“อีป้าหน้าจืดเนี่ยนะ เมียคุณเจย์เดน มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ แค่เห็นหน้าก็อยากจะหัวเราะให้ฟันหัก มีดีตรงไหนวะ เฉิ่มชะมัด”
“ใช่ ห้อยหลวงปู่มั่นเต็มคอก็ไม่ช่วยให้เขาชายตาแลหรอก อย่างดีก็เป็นแค่ขี้ฝุ่นในเล็บตีนเขาเท่านั้นแหละ” เรื่องของนริศราถูกเม้าท์มอยกันให้แซดในหมู่พีอาร์ ต่างใส่สีตีข่าวต่างๆ นาๆ จนกลายเป็นว่านริศราเป็นฝ่ายถูกยำเละไม่มีชิ้นดี “เออ ไม่มีใครสวยเท่าแม่มึงแล้วค่ะ” นริศราจีบปากจีบคอด่าพลางกลอกตามองบนใส่พีอาร์สาวสวยสองคนที่นินทาเธอระยะเผาขนอย่างหาได้แคร์ไม่ พวกมันกล้าด่าเธอขนาดนี้ มีหรือจะก้มหน้าก้มตายอมโดนด่าฟรี ถึงเธอจะเฉิ่มเชยเหมือนป้าอย่างที่โดนว่าก็ตาม แต่เธอก็เป็นคนเหมือนกัน แรงมาก็แรงกลับ ปาก้อนหินมาเธอก็จะปาขี้หมากลับเหมือนกัน! “มันด่ากลับว่ะลิลลี่ มึงเข้าไปจัดการมันเลยสิ” นีน่า พีอาร์สาวพยายามดันเพื่อนสาวตัวเองเข้าไปหาพนักงานสาวในร้านมินิมาร์ทที่พวกเธอข้ามถนนกันมาดูให้เห็นกับตาตัวเองว่าผู้หญิงที่ถูกพูดถึงว่าเป็นเมียของเจย์เดนเป็นอย่างไร แล้วก็อย่างที่เห็น หลายคนดูถูกเธอสารพัด แอบนินทาและพากันหัวเราะเยาะจนเธอทนไม่ไหว เลยต้องตอกกลับไปบ้างอย่างเหลืออด “ทำไมแมลงหวี่พวกนี้มันน่ารำคาญจังเลยวะ งิ้งงิ้งๆ อยู่นั่นแหละ มานี่เดี๋ยวกูจะตบให้ตายคามือ ไม่พอนะเดี๋ยวกูจะกระทืบๆๆ ให้จมตีนด้วย” นริศราแกล้งทำเสียงโหดพลางทำท่าจะตบและกระทืบจนพีอาร์พวกนั้นเริ่มหน้าไม่ดี “มึงๆ กูว่าพวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะว่ะ” “เออ กูก็ไม่อยากอยู่แล้วเหมือนกัน” ในที่สุดสองคนนั้นก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากมินิมาร์ทไปอย่างกับกลัวว่าจะโดนจิกหัวจากข้างหลัง “จะไปไหนแล้วล่ะ กลับมานี่ก่อนสิ กลับมานินทาฉันก่อน เอาให้ดังลั่นร้านไปเลย ในเมื่อกลัวคนอื่นไม่ได้ยินอ่ะ” นริศราตะโกนตามหลังอย่างหมั่นไส้ อีกนิดเดียวเชียว อีกนิดเดียวที่เธอเกือบจะทนไม่ไหว ถ้าพวกนั้นยังไม่หยุดนินทาเธออีกละก็ ได้มีเลือดตกยางออกแน่ ทำไมวะ ไม่สวย ขี้เหร่มันผิดตรงไหน แรกๆ เธอก็เฉยๆ กับสิ่งที่เจอเหล่านี้ แต่หลังๆ เมื่อมันชักจะมากขึ้น มันก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เฮ๊ย ถึงจะหน้าป้า เฉิ่ม เชย แต่มันไม่มีหัวใจหรือไงวะ อย่าให้สวยก็แล้วกัน คอยดูนะฉันจะสวยกว่าพวกเธอทั้งหมด คอยดู!เจย์เดนนั่งเอนหลังกับพนักโซฟาพลางหลับตาลงคล้ายกำลังงีบทว่าภายในใจยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง ด้านข้างซินดี้กำลังปรนนิบัติด้วยการนวดหัวไหล่และท่อนแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เธอแอบมองเขาดวงตาหวานเชื่อมพลางเลื่อนฝ่ามือลูบไล้ไปที่แผงอกกำยำ ทว่าทันใดนั้นก็โดนปัดออกอย่างรวดเร็ว
“ฉันอนุญาตเธอแค่ไหนก็ทำแค่นั้น” “ค่ะ คุณเจย์เดน” ซินดี้ตอบด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิด ก็แหม ใครจะไปอดใจไหว ก็เขาหล่อไปทั้งตัวขนาดนี้มือมันก็เผลอเลื่อนไล้ไปเองอย่างห้ามไม่อยู่นี่นา คิดว่าเขาจะหลับไปแล้ว แต่ที่ไหนได้ ยังไม่หลับเหรอนี่ ภายในห้องวีวีไอพีของผู้บริหารไนต์คลับแห่งนี้ เป็นโซนที่เขาอยู่ประจำ เอาไว้คุยงานกับลูกค้า ทำงาน และรับแขกคนพิเศษ ซินดี้เป็นพีอาร์คนเดียวในช่วงนี้ที่ได้เข้าออกที่ห้องนี้ เธอมีหน้าที่ปรนนิบัติเขาให้ผ่อนคลายแต่สิ่งที่หวังในใจมีมากกว่านั้น แม้จะรู้ว่าเขามีใครในใจแล้วก็ตาม คิรินเคาะประตูสามครั้งก่อนที่จะเปิดเข้ามา เขามองซินดี้ที่กำลังนวดไหล่ให้กับผู้เป็นเจ้านายด้วยนัยน์ตาแปลกๆ ราวกับมีอะไรอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา “ว่าไง เรียบร้อยดีไหมวะ” เจย์เดนที่เพิ่งลืมตาขึ้นมาหลังจากรับรู้ว่ามีคนเข้ามาก็เอ่ยทักทันที “เรียบร้อยดีครับนาย” “อืม” “นายครับ” “อะไรวะ” “เรื่องคุณนุ่มนิ่ม…” คิรินเอ่ยเว้นวรรค ทำเอาซินดี้ที่นั่งอยู่ด้วยหูผึ่ง เธอก็ได้ยินข่าวของนริศราเช่นเดียวกับพีอาร์คนอื่นๆ เหมือนกันเพราะยัยพีอาร์ต้นเรื่องนั้นเอามานินทาจนดังไปทั่วในเลานจ์ “อะไร” “ดูเหมือนเธอจะโดนบูลลี่หนักเลยครับ มีคนไปได้ยินเรื่องที่นายไปคุยกับเธอที่มินิมาร์ทแล้วก็เอาไปเม้าท์มอยกันต่อ ผมว่าตอนนี้เธอน่าจะหนักเลยครับ” อะไรวะเนี่ย เขาอุตส่าห์หวังดีไปปลอบใจเธอ แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้เธอต้องโดนหนักกว่าเดิมเหรอเนี่ย “ใคร!” “ตอนนี้เรื่องของเธอดังไปทั่วแล้วครับ โดยเฉพาะพวกพีอาร์” คิรินกล่าวเสียงเรียบพลางเหลือบมองหน้าซินดี้เป็นระยะ ในขณะที่เธอก้มหน้าก้มตาไม่กล้าแสดงอาการอะไรออกมา “จริงเหรอซินดี้ เธอรู้เรื่องนี้หรือเปล่า” “เอ่อ…รู้ค่ะ มีพีอาร์คนหนึ่งเอามาเม้าท์มอย แล้วก็คงจะพูดต่อๆ กันไปเรื่อยๆ ซินดี้ก็ไม่ได้สนใจนักหรอกค่ะ” “นังตัวไหนที่มันเป็นคนเริ่ม” เจย์เดนเอ่ยน้ำเสียงน่ากลัว ดวงตาสีนิลวาวโรจน์ด้วยความกรุ่นโกรธ “คุณเจย์เดนคะ อย่าเพิ่งโมโหไปเลยนะคะ คุณก็รู้ดีว่าเรื่องเม้าท์มอยกับผู้หญิงมันเป็นของคู่กันอยู่แล้ว พอเม้าท์มอยก็อดบูลลี่ไม่ได้” “หลังร้านปิดคืนนี้เรียกคุยกับพีอาร์ทุกคน ใครที่ไปต่อกับลูกค้าก็ให้อยู่ก่อน” เจย์เดนแทบไม่ได้สนใจคำพูดของซินดี้ เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดที่หลังมือ อย่างไรก็จะต้องจัดการอีพวกปากหอยปากปู ปากปลาร้าหน้าศัลยกรรมเหล่านั้นก่อน “ครับนาย” คิรินรับคำอย่างนอบน้อม เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่ประตูจะเปิดออกปรากฏเป็นครามที่เดินเข้ามาก่อน ตามมาด้วยร่างสูงชะลูดของอาร์เดนที่มาในชุดเสื้อเชิ้ตแบรนด์เนมลายโซ่ทรงเสี่ย “เฮ้ เจย์เดน วันนี้ดูอารมณ์ไม่ดีเลยวะ มีเรื่องอะไรให้เครียดอีกละเนี่ย” อาร์เดนเอ่ยทักผู้เป็นพี่ชายด้วยใบหน้าทะเล้นแต่พอเห็นเจย์เดนยังคงนิ่งก็เลยนั่งลงด้านข้าง “วันนี้มึงว่างหรือไง ถึงได้มีเวลามาที่นี่” ปกติอาร์เดนควบคุมธุรกิจอยู่ที่พัทยา อาทิเช่น ไนต์คลับ โรงแรมและอสังหาริมทรัพย์อีกหลายอย่าง จะเข้ามากรุงเทพราวอาทิตย์ละครั้งหรือแล้วแต่อารมณ์ “นิดหน่อย แต่กูก็มีเรื่องอยากจะคุยกับมึงด้วย” อาร์เดนสั่งให้มือขวาควบคุมธุรกิจที่โน่นไว้ก่อนที่จะมาที่นี่ มือขวาของเขาเก่งและไว้ใจได้ เขาจึงหมดห่วงและเดินทางมาพูดคุยกับพี่ชายในวันนี้ “อะไร” “เอาเรื่องของมึงก่อน มึงเครียดอะไรวะ” แค่เข้ามาก็รับรู้ถึงรังสีแปลกๆ แล้วว่าจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน “เปล่า เรื่องเล็กๆ” เจย์เดนขี้เกียจอธิบายเรื่องนริศราให้ผู้เป็นน้องชายฟังเลยบอกไปอย่างนั้นทั้งที่สำหรับตัวเขาเองก็ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ หรอก ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียกคุยพีอาร์ทั้งเลานจ์อย่างนี้ “แต่เมื่อกี๊กูได้ยินนะว่ามึงเรียกคุยพีอาร์ทั้งหมดหลังเลิกงานน่ะ เนี่ยเหรอเรื่องเล็กๆ เล็กตรงไหนวะ” ไอ้น้องเชี่ยนี่มันมาได้ตรงจังหวะพอดี รู้ทันไปหมด จะปิดอะไรมันก็ไม่ได้เลยสินะ เจย์เดนได้แต่สบถในใจ สงสัยคงต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟังแล้วล่ะ เจย์เดนสั่งให้คราม คิรินและซินดี้ออกไปก่อนเพื่อที่จะคุยกับอาร์เดนตามลำพัง ทั้งห้องวีวีไอพีจึงเหลือสองคนพี่น้องเจ้าของไนต์คลับ&เลานจ์แห่งนี้ “อะไรนะ มึงจะเรียกพีอาร์ทั้งหมดคุยเพราะผู้หญิงคนเดียวอย่างนั้นเหรอ นี่กูชักอยากจะเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแล้วล่ะสิ” “นี่มึงไม่ได้ฟังที่กูเล่าทั้งหมดใช่ไหมไอ้อาร์เดน” “ฟัง กูฟัง” “ถ้ามึงตั้งใจที่กูเล่าให้ฟังทั้งหมด มึงคงไม่ถามหาหน้าตาของนุ่มนิ่มหรอก” “ก็กูแค่อยากจะรู้ไงว่าหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงถึงโดนพีอาร์พวกนั้นบูลลี่ กูไม่ได้หมายถึงว่าอยากเห็นหน้าตาเขาเพราะอยากจะรู้ว่าสวยแค่ไหน ก็ในเมื่อมึงบอกแล้วว่าเวลาปกติเขาไม่ได้แต่งตัวก็ธรรมดาทั่วไป” “เออ มึงไม่ต้องอยากเห็นหรอก” “ทำไม หวงเหรอวะ” “ไม่…ไม่ใช่เสปคมึงหรอก” “รู้ดี” อาร์เดนจงใจเอ่ยน้ำเสียงยั่วเย้าผู้เป็นพี่ชาย “เออ กูรู้ อย่างมึงต้องเอ็กซ์ๆ สวยทุกสถานการณ์ เอนเตอร์เทนเก่ง กูพูดถูกไหมล่ะ” “เออๆ กูไม่อยากรู้เรื่องผู้หญิงของมึงแล้วก็ได้ แต่ว่า…” อาร์เดนจ้องหน้าพี่ชายพลางหรี่ตาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “แต่ว่าอะไรของมึงวะ” “มึงจริงจังใช่ปะ” “ไอ้เชี่ยอาร์เดน! กูเล่าสาธยายทุกอย่างให้มึงฟังขนาดนี้มึงว่ากูไม่จริงจัง?” เจย์เดนค้อนใส่ชายผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายกันที่นั่งอยู่ด้านข้างอย่างฉุนกึก อุตส่าห์เล่ามาตั้งนาน ถ้าไม่จริงจังเขาไม่แม้แต่จะปริปากบอกมันด้วยซ้ำ นี่เห็นมันเป็นน้องชายคลานตามกันมาหรอกนะ “อ้าว มึงจะจริงจังไม่ได้ กูไม่ยอม” “ทำไมวะ มึงเป็นพ่อกูหรือไง” “เปล๊า” อาร์เดนว่าเสียงสูง “กูเป็นน้องมึงไง มึงจำไม่ได้เหรอ” เอ่ยจบก็รีบลุกหนีไปนั่งโซฟาตัวตรงข้ามทันทีเพราะกลัวโดนเตะ “เดี๋ยวเถอะมึง” เจย์เดนส่งสายตาคาดโทษใส่คนทะเล้น “มึงใจเย็นก่อน ที่กูบอกว่าไม่ได้ก็เพราะว่ามึงจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนไม่ได้เพราะว่ามึงต้องแต่งงานกับหลานเพื่อนคุณปู่ กูหวังว่ามึงจะไม่ทำเป็นไม่ลืมเรื่องนี้นะ” “ก็กูบอกไปแล้วไงว่ากูไม่แต่ง มึงอยากแต่งมึงก็ไปแต่งเอง” “มึงเป็นพี่นะโว๊ย” “เออ กูจำได้ ก็คงไม่ได้เป็นพ่อมึงหรอก” “อ้าว เดี๋ยวนี้มึงย้อนกูแล้วเหรอ” “มึงคิดว่ามึงทำได้คนเดียวหรือไง” “เจย์เดน กูจริงจังนะโว๊ย เรื่องคุณปู่น่ะ” อาร์เดนหมดอารมณ์กวนพี่ชายแล้ว เขาปรับเข้าสู่โหมดจริงจัง เปลี่ยนเป็นนั่งนิ่งๆ และทำหน้าซีเรียสมากขึ้น “กูบอกแล้วไง ถ้ามึงอยากเป็นน้องที่ดี เป็นหลานคุณปู่ที่ดี มึงก็ไปแต่งงานแทนกูซะ ในเมื่อมึงก็ยังไม่มีใคร” คนอย่างอาร์เดนเป็นเสือผู้หญิงตัวพ่อ ฟันผู้หญิงไม่เลือกหน้า ที่ผ่านมา ยังไม่เคยเห็นมันคบกับใครจริงๆ จังๆ เลยสักคน “ไม่เอา! ชีวิตนี้ถ้าต้องแต่งงาน กูเลือกผูกคอตายยังดีเสียกว่า” “มึงก็เข้าใจความรู้สึกของการที่ต้องโดนบังคับนี่ ในเมื่อมึงไม่อยากโดนจับแต่งงานเหมือนกัน ฉะนั้นมึงก็เงียบปากไว้ซะ” “เออ กูไม่พูดอะไรแล้ว จะทำอะไรก็เรื่องของมึงแล้วกัน งั้นมึงก็อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกันถ้าคุณปู่เป็นอะไรขึ้นมา” เจย์เดนนั่งนิ่ง ใบหน้าคมเข้มเผยความเครียดออกมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้เรื่องอาการป่วยของคุณปู่ที่ทรุดลงทุกวัน แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ก็เขาไม่อยากโดนบังคับนี่นา“เป็นอะไรวะ นุ่มนิ่ม เห็นดูเหม่อๆ ตั้งแต่เช้าแล้ว มึงมีอะไรในใจหรือเปล่าวะ ถ้ายังมัวแต่คิดเรื่องเมื่อวานที่โดนอีสองตัวมันมาป่วนอยู่อ่ะ มึงเลิกคิดได้แล้ว ไปให้ค่ากับพวกมันทำไม พวกประสาทแดกอย่างนั้น” จิราภาว่าพลางเบ้ปากมองบน คิดถึงพฤติกรรมแย่ๆ ของแพรวาและนพเมื่อวานแล้วก็ยังเจ็บใจไม่หาย เสียดายเมื่อวานนี้น่าจะด่าพวกมันไปเยอะๆ เอาให้สะใจมากกว่านี้“เจน”“ฮะ ว่าไง” จิราเงยหน้าขึ้นจากเครื่องทำกาแฟ มองเพื่อนที่ตาลอยไม่มีชีวิตชีวา“กูแม่งทุเรศขนาดนั้นเลยเหรอวะ” หลังจากเกิดเรื่องที่กระทบจิตใจทั้งตอนบ่ายและเมื่อคืนที่ผ่านมา เธอก็นอนคิดไปคิดมาทั้งคืนจนนอนไม่หลับ คำพูดของคนเหล่านั้นต่างหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับฝันร้ายที่ไม่สามารถสลัดออกไปได้“ทุรงทุเรศอะไร เฮ๊ย นี่มึงเก็บคำพูดของอีสองคนนั้นไปคิดเหรอ กูบอกแล้วไงว่าอย่าไปให้ค่าพวกมัน…” จิราภายังพูดไม่จบก็โดนเพื่อนสวนทันที“ก็มันไม่ได้มีแค่สองคนนั้นน่ะสิ” “เอ๊ะ…”“ใช่ กูโดนคนอื่นบูลลี่ ว่าไม่สวย ขี้เหร่ เป็นอีป้าหน้าจืด เมื่อก่อนกูก็อยู่ของฉันดีๆ แต่ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้มีแต่คนมายุ่งกับกู มาดูถูก บูลลี่สารพัด กูก็เลย…แค่เสียใจ”“ใครมันมาบูลลี่มึงอ
“ผมก็ทำแล้ว ตาก็ทำแล้ว ผิวหน้าก็ทำแล้ว ทำอะไรอีกดีน๊า…” เมื่อเช้าซินดี้พาเธอไปทำเลสิคมา ในที่สุดก็ยอมทำแม้จะแพงแต่ก็เพื่อความสวยเต็มรูปแบบ“ไม่รู้สิ” นริศราตอบซื่อๆ“เธออยากทำอะไรกับหน้าตัวเองหรือเปล่านุ่มนิ่ม ฉันแนะนำได้นะ ฉันก็ไม่รู้ว่าเธออยากทำไหม”นริศราส่ายหัว เรื่องความสวยความงามน่ะเธอไม่รู้เรื่องเลยสักอย่าง แค่ซินดี้พาเข้าคลินิกความงามเมื่อวานก็ถือว่าเปิดประสบการณ์ครั้งแรกแล้ว ไม่รู้หมอเอาอะไรมาฉีดหน้า เห็นเขาบอกว่าเป็นวิตามิน แต่เธอก็รู้สึกเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ หน้ามันดูใสและตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังรู้สึกว่าที่ผ่านมาใช้ครีมบำรุงนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเท่ากับเข้าคลินิกเพียงแค่ครั้งเดียวเลย“อยากฉีดฟิลเลอร์ไหม อย่างที่พวกสาวๆ เขาชอบฉีดที่ปากกัน มันจะได้อวบอิ่มขึ้น แต่เธอก็ปากสวยอยู่แล้ว อวบอิ่มแล้วก็แดงเป็นธรรมชาติดี” เดิมทีแล้วนริศราเป็นคนผิวขาว ปากก็เลยแดงเป็นธรรมชาติอีกทั้งยังอวบอิ่มแบบที่ไม่ต้องพึ่งฟิลเลอร์“เธอเห็นว่าอะไรดีฉันก็ว่าตามแหละ แนะนำฉันหน่อย ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเท่าเธอหรอก”“อืม…ฉันว่าโดยรวมหน้าเธอสวยมากแล้ว แค่ฝึกแต่งหน้าบ่อยๆ ก็พอแล้วล่ะ มานี่ ฉันจะพาเ
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ร้านยังไม่เปิดนะคะ อีกประมาณสิบห้านาทีร้านจะเปิด ลูกค้าเข้าไปนั่งรอในร้านก่อนได้เลยค่ะ” จิราภากล่าวต้อนรับหญิงสาวสวยผู้มาใหม่โดยที่เพียงแค่เหลือบมองด้วยหางตาเท่านั้นทำเอาคนที่ไม่ได้เป็นลูกค้ายิ้มแก้มปรินริศราเดินไปที่หน้าเคาเตอร์ที่จิราภากำลังเช็ดทำความสะอาดอยู่พลางจ้องเพื่อนสาวอยู่อย่างนั้นจนจิราภารู้สึกแปลกใจเงยหน้าขึ้นมามองตรงๆ“เอ๊ะ…เฮ๊ย นุ่มนิ่ม! นี่มึงเองเหรอ อุ๊บ๊ะ ทำไมสวยอย่างนี้” จิราภาเอื้อมมือไปแตะใบหน้าสวยหวานที่เปลี่ยนแปลงไปจนแทบจำไม่ได้ของเพื่อนสาว ดวงตาลุกวาวเป็นประกายอย่างตื่นเต้นและแปลกใจ “ใช่ กูเองนี่แหละ นุ่มนิ่มคนดีคนเดิมแต่เพิ่มเติมสวยขึ้นเป็นกอง มึงว่ากูสวยขึ้นพอจะเอาไปตบหน้าอีนพกับแพรวได้หรือยัง”“ได้แล้ว ยิ่งกว่าเอาไปตบหน้าพวกมันอีก กูว่าตอนนี้มึงสวยกว่าพริตตี้พีอาร์อะไรพวกนั้นอีกนะ นี่มึงไปทำอะไรมาเนี่ย ทำไมหายไปแค่สองวันแต่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ดูสิ ผมก็ไม่ฟูแล้ว แว่นหนาๆ ก็ไม่มี” ว่าพลางแตะใบหน้าสวยๆ ของเพื่อนพลางเบี่ยงดูข้างซ้ายทีข้างขวาทีอย่างชื่นชมขนาดแต่งหน้ายังไม่เป็นนะเนี่ย ก็เลยแค่แต่งๆ เติมๆ นิดหน่อยแบบเพลย์เซฟเพราะกลัวโป๊ะ แต่มั
‘ก็ได้ค่ะ ฉันจะลองดู’ นี่คือคำตอบของเธอที่ได้กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่เขาจะปล่อยให้เธอได้ทำงานของตัวเองไปแล้วตัวเองก็กลับมาพักผ่อนที่เพ้นท์เฮาส์คิดถึงใบหน้าสวยหวานของเธอทีไรเขาก็มักจะเผลอยิ้มออกมาทุกครั้ง ท่าจะเป็นเอามาก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นเธออีกครั้งในแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมหัวใจของเขาก็เต้นแรงไม่หยุด ให้ตายเถอะ แค่คิดถึงหัวใจก็เต้นแรงเป็นบ้านี่กูต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ขนาดรักแรกหัวใจยังไม่เต้นแรงขนาดนี้เลย นี่แก่จนเกือบจะเลยวัยมีลูกมีเมียแล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ (เกินไป พระเอกมึงอายุแค่สามสิบห้าปีเองนะ)เพิ่งจะเจอเธอไปไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ให้ตาย คิดถึงอีกแล้ว สมองเฝ้าวนเวียนคิดถึงแต่ใบหน้าสวยๆ เรือนร่างสะโอดสะองสมส่วนนั้น พลันย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องระหว่างเขาและเธอในห้องสูทโรงแรมคืนนั้นโอ้วว กูเมื่อยมืออีกแล้ว…ณ ร้านสะดวกซื้อ Diamond Mart เจ๊แมนถึงกับตกใจแทบหงายหลังตกจากเก้าอี้เมื่อเห็นหญิงสาวหน้าตาดีคนที่เข้ามาถึงก็ทำโน่นทำนี่เข้านอกออกในภายในร้านจนเขาเกือบคิดว่าเธอเป็นขโมยเสียแล้ว ใครจะไปคิดล่ะว่าลูกจ้างสุดเฉิ่มที่ได้ฉายาว่ายัยป้าหน้าจืดจะเปลี่ยนแปลงไปมากขน
“เธอแม่งเด็ด…โอว…” เสียงครางแหบพร่ากระเส่าข้างเรียวหูคู่งามของหญิงสาวใต้ร่าง เด็ดอย่างเดียวไม่พอ เขายังได้เป็นคนเปิดซิงเธอด้วยบ่งบอกได้จากเยื่อพรหมจรรย์ที่เขาเป็นคนฝ่าเข้าไปเป็นคนแรก ทำเธอเจ็บจนน้ำตาไหลออกมาจากหางตาและยังคงฝืนก้อนสะอื้นอยู่ในลำคอเช่นตอนนี้ อีกทั้งของเขาที่ใหญ่โตเกินมาตรฐานชายไทย เนื่องจากเขาเป็นลูกครึ่งอเมริกา เลยอาจจะทำเธอเจ็บไปเสียหน่อย ไม่หน่อยเลยล่ะ “จะ…เจ็บ…” ไม่ต้องบอกก็รู้ เมื่อเขาเหลือบสายตาไปมองเบื้องล่าง ดุ้นยักษ์ที่ดุนดันเข้าออกในร่องคับแคบนั้นเปื้อนหยดน้ำสีแดงออกมาด้วย เขารู้ว่าเธอเจ็บมาก การโน้มใบหน้าลงไปจูบแลกลิ้นและกวาดกลืนเอาความหอมหวานในโพรงปากงามนั้นอาจจะช่วยบรรเทาความเจ็บของเธอลงบ้างเสียงกระทบกันของอวัยวะกึ่งกลางลำตัวคนทั้งสองดังเป็นจังหวะ หลังจากที่ชายหนุ่มค่อยๆ ขยับเขยื้อนบั้นท้ายเข้าออกช้าๆ ให้คนใต้ร่างได้ทำความเคยชินกับการมีดุ้นยักษ์อยู่ในลำตัว“โอว…เสียว…” แม่งเสียวเหลือเกิน ของเธอมันทั้งแน่น บีบรัดท่อนความเป็นชายของเขาจนมันแทบจะแตกเสียแล้ว ทั้งที่เพิ่งเข้าไปไม่นานหญิงสาวจิกเล็บที่แผ่นหลังกว้าง ทั้งเกร็งทั้งเจ็บ ไม่ว่าเขาจะทำเบาๆ หรือช้าๆ
“ทำไมวันนี้มาสาย!” เสียงแหลมของจิราภาเอ่ยทักคนที่วิ่งกระหืดกระหอบแทบไม่ลืมหูลืมตาเข้ามาในร้านกาแฟก่อนที่จะรีบถอดเสื้อคลุมตัวโคร่งออกเหลือแต่ชุดฟอร์มของทางร้านพลางจัดการทรงผมฟูฟ่องหลังจากที่เพิ่งลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์ แต่จะว่าไป แม้เธอไม่ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์มาสภาพทรงผมที่หยิกฟูนั้นก็แทบจะไม่ต่างจากเดิมอยู่แล้วร่างบอบบางขยับแว่นตาหนาเตอะบนหน้าตัวเองให้เข้าที่ ผ่อนลมหายใจให้คงที่แล้วหันมามองหน้าเพื่อนสนิทที่เอ่ยทักเมื่อสักครู่“ตื่นสาย” เอ่ยเท่านั้นก็ไปประจำตำแหน่งที่หน้าเคาเตอร์กาแฟและทำเป็นจัดแจงโน่นนี่ตามปกติหน้าที่ “ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมึงตื่นสาย” จิราภายังคงกระเซ้าเย้าแหย่อย่างสนอกสนใจ แต่เพื่อนสาวกลับไม่สนใจ ง่วนอยู่กับเครื่องทำกาแฟตรงหน้า โชคดีในวันที่เธอมาสายไปเกือบครึ่งชั่วโมงนั้นเพิ่งมีลูกค้ามาประเดิมคนแรก ภายในร้านจึงไม่ค่อยชุลมุนวุ่นวายสักเท่าไร ถ้าหากเธอมาสายในวันที่ลูกค้าเยอะ คงโดนยัยเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เรียนอนุบาลด่าหูแหก“เมื่อคืนกลับดึกเหรอ” จิราภาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนมีงานปาร์ตี้เพื่อนเก่าสมัยมัธยม แต่เธอไม่ได้ไปด้วยเพราะไม่สบาย“ปละ…เปล่า”“อ้าว กูคิดว่ามึง
“หาววว…ซี๊ด” ร่างบอบบางหาวปากกว้างอย่างลืมตัว นึกขึ้นได้ก็ต้องร้องซี๊ดด้วยความเจ็บที่ริมฝีปากเนื่องจากโดนขบจนเกิดแผลเล็กๆ ที่หากไม่สังเกตดีๆ ก็ไม่เห็นถึงความผิดปกติ อีกทั้งความเจ็บที่กลางกายก็ยังคงระบมอยู่ จะก้าวแต่ละทีสะท้านสะเทือนไปทั้งตัวโดนเปิดซิงมันเป็นอย่างนี้เองสินะ ไม่ได้เจ็บแค่ตอนอยู่บนเตียง แต่ยังคงเจ็บหลังจากนั้นอีกไม่รู้นานแค่ไหนอีกทั้งตอนนี้รู้สึกตัวรุมๆ คล้ายกับจะเป็นไข้ หัวก็ปวดตั้งแต่ตอนบ่ายยังไม่หาย กะว่าพอถึงร้านมินิมาร์ทที่ทำงานพาร์ททามในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้จะอัดยาพาราสักสองเม็ด “อ้าวนุ่มนิ่ม มาแล้วเหรอ สภาพยังกะศพเดินได้ นี่แกป่วยหรือเปล่าเนี่ย จากที่หน้าซีดอยู่แล้ว คราวนี้ยิ่งซีดกว่าไก่ต้มไหว้ตรุษจีนอีก” เจ๊แมนเจ้าของ ‘Diamond Mart’ ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กที่มีทำเลอยู่ใจกลางเมือง ติดกับบาร์และสถานบังเทิงเริงรมย์หลายแห่ง ยามกลางวันเงียบเหงาเป็นเป่าสาก ทว่ายามกลางคืนคึกคักเป็นพิเศษนริศราเดินเข้ามาก็โดนเจ๊แมนทักปนจิกกัดตามประสาสาวประเภทสอง หรือที่มักจะเรียกตัวเองว่า ‘แม่กะเทย’ หยอกล้ออย่างนี้เป็นประจำ เจ๊แมนเป็นสาวในร่างชายตัวใหญ่ยักษ์ผิวสีเข้มคล้ำ ทว่าชอบแต่งห
หลังจากที่เปลี่ยนกะกับพี่อีกคนที่เข้ามารับช่วงต่อในเวลาเที่ยงคืน นริศราเข้าไปเปลี่ยนชุดฟอร์มของทางร้านออกก่อนที่จะเดินออกมานอกร้านพลางคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คันคู่ใจสายตาเหลือบไปมองฝั่งตรงข้ามของร้านสะดวกซื้ออย่างไม่ได้ตั้งใจ พลันภาพที่เห็นร่างสูงใหญ่เดินหายเข้าไปในบาร์ขนาดใหญ่ยังคงติดตรึงอยู่ภายในใจ ว่ากันว่าบาร์แห่งนี้ดังมากเพราะเจ้าของเป็นมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลจนคนมีสีไม่กล้าเข้ามายุ่งเขาเป็นใคร เป็นมาเฟียอย่างนั้นหรือ…เมื่อขับมอเตอร์ไซค์กลับมาถึงบ้านหลังขนาดกะทัดรัดก็เป็นเวลาที่พร้อมเข้านอนเลย เธอไม่มีกะจิตกะใจที่จะอาบน้ำ ปวดหัวก็ปวด เหมือนจะเป็นไข้อย่างไรอย่างนั้น ตรงกันข้ามกับผู้ที่ร่างเป็นน้องชายแต่ใจเป็นหญิงนั้นกำลังแต่งเนื้อแต่งตัวจัดเต็มจนผู้ที่เพิ่งกลับมาถึงเห็นแล้วยังตกใจ“นนท์ จะออกอีกแล้วเหรอ”“นนนี่ บอกหลายครั้งแล้วว่านนนี่ ยังจะนนๆ อยู่นั่นแหละ” ร่างผอมสูงเก้งก้างแต่จัดเต็มด้วยเสื้อผ้าหน้าผมที่ทำเอาผู้หญิงทั้งแท่งอย่างผู้เป็นพี่สาวยังอาย ด้วยโครงหน้ารูปไข่แต่งเติมสีสันจากเครื่องสำอางที่ประทินเข้าไปอย่างจัดเต็ม อีกทั้งเสื้อสายเดี่ยวสีแดงเลื่อมคลุมทับด้วยผ้าคลุมขนนกสีน้ำเงิน
‘ก็ได้ค่ะ ฉันจะลองดู’ นี่คือคำตอบของเธอที่ได้กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่เขาจะปล่อยให้เธอได้ทำงานของตัวเองไปแล้วตัวเองก็กลับมาพักผ่อนที่เพ้นท์เฮาส์คิดถึงใบหน้าสวยหวานของเธอทีไรเขาก็มักจะเผลอยิ้มออกมาทุกครั้ง ท่าจะเป็นเอามาก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นเธออีกครั้งในแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมหัวใจของเขาก็เต้นแรงไม่หยุด ให้ตายเถอะ แค่คิดถึงหัวใจก็เต้นแรงเป็นบ้านี่กูต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ขนาดรักแรกหัวใจยังไม่เต้นแรงขนาดนี้เลย นี่แก่จนเกือบจะเลยวัยมีลูกมีเมียแล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ (เกินไป พระเอกมึงอายุแค่สามสิบห้าปีเองนะ)เพิ่งจะเจอเธอไปไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ให้ตาย คิดถึงอีกแล้ว สมองเฝ้าวนเวียนคิดถึงแต่ใบหน้าสวยๆ เรือนร่างสะโอดสะองสมส่วนนั้น พลันย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องระหว่างเขาและเธอในห้องสูทโรงแรมคืนนั้นโอ้วว กูเมื่อยมืออีกแล้ว…ณ ร้านสะดวกซื้อ Diamond Mart เจ๊แมนถึงกับตกใจแทบหงายหลังตกจากเก้าอี้เมื่อเห็นหญิงสาวหน้าตาดีคนที่เข้ามาถึงก็ทำโน่นทำนี่เข้านอกออกในภายในร้านจนเขาเกือบคิดว่าเธอเป็นขโมยเสียแล้ว ใครจะไปคิดล่ะว่าลูกจ้างสุดเฉิ่มที่ได้ฉายาว่ายัยป้าหน้าจืดจะเปลี่ยนแปลงไปมากขน
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ร้านยังไม่เปิดนะคะ อีกประมาณสิบห้านาทีร้านจะเปิด ลูกค้าเข้าไปนั่งรอในร้านก่อนได้เลยค่ะ” จิราภากล่าวต้อนรับหญิงสาวสวยผู้มาใหม่โดยที่เพียงแค่เหลือบมองด้วยหางตาเท่านั้นทำเอาคนที่ไม่ได้เป็นลูกค้ายิ้มแก้มปรินริศราเดินไปที่หน้าเคาเตอร์ที่จิราภากำลังเช็ดทำความสะอาดอยู่พลางจ้องเพื่อนสาวอยู่อย่างนั้นจนจิราภารู้สึกแปลกใจเงยหน้าขึ้นมามองตรงๆ“เอ๊ะ…เฮ๊ย นุ่มนิ่ม! นี่มึงเองเหรอ อุ๊บ๊ะ ทำไมสวยอย่างนี้” จิราภาเอื้อมมือไปแตะใบหน้าสวยหวานที่เปลี่ยนแปลงไปจนแทบจำไม่ได้ของเพื่อนสาว ดวงตาลุกวาวเป็นประกายอย่างตื่นเต้นและแปลกใจ “ใช่ กูเองนี่แหละ นุ่มนิ่มคนดีคนเดิมแต่เพิ่มเติมสวยขึ้นเป็นกอง มึงว่ากูสวยขึ้นพอจะเอาไปตบหน้าอีนพกับแพรวได้หรือยัง”“ได้แล้ว ยิ่งกว่าเอาไปตบหน้าพวกมันอีก กูว่าตอนนี้มึงสวยกว่าพริตตี้พีอาร์อะไรพวกนั้นอีกนะ นี่มึงไปทำอะไรมาเนี่ย ทำไมหายไปแค่สองวันแต่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ดูสิ ผมก็ไม่ฟูแล้ว แว่นหนาๆ ก็ไม่มี” ว่าพลางแตะใบหน้าสวยๆ ของเพื่อนพลางเบี่ยงดูข้างซ้ายทีข้างขวาทีอย่างชื่นชมขนาดแต่งหน้ายังไม่เป็นนะเนี่ย ก็เลยแค่แต่งๆ เติมๆ นิดหน่อยแบบเพลย์เซฟเพราะกลัวโป๊ะ แต่มั
“ผมก็ทำแล้ว ตาก็ทำแล้ว ผิวหน้าก็ทำแล้ว ทำอะไรอีกดีน๊า…” เมื่อเช้าซินดี้พาเธอไปทำเลสิคมา ในที่สุดก็ยอมทำแม้จะแพงแต่ก็เพื่อความสวยเต็มรูปแบบ“ไม่รู้สิ” นริศราตอบซื่อๆ“เธออยากทำอะไรกับหน้าตัวเองหรือเปล่านุ่มนิ่ม ฉันแนะนำได้นะ ฉันก็ไม่รู้ว่าเธออยากทำไหม”นริศราส่ายหัว เรื่องความสวยความงามน่ะเธอไม่รู้เรื่องเลยสักอย่าง แค่ซินดี้พาเข้าคลินิกความงามเมื่อวานก็ถือว่าเปิดประสบการณ์ครั้งแรกแล้ว ไม่รู้หมอเอาอะไรมาฉีดหน้า เห็นเขาบอกว่าเป็นวิตามิน แต่เธอก็รู้สึกเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ หน้ามันดูใสและตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังรู้สึกว่าที่ผ่านมาใช้ครีมบำรุงนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเท่ากับเข้าคลินิกเพียงแค่ครั้งเดียวเลย“อยากฉีดฟิลเลอร์ไหม อย่างที่พวกสาวๆ เขาชอบฉีดที่ปากกัน มันจะได้อวบอิ่มขึ้น แต่เธอก็ปากสวยอยู่แล้ว อวบอิ่มแล้วก็แดงเป็นธรรมชาติดี” เดิมทีแล้วนริศราเป็นคนผิวขาว ปากก็เลยแดงเป็นธรรมชาติอีกทั้งยังอวบอิ่มแบบที่ไม่ต้องพึ่งฟิลเลอร์“เธอเห็นว่าอะไรดีฉันก็ว่าตามแหละ แนะนำฉันหน่อย ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเท่าเธอหรอก”“อืม…ฉันว่าโดยรวมหน้าเธอสวยมากแล้ว แค่ฝึกแต่งหน้าบ่อยๆ ก็พอแล้วล่ะ มานี่ ฉันจะพาเ
“เป็นอะไรวะ นุ่มนิ่ม เห็นดูเหม่อๆ ตั้งแต่เช้าแล้ว มึงมีอะไรในใจหรือเปล่าวะ ถ้ายังมัวแต่คิดเรื่องเมื่อวานที่โดนอีสองตัวมันมาป่วนอยู่อ่ะ มึงเลิกคิดได้แล้ว ไปให้ค่ากับพวกมันทำไม พวกประสาทแดกอย่างนั้น” จิราภาว่าพลางเบ้ปากมองบน คิดถึงพฤติกรรมแย่ๆ ของแพรวาและนพเมื่อวานแล้วก็ยังเจ็บใจไม่หาย เสียดายเมื่อวานนี้น่าจะด่าพวกมันไปเยอะๆ เอาให้สะใจมากกว่านี้“เจน”“ฮะ ว่าไง” จิราเงยหน้าขึ้นจากเครื่องทำกาแฟ มองเพื่อนที่ตาลอยไม่มีชีวิตชีวา“กูแม่งทุเรศขนาดนั้นเลยเหรอวะ” หลังจากเกิดเรื่องที่กระทบจิตใจทั้งตอนบ่ายและเมื่อคืนที่ผ่านมา เธอก็นอนคิดไปคิดมาทั้งคืนจนนอนไม่หลับ คำพูดของคนเหล่านั้นต่างหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับฝันร้ายที่ไม่สามารถสลัดออกไปได้“ทุรงทุเรศอะไร เฮ๊ย นี่มึงเก็บคำพูดของอีสองคนนั้นไปคิดเหรอ กูบอกแล้วไงว่าอย่าไปให้ค่าพวกมัน…” จิราภายังพูดไม่จบก็โดนเพื่อนสวนทันที“ก็มันไม่ได้มีแค่สองคนนั้นน่ะสิ” “เอ๊ะ…”“ใช่ กูโดนคนอื่นบูลลี่ ว่าไม่สวย ขี้เหร่ เป็นอีป้าหน้าจืด เมื่อก่อนกูก็อยู่ของฉันดีๆ แต่ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้มีแต่คนมายุ่งกับกู มาดูถูก บูลลี่สารพัด กูก็เลย…แค่เสียใจ”“ใครมันมาบูลลี่มึงอ
“อีป้าหน้าจืดเนี่ยนะ เมียคุณเจย์เดน มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ แค่เห็นหน้าก็อยากจะหัวเราะให้ฟันหัก มีดีตรงไหนวะ เฉิ่มชะมัด” “ใช่ ห้อยหลวงปู่มั่นเต็มคอก็ไม่ช่วยให้เขาชายตาแลหรอก อย่างดีก็เป็นแค่ขี้ฝุ่นในเล็บตีนเขาเท่านั้นแหละ” เรื่องของนริศราถูกเม้าท์มอยกันให้แซดในหมู่พีอาร์ ต่างใส่สีตีข่าวต่างๆ นาๆ จนกลายเป็นว่านริศราเป็นฝ่ายถูกยำเละไม่มีชิ้นดี “เออ ไม่มีใครสวยเท่าแม่มึงแล้วค่ะ” นริศราจีบปากจีบคอด่าพลางกลอกตามองบนใส่พีอาร์สาวสวยสองคนที่นินทาเธอระยะเผาขนอย่างหาได้แคร์ไม่ พวกมันกล้าด่าเธอขนาดนี้ มีหรือจะก้มหน้าก้มตายอมโดนด่าฟรี ถึงเธอจะเฉิ่มเชยเหมือนป้าอย่างที่โดนว่าก็ตาม แต่เธอก็เป็นคนเหมือนกัน แรงมาก็แรงกลับ ปาก้อนหินมาเธอก็จะปาขี้หมากลับเหมือนกัน! “มันด่ากลับว่ะลิลลี่ มึงเข้าไปจัดการมันเลยสิ” นีน่า พีอาร์สาวพยายามดันเพื่อนสาวตัวเองเข้าไปหาพนักงานสาวในร้านมินิมาร์ทที่พวกเธอข้ามถนนกันมาดูให้เห็นกับตาตัวเองว่าผู้หญิงที่ถูกพูดถึงว่าเป็นเมียของเจย์เดนเป็นอย่างไร แล้วก็อย่างที่เห็น หลายคนดูถูกเธอสารพัด แอบนินทาและพากันหัวเราะเยาะจนเธอทนไม่ไหว เลยต้องตอกกลับไปบ้างอย่างเหลืออด “ทำไมแมลงหวี่พ
ณ เพ้นท์เฮาส์สุดหรูหราที่มองทิวทัศน์เมืองกรุงได้ทั่วทุกมุม ร่างสูงใหญ่ยืนสูบบุหรี่ที่ระเบียงพลางสูดอากาศที่มีลมพัดมาสัมผัสกายเบาๆ ด้านหลังเป็นบอดี้การ์ดมือขวาที่กำลังรายงานเรื่องที่ผู้เป็นนายให้ไปตามสืบมา“อะไรนะ ไอ้นั่นมันเพิ่งเลิกกับแฟนที่คบกันมาเป็นสิบๆ ปีอย่างนั้นเหรอ”“ครับ คืนนั้นที่มันไปออกเดทกับเธอ มันขอคบกับเธอครับ” ครามรายงานตามที่ตัวเองได้ข้อมูลมาหลังจากที่ตามสืบเรื่องนี้มาเป็นอาทิตย์ และวันนี้ที่คาเฟ่ก็ได้ทราบอะไรหลายๆ อย่างหลังจากที่ทำเนียนแฝงตัวในหมู่ลูกค้าในคาเฟ่และเก็บรายละเอียดทุกอย่างจนได้มารายงานให้กับเจย์เดนฟังในขณะนี้“แล้วยังไงต่อวะ” เจย์เดนก็พอจะรู้แล้วแหละว่าชายหญิงสองคนไปออกเดทที่ร้านอาหารในบรรยากาศโรแมนติกแบบนั้นก็คงต้องมีอะไรเทือกนั้นอยู่แล้ว ถามไปก็รู้สึกหึงไปด้วย แต่ทำอะไรไม่ได้ก็อัดบุหรี่เข้าปอดไปฟอดใหญ่“วันนี้มันมาหาเธอที่คาเฟ่ที่เธอทำงานอยู่ครับ แฟนเก่าของมันตามมันมาดูหน้าเธอตอนที่เธอ…เอ่อ…ไม่สวยครับ” ครามก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่สุดท้ายก็คิดไม่ออกจึงกล่าวคำว่า ‘ไม่สวย’ ออกไปอย่างนั้นพลางแอบลอบมองปฏิริยาของเจย์เดนก็พบว่าเขาทำเสียงฟึดฟัดขึ้นจมูกอย่างไม่
“นุ่มนิ่ม วันนี้พี่ไปกินข้าวแล้วผ่านร้านลอดช่องร้านประจำของแม่พี่ พี่เลยซื้อมาฝาก อร่อยมากเลยนะ การันตีด้วยการที่แม่พี่เป็นลูกค้าประจำ เจนด้วยนะ เอาไปคนละถุงสิ” ศรัณญูวางถงขนมไว้ที่ด้านข้างเคาเตอร์ที่นริศราและจิราภายืนประจำตำแหน่งอยู่ สายตาของเขามองเพียงแค่นริศราคนเดียวเท่านั้น หาได้ชายตาแลหญิงสาวอีกคนไม่“ขอบคุณนะคะพี่ยู” นริศรายิ้มให้ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องทำงานด้านในอย่างขวยเขินศรัณญูรูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณขาวสะอาด ดวงตาเล็กชั้นเดียวเพราะมีเชื้อสายจีน เวลายิ้มทีไรหน้าแดงซ่านตาหยีแทบไม่เห็นลูกตา แต่กระนั้นก็น่ารักมาก สถานะยังโสดและมักจะโดนลูกค้าในร้านเต๊าะอยู่เป็นประจำหากเขาออกมาหน้าร้าน ครั้งหนึ่งเคยมีสาวสวยมานั่งเฝ้าตามจีบเขาถึงในร้าน เทียวไล้เทียวขื่อทว่าชายหนุ่มขี้อายและสุดท้ายก็ปฏิเสธเธอไปเพราะไม่ชอบผู้หญิงเข้าหาก่อน“ยิ้มอะไรอีเจน” จิราภายิ้มยั่วเย้าใส่นริศราตั้งแต่เห็นศรัณญูเดินเข้ามาในร้านแล้ว“มึงเห็นยัง”“อะไรของมึง” นริศราขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจพลางเดินไปเดินมาที่หน้าเคาเตอร์อย่างไม่นึกอยากจะสนใจคำพูดของเพื่อนสาวมากนัก“ก็พี่ยูไง”“พี่ยูทำไมล่ะ”“เขาจีบมึงชัวร์” สิ้น
นริศราตื่นแต่เช้า อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็เลือกชุดเดรสแบรนด์เนมชุดหนึ่งที่ดูสวยน่ารักเหมาะกับใส่ในวันสบายๆ ทว่ารู้สึกไม่ค่อยชินกับเสื้อผ้าพวกนี้อยู่ดีเพราะปกติแล้วจะสวมแต่เสื้อผ้าที่ซื้อได้ทั่วไปตามตลาดนัด ราคาไม่กี่ร้อยบาทสภาพผมของเธอตอนนี้กลับมาฟูยุ่งเหยิงเหมือนเดิมหลังจากที่สระและไดร์เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งเมื่อเปิดดูเครื่องสำอางที่ได้มาจากเมื่อคืนก็ปิดกลับเพราะมันเยอะเหลือเกินจนไม่รู้จะแต่งอะไร ของพวกนี้ราคาแพง เธอไม่อยากรับไว้หรอก เดี๋ยวซินดี้กลับมาจะคืนให้เพราะอาชีพอย่างซินดี้คงต้องใช้เครื่องสำอางอยู่แล้วแต่สำหรับเธอนั้นคิดว่าไม่จำเป็นอะไรเธอรู้สึกเกรงใจเสียมากกว่า อีกทั้งสื้อผ้าและสกินแคร์บางตัวที่ี่ยังไม่ได้ใช้ก็จะคืนซินดี้ให้หมด เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นในเวลาเจ็ดโมงเช้า เธอลุกขึ้นเดินไปเปิดออกทันทีด้วยความงุนงง ก็ไหนซินดี้บอกว่าจะออกมารับสายๆ เพราะจะขอนอนก่อนทว่าพอเปิดออกมากลับไม่ใช่คนที่คิดไว้ แต่กลับเป็นร่างสูงโปร่งของบุรุษชุดดำเช่นเมื่อคืนที่เอาของมาส่ง เขาก้มหน้าก้มตายื่นของให้กับเธออย่างไม่พูดไม่จาอะไรแล้วรีบหันหลังให้ทันที“เดี๋ยวก่อน นี่อะไรคะ” อยู่ๆ ก็เอาอะไรมาให้ก็ไ
กว่านริศราจะหาทางออกมาจากตึกนั้นได้ก็ทำเอาเพลียจนแทบจับไข้ แต่พอลงมาได้ก็ไม่รู้จะเอายังไงต่อในเวลาเกือบตีสองอย่างนี้ โชคดีที่ซินดี้โทรมาได้ตรงจังหวะพอดีจึงขอความช่วยเหลือ“นี่คอนโดของเธอเหรอ หรูจังเลย” นริศราเข้ามาในคอนโดที่ซินดี้พาเข้ามาพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น ถ้าซินดี้มีคอนโดที่ทั้งหรูและใหญ่โตขนาดนี้ เชื่อแล้วแหละว่าการที่เธอจะรับผิดชอบเรื่องแว่นและมอเตอร์ไซค์ให้นั้นไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงอะไร จะว่าไปแล้วอาชีพพีอาร์นี่มันเงินดีอย่างที่คนอื่นๆ ว่ากันก็ดูจะจริงนะเนี่ย“ตามสบายเลยนะนุ่มนิ่ม” “ที่นี่กว้างจัง คงแพงน่าดูเลย” คอนโดย่านใจกลางเมืองที่มีห้องนอนสองห้อง ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น อีกทั้งยังมีห้องครัวแยกเป็นสัดส่วน ทุกอย่างภายในห้องถูกบลิ้วอินเข้ากันเป็นอย่างดี เธอตามซินดี้ลงไปนั่งที่โซฟากลางห้องนั่งเล่น ขณะที่เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าซินดี้จ้องมองเธอไม่วางตาราวกับไม่เคยพบเคยเจอกันมาก่อน ลืมไป คราวที่แล้วที่เจอกันนั้นเธอยังเป็นอีเพิ้งอยู่เลย แต่ตอนนี้คงจะแตกต่างจากตอนนั้นมากไปหน่อยซินดี้เลยจ้องไม่หยุดอย่างนี้“ไม่ต้องจ้องขนาดนั้นก็ได้ นี่ฉันเอง นุ่มนิ่มคนเดิม”“เหรอ