ร่างเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มผืนหนาเริ่มรู้สึกตัวเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นตรงหัว ดวงตากวางค่อย ๆ เปิดขึ้นอย่างเกียจคร้าน และเมื่อขยับตัว เสียงร้องแหบแห้งก็ดังออกมาจากริมฝีปากบวมช้ำเบา ๆ“อู้ยย ซู้ดดด”นี่เธอโดนรถสิบล้อเหยียบมาหรือเปล่า ทำไมมันเจ็บมันปวดไปทั่วทั้งตัวขนาดนี้ขยับได้เพียงนิดเดียวหนูนาก็กลับไปนอนแบ็บอย่างหมดท่า นานเป็นสิบนาทีกว่าร่างเล็กจะยอมขยับกายอีกครั้ง โชคดีที่ครั้งนี้ไม่ได้เจ็บจนลุกไม่ไหวเหมือนครั้งแรก แต่อาการร้าวไปทั้งตัวยังคงหลงเหลืออยู่หนูนาสำรวจร่างกายตัวเองเป็นอย่างแรก ใบหน้าหวานเหยเกเมื่อเห็นร่องรอยมากมายที่สามีทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าตั้งแต่เนินอกไปจนถึงซอกขาอ่อนด้านใน เธอเห็นร่องรอยสีช้ำหลายจุดกระจายไปทั่ว จางบ้างเข้มบ้างปะปนกันไป แต่ส่วนมากเป็นรอยสีเข้ม บางจุดมีรอยฟันขึ้นจาง ๆ เมื่อลองแตะดูก็พบว่ามันไม่ได้เจ็บเท่าไหร่“หมาบ้าศาลาวัด”ทั้งดูดทั้งกัดจนเธอลายพร้อยไปทั้งตัวเหมือนตุ๊กแก นี่ตั้งใจจะไม่ให้เธอออกไปข้างนอกเลยหรือเปล่านึกถึงเรื่องเมื่อคืนใบหน้านวลก็แดงซ่านขึ้นมา เธอได้นอนตอนไหนนะ? ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นตอนที่ไก่เริ่มขัน พร้อมกับแสงอาทิตย์จาง ๆ ที่โผล่พ้นขอบฟ้าหร
“อรุณสวัสดิ์ดาบคม”“อะ เอ่อ”คนถูกทักเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก เหงื่อออกมือทั้ง ๆ ที่อากาศเย็นสบายกำลังดี นายดาบลุกขึ้นยืนตัวตรง เสียงหวาน ๆ เหมือนเคลือบด้วยยาพิษสำหรับคม น่ายำเกรงไม่ต่างจากเสียงของเจ้านาย“คะ ครับ คุณนาย”“ฉันซื้อปาท่องโก๋มาฝาก กินกับโอเลี้ยงนะ แต่อย่ากินเยอะล่ะ ของทอดมันไม่ดีต่อสุขภาพ”“ครับ ครับ คุณนาย”“อื้ม! ฉันไปล่ะ” หนูนายิ้มกว้าง ก่อนจะเดินตัวปลิวเข้าห้องทำงานของสารวัตรอย่างเคยชินคมเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก เป็นเวลาร่วมเดือนแล้วที่หนูนามีท่าทีแปลกไป จากที่เคยสร้างแต่ปัญหา ขึ้นโรงพักเพราะมีเรื่องกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว กลับกลายเป็นหนูนาที่สงบเสงี่ยม ที่เห็นเดินขึ้นโรงพักไม่เว้นวันแบบนี้ก็เพราะมาหาสารวัตรเท่านั้น ไม่ใช่เพราะไปทะเลาะกับใครมาเหมือนเมื่อก่อนเล่นเอาเหล่าตำรวจที่เคยเจอฤทธิ์เดชของหนูนามาหลายครั้งแทบหัวใจวายในตอนแรก ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความเคยชินที่ได้เห็นหน้าตัวแสบทุกวัน คงจะมีแค่ดาบคมนี่แหละที่ยังไม่ชินเสียที เห็นหน้าสวย ๆ ได้ยินเสียงหวาน ๆ ทีไรก็อดอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้นายดาบนั่งลงประจำที่ ฉีกปลาท่องโก๋ที่คุณนายซื้อมาฝากกินจนหมด จากนั้นไม่นานหนูนาก็เดินอมยิ้
รถยนต์สัญชาติตะวันตกแล่นไปตามทางลูกรัง เพราะเมื่อคืนฝนตกผิดฤดู ถนนที่ไม่ได้ดีมากอยู่แล้วจึงเป็นหลุมเป็นบ่อมากขึ้น รถที่ไม่เหมาะกับการวิ่งในถนนแบบนี้จึงโยกเยกไปมา ทำเอาคนที่อยู่ด้านในต้องหยิบยาดมยาหม่องขึ้นจ่อจมูกไม่ขาดสาย“คุณหญิงป้าคะ”“แม่บอกว่าอย่างไรหนูพราวฟ้า” แม้จะเวียนหัวแทบตาย แต่คุณหญิงแจ่มจันทร์กลับไม่ยอมปล่อยผ่านคำเรียกขานที่ไม่รื่นหูของว่าที่ลูกสะใภ้“เอ่อ.. ค่ะ คุณแม่ไหวไหมคะ ให้ลุงยอดหยุดรถก่อนดีกว่านะคะ”“แม่ไม่เป็นไร หนูพราวฟ้านั่นแหละ ไหวหรือเปล่าจ๊ะ แม่พาหนูมาลำบากหรือเปล่า”“ไม่ค่ะ” ใบหน้าสวยหวานก้มงุด เธอส่ายหน้าไปมาเบา ๆ “ฟ้าแค่เป็นห่วงคุณแม่”“โถ แสนดีเหลือเกินแม่คุณ”แจ่มจันทร์ปลาบปลื้มจนหน้าบาน เลือกไม่ผิดจริง ๆ ผู้หญิงที่สวยและเพรียบพร้อมด้วยฐานะทางสังคม และมารยาทอ่อนหวานแบบนี้นี่แหละที่เหมาะกับศิลาไม่ใช่แม่หนูจี๊ดอะไรนั่น“ใกล้ถึงแล้วครับคุณหญิง คุณพราวฟ้า”“งั้นหรือ ขับเร็วหน่อยก็ได้ยอด”“ครับคุณหญิง”คุณหญิงแจ่มจันทร์ยกยิ้มบาง ๆ แต่เมื่อความเร็วมากขึ้นก็รีบยกยาหม่องขึ้นดมแทบไม่ทัน ทว่าถึงจะทุลักทุเลแค่ไหนแจ่มจันทร์ก็ไม่คิดถอยหลังกลับสามเดือนแล้วที่ลูกชายโ
“บ้านอยู่ลึกขนาดนี้ หาข้าวหาปลากินอย่างไรหรือลูก” คุณหญิงแจ่มจันทร์สอบถามความเป็นอยู่ของลูกชาย จงใจเมินลูกสะใภ้ที่ไม่ต้องการอย่างเห็นได้ชัดแต่คิดว่าคนอย่างหนูนาจะสนใจเหรอบอกเลยว่าไม่เสียงต๊อกแต๊กของเครื่องพิมพ์ดีดดังขัดบนสนทนาของสองแม่ลูกเป็นระยะ คุณหญิงเหลือบมองอย่างไม่สบอารมณ์ คุณมะพร้าวนั่งเงียบ เก็บไม้เก็บมือไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้นไม่รู้ว่าเป็นคนหรือรูปปั้น เหมือนตุ๊กตาประดับบ้านที่ใครจะจับให้ตั้งอยู่ตรงไหน ก็ตั้งอยู่ตรงนั้นง่าย ๆ“พวกเราซื้อเนื้อสัตว์จากตลาดมาปรุงเองครับ ส่วนพวกผักผลไม้พวกเราเก็บจากสวน”“สวน?”“เป็นสวนเล็ก ๆ ของหนูนาเขาครับ” ศิลาผินหน้าไปมองภรรยา ยกยิ้มให้อีกฝ่ายราวกับว่าโลกใบนี้มีกันแค่สองคน “หนูนาเขามาจากหมู่บ้านกอบัว ที่นั่นทำไร่ทำนาและสวนผักเป็นหลัก ก็เลยมีความรู้ด้านนี้ครับคุณแม่”“ที่แท้ก็ลูกชาวนา ไหนว่าลูกทนาย”“ก็...” ศิลาเตรียมจะแก้ต่างให้ภรรยา ทว่าช้ากว่าหนูนาที่ยอมสละเวลางานสักครู่ เพื่อตอบโต้แม่สามีนิสัยขี้เหยียด“ลูกชาวนาแล้วมันทำไมคะ” ดวงตากวางวาบวับ บ่งบอกว่าเป็นคนไม่ยอมคนง่าย ๆ ยิ่งกับคนที่ดูถูกตนเองแบบนี้ “ไม่ใช่เพราะชาวนาอย่างพวกเราหรือคะ ท
“ตอนผมไปทำงาน แม่ผมทำอะไรคุณหรือเปล่า” ศิลาถามระหว่างที่มองภรรยาจัดที่นอน หนูนาหันมายิ้มให้ ก่อนจะส่ายหน้า“ไม่นะ แม่นายอาจจะยังไม่ชินกับบ้านนอกแบบนี้ เห็นเอาแต่สนใจเรื่องข้าวของเครื่องใช้ เหมือนวันนี้จะมีของมาส่งจากเชียงใหม่ด้วย” รอยยิ้มของหนูนายืนยันว่าไม่มีอะไรจริง ๆ “แต่ถึงมี ฉันก็ไม่ยอมหรอก นายรู้ดีว่าฉันเป็นคนยังไง”“ผมห้ามไม่ได้สินะ”“ถ้าแม่นายไม่ล้ำเส้นเข้ามา ฉันก็จะไม่ยุ่ง แต่ถ้าแม่นายรังแกฉัน ฉันก็จำเป็นต้องตอบโต้”หนูนาไม่ได้พูดเล่น สามวันที่อยู่กับแม่สามีไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย เพราะคุณหญิงเอาแต่สั่งข้าวของมาไม่หยุด ทั้งที่นอนใหม่ โต๊ะกินข้าว เก้าอี้นั่งเล่น และอีกหลายอย่างจนบ้านเล็ก ๆ คับแคบไปหมด เหมือนว่าคุณหญิงจะปักหลักอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนอีกนาน หรือจนกว่าเธอจะยอมเลิกกับศิลาสมใจอยู่จนผมหงอกทั้งหัวเธอก็ไม่เลิก ผู้ชายที่ทำกับข้าวอร่อย แถมเรื่องบนเตียงก็อร่อยแบบนี้จะหาได้จากที่ไหนอีกดวงตากวางเป็นประกายเมื่อนึกถึงเรื่องลามก หนูนาขยับเข้าไปใกล้นายตำรวจหนุ่ม พลางใช้ดวงตาเจ้าเล่ห์มองสำรวจเรือนร่างแข็งแกร่งในชุดนอนอย่างโจ่งแจ้ง“เราเข้านอนกันดีกว่าศาลาวัด” มือเรียวเอื้อมไปดึงมุ
“พวกมันรู้ตัวก่อนอีกแล้ว”ภายในห้องทำงานของสารวัตรหนุ่มเต็มไปด้วยความตึงเครียด ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำ เหมือนว่าทุกอย่างถูกหยุดเอาไว้ชั่วขณะ มีเพียงเสียงเข็มของนาฬิกาที่เดินหน้าต่อตามหน้าที่ของมันเพราะนาฬิกาไม่มีชีวิต มันจึงไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะก้าวเดินพลาดหรือเปล่า ไม่เหมือนกับศิลา“สามครั้งแล้วนะครับ”“ใช่ สามครั้งแล้ว” ปฐพีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “สามครั้งแล้วที่พวกมันรู้ตัวก่อนที่เราจะไปถึง”“มันแปลก”“คุณรู้สึกเหมือนผม” ปฐพีซุกมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง สารวัตรศิลากำลังคิดเหมือนกับที่เขาคิดสมกับเป็นสารวัตรคนเก่ง“พวกเรามีหนอน”“ผมก็คิดแบบนั้น”“แต่.. เป็นใครกัน”คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปม ศิลาพยายามนึกว่าหนอนตัวนั้นคือใคร หนอนที่อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกแต่เขานึกไม่ออกเลย“เรื่องภารกิจของเรา มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ล่วงหน้า คุณ ผม หมวดก้อง และผู้กองแทนไท”“ผม...” ศิลากุมศีรษะเหมือนคนหมดสิ้นหนทาง “ผมดูไม่ออกว่าใครที่เป็นหนอน พวกเขาล้วนทำงานที่นี่มานาน ถ้าจะมีใครสักคนที่ถูกสงสัย ก็คงไม่พ้นจะเป็นผม”และเขาในฐานะหัวหน้าอาจจะได้รับคำสั่งให้พักงานชั่วคราว เพราะความล้มเหลวถึงสามครั้งในการจับพว
“พี่หนูนา อีกไม่กี่วันพ่อราชันกับแม่ใบบัวก็จะกลับมาแล้วนะจ๊ะ พี่จะบอกพ่อกับแม่ว่ายังไง”“ก็บอกตามความจริง”“ความจริงที่พี่จะหย่ากับสารวัตรศิลางั้นหรือ”ปื๊ดมีสีหน้าเป็นกังวลยิ่งกว่าคนกำลังจะหย่า กินไม่ได้นอนไม่หลับตั้งแต่พี่สาวขับรถเต่าคันโปรดกลับมาบ้านเมื่อสามวันก่อนส่วนหนูนาน่ะหรือ นอกจากจะไม่ฟูมฟายอะไรแล้ว ยังเอาแต่นั่งกินของเปี้ยวของดองตลอดเวลา หรือไม่ก็นั่งอ่านหนังสือฟังเพลงอย่างมีความสุข ไม่เหมือนคนที่กำลังจะหย่าเลยสักนิด“ใครบอกว่าข้าจะหย่า”“ก็พี่ไงเล่า!”“ข้าเคยบอกเหรอ” คนถามหน้าเหลอหลา เหมือนจำไม่ได้จริง ๆ ว่าเคยพูดไว้ “จำไม่เห็นได้เลย”“พี่หนูนา นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะจ๊ะ พี่ไม่รู้เลยเหรอว่าตอนนี้สารวัตรศิลาย่ำแย่แค่ไหน ฉันได้ยินมาว่าสารวัตรไม่กลับบ้านมาสามวันแล้วนะ”“คนนั้นเขาบ้างานอยู่แล้ว”“แต่วันนี้คงต้องกลับแล้วแหละจ้ะ” ปื๊ดถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกเหมือนตัวเองแก่กว่าเดิมเพราะปัญหาของพี่สาว “สารวัตรศิลาโดนพักงานหนึ่งเดือน เห็นมีคนลือกันว่าสารวัตรรับสินบนจากพวกค้ายา”“เป็นไปไม่ได้!” ร่างเล็กลุกขึ้นยืนทันที ดวงตากวางวาวโรจน์จนแม้แต่ปื๊ดยังไม่กล้าพูดแทรก “ศาลาวัดไม่มีทาง
ทั้งบ้านรู้กันหมดแล้วว่าหนูนากับสารวัตรศิลามีปัญหากันหนูนาไม่ได้พูดปื๊ดไม่ได้พูดพ่อแม่ไม่ได้ถามแต่ที่รู้ ก็เพราะใครบางคนที่แวะเวียนมาหากันทุกวัน ชนิดที่หัวบันไดบ้านไม่ได้แห้งเลยทีเดียว“ใครมาล่ะปื๊ด” ใบบัวร้องถาม ทว่าเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มแห้ง ๆ ของเด็กหนุ่ม คนที่เจอเรื่องนี้จนชินก็ถึงบางอ้อไม่ใช่แค่ใบบัวที่รู้ ราชันเองก็พอจะเดาได้ ส่วนหนูนานั้น…“พ่อ แม่ หนูนาเข้าห้องก่อนนะ”“อ้าว ไม่รอเจอสารวัตรหรือลูก”“ไม่ล่ะจ้ะ หนูนาง่วง รู้สึกเพลีย ๆ อยากนอนพักสักหน่อย”พอลูกอ้างแบบนั้นใบบัวจึงไม่กล้าเซ้าซี้ ได้แต่มองตามหลังลูกเงียบ ๆ ดูก็รู้ว่าหนูนาไม่อยากเจอสารวัตรแค่ไหน แต่ที่เธอไม่รู้คือทั้งสองคนทะเลาะกันเรื่องอะไร มันร้ายแรงถึงขั้นนี้เชียวหรือคล้อยหลังหนูนาได้ไม่นานลูกเขยก็ปรากฎกายขึ้น ก่อนรอยยิ้มจะค้างเติ่งเมื่อไม่เจอคนที่ต้องการพบหน้า“สวัสดีครับทนาย คุณแม่”“สวัสดีจ้ะ พอดีว่าหนูนาบ่นว่าเพลีย ตอนนี้เลยนอนพักอยู่ในห้อง พ่อศิลาเข้าไปดูน้องก็ได้นะ”“ผม...ไม่เข้าไปดีกว่าครับ” ศิลาตัดใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เป็นห่วงภรรยา แต่ว่า.. “ผมอยากให้หนูนาได้พักผ่อนเต็มที่ ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าเขาดูอ่อนเพลี
“ไม่เปลี่ยนใจแน่หรือ สารวัตร”ปฐพีถามด้วยความเสียดายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยหวังว่าคำตอบของคนตรงหน้าจะเปลี่ยนไป“ไม่ครับ”แต่ไม่เลย...ผู้กำกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาคงเปลี่ยนใจศิลาไม่ได้อีกแล้ว ได้แต่ยอมรับความจริงว่ากำลังจะสูญเสียลูกน้องฝีมือดีไปอีกคนความรักฉันท์ชู้สาวไม่หลงเหลืออยู่แล้ว แต่ปฐพียอมรับโดยไม่อายว่ามีศิลาอยู่เขาทำงานได้ง่ายขึ้น ตลอดเวลากว่าแปดปีที่ผ่านมาศิลาสร้างผลงานเอาไว้มากมาย ถ้าหากอีกฝ่ายยอมรับ คงเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งได้ไม่ยากแต่ศิลาปฏิเสธเสียงแข็งเสมอมา ชายหนุ่มไม่ได้ต้องการตำแหน่งอะไรทั้งนั้น เขาแค่อยากทำงานตรงนี้ให้เต็มที่ ช่วยเหลือประชาชนอย่างสุดกำลัง ก่อนที่จะอำลาวงการตำรวจในสักวันหนึ่งแล้ววันนี้ก็มาถึงจนได้ปฐพีมองซองสีขาวตรงหน้า เขาไม่อยากหยิบมันขึ้นมาดูเลย เพราะรู้ดีว่าด้านในคืออะไร“ผู้กำกับอนุมัติเถอะครับ”“สารวัตรศิลา”“ผมไม่ได้ไปไหนนี่ครับ เมื่อไหร่ที่ผู้กำกับต้องการตัว ขอแค่บอก...ผมพร้อมจะช่วยเหลือเสมอ”ปฐพีเริ่มยิ้มออกมาได้ จริงอย่างที่ศิลาพูด ชายหนุ่มไม่ได้หายไปไหน เพราะอย่างไรสิ่งที่ศิลารักก็คือการได้ช่วยเหลือประชาชน เพียงแค่หลังจากนี้จะไม่ได้ทำมันใน
“ลูกหลับแล้วเหรอศาลาวัด”“อืม” ศิลารับคำสั้น ๆ ระหว่างที่แทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับภรรยา “คุณก็รีบนอนได้แล้ว วันนี้เลี้ยงลูกทั้งวันคงเหนื่อยน่าดู”“ไม่เลย ไม่เหนื่อยสักนิด”ไม่พูดเปล่า หนูนายังยืนยันว่าตัวเองไม่เหนื่อยด้วยการไต่มือเข้าไปในกางเกงนอนอีกฝ่าย ดวงตากวางแพรวพราวอย่างคนแสนเจ้าเล่ห์“หนูนา”“หืม”“คุณ อืม”ศิลาหลุดครางออกมาแผ่วเบา ร่างกายเขาตื่นตัวทันทีที่ถูกมือนุ่มนวดคลึงอย่างชำนาญ หนูนารู้ดีว่าแตะต้องส่วนไหนแล้วจะทำให้เขาทนไม่ไหว มือน้อย ๆ ขยับอย่างเอาใจจนกระทั่งความเป็นชายเหยียดขยายใหญ่เต็มมือ“ศาลาวัด เราไม่ได้ทำมาสักพักแล้วนะ”“คุณเลี้ยงลูก ผมกลัวว่าคุณจะเหนื่อยเกินไป”“ฉันพูดตอนไหนว่าเหนื่อย” หนูนาเลิกคิ้วขึ้นสูง ในขณะที่มือนุ่มคอยปลุกปั้นสิ่งที่อยู่ในมือไม่หยุด“อา ปละ เปล่า ไม่ได้พูด อืม”“ไม่ได้พูดก็แปลว่าไม่เหนื่อย ลูก ๆ ไม่ได้เลี้ยงยากเลย แถมปื๊ดกับแม่ก็คอยช่วยตลอด ฉันสบายจะตายไป”“แต่ยังไงมันก็ยังหนักเกินไปอยู่ดี” ศิลาแย้ง “เรามีลูกตั้งสี่คน ผมรู้ว่าคุณเหนื่อย คุณแค่ไม่ยอมรับความจริง”ศิลาอยากกอดหนูนาจะแย่ เขาเพิ่งอายุแค่สามสิบห้าปี ร่างกายยังแข็งแรงและมีควา
ศิลาเหมือนกลายเป็นคนละคน จากที่เคยสุขุมกลายเป็นหนูติดจั่นที่เอาแต่เดินไปเดินมาอย่างร้อนรน หนูนาถูกส่งเข้าห้องคลอดทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล เพราะหมอบอกว่าเธอพร้อมคลอดแล้วปากมดลูกเปิดพร้อมสำหรับให้กำเนิด ทว่าเข้าไปเป็นชั่วโมงแล้วประตูบานนั้นก็ยังปิดสนิท ศิลาไม่รู้ว่าการทำคลอดต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่เพราะไม่รู้เขาถึงได้จิตตกแบบนี้“หนูนา คุณจะต้องปลอดภัย”ตอนที่นั่งรถมาท่าทางของเธอดูเจ็บปวดมาก เสียงกรีดร้องทรมานน่าสงสารจับใจ หนูนาที่ปกติร้องไห้ยากร่ำไห้ออกมาเพราะเจ็บจนแทบทนไม่ไหว ศิลาแทบขาดใจ หากเลือกได้เขาอยากเป็นคนที่เจ็บเอง“ศิลา ศิลาลูก”คุณหญิงแจ่มจันทร์ที่เพิ่งมาถึงรีบวิ่งเข้าไปหาลูกชาย หัวใจหล่นวูบไปกองที่ปลายเท้าเมื่อเห็นว่าศิลากำลังร้องไห้“ศิลา! เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม หนูนาเป็นอะไร!”“หนูนาเป็นอะไรหรือพ่อศิลา”ใบบัวที่ตามมาติด ๆ ร้องถามย้ำ ท่าทางไม่สู้ดีของลูกเขยทำให้หัวใจคนเป็นแม่แทบขาดรอน ๆ แม้ว่าสมัยนี้การคลอดจะปลอดภัยว่าสมัยเธอมาก แต่คนที่เคยผ่านความเจ็บปวดมาก่อนย่อมรู้ดีว่ามันทรมานเพียงใด“ผม ฮึก ผม” ศิลาสะอื้น เขารีบรวบรวมสติ ก่อนที่เรื่องราวมันจะไปกันใหญ่ “หนูนาไม่ได้เป็
ศิลานั่งฟังคำตัดสินของศาลอย่างเงียบสงบ วันนี้เป็นวันนัดตัดสินคดีค้ายาเสพติดของนายเจตน์ หลังจากผ่านมาเกือบปี คดีที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอก็ถึงเวลาถูกพิพากษานายเจตน์ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และซัดทอดไปถึงตัวการใหญ่ที่กรุงเทพฯ ทำให้ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น และจับพ่อค้ารายใหญ่ได้ในที่สุด เพราะเหตุผลนี้ทำให้โทษของนายเจตน์ลดน้อยลง จากประหารชีวิตเป็นติดคุกตลอดชีวิต ก่อนจะถูกลดให้เหลือจำคุกสี่สิบปี แต่ถึงอย่างนั้นระยะเวลาสี่สิบปีในคุก ก็แทบไม่ต่างจากทั้งชีวิตที่เหลืออยู่“นายเจตน์”หลังคำตัดสินสิ้นสุดลง นายเจตน์ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์และยินดีรับโทษที่ศาลชั้นต้นตัดสิน อดีตมือขวาของพ่อค้ายาจึงถูกกุมตัวอย่างแน่นหนา เพื่อเตรียมรับโทษทัณฑ์จากสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ นายเจตน์มีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย ดวงตาเหม่อลอยอย่างคนที่ปลงตกกับทุกอย่าง“นายเจตน์”เจตน์ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเรียกใกล้ ๆ ศิลามองหน้าหนูนา คนเป็นสามีเห็นความกังวลในดวงตากวางคู่นั้น“นายเจตน์” หนูนาส่งเสียงเรียกอีกครั้ง ครั้งนี้นายเจตน์ยอมหันมาสบสายตา ทว่าดวงตาคู่นั้นว่างเปล่าไร้แววจนน่าใจหายหนูนากลัวเหลือเกินว่านายเจตน์จะหาทางจบชีวิตตัวเองสักวัน เพร
“ศาลาวัด!”“หนูนา ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง” คิ้วเข้มขมวดฉับ เมื่อเห็นร่างที่เริ่มอวบอิ่มของภรรยาวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาหา “ไหนคุณบอกว่าจะไม่ดื้อกับผมเรื่องนี้”“ก็ฉันลืมตัว มันไม่ชินนี่นา”“คุณท้องห้าเดือนแล้วนะ ถึงไม่ชินก็ต้องชิน ถ้าล้มขึ้นมาทั้งคุณและลูกจะเป็นอันตราย” ศิลาดุเสียงเข้ม เรื่องอื่นเขายอมได้เสมอ ยกเว้นเรื่องนี้หนูนาเป็นคนที่อยู่ไม่นิ่ง เธอชอบทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย ศิลาไม่เคยบังคับหรือทำเหมือนหนูนาเป็นคนพิการ เขาขอแค่ต้องระวัง แต่ดูเหมือนว่าหนูนาจะรับปากไปอย่างนั้น เพราะเกือบทุกวันเขาต้องมานั่งปวดหัวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมือนคนท้องของภรรยายิ่งท้องใหญ่กว่าปกติแบบนี้เขายิ่งเป็นกังวล“นายทำอะไรอยู่” หนูนาแสร้งเปลี่ยนเรื่องเนียน ๆ ชะโงกหน้ามองบ้านหลังใหม่ที่มีคนเดินไปมาพลุกพล่าน“คุมคนงานให้เอาของเข้าบ้าน”“อีกไม่นานก็จะได้ย้ายเข้าบ้านใหม่แล้วสินะ”ทั้งคู่มองบ้านใหม่หลังใหญ่ด้วยความพึงพอใจ นับว่าผู้รับเหมาทำงานได้ดีทีเดียว บ้านหลังนี้เป็นบ้านแนวผสมสผานระหว่างไทยและยุโรปอย่างลงตัว เพราะศิลาเคยไปเรียนที่แถบนั้น เขาชื่นชอบบ้านแนวยุโรปมาก ส่วนหนูนาแม้จะไม่เคยไป แต่เธอก็ชอบดูรูปภาพของต
“ฉันอยากอยู่คนเดียว”พูดแค่นั้นก็ทิ้งตัวลงนอน แล้วหันหลังให้คนที่ไม่ยอมออกไปเหมือนคนอื่นทันทีอยากอยู่ก็อยู่ไป เธอไม่สนใจเสียอย่าง“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ”“.....”“ฉันรู้ว่าเธอได้ยิน ดังนั้นฉันจะพูดต่อไป” คุณหญิงแจ่มจันทร์กระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มพูดเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจมาเนิ่นนาน “สามีฉัน พ่อของศิลาเขามีภรรยาน้อย”หนูนาที่ตอนแรกไม่คิดสนใจหูผึ่งทันที แต่ยังคงรักษาท่าทางเมินเฉยเอาไว้ คุณหญิงที่ผ่านโลกมามากพอจะมองออกว่าเด็กคนนี้กำลังตั้งใจฟัง จึงค่อย ๆ ถ่ายทอดเรื่องราวที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนอย่างหมดเปลือก“แต่ก่อนฉันเป็นแค่ลูกของแม่ค้าธรรมดา คุณศักดิ์ พ่อของศิลาเขาเป็นลูกค้าประจำ เขาเกี้ยวฉัน ตามเทียวไล้เทียวขื่อจนฉันใจอ่อนและตกหลุมรักเขา พวกเรารักกันมาก ไม่เคยทะเลาะบอกแว้ง เป็นคู่รักที่ใคร ๆ ต่างก็พากันอิจฉา และในที่สุดพวกเราก็ตกลงปลงใจแต่งงานกัน ฉันคาดหวังว่าการแต่งงานจะเป็นเหมือนในนิยาย ที่พวกเราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป”คุณหญิงเงียบไปสักพัก ก่อนจะเริ่มพูดต่อ“แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่นิยาย คุณศักดิ์เติบโตมาในตระกูลตำรวจ พ่อของเขา พี่น้องของเขาล้วนเป็นตำ
คนท้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากทุกอย่างจบลง แม้ว่าหนูนาจะปฏิเสธเสียงแข็งว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้เจ็บตรงไหนแม้แต่นิดเดียว แต่ศิลาไม่คิดฟัง เขายื่นคำขาดว่ายังไงหนูนาก็ต้องไปให้หมอตรวจอย่างละเอียด เขาถึงจะสบายใจได้“คุณท้องผมก็ได้รู้เป็นคนสุดท้าย ตอนนี้ผมแค่อยากได้ความสบายใจ คุณก็ให้ผมไม่ได้”คำพูดตัดพ้อของสารวัตรหนุ่มทำเอาหนูนาไปไม่เป็น สุดท้ายเธอก็จำต้องยอม เพราะตัวเองมีชนักติดหลังอันเบอเร่อ พอตรวจเสร็จศิลาก็ร้องขอกึ่งบังคับให้เธอนอนที่โรงพยาบาลสักคืนหนูนายอมสามีแต่โดยดี เพราะรู้ว่าที่ศิลาวิตกแบบนี้ก็เป็นเพราะตัวเธอเองที่เก็บงำเรื่องลูกเอาไว้ ทั้งยังเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้น ถึงจะปลอดภัยแต่หัวอกคนเป็นพ่อคงไม่หายกังวลง่าย ๆสารวัตรหนุ่มเป็นคนอยู่เฝ้าภรรยา เขาให้หนูนานอนห้องพิเศษที่มีราคาสูง เพราะญาติจะสามารถอยู่เฝ้าได้ หลังจากราชันกลับบ้านไป ทั้งห้องจึงเหลือเพียงสองสามีภรรยาตามลำพัง ส่วนญาติ ๆ ตกลงกันว่าจะตามมาเยี่ยมพรุ่งนี้ เพราะต้องการให้สองคนที่เจอเรื่องหนัก ๆ มาได้พักสักคืนที่สำคัญ ราชันพอจะมองออกว่าลูกเขยกำลังน้อยใจที่หนูนาปิดบังเรื่องท้อง เขาอยากให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาปรับควา
“ใครบอกพวกมึงว่ามันจบแล้ว” ดวงหน้าสวยยังคงนิ่งสงบ แม้จะได้ยินเสียงกระซิบแหบพร่าพร้อมกับบางอย่างที่สัมผัสกับแผ่นหลัง ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่ามันคืออะไร เสียงกริ๊กเบา ๆ แทบฉุดลมหายใจของศิลาให้หลุดปลิว“มึงถอยออกไปไอ้ตำรวจ” เสียงดุดันออกคำสั่ง “พวกมึงก็อย่าเสนอหน้าเข้ามาใกล้ ไม่อย่างนั้นอีนี่ไส้ไหลแน่”“คุณ...คือ”“นายเจตน์” คนที่ตอบไม่ใช่เจ้าของชื่อ แต่เป็นหนูนาที่ยังคงรักษาสีหน้าเรียบนิ่งไว้ได้ “มือขวาของดาบคม”ดวงตาคมสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะกลับมามั่นคงเหมือนเดิม หนูนาที่ถูกจี้ตัวไม่มีท่าทีหวาดกลัว เขาเองก็ไม่ควรแสดงอาการอะไรออกไป เพราะนั่นจะยิ่งทำให้คนร้ายได้ใจ“กูบอกให้ถอยออกไป!!! อย่าคิดว่ากูไม่กล้ายิง”“ไม่เป็นไร นายถอยออกไปก่อนนะสารวัตร”“ออกไป!!!”“รู้แล้ว รู้แล้ว”ศิลายกมือทั้งสองข้างขึ้นสูง เขายอมถอยห่างแต่โดยดี แม้แต่ราชันเองก็ไม่กล้าเสี่ยง ทั้งหมดถอยออกมาพอประมาณ จดจ้องมองหนูนาที่ถูกจับเป็นตัวประกันไม่วางตา“พวกมึงทำให้นายกูต้องตาย!!” น้ำเสียงของเจตน์เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและสะเทือนใจ “พวกมึงมันชั่ว!”“แล้วพวกค้ายาเรียกว่าคนดีได้เหรอ” ราชันถามเสียงเรียบ “กี่คนแล้วที่ต้องตายเพร
ไม่เจ็บศิลาไม่รู้สึกว่ามีส่วนไหนในร่างกายที่เจ็บปวด เขารีบลืมตาขึ้น มองสำรวจร่างกายที่ปกติของตัวเอง ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกโพลง เมื่อเห็นว่าร่างท้วมของนายดาบล้มลงพร้อมกับเลือดที่ไหลนองออกมาจากศีรษะ“ดาบคม!!”“เหี้ยเอ้ย!! ทำไมมันถึงได้โง่ขนาดนี้วะ!! มาถึงขนาดนี้แต่เสือกฆ่าตัวตาย กระจอกฉิบหาย”หมวดก้องสบถด่า ไม่ได้มีท่าทีเสียอกเสียใจแม้แต่น้อย ที่คนที่ตนเองเรียกว่านายเลือกจบชีวิตตัวเองลงอย่างน่าอนาถแบบนี้คมไม่ได้หันปืนเข้าหาศิลา เขายกมันขึ้นจ่อที่ขมับของตัวเอง แล้วลั่นไกโดยไร้ซึ่งท่าทีลังเลใด ๆปิดฉากพ่อค้ายาในคราบนายตำรวจ ด้วยเลือดเนื้อและลมหายใจ“พาดาบคมไปโรงพยาบาล!” ศิลาออกคำสั่งเสียงสั่น “เร็วสิหมวดก้อง พาดาบคมไปหาหมอ!!”“หุบปาก!!” หมวดก้องยกปืนขึ้นจ่อขมับชื้นเหงื่อ “มันเสือกกระจอกเอง อยากตายนักก็ปล่อยให้มันตายสมใจ”“แกมันสัตว์นรก นั่นคนที่แกเรียกว่านายไม่ใช่เหรอ!”ผลัวะ!“กูไม่ได้ใจดีเหมือนไอ้คมจะโว้ย! ยังไงวันนี้มึงก็ต้องตาย ยังจะเสือกปากดีอีก อยากศพไม่สวยเหรอวะ”ศิลาถูกถีบจนกลิ้งไปกับพื้น ไม่ทันได้ลุกก็ถูกเตะเข้าที่ซี่โครงอีกหลายต่อหลายครั้งจนกระอักเลือดออกมากองโต“อีกอย่างนะ ถึงไ