เรือนหลังใหญ่เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อลูกสาวคนเล็กหายออกจากบ้านไปทั้งคืนจรดเช้า เท่านั้นไม่พอ ลูกบุญธรรมที่สนิทกับหนูนายังคลานเข่าเข้ามาหาทั้งน้ำตา แล้วสารภาพออกมาตรง ๆ ว่าเมื่อคืนทั้งคู่พากันไปเที่ยวในเมืองโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวใคร
และที่เลวร้ายกว่านั้น หนูนาหายตัวไปทั้ง ๆ ที่โดนยาปลุกกำหนัดจนแทบสิ้นสติ
“พ่อราชันจ๋า แม่ใบบัวจ๋า พี่ช้างจ๋า ปื๊ดขอโทษ ฮือ ปื๊ดผิดไปแล้ว ฮึก ปื๊ดพยายามห้ามแล้ว แต่.. แต่ว่า ฮึก”
ราชันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ลูกของเขา เขาเลี้ยงมากับมือ เหตุใดจะไม่รู้ว่าหนูนานั้นดื้อด้านเพียงใด
หนูนาเป็นเด็กที่ดื้อเกินหญิง เพราะเป็นทั้งลูกสาวและลูกคนเล็กจึงถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจทั้งจากแม่และพี่ชาย ไม่ว่าจะอยากได้อะไรก็ต้องได้ ราชันเองก็ไม่กล้าต่อว่าใคร เพราะเขาเองก็ตามใจหนูนาไม่น้อย
“ทำอย่างไรดี”
ใบบัวสะอื้นไห้กับอกผัวโดยที่มีราชันคอยลูบหลังปลอบประโลม เธอจะไม่กังวลเลยหากหนูนามีสติครบถ้วน เพราะฝีมือการต่อยตีของลูกสาวเป็นรองเพียงลูกชายเท่านั้น แต่ในยามที่ถูกยานรกครอบงำสติ หนูนาไม่มีทางต้านทานมันได้ เธอได้แต่ภาวนาให้ลูกสาวโชคดี ไม่ถูกย่ำยีจนย่อยยับ
เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง.. ใบบัวคงโทษตัวเองไปตลอดชีวิต
“แม่จ๋า อย่าร้องไห้เลยนะ” ช้างปลอบแม่อีกคน ในยามนี้ใบบัวอ่อนแอกว่าใคร แต่ไม่ใช่ว่าทั้งราชันและช้างจะไม่กลัว “หนูให้ไอ้ดำกับไอ้แดงออกตามหาแล้ว อีกไม่นานคงเจอ..”
“พี่ช้างงงงงง พี่ช้างงงงง!!!”
ไม่ทันขาดคำ เจ้าแดงและเจ้าดำ ฝาแฝดวัยยี่สิบสองปีลูกน้องคนสนิทของช้างก็วิ่งหน้าตั้งขึ้นเรือนมา
“ว่ายังไง” ช้างลุกขึ้นไปหาทั้งคู่ทันที “เจอน้องกูหรือเปล่า”
“ไม่เจอจ้ะ”
“อะไรนะ!!”
ตึง!!
ช้างกระทืบเรือนเสียงดัง เพราะเขาตัวใหญ่มาก ทุกคนจึงตกใจกับเสียงดังกัมปนาทนั้น
“ถ้าไม่เจอแล้วพวกมึงจะเสนอหน้ากลับมาทำไม!! ไป! ไปตามหาน้องกูให้เจอ!!”
“ใจเย็นก่อนนะพี่ช้าง ฉันยังไม่เจอหนูนาก็จริง แต่มีชาวบ้านเห็นหญิงลักษณะคล้ายหนูนาที่.. เอ่อ ดำ มึงบอกพี่ช้างไปสิ” แดงไม่กล้าพูดต่อ มันส่งบทไปให้ฝาแฝดที่หน้าตาตื่น เหงื่อไหลโซมกาย
“ที่ไหนไอ้ดำ!!”
“ที่..” ดำอึกอัก ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด “ทะ ที่ซ่องจ้ะ”
“ไม่จริง!!”
.
.
มันเป็นเรื่องจริง
ช้างต้องพยายามระงับอารมณ์โทสะไว้อย่างสุดความสามารถ ดวงตาดุเหมือนพ่อมองไปรอบ ๆ เริ่มจากแม่ใบบัวที่กำลังโอบกอดร่างน้อย ๆ ของหนูนาพร้อมสะอื้นไห้ โดยที่มีปื๊ดนั่งร้องไห้ซบใบหน้ากับตักหนูนาและแม่ใบบัว พ่อราชันที่นิ่งเงียบจนน่ากลัว สารวัตรศิลาที่กำลังใช้น้ำแข็งประคบมุมปาก และหนูนาที่เอาแต่บอกแม่ว่าไม่เป็นไร
“ไม่เป็นไรได้อย่างไร ก็แม่เห็น..”
“แม่จ๋าอย่าพูด” ช้างกัดฟันห้ามแม่เสียงเครียด “หนูไม่อยากฟัง ถ้าไม่อยากให้หนูต่อยตำรวจอีกก็อย่าพูด”
“อย่างไรก็ต้องพูด”
เมื่อราชันยืนยันแบบนั้น ช้างที่มีท่าทีไม่พอใจก็จำต้องยอมอ่อนลง
ในบ้านใบบัวเป็นใหญ่ ส่วนทนายคนเก่งนั้นเป็นเพียงผู้ตาม ราชันจะให้เมียเป็นคนตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ก่อนเสมอ แต่เมื่อไหร่ที่ใบบัวต้องการที่พึ่ง ราชันก็ไม่ต่างอะไรจากราชสีห์ตัวใหญ่ เขาจะปกป้องและคุ้มครองครอบครัวจากสิ่งเลวร้ายภายนอกด้วยชีวิต ราชันเวลาโกรธน่ากลัวมาก กลิ่นอายจอมโจรเก่ายังคงหลงเหลือ แม้แต่ช้างที่สนิทกับพ่อมากยังไม่กล้าขัดใจ
“เล่าให้ฉันฟังสารวัตร เมื่อคืนมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
สารวัตรหนุ่มสบตาทนายราชัน ท่าทางของราชันไม่เหมือนทนายเลยสักนิด เหมือนผู้พิพากษาที่กำลังรอตัดสินนักโทษแบบเขามากกว่า แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้สารวัตรศิลาเกรงกลัวคนตรงหน้ามากนัก
เรื่องนี้เขาผิดก็จริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
“เมื่อคืนผมไปเข้าห้องน้ำแล้วเจอหนูนา เธอมีอาการไม่ค่อยดี พยายามลวนลามปลุกปล้ำผม..”
“ไอ้สารวัตรศิลา!!”
“ช้าง ใจเย็นแล้วนั่งลง ส่วนสารวัตรพูดต่อเถิด”
“ครับ เธอพยายามลวนลามผม ผมจะพาเธอไปส่งที่หมู่บ้าน แต่ตอนนั้นทุกอย่างมันไม่เป็นใจ ผมจึงตัดสินใจเช่าห้องของที่นี่ หวังจะรอให้อาการของเธอดีขึ้น แต่เพราะฤทธิ์ยา พวกเราจึง..”
“ที่ฉันรู้มามีแค่หนูนาที่โดนยาไม่ใช่หรือ แล้วทำไมสารวัตรจึงไม่ขัดขืน อย่างไรสารวัตรก็มีเรี่ยวแรงมากกว่า” ราชันถามอย่างใจเย็น
“ผมขอโทษครับ ผมผิดเอง”
“พอ! พอกันที!! พ่อจ๋า หนูไม่อยากฟังแล้ว แค่นี้น้องก็กลัวจนตัวสั่นแล้วพ่อไม่เห็นหรือ”
หนูนาที่นั่งเงียบมานานเลิกคิ้วขึ้นสูง กลัวจนตัวสั่นอะไรของพี่ช้าง เธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด
เรื่องมันผ่านมาแล้วจะให้ฟูมฟายไปก็ไม่ได้อะไร ไม่ใช่ไม่เสียดายความสาวความบริสุทธิ์ที่สู้ถนอมมายี่สิบปี แต่หนูนาไม่ได้คิดว่าเยื่อบาง ๆ นั่นจะสำคัญอะไรกับชีวิตมากมาย
เธอมีเพื่อนเป็นโสเภณี มีเพื่อนที่ออกเรือนตั้งแต่สิบห้าแล้วถูกผัวทิ้ง มีเพื่อนที่ครองพรหมจรรย์มาจนถึงตอนนี้ แม้จะมีเส้นทางชีวิตที่แตกต่าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครไร้ค่า ทุกคนยังคงเป็นมนุษย์เหมือน ๆ กัน
“แล้วสารวัตรจะทำอย่างไร”
“ผมจะรับผิดชอบครับ ผมยินดีแต่งงาน..”
“ไม่เอา! ไม่แต่ง!”
หนูนาลุกขึ้นยืนทันที เรื่องอื่นเธอทนฟังได้ แต่พอตำรวจตรงหน้าเสนอตัวว่าจะรับผิดชอบเธอทนไม่ได้
เธอไม่มีทางแต่งงานกับตำรวจ เพราะเธอเกลียดตำรวจยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ!
“ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ให้มันแล้วไป ฉันไม่ถือสา”
“พี่หนูนา!”
“หนูนา ค่อย ๆ คิดนะลูก”
“พ่อตามใจลูก ชีวิตเป็นของลูก ลูกเลือกเองได้ทุกอย่าง”
หนูนายิ้มกว้างเมื่อพ่อตามใจ พ่อเป็นคนมีเหตุผล ไม่เคยบังคับลูกเมีย รับฟังทุกคนอย่างใจเย็นเสมอ
อาจจะใจเย็นที่สุดในบ้านด้วยซ้ำ
ดังนั้นเมื่อแม่เล่าให้ฟังว่าพ่อเคยเป็นโจรมาก่อน นิสัยใจร้อนเป็นไฟไม่มีเหตุผล ทั้งยังเคยทำร้ายจิตใจแม่สารพัด หนูนาจึงไม่เคยเชื่อเลยสักครั้ง เพราะตั้งแต่จำความได้เธอเห็นแต่พ่อที่ใจเย็นเป็นน้ำ และรักแม่ยิ่งกว่าอะไร ยุงสักตัวยังไม่ให้กัด แบบนี้จะเคยทำร้ายแม่ได้ยังไง
“แล้วถ้าเกิดว่าหนูนาท้อง..” สารวัตรหนุ่มเอ่ยแทรกขึ้นมา
“ท้องงั้นหรือ!” ช้างลุกขึ้น ตะโกนใส่หน้าสารวัตรศิลาเสียงดัง “มึงไม่ได้ป้องกันหรือไอ้สารวัตรศิลา!!”
เสียงที่ดังลั่นเพราะความโกรธเริ่มทำให้คนหันมามองด้วยความสนใจ จากที่ตอนแรกนั่งเงี่ยหูฟังเงียบ ๆ กลายเป็นมองมาตรง ๆ อย่างสอดรู้ และออกความคิดเห็นที่ไม่มีใครต้องการอย่างออกรส
“ท้องหรือ ท้องก่อนแต่งน่าอับอายนัก”
“ลูกทนายท้องก่อนแต่งหรือ”
“แบบนี้พ่อกับแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน พ่อเป็นถึงทนาย แม่เป็นถึงหมอยาสมุนไพร แค่มีลูกคนโตเป็นนักเลงก็แย่พอทนแล้ว นี่ลูกคนเล็กยังจะมาท้องก่อนแต่งอีก”
“ช้าง นั่งลง”
ราชันบอกลูกชายเสียงเรียบ คราวนี้ช้างยอมทำตามแต่โดยดี เพราะเริ่มรู้แล้วว่าอารมณ์ร้อน ๆ ของตนเองกำลังทำให้เรื่องทุกอย่างมันบานปลายและย่ำแย่ลง
“หากท้องก็ไม่เป็นไร หลานฉัน ฉันเลี้ยงได้ สารวัตรไม่ต้องกังวลไป”
“แต่เขาก็เป็นลูกของผมนะครับทนาย ทนายก็มีลูก คงรู้ดีว่าการถูกพรากลูกไปมันเจ็บปวดแค่ไหน”
“แต่ลูกสาวฉันไม่อยากแต่งงาน”
“อย่างนั้นถ้าหนูนาตั้งท้องขึ้นมาจริง ๆ ผมจะต้องได้เป็นพ่อของเด็กตามกฎหมาย และมีสิทธิ์เลี้ยงดูลูกไม่ต่างจากหนูนา ทนายรู้ดีว่าถ้าหากฟ้องร้องกัน ผมมีโอกาสชนะสูงกว่า”
ศิลาไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เขาสบตาดุที่ลุกเป็นไฟอย่างไม่กลัวเกรง ภายนอกทนายราชันดูใจเย็นและมีเหตุผล แต่ภายในกำลังเดือดดาลเหมือนลาวาร้อน ๆ จากภูเขาไฟ และไม่มีใครสัมผัสนอกจากเขา
นับว่าควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี ราชันไม่แสดงความโกรธเกรี้ยวให้ลูกและภรรยาเห็น แต่จงใจให้ศิลาเห็นเพียงผู้เดียว หวังจะกดข่มคนที่อายุน้อยกว่าให้ยอมศิโรราบ
แต่ราชันคงไม่รู้ว่าศิลาไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือใคร ถ้าเขาไม่มีความสามารถจริง ๆ คงไม่ได้เป็นสารวัตรตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามสิบแบบนี้
ราชันจ้องเข้าไปในดวงตาสีสนิม สารวัตรศิลาไม่มีท่าทีเกรงกลัวเขาแม้แต่น้อย สมแล้วที่ใคร ๆ ต่างก็พากันยำเกรงและให้ความเคารพ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในอำเภอนี้ได้เพียงครึ่งปี
ศิลาเองก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้ม แม้จะอายุใกล้หกสิบแต่กลิ่นอายของราชันก็ยังเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าในวัยหนุ่มคน ๆ นี้ร้ายกาจแค่ไหน แม้จะเกิดไม่ทัน แต่ศิลาก็ได้ยินชื่อเสียงสมัยหนุ่ม ๆ ของทนายคนนี้มาบ้าง
จอมโจรที่ไม่เคยมีใครจับได้ ปล้นคนชั่วแจกจ่ายคนจน ติดคุกเพียงสามปีก็พ้นโทษเพราะเป็นนักโทษชั้นดี เรียนจบปริญญาโท เป็นทนายอาสาไม่รับเงินแม้แต่แดงเดียว
น่านับถือ
“หนูนาอาจจะไม่ท้องก็ได้”
ใบบัวเอ่ยขึ้นบ้าง หลังจากปล่อยให้สองหนุ่มฟาดฟันกันทางสายตานานหลายอึดใจ เธอไม่อยากให้ลูกต้องเครียด แค่เรื่องเมื่อคืนก็ทำร้ายจิตใจดวงน้อย ๆ เกินพอแล้ว
“น้องกูไม่อยากแต่ง มึงอย่าคิดเอาเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ๆ มาผูกมัดน้องกู”
“ผมไม่ได้ต้องการผูกมัด ผมไม่มีปัญหาถ้าหนูนาไม่ต้องการแต่งงาน แต่หากตั้งท้องขึ้นมาจริง ๆ ลูกก็ต้องเป็นของผมเหมือนกัน”
“คนนะไม่ใช่สิ่งของ!”
“เพราะไม่ใช่สิ่งของผมจึงไม่ต้องการทอดทิ้ง คุณเกิดมาในครอบครัวที่มีพ่อแม่พร้อมหน้า น่าจะเข้าใจดีว่าการมีทั้งพ่อทั้งแม่มันอบอุ่นแค่ไหน”
“แต่..”
“ช้าง ให้น้องตัดสินใจเอง” ราชันตัดบท เพราะยิ่งพูด สารวัตรคนนี้ก็ยิ่งมีเหตุผลมารองรับจนเขาจนมุม “หนูนา ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจอย่างไรพ่อก็จะอยู่เคียงข้างลูกเสมอ”
“หนูนาอยากคุยกับเขาเพียงลำพัง”
“ได้สิ”
“ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนดีกว่าหนูนา ถ้ามันทำอะไรน้องพี่จะได้จัดการให้”
“ไม่เป็นไรพี่ช้าง หนูนาอยู่ได้ แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น”
“ช้าง หนูนาล้มผู้ชายตัวใหญ่ได้นะลูก เผื่อว่าจะลืม”
ช้างพยักหน้ารับอย่างจำใจ รู้ว่าน้องเก่ง แต่เขาก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี
ถึงเก่งแค่ไหนแต่ก็ถูกไอ้ตำรวจหน้าหยกเชยชมมาแล้ว แค่คิดก็เจ็บใจ ช้างอยากจะต่อยศิลาอีกสักสิบครั้งให้หน้ายับจนหมอไม่รับเย็บไปเลย
หลังจากทุกคนทยอยออกไปรอนอกซ่อง หนูนาก็เดินนำศิลากลับเข้าไปในห้องที่เกิดเหตุ บานประตูปิดลงกั้นผู้คนที่สอดรู้สอดเห็นออกไป ดวงตากวางเหมือนแม่มองสภาพเตียงนอนที่ยับย่น คราบอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด
เรื่องเมื่อคืนมันเกิดขึ้นจริง ๆ ไม่ใช่ความฝัน ไม่มีเรื่องหักมุม เพราะเธอยังจำได้อยู่เลยว่ารู้สึกยังไงบ้าง
ที่จริง.. ครั้งแรก ครั้งที่สอง สาม และสี่ของเธอมันไม่ได้แย่เลย ทั้งยังสุขสมจนแทบสำลัก
หนูนาไม่ได้รังเกียจเพราะเมื่อคืนเธอมีความสุขมาก ติดอย่างเดียวที่คนตรงหน้าเป็นตำรวจ ตำรวจที่เธอเกลียดมาตลอด
เฮ้อ.. มีผัวเป็นโจรยังดีเสียกว่า
“ฉันเกลียดตำรวจ ฉันไม่อยากแต่งงานกับนาย”
ศิลาเงียบฟัง เขารู้อยู่แล้วว่าหนูนาเกลียดตำรวจ เพราะเธอชอบหาเรื่องให้ตำรวจปวดหัวเป็นประจำ เขาเองก็เคยเจอฤทธิ์เดชมานับไม่ถ้วน
“ตำรวจมีแต่พวกเห็นแก่ตัว นิสัยไม่ดี ไม่เคยช่วยเหลือประชาชน เป็นหมารับใช้คนใหญ่คนโต น่ารังเกียจ”
“คุณมีอคติเกินไป ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนั้น”
“แต่ก็มีใช่ไหมล่ะ”
หนูนาสวนกลับทันควัน ครั้งนี้สารวัตรหนุ่มไม่มีคำโต้แย้ง เพราะมันเป็นเรื่องจริง
เขายอมรับว่าอาชีพของเขามีคนแบบนั้นอยู่จริง ๆ
“หึ เถียงไม่ออกสินะ”
“แต่ผมไม่ได้เป็นแบบที่คุณกล่าวหา”
“แค่พูดใครก็พูดได้”
ศิลาถอนหายใจ เขาเหนื่อยจะแก้ต่าง เพราะคนตรงหน้าไม่คิดจะเปิดใจรับฟังกันสักนิด
“แต่งก็ได้”
“หืม?” สารวัตรหนุ่มมองคนตัวเล็กอย่างไม่ไว้ใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าหนูนาจะยอมแต่งงานกับเขาง่าย ๆ ไหนว่าเกลียดกันนักหนา
“ฉันจะแต่งงานกับนายก็ได้ แต่..”
ดวงตากวางฉายแววเจ้าเล่ห์ สารวัตรหนุ่มคิดไว้แล้วว่าหนูนาคงไม่ได้ยอมอย่างไม่มีเงื่อนไข
“ถ้าฉันไม่ท้อง เราจะต้องหย่ากันทันที”
“การแต่งงานไม่ใช่เรื่องล้อเล่น”
“ฉันก็ไม่ได้ล้อเล่น ที่ฉันยอมแต่งเพราะไม่อยากเป็นขี้ปากของชาวบ้าน และนายก็กลัวว่าฉันจะท้องเสียเหลือเกิน ดังนั้นถ้าฉันไม่ได้ท้องอย่างที่นายคิด เราก็ต้องหย่าขาดกันทันที”
หนูนายกแขนขึ้นกอดอก ใบหน้างดงามไร้ที่ติเชิดขึ้นอย่างคนที่ไม่เคยยอมใคร
“เมื่อกี้นายก็เห็นว่าชาวบ้านนินทาพ่อแม่ฉันว่าอะไรบ้าง เพื่อรักษาหน้าตาของพ่อกับแม่ ฉันจะแต่งงานกับนาย แต่แค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เพราะฉันไม่ได้ชอบนาย”
ที่แท้ก็ยอมแต่งงานเพื่อล้างมลทินให้ครอบครัว ศิลาเป็นแค่เครื่องมือให้หนูนาใช้ล้างคำครหาของชาวบ้าน และเมื่อไหร่ที่หมดประโยชน์เขาก็จะถูกเขี่ยทิ้งทันที
“แล้วถ้าคุณท้อง?”
“ไม่ท้องหรอก” หนูนายกยิ้มเย้ยหยัน “นายไม่ได้น้ำยาดีขนาดนั้น คุณศาลาวัด”
หนูนาเดินตัวลีบตามหลังแม่ต้อย ๆ ดวงหน้างดงามที่ใครเห็นเป็นต้องตกหลุมเสน่ห์ในยามนี้ดูเจี๊ยมเจี้ยมไร้ความดื้อด้านเหมือนเคย“แม่จ๋า อย่าตีน้องเลยนะ”“พ่อช้างไม่ต้องขอร้องแทนน้อง อย่างไรวันนี้หนูนาก็ต้องถูกทำโทษ”“แต่ว่า..”“พี่ช้าง ไม่เป็นไร หนูนาทำผิด คนทำผิดก็ต้องถูกตี”ราชันเบือนหน้าหนี ตัวเขานั้นไม่ใจกล้าพอให้ลงไม้ลงมือกับลูก หากทำผิดอย่างมากก็แค่ตักเตือน แต่ใบบัวนั้นไม่ใช่ ถ้าเป็นความผิดเพียงเล็กน้อยเหมือนเคย อย่างมากก็แค่ให้อดข้าวเย็นหรือไม่ก็กักบริเวณสักวันสองวัน แต่ครานี้ความผิดของหนูนาใหญ่หลวงเกินไป ใบบัวไม่อาจปล่อยให้เลยตามเลยได้“ปื๊ด ไปหยิบหวายมาให้แม่”หนุ่มน้อยเจ้าของชื่อปื๊ดน้ำตาไหลพราก ๆ ทั้งกลัวแม่ใบบัว ทั้งสงสารพี่หนูนาจับใจ โทษครั้งนี้ปื๊ดโดนกักบริเวณ และหนูนาต้องถูกตี แต่แม่ใบบัวไม่เคยลงโทษพวกเราหนักแบบนี้มาก่อน ต่อให้ดื้อด้านแค่ไหนก็ไม่เคยตีลูกสักแปะ“ตะ แต่ว่า แม่ใบบัวจ๋า”“ปื๊ด แม่บอกให้ไปหยิบหวายมาให้แม่”“แม่ใบบัว..”“ไปเถอะปื๊ด”หนูนาพยักหน้าเบา ๆ หนุ่มน้อยยกมือขึ้นปาดน้ำตาป้อย ๆ ก่อนจะคลานไปที่ห้องเก็บของ หยิบเอาหวายที่ไม่เคยถูกใช้งานเลยสักครั้งออกมา ปื๊ดยื่นหว
เวลาตีสามของวันที่แสนธรรมดา ลูกสาวคนเดียวของทนายราชันถูกปลุกขึ้นมาอาบน้ำเย็น ๆ ที่กว่าหนูนาจะยอมอาบได้ก็เล่นเอาปื๊ดแทบขาดใจ จากนั้นร่างเล็กก็ถูกพามาที่กระจกบานใหญ่ ปื๊ดกดไหล่ทั้งสองข้างให้หนูนานั่งลงตรงนั้น“ฮ๊าววววว”“พี่หนูนา หาวปากกว้างน่าเกลียด” ปื๊ดถึงกับรับไม่ได้ มีอย่างที่ไหนโตเป็นสาวอายุยี่สิบปี จนวันนี้จะแต่งงานออกเรือนแล้วยังหาวปากกว้างแบบนี้“ก็คนมันง่วง ง่วง! ง่วง! ง่วง! ง่วง! ได้ยินไหมวะว่าข้าง่วง!! อยากนอนต่อ ได้ยินไหม!!”“ได้ยินแล้วจ้า ๆ แต่วันนี้เป็นวันแต่งงานของพี่กับสารวัตรศิลานะ ต้องรีบแต่งหน้าแต่งตัว ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันฤกษ์ทันยาม”“ก็ช่างมันสิ”“พี่หนูนา!”“ทำไมเล่า!”“ทะเลาะอะไรกันแต่เช้า”เสียงเย็น ๆ เอ่ยขึ้นเพื่อห้ามศึกน้ำลายของคนสองคน บานประตูไม้สักถูกเปิดออกกว้าง คนที่ก้าวเข้ามาเป็นคนแรกคือใบบัว ตามด้วยป้ามะลิ และพี่สาวคนสวยอย่างพี่เอื้อ“แล้วนั่นพี่ช้างเข้ามาทำไม” หนูนาถามคนที่เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าพี่ชายเข้ามาในห้องทำไม แต่ก็อดแกล้งไม่ได้เอาแต่เดินตามพี่เอื้อต้อย ๆ ตามจีบตั้งแต่พี่เอื้ออายุสิบแปดจนป่านนี้ก็ยังจีบไม่ติด แต่ก็สมควรแล้ว พ
“หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูก”ไม่ให้อภัยหรอก จะเรื่องขี้ปะติ๋วหรือเรื่องใหญ่ก็ไม่ให้อภัยทั้งนั้น“มีชีวิตคู่ที่ยืนยาว ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร”ใครเขาจะอยากมีชีวิตคู่ยืนยาวกับตำรวจกัน“มีหลานให้แม่อุ้มเร็ว ๆ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองนะ”ถ้าแม่อยากมีหลาน ไปสู่ขอพี่เอื้อให้พี่ช้างยังจะง่ายกว่า“เจ้าสาว เอาแต่ขมุบขมิบปากไม่หยุด นินทาแม่หรือ”“โธ่แม่จ๋า ลูกที่ไหนจะนินทาแม่” หนูนารีบประจบ ออดอ้อนจนใบบัวใจอ่อนยวบ “หนูนาแค่ขอบคุณแม่ที่อวยพรต่างหาก”“ขอบคุณแล้วก็ฟังด้วยนะ จากนี้ไปลูกไม่ใช่เด็กสาวตัวเปล่าที่จะซุกซนเอาแต่ใจได้แล้ว ทำอะไรนึกถึงหน้าสารวัตรเขาบ้าง อย่างไรผัวเราก็เป็นถึงนายตำรวจยศสูง อย่าทำให้ผัวขายขี้หน้า”อีกแล้วทั้งย่าอ่อนและแม่ใบบัวเอาแต่ย้ำให้เธอระวังกิริยาเพราะมีผัวเป็นถึงนายตำรวจยศใหญ่ ไม่รู้จะอะไรนักหนากับยศถาบรรดาศักดิ์จอมปลอมพวกนั้น ไม่ใช่ตำรวจพวกนี้หรือที่เคยเกือบทำลายหมู่บ้านกอบัวจนไม่เหลือซาก เคยเกือบฆ่าพ่อของเธอ เคยเกือบฆ่าลุงสอง และเคยเกือบฆ่าชาวบ้านที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ตำรวจพวกนี้หรือที่ใช้อำนาจรีดไถเงินทองจากชาวบ้าน สร้างความเดือดร้อนจนพ่อเธอต้องกลายเ
หนูนาไม่ได้พูดอะไรสักคำระหว่างเดินทางไปบ้านใหม่ ดวงตาลูกกวางมองข้างทางที่ต้องผ่านป่าเขารกทึบ ถนนดินแดงฝุ่นคลุ้งและเป็นหลุมเป็นบ่อ แต่เมื่อเข้าตัวเมืองถนนกลับลาดยางเรียบสะอาด รอบข้างแม้จะมีต้นไม้เยอะ แต่ก็ไม่ได้รกชัฏน่ากลัวเหมือนเส้นทางที่ผ่านมาความเจริญยังคงเข้าไม่ถึงหมู่บ้านของเธอ แม้ความจริงแล้วระยะทางระหว่างหมู่บ้านกับตัวเมืองไม่ได้ไกลกันมากนัก ไม่อยากจะคิดเลยว่าหมู่บ้านที่อยู่ไกลกว่านี้จะเป็นยังไง อาจจะไม่มีไฟฟ้าใช้เลยด้วยซ้ำโชคดีของหมู่บ้านกอบัวที่มีลุงสองดูแล ลุงสองพยายามทำทุกทางเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวบ้าน สรรหาอาชีพใหม่ ๆ ให้ชาวบ้านทำ งบที่ได้มาไม่มีแม้แต่แดงเดียวที่ลุงสองเก็บไว้เอง ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ยิ่งใหญ่อะไรเลย แต่ที่ชาวบ้านชื่นชมการกระทำของลุงสองก็เพราะข้าราชการส่วนมากมักจะโกงกิน เงินงบประมาณกว่าจะมาถึงชาวบ้านตาดำ ๆ ไม่รู้ถูกกินไปเท่าไหร่ หลายหมู่บ้านที่มีผู้นำไม่ดีถึงได้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ไม่มีทางได้ลืมตาอ้าปาก“ถึงแล้ว”เสียงทุ้มปลุกให้หนูนาตื่นขึ้นจากภวังค์ เธอมัวแต่คิดถึงเรื่องหมู่บ้านจนไม่รู้ตัวเลยว่ามาถึงบ้านใหม่แล้ว ดวงตากวางกวาดมองไปทั่วด้วยคว
เพียงแค่พระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศรอบข้างก็มืดสนิทไม่ต่างกับหมู่บ้านที่จากมา เสียงจิ้งรีดเรไรชวนกันร้องระงมไปทั่วบริเวณ สลับกับเสียงซู่ซ่าและเสียงตะหลิวกระทบกับกระทะที่ดังออกมาจากในครัวเป็นระยะ กลิ่นอาหารหอม ๆ ลอยไปทั่วชวนให้น้ำลายสอ หนูนาที่นั่งทำงานบนชั้นสองของบ้านจำต้องทิ้งงาน แล้วเดินทำจมูกฟุดฟิดลงไปที่ครัว“ทำอะไรอะนายศาลาวัด”“สปาเก็ตตี้ขี้เมา คุณรู้จักไหม”ศิลาตอบโดยไม่ได้หันกลับไปมอง ใช้ชีวิตร่วมกันได้ไม่ถึงวันเขาก็ชินเสียแล้ว บ้านพักที่เคยเงียบเหงามีใครบางคนเดินไปมา มีเสียงเล็ก ๆ ที่เอ่ยถามว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่“รู้จัก เคยเห็นรูปแต่ไม่เคยลองกิน” หนูนาชะโงกหน้ามองสิ่งที่อยู่ในกระทะ หน้าตาเหมือนในหนังสือที่เคยเห็นไม่มีผิด “ทำไมนายทำอาหารฝรั่งเป็น”“ที่จริงแล้วมันทำง่ายมากนะ”“เหอะ จะเยาะเย้ยที่ฉันทำของง่าย ๆ ที่นายว่าไม่เป็นใช่ไหม”“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น คนเราไม่จำเป็นต้องทำเป็นทุกอย่างก็ได้ ทุกคนล้วนมีเรื่องถนัดที่แตกต่างกัน”ศิลาพูดพลางคีบเส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มใส่จานทั้งสองใบ หนูนาลอบกลืนน้ำลายลงคอ ดวงตากวางจ้องมองอาหารที่ไม่เคยลิ้มรสด้วยความสนใจ กลิ่นหอม ๆ แล
แกรก.....แกรก“คิดไม่ออกแล้ว!”กระดาษถูกขยำเป็นก้อนกลมแล้วโยนทิ้งเป็นแผ่นที่สิบ หนูนาปลายตามองเศษซากที่ทิ้งขว้างเองกับมือด้วยสายตาว่างเปล่าเฮ้อ..ร่างเล็กลุกจากเก้าอี้ทำงานและเดินลงไปที่ครัว หม้อที่เคยมีข้าวต้มเต็มแน่นบัดนี้แทบไม่เหลือแม้แต่น้ำสักหยด ผ่านมาแค่ครึ่งวันเสบียงของเธอก็หมดเกลี้ยงแล้ว ศาลาวัดไม่ได้บอกว่าจะออกไปหาของกินได้ยังไง ของสดที่มีติดครัวช่างไร้ประโยชน์เมื่อหนูนาทำกับข้าวไม่เป็น“จะกลับมาตอนไหนนะศาลาวัด”ด้วยหน้าที่การงานของหนูนาทำให้เมื่อก่อนเธอมักจะลืมกินข้าวอยู่บ่อยครั้ง แต่ตอนอยู่ที่บ้านจะมีปื๊ด พี่ช้าง และแม่คอยหาของกินมาให้ เมื่อต้องแยกตัวออกมาใช้ชีวิตเองทำให้เธอปรับตัวไม่ทัน ไม่มีคนเตรียมอาหารไว้ให้ทุกมื้อ แต่กระเพาะมันดันเคยชินกับการได้กินอาหารตรงเวลา“หิวอ่าา”ในตอนที่กำลังร้องโอดโอยอยู่นั้น หูก็พลันได้ยินเสียงเครื่องยนต์วิ่งเข้ามาใกล้ หนูนาหูผึ่ง รีบวิ่งจากครัวออกไปที่หน้าบ้านทันที“ศาลา.. พี่ช้าง! ปื๊ด!”“หนูนา!”ช้างตะโกนเรียกน้องด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทิ้งรถให้ปื๊ดเป็นคนจอดแล้ววิ่งหน้าตั้งเข้าบ้านน้องเขยโดยไม่รอฟังคำอนุญาต“หนูนา! หนูนาของพี่”หมับสองพี
หนูนาไม่ได้ล้อเล่นศิลามองตามร่างเล็ก ๆ ที่เดินผ่านเขาลงไปเข้าห้องน้ำ ไม่กี่อึดใจก็เดินกลับมาทางเดิม ดวงตากวางคู่นั้นไม่มองมาทางเขาแม้แต่น้อย เมื่อทำธุระเสร็จก็กลับเข้าห้องนอนไป เหมือนว่าผู้ชายตัวโต ๆ อย่างศิลาเป็นแค่อากาศธาตุแปะ!ยุงตัวโตถูกตบจนเลือดสาดตายคาแขน และเลือดนั่นก็ไม่ใช่เลือดใครเลย.. สารวัตรหนุ่มมองผิวที่ขึ้นเป็นตุ่มแดงแทบจะทันทีแล้วถอนหายใจ เขานอนบริจาคเลือดให้ยุงมาค่อนคืนแล้ว เนื้อตัวเริ่มมีตุ่มแดงขึ้นหลายจุด ศิลานอนกอดอก มองเพดานอย่างปลงตก เสียงวี่ ๆ ของยุงก่อกวนจนเขานอนไม่หลับเชื่อแล้วว่ายุงน่ากลัวกว่าเสือ แต่เขามั่นใจว่าหนูนาน่ากลัวกว่ายุงแน่ ๆประตูห้องนอนเปิดออกอีกครั้งในชั่วโมงต่อมา แล้วก็เหมือนเดิม หนูนาทำแค่เดินผ่านไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินกลับเข้าห้องนอนโดยไม่เหลียวแลสามีที่นอนตบยุงกลางบ้านแม้แต่หางตาหมดหวังให้หนูนาใจอ่อน คืนนี้คงต้องนอนตากยุงจนกว่าจะเช้าครั้งนี้ศิลาจำได้ขึ้นใจเลยทีเดียว ว่าตัวเองแต่งงานและมีภรรยาแล้ว ไม่มีทางหลงลืมอีกเป็นครั้งที่สองเด็ดขาดศิลาตื่นแต่เช้า.. เรียกว่าไม่ได้นอนเลยน่าจะถูกต้องกว่า ดวงตาคู่คมดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด เขาลุกขึ้นบิดตัว
ร่างเล็กในชุดกางเกงขายาวเอวสูงสีครีม สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มแขนยาวถึงข้อมือ สะพายกระเป๋าหนังใบเล็ก ๆ สีน้ำตาลเข้ม เส้นผมดำขลับยาวเคลียบ่า ใบหน้าอ่อนใสแต่งแต้มด้วยสีชมพูบาง ๆ ที่เกิดจากอากาศร้อน เดินเคียงข้างนายตำรวจท่าทางองอาจในชุดเครื่องแบบเต็มยศ อินทรธนูบนบ่าแสดงถึงยศถาบรรดาศักดิ์ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร“อะไรน้าา”หนูนาทำท่านึกอยู่สักพัก ก่อนจะร้องอ๋อเสียงใส ยิ้มกว้างจนตาหยี“สเต็ก! ใช่ ฉันอยากกินสเต็ก นายทำเป็นใช่ไหม”ศิลาพยักหน้ารับทันที ส่งผลให้คนข้าง ๆ ยิ้มร่ากว่าเดิม“ดี ๆ งั้นวันนี้กินสเต็กกัน แต่นายเลือกของนะ ฉันเลือกไม่เป็นหรอก”“ได้ เดี๋ยวผมจัดการเอง”“ดีมากค่ะ สา..” หนูนาแกล้งลากเสียงยาว ดวงตาลูกกวางพราวระยับเป็นประกายวิบวับ “สามี”“แค่ก!”สารวัตรหนุ่มไอจนหน้าแดง สำลักน้ำลายตัวเองเพราะคิดไม่ถึงว่าหนูนาจะเย้ากันแบบนี้ เมื่อหันไปมองรอบข้างก็พบกับสายตาหยอกล้อของแม่ค้าพ่อค้าที่ได้ยินเต็มสองหู ก็เสียงหนูนาเบาเสียเมื่อไหร่“นายหน้าแดงแปร๊ดเลย”“หนูนา”“ขา สามี”ศิลาเลิกให้ความสนใจภรรยาจอมซน นับจากวันที่ปรับความเข้าใจกันความสัมพันธ์ของเขากับหนูนาก็ดีขึ้น เราสนิทกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้
“ไม่เปลี่ยนใจแน่หรือ สารวัตร”ปฐพีถามด้วยความเสียดายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยหวังว่าคำตอบของคนตรงหน้าจะเปลี่ยนไป“ไม่ครับ”แต่ไม่เลย...ผู้กำกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาคงเปลี่ยนใจศิลาไม่ได้อีกแล้ว ได้แต่ยอมรับความจริงว่ากำลังจะสูญเสียลูกน้องฝีมือดีไปอีกคนความรักฉันท์ชู้สาวไม่หลงเหลืออยู่แล้ว แต่ปฐพียอมรับโดยไม่อายว่ามีศิลาอยู่เขาทำงานได้ง่ายขึ้น ตลอดเวลากว่าแปดปีที่ผ่านมาศิลาสร้างผลงานเอาไว้มากมาย ถ้าหากอีกฝ่ายยอมรับ คงเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งได้ไม่ยากแต่ศิลาปฏิเสธเสียงแข็งเสมอมา ชายหนุ่มไม่ได้ต้องการตำแหน่งอะไรทั้งนั้น เขาแค่อยากทำงานตรงนี้ให้เต็มที่ ช่วยเหลือประชาชนอย่างสุดกำลัง ก่อนที่จะอำลาวงการตำรวจในสักวันหนึ่งแล้ววันนี้ก็มาถึงจนได้ปฐพีมองซองสีขาวตรงหน้า เขาไม่อยากหยิบมันขึ้นมาดูเลย เพราะรู้ดีว่าด้านในคืออะไร“ผู้กำกับอนุมัติเถอะครับ”“สารวัตรศิลา”“ผมไม่ได้ไปไหนนี่ครับ เมื่อไหร่ที่ผู้กำกับต้องการตัว ขอแค่บอก...ผมพร้อมจะช่วยเหลือเสมอ”ปฐพีเริ่มยิ้มออกมาได้ จริงอย่างที่ศิลาพูด ชายหนุ่มไม่ได้หายไปไหน เพราะอย่างไรสิ่งที่ศิลารักก็คือการได้ช่วยเหลือประชาชน เพียงแค่หลังจากนี้จะไม่ได้ทำมันใน
“ลูกหลับแล้วเหรอศาลาวัด”“อืม” ศิลารับคำสั้น ๆ ระหว่างที่แทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับภรรยา “คุณก็รีบนอนได้แล้ว วันนี้เลี้ยงลูกทั้งวันคงเหนื่อยน่าดู”“ไม่เลย ไม่เหนื่อยสักนิด”ไม่พูดเปล่า หนูนายังยืนยันว่าตัวเองไม่เหนื่อยด้วยการไต่มือเข้าไปในกางเกงนอนอีกฝ่าย ดวงตากวางแพรวพราวอย่างคนแสนเจ้าเล่ห์“หนูนา”“หืม”“คุณ อืม”ศิลาหลุดครางออกมาแผ่วเบา ร่างกายเขาตื่นตัวทันทีที่ถูกมือนุ่มนวดคลึงอย่างชำนาญ หนูนารู้ดีว่าแตะต้องส่วนไหนแล้วจะทำให้เขาทนไม่ไหว มือน้อย ๆ ขยับอย่างเอาใจจนกระทั่งความเป็นชายเหยียดขยายใหญ่เต็มมือ“ศาลาวัด เราไม่ได้ทำมาสักพักแล้วนะ”“คุณเลี้ยงลูก ผมกลัวว่าคุณจะเหนื่อยเกินไป”“ฉันพูดตอนไหนว่าเหนื่อย” หนูนาเลิกคิ้วขึ้นสูง ในขณะที่มือนุ่มคอยปลุกปั้นสิ่งที่อยู่ในมือไม่หยุด“อา ปละ เปล่า ไม่ได้พูด อืม”“ไม่ได้พูดก็แปลว่าไม่เหนื่อย ลูก ๆ ไม่ได้เลี้ยงยากเลย แถมปื๊ดกับแม่ก็คอยช่วยตลอด ฉันสบายจะตายไป”“แต่ยังไงมันก็ยังหนักเกินไปอยู่ดี” ศิลาแย้ง “เรามีลูกตั้งสี่คน ผมรู้ว่าคุณเหนื่อย คุณแค่ไม่ยอมรับความจริง”ศิลาอยากกอดหนูนาจะแย่ เขาเพิ่งอายุแค่สามสิบห้าปี ร่างกายยังแข็งแรงและมีควา
ศิลาเหมือนกลายเป็นคนละคน จากที่เคยสุขุมกลายเป็นหนูติดจั่นที่เอาแต่เดินไปเดินมาอย่างร้อนรน หนูนาถูกส่งเข้าห้องคลอดทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล เพราะหมอบอกว่าเธอพร้อมคลอดแล้วปากมดลูกเปิดพร้อมสำหรับให้กำเนิด ทว่าเข้าไปเป็นชั่วโมงแล้วประตูบานนั้นก็ยังปิดสนิท ศิลาไม่รู้ว่าการทำคลอดต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่เพราะไม่รู้เขาถึงได้จิตตกแบบนี้“หนูนา คุณจะต้องปลอดภัย”ตอนที่นั่งรถมาท่าทางของเธอดูเจ็บปวดมาก เสียงกรีดร้องทรมานน่าสงสารจับใจ หนูนาที่ปกติร้องไห้ยากร่ำไห้ออกมาเพราะเจ็บจนแทบทนไม่ไหว ศิลาแทบขาดใจ หากเลือกได้เขาอยากเป็นคนที่เจ็บเอง“ศิลา ศิลาลูก”คุณหญิงแจ่มจันทร์ที่เพิ่งมาถึงรีบวิ่งเข้าไปหาลูกชาย หัวใจหล่นวูบไปกองที่ปลายเท้าเมื่อเห็นว่าศิลากำลังร้องไห้“ศิลา! เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม หนูนาเป็นอะไร!”“หนูนาเป็นอะไรหรือพ่อศิลา”ใบบัวที่ตามมาติด ๆ ร้องถามย้ำ ท่าทางไม่สู้ดีของลูกเขยทำให้หัวใจคนเป็นแม่แทบขาดรอน ๆ แม้ว่าสมัยนี้การคลอดจะปลอดภัยว่าสมัยเธอมาก แต่คนที่เคยผ่านความเจ็บปวดมาก่อนย่อมรู้ดีว่ามันทรมานเพียงใด“ผม ฮึก ผม” ศิลาสะอื้น เขารีบรวบรวมสติ ก่อนที่เรื่องราวมันจะไปกันใหญ่ “หนูนาไม่ได้เป็
ศิลานั่งฟังคำตัดสินของศาลอย่างเงียบสงบ วันนี้เป็นวันนัดตัดสินคดีค้ายาเสพติดของนายเจตน์ หลังจากผ่านมาเกือบปี คดีที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอก็ถึงเวลาถูกพิพากษานายเจตน์ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และซัดทอดไปถึงตัวการใหญ่ที่กรุงเทพฯ ทำให้ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น และจับพ่อค้ารายใหญ่ได้ในที่สุด เพราะเหตุผลนี้ทำให้โทษของนายเจตน์ลดน้อยลง จากประหารชีวิตเป็นติดคุกตลอดชีวิต ก่อนจะถูกลดให้เหลือจำคุกสี่สิบปี แต่ถึงอย่างนั้นระยะเวลาสี่สิบปีในคุก ก็แทบไม่ต่างจากทั้งชีวิตที่เหลืออยู่“นายเจตน์”หลังคำตัดสินสิ้นสุดลง นายเจตน์ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์และยินดีรับโทษที่ศาลชั้นต้นตัดสิน อดีตมือขวาของพ่อค้ายาจึงถูกกุมตัวอย่างแน่นหนา เพื่อเตรียมรับโทษทัณฑ์จากสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ นายเจตน์มีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย ดวงตาเหม่อลอยอย่างคนที่ปลงตกกับทุกอย่าง“นายเจตน์”เจตน์ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเรียกใกล้ ๆ ศิลามองหน้าหนูนา คนเป็นสามีเห็นความกังวลในดวงตากวางคู่นั้น“นายเจตน์” หนูนาส่งเสียงเรียกอีกครั้ง ครั้งนี้นายเจตน์ยอมหันมาสบสายตา ทว่าดวงตาคู่นั้นว่างเปล่าไร้แววจนน่าใจหายหนูนากลัวเหลือเกินว่านายเจตน์จะหาทางจบชีวิตตัวเองสักวัน เพร
“ศาลาวัด!”“หนูนา ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง” คิ้วเข้มขมวดฉับ เมื่อเห็นร่างที่เริ่มอวบอิ่มของภรรยาวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาหา “ไหนคุณบอกว่าจะไม่ดื้อกับผมเรื่องนี้”“ก็ฉันลืมตัว มันไม่ชินนี่นา”“คุณท้องห้าเดือนแล้วนะ ถึงไม่ชินก็ต้องชิน ถ้าล้มขึ้นมาทั้งคุณและลูกจะเป็นอันตราย” ศิลาดุเสียงเข้ม เรื่องอื่นเขายอมได้เสมอ ยกเว้นเรื่องนี้หนูนาเป็นคนที่อยู่ไม่นิ่ง เธอชอบทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย ศิลาไม่เคยบังคับหรือทำเหมือนหนูนาเป็นคนพิการ เขาขอแค่ต้องระวัง แต่ดูเหมือนว่าหนูนาจะรับปากไปอย่างนั้น เพราะเกือบทุกวันเขาต้องมานั่งปวดหัวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมือนคนท้องของภรรยายิ่งท้องใหญ่กว่าปกติแบบนี้เขายิ่งเป็นกังวล“นายทำอะไรอยู่” หนูนาแสร้งเปลี่ยนเรื่องเนียน ๆ ชะโงกหน้ามองบ้านหลังใหม่ที่มีคนเดินไปมาพลุกพล่าน“คุมคนงานให้เอาของเข้าบ้าน”“อีกไม่นานก็จะได้ย้ายเข้าบ้านใหม่แล้วสินะ”ทั้งคู่มองบ้านใหม่หลังใหญ่ด้วยความพึงพอใจ นับว่าผู้รับเหมาทำงานได้ดีทีเดียว บ้านหลังนี้เป็นบ้านแนวผสมสผานระหว่างไทยและยุโรปอย่างลงตัว เพราะศิลาเคยไปเรียนที่แถบนั้น เขาชื่นชอบบ้านแนวยุโรปมาก ส่วนหนูนาแม้จะไม่เคยไป แต่เธอก็ชอบดูรูปภาพของต
“ฉันอยากอยู่คนเดียว”พูดแค่นั้นก็ทิ้งตัวลงนอน แล้วหันหลังให้คนที่ไม่ยอมออกไปเหมือนคนอื่นทันทีอยากอยู่ก็อยู่ไป เธอไม่สนใจเสียอย่าง“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ”“.....”“ฉันรู้ว่าเธอได้ยิน ดังนั้นฉันจะพูดต่อไป” คุณหญิงแจ่มจันทร์กระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มพูดเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจมาเนิ่นนาน “สามีฉัน พ่อของศิลาเขามีภรรยาน้อย”หนูนาที่ตอนแรกไม่คิดสนใจหูผึ่งทันที แต่ยังคงรักษาท่าทางเมินเฉยเอาไว้ คุณหญิงที่ผ่านโลกมามากพอจะมองออกว่าเด็กคนนี้กำลังตั้งใจฟัง จึงค่อย ๆ ถ่ายทอดเรื่องราวที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนอย่างหมดเปลือก“แต่ก่อนฉันเป็นแค่ลูกของแม่ค้าธรรมดา คุณศักดิ์ พ่อของศิลาเขาเป็นลูกค้าประจำ เขาเกี้ยวฉัน ตามเทียวไล้เทียวขื่อจนฉันใจอ่อนและตกหลุมรักเขา พวกเรารักกันมาก ไม่เคยทะเลาะบอกแว้ง เป็นคู่รักที่ใคร ๆ ต่างก็พากันอิจฉา และในที่สุดพวกเราก็ตกลงปลงใจแต่งงานกัน ฉันคาดหวังว่าการแต่งงานจะเป็นเหมือนในนิยาย ที่พวกเราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป”คุณหญิงเงียบไปสักพัก ก่อนจะเริ่มพูดต่อ“แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่นิยาย คุณศักดิ์เติบโตมาในตระกูลตำรวจ พ่อของเขา พี่น้องของเขาล้วนเป็นตำ
คนท้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากทุกอย่างจบลง แม้ว่าหนูนาจะปฏิเสธเสียงแข็งว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้เจ็บตรงไหนแม้แต่นิดเดียว แต่ศิลาไม่คิดฟัง เขายื่นคำขาดว่ายังไงหนูนาก็ต้องไปให้หมอตรวจอย่างละเอียด เขาถึงจะสบายใจได้“คุณท้องผมก็ได้รู้เป็นคนสุดท้าย ตอนนี้ผมแค่อยากได้ความสบายใจ คุณก็ให้ผมไม่ได้”คำพูดตัดพ้อของสารวัตรหนุ่มทำเอาหนูนาไปไม่เป็น สุดท้ายเธอก็จำต้องยอม เพราะตัวเองมีชนักติดหลังอันเบอเร่อ พอตรวจเสร็จศิลาก็ร้องขอกึ่งบังคับให้เธอนอนที่โรงพยาบาลสักคืนหนูนายอมสามีแต่โดยดี เพราะรู้ว่าที่ศิลาวิตกแบบนี้ก็เป็นเพราะตัวเธอเองที่เก็บงำเรื่องลูกเอาไว้ ทั้งยังเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้น ถึงจะปลอดภัยแต่หัวอกคนเป็นพ่อคงไม่หายกังวลง่าย ๆสารวัตรหนุ่มเป็นคนอยู่เฝ้าภรรยา เขาให้หนูนานอนห้องพิเศษที่มีราคาสูง เพราะญาติจะสามารถอยู่เฝ้าได้ หลังจากราชันกลับบ้านไป ทั้งห้องจึงเหลือเพียงสองสามีภรรยาตามลำพัง ส่วนญาติ ๆ ตกลงกันว่าจะตามมาเยี่ยมพรุ่งนี้ เพราะต้องการให้สองคนที่เจอเรื่องหนัก ๆ มาได้พักสักคืนที่สำคัญ ราชันพอจะมองออกว่าลูกเขยกำลังน้อยใจที่หนูนาปิดบังเรื่องท้อง เขาอยากให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาปรับควา
“ใครบอกพวกมึงว่ามันจบแล้ว” ดวงหน้าสวยยังคงนิ่งสงบ แม้จะได้ยินเสียงกระซิบแหบพร่าพร้อมกับบางอย่างที่สัมผัสกับแผ่นหลัง ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่ามันคืออะไร เสียงกริ๊กเบา ๆ แทบฉุดลมหายใจของศิลาให้หลุดปลิว“มึงถอยออกไปไอ้ตำรวจ” เสียงดุดันออกคำสั่ง “พวกมึงก็อย่าเสนอหน้าเข้ามาใกล้ ไม่อย่างนั้นอีนี่ไส้ไหลแน่”“คุณ...คือ”“นายเจตน์” คนที่ตอบไม่ใช่เจ้าของชื่อ แต่เป็นหนูนาที่ยังคงรักษาสีหน้าเรียบนิ่งไว้ได้ “มือขวาของดาบคม”ดวงตาคมสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะกลับมามั่นคงเหมือนเดิม หนูนาที่ถูกจี้ตัวไม่มีท่าทีหวาดกลัว เขาเองก็ไม่ควรแสดงอาการอะไรออกไป เพราะนั่นจะยิ่งทำให้คนร้ายได้ใจ“กูบอกให้ถอยออกไป!!! อย่าคิดว่ากูไม่กล้ายิง”“ไม่เป็นไร นายถอยออกไปก่อนนะสารวัตร”“ออกไป!!!”“รู้แล้ว รู้แล้ว”ศิลายกมือทั้งสองข้างขึ้นสูง เขายอมถอยห่างแต่โดยดี แม้แต่ราชันเองก็ไม่กล้าเสี่ยง ทั้งหมดถอยออกมาพอประมาณ จดจ้องมองหนูนาที่ถูกจับเป็นตัวประกันไม่วางตา“พวกมึงทำให้นายกูต้องตาย!!” น้ำเสียงของเจตน์เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและสะเทือนใจ “พวกมึงมันชั่ว!”“แล้วพวกค้ายาเรียกว่าคนดีได้เหรอ” ราชันถามเสียงเรียบ “กี่คนแล้วที่ต้องตายเพร
ไม่เจ็บศิลาไม่รู้สึกว่ามีส่วนไหนในร่างกายที่เจ็บปวด เขารีบลืมตาขึ้น มองสำรวจร่างกายที่ปกติของตัวเอง ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกโพลง เมื่อเห็นว่าร่างท้วมของนายดาบล้มลงพร้อมกับเลือดที่ไหลนองออกมาจากศีรษะ“ดาบคม!!”“เหี้ยเอ้ย!! ทำไมมันถึงได้โง่ขนาดนี้วะ!! มาถึงขนาดนี้แต่เสือกฆ่าตัวตาย กระจอกฉิบหาย”หมวดก้องสบถด่า ไม่ได้มีท่าทีเสียอกเสียใจแม้แต่น้อย ที่คนที่ตนเองเรียกว่านายเลือกจบชีวิตตัวเองลงอย่างน่าอนาถแบบนี้คมไม่ได้หันปืนเข้าหาศิลา เขายกมันขึ้นจ่อที่ขมับของตัวเอง แล้วลั่นไกโดยไร้ซึ่งท่าทีลังเลใด ๆปิดฉากพ่อค้ายาในคราบนายตำรวจ ด้วยเลือดเนื้อและลมหายใจ“พาดาบคมไปโรงพยาบาล!” ศิลาออกคำสั่งเสียงสั่น “เร็วสิหมวดก้อง พาดาบคมไปหาหมอ!!”“หุบปาก!!” หมวดก้องยกปืนขึ้นจ่อขมับชื้นเหงื่อ “มันเสือกกระจอกเอง อยากตายนักก็ปล่อยให้มันตายสมใจ”“แกมันสัตว์นรก นั่นคนที่แกเรียกว่านายไม่ใช่เหรอ!”ผลัวะ!“กูไม่ได้ใจดีเหมือนไอ้คมจะโว้ย! ยังไงวันนี้มึงก็ต้องตาย ยังจะเสือกปากดีอีก อยากศพไม่สวยเหรอวะ”ศิลาถูกถีบจนกลิ้งไปกับพื้น ไม่ทันได้ลุกก็ถูกเตะเข้าที่ซี่โครงอีกหลายต่อหลายครั้งจนกระอักเลือดออกมากองโต“อีกอย่างนะ ถึงไ