษาคือความเงียบ เธอมองวิวนอกหน้าต่างรถ ตามทางส่วนมากเป็นบ้านคน และ ต้นไม้สลับกันไป ในหัวครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องตรวจ ยามที่นอนบนเตียงเพื่ออันตราซาวดูลูกในครรภ์เป็นวันแรก เธอเห็นหยดน้ำตาคนพี่หยดแหมะลงบนเตียง ขนาดที่หมอกำลังอธิบายอวัยวะต่าง ๆ ของลูกในท้อง เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นมุมอ่อนไหวของเขา บ้านสวนหวาน “ปลานึ่งมีทั้งโปรตีนทั้งโฟเลท สร้างเนื้อเยื่อให้กับร่าง
@บ้านสวน หวาน ปัง!ประตูรถกระบะถูกปิดเสียงดังด้วยฝีมือของหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ เธอเดินสะบัดตูดเข้าบ้านโดยไม่รอชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวขาเดินลงจากรถ“เปลี่ยนไปเยอะแฮะ” แทนคุณเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดู การกระทำน่าหงุดหงิดของมาริษา ไม่ได้ทำให้รู้สึกโกรธเลยสักนิดเดียว กลับมองว่าน่ารักเสียมากกว่า ถึงแม้ไม่ใช่มาริษาคนเดิมที่รู้จักก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเธออยู่ก็ในสายตา เขาต้องทำให้เธอกลับมาเป็นมาริษาคนเดิมให้ได้“…” แทนคุณส่ายหน้าไปมา แล้วสาวเท้าเดินตามหลังมาริษาเข้าบ้าน แต่ไม่ทันได้เดินตามเข้าห้องนอน มาริษากลับปิดประตูใส่หน้าเสียก่อน ใบหน้าหล่อ ๆ แทบถูกประตูกระแทก“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยตัวแสบ” นิ้วแกร่งชี้ย้ำ ๆ อย่างคาดโทษคนตัวเล็ก มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง“ผู้ชายอะไรดื้อด้านเป็นที่สุด!” เจ้าของดวงตาสวยมุ่ยหน้าหงุดหงิดพลางหย่อนสะโพกนั่งบนเตียงนุ่มอย่างเจ็บใจพ่อของลูก แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของคนพี่ เขาดูใจเย็น พูดจาดีขึ้นเยอะ หากเป็นเมื่อก่อนพี่ไม้คงเละเป็นโจ๊ก “ทำไมใบหน้าดูซูบลงไปเยอะจัง”“…” ความสงสัยและความเป็นห่วงแทรกเข้ามาแทนที่ความโกรธ ใบหน้าน่ารักมีแ
เวลาต่อมา 20:30 น. ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูจากคนด้านนอก ทำให้หญิงสาวตัวเล็กอยู่ในชุดเดรสยาวสีครีมสะดุ้งด้วยความตกใจ เธอกำลังเก็บเอกสารสำคัญเข้าใส่กระเป๋าผ้าอย่างเร่งรีบ“เปิดประตูให้ฉันหน่อยเมษา” เสียงจากคนด้านนอก ทำให้มาริษายิ่งลนลาน จับเอกสารยัดเข้ากระเป๋าอย่างไม่เป็นระเบียบ ขณะที่คนด้านนอกยังขานเรียกชื่อ “เมษา”“ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป งั้นสาไปเองแล้วกัน” มาริษาหยิบโทรศัพท์ปุ่มกดยี่ห้อธรรมดาขึ้นมาต่อสายหาใครบาง รอสายไม่นานนักปลายสายก็กดรับสาย…“ครับคุณเมษา” “สากำลังไปนะคะ” “ระวังตัวด้วยนะครับคุณเมษา” “ค่ะ” มาริษากดวางสาย เธอรีบเดินจ้ำอ้าวไปเปิดประตูหน้าต่าง ยกเก้าอี้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งวางบนพื้นหญ้าข้างหน้าต่าง ทำให้เสียงเบาที่สุด ซึ่งไม่สูงมาก หากเปรียบเทียบ ผู้ชายกระโดดข้ามได้สบาย ๆ“จิ๊!” แทนคุณส่งเสียงในปากอย่างหงุดหงิด ที่เรียกเท่าไหร่คนด้านในก็ไม่ยอมออกมาเปิดสักที ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินเลี่ยงไปทางอื่น และ กลับมาอีกทีพร้อมกับกุญแจสำรองที่ให้คนงานนำไปปั๊มเอาไว้อีกชุดแกรก“…” มือหนารีบไขกุญแจเปิดประตูห้องนอนของภรรยาตัวเล็กเข้าไปอย่างร้อนใจ แต่ภายในห้องนอนกลับ
หมับ!“อย่าเพิ่งไป” แทนคุณก้าวขายาวเข้าไปสวมกอดมาริษาที่กำลังจะเดินหนีจากด้านหลังแน่น พลางเกยปลายคางคมสันบนไหล่มน มาริษาดีดดิ้นพยายามแกะท่อนแขนแกร่งออกจากลำตัว แต่ก็ยากเหลือเกิน“ปล่อยนะ!”“ไม่ปล่อยจนกว่าเธอจะยอมฟังฉันอธิบาย”“ไม่จำเป็นค่ะ! สาไม่อยากฟังอะไรจากพี่อีกแล้ว”“งั้นฉันก็ไม่ปล่อย”“พี่แทน!” มาริษาเอี้ยวหน้ามองค้อนแทนคุณอย่างเอือมระอากับนิสัยเอาแต่ใจ ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่เคยเปลี่ยน แต่แทนคุณกลับตีหน้ามึนคลี่ยิ้มให้มาริษาอย่างไม่หวั่นเกรงกับแววตาดุของเธอ มองว่าน่ารักเสียมากกว่า“ปล่อยสาเดี๋ยวนี้” มาริษาพูดเน้นเสียงอย่างเป็นการขู่ ราวกับลูกแมวกำลังขู่เจ้าของฝ่อ ๆ แต่ไม่ได้ทำให้แทนคุณกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว“ฉันไม่ปล่อยเธอหลุดมือไปอีกแล้ว”ตึก! ตึก!หัวใจมาริษาเต้นถี่รัวไม่เป็นจังหวะเช่นเดียวกับหัวใจของแทนคุณที่เต้นแรงไม่ต่างกัน จนไม่รู้ว่าหัวใจใครเต้นแรงกว่ากัน เธอสัมผัสได้ถึงความคิดถึงปนความเศร้าจากน้ำเสียงอันแผ่วเบาของเขาชัดเจนกว่าทุกครั้งจนน่าประหลาดใจ“ฉันมีเรื่องอยากบอกกับเธอเยอะแยะไปหมดเลยนะเมษา” เมื่อเห็นร่างเล็กในอ้อมแขนนิ่งเงียบแทนคุณจึงพูดต่อตามความรู้สึกข
วันต่อมา “อือ~” หญิงสาวบนเตียงนุ่มส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ เมื่อรู้สึกตัวตื่นจากห้วงนิทราในช่วงเวลาเดิมเจ็ดโมงเช้า เธอลูบหน้าตัวเองหนึ่งครั้งเพื่อให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมองปรับโฟกัสสายตา มือบางปิดปากหาววอด ๆ อย่างง่วงนอน ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียง มองไปที่นาฬิกาแขวนผนัง พบว่าเข็มสั้นชี้เลขเจ็ด เข็มยาวชี้เลขหก เป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่ง “จะมาอีกไหมนะ” มาริษาทำสีหน้าครุ่นคิดถึงพ่อของลูก เมื่อรู้สึกคันบริเวณดวงตาจึงใช้นิ้วเรียวถูเปลือกตาเบา ๆ ให้หายคัน ก่อนที่สมองจะประมวลผลเรื่องที่คิดสำเร็จ “คนดื้อรั้นอย่างพี่แทน ต้องมาอีกแน่ ๆ”เธอยอมรับเลยว่ากลัวใจตัวเองเป็นที่สุด กลัวใจอ่อนให้เขา… “แม่จะทำยังไงกับพ่อของลูกดีจ้ะลูกจ๋า” มือบางลูบหน้าท้องที่นูนป่องไปมาเบา ๆ อย่างคิดไม่ตก สักพักถึงได้ก้าวขาเดินลงจากเตียง เดินไปทำกิจวัตรประจำในห้องน้ำอย่างเคย “…” มาริษากลับออกมาจากห้องนอนด้วยชุดเดรสยาวสีครีมแขนสั้นผ้าลินิน ผมยาวสีดำสลวยถูกปล่อยแผ่กระจายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าน่ารักสวยเป็นธรรมชาติไร้ซึ่งเครื่องสำอาง มีเพียงสกิลแคร์ทาทั่วใบหน้า