“หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูก”
ไม่ให้อภัยหรอก จะเรื่องขี้ปะติ๋วหรือเรื่องใหญ่ก็ไม่ให้อภัยทั้งนั้น
“มีชีวิตคู่ที่ยืนยาว ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร”
ใครเขาจะอยากมีชีวิตคู่ยืนยาวกับตำรวจกัน
“มีหลานให้แม่อุ้มเร็ว ๆ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองนะ”
ถ้าแม่อยากมีหลาน ไปสู่ขอพี่เอื้อให้พี่ช้างยังจะง่ายกว่า
“เจ้าสาว เอาแต่ขมุบขมิบปากไม่หยุด นินทาแม่หรือ”
“โธ่แม่จ๋า ลูกที่ไหนจะนินทาแม่” หนูนารีบประจบ ออดอ้อนจนใบบัวใจอ่อนยวบ “หนูนาแค่ขอบคุณแม่ที่อวยพรต่างหาก”
“ขอบคุณแล้วก็ฟังด้วยนะ จากนี้ไปลูกไม่ใช่เด็กสาวตัวเปล่าที่จะซุกซนเอาแต่ใจได้แล้ว ทำอะไรนึกถึงหน้าสารวัตรเขาบ้าง อย่างไรผัวเราก็เป็นถึงนายตำรวจยศสูง อย่าทำให้ผัวขายขี้หน้า”
อีกแล้ว
ทั้งย่าอ่อนและแม่ใบบัวเอาแต่ย้ำให้เธอระวังกิริยาเพราะมีผัวเป็นถึงนายตำรวจยศใหญ่ ไม่รู้จะอะไรนักหนากับยศถาบรรดาศักดิ์จอมปลอมพวกนั้น ไม่ใช่ตำรวจพวกนี้หรือที่เคยเกือบทำลายหมู่บ้านกอบัวจนไม่เหลือซาก เคยเกือบฆ่าพ่อของเธอ เคยเกือบฆ่าลุงสอง และเคยเกือบฆ่าชาวบ้านที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ตำรวจพวกนี้หรือที่ใช้อำนาจรีดไถเงินทองจากชาวบ้าน สร้างความเดือดร้อนจนพ่อเธอต้องกลายเป็นโจร ออกปล้นเพื่อช่วยเหลือคนยากจน ไม่ใช่ตำรวจพวกนี้หรือที่ทำให้ช่วงชีวิตหนึ่งของพี่ช้างไม่ได้อยู่กับพ่อ
ถึงหนูนาจะเกิดไม่ทัน แต่พ่อกับแม่ก็ไม่เคยปิดบังเรื่องนี้กับลูก ๆ พี่ช้างที่ตอนนั้นพอจะรู้ความ เคยเล่าให้เธอฟังว่าต้องทนคิดถึงพ่อมากแค่ไหน ในตอนที่พ่อราชันต้องจากครอบครัวไปไกลแสนไกลเพราะติดคุก พี่ช้างกับแม่ใบบัวต้องอยู่ด้วยกันเพียงลำพังตั้งหลายปี
ถ้าไม่มีพวกตำรวจเลว ๆ ครอบครัวของเธอคงไม่ต้องแยกจากกันแบบนี้
หนูนาเกลียดตำรวจ ตั้งแต่รู้เรื่องราวในอดีตเธอก็รังเกียจอาชีพนี้เสมอมา โดยเฉพาะพวกตำรวจยศใหญ่ ๆ ที่มักจะได้ตำแหน่งเพราะเส้นสาย เข้ามานอนกินเงินเดือนไปวัน ๆ ไม่เคยทำอะไรเพื่อราษฎรเลย
“หนูนา” ใบบัวสะกิดลูกสาวเบา ๆ “พ่อกับแม่ไปแล้วนะลูก”
หนูนาตื่นจากภวังค์ มัวแต่คิดถึงเรื่องอื่น ไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าแม่กับพ่ออวยพรว่าอะไรต่อ
รู้ตัวอีกทีทั้งสองก็ลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวออกจากห้องแล้ว
“ห๊า! ดะ เดี๋ยวสิจ๊ะ อวยพรเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“นี่ลูกไม่ได้ฟังพ่อกับแม่เลยหรือ?” ใบบัวเลิกคิ้วสูง เธอกับราชันอวยพรรวมถึงพร่ำสอนลูกสาวและลูกเขยไปตั้งเยอะ แต่ลูกสาวกลับทำหน้าทำตาเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“หนูนาเหม่อนิดหน่อยจ้ะ”
“จริง ๆ เลยลูกคนนี้”
“แม่กับพ่อพูดอีกรอบได้ไหมจ๊ะ เอาแบบยาว ๆ เลยนะ ยิ่งยาวเท่าไหร่ก็ยิ่งดี หนูนาอยากได้คำแนะนำเยอะ ๆ”
หญิงสาวร้องขอตาปริบ ๆ เธอยังไม่พร้อมจะอยู่กับศิลาตามลำพัง แม้จะเคยผ่านค่ำคืนที่ร้อนแรงมาด้วยกันแล้ว แต่ตอนนั้นสติเธอไม่คงที่ ภาพตัดไปตัดมาขาด ๆ หาย ๆ ไม่ค่อยชัดเจน ดังนั้นถ้านับจริง ๆ นี่จะเป็นคืนแรกที่เธอได้นอนร่วมห้องกับสารวัตรศิลา
“คุณน้าทั้งสองไม่ต้องพูดซ้ำหรอกครับ ผมจำได้ทุกอย่าง ไว้ผมจะบอกหนูนาเอง”
“เอาแบบนั้นหรือจ๊ะ”
“ครับ”
“แม่จ๋า แต่ว่า..”
“วันนี้คุณน้าทั้งสองเหนื่อยมามากแล้ว เราไม่ควรรบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน” สารวัตรหนุ่มเตือนเจ้าสาว จ้องตากวางที่แสนดื้อดึงอย่างไม่ยอมอ่อนให้ “ให้พวกท่านไปพักผ่อนได้แล้วหนูนา”
ใบบัวสบตาราชัน คิ้วเข้มของคู่ชีวิตขมวดแน่นเป็นปม ในขณะที่คนเป็นเมียเอาแต่แย้มยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นน้าฝากน้องด้วยนะพ่อศิลา”
“ครับ”
“พ่อจ๋า”
เมื่อรู้ว่าแม่คงช่วยอะไรไม่ได้แล้วจึงหันไปออดอ้อนพ่อแทน ราชันมีสีหน้าตึงเครียดเพราะหวงลูก อดีตจอมโจรยอมรับโดยไม่อายว่ายังทำใจไม่ได้ ลูกที่เฝ้าถนอมมาตั้งแต่ตัวแดง ๆ จะต้องออกจากอกไปอยู่กับชายอื่น จะมีชายใดดูแลลูกได้ดีเท่าพ่อคนนี้
“หนูนา..”
“ไปกันเถิดพี่ราชัน ลูก ๆ คงอยากใช้เวลาร่วมกันตามลำพังแล้ว”
“แต่ว่า..”
“พี่ราชัน กลับห้องเราเถอะนะจ๊ะ”
แม้จะรู้สึกใจหายที่ต้องปล่อยให้ลูกเป็นของชายอื่น แต่เมื่อมือน้อย ๆ เอื้อมมาจับแล้วออกแรงกระตุกเบา ๆ คนตัวใหญ่ก็ยินยอมเดินตามใบบัวไปอย่างง่ายดายเหมือนร่างกายไร้น้ำหนัก
“พ่อ แม่”
หนูนาคอตก มองตัวช่วยสุดท้ายที่เดินตามแม่ต้อย ๆ อย่างเชื่อฟัง หญิงสาวถอนหายใจอย่างปลงตก ถึงจะรักลูกมากแค่ไหน แต่หนูนาก็สู้ผู้หญิงที่ชื่อใบบัวไม่ได้อยู่ดี
ราชันยังคงคลั่งรักเมียเหมือนเดิม และเหมือนจะมากกว่าเดิมขึ้นทุกวัน
ในที่สุดห้องหอก็เหลือเพียงบ่าวสาวมือใหม่ ศิลาไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปเปล่า ๆ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วถามเสียงเรียบ
“จะอาบน้ำก่อน หรือให้ผมอาบก่อน”
“ฉันอาบก่อน เหนียวตัวจะแย่.. โอ้ย! ซี้ดดด”
เพียงแค่ขยับจะลุกขึ้นยืน ร่างเล็ก ๆ ก็เป็นอันต้องล้มลงไปนั่งท่าเดิมอย่างหมดท่า หนูนาร้องเสียงดังพร้อมกับน้ำตาที่ซึมออกมา เธอเจ็บเหมือนถูกหักขาออกเป็นสองท่อน ใบหน้าเหยเกเหมือนจะร้องไห้โฮให้ได้
“คุณไหวหรือเปล่า”
สารวัตรศิลารีบรุดเข้าไปดูอาการภรรยา ดูจากท่าทางแล้วหนูนาคงเป็นตะคริวเพราะนั่งท่าเดิมนานเกินไป เขามีประสบการณ์เรื่องนี้ดีเพราะสมัยฝึกตำรวจเป็นบ่อย
“ไหว.. โอ้ย! เจ็บ!!”
“ผมช่วย” ศิลาอาสาช่วยเหลือ แต่กลับถูกภรรยาหมาด ๆ ตวัดสายตามองเหมือนเขาเป็นต้นเหตุของตะคริวนี้
“ไม่ต้อง!” หนูนาตวาดแหว เจ็บให้ตายเธอก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากตำรวจ “นายไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกัน ฉันขอนั่งพักสักพัก”
“แต่..”
“ไปซี่!” พูดพลางบุ้ยปากไปที่ประตูห้องน้ำ “ห้องน้ำอยู่ทางนั้น เชิญ”
“อืม”
ศิลาเหนื่อยเกินจะโต้เถียงต่อ เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำของภรรยาอย่างว่าง่าย วันนี้งานถูกจัดขึ้นที่บ้านเจ้าสาว เรือนหอก็เป็นห้องนอนของเจ้าสาว พรุ่งนี้สาย ๆ พวกเขาถึงจะเดินทางเข้าตัวเมือง เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างจริงจังที่บ้านพักตำรวจของศิลา
หลังจากนี้คงมีแต่เรื่องวุ่น ๆ ไม่หยุด นี่แค่วันแรกยังขนาดนี้..
ศิลาคิดขณะที่ตักน้ำราดตัว สายน้ำสะอาดไหลผ่านร่างกายสูงใหญ่บึกบึน ที่ผ่านการฝึกมาเป็นอย่างหนักจนผิวที่เคยขาวกลายเป็นสีน้ำผึ้ง ร่างกายของสารวัตรหนุ่มเล็กกว่าช้างเพียงเล็กน้อย แต่กล้ามเนื้อดูจะมีมากกว่าเพราะทำงานหนัก หกก้อนบนหน้าท้องนี้ศิลาก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันมี แต่พอต้องซ้อมมาก ๆ เข้ามันก็ขึ้นมาเองและไม่เคยหายไปอีกเลย
มือแกร่งลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อ ไล่ตั้งแต่ช่วงลำคอ หน้าอก แขน และขา ผ่านจุดสำคัญไปก่อนจะวกกลับมาทำความสะอาดมัน
ซ่า..
หนูนาที่เริ่มเดินไหวมองบานประตูที่ปิดสนิท ได้ยินแต่เสียงตักน้ำซ่า ๆ ไม่หยุด สารวัตรเข้าไปอาบน้ำนานจนตะคริวเธอหายแล้ว แต่มันจะนานเกินไปหรือเปล่า? ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเจอผู้ชายที่อาบน้ำนานขนาดนี้มาก่อน ขนาดปื๊ดยังใช้เวลาน้อยกว่า
“เหอะ! ลูกคุณหนู” หนูนาเบะปากใส่คนที่อยู่หลังประตูบานนั้นก่อนจะเบือนหน้าหนี
หญิงสาวเดินกระย่องกระแย่งไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเอาชุดใส่นอนย้วย ๆ ตัวโปรดมาถือไว้พร้อมผ้าถุง เมื่อหันกลับมาอีกทีบานประตูห้องน้ำก็เปิดออกแล้ว
“โห”
เจ้าสาวที่ยังอยู่ในชุดเจ้าสาวเต็มยศร้องอุทาน ริมฝีปากจิ้มลิ้มห่อตัวเป็นวงกลม ดวงตากวางเบิกกว้างประกายระยิบระยับ หลุดพูดสิ่งที่คิดไว้ออกมาอย่างลืมตัว
“น่ากินมาก”
“อะไรนะ”
“ท้องนั่น..”
สารวัตรหนุ่มมองตามสายตาคู่นั้นด้วยความไม่เข้าใจ หนูนากำลังให้ความสนใจหน้าท้องที่เปลือยเปล่าและเต็มไปด้วยหยาดน้ำของเขา
แต่หน้าท้องเขามีอะไร? หรือเธอกำลังหวาดกลัวร่องรอยแผลเป็นที่เขามี ก็เขาเป็นตำรวจ ทั้งยังลงพื้นที่กับลูกน้องทุกครั้ง ก็ต้องมีบาดเจ็บบ้างเป็นเรื่องปกติ
แต่หนูนาไม่ได้สนใจรอยแผลเป็นหลายต่อหลายจุดนั่น เธอมัวแต่มองก้อนกล้ามเนื้อที่เห็นชัดเจนของสารวัตรหนุ่ม พลางคิดว่ามันจะแข็งสู้มือแค่ไหนถ้าได้จับ..
“คุณ”
“..อะไร”
“น้ำลายคุณยืด”
“ห๊า!”
หญิงสาวรีบยกมือขึ้นเช็ดมุมปาก ให้ตาย.. เธอกำลังน้ำลายยืดจริง ๆ ด้วย
“คุณเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า”
“เปล๊า! ฉันแค่ร้อน” มันเป็นคำแก้ตัวที่แย่ที่สุดในชีวิต แต่เธอคิดอะไรไม่ออกแล้ว “มันร้อน ใช่! ฉันร้อนมาก ฉันอยากอาบน้ำจนน้ำลายไหลเลยเนี่ย นายนั่นแหละอาบน้ำชักช้า”
น่าอาย น่าอายที่สุด
หนูนาก่นด่าตัวเองในใจ เก็บอาการหน่อยสิ ถึงหุ่นสารวัตรจะน่ากินมากแค่ไหน แต่นั่นตำรวจนะ.. ตำรวจที่เธอเกลียดนักหนา เธอไม่ควรอยากกินคนที่ตัวเองเกลียดสิ อันที่จริงไม่ควรมองด้วยซ้ำ!
แต่สารวัตรศิลาเป็นผัว เป็นผัวเมียกันแล้ว เธอก็มีสิทธิ์มองไม่ใช่หรือ?
อีกเสียงในใจแย้งขึ้นทันที หนูนาสะบัดหัวแรง ๆ แล้วรีบเดินไปที่ห้องน้ำ หวังว่าอาบน้ำแล้วจะช่วยให้ความคิดบ้าบอพวกนี้หายไปได้
แปะ..
“คุณ!?”
“อะ อ๋อ ยุง ฉันตบยุงให้น่ะ” หนูนายกมือที่ว่างเปล่าขึ้นโบกให้อีกคนดู “ฉันไปอาบน้ำละ”
พูดจบก็รีบเผ่นเข้าห้องน้ำทันที เธอลูบอกตัวเองให้ใจเย็นลง เมื่อครู่เธอใจร้อนจนเผลอเอามือไปจับก้อนกล้ามเนื้อหน้าท้องสารวัตรเข้า ดีนะที่อ้างได้ว่าตบยุง
แต่พอจับแล้วรู้สึกดีจัง ดีกว่าที่คิดไว้อีก
“ฉันไม่ผิดนะ ใครใช้ให้หุ่นน่ากินเล่า”
มิน่า.. คืนนั้นเราถึงได้ทำกันตั้งสี่รอบ หนูนาเริ่มจำได้ลาง ๆ แล้วว่าสารวัตรศิลาเด็ดดวงแค่ไหน หุ่นล่ำกำยำ แถมยังรุนแรงดุเดือดถึงใจ ทั้งอึดทั้งแข็งแรง ทำตั้งสี่รอบแต่ยังไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนให้เห็นเลย เธอเสียอีกที่ทนไม่ไหวหลับตาอกเขาก่อน
อยากทำแบบนั้นอีก ตอนนี้เป็นผัวเมียกันแล้วจะทำเยอะแค่ไหนก็ได้
ตอนแรกเธอมีปณิธานแน่วแน่ว่าจะไม่ให้ตำรวจคนนั้นแตะต้องร่างกายได้อีก ตั้งใจว่าจะต่างคนต่างอยู่ไม่ข้องเกี่ยวกันจนถึงวันหย่า แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนใจแล้ว ในเมื่อแต่งงานกันแล้วก็ต้องได้กิน ใช่ว่าไม่เคยเสียเมื่อไหร่ ของมันเคย ๆ กันแล้ว หวงตัวไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้หาความสุขซาบซ่านใส่ตัวดีกว่า
เริ่มจากคืนนี้เลยก็แล้วกัน
.
.
ทุเรศ!
ไอ้ตำรวจทุเรศ!!
หนูนาเดินกระแทกเท้าไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ดวงตากวางมองคนที่นอนหลับไปแล้วผ่านกระจกอย่างเคียดแค้น เธอทั้งโกรธทั้งโมโห อยากจะจับมาเขย่า ๆ แล้วถามว่ากล้าดียังไง
กล้าดียังไงมาหลับก่อนกันแบบนี้! นี่มันคืนเข้าหอนะ!
“หึ้ย! ไม่ได้เรื่อง”
หนูนาป้ายครีมลงผิวหน้าแรง ๆ มุมของโต๊ะเครื่องแป้งทำให้เห็นคนที่นอนหันหลังให้ชัดเจน ยิ่งเห็นก็ยิ่งเคือง มีอย่างที่ไหนมาหลับในคืนแต่งงานแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหลับเดินยั่วอวดหุ่นให้เธอน้ำลายหกแบบนั้น
ยั่วให้อยากแล้วก็จากไป เธอบอกแล้วว่าตำรวจมันนิสัยแย่ทุกคน!
หนูนาทิ้งตัวลงบนเตียงแรง ๆ หวังว่าสารวัตรจะตื่น แต่เขากลับนอนนิ่งเหมือนตาย หลับลึกแบบนี้เป็นตำรวจได้ยังไง
“หรือตายแล้วจริง ๆ”
คนตัวเล็กกว่าตวัดขาขึ้นคร่อม ปีนป่ายจนร่างกายไหลลงอีกข้างของที่นอนฝั่งที่ศิลาหันตัวไป ใช้มืออังจมูกเพราะกลัวว่าศิลาจะตายแล้วจริง ๆ
ตายที่ไหนไม่ว่า แต่อย่ามาตายที่นี่ เธอไม่ถูกกับผีเท่าไหร่
“ก็ยังหายใจนี่”
เพื่อความมั่นใจต้องฟังเสียงหัวใจเต้นด้วย หัวกลมขยับเข้าไปใกล้แผ่นอกกว้างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจดังตึกตักเบา ๆ หนูนาขมวดคิ้วงุนงง ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เสียงหัวใจของสารวัตรมันเต้นเร็วแปลก ๆ
“มีปัญหาสุขภาพหรือเปล่าเนี่ยศาลาวัด ไม่สิ.. คนมีปัญหาสุขภาพที่ไหนจะดุขนาดนั้น”
พอหนูนาหยุดพูด ทุกอย่างก็กลับไปเงียบสงัดตามเดิม มีแค่เสียงลมหายใจที่ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังหายใจอยู่จริง ๆ
“เฮ้อ นึกแล้วก็เสียดาย วันนี้อดกินเลย”
พูดจบคนที่เหนื่อยมาทั้งวันก็หาววอดใหญ่ จากนั้นก็ขยับขึ้นคร่อมคนหลับไปแล้วอีกครั้งเพื่อปีนกลับที่เดิม
ไฟในห้องดับลง คนที่หวังจะกินคนอื่นแต่ไม่ดูสังขารตัวเองหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอนเพราะความเหนื่อย ต่างจากอีกคนที่ลืมตาโพลงในความมืด
ขาหนัก ๆ ยกขึ้นก่ายเหมือนศิลาเป็นหมอนข้าง ชายหนุ่มค่อย ๆ พลิกตัวกลับไปมอง ดวงหน้าสวยหวานในความมืดยังคงสวยโดดเด่นเหมือนเคย ดวงตากวางปิดลงเหลือเพียงเปลือกตาสีน้ำนม และขนตางอนยาวที่ทาบไปกับแก้มนุ่ม
“ตัวแสบ”
เหมาะแล้วที่เขาเรียกว่าตัวแสบ หนูนาเป็นคนที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลย นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ นึกอยากจะคร่อมก็คร่อม ไม่รู้หรือว่ามันอันตราย
“พอหลับแบบนี้แล้วนิสัยค่อยเข้ากับหน้าหน่อย”
ศิลายิ้มบาง ๆ เป็นรอยยิ้มที่ถ้าลูกน้องมาเห็นคงตกใจ สารวัตรศิลาผู้ยิ้มยากกำลังยิ้มให้ภรรยาตัวเองที่หลับปุ๋ยเหมือนเด็ก ๆ
“แจ๊บ ๆ”
“ขนาดนอนยังน้ำลายไหล”
“งืม”
“ยิ้มด้วย?”
ศิลานึกสงสัยว่าภรรยาของเขากำลังฝันถึงเรื่องอะไร ความฝันแบบไหนที่ทำให้ทั้งน้ำลายยืด ทั้งยิ้มออกมาแบบนี้
“แจ๊บ ๆ ศาลาวัด งืมม”
“ครับ เรียกผมทำไม”
“อยากกิน”
“หืม อยากกินอะไร ไว้ผมจะให้แม่บ้านเตรียมไว้ต้อนรับคุณพรุ่งนี้”
นายตำรวจคุยกับภรรยาเป็นตุเป็นตะ เขาคิดว่าหนูนาตื่นแล้ว แม้ดวงตาทั้งสองข้างยังปิดสนิทแต่พูดคุยกันรู้เรื่อง
“อยากกิน อันนั้น”
“อันไหน”
“อันใหญ่ ๆ ไส้กรอก ใหญ่ ๆ”
“ได้ ผมจะให้แม่บ้านเตรียมไว้ให้”
“เอาใหญ่ ๆ”
“ครับ ใหญ่ ๆ” ศิลายกยิ้มเอ็นดู ก่อนจะทิ้งตัวนอนเงียบ ๆ
แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แย่อย่างที่คิด อย่างน้อย ๆ เธอก็ไม่ได้เลี้ยงยาก กินง่าย นอนง่าย เวลาหลับก็น่าเอ็นดู
ยกเว้นเรื่องรุ่มร่ามปีนตัวที่ศิลาอาจจะต้องตักเตือนบ้าง เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนมาจากไหน หนูนาเอ่ยปากแต่แรกแล้วว่าเราจะแต่งงานกันแค่ในนาม สามเดือนก็จะหย่าขาดทันที เขาไม่อยากเอาเปรียบให้เธอต้องเสียหายเป็นครั้งที่สอง
แม้ว่าฝ่ายนั้นจะเป็นคนเริ่มเอง รวมถึงเนื้อตัวนุ่มนิ่มและกลิ่นหอม ๆ จะคอยรบกวนจิตใจเขาตลอดเวลาก็ตาม
หนูนาไม่ได้พูดอะไรสักคำระหว่างเดินทางไปบ้านใหม่ ดวงตาลูกกวางมองข้างทางที่ต้องผ่านป่าเขารกทึบ ถนนดินแดงฝุ่นคลุ้งและเป็นหลุมเป็นบ่อ แต่เมื่อเข้าตัวเมืองถนนกลับลาดยางเรียบสะอาด รอบข้างแม้จะมีต้นไม้เยอะ แต่ก็ไม่ได้รกชัฏน่ากลัวเหมือนเส้นทางที่ผ่านมาความเจริญยังคงเข้าไม่ถึงหมู่บ้านของเธอ แม้ความจริงแล้วระยะทางระหว่างหมู่บ้านกับตัวเมืองไม่ได้ไกลกันมากนัก ไม่อยากจะคิดเลยว่าหมู่บ้านที่อยู่ไกลกว่านี้จะเป็นยังไง อาจจะไม่มีไฟฟ้าใช้เลยด้วยซ้ำโชคดีของหมู่บ้านกอบัวที่มีลุงสองดูแล ลุงสองพยายามทำทุกทางเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวบ้าน สรรหาอาชีพใหม่ ๆ ให้ชาวบ้านทำ งบที่ได้มาไม่มีแม้แต่แดงเดียวที่ลุงสองเก็บไว้เอง ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ยิ่งใหญ่อะไรเลย แต่ที่ชาวบ้านชื่นชมการกระทำของลุงสองก็เพราะข้าราชการส่วนมากมักจะโกงกิน เงินงบประมาณกว่าจะมาถึงชาวบ้านตาดำ ๆ ไม่รู้ถูกกินไปเท่าไหร่ หลายหมู่บ้านที่มีผู้นำไม่ดีถึงได้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ไม่มีทางได้ลืมตาอ้าปาก“ถึงแล้ว”เสียงทุ้มปลุกให้หนูนาตื่นขึ้นจากภวังค์ เธอมัวแต่คิดถึงเรื่องหมู่บ้านจนไม่รู้ตัวเลยว่ามาถึงบ้านใหม่แล้ว ดวงตากวางกวาดมองไปทั่วด้วยคว
เพียงแค่พระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศรอบข้างก็มืดสนิทไม่ต่างกับหมู่บ้านที่จากมา เสียงจิ้งรีดเรไรชวนกันร้องระงมไปทั่วบริเวณ สลับกับเสียงซู่ซ่าและเสียงตะหลิวกระทบกับกระทะที่ดังออกมาจากในครัวเป็นระยะ กลิ่นอาหารหอม ๆ ลอยไปทั่วชวนให้น้ำลายสอ หนูนาที่นั่งทำงานบนชั้นสองของบ้านจำต้องทิ้งงาน แล้วเดินทำจมูกฟุดฟิดลงไปที่ครัว“ทำอะไรอะนายศาลาวัด”“สปาเก็ตตี้ขี้เมา คุณรู้จักไหม”ศิลาตอบโดยไม่ได้หันกลับไปมอง ใช้ชีวิตร่วมกันได้ไม่ถึงวันเขาก็ชินเสียแล้ว บ้านพักที่เคยเงียบเหงามีใครบางคนเดินไปมา มีเสียงเล็ก ๆ ที่เอ่ยถามว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่“รู้จัก เคยเห็นรูปแต่ไม่เคยลองกิน” หนูนาชะโงกหน้ามองสิ่งที่อยู่ในกระทะ หน้าตาเหมือนในหนังสือที่เคยเห็นไม่มีผิด “ทำไมนายทำอาหารฝรั่งเป็น”“ที่จริงแล้วมันทำง่ายมากนะ”“เหอะ จะเยาะเย้ยที่ฉันทำของง่าย ๆ ที่นายว่าไม่เป็นใช่ไหม”“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น คนเราไม่จำเป็นต้องทำเป็นทุกอย่างก็ได้ ทุกคนล้วนมีเรื่องถนัดที่แตกต่างกัน”ศิลาพูดพลางคีบเส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มใส่จานทั้งสองใบ หนูนาลอบกลืนน้ำลายลงคอ ดวงตากวางจ้องมองอาหารที่ไม่เคยลิ้มรสด้วยความสนใจ กลิ่นหอม ๆ แล
แกรก.....แกรก“คิดไม่ออกแล้ว!”กระดาษถูกขยำเป็นก้อนกลมแล้วโยนทิ้งเป็นแผ่นที่สิบ หนูนาปลายตามองเศษซากที่ทิ้งขว้างเองกับมือด้วยสายตาว่างเปล่าเฮ้อ..ร่างเล็กลุกจากเก้าอี้ทำงานและเดินลงไปที่ครัว หม้อที่เคยมีข้าวต้มเต็มแน่นบัดนี้แทบไม่เหลือแม้แต่น้ำสักหยด ผ่านมาแค่ครึ่งวันเสบียงของเธอก็หมดเกลี้ยงแล้ว ศาลาวัดไม่ได้บอกว่าจะออกไปหาของกินได้ยังไง ของสดที่มีติดครัวช่างไร้ประโยชน์เมื่อหนูนาทำกับข้าวไม่เป็น“จะกลับมาตอนไหนนะศาลาวัด”ด้วยหน้าที่การงานของหนูนาทำให้เมื่อก่อนเธอมักจะลืมกินข้าวอยู่บ่อยครั้ง แต่ตอนอยู่ที่บ้านจะมีปื๊ด พี่ช้าง และแม่คอยหาของกินมาให้ เมื่อต้องแยกตัวออกมาใช้ชีวิตเองทำให้เธอปรับตัวไม่ทัน ไม่มีคนเตรียมอาหารไว้ให้ทุกมื้อ แต่กระเพาะมันดันเคยชินกับการได้กินอาหารตรงเวลา“หิวอ่าา”ในตอนที่กำลังร้องโอดโอยอยู่นั้น หูก็พลันได้ยินเสียงเครื่องยนต์วิ่งเข้ามาใกล้ หนูนาหูผึ่ง รีบวิ่งจากครัวออกไปที่หน้าบ้านทันที“ศาลา.. พี่ช้าง! ปื๊ด!”“หนูนา!”ช้างตะโกนเรียกน้องด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทิ้งรถให้ปื๊ดเป็นคนจอดแล้ววิ่งหน้าตั้งเข้าบ้านน้องเขยโดยไม่รอฟังคำอนุญาต“หนูนา! หนูนาของพี่”หมับสองพี
หนูนาไม่ได้ล้อเล่นศิลามองตามร่างเล็ก ๆ ที่เดินผ่านเขาลงไปเข้าห้องน้ำ ไม่กี่อึดใจก็เดินกลับมาทางเดิม ดวงตากวางคู่นั้นไม่มองมาทางเขาแม้แต่น้อย เมื่อทำธุระเสร็จก็กลับเข้าห้องนอนไป เหมือนว่าผู้ชายตัวโต ๆ อย่างศิลาเป็นแค่อากาศธาตุแปะ!ยุงตัวโตถูกตบจนเลือดสาดตายคาแขน และเลือดนั่นก็ไม่ใช่เลือดใครเลย.. สารวัตรหนุ่มมองผิวที่ขึ้นเป็นตุ่มแดงแทบจะทันทีแล้วถอนหายใจ เขานอนบริจาคเลือดให้ยุงมาค่อนคืนแล้ว เนื้อตัวเริ่มมีตุ่มแดงขึ้นหลายจุด ศิลานอนกอดอก มองเพดานอย่างปลงตก เสียงวี่ ๆ ของยุงก่อกวนจนเขานอนไม่หลับเชื่อแล้วว่ายุงน่ากลัวกว่าเสือ แต่เขามั่นใจว่าหนูนาน่ากลัวกว่ายุงแน่ ๆประตูห้องนอนเปิดออกอีกครั้งในชั่วโมงต่อมา แล้วก็เหมือนเดิม หนูนาทำแค่เดินผ่านไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินกลับเข้าห้องนอนโดยไม่เหลียวแลสามีที่นอนตบยุงกลางบ้านแม้แต่หางตาหมดหวังให้หนูนาใจอ่อน คืนนี้คงต้องนอนตากยุงจนกว่าจะเช้าครั้งนี้ศิลาจำได้ขึ้นใจเลยทีเดียว ว่าตัวเองแต่งงานและมีภรรยาแล้ว ไม่มีทางหลงลืมอีกเป็นครั้งที่สองเด็ดขาดศิลาตื่นแต่เช้า.. เรียกว่าไม่ได้นอนเลยน่าจะถูกต้องกว่า ดวงตาคู่คมดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด เขาลุกขึ้นบิดตัว
ร่างเล็กในชุดกางเกงขายาวเอวสูงสีครีม สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มแขนยาวถึงข้อมือ สะพายกระเป๋าหนังใบเล็ก ๆ สีน้ำตาลเข้ม เส้นผมดำขลับยาวเคลียบ่า ใบหน้าอ่อนใสแต่งแต้มด้วยสีชมพูบาง ๆ ที่เกิดจากอากาศร้อน เดินเคียงข้างนายตำรวจท่าทางองอาจในชุดเครื่องแบบเต็มยศ อินทรธนูบนบ่าแสดงถึงยศถาบรรดาศักดิ์ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร“อะไรน้าา”หนูนาทำท่านึกอยู่สักพัก ก่อนจะร้องอ๋อเสียงใส ยิ้มกว้างจนตาหยี“สเต็ก! ใช่ ฉันอยากกินสเต็ก นายทำเป็นใช่ไหม”ศิลาพยักหน้ารับทันที ส่งผลให้คนข้าง ๆ ยิ้มร่ากว่าเดิม“ดี ๆ งั้นวันนี้กินสเต็กกัน แต่นายเลือกของนะ ฉันเลือกไม่เป็นหรอก”“ได้ เดี๋ยวผมจัดการเอง”“ดีมากค่ะ สา..” หนูนาแกล้งลากเสียงยาว ดวงตาลูกกวางพราวระยับเป็นประกายวิบวับ “สามี”“แค่ก!”สารวัตรหนุ่มไอจนหน้าแดง สำลักน้ำลายตัวเองเพราะคิดไม่ถึงว่าหนูนาจะเย้ากันแบบนี้ เมื่อหันไปมองรอบข้างก็พบกับสายตาหยอกล้อของแม่ค้าพ่อค้าที่ได้ยินเต็มสองหู ก็เสียงหนูนาเบาเสียเมื่อไหร่“นายหน้าแดงแปร๊ดเลย”“หนูนา”“ขา สามี”ศิลาเลิกให้ความสนใจภรรยาจอมซน นับจากวันที่ปรับความเข้าใจกันความสัมพันธ์ของเขากับหนูนาก็ดีขึ้น เราสนิทกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้
นายดาบลุกขึ้นยืนตรง ทำความเคารพนายที่เพิ่งลงจากสถานีไปได้ไม่ถึงชั่วโมงด้วยสีหน้างุนงง ทว่าเมื่อเห็นร่างผอมแห้งที่นายหิ้วมาด้วยก็เริ่มจะเข้าใจ ว่าเพราะอะไรสารวัตรที่เลิกงานไปแล้วถึงได้กลับมาอีกครั้ง“สา.. เฮ้ย!” ดาบคมอุทานลั่น ดวงตาเบิกกว้างเหมือนเห็นผี “เอ็ง มะ.. มาได้อย่างไร!”“ว่ายังไงดาบ ไม่เจอนานตีนกาขึ้นมาอีกเส้นหนึ่งแล้วนะ”“เด็กนี่!” ดาบคมชี้หน้าสวย ๆ ที่คุ้นเคย ปลายนิ้วสั่นระริกด้วยความโมโหเจอเด็กคนนี้ทีไรทำเอาดาบแก่ ๆ อย่างเขาไมเกรนขึ้นได้ทุกที อย่าได้หลงระเริงกับใบหน้าสวยหวานน่ารักนั่นเชียว เพราะนิสัยที่แท้จริงต่างจากหน้าตาเหมือนหน้ามือกับหลังเท้า!“สารวัตรครับ ยายเด็กนี่ไปก่อเรื่องอะไรมาอีก ผมว่าจับนอนคุกสักคืนให้สำนึกน่าจะดี”“ดาบ! วันนี้ฉันไม่ได้ผิดนะ”“ใครเชื่อเอ็งก็ออกลูกเป็นหมูแล้ว!” ดาบคมต่อล้อต่อเถียงกับเด็กรุ่นลูกคอเป็นเอ็น “ไปนอนสำนึกในคุกสักคืนแล้วค่อยกลับบ้าน พี่ชายหรือทนายจะมารับล่ะ หรือไม่มีใครอยากมารับเพราะเอือมระอาเต็มทน”“ดาบ!”“พอก่อน ทั้งคู่เลย”ศิลาที่ยืนฟังมานานยกมือห้าม ดาบคมเมื่อนายปรามก็มีท่าทางอ่อนลง กระแอมไอเล็กน้อยแล้วขยับมายืนตรง เมื่อครู่ตกใจแล้
ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึกเกิดอะไรขึ้นใครมารัวกลองยาวอะไรตอนนี้“เอ่อ..”ศิลาเป็นฝ่ายขยับตัวออกห่างจากภรรยาก่อน ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ“ดึกแล้ว เรานอนกันดีกว่า”“กะ ก็นอนสิ”“อืม”สารวัตรหนุ่มทิ้งตัวลงนอนเงียบ ๆ คืนนี้เขาขยับออกห่างจากภรรยามากกว่าปกติ ร่วมเตียงกันมาก็หลายต่อหลายคืน แต่ไม่มีคืนไหนเลยที่รู้สึกเกร็งขนาดนี้ ทั้งคู่นอนหงายตัวตรง เหม่อมองเพดานบ้านโดยไม่ได้พูดอะไรกันอีกเสียงรัวกลองยาวในอกยังคงดังอยู่แบบนั้นอีกสักพัก กว่ามันจะยอมสงบลงได้ก็กินเวลานานหลายนาที ดวงตาทั้งสองคู่ปิดลงในเวลาที่ไล่เลี่ยกันในคืนนั้นต่างฝ่ายต่างนอนในที่ของตัวเอง ทว่าในตอนเช้าร่างกายที่ควรจะแยกห่างกลับขยับเข้ามาเบียดชิดกัน กอดก่าย แนบแน่น ไม่เหลือช่องว่างให้มดสักตัวได้เดินผ่านกลองในอกมันดังรัวอีกแล้วหนูนาเป็นฝ่ายขยับออกห่างก่อน ร่างน้อยลุกขึ้นนั่งอย่างเก้อ ๆ ไม่กล้าสบตาคนที่นอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียง“วะ วันนี้จะมีช่างเข้ามา ชะ ใช่ไหม”หนูนานั่งหันหลังให้คนบนเตียง เสียงที่เอื้อนเอ่ยออกไปตะกุกตะกักจนน่าหงุดหงิดก็เหมือนกับทุกวันนั่นแหละหนูนา ไม่ใช่วันแรกเสียหน่อยที่นอนเตียงเดียวกัน จะประหม่าทำไมนักหนา“ค
สัปดาห์นี้ในตัวเมืองมีงานรื่นเริง จัดขึ้นอย่างใหญ่โตเป็นประจำทุก ๆ ปี และจะกินเวลาไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ศิลาที่เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เพียงครึ่งปีไม่เคยเห็นงานที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อเสร็จงานที่ต้องทำแล้ว เขาจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง ตั้งใจว่าจะลองเที่ยวงานที่ไม่เคยเห็นสักครั้ง แต่ไม่ลืมหยิบเอาปืนพกติดตัวมาด้วยงานใหญ่แบบนี้มักจะเกิดเรื่องน่าปวดหัวขึ้นเสมอ อยากไปเที่ยวนั่นเป็นแค่ข้ออ้าง ความจริงแล้วศิลาต้องการไปตรวจตราความเรียบร้อยตามประสาตำรวจ ถึงแม้จะมีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบคอยดูแลอยู่แล้ว แต่ถ้ามีนอกเครื่องแบบแฝงตัวอยู่อาจจะได้เห็นอะไรมากขึ้นก็ได้ช่วงนี้ในอำเภอยาเสพติดกำลังระบาดหนัก คนเยอะแบบนี้เป็นช่วงเวลาทองของพวกค้ายาที่ใช้ลักลอบส่งของผิดกฎหมายกัน“สารวัตร จะไปเที่ยวงานประจำปีหรือครับ”ดาบคมร้องถามเมื่อเห็นเจ้านายเดินออกมาจากห้องทำงานในชุดสบาย ๆ วันนี้เขาต้องอยู่เวรที่สถานี แต่พรุ่งนี้จะได้ออกไปตรวจตราที่งานสลับกับตำรวจคนอื่น ๆ นายดาบตื่นเต้นกว่าปกติ ทำงานนอกสถานที่สนุกกว่าทำงานที่เดิม ๆ เป็นไหน ๆสารวัตรหนุ่มพยักหน้ารับเบา ๆ “ครับดาบ”“เที่ยวให้สนุกนะครับ”“ขอบค
“ไม่เปลี่ยนใจแน่หรือ สารวัตร”ปฐพีถามด้วยความเสียดายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยหวังว่าคำตอบของคนตรงหน้าจะเปลี่ยนไป“ไม่ครับ”แต่ไม่เลย...ผู้กำกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาคงเปลี่ยนใจศิลาไม่ได้อีกแล้ว ได้แต่ยอมรับความจริงว่ากำลังจะสูญเสียลูกน้องฝีมือดีไปอีกคนความรักฉันท์ชู้สาวไม่หลงเหลืออยู่แล้ว แต่ปฐพียอมรับโดยไม่อายว่ามีศิลาอยู่เขาทำงานได้ง่ายขึ้น ตลอดเวลากว่าแปดปีที่ผ่านมาศิลาสร้างผลงานเอาไว้มากมาย ถ้าหากอีกฝ่ายยอมรับ คงเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งได้ไม่ยากแต่ศิลาปฏิเสธเสียงแข็งเสมอมา ชายหนุ่มไม่ได้ต้องการตำแหน่งอะไรทั้งนั้น เขาแค่อยากทำงานตรงนี้ให้เต็มที่ ช่วยเหลือประชาชนอย่างสุดกำลัง ก่อนที่จะอำลาวงการตำรวจในสักวันหนึ่งแล้ววันนี้ก็มาถึงจนได้ปฐพีมองซองสีขาวตรงหน้า เขาไม่อยากหยิบมันขึ้นมาดูเลย เพราะรู้ดีว่าด้านในคืออะไร“ผู้กำกับอนุมัติเถอะครับ”“สารวัตรศิลา”“ผมไม่ได้ไปไหนนี่ครับ เมื่อไหร่ที่ผู้กำกับต้องการตัว ขอแค่บอก...ผมพร้อมจะช่วยเหลือเสมอ”ปฐพีเริ่มยิ้มออกมาได้ จริงอย่างที่ศิลาพูด ชายหนุ่มไม่ได้หายไปไหน เพราะอย่างไรสิ่งที่ศิลารักก็คือการได้ช่วยเหลือประชาชน เพียงแค่หลังจากนี้จะไม่ได้ทำมันใน
“ลูกหลับแล้วเหรอศาลาวัด”“อืม” ศิลารับคำสั้น ๆ ระหว่างที่แทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับภรรยา “คุณก็รีบนอนได้แล้ว วันนี้เลี้ยงลูกทั้งวันคงเหนื่อยน่าดู”“ไม่เลย ไม่เหนื่อยสักนิด”ไม่พูดเปล่า หนูนายังยืนยันว่าตัวเองไม่เหนื่อยด้วยการไต่มือเข้าไปในกางเกงนอนอีกฝ่าย ดวงตากวางแพรวพราวอย่างคนแสนเจ้าเล่ห์“หนูนา”“หืม”“คุณ อืม”ศิลาหลุดครางออกมาแผ่วเบา ร่างกายเขาตื่นตัวทันทีที่ถูกมือนุ่มนวดคลึงอย่างชำนาญ หนูนารู้ดีว่าแตะต้องส่วนไหนแล้วจะทำให้เขาทนไม่ไหว มือน้อย ๆ ขยับอย่างเอาใจจนกระทั่งความเป็นชายเหยียดขยายใหญ่เต็มมือ“ศาลาวัด เราไม่ได้ทำมาสักพักแล้วนะ”“คุณเลี้ยงลูก ผมกลัวว่าคุณจะเหนื่อยเกินไป”“ฉันพูดตอนไหนว่าเหนื่อย” หนูนาเลิกคิ้วขึ้นสูง ในขณะที่มือนุ่มคอยปลุกปั้นสิ่งที่อยู่ในมือไม่หยุด“อา ปละ เปล่า ไม่ได้พูด อืม”“ไม่ได้พูดก็แปลว่าไม่เหนื่อย ลูก ๆ ไม่ได้เลี้ยงยากเลย แถมปื๊ดกับแม่ก็คอยช่วยตลอด ฉันสบายจะตายไป”“แต่ยังไงมันก็ยังหนักเกินไปอยู่ดี” ศิลาแย้ง “เรามีลูกตั้งสี่คน ผมรู้ว่าคุณเหนื่อย คุณแค่ไม่ยอมรับความจริง”ศิลาอยากกอดหนูนาจะแย่ เขาเพิ่งอายุแค่สามสิบห้าปี ร่างกายยังแข็งแรงและมีควา
ศิลาเหมือนกลายเป็นคนละคน จากที่เคยสุขุมกลายเป็นหนูติดจั่นที่เอาแต่เดินไปเดินมาอย่างร้อนรน หนูนาถูกส่งเข้าห้องคลอดทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล เพราะหมอบอกว่าเธอพร้อมคลอดแล้วปากมดลูกเปิดพร้อมสำหรับให้กำเนิด ทว่าเข้าไปเป็นชั่วโมงแล้วประตูบานนั้นก็ยังปิดสนิท ศิลาไม่รู้ว่าการทำคลอดต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่เพราะไม่รู้เขาถึงได้จิตตกแบบนี้“หนูนา คุณจะต้องปลอดภัย”ตอนที่นั่งรถมาท่าทางของเธอดูเจ็บปวดมาก เสียงกรีดร้องทรมานน่าสงสารจับใจ หนูนาที่ปกติร้องไห้ยากร่ำไห้ออกมาเพราะเจ็บจนแทบทนไม่ไหว ศิลาแทบขาดใจ หากเลือกได้เขาอยากเป็นคนที่เจ็บเอง“ศิลา ศิลาลูก”คุณหญิงแจ่มจันทร์ที่เพิ่งมาถึงรีบวิ่งเข้าไปหาลูกชาย หัวใจหล่นวูบไปกองที่ปลายเท้าเมื่อเห็นว่าศิลากำลังร้องไห้“ศิลา! เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม หนูนาเป็นอะไร!”“หนูนาเป็นอะไรหรือพ่อศิลา”ใบบัวที่ตามมาติด ๆ ร้องถามย้ำ ท่าทางไม่สู้ดีของลูกเขยทำให้หัวใจคนเป็นแม่แทบขาดรอน ๆ แม้ว่าสมัยนี้การคลอดจะปลอดภัยว่าสมัยเธอมาก แต่คนที่เคยผ่านความเจ็บปวดมาก่อนย่อมรู้ดีว่ามันทรมานเพียงใด“ผม ฮึก ผม” ศิลาสะอื้น เขารีบรวบรวมสติ ก่อนที่เรื่องราวมันจะไปกันใหญ่ “หนูนาไม่ได้เป็
ศิลานั่งฟังคำตัดสินของศาลอย่างเงียบสงบ วันนี้เป็นวันนัดตัดสินคดีค้ายาเสพติดของนายเจตน์ หลังจากผ่านมาเกือบปี คดีที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอก็ถึงเวลาถูกพิพากษานายเจตน์ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และซัดทอดไปถึงตัวการใหญ่ที่กรุงเทพฯ ทำให้ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น และจับพ่อค้ารายใหญ่ได้ในที่สุด เพราะเหตุผลนี้ทำให้โทษของนายเจตน์ลดน้อยลง จากประหารชีวิตเป็นติดคุกตลอดชีวิต ก่อนจะถูกลดให้เหลือจำคุกสี่สิบปี แต่ถึงอย่างนั้นระยะเวลาสี่สิบปีในคุก ก็แทบไม่ต่างจากทั้งชีวิตที่เหลืออยู่“นายเจตน์”หลังคำตัดสินสิ้นสุดลง นายเจตน์ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์และยินดีรับโทษที่ศาลชั้นต้นตัดสิน อดีตมือขวาของพ่อค้ายาจึงถูกกุมตัวอย่างแน่นหนา เพื่อเตรียมรับโทษทัณฑ์จากสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ นายเจตน์มีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย ดวงตาเหม่อลอยอย่างคนที่ปลงตกกับทุกอย่าง“นายเจตน์”เจตน์ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเรียกใกล้ ๆ ศิลามองหน้าหนูนา คนเป็นสามีเห็นความกังวลในดวงตากวางคู่นั้น“นายเจตน์” หนูนาส่งเสียงเรียกอีกครั้ง ครั้งนี้นายเจตน์ยอมหันมาสบสายตา ทว่าดวงตาคู่นั้นว่างเปล่าไร้แววจนน่าใจหายหนูนากลัวเหลือเกินว่านายเจตน์จะหาทางจบชีวิตตัวเองสักวัน เพร
“ศาลาวัด!”“หนูนา ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง” คิ้วเข้มขมวดฉับ เมื่อเห็นร่างที่เริ่มอวบอิ่มของภรรยาวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาหา “ไหนคุณบอกว่าจะไม่ดื้อกับผมเรื่องนี้”“ก็ฉันลืมตัว มันไม่ชินนี่นา”“คุณท้องห้าเดือนแล้วนะ ถึงไม่ชินก็ต้องชิน ถ้าล้มขึ้นมาทั้งคุณและลูกจะเป็นอันตราย” ศิลาดุเสียงเข้ม เรื่องอื่นเขายอมได้เสมอ ยกเว้นเรื่องนี้หนูนาเป็นคนที่อยู่ไม่นิ่ง เธอชอบทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย ศิลาไม่เคยบังคับหรือทำเหมือนหนูนาเป็นคนพิการ เขาขอแค่ต้องระวัง แต่ดูเหมือนว่าหนูนาจะรับปากไปอย่างนั้น เพราะเกือบทุกวันเขาต้องมานั่งปวดหัวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมือนคนท้องของภรรยายิ่งท้องใหญ่กว่าปกติแบบนี้เขายิ่งเป็นกังวล“นายทำอะไรอยู่” หนูนาแสร้งเปลี่ยนเรื่องเนียน ๆ ชะโงกหน้ามองบ้านหลังใหม่ที่มีคนเดินไปมาพลุกพล่าน“คุมคนงานให้เอาของเข้าบ้าน”“อีกไม่นานก็จะได้ย้ายเข้าบ้านใหม่แล้วสินะ”ทั้งคู่มองบ้านใหม่หลังใหญ่ด้วยความพึงพอใจ นับว่าผู้รับเหมาทำงานได้ดีทีเดียว บ้านหลังนี้เป็นบ้านแนวผสมสผานระหว่างไทยและยุโรปอย่างลงตัว เพราะศิลาเคยไปเรียนที่แถบนั้น เขาชื่นชอบบ้านแนวยุโรปมาก ส่วนหนูนาแม้จะไม่เคยไป แต่เธอก็ชอบดูรูปภาพของต
“ฉันอยากอยู่คนเดียว”พูดแค่นั้นก็ทิ้งตัวลงนอน แล้วหันหลังให้คนที่ไม่ยอมออกไปเหมือนคนอื่นทันทีอยากอยู่ก็อยู่ไป เธอไม่สนใจเสียอย่าง“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ”“.....”“ฉันรู้ว่าเธอได้ยิน ดังนั้นฉันจะพูดต่อไป” คุณหญิงแจ่มจันทร์กระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มพูดเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจมาเนิ่นนาน “สามีฉัน พ่อของศิลาเขามีภรรยาน้อย”หนูนาที่ตอนแรกไม่คิดสนใจหูผึ่งทันที แต่ยังคงรักษาท่าทางเมินเฉยเอาไว้ คุณหญิงที่ผ่านโลกมามากพอจะมองออกว่าเด็กคนนี้กำลังตั้งใจฟัง จึงค่อย ๆ ถ่ายทอดเรื่องราวที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนอย่างหมดเปลือก“แต่ก่อนฉันเป็นแค่ลูกของแม่ค้าธรรมดา คุณศักดิ์ พ่อของศิลาเขาเป็นลูกค้าประจำ เขาเกี้ยวฉัน ตามเทียวไล้เทียวขื่อจนฉันใจอ่อนและตกหลุมรักเขา พวกเรารักกันมาก ไม่เคยทะเลาะบอกแว้ง เป็นคู่รักที่ใคร ๆ ต่างก็พากันอิจฉา และในที่สุดพวกเราก็ตกลงปลงใจแต่งงานกัน ฉันคาดหวังว่าการแต่งงานจะเป็นเหมือนในนิยาย ที่พวกเราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป”คุณหญิงเงียบไปสักพัก ก่อนจะเริ่มพูดต่อ“แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่นิยาย คุณศักดิ์เติบโตมาในตระกูลตำรวจ พ่อของเขา พี่น้องของเขาล้วนเป็นตำ
คนท้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากทุกอย่างจบลง แม้ว่าหนูนาจะปฏิเสธเสียงแข็งว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้เจ็บตรงไหนแม้แต่นิดเดียว แต่ศิลาไม่คิดฟัง เขายื่นคำขาดว่ายังไงหนูนาก็ต้องไปให้หมอตรวจอย่างละเอียด เขาถึงจะสบายใจได้“คุณท้องผมก็ได้รู้เป็นคนสุดท้าย ตอนนี้ผมแค่อยากได้ความสบายใจ คุณก็ให้ผมไม่ได้”คำพูดตัดพ้อของสารวัตรหนุ่มทำเอาหนูนาไปไม่เป็น สุดท้ายเธอก็จำต้องยอม เพราะตัวเองมีชนักติดหลังอันเบอเร่อ พอตรวจเสร็จศิลาก็ร้องขอกึ่งบังคับให้เธอนอนที่โรงพยาบาลสักคืนหนูนายอมสามีแต่โดยดี เพราะรู้ว่าที่ศิลาวิตกแบบนี้ก็เป็นเพราะตัวเธอเองที่เก็บงำเรื่องลูกเอาไว้ ทั้งยังเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้น ถึงจะปลอดภัยแต่หัวอกคนเป็นพ่อคงไม่หายกังวลง่าย ๆสารวัตรหนุ่มเป็นคนอยู่เฝ้าภรรยา เขาให้หนูนานอนห้องพิเศษที่มีราคาสูง เพราะญาติจะสามารถอยู่เฝ้าได้ หลังจากราชันกลับบ้านไป ทั้งห้องจึงเหลือเพียงสองสามีภรรยาตามลำพัง ส่วนญาติ ๆ ตกลงกันว่าจะตามมาเยี่ยมพรุ่งนี้ เพราะต้องการให้สองคนที่เจอเรื่องหนัก ๆ มาได้พักสักคืนที่สำคัญ ราชันพอจะมองออกว่าลูกเขยกำลังน้อยใจที่หนูนาปิดบังเรื่องท้อง เขาอยากให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาปรับควา
“ใครบอกพวกมึงว่ามันจบแล้ว” ดวงหน้าสวยยังคงนิ่งสงบ แม้จะได้ยินเสียงกระซิบแหบพร่าพร้อมกับบางอย่างที่สัมผัสกับแผ่นหลัง ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่ามันคืออะไร เสียงกริ๊กเบา ๆ แทบฉุดลมหายใจของศิลาให้หลุดปลิว“มึงถอยออกไปไอ้ตำรวจ” เสียงดุดันออกคำสั่ง “พวกมึงก็อย่าเสนอหน้าเข้ามาใกล้ ไม่อย่างนั้นอีนี่ไส้ไหลแน่”“คุณ...คือ”“นายเจตน์” คนที่ตอบไม่ใช่เจ้าของชื่อ แต่เป็นหนูนาที่ยังคงรักษาสีหน้าเรียบนิ่งไว้ได้ “มือขวาของดาบคม”ดวงตาคมสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะกลับมามั่นคงเหมือนเดิม หนูนาที่ถูกจี้ตัวไม่มีท่าทีหวาดกลัว เขาเองก็ไม่ควรแสดงอาการอะไรออกไป เพราะนั่นจะยิ่งทำให้คนร้ายได้ใจ“กูบอกให้ถอยออกไป!!! อย่าคิดว่ากูไม่กล้ายิง”“ไม่เป็นไร นายถอยออกไปก่อนนะสารวัตร”“ออกไป!!!”“รู้แล้ว รู้แล้ว”ศิลายกมือทั้งสองข้างขึ้นสูง เขายอมถอยห่างแต่โดยดี แม้แต่ราชันเองก็ไม่กล้าเสี่ยง ทั้งหมดถอยออกมาพอประมาณ จดจ้องมองหนูนาที่ถูกจับเป็นตัวประกันไม่วางตา“พวกมึงทำให้นายกูต้องตาย!!” น้ำเสียงของเจตน์เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและสะเทือนใจ “พวกมึงมันชั่ว!”“แล้วพวกค้ายาเรียกว่าคนดีได้เหรอ” ราชันถามเสียงเรียบ “กี่คนแล้วที่ต้องตายเพร
ไม่เจ็บศิลาไม่รู้สึกว่ามีส่วนไหนในร่างกายที่เจ็บปวด เขารีบลืมตาขึ้น มองสำรวจร่างกายที่ปกติของตัวเอง ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกโพลง เมื่อเห็นว่าร่างท้วมของนายดาบล้มลงพร้อมกับเลือดที่ไหลนองออกมาจากศีรษะ“ดาบคม!!”“เหี้ยเอ้ย!! ทำไมมันถึงได้โง่ขนาดนี้วะ!! มาถึงขนาดนี้แต่เสือกฆ่าตัวตาย กระจอกฉิบหาย”หมวดก้องสบถด่า ไม่ได้มีท่าทีเสียอกเสียใจแม้แต่น้อย ที่คนที่ตนเองเรียกว่านายเลือกจบชีวิตตัวเองลงอย่างน่าอนาถแบบนี้คมไม่ได้หันปืนเข้าหาศิลา เขายกมันขึ้นจ่อที่ขมับของตัวเอง แล้วลั่นไกโดยไร้ซึ่งท่าทีลังเลใด ๆปิดฉากพ่อค้ายาในคราบนายตำรวจ ด้วยเลือดเนื้อและลมหายใจ“พาดาบคมไปโรงพยาบาล!” ศิลาออกคำสั่งเสียงสั่น “เร็วสิหมวดก้อง พาดาบคมไปหาหมอ!!”“หุบปาก!!” หมวดก้องยกปืนขึ้นจ่อขมับชื้นเหงื่อ “มันเสือกกระจอกเอง อยากตายนักก็ปล่อยให้มันตายสมใจ”“แกมันสัตว์นรก นั่นคนที่แกเรียกว่านายไม่ใช่เหรอ!”ผลัวะ!“กูไม่ได้ใจดีเหมือนไอ้คมจะโว้ย! ยังไงวันนี้มึงก็ต้องตาย ยังจะเสือกปากดีอีก อยากศพไม่สวยเหรอวะ”ศิลาถูกถีบจนกลิ้งไปกับพื้น ไม่ทันได้ลุกก็ถูกเตะเข้าที่ซี่โครงอีกหลายต่อหลายครั้งจนกระอักเลือดออกมากองโต“อีกอย่างนะ ถึงไ