หนูนาเดินตัวลีบตามหลังแม่ต้อย ๆ ดวงหน้างดงามที่ใครเห็นเป็นต้องตกหลุมเสน่ห์ในยามนี้ดูเจี๊ยมเจี้ยมไร้ความดื้อด้านเหมือนเคย
“แม่จ๋า อย่าตีน้องเลยนะ”
“พ่อช้างไม่ต้องขอร้องแทนน้อง อย่างไรวันนี้หนูนาก็ต้องถูกทำโทษ”
“แต่ว่า..”
“พี่ช้าง ไม่เป็นไร หนูนาทำผิด คนทำผิดก็ต้องถูกตี”
ราชันเบือนหน้าหนี ตัวเขานั้นไม่ใจกล้าพอให้ลงไม้ลงมือกับลูก หากทำผิดอย่างมากก็แค่ตักเตือน แต่ใบบัวนั้นไม่ใช่ ถ้าเป็นความผิดเพียงเล็กน้อยเหมือนเคย อย่างมากก็แค่ให้อดข้าวเย็นหรือไม่ก็กักบริเวณสักวันสองวัน แต่ครานี้ความผิดของหนูนาใหญ่หลวงเกินไป ใบบัวไม่อาจปล่อยให้เลยตามเลยได้
“ปื๊ด ไปหยิบหวายมาให้แม่”
หนุ่มน้อยเจ้าของชื่อปื๊ดน้ำตาไหลพราก ๆ ทั้งกลัวแม่ใบบัว ทั้งสงสารพี่หนูนาจับใจ โทษครั้งนี้ปื๊ดโดนกักบริเวณ และหนูนาต้องถูกตี แต่แม่ใบบัวไม่เคยลงโทษพวกเราหนักแบบนี้มาก่อน ต่อให้ดื้อด้านแค่ไหนก็ไม่เคยตีลูกสักแปะ
“ตะ แต่ว่า แม่ใบบัวจ๋า”
“ปื๊ด แม่บอกให้ไปหยิบหวายมาให้แม่”
“แม่ใบบัว..”
“ไปเถอะปื๊ด”
หนูนาพยักหน้าเบา ๆ หนุ่มน้อยยกมือขึ้นปาดน้ำตาป้อย ๆ ก่อนจะคลานไปที่ห้องเก็บของ หยิบเอาหวายที่ไม่เคยถูกใช้งานเลยสักครั้งออกมา ปื๊ดยื่นหวายให้แม่ใบบัวทั้งน้ำตาที่นองเต็มหน้า
“ใบบัว พี่ว่า..”
“พี่ราชันไม่ต้องเข้าข้างลูก” เสียงหวานเฉียบขาดจนคนเป็นทนายรีบหุบปากฉับ “หากวันนี้ใบบัวไม่ทำโทษ หนูนาก็จะไม่สำนึก ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดร้ายแรงแค่ไหน พวกเราตามใจเด็กคนนี้มากเกินไป.. เกินไปจริง ๆ”
“แม่จ๋า แต่เรื่องนี้น้องไม่ผิดนะ น้องถูกคนชั่ววางยา”
“หากไม่ซุกซนหนีเที่ยวโดยไม่บอกพ่อกับแม่ก่อนจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรือ? พ่อช้างตอบแม่ที”
“หนู.. หนู” ช้างอึกอัก เรื่องนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวให้น้องยังไงดี ในเมื่อสิ่งที่แม่พูดมามันถูกทุกคำ
แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจคนเป็นพี่มันก็ทนไม่ได้อยู่ดี ช้างทนเห็นน้องรักถูกทำโทษด้วยการเฆี่ยนตีไม่ได้ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีใครถูกแม่ตีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นช้างเอง หนูนา หรือแม้แต่ปื๊ด ถูกพ่อราชันตียิ่งไม่เคย ใบบัวและราชันเลี้ยงลูกด้วยเหตุผลมากกว่ากำลัง ให้ลูก ๆ ได้เรียนรู้กันเองว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก จนบางครั้งก็กลายเป็นการตามใจจนเคยตัว
พ่อกับแม่ไม่เคยต่อว่าแม้ช้างจะเป็นนักเลง ไม่เคยต่อว่าแม้หนูนาจะแก่นแก้วเกินหญิง ไม่เคยรังเกียจที่ปื๊ดอ้อนแอ้นไม่สมชาย ขอเพียงอย่างเดียว อย่าทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนก็เป็นพอ
ครั้งนี้มันเกินไป เกินไปจริง ๆ
มือที่ถือหวายสั่นระริก ใบบัวไม่อยากคิดเลยว่าถ้าหากหนูนาเจอคนไม่ดี ถูกรังแกทำร้ายจนย่อยยับจนเสียผู้เสียคน หากเป็นเช่นนั้นเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร
“ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ตีหนูด้วยเถอะจ้ะ”
“พ่อช้าง!”
ใบบัวเบิกตากว้าง เมื่อลูกชายคนโตทรุดตัวลงข้างน้องสาว เอ่ยร้องขอให้แม่ตีด้วยดวงตาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
ถ้าจะเจ็บก็ต้องเจ็บด้วยกัน ช้างไม่อยากให้น้องต้องเจ็บคนเดียว และเขาหวังเหลือเกินว่าถ้าแม่ตีเขาด้วยแล้ว น้องจะได้รับโทษน้อยลง
หนูนาตัวแค่นี้เอง ถึงภายนอกจะดูเข้มแข็ง ทว่าร่างกายยังคงเป็นหญิง ผิวพรรณอ่อนใสและบอบบางเหมือนแก้ว โดนตีเพียงครั้งเดียวคงแตกจนได้เลือด ช้างทนไม่ได้หรอก เขาทนเห็นน้องเป็นแบบนั้นโดยที่ตนเองได้แต่ยืนมองไม่ได้
“ฮึก แม่ใบบัวตีหนูด้วยนะจ๊ะ”
“ปื๊ด!”
ไม่ใช่แค่ช้าง แต่เด็กหนุ่มรูปร่างอ้อนแอ้นก็ทิ้งตัวลงข้างหนูนา แม้จะร้องไห้จนตัวโยนแต่กลับไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนใจ
“พี่ช้าง! ปื๊ด! ไม่เอา อย่าทำแบบนี้ ลุกออกไปให้หมดเลย ไปสิ” หนูนาส่ายหน้า เรื่องนี้เธอผิด เธอยอมถูกตีคนเดียว พี่และน้องไม่ควรถูกตีด้วยแบบนี้
“ไม่! ถ้าแม่จะตีน้อง แม่ก็ต้องตีพี่ด้วย”
“ปื๊ดเองก็ผิด ปื๊ดไม่ได้ห้ามพี่หนูนาให้ดี ทั้งยังปล่อยให้พี่อยู่ในห้องน้ำคนเดียวอีก หากพี่หนูนาจะถูกตีปื๊ดก็ต้องถูกตีด้วย”
“พี่ช้าง.. ปิ๊ด”
จากที่ตอนแรกไม่มีน้ำตาสักหยด ในตอนนี้คนที่ทำผิดมหันต์เริ่มร้องไห้ออกมา หนูนาโอบกอดทั้งพี่และน้องเอาไว้ พากันร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็ก ๆ
ใบบัวมองภาพสามพี่น้องที่กอดกันกลมด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ถูก จะว่าดีใจที่เห็นพี่น้องรักกันก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะยังโกรธเคืองที่ลูกดื้อด้านจนเกิดเรื่องขึ้น ทั้งยังมีพี่น้องคอยให้ท้ายแบบนี้อีก
“ใบบัว”
“มีอะไรพี่ราชัน” ใบบัวไม่รู้เลยว่าตัวเองเสียงแข็งจนอดีตจอมโจรสะดุ้งโหยง “อยากถูกใบบัวตีด้วยหรือ ถ้าอยากก็นั่งลง ใบบัวจะตีทั้งพ่อทั้งลูกนี่แหละ”
ราชันหน้าเสีย เขารักลูกก็จริง แต่ถ้าต้องถูกเมียตี..
ไม่เอาดีกว่า
“พี่แค่อยากเตือนใบบัวว่าอย่าตีลูกแรงเลยนะ เดี๋ยวจะปวดแขนเอาได้”
พ่อช่วยได้เท่านี้แหละลูกเอ้ย..
ใบบัวเลิกสนใจผัว เธอหันกลับไปมองลูกทั้งสามที่ยังกอดกันกลม แม้ว่าเด็ก ๆ จะพากันนั่งคุกเข่าร้องไห้ใบบัวก็ไม่ใจอ่อน อยากโดนตีกันนักเธอก็จะจัดให้อย่างเท่าเทียม
“ใครอยากโดนก่อน”
“หนูจ้ะ” พี่คนโตเสียสละทันที ช้างลุกขึ้นยืนทั้ง ๆ ที่น้อง ๆ พากันฉุดแขนให้นั่งลง
“พี่ช้าง ให้หนูนาก่อน หนูนาคือคนผิดนะ”
“ให้แม่ตีพี่ก่อน ตีพี่แล้วแม่จะได้มีแรงน้อยลง หนูนากับปื๊ดจะได้ไม่เจ็บมาก”
“โธ่.. พี่ช้าง”
ร่างสูงเหมือนยักษ์เดินออกมาตรงหน้า ช้างหันข้างให้ใบบัว กอดอก หลับตาลงรอรับความเจ็บปวดที่ก้น..
เพียะ!
“อึก!”
“ต่อไปใคร”
ช้างเดินกลับไปนั่ง ส่วนหนูนาลุกขึ้นมาแทนที่ ใบบัวมองลูกสาวที่แสนดื้อดึง ก่อนจะฟาดหวายลงบนก้นเต็มแรง
เพียะ!
“ต่อไป”
ปื๊ดลุกขึ้นมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ดูจากพี่ ๆ แล้วแม่ใบบัวคงไม่ได้ออมแรงสักนิด เพราะขนาดช้างยังนั่งไม่ติดพื้น ส่วนหนูนาน้ำตาซึมออกมาอีกระลอกใหญ่
“หันมาปื๊ด”
“แม่ใบบัวจ๋า”
“มีอะไร”
“หนูรักแม่ใบบัวนะ”
หัวใจของคนเป็นแม่อ่อนยวบ ใบบัวจ้องมองหน้าตาหมดจดของเด็กหนุ่มนิ่ง ๆ ปื๊ดมีหน้าตาน่ารัก ผิวขาวน่าถนอม ตัวพอ ๆ กันกับหนูนาแต่นิสัยอ่อนหวานกว่า เธอรู้ว่าลูกคนเล็กที่รับมาเลี้ยงชอบพอผู้ชายหาใช่ผู้หญิง แต่แล้วอย่างไร ในเมื่อไม่ได้ฆ่าใครตายก็ไม่ใช่เรื่องผิด
“แม่ก็รักลูกทุก ๆ คน เพราะรัก.. ถึงได้สั่งสอน”
เพียะ!
ช้างประคองปื๊ดกลับไปนั่งเพราะเด็กหนุ่มเจ็บจนถึงขั้นทรุดฮวบ เมื่อทำโทษลูก ๆ เสร็จใบบัวก็รีบโยนไม้หวายออกไปไกล ๆ ก่อนจะทรุดตัวนั่งโอบกอดลูก ๆ ทั้งสามแล้วร้องไห้ออกมาปานจะขาดใจ
ตีลูกที่รักกว่าชีวิต มันเจ็บยิ่งกว่าตีตัวเองไม่รู้กี่เท่า คล้ายกับฟาดหวายลงกลางหัวใจซ้ำ ๆ ใบบัวไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยสักนิด ตีลูกไม่ใช่ความสุขของคนเป็นแม่ ลูกเจ็บ แม่เจ็บยิ่งกว่าพันหมื่นล้านเท่า แต่ถ้าไม่ทำ ลูกก็จะทำให้ตัวเองต้องอยู่ในอันตรายอีก
หวายนี้จะเป็นเครื่องเตือนใจเด็ก ๆ ว่าเมื่อใดที่คิดจะทำผิดอีก ให้รู้ไว้ว่าแม่คนนี้จะเจ็บปวดยิ่งกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า
“แม่ขอโทษนะลูก ฮึก”
“แม่ไม่ผิดเลย หนูนาดื้อเอง”
“แม่ตีเพราะแม่รัก หนูรู้”
“หนูไม่เจ็บเลยแม่ใบบัว ไม่เจ็บเลย ฮึก”
ราชันมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ทนายคนเก่งลอบเช็ดน้ำตาที่หางตาเงียบ ๆ เขารู้ดีว่าใบบัวรักลูกสุดหัวฝจ ลูกเองก็รักใบบัวมาก และพี่น้องทั้งสามนั้นรักกันเพียงใด ไม่มีใครโกรธที่ถูกใบบัวตี และใบบัวเองก็โกรธลูก ๆ ได้ไม่นาน อีกเดี๋ยวก็คงรีบลงไปที่ครัว เตรียมอาหารที่ลูกชอบมาง้อ
สุดท้ายแล้วไม่ว่าอย่างไรครอบครัวก็คือครอบครัว ราชันนึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ส่งใบบัวมาให้เขา ส่งลูกทั้งสามมาเพิ่มสีสันให้บ้านหลังนี้ เกือบสามสิบปีก่อนเขาไม่เคยนึกอยากมีครอบครัวเลย ไม่คิดจะรักตัวเองด้วยซ้ำ แต่ในวันนี้เขาต้องการจะมีชีวิตที่ยืนยาว เฝ้ามองลูกเมียแบบนี้ไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ
.
.(ศิลาล้อแม่เล่นหรือ แหม.. ล้อกันแบบนี้แม่ไม่ตลกเลยนะจ๊ะ)
“คุณแม่ครับ ผมไม่ได้ล้อเล่น”
(ยังอีก แม่บอกแล้วว่า..)
“ผมกำลังจะแต่งงานครับ อาทิตย์หน้า”
(ศิลา!)
ปลายสายเริ่มเสียงแข็ง ศิลาได้ยินเสียงลมหายใจฟืดฟาด คล้ายกับกำลังระงับความโกรธของแม่บังเกิดเกล้า
คนที่ศิลากำลังพูดสายด้วยคือคุณหญิงแจ่มจันทร์ แม่แท้ ๆ ของสารวัตรศิลา ภรรยาหลวงของพลตำรวจเอกศักดิ์ พ่อแท้ ๆ ของเขา
(แม่ไม่ตลกนะ) คุณหญิงแจ่มจันทร์พยายามบังคับเสียงให้มั่นคง (ลูกเต้าเหล่าใคร ตระกูลไหน พ่อเป็นข้าราชการชั้นไหน แม่เป็นคุณหญิงหรือเปล่า หรือว่า..)
“คุณแม่ครับ หนูนาเป็นลูกของทนายอาสาและหมอสมุนไพรพื้นบ้านที่เก่งที่สุดในอำเภอครับ”
(แค่นี้?)
“แค่นี้ครับ”
(ศิลาต้องล้อแม่เล่นแน่ ๆ) คุณหญิงแจ่มจันทร์ไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องที่ได้ยินจะเป็นเรื่องจริง (ลูกกำลังจะบอกแม่ว่า.. ลูกไม่ยอมหมั้นกับหนูพราวฟ้า ลูกสาวคนเดียวของท่านรัฐมนตรีพิสุทธิ์ แต่กลับจะแต่งงานกับเด็กที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ชื่ออะไรนะ หนูนาอย่างนั้นหรือ? แค่ชื่อก็ไม่น่าฟังแล้ว)
“เธอชื่อจริงว่าคะนึงนิจครับ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ คุณแม่ครับ หนูนาเธอไม่ได้ไร้หัวนอนปลายเท้า เธอมีพ่อมีแม่ คุณพ่อเธอเป็นทนายที่เก่งกาจ คุณแม่ก็เป็นหมอยาที่เชี่ยวชาญสมุนไพรไม่มีใครเทียบได้ แค่นี้มันยังไม่พออีกหรือครับ”
(ไม่พอ ทนายแล้วอย่างไร หมอสมุนไพรแล้วอย่างไร มีอะไรสู้ลูกสาวคนเดียวของรัฐมนตรีได้)
“คุณแม่..”
(ผู้หญิงคนนั้นเกื้อหนุนอะไรลูกได้บ้างศิลา หน้าที่การงาน ฐานะทางสังคม แค่แม่ฟังที่ลูกพูดแม่ก็รู้แล้วว่าเทียบไม่ได้เลยกับหนูพราวฟ้า หนูพราวฟ้าทำให้ลูกเป็นพลตำรวจเอกเหมือนพ่อได้ ความฝันของลูกไม่ใช่หรือ ศิลาคิดให้ดี ๆ นะลูก)
“ไม่ครับ ผมไม่อยากเป็นเหมือนคุณพ่อแล้ว ผมอยากไต่เต้าด้วยความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่ยอมรับลูกสาวลับ ๆ ของรัฐมนตรีมาเป็นบ้านน้อย แลกกับตำแหน่งใหญ่โตที่ทำให้คุณแม่ต้องเสียใจ”
(ศิลา!!)
“ที่ผมโทรมาบอกเพราะผมไม่ต้องการทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาคุณแม่ ถ้าคุณแม่อยากมางานอาทิตย์หน้าผมก็ยินดีครับ แต่ถ้าไม่มาก็ไม่เป็นไร ไว้ผมจะพาภรรยาไปแนะนำตัวกับคุณแม่เอง”
(ไม่ต้องพามา ที่นี่ไม่ต้อนรับสะใภ้ที่แม่ไม่ยอมรับ)
“คุณแม่..” ศิลาถอนหายใจ รู้อยู่แล้วว่าไม่ง่าย แต่เขาก็อดเหนื่อยไม่ได้อยู่ดี
(แล้วลูกจะต้องเสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้)
ปลายสายวางไปแล้ว สารวัตรหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบ้าง ไม่ผิดจากที่คิดไว้เลยสักนิด แม่ไม่ยอมรับภรรยาของเขา อ้างแต่เรื่องเดิม ๆ ที่ศิลาไม่อยากฟัง
ตั้งแต่เล็กจนโตศิลามีความฝันว่าอยากเป็นตำรวจมาตลอด เพราะเขาเกิดมาในครอบครัวตำรวจ ปู่ พ่อ ลุง ทุกคนล้วนเป็นตำรวจทั้งนั้น เขามีความฝันที่ยิ่งใหญ่ว่าอยากรับใช้ประชาชน ช่วยเหลือทุกคนอย่างเท่าเทียม ทั้งชีวิตเอาแต่วิ่งตามความฝันจนไม่เคยสนใจอาชีพอื่น เขามุ่งมั่นจนสอบติด ทำผลงานต่าง ๆ มากมายจนเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นสารวัตรได้ด้วยตัวเอง
เมื่อก่อน ความฝันสูงสุดของศิลาคือการได้เป็นพลตำรวจเอกเหมือนพ่อ แต่นั่นมันก็แค่อดีต หลังจากรู้ว่าตำแหน่งที่พ่อได้มานั้นต้องแลกกับอะไรบ้าง เขาก็ไม่สนใจมันอีก
ในช่วงที่เขาได้รู้ความลับเน่าเฟะนั้น แม่ก็เริ่มพาหญิงสาวคนหนึ่งมาให้ศิลารู้จัก คอยย้ำเตือนว่าผู้หญิงคนนี้จะช่วยทำให้เป้าหมายของเขาเป็นจริงได้ นั่นทำให้ศิลายิ่งรู้สึกสะอิดสะเอียนเหลือเกิน เขารีบทำเรื่องขอย้ายตัวเองจากเมืองหลวงมาที่นี่โดยไม่บอกใครจนกว่าจะได้รับอนุมัติ เมื่อมีคำสั่งลงมาแล้วแม่ก็ไม่สามารถขัดขวางเขาได้อีกต่อไป อำเภอเล็ก ๆ ที่ไม่ได้เจริญมากเป็นสถานที่ที่ศิลาเลือก
ใครจะไปคิด ว่าที่นี่จะกลายเป็นที่ ๆ เขาได้มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนโดยไม่ได้ตั้งใจ..
“อื้ม..”ร่างขาวผ่องเล็กกะทัดรัด ที่มีผ้าห่มคลุมไว้อย่างหมิ่นเหม่ขยับกายอย่างเกียจคร้าน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเพราะแสบตาจากแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา นึกสงสัยว่าปื๊ดมันเปิดหน้าต่างทำไม เธอยังนอนไม่อิ่มเลย“ปื๊ด ทำไมไม่ปิดหน้าต่าง ไปปิดเดี๋ยวนี้ ข้าจะนอน”เสียงแหบแห้งร้องสั่งน้องชาย ที่ปกติมักจะปูฟูกนอนข้างเตียงและตื่นก่อนเสมอผ่านไปสักพักหน้าต่างก็ยังไม่ถูกปิดลง ไม่มีแม้แต่เสียงขยับกายจากคนที่นอนร่วมห้อง ทำให้คนที่นอนไม่เต็มอิ่มเริ่มหงุดหงิด“ไอ้ปื๊ด!”“อืม”“บอกให้ไปปิดหน้าต่าง!”“ปิดเองสิ”เสียงของปื๊ดใกล้ใบหูจนรู้สึกจั๊กกะจี้ ไม่ทันได้ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมคนที่มีศักดิ์เป็นน้องชายถึงได้ขึ้นมานอนข้าง ๆ กัน เอวคอดก็ถูกรวบกอดแนบแน่น“เฮ้ย!!!”ผลั่ก!โครม!!“อั่ก!”ร่างน้อยผุดลุกขึ้นนั่ง ขาเรียวกระตุกไปก่อนความคิด ฝ่าเท้าเล็ก ๆ กระทุ้งถีบคนที่บังอาจขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกัน ทั้งยังบังอาจมาโอบกอดอย่างอุกอาจด้วยความโมโห“ขึ้นมานอนเตียงข้าทำไมวะไอ้ปื๊ด!!” ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อรู้สึกถึงความวูบโหวงแปลก ๆ เมื่อก้มมองดูก็รู้ถึงสาเหตุว่าทำไม.. "ไอ้ปื๊ด.. นะ นี่ นี่เอ็ง..”หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ ความผิ
เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น..“พี่หนูนา แอบเข้าเมืองแบบนี้ไม่กลัวแม่ใบบัวดุหรือ”“เอ๊ะ!” คนถูกถามเท้าสะเอว ตาเขียวปั๊ด “ถ้าเอ็งกลัวนักก็กลับไปไอ้ปื๊ด เสียเวลาข้า”“โธ่พี่หนูนา ปื๊ดก็แค่เป็นห่วง” ปื๊ดหัวหด ไม่กล้าต่อปากต่อคำเพราะกลัวถูกเบิ๊ดกะโหลกยุบ ไม่ก็ถูกทิ้งไว้ข้างทางหนูนาชี้หน้าน้องชายจอมขลาด ปื๊ดเกิดช้ากว่าเธอแค่ปีเดียว เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก และมีดวงหน้าหน้าอ่อนหวานเหมือนเด็กผู้หญิง หนูนาไปเจอปื๊ดถูกเด็กผู้ชายรุมรังแกเพราะรูปร่างอ้อนแอ้น เพราะความเป็นคนดีในส่วนลึกจึงช่วยมันไว้ ไม่คิดว่าเลยว่ามันจะซึ้งใจจนผันตัวมาเป็นลูกน้องเดินตามตูดต้อย ๆ แบบนี้แม่ใบบัวกับพ่อราชันเห็นเข้าก็เอ็นดู ทั้งสองรับปื๊ดเป็นลูกบุญธรรม หลังจากนั้นหนูนาก็มีน้องชายเพิ่มเข้ามา“แม่ไม่รู้หรอกถ้าเอ็งไม่บอก ป่านนี้แม่นอนไปแล้ว กว่าจะตื่นก็คงตีสี่ตีห้า เวลานั้นเอ็งกับข้าคงกลับไปนอนตีพุงแล้ว”“ปื๊ดไม่บอกหรอกจ้ะ”เพราะถ้าขืนบอก ก็คงไม่แคล้วถูกทำโทษที่หนีเที่ยวแบบนี้ แม่ใบบัวบอกเสมอว่าถ้าหากทำผิดด้วยกันก็ต้องโดนทั้งคู่ ไม่สนว่าใครเริ่มใครตาม ใครลูกในไส้ใครลูกบุญธรรม หากทำผิดจะโดนลงโทษอย่างเท่าเทียมข้อหา
เรือนหลังใหญ่เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อลูกสาวคนเล็กหายออกจากบ้านไปทั้งคืนจรดเช้า เท่านั้นไม่พอ ลูกบุญธรรมที่สนิทกับหนูนายังคลานเข่าเข้ามาหาทั้งน้ำตา แล้วสารภาพออกมาตรง ๆ ว่าเมื่อคืนทั้งคู่พากันไปเที่ยวในเมืองโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวใครและที่เลวร้ายกว่านั้น หนูนาหายตัวไปทั้ง ๆ ที่โดนยาปลุกกำหนัดจนแทบสิ้นสติ“พ่อราชันจ๋า แม่ใบบัวจ๋า พี่ช้างจ๋า ปื๊ดขอโทษ ฮือ ปื๊ดผิดไปแล้ว ฮึก ปื๊ดพยายามห้ามแล้ว แต่.. แต่ว่า ฮึก”ราชันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ลูกของเขา เขาเลี้ยงมากับมือ เหตุใดจะไม่รู้ว่าหนูนานั้นดื้อด้านเพียงใดหนูนาเป็นเด็กที่ดื้อเกินหญิง เพราะเป็นทั้งลูกสาวและลูกคนเล็กจึงถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจทั้งจากแม่และพี่ชาย ไม่ว่าจะอยากได้อะไรก็ต้องได้ ราชันเองก็ไม่กล้าต่อว่าใคร เพราะเขาเองก็ตามใจหนูนาไม่น้อย“ทำอย่างไรดี”ใบบัวสะอื้นไห้กับอกผัวโดยที่มีราชันคอยลูบหลังปลอบประโลม เธอจะไม่กังวลเลยหากหนูนามีสติครบถ้วน เพราะฝีมือการต่อยตีของลูกสาวเป็นรองเพียงลูกชายเท่านั้น แต่ในยามที่ถูกยานรกครอบงำสติ หนูนาไม่มีทางต้านทานมันได้ เธอได้แต่ภาวนาให้ลูกสาวโชคดี ไม่ถูกย่ำยีจนย่อยยับเพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง.. ใบบั
หนูนาเดินตัวลีบตามหลังแม่ต้อย ๆ ดวงหน้างดงามที่ใครเห็นเป็นต้องตกหลุมเสน่ห์ในยามนี้ดูเจี๊ยมเจี้ยมไร้ความดื้อด้านเหมือนเคย“แม่จ๋า อย่าตีน้องเลยนะ”“พ่อช้างไม่ต้องขอร้องแทนน้อง อย่างไรวันนี้หนูนาก็ต้องถูกทำโทษ”“แต่ว่า..”“พี่ช้าง ไม่เป็นไร หนูนาทำผิด คนทำผิดก็ต้องถูกตี”ราชันเบือนหน้าหนี ตัวเขานั้นไม่ใจกล้าพอให้ลงไม้ลงมือกับลูก หากทำผิดอย่างมากก็แค่ตักเตือน แต่ใบบัวนั้นไม่ใช่ ถ้าเป็นความผิดเพียงเล็กน้อยเหมือนเคย อย่างมากก็แค่ให้อดข้าวเย็นหรือไม่ก็กักบริเวณสักวันสองวัน แต่ครานี้ความผิดของหนูนาใหญ่หลวงเกินไป ใบบัวไม่อาจปล่อยให้เลยตามเลยได้“ปื๊ด ไปหยิบหวายมาให้แม่”หนุ่มน้อยเจ้าของชื่อปื๊ดน้ำตาไหลพราก ๆ ทั้งกลัวแม่ใบบัว ทั้งสงสารพี่หนูนาจับใจ โทษครั้งนี้ปื๊ดโดนกักบริเวณ และหนูนาต้องถูกตี แต่แม่ใบบัวไม่เคยลงโทษพวกเราหนักแบบนี้มาก่อน ต่อให้ดื้อด้านแค่ไหนก็ไม่เคยตีลูกสักแปะ“ตะ แต่ว่า แม่ใบบัวจ๋า”“ปื๊ด แม่บอกให้ไปหยิบหวายมาให้แม่”“แม่ใบบัว..”“ไปเถอะปื๊ด”หนูนาพยักหน้าเบา ๆ หนุ่มน้อยยกมือขึ้นปาดน้ำตาป้อย ๆ ก่อนจะคลานไปที่ห้องเก็บของ หยิบเอาหวายที่ไม่เคยถูกใช้งานเลยสักครั้งออกมา ปื๊ดยื่นหว
เรือนหลังใหญ่เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อลูกสาวคนเล็กหายออกจากบ้านไปทั้งคืนจรดเช้า เท่านั้นไม่พอ ลูกบุญธรรมที่สนิทกับหนูนายังคลานเข่าเข้ามาหาทั้งน้ำตา แล้วสารภาพออกมาตรง ๆ ว่าเมื่อคืนทั้งคู่พากันไปเที่ยวในเมืองโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวใครและที่เลวร้ายกว่านั้น หนูนาหายตัวไปทั้ง ๆ ที่โดนยาปลุกกำหนัดจนแทบสิ้นสติ“พ่อราชันจ๋า แม่ใบบัวจ๋า พี่ช้างจ๋า ปื๊ดขอโทษ ฮือ ปื๊ดผิดไปแล้ว ฮึก ปื๊ดพยายามห้ามแล้ว แต่.. แต่ว่า ฮึก”ราชันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ลูกของเขา เขาเลี้ยงมากับมือ เหตุใดจะไม่รู้ว่าหนูนานั้นดื้อด้านเพียงใดหนูนาเป็นเด็กที่ดื้อเกินหญิง เพราะเป็นทั้งลูกสาวและลูกคนเล็กจึงถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจทั้งจากแม่และพี่ชาย ไม่ว่าจะอยากได้อะไรก็ต้องได้ ราชันเองก็ไม่กล้าต่อว่าใคร เพราะเขาเองก็ตามใจหนูนาไม่น้อย“ทำอย่างไรดี”ใบบัวสะอื้นไห้กับอกผัวโดยที่มีราชันคอยลูบหลังปลอบประโลม เธอจะไม่กังวลเลยหากหนูนามีสติครบถ้วน เพราะฝีมือการต่อยตีของลูกสาวเป็นรองเพียงลูกชายเท่านั้น แต่ในยามที่ถูกยานรกครอบงำสติ หนูนาไม่มีทางต้านทานมันได้ เธอได้แต่ภาวนาให้ลูกสาวโชคดี ไม่ถูกย่ำยีจนย่อยยับเพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง.. ใบบั
เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น..“พี่หนูนา แอบเข้าเมืองแบบนี้ไม่กลัวแม่ใบบัวดุหรือ”“เอ๊ะ!” คนถูกถามเท้าสะเอว ตาเขียวปั๊ด “ถ้าเอ็งกลัวนักก็กลับไปไอ้ปื๊ด เสียเวลาข้า”“โธ่พี่หนูนา ปื๊ดก็แค่เป็นห่วง” ปื๊ดหัวหด ไม่กล้าต่อปากต่อคำเพราะกลัวถูกเบิ๊ดกะโหลกยุบ ไม่ก็ถูกทิ้งไว้ข้างทางหนูนาชี้หน้าน้องชายจอมขลาด ปื๊ดเกิดช้ากว่าเธอแค่ปีเดียว เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก และมีดวงหน้าหน้าอ่อนหวานเหมือนเด็กผู้หญิง หนูนาไปเจอปื๊ดถูกเด็กผู้ชายรุมรังแกเพราะรูปร่างอ้อนแอ้น เพราะความเป็นคนดีในส่วนลึกจึงช่วยมันไว้ ไม่คิดว่าเลยว่ามันจะซึ้งใจจนผันตัวมาเป็นลูกน้องเดินตามตูดต้อย ๆ แบบนี้แม่ใบบัวกับพ่อราชันเห็นเข้าก็เอ็นดู ทั้งสองรับปื๊ดเป็นลูกบุญธรรม หลังจากนั้นหนูนาก็มีน้องชายเพิ่มเข้ามา“แม่ไม่รู้หรอกถ้าเอ็งไม่บอก ป่านนี้แม่นอนไปแล้ว กว่าจะตื่นก็คงตีสี่ตีห้า เวลานั้นเอ็งกับข้าคงกลับไปนอนตีพุงแล้ว”“ปื๊ดไม่บอกหรอกจ้ะ”เพราะถ้าขืนบอก ก็คงไม่แคล้วถูกทำโทษที่หนีเที่ยวแบบนี้ แม่ใบบัวบอกเสมอว่าถ้าหากทำผิดด้วยกันก็ต้องโดนทั้งคู่ ไม่สนว่าใครเริ่มใครตาม ใครลูกในไส้ใครลูกบุญธรรม หากทำผิดจะโดนลงโทษอย่างเท่าเทียมข้อหา
“อื้ม..”ร่างขาวผ่องเล็กกะทัดรัด ที่มีผ้าห่มคลุมไว้อย่างหมิ่นเหม่ขยับกายอย่างเกียจคร้าน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเพราะแสบตาจากแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา นึกสงสัยว่าปื๊ดมันเปิดหน้าต่างทำไม เธอยังนอนไม่อิ่มเลย“ปื๊ด ทำไมไม่ปิดหน้าต่าง ไปปิดเดี๋ยวนี้ ข้าจะนอน”เสียงแหบแห้งร้องสั่งน้องชาย ที่ปกติมักจะปูฟูกนอนข้างเตียงและตื่นก่อนเสมอผ่านไปสักพักหน้าต่างก็ยังไม่ถูกปิดลง ไม่มีแม้แต่เสียงขยับกายจากคนที่นอนร่วมห้อง ทำให้คนที่นอนไม่เต็มอิ่มเริ่มหงุดหงิด“ไอ้ปื๊ด!”“อืม”“บอกให้ไปปิดหน้าต่าง!”“ปิดเองสิ”เสียงของปื๊ดใกล้ใบหูจนรู้สึกจั๊กกะจี้ ไม่ทันได้ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมคนที่มีศักดิ์เป็นน้องชายถึงได้ขึ้นมานอนข้าง ๆ กัน เอวคอดก็ถูกรวบกอดแนบแน่น“เฮ้ย!!!”ผลั่ก!โครม!!“อั่ก!”ร่างน้อยผุดลุกขึ้นนั่ง ขาเรียวกระตุกไปก่อนความคิด ฝ่าเท้าเล็ก ๆ กระทุ้งถีบคนที่บังอาจขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกัน ทั้งยังบังอาจมาโอบกอดอย่างอุกอาจด้วยความโมโห“ขึ้นมานอนเตียงข้าทำไมวะไอ้ปื๊ด!!” ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อรู้สึกถึงความวูบโหวงแปลก ๆ เมื่อก้มมองดูก็รู้ถึงสาเหตุว่าทำไม.. "ไอ้ปื๊ด.. นะ นี่ นี่เอ็ง..”หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ ความผิ