เวลาตีสามของวันที่แสนธรรมดา ลูกสาวคนเดียวของทนายราชันถูกปลุกขึ้นมาอาบน้ำเย็น ๆ ที่กว่าหนูนาจะยอมอาบได้ก็เล่นเอาปื๊ดแทบขาดใจ จากนั้นร่างเล็กก็ถูกพามาที่กระจกบานใหญ่ ปื๊ดกดไหล่ทั้งสองข้างให้หนูนานั่งลงตรงนั้น
“ฮ๊าววววว”
“พี่หนูนา หาวปากกว้างน่าเกลียด” ปื๊ดถึงกับรับไม่ได้ มีอย่างที่ไหนโตเป็นสาวอายุยี่สิบปี จนวันนี้จะแต่งงานออกเรือนแล้วยังหาวปากกว้างแบบนี้
“ก็คนมันง่วง ง่วง! ง่วง! ง่วง! ง่วง! ได้ยินไหมวะว่าข้าง่วง!! อยากนอนต่อ ได้ยินไหม!!”
“ได้ยินแล้วจ้า ๆ แต่วันนี้เป็นวันแต่งงานของพี่กับสารวัตรศิลานะ ต้องรีบแต่งหน้าแต่งตัว ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันฤกษ์ทันยาม”
“ก็ช่างมันสิ”
“พี่หนูนา!”
“ทำไมเล่า!”
“ทะเลาะอะไรกันแต่เช้า”
เสียงเย็น ๆ เอ่ยขึ้นเพื่อห้ามศึกน้ำลายของคนสองคน บานประตูไม้สักถูกเปิดออกกว้าง คนที่ก้าวเข้ามาเป็นคนแรกคือใบบัว ตามด้วยป้ามะลิ และพี่สาวคนสวยอย่างพี่เอื้อ
“แล้วนั่นพี่ช้างเข้ามาทำไม” หนูนาถามคนที่เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าพี่ชายเข้ามาในห้องทำไม แต่ก็อดแกล้งไม่ได้
เอาแต่เดินตามพี่เอื้อต้อย ๆ ตามจีบตั้งแต่พี่เอื้ออายุสิบแปดจนป่านนี้ก็ยังจีบไม่ติด แต่ก็สมควรแล้ว พี่เอื้อเป็นถึงลูกสาวผู้ใหญ่บ้าน จะมาสนอะไรกับนักเลงหัวไม้ที่มีเรื่องกับคนอื่นไปวัน ๆ งานการไม่มีทำแบบนี้
“นั่นสิ พ่อช้างเข้ามาทำไมลูก น้องต้องแต่งตัวนะ ผู้ชายอยู่ไม่ได้”
“แต่ไอ้ปื๊ดก็อยู่นี่จ๊ะแม่” ช้างเถียงแม่ ไอ้ปื๊ดเป็นชายเหมือนกันยังนั่งหน้าสลอนอยู่ได้ เขาที่เป็นพี่ชายแท้ ๆ ก็ต้องอยู่ได้เหมือนกัน
“ปื๊ดอยู่ได้เพราะปื๊ดเป็นน้อง..”
“อย่างนั้นหนูก็อยู่ได้เพราะหนูเป็นพี่”
“เอ๊ะ! พ่อช้างนี่!”
“พี่ช้างจ๊ะ” เสียงอ่อนหวานเอ่ยเรียกเบา ๆ เพียงแค่นั้นคนดื้อดึงก็ตาหวานเยิ้ม เลิกเถียงแม่ทันทีทันใด “พี่ช้างออกไปรอด้านนอกก่อนเถอะนะจ๊ะ คนในนี้เยอะเกินไป จะแต่งตัวให้น้องได้ไม่สะดวก”
“ก็ได้จ้ะน้องเอื้อ พี่จะออกไปรอน้องเอื้อข้างนอกนะจ๊ะ”
เอื้อทำเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่นั่นก็ทำให้ช้างลิงโลดไปแล้วว่าน้องเอื้อมีใจให้!
“น้าล่ะปวดหัว”
เมื่อลูกชายยอมออกไปใบบัวก็อดหันไปบ่นกับเอื้อไม่ได้ มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าช้างชอบเอื้อ และมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเอื้อไม่ได้เล่นด้วย ทุกคนรู้ ยกเว้นช้างนั่นแหละที่ชอบคิดว่าเอื้อมีใจให้ แค่ยิ้มให้ก็คิดไปถึงวันแต่งงานโน้นแล้ว
ปวดหัวจริง ๆ
“รีบแต่งหน้าทำผมให้หนูนาดีกว่าใบบัว นั่น.. หลับน้ำลายยืดไปแล้ว” มะลิเอ่ยเตือน ใบหน้าดูลำบากใจไม่น้อยกับสภาพหลานคนนี้..
นี่ก็อีกคน
ใบบัวถอนหายใจ เธอเหนื่อยใจเกินจะกล่าว มีลูกสองคนสร้างแต่เรื่องปวดหัวมาให้ไม่หยุดไม่หย่อน นึกแล้วก็อิจฉามะลิกับสอง มีลูกแค่คนเดียวแต่เป็นเด็กดี เป็นกุลสตรีที่ใคร ๆ ก็อยากได้มาเป็นสะใภ้ และแน่นอนว่าใบบัวเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่พอหันกลับไปมองลูกชายที่เบ่งออกมาเองก็จำต้องถอดใจ ช้างเป็นแบบนี้ใครเขาจะอยากฝากชีวิตด้วย ให้เด็กดีอย่างเอื้อไปเจอคนที่ดีกว่านี้คงจะดีกว่า..
หนูนาถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งหลังจากแต่งหน้าทำผมเสร็จ เพราะใบบัวรู้ว่าตัวเธอคนเดียวคงจับลูกแต่งหน้าไม่ได้ง่าย ๆ จึงได้วานให้มะลิกับเอื้อมาช่วย ตลอดเวลาที่แต่งหน้าทำผมหนูนาหลับตลอด ปื๊ดต้องคอยช่วยจับไม่ให้ว่าที่เจ้าสาวคอพับลงไประหว่างมวยผมสูง
“อึดอัด”
“แม่บอกแล้วว่ามื้อเย็นอย่ากินเยอะ” ใบบัวจับลูกสาวหมุนไปมา “สวยมากลูกสาวแม่”
“สวยจริง ๆ หลานป้า ยิ่งแต่งชุดไทยแบบนี้ยิ่งสวย”
“พี่เอื้อ หนูนาสวยไหม”
“สวยจ้ะ สวยมากจริง ๆ”
ได้ยินแบบนั้นว่าที่เจ้าสาวก็ยืดอกสูง ผู้หญิงที่ไหนจะไม่อยากสวย ถูกชมแบบนี้ก็ชักจะอยากเห็นตัวเองบ้างแล้ว
หนูนาเดินไปที่กระจกขนาดใหญ่กว่าตัว ดวงตากวางซุกซนกวาดมองหญิงสาวในนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงสวยหวานเหมือนนางฟ้าคนนั้นจะเป็นเธอจริง ๆ
เธออยู่ในชุดไทยสีงาช้าง สไบมีสีเข้มกว่าตัวชุดเล็กน้อย ปักด้วยบางอย่างแวววาวเป็นรูปดอกไม้เล็ก ๆ กระจายไปทั่ว เครื่องประดับตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเป็นทองคำแท้ ชุดนี้เป็นชุดที่สารวัตรสั่งตัดให้ และคนที่ตัดเย็บให้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล พี่เอื้อกับป้ามะลิคนสวยพี่สาวของหนูนาเอง
ทั้งสองยินดีทำชุดให้หนูนาที่แต่งงานออกเรือนเป็นคนแรก ตอนแรกใบบัวจะเป็นคนทำให้ลูกสาวเอง แต่เธอต้องเตรียมงานจนไม่มีเวลา สองแม่ลูกจึงอาสาจัดการเรื่องชุดให้
สวยถูกใจเจ้าบ่าว ถ้าได้เห็นตอนอยู่บนตัวเจ้าสาวแล้วคงตะลึงกว่าตอนเห็นแค่ชุดอย่างเดียวแน่นอน
“ศาลาวัดตาถึงนะเนี่ย” หนูนาจุ๊ปากชม หมุนตัวมองชุดอย่างชอบใจ
“สวยใช่ไหมลูก แม่ว่าเข้ากับลูกมากเลยนะ”
“สวยจ้ะ แต่แม่ว่าแบบนี้จะขายต่อได้เท่าไหร่”
“หนูนา!”
“ล้อเล่นจ้า”
เจ้าสาวหัวเราะคิกคักเพราะได้แกล้งแม่ หนูนาอารมณ์ดีขึ้นเยอะเพราะวันนี้ตัวเองสวย ใบหน้าที่ไม่เคยเจอเครื่องสำอางถูกแต่งอย่างปราณีตงดงาม ขนาดเธอนั่งหลับตลอดเวลา ป้ามะลิกับพี่เอื้อยังแต่งออกมาได้สวยขนาดนี้
“อีกไม่เกินชั่วโมงสารวัตรก็มาแล้ว แม่ไปแต่งตัวก่อน หนูนาอย่าแอบนอนนะลูก เดี๋ยวผมพัง”
“ไม่นอนแล้วจ้ะแม่ หายง่วงแล้ว”
“ดีแล้ว” ใบบัวลูบหลังลูกสาวเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับทุกคน
ว่าที่เจ้าสาวในชุดไทยเดินไปหยุดที่ริมหน้าต่าง แสงแรกของพระอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้ารำไร ดวงตากวางมองไปทั่วบริเวณเรือนที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงาม เวลาเดินเร็วจนน่าใจหาย อีกไม่นานเธอก็ต้องจากเรือนหลังนี้ไปแล้ว เพราะต้องไปใช้ชีวิตกับสารวัตรในตัวเมือง
แม้ใจไม่อยากไปแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ตามธรรมเนียมผัวเมียต้องอยู่ด้วยกัน แต่สารวัตรศิลามาอยู่ที่นี่ไม่ได้เพราะต้องทำงาน หนูนาได้แต่ปลอบตัวเองว่าแค่สามเดือนเท่านั้น เมื่อไหร่ที่รู้ว่าไม่ท้องเธอจะรีบขอหย่าทันที หลังจากนั้นก็จะรีบกลับมาอยู่ที่นี่ อยู่กับแม่ พ่อ พี่ชาย และน้องเหมือนเดิม
ที่ยอมแต่งงาน เพราะเธอไม่อยากได้ยินคำนินทาพล่อย ๆ จากคนอื่น ว่าลูกสาวทนายราชันถูกตำรวจเจาะไข่แดงแล้วทิ้ง งานแต่งในครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อรักษาหน้าตาของพ่อกับแม่ไว้เท่านั้น หนูนาไม่เคยสนใจถ้าใครจะนินทาว่าร้ายตนเอง แต่เธอทนไม่ได้ถ้าครอบครัวที่รักมากกว่าชีวิตถูกแตะต้อง พ่อกับแม่เป็นคนดี ทั้งสองช่วยเหลือทุกคนด้วยใจเสมอ ไม่สมควรถูกว่าร้ายเลยสักนิด
ความคิดที่ล่องลอยไปไกลถูกดึงกลับมาด้วยเสียงก๊อกแก๊กหน้าประตู ก่อนจะตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยของพี่ชายร่วมสายเลือด
“หนูนา ให้พี่เข้าไปนะ”
“เข้ามาเลยพี่ช้าง”
หนูนายิ้มกว้างเมื่อได้เห็นชุดที่พี่ชายใส่ พอใส่ชุดไทยแบบนี้แล้วพี่ช้างดูโตขึ้นเป็นกอง รวมถึงสีหน้าจริงจังเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ที่ช่วยส่งเสริมให้บุคลิกของช้างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
วันนี้พี่ช้างหล่อมาก แบบนี้พี่เอื้อต้องใจเต้นแรงบ้างแหละ เธอจะได้มีพี่สะใภ้สักที
“น้องสาวพี่สวยมาก”
“เพิ่งรู้หรือ”
“หึ รู้ตั้งแต่หนูนาอยู่ในท้องแม่แล้ว”
“ขี้โม้จริง ๆ โอ๊ะ!”
เจ้าสาวร้องเสียงหลง เมื่อถูกพี่ชายดึงเข้าไปกอดแน่นจนแทบจมหายเข้าไปอกกว้าง
“หนูนา พี่ต้องคิดถึงน้องมากแน่ ๆ”
“พี่ช้าง ทำเหมือนว่าตัวเมืองอยู่ไกล แค่ไม่กี่กิโลเอง หนูนาจะกลับมาบ้านทุกวันเลย”
“ได้ยังไง แต่งงานแล้วก็ต้องอยู่กับผัว มีผัวแล้วจะกลับบ้านทุกวันไม่ได้”
“อี๋ ผัวอะไรเล่า” หนูนารีบดันพี่ชายออกเมื่อได้ยินถ้อยคำแสลงหู ผัวเผออะไร ขนลุก!
“อ้าว น้องแต่งงานกับสารวัตรศิลาแล้วก็ต้องเป็นผัวเมียกันสิ”
“พอเลยพี่ช้าง ไม่อยากฟังแล้ว”
“ฮะฮ่า เฮ้อ.. พี่รักหนูนานะ”
พูดจบช้างก็รั้งร่างน้อยเข้ามากอดอีกครั้ง ไม่วายลอบหอมหัวน้องเบา ๆ เหมือนเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก
ใจหายเหลือเกิน เหมือนเพิ่งวิ่งเล่นไล่จับกันเมื่อวาน วันนี้น้องโตจนมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว
“หนูนาก็รักพี่ช้าง พี่ช้างเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดในโลก”
“ถ้ามีเรื่องทุกข์ใจก็กลับมาที่นี่ได้ทุกเมื่อ และถ้าไอ้สารวัตรมันนอกกายนอกใจไปติดสาวที่ไหนเมื่อไหร่น้องรีบมาบอกพี่ พี่จะพาพวกไปกระทืบมัน พี่ยอมติดคุกข้อหากระทืบตำรวจ!”
“เรื่องนั้นไม่ต้องถึงมือพี่ช้างหรอก”
หนูนาพูดเรียบ ๆ แต่เธอพร้อมจะทำจริง ๆ ถึงเราจะแต่งงานกันเพราะความจำใจ แต่ช่วงที่ยังไม่หย่าร้างไอ้ศาลาวัดนั่นก็ไม่มีสิทธิ์นอกกายนอกใจเธอ
ถ้าทำ เธอจะตัดไอ้นั่นมาสับให้เละเลยคอยดู
“รู้ใช่ไหมว่าไม่ว่าเมื่อไหร่เรือนนี้ก็ต้อนรับน้องเสมอ”
“หนูนารู้ดีที่สุด ว่าไม่มีที่ไหนดีกว่าเรือนหลังนี้อีกแล้ว”
.
.พิธีแต่งงานผ่านไปอย่างเรียบง่าย หนูนาและศิลาในชุดไทยสีงาช้างคลานเข่าเข้าไปกราบผู้ใหญ่ทั้งสามคนจากฝั่งเจ้าสาว ทว่าในส่วนของเจ้าบ่าวนั้นกลับไม่มีญาติมาร่วมงานแม้แต่คนเดียว
ทุกคนเข้าใจว่าครอบครัวศิลานั้นอยู่ไกล เดินทางลำบาก คงมีแค่ศิลาคนเดียวที่รู้เหตุผลจริง ๆ
“หนูนา”
“ย่าอ่อนจ๋า”
หนูนาซบตักย่าอ่อนอย่างออดอ้อน คงจะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่เด็กแสบอย่างหนูนาไม่เคยแสดงท่าทีดื้อด้านต่อหน้า เมื่อไหร่ที่มีย่าอ่อนอยู่ด้วย เด็กดื้อจะกลายเป็นเพียงหญิงสาวน่ารัก ขี้อ้อน อ่อนหวาน และว่าง่าย
“แต่งงานแล้วอย่าดื้อด้านนัก”
แต่คนอย่างย่าอ่อนย่อมรู้ดีว่าหลานคนนี้มีนิสัยแบบไหน ถึงจะแก่ตัวลงมาก แต่หญิงชราคนนี้ก็แทบไม่ต่างจากอดีต ไม่มีเรื่องไหนที่ย่าอ่อนไม่รู้ เพียงแต่จะพูดออกหรือไม่นั่นก็อีกเรื่อง
“หนูนาไม่ดื้อ”
“ให้มันจริงเถิด” มือเหี่ยวย่นลูบผมหลานรักเบา ๆ “อย่างน้อย ๆ ก็เป็นถึงคุณนายสารวัตรแล้ว อย่าทำอะไรให้ผัวต้องขายหน้านัก พึงระลึกไว้ว่าอย่างไรผัวก็มีลูกน้องมากมายที่ต้องปกครอง ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ชีวิตคู่จะได้ราบรื่นยืนยาว”
“จ้ะ ย่าอ่อน”
แม้จะคันปากยุบยิบ อยากเถียงแทบตายว่าเธอไม่มีทางอยู่กินกับตำรวจยืนยาวหรอก แต่หนูนาไม่กล้าแผลงฤทธิ์กับย่าอ่อน ได้แต่ตอบรับเสียงอ่อย
“สารวัตร”
หญิงชราใช้ดวงตาฝ้าฟางจ้องมองชายหนุ่มผู้ที่กลายมาเป็นหลานเขย ดวงตาคู่นั้นแม้จะใช้งานได้ไม่ดีเท่าเก่า แต่สารวัตรศิลากลับรู้สึกเหมือนตัวเองถูกมองจนทะลุปรุโปร่ง
เรื่องที่ย่าอ่อนอ่านความคิด อ่านอนาคตได้ คงไม่ได้เป็นแค่ข่าวลือโคมลอย
“หนูนายังเด็ก อาจจะดื้อไปบ้างแต่ไม่ใช่คนพูดไม่รู้เรื่อง หนูนามีเหตุผล เพียงแต่เอาติดแต่ใจไปหน่อย อย่างไรก็ฝากหลานฉันด้วยนะ”
“ครับ ผมจะดูแลหนูนาให้ดีที่สุด”
ได้ยินแบบนั้นคนดื้อก็หันไปค้อนขวับ รีบกระซิบบอกคู่ชีวิตหมาด ๆ เสียงแข็ง
“ไม่ต้องมาดูแล ฉันดูแลตัวเองได้!”
ศิลาทำเป็นไม่ได้ยิน เขายกมือไหว้ย่าอ่อนอย่างนอบน้อม
“ได้ฤกษ์จดทะเบียนสมรสแล้วครับ”
นายอำเภอนำเอกสารสำคัญเข้ามาวางตรงหน้า หนูนารีบรับปากกามากระหวัดเขียนชื่อลงไปโดยไม่คิดอะไร มีเพียงสารวัตรหนุ่มที่ใช้เวลาคิดเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดก็ยอมจรดปากกาลงเป็นลายลักษณ์อักษร
“ยินดีด้วยครับ สารวัตรศิลากับคุณคะนึงนิจ ทั้งคู่เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วนะครับ”
เสียงปรบมือดังก้อง หนูนามีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย ส่วนศาลวัตรศิลาก็มีใบหน้าที่เรียบนิ่ง
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีสำคัญปื๊ดก็อาสาประคองย่าอ่อนกลับเรือน คนแก่ออกมาตากแดดนาน ๆ เริ่มไม่สบายตัว เมื่อไร้คนที่คอยควบคุมหนูนาก็กลับมาดื้อเหมือนเดิม ใบบัวส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้ามุ่ย ๆ ของลูกสาว กำปั้นน้อยทุบน่องตัวเองไม่หยุด คงเมื่อยและร้อนน่าดู
“สารวัตร ฉันฝากลูกด้วยนะ หากทนไม่ไหวก็แค่เอามาคืนที่นี่ อย่าได้ถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันเลย”
“แม่ หนูนาไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายร่างกายได้หรอกจ้ะ” หนูนารีบร้องขัด อย่างเธอน่ะหรือจะยอมให้ใครมาทำร้ายร่างกายได้ฝ่ายเดียว ไม่มีทางเสียหรอก
“สบายใจเถอะครับคุณน้าใบบัว ผมไม่มีวันทำร้ายร่างกายภรรยาตัวเอง ผมสาบาน”
ได้ยินคำมั่นสัญญาที่หนักแน่นคนเป็นแม่ก็ยิ้มจนแก้มปริ เริ่มรู้สึกพอใจลูกเขยขึ้นมาอีกหลายส่วน เธอประทับใจศิลาตั้งแต่วันที่เสนอตัวรับผิดชอบหนูนาโดยไม่ต้องถามแล้ว ยิ่งช่วงเตรียมงานที่ได้เจอกันบ่อย ๆ ก็ยิ่งประทับใจ
ผู้ชายแบบนี้นี่แหละ ที่เธอจะไว้ใจและฝากลูกสาวเพียงคนเดียวไว้ได้
ราชันที่นั่งเงียบมานานเริ่มทนไม่ไหว เขาขยับเข้าไปใกล้คู่ชีวิต ก่อนจะจูบแก้มเนียนเบา ๆ ให้ลูกหลานและชาวบ้านเห็น
เขาเคืองที่ใบบัวยิ้มให้ลูกเขยมากเกินไป ให้มันรู้เสียบ้างว่าใบบัวคนนี้เป็นของใคร ฮึ่ม!
“โอ้ย! พ่อกับแม่ยังไม่เลิกหวานกันอีก ลูกโตจนแต่งงานแล้วน้า” หนูนาได้ทีก็รีบกระเซ้า เห็นภาพแบบนี้บ่อยจนชิน แต่ก็อดเย้าไม่ได้ แม่ใบบัวเวลาเขินน่ารักจะตายไป
“พี่ราชันก็..” ใบบัวตีอกแกร่งเบา ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับลูกเขยเสียงหวาน “พ่อศิลาก็หอมแก้มน้องบ้างสิจ๊ะ”
“ห๊า!”
ครั้งนี้หนูนาร้องเสียงหลง หน้าตาเลิ่กลั่กเหลอหลาจนคนเป็นแม่ยิ้มขำ หญิงสาวรู้ทันทีว่าถูกแม่แกล้งกลับเสียแล้ว!
“วันนี้วันแต่งงานของลูก ๆ แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวยังไม่ได้หอมแก้มกันเลยนะ หอมกันสิจ๊ะ จะจูบก็ได้นะ อย่างไรก็เป็นผัวเมียกันแล้ว”
ใบบัวเอ่ยยิ้ม ๆ ต่างจากลูกสาวที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“แม่จ๋า หนูนาไม่เอานะ ไม่หอมไม่จูบอะไรทั้งนั้น อย่านะ!! ห้ามเข้ามาใกล้ฉันนะสารวัตร!”
“หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูก”ไม่ให้อภัยหรอก จะเรื่องขี้ปะติ๋วหรือเรื่องใหญ่ก็ไม่ให้อภัยทั้งนั้น“มีชีวิตคู่ที่ยืนยาว ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร”ใครเขาจะอยากมีชีวิตคู่ยืนยาวกับตำรวจกัน“มีหลานให้แม่อุ้มเร็ว ๆ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองนะ”ถ้าแม่อยากมีหลาน ไปสู่ขอพี่เอื้อให้พี่ช้างยังจะง่ายกว่า“เจ้าสาว เอาแต่ขมุบขมิบปากไม่หยุด นินทาแม่หรือ”“โธ่แม่จ๋า ลูกที่ไหนจะนินทาแม่” หนูนารีบประจบ ออดอ้อนจนใบบัวใจอ่อนยวบ “หนูนาแค่ขอบคุณแม่ที่อวยพรต่างหาก”“ขอบคุณแล้วก็ฟังด้วยนะ จากนี้ไปลูกไม่ใช่เด็กสาวตัวเปล่าที่จะซุกซนเอาแต่ใจได้แล้ว ทำอะไรนึกถึงหน้าสารวัตรเขาบ้าง อย่างไรผัวเราก็เป็นถึงนายตำรวจยศสูง อย่าทำให้ผัวขายขี้หน้า”อีกแล้วทั้งย่าอ่อนและแม่ใบบัวเอาแต่ย้ำให้เธอระวังกิริยาเพราะมีผัวเป็นถึงนายตำรวจยศใหญ่ ไม่รู้จะอะไรนักหนากับยศถาบรรดาศักดิ์จอมปลอมพวกนั้น ไม่ใช่ตำรวจพวกนี้หรือที่เคยเกือบทำลายหมู่บ้านกอบัวจนไม่เหลือซาก เคยเกือบฆ่าพ่อของเธอ เคยเกือบฆ่าลุงสอง และเคยเกือบฆ่าชาวบ้านที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ตำรวจพวกนี้หรือที่ใช้อำนาจรีดไถเงินทองจากชาวบ้าน สร้างความเดือดร้อนจนพ่อเธอต้องกลายเ
หนูนาไม่ได้พูดอะไรสักคำระหว่างเดินทางไปบ้านใหม่ ดวงตาลูกกวางมองข้างทางที่ต้องผ่านป่าเขารกทึบ ถนนดินแดงฝุ่นคลุ้งและเป็นหลุมเป็นบ่อ แต่เมื่อเข้าตัวเมืองถนนกลับลาดยางเรียบสะอาด รอบข้างแม้จะมีต้นไม้เยอะ แต่ก็ไม่ได้รกชัฏน่ากลัวเหมือนเส้นทางที่ผ่านมาความเจริญยังคงเข้าไม่ถึงหมู่บ้านของเธอ แม้ความจริงแล้วระยะทางระหว่างหมู่บ้านกับตัวเมืองไม่ได้ไกลกันมากนัก ไม่อยากจะคิดเลยว่าหมู่บ้านที่อยู่ไกลกว่านี้จะเป็นยังไง อาจจะไม่มีไฟฟ้าใช้เลยด้วยซ้ำโชคดีของหมู่บ้านกอบัวที่มีลุงสองดูแล ลุงสองพยายามทำทุกทางเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวบ้าน สรรหาอาชีพใหม่ ๆ ให้ชาวบ้านทำ งบที่ได้มาไม่มีแม้แต่แดงเดียวที่ลุงสองเก็บไว้เอง ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ยิ่งใหญ่อะไรเลย แต่ที่ชาวบ้านชื่นชมการกระทำของลุงสองก็เพราะข้าราชการส่วนมากมักจะโกงกิน เงินงบประมาณกว่าจะมาถึงชาวบ้านตาดำ ๆ ไม่รู้ถูกกินไปเท่าไหร่ หลายหมู่บ้านที่มีผู้นำไม่ดีถึงได้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ไม่มีทางได้ลืมตาอ้าปาก“ถึงแล้ว”เสียงทุ้มปลุกให้หนูนาตื่นขึ้นจากภวังค์ เธอมัวแต่คิดถึงเรื่องหมู่บ้านจนไม่รู้ตัวเลยว่ามาถึงบ้านใหม่แล้ว ดวงตากวางกวาดมองไปทั่วด้วยคว
เพียงแค่พระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศรอบข้างก็มืดสนิทไม่ต่างกับหมู่บ้านที่จากมา เสียงจิ้งรีดเรไรชวนกันร้องระงมไปทั่วบริเวณ สลับกับเสียงซู่ซ่าและเสียงตะหลิวกระทบกับกระทะที่ดังออกมาจากในครัวเป็นระยะ กลิ่นอาหารหอม ๆ ลอยไปทั่วชวนให้น้ำลายสอ หนูนาที่นั่งทำงานบนชั้นสองของบ้านจำต้องทิ้งงาน แล้วเดินทำจมูกฟุดฟิดลงไปที่ครัว“ทำอะไรอะนายศาลาวัด”“สปาเก็ตตี้ขี้เมา คุณรู้จักไหม”ศิลาตอบโดยไม่ได้หันกลับไปมอง ใช้ชีวิตร่วมกันได้ไม่ถึงวันเขาก็ชินเสียแล้ว บ้านพักที่เคยเงียบเหงามีใครบางคนเดินไปมา มีเสียงเล็ก ๆ ที่เอ่ยถามว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่“รู้จัก เคยเห็นรูปแต่ไม่เคยลองกิน” หนูนาชะโงกหน้ามองสิ่งที่อยู่ในกระทะ หน้าตาเหมือนในหนังสือที่เคยเห็นไม่มีผิด “ทำไมนายทำอาหารฝรั่งเป็น”“ที่จริงแล้วมันทำง่ายมากนะ”“เหอะ จะเยาะเย้ยที่ฉันทำของง่าย ๆ ที่นายว่าไม่เป็นใช่ไหม”“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น คนเราไม่จำเป็นต้องทำเป็นทุกอย่างก็ได้ ทุกคนล้วนมีเรื่องถนัดที่แตกต่างกัน”ศิลาพูดพลางคีบเส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มใส่จานทั้งสองใบ หนูนาลอบกลืนน้ำลายลงคอ ดวงตากวางจ้องมองอาหารที่ไม่เคยลิ้มรสด้วยความสนใจ กลิ่นหอม ๆ แล
แกรก.....แกรก“คิดไม่ออกแล้ว!”กระดาษถูกขยำเป็นก้อนกลมแล้วโยนทิ้งเป็นแผ่นที่สิบ หนูนาปลายตามองเศษซากที่ทิ้งขว้างเองกับมือด้วยสายตาว่างเปล่าเฮ้อ..ร่างเล็กลุกจากเก้าอี้ทำงานและเดินลงไปที่ครัว หม้อที่เคยมีข้าวต้มเต็มแน่นบัดนี้แทบไม่เหลือแม้แต่น้ำสักหยด ผ่านมาแค่ครึ่งวันเสบียงของเธอก็หมดเกลี้ยงแล้ว ศาลาวัดไม่ได้บอกว่าจะออกไปหาของกินได้ยังไง ของสดที่มีติดครัวช่างไร้ประโยชน์เมื่อหนูนาทำกับข้าวไม่เป็น“จะกลับมาตอนไหนนะศาลาวัด”ด้วยหน้าที่การงานของหนูนาทำให้เมื่อก่อนเธอมักจะลืมกินข้าวอยู่บ่อยครั้ง แต่ตอนอยู่ที่บ้านจะมีปื๊ด พี่ช้าง และแม่คอยหาของกินมาให้ เมื่อต้องแยกตัวออกมาใช้ชีวิตเองทำให้เธอปรับตัวไม่ทัน ไม่มีคนเตรียมอาหารไว้ให้ทุกมื้อ แต่กระเพาะมันดันเคยชินกับการได้กินอาหารตรงเวลา“หิวอ่าา”ในตอนที่กำลังร้องโอดโอยอยู่นั้น หูก็พลันได้ยินเสียงเครื่องยนต์วิ่งเข้ามาใกล้ หนูนาหูผึ่ง รีบวิ่งจากครัวออกไปที่หน้าบ้านทันที“ศาลา.. พี่ช้าง! ปื๊ด!”“หนูนา!”ช้างตะโกนเรียกน้องด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทิ้งรถให้ปื๊ดเป็นคนจอดแล้ววิ่งหน้าตั้งเข้าบ้านน้องเขยโดยไม่รอฟังคำอนุญาต“หนูนา! หนูนาของพี่”หมับสองพี
หนูนาไม่ได้ล้อเล่นศิลามองตามร่างเล็ก ๆ ที่เดินผ่านเขาลงไปเข้าห้องน้ำ ไม่กี่อึดใจก็เดินกลับมาทางเดิม ดวงตากวางคู่นั้นไม่มองมาทางเขาแม้แต่น้อย เมื่อทำธุระเสร็จก็กลับเข้าห้องนอนไป เหมือนว่าผู้ชายตัวโต ๆ อย่างศิลาเป็นแค่อากาศธาตุแปะ!ยุงตัวโตถูกตบจนเลือดสาดตายคาแขน และเลือดนั่นก็ไม่ใช่เลือดใครเลย.. สารวัตรหนุ่มมองผิวที่ขึ้นเป็นตุ่มแดงแทบจะทันทีแล้วถอนหายใจ เขานอนบริจาคเลือดให้ยุงมาค่อนคืนแล้ว เนื้อตัวเริ่มมีตุ่มแดงขึ้นหลายจุด ศิลานอนกอดอก มองเพดานอย่างปลงตก เสียงวี่ ๆ ของยุงก่อกวนจนเขานอนไม่หลับเชื่อแล้วว่ายุงน่ากลัวกว่าเสือ แต่เขามั่นใจว่าหนูนาน่ากลัวกว่ายุงแน่ ๆประตูห้องนอนเปิดออกอีกครั้งในชั่วโมงต่อมา แล้วก็เหมือนเดิม หนูนาทำแค่เดินผ่านไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินกลับเข้าห้องนอนโดยไม่เหลียวแลสามีที่นอนตบยุงกลางบ้านแม้แต่หางตาหมดหวังให้หนูนาใจอ่อน คืนนี้คงต้องนอนตากยุงจนกว่าจะเช้าครั้งนี้ศิลาจำได้ขึ้นใจเลยทีเดียว ว่าตัวเองแต่งงานและมีภรรยาแล้ว ไม่มีทางหลงลืมอีกเป็นครั้งที่สองเด็ดขาดศิลาตื่นแต่เช้า.. เรียกว่าไม่ได้นอนเลยน่าจะถูกต้องกว่า ดวงตาคู่คมดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด เขาลุกขึ้นบิดตัว
ร่างเล็กในชุดกางเกงขายาวเอวสูงสีครีม สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มแขนยาวถึงข้อมือ สะพายกระเป๋าหนังใบเล็ก ๆ สีน้ำตาลเข้ม เส้นผมดำขลับยาวเคลียบ่า ใบหน้าอ่อนใสแต่งแต้มด้วยสีชมพูบาง ๆ ที่เกิดจากอากาศร้อน เดินเคียงข้างนายตำรวจท่าทางองอาจในชุดเครื่องแบบเต็มยศ อินทรธนูบนบ่าแสดงถึงยศถาบรรดาศักดิ์ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร“อะไรน้าา”หนูนาทำท่านึกอยู่สักพัก ก่อนจะร้องอ๋อเสียงใส ยิ้มกว้างจนตาหยี“สเต็ก! ใช่ ฉันอยากกินสเต็ก นายทำเป็นใช่ไหม”ศิลาพยักหน้ารับทันที ส่งผลให้คนข้าง ๆ ยิ้มร่ากว่าเดิม“ดี ๆ งั้นวันนี้กินสเต็กกัน แต่นายเลือกของนะ ฉันเลือกไม่เป็นหรอก”“ได้ เดี๋ยวผมจัดการเอง”“ดีมากค่ะ สา..” หนูนาแกล้งลากเสียงยาว ดวงตาลูกกวางพราวระยับเป็นประกายวิบวับ “สามี”“แค่ก!”สารวัตรหนุ่มไอจนหน้าแดง สำลักน้ำลายตัวเองเพราะคิดไม่ถึงว่าหนูนาจะเย้ากันแบบนี้ เมื่อหันไปมองรอบข้างก็พบกับสายตาหยอกล้อของแม่ค้าพ่อค้าที่ได้ยินเต็มสองหู ก็เสียงหนูนาเบาเสียเมื่อไหร่“นายหน้าแดงแปร๊ดเลย”“หนูนา”“ขา สามี”ศิลาเลิกให้ความสนใจภรรยาจอมซน นับจากวันที่ปรับความเข้าใจกันความสัมพันธ์ของเขากับหนูนาก็ดีขึ้น เราสนิทกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้
นายดาบลุกขึ้นยืนตรง ทำความเคารพนายที่เพิ่งลงจากสถานีไปได้ไม่ถึงชั่วโมงด้วยสีหน้างุนงง ทว่าเมื่อเห็นร่างผอมแห้งที่นายหิ้วมาด้วยก็เริ่มจะเข้าใจ ว่าเพราะอะไรสารวัตรที่เลิกงานไปแล้วถึงได้กลับมาอีกครั้ง“สา.. เฮ้ย!” ดาบคมอุทานลั่น ดวงตาเบิกกว้างเหมือนเห็นผี “เอ็ง มะ.. มาได้อย่างไร!”“ว่ายังไงดาบ ไม่เจอนานตีนกาขึ้นมาอีกเส้นหนึ่งแล้วนะ”“เด็กนี่!” ดาบคมชี้หน้าสวย ๆ ที่คุ้นเคย ปลายนิ้วสั่นระริกด้วยความโมโหเจอเด็กคนนี้ทีไรทำเอาดาบแก่ ๆ อย่างเขาไมเกรนขึ้นได้ทุกที อย่าได้หลงระเริงกับใบหน้าสวยหวานน่ารักนั่นเชียว เพราะนิสัยที่แท้จริงต่างจากหน้าตาเหมือนหน้ามือกับหลังเท้า!“สารวัตรครับ ยายเด็กนี่ไปก่อเรื่องอะไรมาอีก ผมว่าจับนอนคุกสักคืนให้สำนึกน่าจะดี”“ดาบ! วันนี้ฉันไม่ได้ผิดนะ”“ใครเชื่อเอ็งก็ออกลูกเป็นหมูแล้ว!” ดาบคมต่อล้อต่อเถียงกับเด็กรุ่นลูกคอเป็นเอ็น “ไปนอนสำนึกในคุกสักคืนแล้วค่อยกลับบ้าน พี่ชายหรือทนายจะมารับล่ะ หรือไม่มีใครอยากมารับเพราะเอือมระอาเต็มทน”“ดาบ!”“พอก่อน ทั้งคู่เลย”ศิลาที่ยืนฟังมานานยกมือห้าม ดาบคมเมื่อนายปรามก็มีท่าทางอ่อนลง กระแอมไอเล็กน้อยแล้วขยับมายืนตรง เมื่อครู่ตกใจแล้
ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึกเกิดอะไรขึ้นใครมารัวกลองยาวอะไรตอนนี้“เอ่อ..”ศิลาเป็นฝ่ายขยับตัวออกห่างจากภรรยาก่อน ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ“ดึกแล้ว เรานอนกันดีกว่า”“กะ ก็นอนสิ”“อืม”สารวัตรหนุ่มทิ้งตัวลงนอนเงียบ ๆ คืนนี้เขาขยับออกห่างจากภรรยามากกว่าปกติ ร่วมเตียงกันมาก็หลายต่อหลายคืน แต่ไม่มีคืนไหนเลยที่รู้สึกเกร็งขนาดนี้ ทั้งคู่นอนหงายตัวตรง เหม่อมองเพดานบ้านโดยไม่ได้พูดอะไรกันอีกเสียงรัวกลองยาวในอกยังคงดังอยู่แบบนั้นอีกสักพัก กว่ามันจะยอมสงบลงได้ก็กินเวลานานหลายนาที ดวงตาทั้งสองคู่ปิดลงในเวลาที่ไล่เลี่ยกันในคืนนั้นต่างฝ่ายต่างนอนในที่ของตัวเอง ทว่าในตอนเช้าร่างกายที่ควรจะแยกห่างกลับขยับเข้ามาเบียดชิดกัน กอดก่าย แนบแน่น ไม่เหลือช่องว่างให้มดสักตัวได้เดินผ่านกลองในอกมันดังรัวอีกแล้วหนูนาเป็นฝ่ายขยับออกห่างก่อน ร่างน้อยลุกขึ้นนั่งอย่างเก้อ ๆ ไม่กล้าสบตาคนที่นอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียง“วะ วันนี้จะมีช่างเข้ามา ชะ ใช่ไหม”หนูนานั่งหันหลังให้คนบนเตียง เสียงที่เอื้อนเอ่ยออกไปตะกุกตะกักจนน่าหงุดหงิดก็เหมือนกับทุกวันนั่นแหละหนูนา ไม่ใช่วันแรกเสียหน่อยที่นอนเตียงเดียวกัน จะประหม่าทำไมนักหนา“ค
“ไม่เปลี่ยนใจแน่หรือ สารวัตร”ปฐพีถามด้วยความเสียดายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยหวังว่าคำตอบของคนตรงหน้าจะเปลี่ยนไป“ไม่ครับ”แต่ไม่เลย...ผู้กำกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาคงเปลี่ยนใจศิลาไม่ได้อีกแล้ว ได้แต่ยอมรับความจริงว่ากำลังจะสูญเสียลูกน้องฝีมือดีไปอีกคนความรักฉันท์ชู้สาวไม่หลงเหลืออยู่แล้ว แต่ปฐพียอมรับโดยไม่อายว่ามีศิลาอยู่เขาทำงานได้ง่ายขึ้น ตลอดเวลากว่าแปดปีที่ผ่านมาศิลาสร้างผลงานเอาไว้มากมาย ถ้าหากอีกฝ่ายยอมรับ คงเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งได้ไม่ยากแต่ศิลาปฏิเสธเสียงแข็งเสมอมา ชายหนุ่มไม่ได้ต้องการตำแหน่งอะไรทั้งนั้น เขาแค่อยากทำงานตรงนี้ให้เต็มที่ ช่วยเหลือประชาชนอย่างสุดกำลัง ก่อนที่จะอำลาวงการตำรวจในสักวันหนึ่งแล้ววันนี้ก็มาถึงจนได้ปฐพีมองซองสีขาวตรงหน้า เขาไม่อยากหยิบมันขึ้นมาดูเลย เพราะรู้ดีว่าด้านในคืออะไร“ผู้กำกับอนุมัติเถอะครับ”“สารวัตรศิลา”“ผมไม่ได้ไปไหนนี่ครับ เมื่อไหร่ที่ผู้กำกับต้องการตัว ขอแค่บอก...ผมพร้อมจะช่วยเหลือเสมอ”ปฐพีเริ่มยิ้มออกมาได้ จริงอย่างที่ศิลาพูด ชายหนุ่มไม่ได้หายไปไหน เพราะอย่างไรสิ่งที่ศิลารักก็คือการได้ช่วยเหลือประชาชน เพียงแค่หลังจากนี้จะไม่ได้ทำมันใน
“ลูกหลับแล้วเหรอศาลาวัด”“อืม” ศิลารับคำสั้น ๆ ระหว่างที่แทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับภรรยา “คุณก็รีบนอนได้แล้ว วันนี้เลี้ยงลูกทั้งวันคงเหนื่อยน่าดู”“ไม่เลย ไม่เหนื่อยสักนิด”ไม่พูดเปล่า หนูนายังยืนยันว่าตัวเองไม่เหนื่อยด้วยการไต่มือเข้าไปในกางเกงนอนอีกฝ่าย ดวงตากวางแพรวพราวอย่างคนแสนเจ้าเล่ห์“หนูนา”“หืม”“คุณ อืม”ศิลาหลุดครางออกมาแผ่วเบา ร่างกายเขาตื่นตัวทันทีที่ถูกมือนุ่มนวดคลึงอย่างชำนาญ หนูนารู้ดีว่าแตะต้องส่วนไหนแล้วจะทำให้เขาทนไม่ไหว มือน้อย ๆ ขยับอย่างเอาใจจนกระทั่งความเป็นชายเหยียดขยายใหญ่เต็มมือ“ศาลาวัด เราไม่ได้ทำมาสักพักแล้วนะ”“คุณเลี้ยงลูก ผมกลัวว่าคุณจะเหนื่อยเกินไป”“ฉันพูดตอนไหนว่าเหนื่อย” หนูนาเลิกคิ้วขึ้นสูง ในขณะที่มือนุ่มคอยปลุกปั้นสิ่งที่อยู่ในมือไม่หยุด“อา ปละ เปล่า ไม่ได้พูด อืม”“ไม่ได้พูดก็แปลว่าไม่เหนื่อย ลูก ๆ ไม่ได้เลี้ยงยากเลย แถมปื๊ดกับแม่ก็คอยช่วยตลอด ฉันสบายจะตายไป”“แต่ยังไงมันก็ยังหนักเกินไปอยู่ดี” ศิลาแย้ง “เรามีลูกตั้งสี่คน ผมรู้ว่าคุณเหนื่อย คุณแค่ไม่ยอมรับความจริง”ศิลาอยากกอดหนูนาจะแย่ เขาเพิ่งอายุแค่สามสิบห้าปี ร่างกายยังแข็งแรงและมีควา
ศิลาเหมือนกลายเป็นคนละคน จากที่เคยสุขุมกลายเป็นหนูติดจั่นที่เอาแต่เดินไปเดินมาอย่างร้อนรน หนูนาถูกส่งเข้าห้องคลอดทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล เพราะหมอบอกว่าเธอพร้อมคลอดแล้วปากมดลูกเปิดพร้อมสำหรับให้กำเนิด ทว่าเข้าไปเป็นชั่วโมงแล้วประตูบานนั้นก็ยังปิดสนิท ศิลาไม่รู้ว่าการทำคลอดต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่เพราะไม่รู้เขาถึงได้จิตตกแบบนี้“หนูนา คุณจะต้องปลอดภัย”ตอนที่นั่งรถมาท่าทางของเธอดูเจ็บปวดมาก เสียงกรีดร้องทรมานน่าสงสารจับใจ หนูนาที่ปกติร้องไห้ยากร่ำไห้ออกมาเพราะเจ็บจนแทบทนไม่ไหว ศิลาแทบขาดใจ หากเลือกได้เขาอยากเป็นคนที่เจ็บเอง“ศิลา ศิลาลูก”คุณหญิงแจ่มจันทร์ที่เพิ่งมาถึงรีบวิ่งเข้าไปหาลูกชาย หัวใจหล่นวูบไปกองที่ปลายเท้าเมื่อเห็นว่าศิลากำลังร้องไห้“ศิลา! เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม หนูนาเป็นอะไร!”“หนูนาเป็นอะไรหรือพ่อศิลา”ใบบัวที่ตามมาติด ๆ ร้องถามย้ำ ท่าทางไม่สู้ดีของลูกเขยทำให้หัวใจคนเป็นแม่แทบขาดรอน ๆ แม้ว่าสมัยนี้การคลอดจะปลอดภัยว่าสมัยเธอมาก แต่คนที่เคยผ่านความเจ็บปวดมาก่อนย่อมรู้ดีว่ามันทรมานเพียงใด“ผม ฮึก ผม” ศิลาสะอื้น เขารีบรวบรวมสติ ก่อนที่เรื่องราวมันจะไปกันใหญ่ “หนูนาไม่ได้เป็
ศิลานั่งฟังคำตัดสินของศาลอย่างเงียบสงบ วันนี้เป็นวันนัดตัดสินคดีค้ายาเสพติดของนายเจตน์ หลังจากผ่านมาเกือบปี คดีที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอก็ถึงเวลาถูกพิพากษานายเจตน์ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และซัดทอดไปถึงตัวการใหญ่ที่กรุงเทพฯ ทำให้ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น และจับพ่อค้ารายใหญ่ได้ในที่สุด เพราะเหตุผลนี้ทำให้โทษของนายเจตน์ลดน้อยลง จากประหารชีวิตเป็นติดคุกตลอดชีวิต ก่อนจะถูกลดให้เหลือจำคุกสี่สิบปี แต่ถึงอย่างนั้นระยะเวลาสี่สิบปีในคุก ก็แทบไม่ต่างจากทั้งชีวิตที่เหลืออยู่“นายเจตน์”หลังคำตัดสินสิ้นสุดลง นายเจตน์ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์และยินดีรับโทษที่ศาลชั้นต้นตัดสิน อดีตมือขวาของพ่อค้ายาจึงถูกกุมตัวอย่างแน่นหนา เพื่อเตรียมรับโทษทัณฑ์จากสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ นายเจตน์มีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย ดวงตาเหม่อลอยอย่างคนที่ปลงตกกับทุกอย่าง“นายเจตน์”เจตน์ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเรียกใกล้ ๆ ศิลามองหน้าหนูนา คนเป็นสามีเห็นความกังวลในดวงตากวางคู่นั้น“นายเจตน์” หนูนาส่งเสียงเรียกอีกครั้ง ครั้งนี้นายเจตน์ยอมหันมาสบสายตา ทว่าดวงตาคู่นั้นว่างเปล่าไร้แววจนน่าใจหายหนูนากลัวเหลือเกินว่านายเจตน์จะหาทางจบชีวิตตัวเองสักวัน เพร
“ศาลาวัด!”“หนูนา ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง” คิ้วเข้มขมวดฉับ เมื่อเห็นร่างที่เริ่มอวบอิ่มของภรรยาวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาหา “ไหนคุณบอกว่าจะไม่ดื้อกับผมเรื่องนี้”“ก็ฉันลืมตัว มันไม่ชินนี่นา”“คุณท้องห้าเดือนแล้วนะ ถึงไม่ชินก็ต้องชิน ถ้าล้มขึ้นมาทั้งคุณและลูกจะเป็นอันตราย” ศิลาดุเสียงเข้ม เรื่องอื่นเขายอมได้เสมอ ยกเว้นเรื่องนี้หนูนาเป็นคนที่อยู่ไม่นิ่ง เธอชอบทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย ศิลาไม่เคยบังคับหรือทำเหมือนหนูนาเป็นคนพิการ เขาขอแค่ต้องระวัง แต่ดูเหมือนว่าหนูนาจะรับปากไปอย่างนั้น เพราะเกือบทุกวันเขาต้องมานั่งปวดหัวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมือนคนท้องของภรรยายิ่งท้องใหญ่กว่าปกติแบบนี้เขายิ่งเป็นกังวล“นายทำอะไรอยู่” หนูนาแสร้งเปลี่ยนเรื่องเนียน ๆ ชะโงกหน้ามองบ้านหลังใหม่ที่มีคนเดินไปมาพลุกพล่าน“คุมคนงานให้เอาของเข้าบ้าน”“อีกไม่นานก็จะได้ย้ายเข้าบ้านใหม่แล้วสินะ”ทั้งคู่มองบ้านใหม่หลังใหญ่ด้วยความพึงพอใจ นับว่าผู้รับเหมาทำงานได้ดีทีเดียว บ้านหลังนี้เป็นบ้านแนวผสมสผานระหว่างไทยและยุโรปอย่างลงตัว เพราะศิลาเคยไปเรียนที่แถบนั้น เขาชื่นชอบบ้านแนวยุโรปมาก ส่วนหนูนาแม้จะไม่เคยไป แต่เธอก็ชอบดูรูปภาพของต
“ฉันอยากอยู่คนเดียว”พูดแค่นั้นก็ทิ้งตัวลงนอน แล้วหันหลังให้คนที่ไม่ยอมออกไปเหมือนคนอื่นทันทีอยากอยู่ก็อยู่ไป เธอไม่สนใจเสียอย่าง“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ”“.....”“ฉันรู้ว่าเธอได้ยิน ดังนั้นฉันจะพูดต่อไป” คุณหญิงแจ่มจันทร์กระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มพูดเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจมาเนิ่นนาน “สามีฉัน พ่อของศิลาเขามีภรรยาน้อย”หนูนาที่ตอนแรกไม่คิดสนใจหูผึ่งทันที แต่ยังคงรักษาท่าทางเมินเฉยเอาไว้ คุณหญิงที่ผ่านโลกมามากพอจะมองออกว่าเด็กคนนี้กำลังตั้งใจฟัง จึงค่อย ๆ ถ่ายทอดเรื่องราวที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนอย่างหมดเปลือก“แต่ก่อนฉันเป็นแค่ลูกของแม่ค้าธรรมดา คุณศักดิ์ พ่อของศิลาเขาเป็นลูกค้าประจำ เขาเกี้ยวฉัน ตามเทียวไล้เทียวขื่อจนฉันใจอ่อนและตกหลุมรักเขา พวกเรารักกันมาก ไม่เคยทะเลาะบอกแว้ง เป็นคู่รักที่ใคร ๆ ต่างก็พากันอิจฉา และในที่สุดพวกเราก็ตกลงปลงใจแต่งงานกัน ฉันคาดหวังว่าการแต่งงานจะเป็นเหมือนในนิยาย ที่พวกเราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป”คุณหญิงเงียบไปสักพัก ก่อนจะเริ่มพูดต่อ“แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่นิยาย คุณศักดิ์เติบโตมาในตระกูลตำรวจ พ่อของเขา พี่น้องของเขาล้วนเป็นตำ
คนท้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากทุกอย่างจบลง แม้ว่าหนูนาจะปฏิเสธเสียงแข็งว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้เจ็บตรงไหนแม้แต่นิดเดียว แต่ศิลาไม่คิดฟัง เขายื่นคำขาดว่ายังไงหนูนาก็ต้องไปให้หมอตรวจอย่างละเอียด เขาถึงจะสบายใจได้“คุณท้องผมก็ได้รู้เป็นคนสุดท้าย ตอนนี้ผมแค่อยากได้ความสบายใจ คุณก็ให้ผมไม่ได้”คำพูดตัดพ้อของสารวัตรหนุ่มทำเอาหนูนาไปไม่เป็น สุดท้ายเธอก็จำต้องยอม เพราะตัวเองมีชนักติดหลังอันเบอเร่อ พอตรวจเสร็จศิลาก็ร้องขอกึ่งบังคับให้เธอนอนที่โรงพยาบาลสักคืนหนูนายอมสามีแต่โดยดี เพราะรู้ว่าที่ศิลาวิตกแบบนี้ก็เป็นเพราะตัวเธอเองที่เก็บงำเรื่องลูกเอาไว้ ทั้งยังเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้น ถึงจะปลอดภัยแต่หัวอกคนเป็นพ่อคงไม่หายกังวลง่าย ๆสารวัตรหนุ่มเป็นคนอยู่เฝ้าภรรยา เขาให้หนูนานอนห้องพิเศษที่มีราคาสูง เพราะญาติจะสามารถอยู่เฝ้าได้ หลังจากราชันกลับบ้านไป ทั้งห้องจึงเหลือเพียงสองสามีภรรยาตามลำพัง ส่วนญาติ ๆ ตกลงกันว่าจะตามมาเยี่ยมพรุ่งนี้ เพราะต้องการให้สองคนที่เจอเรื่องหนัก ๆ มาได้พักสักคืนที่สำคัญ ราชันพอจะมองออกว่าลูกเขยกำลังน้อยใจที่หนูนาปิดบังเรื่องท้อง เขาอยากให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาปรับควา
“ใครบอกพวกมึงว่ามันจบแล้ว” ดวงหน้าสวยยังคงนิ่งสงบ แม้จะได้ยินเสียงกระซิบแหบพร่าพร้อมกับบางอย่างที่สัมผัสกับแผ่นหลัง ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่ามันคืออะไร เสียงกริ๊กเบา ๆ แทบฉุดลมหายใจของศิลาให้หลุดปลิว“มึงถอยออกไปไอ้ตำรวจ” เสียงดุดันออกคำสั่ง “พวกมึงก็อย่าเสนอหน้าเข้ามาใกล้ ไม่อย่างนั้นอีนี่ไส้ไหลแน่”“คุณ...คือ”“นายเจตน์” คนที่ตอบไม่ใช่เจ้าของชื่อ แต่เป็นหนูนาที่ยังคงรักษาสีหน้าเรียบนิ่งไว้ได้ “มือขวาของดาบคม”ดวงตาคมสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะกลับมามั่นคงเหมือนเดิม หนูนาที่ถูกจี้ตัวไม่มีท่าทีหวาดกลัว เขาเองก็ไม่ควรแสดงอาการอะไรออกไป เพราะนั่นจะยิ่งทำให้คนร้ายได้ใจ“กูบอกให้ถอยออกไป!!! อย่าคิดว่ากูไม่กล้ายิง”“ไม่เป็นไร นายถอยออกไปก่อนนะสารวัตร”“ออกไป!!!”“รู้แล้ว รู้แล้ว”ศิลายกมือทั้งสองข้างขึ้นสูง เขายอมถอยห่างแต่โดยดี แม้แต่ราชันเองก็ไม่กล้าเสี่ยง ทั้งหมดถอยออกมาพอประมาณ จดจ้องมองหนูนาที่ถูกจับเป็นตัวประกันไม่วางตา“พวกมึงทำให้นายกูต้องตาย!!” น้ำเสียงของเจตน์เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและสะเทือนใจ “พวกมึงมันชั่ว!”“แล้วพวกค้ายาเรียกว่าคนดีได้เหรอ” ราชันถามเสียงเรียบ “กี่คนแล้วที่ต้องตายเพร
ไม่เจ็บศิลาไม่รู้สึกว่ามีส่วนไหนในร่างกายที่เจ็บปวด เขารีบลืมตาขึ้น มองสำรวจร่างกายที่ปกติของตัวเอง ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกโพลง เมื่อเห็นว่าร่างท้วมของนายดาบล้มลงพร้อมกับเลือดที่ไหลนองออกมาจากศีรษะ“ดาบคม!!”“เหี้ยเอ้ย!! ทำไมมันถึงได้โง่ขนาดนี้วะ!! มาถึงขนาดนี้แต่เสือกฆ่าตัวตาย กระจอกฉิบหาย”หมวดก้องสบถด่า ไม่ได้มีท่าทีเสียอกเสียใจแม้แต่น้อย ที่คนที่ตนเองเรียกว่านายเลือกจบชีวิตตัวเองลงอย่างน่าอนาถแบบนี้คมไม่ได้หันปืนเข้าหาศิลา เขายกมันขึ้นจ่อที่ขมับของตัวเอง แล้วลั่นไกโดยไร้ซึ่งท่าทีลังเลใด ๆปิดฉากพ่อค้ายาในคราบนายตำรวจ ด้วยเลือดเนื้อและลมหายใจ“พาดาบคมไปโรงพยาบาล!” ศิลาออกคำสั่งเสียงสั่น “เร็วสิหมวดก้อง พาดาบคมไปหาหมอ!!”“หุบปาก!!” หมวดก้องยกปืนขึ้นจ่อขมับชื้นเหงื่อ “มันเสือกกระจอกเอง อยากตายนักก็ปล่อยให้มันตายสมใจ”“แกมันสัตว์นรก นั่นคนที่แกเรียกว่านายไม่ใช่เหรอ!”ผลัวะ!“กูไม่ได้ใจดีเหมือนไอ้คมจะโว้ย! ยังไงวันนี้มึงก็ต้องตาย ยังจะเสือกปากดีอีก อยากศพไม่สวยเหรอวะ”ศิลาถูกถีบจนกลิ้งไปกับพื้น ไม่ทันได้ลุกก็ถูกเตะเข้าที่ซี่โครงอีกหลายต่อหลายครั้งจนกระอักเลือดออกมากองโต“อีกอย่างนะ ถึงไ