“ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วนะ”หญิงสาวรูปร่างเล็กกระทัดรัดเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ดวงตากวางที่ใช้จับจ้องคนบนเตียงเป็นประกายวิบวับสารวัตรหนุ่มหลบสายตากรุ้มกริ่มนั้นราวกับหนุ่มขี้อาย แต่ศิลาไม่ได้อาย เขาแค่ทำตัวไม่ถูก ปรับตัวไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือของภรรยาให้หนูนามองมาด้วยสายตาเหม็นขี้หน้ากัน ยังดีกว่ามองมาด้วยสายตาหวานเยิ้มมีเลศนัยแบบนี้หรือว่าตอนที่ตกน้ำ หนูนาเผลอกินน้ำคลองเข้าไป มันอาจจะสกปรกมากจนทำให้สมองของเธอได้รับการกระทบกระเทือน ถึงได้ความจำเลอะเลือน ทำอะไรที่ผิดแปลกไปจากปกติแบบนี้ตอนแรกเกลียดกันจะเป็นจะตาย ทำไมตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน“ศาลาวัด”เฮือก!เสียงหวานที่กระซิบเรียกข้างหู พร้อมกับลมหายใจอุ่น ๆ ที่จงใจเป่ารดลงมา ทำให้สารวัตรหนุ่มที่กำลังตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจไม่เหลือแล้ว ภาพลักษณ์สารวัตรที่คนอื่นรู้จัก“เหม่อไปถึงไหน คิดอะไรอยู่ถึงได้ตกใจขนาดนี้” หนูนาพูดพลางหัวเราะในลำคอ ท่าทางเหมือนกระต่ายตื่นตูมของศิลาทำให้เธอรู้สึกสนุก “หรือว่า.. นายกำลังคิดเรื่องลามกอยู่”ศิลาเงยหน้าขึ้นสบตากวาง “ผมจะคิดเรื่องแบบนั้นทำไม”“ก็นายชอบฉัน นายอาจจะอยากกอดฉันก็
“ผู้กำกับท่านไปราชการที่กรุงเทพฯ สามวัน มีเรื่องอะไรสำคัญแจ้งที่สารวัตรศิลาได้เลยจ่าอ้วน”ขายาวชะงักทันทีเมื่อได้ยินชื่อตนเองในบทสนทนา เท้าที่เกือบเหยียบเข้าไปในสถานีถอยกลับ ศิลายืนนิ่งเงียบเพื่อรอฟังว่าลูกน้องทั้งสองจะพูดถึงเรื่องอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา“จะดีหรือดาบคม สารวัตรศิลาเพิ่งแต่งงานไปได้ไม่นาน ช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์แบบนี้เราควรให้สารวัตรกับคุณนายได้อยู่ด้วยกันมากกว่า อีกอย่าง คดีนี้ก็ไม่ใช่คดีใหญ่อะไร ไม่ต้องถึงมือสารวัตรก็ได้”“อืม มันก็จริง” ดาบคมคล้อยตามเพื่อน “ทุกวันนี้สารวัตรงานยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลากินข้าวอยู่แล้ว ถ้าจ่าบอกว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ ก็แจ้งให้ผู้กองแทนไทรู้ก็พอ อย่าไปรบกวนสารวัตรศิลาเขาเลย”“รบกวนอะไร ดาบคม จ่าอ้วน”“เหวอ! สารวัตร” นายดาบที่อายุอานามเข้าเลขห้ามาหลายปีตกใจจนแทบหงายหลัง “มาไม่ให้สุ้มให้เสียง ถ้าคนแก่หัวใจวายตายขึ้นมาจะทำอย่างไรครับสารวัตร โธ่!”“ดาบกำลังเปลี่ยนเรื่อง”คนแก่กว่าได้แต่ยิ้มแหย ดาบแก่ ๆ อย่างเขาน่ะแก่แค่ตัว แต่เรื่องไหวพริบสู้สารวัตรสืบสวนมือหนึ่งอย่างศิลาไม่ได้เลย“ดาบคม จ่าอ้วน บอกเรื่องทุกอย่างมาให้หมด ทุกเรื่อง.. อย่า
เมื่อกลางวันเธอแค่ตั้งตัวไม่ทัน แต่คืนนี้แหละ..หนูนาทำทีเป็นอ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้นในตอนที่ศิลาอาบน้ำเสร็จ เธอแสร้งไม่สนใจเขา เข็ดแล้ว เมื่อคืนออกตัวแรงเกินไปจนผู้ชายหนีออกไปนอนนอกห้อง รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น“คุณจะนอนเลยหรือเปล่า”“อื้อ” เธอพยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้น วางหนังสือลงอย่างรวดเร็ว ก็ไม่ได้อ่านจริง ๆ อยู่แล้วนี่นา.. “นอนเลย ง่วงแล้ว”ศิลาทิ้งตัวนั่งบนเตียงฝั่งของตัวเอง เขาเฝ้ามองจนกระทั่งร่างเล็กมุดเข้าผ้าห่มเรียบร้อยจึงปิดไฟทั้งห้องมืดสนิท หนูนาแกล้งนอนหลับแต่ใจเต้นตึกตัก ได้ยินเสียงศิลาขยับตัว ผ้าห่มถูกเปิดขึ้น ก่อนที่คนตัวโต ๆ จะแทรกเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกันเธอเฝ้ารอให้อีกฝ่ายหลับสักพัก แล้วค่อย ๆ กระเถิบเข้าไปใกล้ แนบเนื้อตัวเข้าหากายอุ่นแขนเรียวค่อย ๆ พาดลงบนเอวสอบ เมื่อเห็นว่าศิลาไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาต่อต้าน มือน้อย ๆ จึงขยับลงต่ำ“หนูนา” คนเกือบถูกลักหลับกดเสียงต่ำ คว้ามือน้อยไว้ได้ทันก่อนที่มันจะแตะเข้ากับส่วนที่ไม่ควรแตะ “ทำอะไรของคุณ”“แหะ ๆ ยังไม่หลับอีกเหรอ ดึกแล้วน้า”“กำลังจะหลับ คุณนั่นแหละ ทำไมไม่หลับ” ศิลาโกหก เพราะเขานอนไม่หลับ เรื่องเมื่อกลาง
หนูนานั่งเหม่อตั้งแต่เช้า งานที่ทำไม่คืบหน้า ดินสอถูกหมุนไปมาอย่างไร้ประโยชน์ เธอถอนหายใจหลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็สลัดเรื่องในหัวออกไปไม่ได้เสียที“ศาลาวัด”ร่างเล็ก ๆ เดินเข้ามาหาพร้อมเสียงเนือย ๆ ศิลาเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ มองภรรยาที่เดินอย่างไร้เรี่ยวแรงมานั่งตรงหน้า“คุณดูมีเรื่องไม่สบายใจ”“ก็.. คงจะแบบนั้น” ดวงหน้ารูปไข่ขยับขึ้นลงเบา ๆ “ฉันคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงพี่ช้างกับปื๊ด”ศิลาวางหนังสือลง เขาหันมาสนใจภรรยาเต็มตา ดวงหน้าสวยหวานดูเหนื่อยล้า เขาคิดว่าเรื่องเมื่อคืนจะทำให้หนูนาเขินอายจนเข้าหน้ากันไม่ติด ทว่าเธอกลับเอาแต่เหม่อลอยตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงตอนนี้ เหมือนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนพวกเราทำอะไรกันบ้างถึงจะทำทีว่ากำลังอ่านหนังสือเล่มโตอย่างขะมักขเม้น แต่ศิลาไม่มีสมาธิแม้แต่นิดเขาเอาแต่เหลือบตามองหนูนาจนรำคาญตัวเอง“งั้นให้ผมไปส่ง.”“ไม่ต้อง!”สารวัตรหนุ่มเลิกคิ้วสูง ท่าทางของหนูนาดูตื่นตระหนกเกินเหตุ แค่เขาบอกว่าจะไปส่งมันทำให้เธอตกใจขนาดนี้เชียวหรือศิลาขมวดคิ้วมุ่น ทำไมคน ๆ นี้ถึงได้มีแต่เรื่องให้น่าสงสัยเต็มไปหมดถึงในอกจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ศิลากล
ในขณะที่ศิลากำลังสงสัยในตัวภรรยา คนถูกสงสัยก็เอาแต่คิดถึงเรื่องที่เพื่อนสอนเมื่อตอนกลางวัน แล้วดีดดิ้นไปมาบนเตียงคนเดียว.“เขาไม่แตะต้องเธอเลยเหรอ จริงหรือเปล่า” “จริงสิ เอ่อ ที่จริงก็ไม่ใช่ว่าไม่แตะต้องเลยนะ แต่เมื่อคืนเขาหยุดก่อนจะ...นั่นแหละ ฉันเลยอยากขอคำปรึกษาจากเธอ ว่ามีเคล็ดลับเด็ด ๆ ที่ทำให้ฉันได้กินสารวัตรเร็ว ๆ ไหม” “หนูนา! จะแก่แดดไปแล้วนะ” “หรือมีวิธีไหนที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นตบะแตกไหม เอาแบบ จับฉันกินสามวันสามคืนไม่พักเลยก็ได้” “จะบ้าเหรอ แบบนั้นได้ตายกันพอดี” “ฉันล้อเล่น แต่เรื่องที่อยากได้เคล็ดลับน่ะ ไม่ได้ล้อเล่นนะ” “หนูนา..” เพลงพิณส่ายหน้าเบา ๆ เอือมระอากับความแก่แดดของเพื่อนเหลือเกิน “แก่แดดแก่ลม” “เธอไม่อยากอุ้มหลานแล้วเหรอเพลง เธอเคยบอกว่าจะไม่แต่งงาน แต่จะรออุ้มลูกฉัน ถ้าศาลาวัดไม่ยอมทำแล้วฉันจะมีลูกได้ยังไง ดูสิเพลง ฉันน่ารักขนาดนี้ หลานเธอต้องน่ารักมากแน่ ๆ เลย” หนูนาชักแม่น้ำทั้งห้ามาโน้มน้าวเพื่อน“เฮ้อ.. เธอนี่มันแสบจริง ๆ” .หนูนาหัวเราะคิกคักเมื่อนึกถึงสีหน้าที่เหมือนกำลังกินอะไรขม ๆ ของเพื่อน เพลงพิณทำอาชีพนี้ แต่กลับกระดากเวลาพูดคุยเรื่องอย่างว่า แ
ร่างเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มผืนหนาเริ่มรู้สึกตัวเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นตรงหัว ดวงตากวางค่อย ๆ เปิดขึ้นอย่างเกียจคร้าน และเมื่อขยับตัว เสียงร้องแหบแห้งก็ดังออกมาจากริมฝีปากบวมช้ำเบา ๆ“อู้ยย ซู้ดดด”นี่เธอโดนรถสิบล้อเหยียบมาหรือเปล่า ทำไมมันเจ็บมันปวดไปทั่วทั้งตัวขนาดนี้ขยับได้เพียงนิดเดียวหนูนาก็กลับไปนอนแบ็บอย่างหมดท่า นานเป็นสิบนาทีกว่าร่างเล็กจะยอมขยับกายอีกครั้ง โชคดีที่ครั้งนี้ไม่ได้เจ็บจนลุกไม่ไหวเหมือนครั้งแรก แต่อาการร้าวไปทั้งตัวยังคงหลงเหลืออยู่หนูนาสำรวจร่างกายตัวเองเป็นอย่างแรก ใบหน้าหวานเหยเกเมื่อเห็นร่องรอยมากมายที่สามีทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าตั้งแต่เนินอกไปจนถึงซอกขาอ่อนด้านใน เธอเห็นร่องรอยสีช้ำหลายจุดกระจายไปทั่ว จางบ้างเข้มบ้างปะปนกันไป แต่ส่วนมากเป็นรอยสีเข้ม บางจุดมีรอยฟันขึ้นจาง ๆ เมื่อลองแตะดูก็พบว่ามันไม่ได้เจ็บเท่าไหร่“หมาบ้าศาลาวัด”ทั้งดูดทั้งกัดจนเธอลายพร้อยไปทั้งตัวเหมือนตุ๊กแก นี่ตั้งใจจะไม่ให้เธอออกไปข้างนอกเลยหรือเปล่านึกถึงเรื่องเมื่อคืนใบหน้านวลก็แดงซ่านขึ้นมา เธอได้นอนตอนไหนนะ? ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นตอนที่ไก่เริ่มขัน พร้อมกับแสงอาทิตย์จาง ๆ ที่โผล่พ้นขอบฟ้าหร
“อรุณสวัสดิ์ดาบคม”“อะ เอ่อ”คนถูกทักเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก เหงื่อออกมือทั้ง ๆ ที่อากาศเย็นสบายกำลังดี นายดาบลุกขึ้นยืนตัวตรง เสียงหวาน ๆ เหมือนเคลือบด้วยยาพิษสำหรับคม น่ายำเกรงไม่ต่างจากเสียงของเจ้านาย“คะ ครับ คุณนาย”“ฉันซื้อปาท่องโก๋มาฝาก กินกับโอเลี้ยงนะ แต่อย่ากินเยอะล่ะ ของทอดมันไม่ดีต่อสุขภาพ”“ครับ ครับ คุณนาย”“อื้ม! ฉันไปล่ะ” หนูนายิ้มกว้าง ก่อนจะเดินตัวปลิวเข้าห้องทำงานของสารวัตรอย่างเคยชินคมเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก เป็นเวลาร่วมเดือนแล้วที่หนูนามีท่าทีแปลกไป จากที่เคยสร้างแต่ปัญหา ขึ้นโรงพักเพราะมีเรื่องกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว กลับกลายเป็นหนูนาที่สงบเสงี่ยม ที่เห็นเดินขึ้นโรงพักไม่เว้นวันแบบนี้ก็เพราะมาหาสารวัตรเท่านั้น ไม่ใช่เพราะไปทะเลาะกับใครมาเหมือนเมื่อก่อนเล่นเอาเหล่าตำรวจที่เคยเจอฤทธิ์เดชของหนูนามาหลายครั้งแทบหัวใจวายในตอนแรก ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความเคยชินที่ได้เห็นหน้าตัวแสบทุกวัน คงจะมีแค่ดาบคมนี่แหละที่ยังไม่ชินเสียที เห็นหน้าสวย ๆ ได้ยินเสียงหวาน ๆ ทีไรก็อดอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้นายดาบนั่งลงประจำที่ ฉีกปลาท่องโก๋ที่คุณนายซื้อมาฝากกินจนหมด จากนั้นไม่นานหนูนาก็เดินอมยิ้
รถยนต์สัญชาติตะวันตกแล่นไปตามทางลูกรัง เพราะเมื่อคืนฝนตกผิดฤดู ถนนที่ไม่ได้ดีมากอยู่แล้วจึงเป็นหลุมเป็นบ่อมากขึ้น รถที่ไม่เหมาะกับการวิ่งในถนนแบบนี้จึงโยกเยกไปมา ทำเอาคนที่อยู่ด้านในต้องหยิบยาดมยาหม่องขึ้นจ่อจมูกไม่ขาดสาย“คุณหญิงป้าคะ”“แม่บอกว่าอย่างไรหนูพราวฟ้า” แม้จะเวียนหัวแทบตาย แต่คุณหญิงแจ่มจันทร์กลับไม่ยอมปล่อยผ่านคำเรียกขานที่ไม่รื่นหูของว่าที่ลูกสะใภ้“เอ่อ.. ค่ะ คุณแม่ไหวไหมคะ ให้ลุงยอดหยุดรถก่อนดีกว่านะคะ”“แม่ไม่เป็นไร หนูพราวฟ้านั่นแหละ ไหวหรือเปล่าจ๊ะ แม่พาหนูมาลำบากหรือเปล่า”“ไม่ค่ะ” ใบหน้าสวยหวานก้มงุด เธอส่ายหน้าไปมาเบา ๆ “ฟ้าแค่เป็นห่วงคุณแม่”“โถ แสนดีเหลือเกินแม่คุณ”แจ่มจันทร์ปลาบปลื้มจนหน้าบาน เลือกไม่ผิดจริง ๆ ผู้หญิงที่สวยและเพรียบพร้อมด้วยฐานะทางสังคม และมารยาทอ่อนหวานแบบนี้นี่แหละที่เหมาะกับศิลาไม่ใช่แม่หนูจี๊ดอะไรนั่น“ใกล้ถึงแล้วครับคุณหญิง คุณพราวฟ้า”“งั้นหรือ ขับเร็วหน่อยก็ได้ยอด”“ครับคุณหญิง”คุณหญิงแจ่มจันทร์ยกยิ้มบาง ๆ แต่เมื่อความเร็วมากขึ้นก็รีบยกยาหม่องขึ้นดมแทบไม่ทัน ทว่าถึงจะทุลักทุเลแค่ไหนแจ่มจันทร์ก็ไม่คิดถอยหลังกลับสามเดือนแล้วที่ลูกชายโ
“ไม่เปลี่ยนใจแน่หรือ สารวัตร”ปฐพีถามด้วยความเสียดายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยหวังว่าคำตอบของคนตรงหน้าจะเปลี่ยนไป“ไม่ครับ”แต่ไม่เลย...ผู้กำกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาคงเปลี่ยนใจศิลาไม่ได้อีกแล้ว ได้แต่ยอมรับความจริงว่ากำลังจะสูญเสียลูกน้องฝีมือดีไปอีกคนความรักฉันท์ชู้สาวไม่หลงเหลืออยู่แล้ว แต่ปฐพียอมรับโดยไม่อายว่ามีศิลาอยู่เขาทำงานได้ง่ายขึ้น ตลอดเวลากว่าแปดปีที่ผ่านมาศิลาสร้างผลงานเอาไว้มากมาย ถ้าหากอีกฝ่ายยอมรับ คงเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งได้ไม่ยากแต่ศิลาปฏิเสธเสียงแข็งเสมอมา ชายหนุ่มไม่ได้ต้องการตำแหน่งอะไรทั้งนั้น เขาแค่อยากทำงานตรงนี้ให้เต็มที่ ช่วยเหลือประชาชนอย่างสุดกำลัง ก่อนที่จะอำลาวงการตำรวจในสักวันหนึ่งแล้ววันนี้ก็มาถึงจนได้ปฐพีมองซองสีขาวตรงหน้า เขาไม่อยากหยิบมันขึ้นมาดูเลย เพราะรู้ดีว่าด้านในคืออะไร“ผู้กำกับอนุมัติเถอะครับ”“สารวัตรศิลา”“ผมไม่ได้ไปไหนนี่ครับ เมื่อไหร่ที่ผู้กำกับต้องการตัว ขอแค่บอก...ผมพร้อมจะช่วยเหลือเสมอ”ปฐพีเริ่มยิ้มออกมาได้ จริงอย่างที่ศิลาพูด ชายหนุ่มไม่ได้หายไปไหน เพราะอย่างไรสิ่งที่ศิลารักก็คือการได้ช่วยเหลือประชาชน เพียงแค่หลังจากนี้จะไม่ได้ทำมันใน
“ลูกหลับแล้วเหรอศาลาวัด”“อืม” ศิลารับคำสั้น ๆ ระหว่างที่แทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับภรรยา “คุณก็รีบนอนได้แล้ว วันนี้เลี้ยงลูกทั้งวันคงเหนื่อยน่าดู”“ไม่เลย ไม่เหนื่อยสักนิด”ไม่พูดเปล่า หนูนายังยืนยันว่าตัวเองไม่เหนื่อยด้วยการไต่มือเข้าไปในกางเกงนอนอีกฝ่าย ดวงตากวางแพรวพราวอย่างคนแสนเจ้าเล่ห์“หนูนา”“หืม”“คุณ อืม”ศิลาหลุดครางออกมาแผ่วเบา ร่างกายเขาตื่นตัวทันทีที่ถูกมือนุ่มนวดคลึงอย่างชำนาญ หนูนารู้ดีว่าแตะต้องส่วนไหนแล้วจะทำให้เขาทนไม่ไหว มือน้อย ๆ ขยับอย่างเอาใจจนกระทั่งความเป็นชายเหยียดขยายใหญ่เต็มมือ“ศาลาวัด เราไม่ได้ทำมาสักพักแล้วนะ”“คุณเลี้ยงลูก ผมกลัวว่าคุณจะเหนื่อยเกินไป”“ฉันพูดตอนไหนว่าเหนื่อย” หนูนาเลิกคิ้วขึ้นสูง ในขณะที่มือนุ่มคอยปลุกปั้นสิ่งที่อยู่ในมือไม่หยุด“อา ปละ เปล่า ไม่ได้พูด อืม”“ไม่ได้พูดก็แปลว่าไม่เหนื่อย ลูก ๆ ไม่ได้เลี้ยงยากเลย แถมปื๊ดกับแม่ก็คอยช่วยตลอด ฉันสบายจะตายไป”“แต่ยังไงมันก็ยังหนักเกินไปอยู่ดี” ศิลาแย้ง “เรามีลูกตั้งสี่คน ผมรู้ว่าคุณเหนื่อย คุณแค่ไม่ยอมรับความจริง”ศิลาอยากกอดหนูนาจะแย่ เขาเพิ่งอายุแค่สามสิบห้าปี ร่างกายยังแข็งแรงและมีควา
ศิลาเหมือนกลายเป็นคนละคน จากที่เคยสุขุมกลายเป็นหนูติดจั่นที่เอาแต่เดินไปเดินมาอย่างร้อนรน หนูนาถูกส่งเข้าห้องคลอดทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล เพราะหมอบอกว่าเธอพร้อมคลอดแล้วปากมดลูกเปิดพร้อมสำหรับให้กำเนิด ทว่าเข้าไปเป็นชั่วโมงแล้วประตูบานนั้นก็ยังปิดสนิท ศิลาไม่รู้ว่าการทำคลอดต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่เพราะไม่รู้เขาถึงได้จิตตกแบบนี้“หนูนา คุณจะต้องปลอดภัย”ตอนที่นั่งรถมาท่าทางของเธอดูเจ็บปวดมาก เสียงกรีดร้องทรมานน่าสงสารจับใจ หนูนาที่ปกติร้องไห้ยากร่ำไห้ออกมาเพราะเจ็บจนแทบทนไม่ไหว ศิลาแทบขาดใจ หากเลือกได้เขาอยากเป็นคนที่เจ็บเอง“ศิลา ศิลาลูก”คุณหญิงแจ่มจันทร์ที่เพิ่งมาถึงรีบวิ่งเข้าไปหาลูกชาย หัวใจหล่นวูบไปกองที่ปลายเท้าเมื่อเห็นว่าศิลากำลังร้องไห้“ศิลา! เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม หนูนาเป็นอะไร!”“หนูนาเป็นอะไรหรือพ่อศิลา”ใบบัวที่ตามมาติด ๆ ร้องถามย้ำ ท่าทางไม่สู้ดีของลูกเขยทำให้หัวใจคนเป็นแม่แทบขาดรอน ๆ แม้ว่าสมัยนี้การคลอดจะปลอดภัยว่าสมัยเธอมาก แต่คนที่เคยผ่านความเจ็บปวดมาก่อนย่อมรู้ดีว่ามันทรมานเพียงใด“ผม ฮึก ผม” ศิลาสะอื้น เขารีบรวบรวมสติ ก่อนที่เรื่องราวมันจะไปกันใหญ่ “หนูนาไม่ได้เป็
ศิลานั่งฟังคำตัดสินของศาลอย่างเงียบสงบ วันนี้เป็นวันนัดตัดสินคดีค้ายาเสพติดของนายเจตน์ หลังจากผ่านมาเกือบปี คดีที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอก็ถึงเวลาถูกพิพากษานายเจตน์ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และซัดทอดไปถึงตัวการใหญ่ที่กรุงเทพฯ ทำให้ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น และจับพ่อค้ารายใหญ่ได้ในที่สุด เพราะเหตุผลนี้ทำให้โทษของนายเจตน์ลดน้อยลง จากประหารชีวิตเป็นติดคุกตลอดชีวิต ก่อนจะถูกลดให้เหลือจำคุกสี่สิบปี แต่ถึงอย่างนั้นระยะเวลาสี่สิบปีในคุก ก็แทบไม่ต่างจากทั้งชีวิตที่เหลืออยู่“นายเจตน์”หลังคำตัดสินสิ้นสุดลง นายเจตน์ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์และยินดีรับโทษที่ศาลชั้นต้นตัดสิน อดีตมือขวาของพ่อค้ายาจึงถูกกุมตัวอย่างแน่นหนา เพื่อเตรียมรับโทษทัณฑ์จากสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ นายเจตน์มีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย ดวงตาเหม่อลอยอย่างคนที่ปลงตกกับทุกอย่าง“นายเจตน์”เจตน์ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเรียกใกล้ ๆ ศิลามองหน้าหนูนา คนเป็นสามีเห็นความกังวลในดวงตากวางคู่นั้น“นายเจตน์” หนูนาส่งเสียงเรียกอีกครั้ง ครั้งนี้นายเจตน์ยอมหันมาสบสายตา ทว่าดวงตาคู่นั้นว่างเปล่าไร้แววจนน่าใจหายหนูนากลัวเหลือเกินว่านายเจตน์จะหาทางจบชีวิตตัวเองสักวัน เพร
“ศาลาวัด!”“หนูนา ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง” คิ้วเข้มขมวดฉับ เมื่อเห็นร่างที่เริ่มอวบอิ่มของภรรยาวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาหา “ไหนคุณบอกว่าจะไม่ดื้อกับผมเรื่องนี้”“ก็ฉันลืมตัว มันไม่ชินนี่นา”“คุณท้องห้าเดือนแล้วนะ ถึงไม่ชินก็ต้องชิน ถ้าล้มขึ้นมาทั้งคุณและลูกจะเป็นอันตราย” ศิลาดุเสียงเข้ม เรื่องอื่นเขายอมได้เสมอ ยกเว้นเรื่องนี้หนูนาเป็นคนที่อยู่ไม่นิ่ง เธอชอบทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย ศิลาไม่เคยบังคับหรือทำเหมือนหนูนาเป็นคนพิการ เขาขอแค่ต้องระวัง แต่ดูเหมือนว่าหนูนาจะรับปากไปอย่างนั้น เพราะเกือบทุกวันเขาต้องมานั่งปวดหัวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมือนคนท้องของภรรยายิ่งท้องใหญ่กว่าปกติแบบนี้เขายิ่งเป็นกังวล“นายทำอะไรอยู่” หนูนาแสร้งเปลี่ยนเรื่องเนียน ๆ ชะโงกหน้ามองบ้านหลังใหม่ที่มีคนเดินไปมาพลุกพล่าน“คุมคนงานให้เอาของเข้าบ้าน”“อีกไม่นานก็จะได้ย้ายเข้าบ้านใหม่แล้วสินะ”ทั้งคู่มองบ้านใหม่หลังใหญ่ด้วยความพึงพอใจ นับว่าผู้รับเหมาทำงานได้ดีทีเดียว บ้านหลังนี้เป็นบ้านแนวผสมสผานระหว่างไทยและยุโรปอย่างลงตัว เพราะศิลาเคยไปเรียนที่แถบนั้น เขาชื่นชอบบ้านแนวยุโรปมาก ส่วนหนูนาแม้จะไม่เคยไป แต่เธอก็ชอบดูรูปภาพของต
“ฉันอยากอยู่คนเดียว”พูดแค่นั้นก็ทิ้งตัวลงนอน แล้วหันหลังให้คนที่ไม่ยอมออกไปเหมือนคนอื่นทันทีอยากอยู่ก็อยู่ไป เธอไม่สนใจเสียอย่าง“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ”“.....”“ฉันรู้ว่าเธอได้ยิน ดังนั้นฉันจะพูดต่อไป” คุณหญิงแจ่มจันทร์กระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มพูดเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจมาเนิ่นนาน “สามีฉัน พ่อของศิลาเขามีภรรยาน้อย”หนูนาที่ตอนแรกไม่คิดสนใจหูผึ่งทันที แต่ยังคงรักษาท่าทางเมินเฉยเอาไว้ คุณหญิงที่ผ่านโลกมามากพอจะมองออกว่าเด็กคนนี้กำลังตั้งใจฟัง จึงค่อย ๆ ถ่ายทอดเรื่องราวที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนอย่างหมดเปลือก“แต่ก่อนฉันเป็นแค่ลูกของแม่ค้าธรรมดา คุณศักดิ์ พ่อของศิลาเขาเป็นลูกค้าประจำ เขาเกี้ยวฉัน ตามเทียวไล้เทียวขื่อจนฉันใจอ่อนและตกหลุมรักเขา พวกเรารักกันมาก ไม่เคยทะเลาะบอกแว้ง เป็นคู่รักที่ใคร ๆ ต่างก็พากันอิจฉา และในที่สุดพวกเราก็ตกลงปลงใจแต่งงานกัน ฉันคาดหวังว่าการแต่งงานจะเป็นเหมือนในนิยาย ที่พวกเราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป”คุณหญิงเงียบไปสักพัก ก่อนจะเริ่มพูดต่อ“แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่นิยาย คุณศักดิ์เติบโตมาในตระกูลตำรวจ พ่อของเขา พี่น้องของเขาล้วนเป็นตำ
คนท้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากทุกอย่างจบลง แม้ว่าหนูนาจะปฏิเสธเสียงแข็งว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้เจ็บตรงไหนแม้แต่นิดเดียว แต่ศิลาไม่คิดฟัง เขายื่นคำขาดว่ายังไงหนูนาก็ต้องไปให้หมอตรวจอย่างละเอียด เขาถึงจะสบายใจได้“คุณท้องผมก็ได้รู้เป็นคนสุดท้าย ตอนนี้ผมแค่อยากได้ความสบายใจ คุณก็ให้ผมไม่ได้”คำพูดตัดพ้อของสารวัตรหนุ่มทำเอาหนูนาไปไม่เป็น สุดท้ายเธอก็จำต้องยอม เพราะตัวเองมีชนักติดหลังอันเบอเร่อ พอตรวจเสร็จศิลาก็ร้องขอกึ่งบังคับให้เธอนอนที่โรงพยาบาลสักคืนหนูนายอมสามีแต่โดยดี เพราะรู้ว่าที่ศิลาวิตกแบบนี้ก็เป็นเพราะตัวเธอเองที่เก็บงำเรื่องลูกเอาไว้ ทั้งยังเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้น ถึงจะปลอดภัยแต่หัวอกคนเป็นพ่อคงไม่หายกังวลง่าย ๆสารวัตรหนุ่มเป็นคนอยู่เฝ้าภรรยา เขาให้หนูนานอนห้องพิเศษที่มีราคาสูง เพราะญาติจะสามารถอยู่เฝ้าได้ หลังจากราชันกลับบ้านไป ทั้งห้องจึงเหลือเพียงสองสามีภรรยาตามลำพัง ส่วนญาติ ๆ ตกลงกันว่าจะตามมาเยี่ยมพรุ่งนี้ เพราะต้องการให้สองคนที่เจอเรื่องหนัก ๆ มาได้พักสักคืนที่สำคัญ ราชันพอจะมองออกว่าลูกเขยกำลังน้อยใจที่หนูนาปิดบังเรื่องท้อง เขาอยากให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาปรับควา
“ใครบอกพวกมึงว่ามันจบแล้ว” ดวงหน้าสวยยังคงนิ่งสงบ แม้จะได้ยินเสียงกระซิบแหบพร่าพร้อมกับบางอย่างที่สัมผัสกับแผ่นหลัง ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่ามันคืออะไร เสียงกริ๊กเบา ๆ แทบฉุดลมหายใจของศิลาให้หลุดปลิว“มึงถอยออกไปไอ้ตำรวจ” เสียงดุดันออกคำสั่ง “พวกมึงก็อย่าเสนอหน้าเข้ามาใกล้ ไม่อย่างนั้นอีนี่ไส้ไหลแน่”“คุณ...คือ”“นายเจตน์” คนที่ตอบไม่ใช่เจ้าของชื่อ แต่เป็นหนูนาที่ยังคงรักษาสีหน้าเรียบนิ่งไว้ได้ “มือขวาของดาบคม”ดวงตาคมสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะกลับมามั่นคงเหมือนเดิม หนูนาที่ถูกจี้ตัวไม่มีท่าทีหวาดกลัว เขาเองก็ไม่ควรแสดงอาการอะไรออกไป เพราะนั่นจะยิ่งทำให้คนร้ายได้ใจ“กูบอกให้ถอยออกไป!!! อย่าคิดว่ากูไม่กล้ายิง”“ไม่เป็นไร นายถอยออกไปก่อนนะสารวัตร”“ออกไป!!!”“รู้แล้ว รู้แล้ว”ศิลายกมือทั้งสองข้างขึ้นสูง เขายอมถอยห่างแต่โดยดี แม้แต่ราชันเองก็ไม่กล้าเสี่ยง ทั้งหมดถอยออกมาพอประมาณ จดจ้องมองหนูนาที่ถูกจับเป็นตัวประกันไม่วางตา“พวกมึงทำให้นายกูต้องตาย!!” น้ำเสียงของเจตน์เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและสะเทือนใจ “พวกมึงมันชั่ว!”“แล้วพวกค้ายาเรียกว่าคนดีได้เหรอ” ราชันถามเสียงเรียบ “กี่คนแล้วที่ต้องตายเพร
ไม่เจ็บศิลาไม่รู้สึกว่ามีส่วนไหนในร่างกายที่เจ็บปวด เขารีบลืมตาขึ้น มองสำรวจร่างกายที่ปกติของตัวเอง ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกโพลง เมื่อเห็นว่าร่างท้วมของนายดาบล้มลงพร้อมกับเลือดที่ไหลนองออกมาจากศีรษะ“ดาบคม!!”“เหี้ยเอ้ย!! ทำไมมันถึงได้โง่ขนาดนี้วะ!! มาถึงขนาดนี้แต่เสือกฆ่าตัวตาย กระจอกฉิบหาย”หมวดก้องสบถด่า ไม่ได้มีท่าทีเสียอกเสียใจแม้แต่น้อย ที่คนที่ตนเองเรียกว่านายเลือกจบชีวิตตัวเองลงอย่างน่าอนาถแบบนี้คมไม่ได้หันปืนเข้าหาศิลา เขายกมันขึ้นจ่อที่ขมับของตัวเอง แล้วลั่นไกโดยไร้ซึ่งท่าทีลังเลใด ๆปิดฉากพ่อค้ายาในคราบนายตำรวจ ด้วยเลือดเนื้อและลมหายใจ“พาดาบคมไปโรงพยาบาล!” ศิลาออกคำสั่งเสียงสั่น “เร็วสิหมวดก้อง พาดาบคมไปหาหมอ!!”“หุบปาก!!” หมวดก้องยกปืนขึ้นจ่อขมับชื้นเหงื่อ “มันเสือกกระจอกเอง อยากตายนักก็ปล่อยให้มันตายสมใจ”“แกมันสัตว์นรก นั่นคนที่แกเรียกว่านายไม่ใช่เหรอ!”ผลัวะ!“กูไม่ได้ใจดีเหมือนไอ้คมจะโว้ย! ยังไงวันนี้มึงก็ต้องตาย ยังจะเสือกปากดีอีก อยากศพไม่สวยเหรอวะ”ศิลาถูกถีบจนกลิ้งไปกับพื้น ไม่ทันได้ลุกก็ถูกเตะเข้าที่ซี่โครงอีกหลายต่อหลายครั้งจนกระอักเลือดออกมากองโต“อีกอย่างนะ ถึงไ