ผับ Moon
“ไอ้ทิมไปส่งเมษากลับบ้านด้วย” แทนคุณออกคำสั่ง ใบหน้าหล่อตึงเครียด หลังจากได้รับรายงานเรื่องผับถูกวางเพลิง ก็รีบร้อนมาที่ผับทันที ซึ่งเป็นจังหวะที่ภรรยาสาวกำลังจะกลับบ้านพอดี จึงจำเป็นต้องพาเธอติดรถมาด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ครับนาย” ทิมโค้งศีรษะน้อมรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย แทนคุณเร่งพาตัวเองออกจากรถยนต์หรูสีดำวิ่งตรงไปยังทางประตูเข้าผับด้านหลัง ส่วนเมษาเธออยากตามสามีไปมากกว่ากลับบ้าน
“อย่าเพิ่งไปค่ะ”
ทิมที่กำลังจะขับรถออกจากโรงจอดรถของผับเป็นต้องหยุดนิ่ง ช้อนตาขึ้นมองนายหญิงของบ้านผ่านกระจกรถตรงหน้าเหนือศีรษะ คิ้วเข้มขมวดเข้ากันเล็กน้อยอย่างมีคำถาม
“…”
ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!
หมัดหนัก ๆ ของแทนคุณฟาดเข้าที่ใบหน้าของเหล่าบรรดาลูกน้องจำนวนห้าคน ที่ยืนเรียงรายตรงหน้าคนละหมัด โทษฐานที่ละเลยหน้าที่ปล่อยให้คนไม่ประสงค์ดีรอบเข้ามาวางเพลิงได้ ดีที่สามารถควบคุมเพลิงได้ทัน จึงไม่มีอะไรเสียหายมากมาย
“พวกมึงไสหัวออกไปให้หมด อย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก!” แทนคุณตะเบ็งเสียงอย่างฉุนเฉียว ที่ลูกน้องทำงานไม่เอาไหน เหล่าบรรดาลูกน้องทั้งห้าเหงื่อตกไปตาม ๆ กัน เมื่อถูกไล่ออกจากงาน ซึ่งไม่มีใครกล้าเอ่ยขอร้อง เพราะรู้ดีว่าหากผู้เป็นนายตัดสินใจหรือเอ่ยปากแล้ว ไม่มีวันเปลี่ยนใจ จึงรีบพากันวิ่งออกไปก่อนที่จะถูกตัดคอ
“ขออนุญาตครับนาย”
แทนคุณเสยผมบริเวณหน้าม้าขึ้นลวก ๆ พลางหอบหายใจหนัก ๆ ด้วยความโมโหที่ไม่มีท่าทีว่าจะสงบลงเสียที ก่อนจะหมุนตัวหันไปหาลูกน้องที่วิ่งเข้ามาทำความเคารพ
“คนของเราสามารถตามจับตัวคนวางเพลิงได้แล้ว ตอนนี้พาไปขังที่ห้องมืดเรียบร้อยครับ”
“เคล้นเอาความจริงจากมันให้ได้ อย่าให้ถึงมือกู”
“ครับนาย”
มาริษาชะลอฝีเท้าเดินให้ช้าลงก่อนจะหยุดอยู่กับที่ หัวคิ้วขมวดด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเหล่าบรรดาชายชุดดำวิ่งออกมาจากประตูทางเข้าด้านหลังผับ มุมปากของแต่ละคนมีเลือดผุดซึม
“ทำไมพี่เขาถึงได้แผลออกมากันล่ะคะ มีเรื่องชกต่อยกันเหรอคะ?” เธอเอียงศีรษะถามลูกน้องคนสนิทของสามี แววตาเต็มไปด้วยความอยากรู้
“ผมว่านายหญิงเปลี่ยนใจกลับบ้านดีกว่าครับ”
“ไม่ค่ะ พี่ทิมไม่ต้องกลัวพี่แทนนะคะ เดี๋ยวสารับผิดชอบเองค่ะ”
ทิมหม่นคิ้วเข้าหากันเป็นปมพลางพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ อย่างนึกรำคาญ ความดื้อรั้นของหญิงสาวตัวเล็ก ที่มีสถานะเป็นภรรยาของผู้เป็นนาย เขาไม่น่าใจอ่อนปล่อยให้เธอลงจากรถตั้งแต่แรกเลย
“งั้นผมขอตัว” ว่าจบก็โค้งศีรษะทำความเคารพนายหญิงของบ้านตามหน้าที่ แล้วเดินตรงไปขึ้นรถหรูสีดำทันที โดยมีสายตาของมาริษามองตามหลังไป
แกรก
แทนคุณผลักประตูเข้าห้องทำงาน แต่สองเท้ากลับต้องหยุดเดินกะทันหัน จ้องมองภรรยาที่นั่งอยู่ในห้องสายตาแข็งกร้าว
“ฉันให้เธอกลับบ้านไม่ใช่เหรอ? มานั่งอยู่ที่นี่ทำไม” น้ำเสียงเข้มดุเอ่ยถาม พลอยทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นถี่เร็วราวกับว่าจะทะลุออกมานอกเบ้าให้ได้ด้วยความประหม่า
“สะ…สายังไม่อยากกลับบ้าน เลยดื้อกับพี่ทิม แต่พี่แทนอย่าทำโทษพี่ทิมนะคะ สาเร้าหรือที่จะอยู่เองแหละ”
หมับ!
“อ๊ะ!” มาริษานิ่วหน้าเมื่อถูกแทนคุณกระชากแขนให้ลุกขึ้นจากโซฟาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่มือหนาจะยกขึ้นมาบีบแก้มนุ่มอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ ใบหน้าหล่อดูดีฉายแววดุร้ายน่ากลัว
“กลับบ้านไป อย่ามายุ่มย่ามที่นี่!”
“โอ๊ย! สาเจ็บนะคะ”
“เจ็บสิดี! ถ้ายังกล้าขัดคำสั่งฉันอีกล่ะก็ เธอได้เจ็บกว่านี้แน่”
ฟุบ!
“อ๊ะ!” ร่างเล็กกระแทกตัวนั่งบนโซฟาอีกครั้ง เมื่อถูกร่างใหญ่ผลักอย่างแรง
“ออกไป” มาริษามองสบตากับแทนคุณแววตาสั่นระริก โดยที่ยังนิ่งไม่ขยับตัวไปไหน ก่อนที่อีกฝ่ายจะละสายตาจากเธอก่อน แล้วสาวเท้าเดินไปที่โต๊ะทำงาน โดยไม่สนใจไยดีความรู้สึกเธอเลยแม้แต่น้อย
…
“เดี๋ยว” ประโยคเอ่ยรั้งของแทนคุณ ทำให้มาริษาที่กำลังจะเปิดประตูออกไปตามคำสั่ง เป็นต้องหยุดชะงักมือ แล้วหมุนตัวกลับหลังไปมองสบตากันอีกครั้ง
“อยากอยู่ก็อยู่ ฉันอนุญาต”
มาริษาเลิกคิ้วขึ้นอย่างงงวย ไม่เข้าใจอารมณ์ของสามีที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาราวกับคนเป็นไบโพล่า
“จะยืนอยู่ตรงนั้นจนกว่าจะกลับเลยหรือไง?”
มาริษาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งพลางกระชับกระเป๋าสะพายข้าง ก่อนก้าวขาเดินไปข้างหน้า หย่อนสะโพกนั่งบนโซฟาตัวเดิม โดยที่แววตาคู่สวยยังเต็มไปด้วยคำถาม
#สิบนาทีต่อมา
“นัดเพื่อนเหรอคะ?” มาริษาถูกแทนคุณพามานั่งร่วมโต๊ะวีไอพีชั้นสองของผับติดกับระเบียง ซึ่งเห็นโซนด้านล่างได้แทบทุกมุม เสียงเพลงดังกระหึ่มพลอยทำให้หัวใจเต้นโครมครามตามไปด้วย
“เปล่า” แทนคุณตอบกลับเพียงเท่านั้น ขณะมือหนาหยิบมวนบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตขึ้นมาคาบ มาริษขมิบเปลือกตาเข้าหากันบ่อยครั้ง เนื่องจากรู้สึกตาลาย เพราะแสงไฟหลากสีภายในผับ
“อย่าสูบตรงนี้ค่ะ กลิ่นมันเหม็น” มาริษารีบห้ามปรามทันที เมื่อแทนคุณกำลังจะเปิดไฟแช็กเป็นต้องหยุดชะงักนิ้วแกร่ง หัวคิ้วหม่นเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจที่ถูกสั่ง
“ฉันจะสูบ”
“งั้นสาขอตัวกลับเข้าห้องนะคะ”
“ฉันไม่อนุญาต แล้วฉันก็จะสูบตรงนี้ เธอไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นอะไรทั้งนั้น”
คำพูดเอาแต่ใจของผู้เป็นสามี ทำเอามาริษาหน้าหงิกเธอกัดปากล่างแน่น โดยไม่สามารถขัดขืนอะไรได้
“จิ๊!” แทนคุณคีบบุหรี่ที่กำลังสูบออกจากปาก แล้วส่งเสียงในปากอย่างหงุดหงิด เมื่อเสียงไอแอก ๆ ของคนที่นั่งอยู่เคียงข้างดังแข่งกับเสียงเพลงในผับคอยกวนใจไม่หยุด ราวกับเป็นการประท้วง โดยเฉพาะสีหน้าของเธอ ทำให้เขาต้องดับไฟบุหรี่อย่างจำใจ
“เธอนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ” มือหนาคว้าแก้วเหล้าราคาแพงขึ้นกระดกดื่มแก้เซ็งแทน ส่วนมาริษาใช้นิ้วเรียวถูกขยี้จมูกไปมา เพราะกลิ่นฉุนของบุหรี่ยังหลงเหลือ
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง มาริษายังนั่งเฉย ๆ อยู่ข้างสามีที่เอาแต่ดื่มไม่พูดอะไรกับเธอสักคำ เธอกรวดสายตามองนู้นมองนี่ภายในผับตามประสาคนอยากรู้อยากเห็นจนเบื่อ
“พี่แทนคะ” ริมฝีปากจิ้มลิ้มขยับขานเรียกสามี แต่คนถูกเรียกกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ เธอจึงกระตุกเสื้อเชิ้ตสองสามที เจ้าของใบหน้าหล่อที่ดูเริ่มเมามายก็หันกลับมาจ้องท่าทางไม่สบอารมณ์
“อะไร?”
“สาขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะคะ”
“อือ”
เมื่อได้รับคำตอบจากสามี มาริษาผุดตัวลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินไปแต่…
หมับ!
“อ๊ะ!” มือใหญ่คว้าข้อมือแล้วกระตุกดึง ทำให้มาริษาทรุดตัวนั่งบนตักแกร่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“O” แต่ไม่ทันที่มาริษาจะได้ตั้งตัว ใบหน้าคมคายโน้มลงมาประกบจูบอย่างรวดเร็วเสียก่อน ส่งผลให้ใบหน้าเห่อร้อน ม่านตาเบิกกว้างทันทีทันใด สัมผัสที่แนบชิดทำให้ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากอีกฝ่ายชัดเจน
การกระทำน่าอายของแทนคุณ พลอยทำให้หัวใจมาริษากระหน่ำเต้นถี่เร็วจนแทบหลุดออกมานอกอกให้ได้
“อื้อ!” มาริษาตั้งสติได้ เธอส่งเสียงประท้วงพลางผลักแผงอกแกร่งต่อต้านแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะสู้แรงคนตัวโตกว่าไม่ได้ ขณะที่ริมฝีปากอวบอิ่มถูก ทั้งดูดทั้งขบเม้มอย่างแรงสลับกันจนชาหนึบไปหมด ราวกับริมฝีปากของเธอเป็นที่รองรับอารมณ์ของคนตัวโต
“…”
--------------------
“เมล เมล!”“หะ?” เสียงตะโกนเรียกทำให้มนัสรินทร์หลุดออกจากภวังค์ความคิด หันขวับไปมองหน้าเพื่อนสาว“แกเป็นอะไรฉันเรียกตั้งนาน”“เปล่า แล้วแกมีอะไร?” มนัสรินทร์ตั้งคำถาม แล้วยกแก้วน้ำสีอำพันในมือขึ้นจิบเบา ๆ พอรับรสชาติ“ฉันแค่สงสัย”“อะไร?”“แกยังรักพี่แทนอยู่หรือเปล่า?” ลิลลี่ถามเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงในผับที่ดังกระหึ่ม ทำเอาคนถูกถามชะงักสีหน้าและหยุดแกร่งแก้วในมือทันที“ทำไมจู่ ๆ ถึงถามล่ะ”“ฉันเห็นสายตาที่แกมองพี่แทนจูบกับเมษาเมื่อกี้แล้ว มันแปลก ๆ นะ แกยังรักพี่แทนอยู่เหรอ?”มนัสรินทร์กัดริมฝีปากล่างเบา ๆ พลางหลบตาเพื่อนสาวที่หรี่ตามองมาอย่างจับผิด เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบออกไป “…เรื่องฉันกับพี่แทนมันเป็นอดีตไปแล้ว อีกอย่างเขาคงเกลียดฉันเข้าไส้”“บางทีพี่แทนก็อาจจะยังรักแกอยู่ก็ได้นะ ฉันเห็นพี่แทนมองแกตลอดเวลาเลยล่ะ ตอนนี้ก็ยังมอง” ลิลลี่พยักพเยิดหน้าขึ้น ให้เพื่อนสาวมองตามมนัสรินทร์เงยหน้ามองชั้นวีไอพีสบปะทะสายตาเข้ากับอดีตแฟนเก่า ก่อนที่เขาคนนั้นจะเป็นฝ่ายละสายตาจากเธอเสียก่อน“คุยอะไรกันอยู่ครับสาว ๆ” แต่ขณะเดียวกันคิมจองแฟนปัจจุบันของมนัสรินทร์คบหากันมาสิบกว่าปีก็เดินเข้ามา
หมับ!“อื้อ!พี่แทน” แทนคุณตามขึ้นไปคร่อมตัวมาริษา จับข้อมือเล็กทั้งสองข้างกดแนบกับโซฟาแน่น ใบหน้าคมคายซุกไซร้ซอกคอขาว ขบกัดผิวเนื้ออ่อนทั้งซ้ายและขวาสลับกันค่อนข้างแรงระบายอารมณ์คุกรุ่นในใจ จนเกิดรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ โดยไม่สนใจเสียงโวยวายของคนใต้ล่างกลิ่นหอมละมุนคล้ายดอกไม้บนตัวภรรยาสาวชั่งเย้ายวนใจ อย่างที่ไม่เคยได้กลิ่นที่ไหนมาก่อน ปลุกเร้าอารมณ์หื่นกระหายได้เป็นอย่างดี“ปล่อยสานะพี่แทน! อะ…อื้อ!” ดูเหมือนเสียงประท้วงของเธอจะไม่ได้ผล เมื่อคนข้างบนเคลื่อนย้ายใบหน้ามาประกบจูบ เรียวลิ้นสากใช้จังหวะที่เธออ้าปากพูดสอดใส่เข้ามาตวัดเกี่ยวพันกับเรียวลิ้นเล็กไปมา กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปทั่วในปาก“…” มาริษาดีดดิ้นสุดกำลัง แต่ไม่สามารถต้านทานแรงยักษ์ของคนตัวใหญ่กว่าได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูเมามายมาก จนดูเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงก็ตามจ๊วบ!คนเจ้าอารมณ์ทั้งบดขยี้ทั้งขบเม้มริมฝีปากที่บวมเบ่งอย่างไม่อ่อนโยนราวกับต้องการให้ปากเธอฉีกขาด ส่งผลให้บริเวณท้องน้อยรู้สึกวาบหวามอย่างห้ามไม่ได้ นานเกือบนาทีที่คนข้างบนจะผละจูบออก“ถึงเวลาที่เธอต้องทำหน้าที่เมียให้ฉันแล้วล่ะ”“สะ…สาไม่ทำอะไรทั้งนั้น ปล่อย!” มาริษาหันหน้า
“อื้อ!” แทนคุณฉกชิมริมฝีปากที่บวกเจ่อของร่างเล็กอีกครั้ง หนักหน่วงไม่ต่างจากครั้งที่ผ่านมา แต่เธอกลับดื้อด้านเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ไม่ยอมให้เขาได้สอดใส่เรียวลิ้นอุ่นเข้าไปควานหาน้ำหวานในโพรงปากนุ่มสวบ!นิ้วยาวกระแทกเข้ารูสวยคราเดียว จนร่างเล็กสะดุ้งตัวพลันเปิดปาก“….” มาริษานิ่วหน้ารู้สึกถึงความเจ็บแน่นในกายสาว เมื่อนิ้วยาวขยับเข้าออกรัว ๆ เน้น ๆ ทุกจังหวะ จนน้ำรักกระเซ็น ในขณะที่ลิ้นหนาตวัดชอนไชไปทั่วปากเล็กจนพอใจ ก่อนจะถอนจูบในเวลาต่อมา“อะ!” เสียงครางหลุดลอดออกมาทันทีด้วยความเสียวซ่านที่แทรกซึมเข้ามาแทนที่ความเจ็บ มาริษารวบรวมสติอันน้อยนิดกัดฟันแน่น เพื่อข่มกลั้นเสียงลามกที่ทำท่าว่าจะหลุดลอดออกมาได้ทุกเมื่อ ยามที่ร่างกายถูกกระตุ้นอารมณ์อย่างต่อเนื่องจ๊วบ~ จ๊วบ~ เต้าใหญ่ทั้งสองข้าง ทั้งถูกเรียวปากหนาดูด ทั้งถูกนิ้วแกร่งบดขยี้ ทำให้รู้สึกดีเสียจนสติแทบกระเจิดกระเจิง สะโพกไม่รักดีเด้งขึ้นรับนิ้วยาวที่ขยับเข้าออกรัว ๆ เวลานี้เธอไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ ซึ่งขัดต่อจิตใต้สำนึกอย่างสิ้นเชิง“เสียวก็ครางออกมา” แทนคุณผละปากออกจากยอดปทุมถันที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย เงยหน้าขึ้นมองป
ช่วงสายวันต่อมา อายเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในห้องนอนตกกระทบร่างเปลือยเปล่าของชายหนุ่มนอนคว่ำหน้าบนเตียงขนาดคิงไซซ์ ไร้ซึ่งผ้าห่มคลุมตัว รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือแทนคุณพลิกตัวนอนหงายพลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าคมคายหนึ่งครั้ง เพื่อให้รู้สึกสดชื่นขึ้น แต่บริเวณศีรษะกลับรู้สึกหนักอึ้ง จนต้องนิ่วหน้า จึงยกมือขึ้นนวดคลึงขมับเบา ๆ“โดนเอาขนาดนั้นมีแรงกลับด้วยเหรอวะ” สมองเริ่มกลับมาประมวลผลอีกครั้งหลังจากจอดับไป ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่ และ นึกไม่ออกว่าตัวเองเดินเข้ามานอนในห้องนอนยามไหน คงเพราะความเคยชิน แต่ที่จำได้แน่ ๆ เขาปรนเปรอความใคร่ลงบนร่างเล็กหลายต่อหลายรอบ จนนับไม่ถ้วนแทนคุณหยุดคิด แล้วผุดตัวลุกขึ้นก้าวขาลงจากเตียงหลังจากปรับสภาพร่างกายตัวเองได้ เดินตรงเข้าห้องน้ำ และ กลับออกมาอีกทีในสิบนาทีต่อมาด้วยชุดคลุมอาบน้ำ เพราะใช้เวลาอยู่ที่ผับซะส่วนใหญ่ จึงมีเครื่องใช้ส่วนตัวเกือบครบราวกับบ้านอีกหนึ่งหลัง“เชี้ย!” เจ้าของใบหน้าตกใจอุทานออกมาเสียงดัง เมื่อเดินออกมาจากห้องนอน พบว่าภรรยาสาวที่ถูกเขาจัดหนัก และ คิดว่าเธอกลับบ้านไปแล้ว นอนสลบแผ่หลาอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ร่างกายเปลือยเปล่าเต็มไปด้ว
คฤหาสน์ พีรพัฒน์ “อื้อ~” หญิงสาวใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงขนาดคิงไซซ์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเย็น หลังจากนอนไม่ได้สติเกือบหนึ่งวันเต็ม เธอค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมองอย่างยากลำบาก เห็นฝ้าเพดานสีขาวคุ้นตาราง ๆ ก่อนที่ระดับการมองเห็นจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ“บ้านเหรอ?” ริมฝีปากซีดขยับพึมพำเสียงแหบพร่าอย่างมึนงง อาการปวดเมื่อยตามร่างกายแทรกเข้ามาทันที ตามมาด้วยอาการปวดหนึบ ๆ บริเวณศีรษะเล็กน้อย ขณะที่สมองเริ่มกลับมาประมวลผลเป็นปกติอีกครั้ง“…” มาริษานิ่วหน้าเล็กน้อย มือบางลูบหน้าหนึ่งครั้ง เพื่อให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น ก่อนจะกรวดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องนอนที่เงียบสงบ พบว่าเป็นห้องนอนที่เคยนอนทุกวัน ความทรงจำครั้งสุดท้าย ถูกสามีทรมานช่วงล่างบนโซฟา จนสลบเหมือดไปไม่รู้เมื่อไหร่“คนใจร้าย” น้ำตาคลอเบ้า เมื่อนึกถึงการกระทำอันป่าเถื่อนของสามี แต่ถึงอย่างนั้นความรักที่เธอมีให้เขาก็ไม่ลดน้อยถอยลงเลย แม้จะรู้สึกโกรธมากเพียงใดก็ตาม“…” มาริษาใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มใส แล้วดันตัวลุกนั่งพิงหลังกับหัวเตียง เธอหันมองนาฬิกาแขวนผนัง พบว่าเวลานี้หกโมงเย็นแล้ว“หลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แอ่ก ๆ” ส่งเสียงไอออกมาเมื
วันต่อมา“เอ้า! นายหญิง ไม่สบายอยู่นะคะ ทำไมถึงได้รีบตื่นล่ะคะ?” ทันทีที่มาริษาย่างก้าวเข้าห้องครัวในเวลาหกโมงเช้า เสียงของสายหยดก็ดังขึ้นไถ่ถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย“สาดีขึ้นมากแล้วล่ะค่ะ” มาริษายิ้มสวย เธอปล่อยผมยาวตรงมีหน้าม้า อยู่ในชุดเสื้อแขนยาวคอเต่าสีขาว เพื่อปกปิดร่องรอยตามลำคอที่ยังเด่นชัด และ สวมใส่เสื้อเอื้อมกางเกงขาสั้นสีดำทับอีกที ให้ลุคสาวน่ารักตัวเล็ก“น่าจะพักผ่อนอีกหน่อยนะคะ”“สาดีขึ้นแล้วจริง ๆ ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง” ร่างกายฟื้นฟูเริ่มกลับมาเป็นปกติ เหลือเพียงอาการหน่วงบริเวณท้องน้อยเท่านั้นที่สร้างความรำคาญใจ“ไม่ต้องขอบคุณอะไรป้าหรอกนะคะนายหญิง” สายหยดเอ่ยอย่างเกรงใจนายหญิงของบ้าน เธอรู้สึกปลื้มเป็นอย่างมาก ที่มีเจ้านายทั้งน่ารักทั้งสุภาพอ่อนโยนและใจดีแบบหญิงสาวตัวเล็กน่ารักตรงหน้า“งั้นเช้านี้สาขอใส่บาตรด้วยคนนะคะ”“ได้เลยค่ะ”หลังจากใส่บาตรพระท่านเสร็จมาริษาก็มานั่งรอผู้เป็นสามีอยู่ในห้องอาหาร พลางหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา กระทั่งเวลาผ่านไปสิบห้านาที…“เธอนี่แข็งแรงกว่าที่ฉันคิดอีกนะ ขนาดป่วยยังตื่นเช้าได้ วันหลังคงต้องจัดหนักทั
11:30 น.หญิงสาวตัวเล็กอยู่ในชุดนอนกางเกงขาสั้นสีชมพูหวานลายสตรอว์เบอร์รี นั่งแต่งหน้าบนเก้าอี้หน้ากระจกตรงโต๊ะเครื่องแป้ง กำลังใช้แปรงเกลี่ยแป้งฝุ่นไปทั่วใบหน้าเรียวน่ารักอย่างละเมียดละไม ระหว่างนั้นประตูห้องนอนก็ถูกผลักเข้ามาด้วยฝีมือของชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของห้องตัวจริง“วันนี้สาเตรียมชุดสูทสีน้ำเงินให้นะคะ” มาริษากล่าวบอกกับสามี ขณะที่เธอย้ายมาปัดบรัชออนสีชมพูบนหน้าแก้ม ส่วนแทนคุณก็ไม่ได้พูดตอบอะไร เพียงใช้หางตามองคนที่กำลังแต่งเติมเครื่องสำอางลงบนใบหน้า“ผู้หญิงนี่เหมือนกันหมด”“อะไรนะคะ?” มาริษาหันขวับไปมองด้านหลังของคนที่เพิ่งเดินผ่าน เมื่อได้ยินเสียงพูดถึงอะไรบางอย่างดังแว่ว ๆ เข้ามาในหู คนถูกถามชะลอฝีเท้าพลางชำเลืองมองทางหางตา“ยุ่ง”“ตอบดี ๆ บ้างไม่ได้หรือยังไงกันนะ” มาริษามุ่ยหน้าพูดพึมพำอย่างตัดพ้อ โดยที่ยังมองตามแผ่นหลังกว้างเดินไป จนกระทั่งหายเข้าห้องแต่งตัว เธอระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างปลงจิต แล้วกลับไปแต่งหน้าตัวเองให้เสร็จ…“ฉันให้เวลาเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าสองนาที” น้ำเสียงเข้มเอ่ยสั่งทันทีที่เจ้าของใบหน้าน่ารักตากลมเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว“ทำไมคะ?” มาริษาหยุดอยู่กับที่เ
มหาวิทยาลัย T.U อินเตอร์“ไปกินข้าวที่โรงอาหารก่อนกลับบ้านไหม?” แกรมมี่เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่อาจารย์ผู้สอนเดินออกไป ขณะเพื่อน ๆ ทั้งสามต่างก็เก็บชีทเรียนบนโต๊ะ“ฉันไปนะหิวพอดี แกสองคนละ”“ฉันยังไม่หิวอะ”“รอไปกินข้าวกับผัวสุดหล่อน่ะซี้~ ฉันรู้นะยะ” แกรมมี่พูดแซวพลางหรี่ตามองหน้ามาริษาอย่างจับพิรุธ แต่กลับทำให้รอยยิ้มของมาริษาจางลงทันที“…” เธอฮึบไว้แล้วแค่นยิ้มสดใสออกไปใหม่ เพื่อทำให้ไม่เสียบรรยากาศ และ ให้เพื่อนสบายใจ หากผู้เป็นสามีร่วมโต๊ะอาหารทุกเย็น เธอคงยอมรับได้อย่างภาคภูมิใจ ทว่ามีเพียงฮยอนโดเท่านั้นที่เห็นความผิดปกติของมาริษา“นายล่ะฮยอน?” จีน่าชะโงกหน้าไปถามเพื่อนชายเพียงคนเดียวในกลุ่ม ซึ่งนั่งหน้านิ่งข้างกับมาริษา“ฉันไม่หิว”“สรุป เราไปกันสองคนยัยจี”“อือ”“ว่าแต่อาทิตย์หน้าเลือกชมรม พวกแกจะเข้าชมรมไหนกัน” แกรมมี่ถาม“ฉันจะเข้าชมรมรักโลก”“เหมาะกับแกมากยัยลูกหนู” แกรมมี่ว่าพลางทำหน้าล้อเลียนเพื่อนสาวที่มีนิสัยรักสงบ จิตใจดีสมกับชื่อชมรม ซึ่งมาริษาก็ไม่ได้ถือสาอะไรเพื่อน“ฉันไปกับยัยเมษา”“ฉันด้วย” ฮยอนโดที่นั่งเงียบฟังบทสนทนาเพื่อนอยู่นานเอ่ยขึ้น“พวกฉันไปด้วยกัน แล้วแกล่ะ?”
สามปีต่อมา งานรับปริญญาภายในงานรับปริญญาบัตรพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งบัณฑิตจบใหม่ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องของแต่ละคณะ และ ญาติมิตรที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกหลาน หรือ คนรู้จัก“สา” มนัสรินทร์ที่เห็นน้องสาวเป็นคนแรก เธอขานเรียกพลางโบกมือ ส่งสัญญาณว่าอยู่ทางนี้มาริษาอยู่ในชุดครุย ใบหน้าน่ารักถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางที่ค่อนข้างเข้มจัด สวยหวานราวกับเจ้าหญิง เธอโบกมือตอบรับพี่สาว รีบเร่งฝีเท้าเดินบนรองเท้าคัทชูตรงดิ่งเข้าไปหาบิดามารดาและ เพื่อนสนิทที่มาร่วมแสดงความยินดีในความสำเร็จของเธอ เธอเรียนจบหลังเพื่อน เพราะต้องดรอปเรียน เพื่อดูแลลูกสาวที่ตอนนี้อายุได้สามขวบเศษ“คูณแม่~” เจ้าของแก้มป่องราวกับลูกซาลาเปา ตากลมโต ฉีกยิ้มกว้างสดใส ตะโกนเรียกผู้เป็นแม่ ปล่อยมือจากผู้เป็นน้าสาว วิ่งเตาะแตะเข้าไปหามารดาด้วยความคิดถึง มาริษาย่อตัวลงอ้าแขนรับลูกสาว อุ้มขึ้นแนบอกฟอด~ มาริษาหอมแก้มป่องลูกสาวเจ้าของใบหน้าน่ารักฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงและเอ็นดู ขณะเพื่อน ๆ และคนในครอบครัว ต่างก็เดินเข้ามาสบทบ ยกเว้นเสียแต่พ่อของลูกที่ติดงานด่วนที่ต่างประเทศไม่สามารถมาวันสำคัญของเธอได้“ยินดีด้วยนะสา” จีน่าพ
หนึ่งเดือนต่อมา @คฤหาสน์ พีรพัฒน์ “สบายขึ้นไหม?” บนเตียงขนาดคิงไซซ์แทนคุณกำลังนวดเรียวขาทั้งสองข้างของมาริษาบนตักแกร่งอย่างเบามือ เนื่องจากเธอมีอาการปวดเมื่อยบริเวณขาทั้งสองข้าง เพราะท้องใกล้คลอดขนาดใหญ่มหึมา ครั้นจะนอนหรือนั่งก็ขยับพลิกตัวลำบากไปหมด“ค่ะ~” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยตอบเบา ๆ ด้วยความปวดขึ้นเรื่อย ๆ บริเวณอุ้งเชิงกราน จนน้ำตาเล็ด ถึงจะปวดไม่มากแต่ก็รู้สึกทรมานพอสมควร“ปวดท้องเหรอ?”“…” มาริษาพยักหน้าหงึก ๆ หยาดน้ำค่อย ๆ ไหลกลิ้งอาบแก้มใส มือบางกุมเข้าหากันแน่นอย่างอดทนกับอาการต่าง ๆ ของคนท้องใกล้คลอดที่ต้องเจอ เพื่อลูกคนแรกของเธอ“ทนอีกหน่อยนะ อีกไม่กี่วันเราจะได้เจอหน้าลูกกันแล้ว” แทนคุณเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้ามาริษาก็ถึงกับน้ำตาคลอเบ้าด้วยความสงสาร นิ้วยาวเอื้อมไปเช็ดน้ำตาบนแก้มนุ่มอย่างปลอบประโลม“ให้พี่นวดต่อไหมหรือนอนพัก”“นวดค่ะ สารอให้อาการปวดหายไปอีกสักนิดค่อยนอน”“ครับ งั้นพี่ร้องเพลงให้เอาไหม?” แทนคุณฉีกยิ้มให้กำลังใจมาริษา ในเมื่อไม่สามารถรับเจ็บปวดแทนเธอได้ เขาขอเป็นคนสร้างพลังบวกและคอยอยู่เคียงข้างเธอไม่ไปไหนมาริษากะพริบตาปริบ ๆ สีหน้าไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ มือ
หลายอาทิตย์ต่อมา คฤหาสน์ พีรพัฒน์ ดึก~“ฮึ ตัวเล็กถีบหน้าพ่อซะแรงเลยนะลูก” ภายในห้องนั่งเล่นคนที่กำลังเป็นพ่อคนแนบหูฟังเสียงเต้นหัวใจของลูกน้อยในครรภ์ของภรรยาตัวเล็กตรงโซฟาตัวยาว แต่แก้มสากกลับสัมผัสได้ถึงแรงดิ้นลูกน้อยในท้องค่อนข้างแรง ไม่รู้ว่าเป็นการทักทายหรือกลั่นแกล้งพ่อกันแน่ “ดูสิสาลูกเราดิ้นใหญ่เลย”แทนคุณเงยหน้าขึ้นกล่าวกับมาริษาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เป็นครั้งแรกที่ลูกในท้องดีดดิ้นอย่างซุกซน จนเห็นการเคลื่อนไหวเป็นคลื่น ๆ ตรงท้องป่องชัดเจน“สงสัยแกอยากออกมาเล่นกับพ่อเขาแล้วมั้งคะ” มาริษายิ้มปริ่มมีความสุขไปกับแทนคุณ แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเมื่อลูกในท้องดิ้นแรงเกินไปแต่เธอก็ยอมอดทน เธอท้องได้เจ็ดเดือนย่างเข้าเดือนที่แปด ท้องจึงโตตามอายุครรภ์ ไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างยากลำบากแทนคุณฉีกยิ้มดีใจใหญ่ทาบมือบนท้องป่องตรงจุดที่ลูกในท้องดีดดิ้น “เบา ๆ หน่อยนะครับ เดี๋ยวแม่เจ็บ”“ขออนุญาตค่ะ” ระหว่างนั้นสาวใช้ก็เดินเข้ามาโค้งศีรษะทำความเคารพผู้เป็นนายทั้งสอง ก่อนจะกล่าวรายงานในเวลาต่อมา “คุณหมอธัน คุณหวาน คุณเทวินแล้วก็คุณมิลินมาถึงแล้วค่ะ”“อือ” แทนคุณครางตอบรับสาวใช้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เช้าวันต่อมา “อื้อ~” หญิงสาวบนเตียงนุ่มส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ อย่างรู้สึกตัวตื่น เมื่อถูกรบกวนการนอนหลับ สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างกำลังยุ่มย่ามตรงกลางความเป็นสาว จนรู้สึกเสียววาบไปทั่วทั้งร่าง มือบางขยุ้มผ้าปูเตียงโดยทันที ขณะที่สมองเริ่มกลับมาประมวลอีกครั้งแผล็บ แผล็บ แทนคุณตวัดปลายลิ้นสากเลียกลีบกุหลาบสวยที่ไม่ได้เชยชมมานานหลายเดือนอย่างละเมียดละไม กลืนกินน้ำหวานบนกลางความเป็นสาวราวกับของอร่อย เหลือบตาขึ้นมองมาริษาที่ยังไม่ลืมตา แต่มือบางกลับเอื้อมลงมาผลักศีรษะให้ออกห่างจากความหอมหวาน“ยะ…อย่า~” ใบหน้าน่ารักเหยเกด้วยความเสียวในรอบสี่เดือน จนต้องหนีบเรียวขาเข้าหาคนตรงกลางหว่างขา ผลักไสยังไงก็ไม่เป็นผล คืนดีกันได้ไม่ถึงวันคนพี่ก็ลักหลับเธอเสียแล้ว เป็นคืนแรกที่เธอตื่นสายและรู้สึกว่าได้หลับเต็มอิ่ม หากไม่ถูกปลุกเสียก่อนก็คงนอนเพลินจนไม่รู้ตื่นกี่โมง“น้ำเมียพี่ยังหวานเหมือนเดิมเลยนะ” เจ้าของใบหน้าหล่อเงยขึ้นไปสบตากับร่างเล็กที่ยังงัวเงียด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ แววตาหยาดเยิ้มเต็มไปด้วยความหื่นกามอย่างเห็นได้ชัด“คนลามก ออกไปเลยนะ! สาไม่อนุญาตให้พี่ทำอะไรกับร่างกายสาทั้งนั้น” วาจาหยาบโลนทำ
ภายในรถสปอร์ตหรูสีฟ้าตกอยู่ในความเงียบสงัดตั้งแต่ขับออกมาจากโรงพยาบาล xxx มีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคนที่พ่นออกมาเป็นจังหวะ แทนคุณทำหน้าที่ขับรถ หันมองมาริษาที่นั่งเงียบ หันหน้าออกหน้าต่างตลอดทางบ่อยครั้งด้วยความเป็นห่วง “หิวไหม เดี๋ยวพี่จอดเซ่เว่นข้างหน้า ลงไปซื้อของกินมาให้” “ไม่” น้ำเสียงห้วน ๆ ตอบกลับ บ่งบอกว่าคนตัวเล็กกำลังหงุดหงิด แทนคุณพยายามทำความเข้าใจกับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของคนท้อง แม้ว่าค่อนข้างยากก็ตาม โดยนิสัยเป็นคนใจร้อนและขี้รำคาญ แต่ครั้งนี้เขาจะยอมทำเพื่อคนน้องและหัวใจตัวเอง “อือ ถ้าหิวหรืออยากเข้าห้องน้ำก็บอกพี่นะ” “…” คำตอบที่ได้กลับมาจากคนมาริษาคือความเงียบ เธอมองวิวนอกหน้าต่างรถ ตามทางส่วนมากเป็นบ้านคน และ ต้นไม้สลับกันไป ในหัวครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องตรวจ ยามที่นอนบนเตียงเพื่ออันตราซาวดูลูกในครรภ์เป็นวันแรก เธอเห็นหยดน้ำตาคนพี่หยดแหมะลงบนเตียง ขนาดที่หมอกำลังอธิบายอวัยวะต่าง ๆ ของลูกในท้อง เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นมุมอ่อนไหวของเขา บ้านสวนหวาน “ปลานึ่งมีทั้งโปรตีนทั้งโฟเลท สร้างเนื้อเยื่อให้กับร่าง
@บ้านสวน หวาน ปัง!ประตูรถกระบะถูกปิดเสียงดังด้วยฝีมือของหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ เธอเดินสะบัดตูดเข้าบ้านโดยไม่รอชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวขาเดินลงจากรถ“เปลี่ยนไปเยอะแฮะ” แทนคุณเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดู การกระทำน่าหงุดหงิดของมาริษา ไม่ได้ทำให้รู้สึกโกรธเลยสักนิดเดียว กลับมองว่าน่ารักเสียมากกว่า ถึงแม้ไม่ใช่มาริษาคนเดิมที่รู้จักก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเธออยู่ก็ในสายตา เขาต้องทำให้เธอกลับมาเป็นมาริษาคนเดิมให้ได้“…” แทนคุณส่ายหน้าไปมา แล้วสาวเท้าเดินตามหลังมาริษาเข้าบ้าน แต่ไม่ทันได้เดินตามเข้าห้องนอน มาริษากลับปิดประตูใส่หน้าเสียก่อน ใบหน้าหล่อ ๆ แทบถูกประตูกระแทก“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยตัวแสบ” นิ้วแกร่งชี้ย้ำ ๆ อย่างคาดโทษคนตัวเล็ก มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง“ผู้ชายอะไรดื้อด้านเป็นที่สุด!” เจ้าของดวงตาสวยมุ่ยหน้าหงุดหงิดพลางหย่อนสะโพกนั่งบนเตียงนุ่มอย่างเจ็บใจพ่อของลูก แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของคนพี่ เขาดูใจเย็น พูดจาดีขึ้นเยอะ หากเป็นเมื่อก่อนพี่ไม้คงเละเป็นโจ๊ก “ทำไมใบหน้าดูซูบลงไปเยอะจัง”“…” ความสงสัยและความเป็นห่วงแทรกเข้ามาแทนที่ความโกรธ ใบหน้าน่ารักมีแ
เวลาต่อมา 20:30 น. ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูจากคนด้านนอก ทำให้หญิงสาวตัวเล็กอยู่ในชุดเดรสยาวสีครีมสะดุ้งด้วยความตกใจ เธอกำลังเก็บเอกสารสำคัญเข้าใส่กระเป๋าผ้าอย่างเร่งรีบ“เปิดประตูให้ฉันหน่อยเมษา” เสียงจากคนด้านนอก ทำให้มาริษายิ่งลนลาน จับเอกสารยัดเข้ากระเป๋าอย่างไม่เป็นระเบียบ ขณะที่คนด้านนอกยังขานเรียกชื่อ “เมษา”“ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป งั้นสาไปเองแล้วกัน” มาริษาหยิบโทรศัพท์ปุ่มกดยี่ห้อธรรมดาขึ้นมาต่อสายหาใครบาง รอสายไม่นานนักปลายสายก็กดรับสาย…“ครับคุณเมษา” “สากำลังไปนะคะ” “ระวังตัวด้วยนะครับคุณเมษา” “ค่ะ” มาริษากดวางสาย เธอรีบเดินจ้ำอ้าวไปเปิดประตูหน้าต่าง ยกเก้าอี้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งวางบนพื้นหญ้าข้างหน้าต่าง ทำให้เสียงเบาที่สุด ซึ่งไม่สูงมาก หากเปรียบเทียบ ผู้ชายกระโดดข้ามได้สบาย ๆ“จิ๊!” แทนคุณส่งเสียงในปากอย่างหงุดหงิด ที่เรียกเท่าไหร่คนด้านในก็ไม่ยอมออกมาเปิดสักที ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินเลี่ยงไปทางอื่น และ กลับมาอีกทีพร้อมกับกุญแจสำรองที่ให้คนงานนำไปปั๊มเอาไว้อีกชุดแกรก“…” มือหนารีบไขกุญแจเปิดประตูห้องนอนของภรรยาตัวเล็กเข้าไปอย่างร้อนใจ แต่ภายในห้องนอนกลับ
หมับ!“อย่าเพิ่งไป” แทนคุณก้าวขายาวเข้าไปสวมกอดมาริษาที่กำลังจะเดินหนีจากด้านหลังแน่น พลางเกยปลายคางคมสันบนไหล่มน มาริษาดีดดิ้นพยายามแกะท่อนแขนแกร่งออกจากลำตัว แต่ก็ยากเหลือเกิน“ปล่อยนะ!”“ไม่ปล่อยจนกว่าเธอจะยอมฟังฉันอธิบาย”“ไม่จำเป็นค่ะ! สาไม่อยากฟังอะไรจากพี่อีกแล้ว”“งั้นฉันก็ไม่ปล่อย”“พี่แทน!” มาริษาเอี้ยวหน้ามองค้อนแทนคุณอย่างเอือมระอากับนิสัยเอาแต่ใจ ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่เคยเปลี่ยน แต่แทนคุณกลับตีหน้ามึนคลี่ยิ้มให้มาริษาอย่างไม่หวั่นเกรงกับแววตาดุของเธอ มองว่าน่ารักเสียมากกว่า“ปล่อยสาเดี๋ยวนี้” มาริษาพูดเน้นเสียงอย่างเป็นการขู่ ราวกับลูกแมวกำลังขู่เจ้าของฝ่อ ๆ แต่ไม่ได้ทำให้แทนคุณกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว“ฉันไม่ปล่อยเธอหลุดมือไปอีกแล้ว”ตึก! ตึก!หัวใจมาริษาเต้นถี่รัวไม่เป็นจังหวะเช่นเดียวกับหัวใจของแทนคุณที่เต้นแรงไม่ต่างกัน จนไม่รู้ว่าหัวใจใครเต้นแรงกว่ากัน เธอสัมผัสได้ถึงความคิดถึงปนความเศร้าจากน้ำเสียงอันแผ่วเบาของเขาชัดเจนกว่าทุกครั้งจนน่าประหลาดใจ“ฉันมีเรื่องอยากบอกกับเธอเยอะแยะไปหมดเลยนะเมษา” เมื่อเห็นร่างเล็กในอ้อมแขนนิ่งเงียบแทนคุณจึงพูดต่อตามความรู้สึกข
วันต่อมา “อือ~” หญิงสาวบนเตียงนุ่มส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ เมื่อรู้สึกตัวตื่นจากห้วงนิทราในช่วงเวลาเดิมเจ็ดโมงเช้า เธอลูบหน้าตัวเองหนึ่งครั้งเพื่อให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมองปรับโฟกัสสายตา มือบางปิดปากหาววอด ๆ อย่างง่วงนอน ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียง มองไปที่นาฬิกาแขวนผนัง พบว่าเข็มสั้นชี้เลขเจ็ด เข็มยาวชี้เลขหก เป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่ง “จะมาอีกไหมนะ” มาริษาทำสีหน้าครุ่นคิดถึงพ่อของลูก เมื่อรู้สึกคันบริเวณดวงตาจึงใช้นิ้วเรียวถูเปลือกตาเบา ๆ ให้หายคัน ก่อนที่สมองจะประมวลผลเรื่องที่คิดสำเร็จ “คนดื้อรั้นอย่างพี่แทน ต้องมาอีกแน่ ๆ”เธอยอมรับเลยว่ากลัวใจตัวเองเป็นที่สุด กลัวใจอ่อนให้เขา… “แม่จะทำยังไงกับพ่อของลูกดีจ้ะลูกจ๋า” มือบางลูบหน้าท้องที่นูนป่องไปมาเบา ๆ อย่างคิดไม่ตก สักพักถึงได้ก้าวขาเดินลงจากเตียง เดินไปทำกิจวัตรประจำในห้องน้ำอย่างเคย “…” มาริษากลับออกมาจากห้องนอนด้วยชุดเดรสยาวสีครีมแขนสั้นผ้าลินิน ผมยาวสีดำสลวยถูกปล่อยแผ่กระจายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าน่ารักสวยเป็นธรรมชาติไร้ซึ่งเครื่องสำอาง มีเพียงสกิลแคร์ทาทั่วใบหน้า