“อื้ม..”
ร่างขาวผ่องเล็กกะทัดรัด ที่มีผ้าห่มคลุมไว้อย่างหมิ่นเหม่ขยับกายอย่างเกียจคร้าน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเพราะแสบตาจากแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา นึกสงสัยว่าปื๊ดมันเปิดหน้าต่างทำไม เธอยังนอนไม่อิ่มเลย
“ปื๊ด ทำไมไม่ปิดหน้าต่าง ไปปิดเดี๋ยวนี้ ข้าจะนอน”
เสียงแหบแห้งร้องสั่งน้องชาย ที่ปกติมักจะปูฟูกนอนข้างเตียงและตื่นก่อนเสมอ
ผ่านไปสักพักหน้าต่างก็ยังไม่ถูกปิดลง ไม่มีแม้แต่เสียงขยับกายจากคนที่นอนร่วมห้อง ทำให้คนที่นอนไม่เต็มอิ่มเริ่มหงุดหงิด
“ไอ้ปื๊ด!”
“อืม”
“บอกให้ไปปิดหน้าต่าง!”
“ปิดเองสิ”
เสียงของปื๊ดใกล้ใบหูจนรู้สึกจั๊กกะจี้ ไม่ทันได้ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมคนที่มีศักดิ์เป็นน้องชายถึงได้ขึ้นมานอนข้าง ๆ กัน เอวคอดก็ถูกรวบกอดแนบแน่น
“เฮ้ย!!!”
ผลั่ก!
โครม!!
“อั่ก!”
ร่างน้อยผุดลุกขึ้นนั่ง ขาเรียวกระตุกไปก่อนความคิด ฝ่าเท้าเล็ก ๆ กระทุ้งถีบคนที่บังอาจขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกัน ทั้งยังบังอาจมาโอบกอดอย่างอุกอาจด้วยความโมโห
“ขึ้นมานอนเตียงข้าทำไมวะไอ้ปื๊ด!!” ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อรู้สึกถึงความวูบโหวงแปลก ๆ เมื่อก้มมองดูก็รู้ถึงสาเหตุว่าทำไม.. "ไอ้ปื๊ด.. นะ นี่ นี่เอ็ง..”
หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ ความผิดหวังจู่โจมเข้ามาจนขอบตาร้อนผ่าว ทำไมเธอถึงมาอยู่ในสภาพนี้ได้ สภาพที่ไม่เหลือเสื้อผ้าติดกายแม้แต่ชิ้นเดียว
ไม่ใช่แค่ร่างกายที่เปลือยเปล่า แต่ระหว่างขายังรู้สึกถึงความชื้นแฉะและความเจ็บเสียดที่ไม่ควรมี ร่างกายปวดร้าวไปทั้งตัว อ่อนล้ายิ่งกว่าตอนที่ฝึกขี่ม้ากับพี่ช้างครั้งแรก
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เอ็ง เอ็งทำแบบนี้ได้ยังไง..”
น้ำเสียงที่แข็งกระด้างอ่อนแรงและสั่นพร่า ความไว้วางใจว่ามันคือน้องชายยิ่งทำให้รู้สึกเสียใจเป็นพันเท่า ใครจะคิดว่าน้องที่มีท่าทางตุ้งติ้งและไม่ชอบผู้หญิงจะทำแบบนี้ได้ลง เธอไม่เคยหวาดระแวงหรือระวังตัวแม้แต่ครั้งเดียวเพราะไว้วางใจ แต่ผู้ชาย.. ยังไงก็คือผู้ชาย
ฉวยโอกาส สารเลว
“ใคร..” เสียงแหบพร่าจากข้างเตียงดังขึ้น ก่อนที่ท่อนแขนสีแทนจะยกขึ้นเกาะขอบเตียงไว้ “ใครคือปื๊ด”
หนูนาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ จะไม่ให้เธอตกใจได้ยังไง ในเมื่อไอ้ปื๊ดมันไม่ได้มีผิวสีแทนแบบนี้ อีกอย่าง.. แขนของมันก็เล็กเรียวไม่ต่างจากผู้หญิง ไม่ได้ใหญ่และมีกล้ามแน่น ๆ แบบนี้
ไม่ใช่ไอ้ปื๊ด แล้วใคร
หนูกระชับผ้าห่มขึ้นปิดบังเรือนกายจนมิดชิด ก่อนจะค่อย ๆ ชะโงกหน้าไปที่ข้างเตียงด้วยหัวใจเต้นกระหน่ำ
ตึก ตึก ตึก ตึก
ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าคุ้นเคยชัดเต็มสองตา หัวใจที่เต้นแรงก็พลันเต้นช้าลง หนูนาภาวนาให้มันหยุดเต้นได้ยิ่งดี เพราะถ้าหากนี่ไม่ใช่ความฝัน เธอขอตายแล้วเกิดเป็นลูกแม่ใบบัวกับพ่อราชันใหม่อีกครั้ง และครั้งนี้เธอสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่รั้น ไม่หาเรื่องใส่ตัวเองแบบนี้
“คุณถีบผมตกเตียง รู้ใช่ไหมว่าคุณทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ”
“อะ..”
“และผมก็ไม่ใช่ปื๊ดอะไรนั่น”
ดวงตาสีสนิมสบเข้ากับดวงตาโต ที่ล้อมรอบไปด้วยแพขนตายาวเหมือนดวงตากวาง แต่เขารู้แล้วว่ามันไม่ได้น่ารักไร้เดียงสาเหมือนกวางน้อยแม้แต่นิด
“แต่เป็นคนที่คุณลากขึ้นเตียงด้วยความไม่เต็มใจ”
“อะ ไอ้..”
นิ้วเรียวชี้ใบหน้าคมคาย เธอโกรธจนควันออกหูที่อีกฝ่ายพูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้ไม่อายปาก
“ไอ้ศาลาวัดศิลา!!!”
หนูนาอยากจะกรี๊ดให้โลกแตก เธอพอจะจำได้ราง ๆ แล้วว่าทำอะไรลงไป แต่ทำไม.. ทำไมกัน
ผู้ชายมีตั้งมากมาย ทำไมต้องเป็นตำรวจด้วย!
ซวย ซวยที่สุด!
ผลั่ก!
“หนูนา เฮ้ย!”
ถ้าคิดว่าการลากตำรวจขึ้นเตียงเป็นเรื่องที่ซวยที่สุดแล้ว เหตุการณ์ตรงหน้านี้คงเรียกว่ามหาซวย ซวยแล้วซวยอีก ซวยซ้ำซวยซ้อน ซวยในซวย
“พี่หนูนา..”
“หนูนาลูก ทะ ทำไม”
“มึง! มึง ทำอะไรน้องกู!”
ผลัวะ!
ไม่ทันได้รับคำตอบ หมัดหนัก ๆ ก็ชกเข้าที่หน้าสารวัตรศิลาเต็มแรง
ช้างตามไปรัวหมัดใส่ไม่ยั้ง โดยที่สารวัตรศิลาทำแค่เพียงปัดป้องไม่ให้ช้างต่อยได้อีก
“พี่ช้างอย่า”
เสียงทุ้มหวานของปื๊ดตะโกนร้องห้ามระงม
“พี่ช้างเอาอีก แบบนั้นแหละ!”
ประสานกับเสียงเย้ว ๆ ของหนูนา
“หยุดเดี๋ยวนี้!!!”
ก่อนทุกอย่างจะหยุดลงเมื่อเสียงทรงอำนาจตะโกนก้อง ทนายราชันมองหน้าคนในห้องทีละคน ก่อนจะหยุดลงที่ใบหน้าของลูกสาว ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีซีดเผือด
“แต่งตัวให้เรียบร้อยเสียหนูนา แล้วออกมาคุยกัน”
เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น..“พี่หนูนา แอบเข้าเมืองแบบนี้ไม่กลัวแม่ใบบัวดุหรือ”“เอ๊ะ!” คนถูกถามเท้าสะเอว ตาเขียวปั๊ด “ถ้าเอ็งกลัวนักก็กลับไปไอ้ปื๊ด เสียเวลาข้า”“โธ่พี่หนูนา ปื๊ดก็แค่เป็นห่วง” ปื๊ดหัวหด ไม่กล้าต่อปากต่อคำเพราะกลัวถูกเบิ๊ดกะโหลกยุบ ไม่ก็ถูกทิ้งไว้ข้างทางหนูนาชี้หน้าน้องชายจอมขลาด ปื๊ดเกิดช้ากว่าเธอแค่ปีเดียว เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก และมีดวงหน้าหน้าอ่อนหวานเหมือนเด็กผู้หญิง หนูนาไปเจอปื๊ดถูกเด็กผู้ชายรุมรังแกเพราะรูปร่างอ้อนแอ้น เพราะความเป็นคนดีในส่วนลึกจึงช่วยมันไว้ ไม่คิดว่าเลยว่ามันจะซึ้งใจจนผันตัวมาเป็นลูกน้องเดินตามตูดต้อย ๆ แบบนี้แม่ใบบัวกับพ่อราชันเห็นเข้าก็เอ็นดู ทั้งสองรับปื๊ดเป็นลูกบุญธรรม หลังจากนั้นหนูนาก็มีน้องชายเพิ่มเข้ามา“แม่ไม่รู้หรอกถ้าเอ็งไม่บอก ป่านนี้แม่นอนไปแล้ว กว่าจะตื่นก็คงตีสี่ตีห้า เวลานั้นเอ็งกับข้าคงกลับไปนอนตีพุงแล้ว”“ปื๊ดไม่บอกหรอกจ้ะ”เพราะถ้าขืนบอก ก็คงไม่แคล้วถูกทำโทษที่หนีเที่ยวแบบนี้ แม่ใบบัวบอกเสมอว่าถ้าหากทำผิดด้วยกันก็ต้องโดนทั้งคู่ ไม่สนว่าใครเริ่มใครตาม ใครลูกในไส้ใครลูกบุญธรรม หากทำผิดจะโดนลงโทษอย่างเท่าเทียมข้อหา
เรือนหลังใหญ่เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อลูกสาวคนเล็กหายออกจากบ้านไปทั้งคืนจรดเช้า เท่านั้นไม่พอ ลูกบุญธรรมที่สนิทกับหนูนายังคลานเข่าเข้ามาหาทั้งน้ำตา แล้วสารภาพออกมาตรง ๆ ว่าเมื่อคืนทั้งคู่พากันไปเที่ยวในเมืองโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวใครและที่เลวร้ายกว่านั้น หนูนาหายตัวไปทั้ง ๆ ที่โดนยาปลุกกำหนัดจนแทบสิ้นสติ“พ่อราชันจ๋า แม่ใบบัวจ๋า พี่ช้างจ๋า ปื๊ดขอโทษ ฮือ ปื๊ดผิดไปแล้ว ฮึก ปื๊ดพยายามห้ามแล้ว แต่.. แต่ว่า ฮึก”ราชันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ลูกของเขา เขาเลี้ยงมากับมือ เหตุใดจะไม่รู้ว่าหนูนานั้นดื้อด้านเพียงใดหนูนาเป็นเด็กที่ดื้อเกินหญิง เพราะเป็นทั้งลูกสาวและลูกคนเล็กจึงถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจทั้งจากแม่และพี่ชาย ไม่ว่าจะอยากได้อะไรก็ต้องได้ ราชันเองก็ไม่กล้าต่อว่าใคร เพราะเขาเองก็ตามใจหนูนาไม่น้อย“ทำอย่างไรดี”ใบบัวสะอื้นไห้กับอกผัวโดยที่มีราชันคอยลูบหลังปลอบประโลม เธอจะไม่กังวลเลยหากหนูนามีสติครบถ้วน เพราะฝีมือการต่อยตีของลูกสาวเป็นรองเพียงลูกชายเท่านั้น แต่ในยามที่ถูกยานรกครอบงำสติ หนูนาไม่มีทางต้านทานมันได้ เธอได้แต่ภาวนาให้ลูกสาวโชคดี ไม่ถูกย่ำยีจนย่อยยับเพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง.. ใบบั
หนูนาเดินตัวลีบตามหลังแม่ต้อย ๆ ดวงหน้างดงามที่ใครเห็นเป็นต้องตกหลุมเสน่ห์ในยามนี้ดูเจี๊ยมเจี้ยมไร้ความดื้อด้านเหมือนเคย“แม่จ๋า อย่าตีน้องเลยนะ”“พ่อช้างไม่ต้องขอร้องแทนน้อง อย่างไรวันนี้หนูนาก็ต้องถูกทำโทษ”“แต่ว่า..”“พี่ช้าง ไม่เป็นไร หนูนาทำผิด คนทำผิดก็ต้องถูกตี”ราชันเบือนหน้าหนี ตัวเขานั้นไม่ใจกล้าพอให้ลงไม้ลงมือกับลูก หากทำผิดอย่างมากก็แค่ตักเตือน แต่ใบบัวนั้นไม่ใช่ ถ้าเป็นความผิดเพียงเล็กน้อยเหมือนเคย อย่างมากก็แค่ให้อดข้าวเย็นหรือไม่ก็กักบริเวณสักวันสองวัน แต่ครานี้ความผิดของหนูนาใหญ่หลวงเกินไป ใบบัวไม่อาจปล่อยให้เลยตามเลยได้“ปื๊ด ไปหยิบหวายมาให้แม่”หนุ่มน้อยเจ้าของชื่อปื๊ดน้ำตาไหลพราก ๆ ทั้งกลัวแม่ใบบัว ทั้งสงสารพี่หนูนาจับใจ โทษครั้งนี้ปื๊ดโดนกักบริเวณ และหนูนาต้องถูกตี แต่แม่ใบบัวไม่เคยลงโทษพวกเราหนักแบบนี้มาก่อน ต่อให้ดื้อด้านแค่ไหนก็ไม่เคยตีลูกสักแปะ“ตะ แต่ว่า แม่ใบบัวจ๋า”“ปื๊ด แม่บอกให้ไปหยิบหวายมาให้แม่”“แม่ใบบัว..”“ไปเถอะปื๊ด”หนูนาพยักหน้าเบา ๆ หนุ่มน้อยยกมือขึ้นปาดน้ำตาป้อย ๆ ก่อนจะคลานไปที่ห้องเก็บของ หยิบเอาหวายที่ไม่เคยถูกใช้งานเลยสักครั้งออกมา ปื๊ดยื่นหว
หนูนาเดินตัวลีบตามหลังแม่ต้อย ๆ ดวงหน้างดงามที่ใครเห็นเป็นต้องตกหลุมเสน่ห์ในยามนี้ดูเจี๊ยมเจี้ยมไร้ความดื้อด้านเหมือนเคย“แม่จ๋า อย่าตีน้องเลยนะ”“พ่อช้างไม่ต้องขอร้องแทนน้อง อย่างไรวันนี้หนูนาก็ต้องถูกทำโทษ”“แต่ว่า..”“พี่ช้าง ไม่เป็นไร หนูนาทำผิด คนทำผิดก็ต้องถูกตี”ราชันเบือนหน้าหนี ตัวเขานั้นไม่ใจกล้าพอให้ลงไม้ลงมือกับลูก หากทำผิดอย่างมากก็แค่ตักเตือน แต่ใบบัวนั้นไม่ใช่ ถ้าเป็นความผิดเพียงเล็กน้อยเหมือนเคย อย่างมากก็แค่ให้อดข้าวเย็นหรือไม่ก็กักบริเวณสักวันสองวัน แต่ครานี้ความผิดของหนูนาใหญ่หลวงเกินไป ใบบัวไม่อาจปล่อยให้เลยตามเลยได้“ปื๊ด ไปหยิบหวายมาให้แม่”หนุ่มน้อยเจ้าของชื่อปื๊ดน้ำตาไหลพราก ๆ ทั้งกลัวแม่ใบบัว ทั้งสงสารพี่หนูนาจับใจ โทษครั้งนี้ปื๊ดโดนกักบริเวณ และหนูนาต้องถูกตี แต่แม่ใบบัวไม่เคยลงโทษพวกเราหนักแบบนี้มาก่อน ต่อให้ดื้อด้านแค่ไหนก็ไม่เคยตีลูกสักแปะ“ตะ แต่ว่า แม่ใบบัวจ๋า”“ปื๊ด แม่บอกให้ไปหยิบหวายมาให้แม่”“แม่ใบบัว..”“ไปเถอะปื๊ด”หนูนาพยักหน้าเบา ๆ หนุ่มน้อยยกมือขึ้นปาดน้ำตาป้อย ๆ ก่อนจะคลานไปที่ห้องเก็บของ หยิบเอาหวายที่ไม่เคยถูกใช้งานเลยสักครั้งออกมา ปื๊ดยื่นหว
เรือนหลังใหญ่เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อลูกสาวคนเล็กหายออกจากบ้านไปทั้งคืนจรดเช้า เท่านั้นไม่พอ ลูกบุญธรรมที่สนิทกับหนูนายังคลานเข่าเข้ามาหาทั้งน้ำตา แล้วสารภาพออกมาตรง ๆ ว่าเมื่อคืนทั้งคู่พากันไปเที่ยวในเมืองโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวใครและที่เลวร้ายกว่านั้น หนูนาหายตัวไปทั้ง ๆ ที่โดนยาปลุกกำหนัดจนแทบสิ้นสติ“พ่อราชันจ๋า แม่ใบบัวจ๋า พี่ช้างจ๋า ปื๊ดขอโทษ ฮือ ปื๊ดผิดไปแล้ว ฮึก ปื๊ดพยายามห้ามแล้ว แต่.. แต่ว่า ฮึก”ราชันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ลูกของเขา เขาเลี้ยงมากับมือ เหตุใดจะไม่รู้ว่าหนูนานั้นดื้อด้านเพียงใดหนูนาเป็นเด็กที่ดื้อเกินหญิง เพราะเป็นทั้งลูกสาวและลูกคนเล็กจึงถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจทั้งจากแม่และพี่ชาย ไม่ว่าจะอยากได้อะไรก็ต้องได้ ราชันเองก็ไม่กล้าต่อว่าใคร เพราะเขาเองก็ตามใจหนูนาไม่น้อย“ทำอย่างไรดี”ใบบัวสะอื้นไห้กับอกผัวโดยที่มีราชันคอยลูบหลังปลอบประโลม เธอจะไม่กังวลเลยหากหนูนามีสติครบถ้วน เพราะฝีมือการต่อยตีของลูกสาวเป็นรองเพียงลูกชายเท่านั้น แต่ในยามที่ถูกยานรกครอบงำสติ หนูนาไม่มีทางต้านทานมันได้ เธอได้แต่ภาวนาให้ลูกสาวโชคดี ไม่ถูกย่ำยีจนย่อยยับเพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง.. ใบบั
เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น..“พี่หนูนา แอบเข้าเมืองแบบนี้ไม่กลัวแม่ใบบัวดุหรือ”“เอ๊ะ!” คนถูกถามเท้าสะเอว ตาเขียวปั๊ด “ถ้าเอ็งกลัวนักก็กลับไปไอ้ปื๊ด เสียเวลาข้า”“โธ่พี่หนูนา ปื๊ดก็แค่เป็นห่วง” ปื๊ดหัวหด ไม่กล้าต่อปากต่อคำเพราะกลัวถูกเบิ๊ดกะโหลกยุบ ไม่ก็ถูกทิ้งไว้ข้างทางหนูนาชี้หน้าน้องชายจอมขลาด ปื๊ดเกิดช้ากว่าเธอแค่ปีเดียว เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก และมีดวงหน้าหน้าอ่อนหวานเหมือนเด็กผู้หญิง หนูนาไปเจอปื๊ดถูกเด็กผู้ชายรุมรังแกเพราะรูปร่างอ้อนแอ้น เพราะความเป็นคนดีในส่วนลึกจึงช่วยมันไว้ ไม่คิดว่าเลยว่ามันจะซึ้งใจจนผันตัวมาเป็นลูกน้องเดินตามตูดต้อย ๆ แบบนี้แม่ใบบัวกับพ่อราชันเห็นเข้าก็เอ็นดู ทั้งสองรับปื๊ดเป็นลูกบุญธรรม หลังจากนั้นหนูนาก็มีน้องชายเพิ่มเข้ามา“แม่ไม่รู้หรอกถ้าเอ็งไม่บอก ป่านนี้แม่นอนไปแล้ว กว่าจะตื่นก็คงตีสี่ตีห้า เวลานั้นเอ็งกับข้าคงกลับไปนอนตีพุงแล้ว”“ปื๊ดไม่บอกหรอกจ้ะ”เพราะถ้าขืนบอก ก็คงไม่แคล้วถูกทำโทษที่หนีเที่ยวแบบนี้ แม่ใบบัวบอกเสมอว่าถ้าหากทำผิดด้วยกันก็ต้องโดนทั้งคู่ ไม่สนว่าใครเริ่มใครตาม ใครลูกในไส้ใครลูกบุญธรรม หากทำผิดจะโดนลงโทษอย่างเท่าเทียมข้อหา
“อื้ม..”ร่างขาวผ่องเล็กกะทัดรัด ที่มีผ้าห่มคลุมไว้อย่างหมิ่นเหม่ขยับกายอย่างเกียจคร้าน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเพราะแสบตาจากแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา นึกสงสัยว่าปื๊ดมันเปิดหน้าต่างทำไม เธอยังนอนไม่อิ่มเลย“ปื๊ด ทำไมไม่ปิดหน้าต่าง ไปปิดเดี๋ยวนี้ ข้าจะนอน”เสียงแหบแห้งร้องสั่งน้องชาย ที่ปกติมักจะปูฟูกนอนข้างเตียงและตื่นก่อนเสมอผ่านไปสักพักหน้าต่างก็ยังไม่ถูกปิดลง ไม่มีแม้แต่เสียงขยับกายจากคนที่นอนร่วมห้อง ทำให้คนที่นอนไม่เต็มอิ่มเริ่มหงุดหงิด“ไอ้ปื๊ด!”“อืม”“บอกให้ไปปิดหน้าต่าง!”“ปิดเองสิ”เสียงของปื๊ดใกล้ใบหูจนรู้สึกจั๊กกะจี้ ไม่ทันได้ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมคนที่มีศักดิ์เป็นน้องชายถึงได้ขึ้นมานอนข้าง ๆ กัน เอวคอดก็ถูกรวบกอดแนบแน่น“เฮ้ย!!!”ผลั่ก!โครม!!“อั่ก!”ร่างน้อยผุดลุกขึ้นนั่ง ขาเรียวกระตุกไปก่อนความคิด ฝ่าเท้าเล็ก ๆ กระทุ้งถีบคนที่บังอาจขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกัน ทั้งยังบังอาจมาโอบกอดอย่างอุกอาจด้วยความโมโห“ขึ้นมานอนเตียงข้าทำไมวะไอ้ปื๊ด!!” ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อรู้สึกถึงความวูบโหวงแปลก ๆ เมื่อก้มมองดูก็รู้ถึงสาเหตุว่าทำไม.. "ไอ้ปื๊ด.. นะ นี่ นี่เอ็ง..”หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ ความผิ