อึก!? คำแรกที่กินเข้าไปกองทัพก็รู้เลย ถ้าไม่ถูกแกล้งก็คงทำกับข้าวไม่เป็น
"ไปตักข้าวแล้วก็มากินด้วยกัน"
"ฉันยังไม่หิวค่ะ"
"แต่เธอต้องหิว"
เห็นสายตาเอาเรื่องของเขามโนราห์ก็เลยต้องได้ทำตาม หญิงสาวไปตักข้าวมาอีกหนึ่งชาม แล้วก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม
"ฉันตักเองได้ค่ะ" แต่ไม่ทัน เขาตักอาหารถ้วยที่เธอทำมาวางใส่ชามข้าวให้แล้ว
"กินสิ"
มโนราห์จำเป็นต้องตักอาหารนั้นใส่ปาก
"เคี้ยว!"
พอได้ยินคำสั่งเธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะรีบเคี้ยว ..เกิดมายังไม่เคยทานอะไรที่ไม่อร่อยขนาดนี้มาก่อน ขนาดตัวเองเป็นคนทำยังอยากจะคายทิ้ง
"รู้ไหมว่าอาหารแต่ละจาน ข้าวแต่ละเม็ด คนที่เขาผลิตมาต้องลำบากแค่ไหน"
หญิงสาวส่ายหน้าตอบไป เธอไม่รู้หรอกเพราะเธอไม่เคยต้องมาลำบากเรื่องนี้
"ไม่รู้ก็กินให้หมด" มือหนาขยับกับข้าวถ้วยนั้นมาตรงหน้า แล้วบังคับเธอกินฝีมือตัวเองให้หมด อยากแกล้งเขาดีนักก็ต้องโดนซะบ้าง
ขนาดหิวข้าวยังรู้เลยว่าอาหารนี้ไม่อร่อยมาก รู้แบบนี้ทำจืดๆ ไว้ก็ดี
มโนราห์นั่งกินอยู่แบบนั้นจนหมด โดยมีเขากอดอกนั่งมอง
"ล้างทำความสะอาดให้หมด"
ถึงเขาไม่บอกเธอก็ต้องได้ทำอยู่แล้ว หญิงสาวเก็บทุกอย่างมาล้างและทำความสะอาด
ถ้ามียาแก้ไข้หน่อยคงจะดี ตอนนี้เริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวมากขึ้นแล้ว
พอทำครัวเสร็จคิดว่าจะได้พัก แต่ก็ถูกเขาสั่งให้ตัดกิ่งไม้ พวกไม้ประดับที่กำลังยาวออกมา
พอตัดกิ่งไม้เสร็จก็ถึงเวลาทานข้าวเที่ยง
เข้ามาในบ้านได้กลิ่นหอมของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และตอนนี้คนที่ทำบะหมี่กำลังนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย
แต่เธอคงทานไม่ได้เพราะร่างกายอ่อนเพลียมาก ก็เลยเดินไปเอนตัวลงนอนที่โซฟา ..ถ้าเขาสัมผัสร่างกายเธอสักนิดจะรู้ว่าตอนนี้อุณหภูมิในร่างกายสูงมาก
22 : 35 น.
แอะ แอะ เสียงไอดังออกมาเป็นระยะ จนทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกรำคาญ จะหลับทีไรก็ได้ยินเสียงนี้ดังขี้น
"นี่เธอจะแกล้งฉันไปถึงไหน" ชายหนุ่มลุกจากเตียงเดินมาดู แต่เธอก็ไม่ได้ลืมตา "หรือว่าไม่ได้แกล้ง"
มือหนายื่นไปสัมผัสดูร่างกายของเธอเล็กน้อยก็รู้แล้ว
"เธอไม่สบายเหรอ?" แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบจากเธอนอกจากเสียงไอ กองทัพก็เลยพามาที่เตียง
"หนาวว" มโนราห์รู้สึกหนาวเมื่อถูกผ้าเย็นที่เปียกน้ำสัมผัสกับร่างกาย
"หนาวก็ทนเอาหน่อยสิตัวร้อนขนาดนี้ทำไมไม่บอก" ยาก็ไม่มีให้กิน เขาก็เลยใช้วิธีหักดิบเหมือนที่ใช้กับทหาร
"หนาวว" ผ้าที่ชุมด้วยน้ำเย็นสัมผัสถูกตรงไหนก็ทำให้เธอรู้สึกหนาวขึ้นมาจับใจ แต่พอเขาเช็ดตัวให้เสร็จมโนราห์ก็รู้สึกสบายตัวแล้วหลับไป
เช้าวันต่อมา..
"???" หญิงสาวตื่นขึ้นมาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า ผ้าห่มจะคลุมร่างไว้ก็ไม่มี
"ตื่นแล้วเหรอ"
"กรี๊ด" มโนราห์ดึงหมอนใบที่ใช้หนุนเมื่อคืนขึ้นมาปิดบังร่างกายไว้
"อย่าบอกนะว่าเธออาย"
"เสื้อผ้าฉันอยู่ไหน
"เน่าขนาดนั้นยังจะถามหาอีกเหรอ"
"แล้วผ้าห่มล่ะ"
"เธอเล่นงานมันจนเปื้อนไปหมดยังจะถามหาอีก" ที่เขาหมายถึงเพราะเมื่อคืนนี้เธอไอจนอาเจียน และบ้านหลังนี้ก็มีผ้าห่มแค่ผืนเดียว
มโนราห์กอดหมอนวิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตูล็อกไว้
"ทำอายซะเหมือนเลย" อีกนิดเขาจะเชื่ออยู่แล้วว่าเธออาย "ข้าวต้มวางอยู่ตรงนี้นะ กินยาด้วย" เมื่อเช้านี้กองทัพออกไปหาซื้อข้าวต้มกับยามาให้
"ฉันรู้แล้ว คุณออกไปข้างนอกก่อนสิ" หญิงสาวตะโกนออกมาและแอบฟังว่าเขาไปหรือยัง เพราะเธอจะออกไปเอาผ้าเช็ดตัวและหาเสื้อผ้ามาไว้ใส่
ทิ้งเวลาไว้ระยะหนึ่งมโนราห์ก็เลยค่อยๆ เปิดประตูแง้มออกมา
ไปแล้วใช่ไหม ..หญิงสาวไม่เห็นว่าเขายืนอยู่ที่เดิม เธอก็เลยรีบมาที่ตู้เสื้อผ้า โดยไม่ได้ถือหมอนใบนั้นออกมาด้วย
"กรี๊ดดด"
"อะไรของเธอ" เขาซึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่างทางตู้เสื้อผ้าตกใจยิ่งกว่าคนกรี๊ดเสียอีก
"ทำไมคุณยังไม่ออกไปอีก" คนตัวเล็กรีบหันหลังให้ เพราะให้เขาเห็นด้านหลังดีกว่าด้านหน้า
"นี่เธอ เมื่อคืนนี้ฉันก็เช็ดตัวให้เธอทั้งคืน ไม่เห็นจะมีอะไรให้ดูเลย"
มโนราห์ค่อยๆ หันกลับไปมองแต่ก็ไม่ได้หันไปทั้งตัว "คุณว่าอะไรนะ?"
"มันมีอะไรน่าดูถามหน่อยสิ" เสียงทุ้มเปล่งออกมา เพียงแค่เบาๆ แล้วเดินไปทิ้งตัวลงนอนที่เตียง
หญิงสาวหยิบเอาเสื้อเชิ้ตที่อยู่ในนั้นเดินเข้าไปในห้องน้ำไป ใช่สิใครจะมีอะไรให้ดูเหมือนแฟนนายล่ะ
บ่ายคล้อยวันเดียวกันนั้น..
"มีใครอยู่ไหมคะ ฉันเอาผ้าที่ซักมาคืนค่ะ"
"เสียงใคร?" มโนราห์รีบออกมาดูเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิง "คุณเป็นใครคะ"
"ฉันเป็นคนดูแลบ้านหลังนี้ให้กับท่านผู้พันค่ะ"
ถึงว่ามาทีไรบ้านหลังนี้ก็ดูสะอาดตา "คุณพักอยู่แถวนี้หรือคะ"
"พักอยู่ในหมู่บ้านค่ะ"
คงเป็นหมู่บ้านที่เธอเดินไปขอความช่วยเหลือคราวก่อนแน่เลย
"ขอบคุณค่ะ" มโนราห์รับเสื้อผ้าที่เธอทำเลอะเมื่อคืนนี้เข้ามาในบ้าน
หญิงสาวนำชุดเดิมมาใส่ แต่วันนี้เธอเอาเสื้อเชิ้ตของเขาใส่คลุมไว้ด้วย พอแต่งตัวเรียบร้อยก็ออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศช่วงเย็น
ออกมาก็เห็นเขากำลังเปิดประตูรถ
"เจอตัวก็ดีแล้ว คืนนี้ไม่กลับนะ"
"คุณจะไปไหนคะ"
"มีกินเลี้ยงกับเพื่อนนิดหน่อย"
"ให้ฉันไปด้วย" จะให้เธออยู่บ้านหลังนี้คนเดียวได้ยังไงกลางคืนน่ากลัวจะตาย
"จะไปได้ยังไงหายดีแล้วเหรอ"
"ฉันดีขึ้นมากแล้วค่ะ" มโนราห์พูดพร้อมกับรีบเดินไปเปิดประตู แล้วขึ้นไปนั่งโดยไม่รอให้เขาอนุญาตก่อน
ใช้เวลาอยู่เกือบสองชั่วโมงในการขับรถ ก็มาถึงสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง
"ไม่ต้องเข้าไปหรอก รออยู่รถนี่แหละ"
"??" อะไรกันจะให้รออยู่ในรถเนี่ยนะ? หญิงสาวนั่งมองตามคนที่เดินเข้าไปในสถานบันเทิงแห่งนั้น
ด้านใน..
"ว่าไงครับเจ้าบ่าวหมาดๆ ของเรา" กองทัพมีเพื่อนยศตำแหน่งเดียวกันหลายคน และก็ชอบชวนกันออกมาดื่มแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว
"ผู้กองฉลามไม่มาด้วยเหรอ" พอไม่เห็นลูกน้องคนสนิทก็เลยถาม
"จะไปถามหาลูกน้องทำไม ถามหาสาวๆ ดีกว่า น้อง.." ว่าแล้วผู้พันศิลาก็ส่งสัญญาณให้เด็กที่เตรียมไว้เข้ามาได้
สาวๆ ต่างก็รอกันอยู่แล้ว พอเห็นสัญญาณนั้นไม่รอช้ารีบตรงเข้ามานั่งแนบข้าง
จนเวลาผ่านเลยไปเป็นชั่วโมง มโนราห์ดูแล้วเขาคงไม่ออกมาง่ายแน่ เธอลองค้นหากระเป๋าตัวเองในรถอีกครั้งก็ไม่เจอ ถ้าเขาทิ้งไปจริงคงต้องได้ทำเอกสารใหม่หมด
มโนราห์ก็เลยเข้ามาข้างในเพื่อขอไปรอที่บ้านดีกว่า ที่ต้องเข้ามาบอกเพราะไม่มีเงินติดตัวเลย
เข้ามาถึงมันก็ไม่ได้ต่างจากสิ่งที่เธอคิดไว้เลย เพราะผู้ชายมาเที่ยวแบบนี้ก็ต้องมีผู้หญิงคอยให้บริการอยู่แล้ว
"ฉันจะกลับไปรอที่บ้านแม่นะ" เสียงนี้ดังขึ้นคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ต่างก็หันมองไปที่เธอพร้อมกัน รวมทั้งกองทัพด้วย
"??" เพื่อนของผู้พันกองทัพจำได้ทันทีว่าเธอคือเจ้าสาวเมื่อคืนก่อน
"ผู้หญิงที่ไหนคะเนี่ย" สาวเอ็นเตอร์เทนที่นั่งอยู่ในอ้อมกอดของผู้พันกองทัพเอ่ยถามขึ้น
ส่วนพวกเพื่อนๆ เริ่มเสียวสันหลังกันแล้ว ไม่คิดว่ากองทัพจะพาเมียติดรถมาด้วย
"ฉันไม่มีเงินติดตัว ขอค่ารถหน่อย"
"เออ..เชิญคุณนายนั่งก่อนดีกว่าไหมครับ" ศิลาคนที่เรียกสาวๆ มาให้กับกองทัพ รีบสะกิดแนนซี่สาวคนนั้นให้ออกมาก่อน"ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณมีเงินให้ฉันยืมสักพันไหมคะ" เห็นว่าสามียังนั่งทำเฉยอยู่ มโนราห์ก็เลยขอยืมกับเพื่อนเขา"มะ..มีครับ" แต่ก่อนที่ศิลาจะล้วงเอากระเป๋าออกมา สายตาได้มองไปดูกองทัพก่อน ว่าเพื่อนอารมณ์ประมาณไหน "เออ..ไม่มีเงินสดติดกระเป๋าเลยครับ""ผมว่าเชิญคุณนายนั่งก่อนดีกว่าไหมครับ" คนที่ชวนอีกคนก็คือผู้พันซันเดย์ ทั้งสามเป็นเพื่อนสนิทที่เรียนจบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ามาด้วยกันในเมื่อเธอกับเขาไม่ได้คิดอะไรต่อกันอยู่แล้วถ้าจะนั่งด้วยก็คงไม่มีปัญหาอะไร มโนราห์นั่งลงเก้าอี้ยาวตัวที่กองทัพนั่งอยู่กับสาวเอ็นเตอร์เทน ซึ่งตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นขยับออกเล็กน้อยตอนที่ศิลาบอกให้ขยับออกมา"ดื่มหน่อยนะครับคุณนาย""ทำไมต้องเรียกฉันว่าคุณนายด้วยล่ะคะ" มโนราห์ถือว่ายังเด็กมาก และเติบโตที่ต่างประเทศ ก็เลยไม่รู้ธรรมเนียมการเรียกขาน เพราะดูแล้วเธออายุน้อยกว่าพวกเขาเกือบ 10 ปีเลยมั้ง"เออ..แล้วจะให้พวกผมเรียกว่าอะไรล่ะครับ""ฉันชื่อมโนราห์ค่ะ หรือจะเรียกว่าโมนาก็ได้""มโนราห์? ทศกัณฐ์..อะไรอีกสองคน
ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แม่แท้ๆ มโนราห์ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทนได้ถึงเพียงนี้ไหม แต่เพราะนั่นคือแม่ผู้ให้กำเนิดแว๊บหนึ่งมโนราห์คิดถึงหน้าพ่อขึ้นมา อยากไปหา อยากกอด แต่ก็ไม่อยากแบกปัญหาพวกนี้ไปให้ท่านต้องเป็นทุกข์ใจด้วยอีกหญิงสาวร้องไห้จนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีสายมากแล้ว"อย่าให้ฉันเห็นว่าแกไปดื่มแบบนี้มาอีก" ลงมาข้างล่างก็ยังคงเจอแม่ต่อว่า "แล้วนี่ผู้พันจะมารับตอนไหน"มโนราห์ให้คำตอบแม่ไม่ได้ ถ้าจะบอกว่าเขาคงไม่มารับหรอก ก็คงจะถูกแม่ตีอีก"ฉันถามหูแตกไม่ได้ยินหรือไง""เขาบอกให้โทรไปหาถ้าตื่นแล้วค่ะ" หึ! พูดเหมือนตัวเองเป็นคนสำคัญเลยนะ"ก็โทรไปสิ แล้วโทรศัพท์แกอยู่ไหน""ลืมอยู่ในรถของผู้พันค่ะ""ใช้ของฉันโทรไป" แพรวพราวเอาโทรศัพท์ตัวเองโยนให้กับลูกสาว เธอจะโทรไปได้ยังไงไม่มีเบอร์ของเขา"เบอร์เขาอยู่ในเครื่องโมนาค่ะ""ในเครื่องฉันก็มี""??" มโนราห์แปลกใจทำไมในเครื่องของแม่ถึงมีเบอร์โทรเขา แต่จะให้ถามคงไม่กล้า หญิงสาวก็เลยเลื่อนหาดู>>{"คุณโทรมาทำไม"} ประโยคแรกที่ได้ยินคนปลายสายพูด มโนราห์เอาโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่ออกมามองดูใหม่อีกที เพราะเธอใช้เครื่องของแม่ แต่ทำไมเขาพูดเหมือนรู้จ
พอคนตัวเล็กนอนลงได้ที่ เธอก็ขยับกายเข้าไปชิดเขาให้มากที่สุด จังหวะที่ขยับเข้าไปคนที่เธอคิดว่านอนหลับไปแล้ว ก็ได้ลืมตาขึ้นแล้วหันมามองโดยที่ยังนอนหงายอยู่"?" มโนราห์ขยับตัวออกมาแบบอัตโนมัติ ทีแรกคิดว่าจะอ่อย ถ้าตื่นมาเห็นว่าเธอสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เผื่อเขาอยากจะ... แต่แค่เห็นแววตานั้นมันก็ทำให้เธอลืมทุกอย่างไปได้ในพริบตาคิ้วหนาขมวดเข้าหากันแบบรำคาญ คนกำลังจะหลับมากวนอยู่ได้ แล้วกองทัพก็หันหลังให้โดยที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรถ้าเขาตั้งใจฟัง คงได้ยินเสียงเธอถอนหายใจออกมาแบบโล่งใจที่ไม่ถูกตำหนิเช้าวันต่อมา..หญิงสาวตื่นขึ้นมาก็ไม่พบคนที่นอนอยู่ข้างๆ เมื่อคืนนี้แล้ว เราตื่นสายเหรอมโนราห์รีบลุกขึ้นมาจัดการกับร่างกายของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะลงมาข้างล่าง"ย่าว่าคืนพรุ่งนี้จะชวนคุณปู่ไปเล่นด้วย สงสัยจะรู้แน่เลยก็เลยชิงมาเยี่ยมย่าก่อนใช่ไหมครับ" เสียงนี้ดังแว่วเข้ามาเมื่อมโนราห์ลงมาถึงข้างล่าง"อยู่แต่บ้านก็เลยอยากพาแกออกมาเปิดหูเปิดตาค่ะ""แล้วนี่ใครพามาล่ะ""คนขับรถที่บ้านค่ะ""แม่ไม่อยากให้นั่งรถบ่อยๆ ท้องเราก็ยิ่งโตมากแล้ว""คุณรามก็พูดแบบนี้แหละคะ แต่ถ้าคลอดแล้วกลัวไม่ได้ออกจากบ
โชคดีเงินที่จำนำสร้อยเพชรไว้ยังพอเหลือ มโนราห์ก็เลยถามคนแถวนั้นว่ามีรีสอร์ทหรือโรงแรมให้พักไหมหญิงสาวเดินไปตามทางที่ชาวบ้านบอก เพราะอยู่ไม่ไกลจากบขส.ก็มีบ้านเช่า"มีห้องว่างไหมคะ""พักกี่คน""คนเดียวค่ะ""กี่คืน""คืนเดียวค่ะ""500 บาท""ฉันมีแต่สำเนาบัตรประชาชนนะคะ""เอามาทำไม""ไม่ได้ใช้เหรอคะ""เอาแค่เงินแล้วก็เดินไปห้องมุมซ้ายเลยไม่ได้ล็อก" คนที่เฝ้าห้องแถวพูดโดยไม่ได้มองหน้าลูกค้าเลยด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่เล่นโทรศัพท์มโนราห์เดินมาแล้วเลี้ยวซ้ายมองว่าห้องไหนที่ไม่ได้ล็อก พอมาถึงก็เห็นวัยรุ่นกำลังนั่งดื่มกินอยู่แถวเดียวกันหญิงสาวรีบผลักประตูเข้าไปด้านในเห็นว่ามันเป็นห้องว่างคงจะใช่ห้องนี้แน่ ทำไมชีวิตของเธอถึงเจอแต่เรื่องประหลาดแบบนี้ด้วย เข้าไปในห้องได้ก็รีบล็อกประตูให้แน่นหนา"สวยเนาะ" เสียงนี้ดังแว่วมาจากกลุ่มคนที่มองหน้าเธอตอนเข้ามาในห้อง ดีหน่อยที่ห้องนี้มีกลอนล็อกจากด้านในอีกชั้นหนึ่งเหนื่อยและก็เพลียมาก แต่ต้องได้ถ่างตาไว้ เพราะกลัวถูกงัดห้อง ถึงแม้เปลี่ยนใจไปพักที่อื่นก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าเปิดประตูออกไปมีหวังเป็นเป้าสายตา ดีไม่ดีอาจจะคิดว่าเธอออกไปอ่อยเช้าวันต่อมา..นี่แหละนะ
ทานข้าวเสร็จมโนราห์ก็เข้ามาทำความสะอาดห้องนอน ห้องนี้รอบข้างเป็นไม้ล้วน เตียงนอนก็เป็นไม้ ซึ่งมีที่นอนบางๆ วางรองอยู่ส่วนห้องน้ำอยู่ด้านนอก เพราะเป็นบ้านข้าราชการเก่า ห้องของท่านพลเอกเรวทัตพ่อของเธอ ถูกต่อเติมใหม่หมดรวมทั้งทำห้องน้ำใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกในห้องนอนด้วยเมื่อคืนนี้ไม่ได้นอนทั้งคืน พอทำความสะอาดเสร็จมโนราห์ก็เลยนอนเอาแรง ถึงที่นอนจะแข็งหน่อยแต่ก็ดีเท่าไรแล้วที่ยังมีที่ให้นอนจนถึงตอนเที่ยง.. พ่อก็กลับมาตามที่บอกไว้ แต่เห็นว่าลูกสาวยังนอนหลับอยู่ ท่านก็เลยเอาอาหารที่ซื้อติดมาด้วยวางไว้ให้และเขียนโน้ตบ่ายคล้อยหญิงสาวก็ตื่นขึ้นมา เห็นแบบนี้อดน้ำตาไหลไม่ได้ เธอไม่ค่อยได้สัมผัสความรักจากพ่อมากนัก เพราะจะโทรคุยกันแต่ละที ก็ต้องหาเวลาที่พ่อว่างที่สุด พอมาเห็นมุมที่อบอุ่นของพ่อ ก็ทำให้อดมีน้ำตาไม่ได้มโนราห์ทานข้าวและทำความสะอาดบ้านทั้งหลังเสร็จก็เย็นมากแล้ว เธอก็เลยคิดว่าออกมาเดินดูบรรยากาศรอบค่ายทหารหน่อยเพื่อรอพ่อกลับค่ายทหารที่นี่กว้างขวางใหญ่โต บรรยากาศรอบข้างมีแต่ภูเขา และสิ่งปลูกสร้างที่ทหารจำเป็นต้องใช้งาน แถมยังมีเฮลิคอปเตอร์เก่าๆ ตรงทางเข้าที่ปลดประจำการแล้ว ตั้งโชว
คุยกับพ่อตารู้เรื่อง กองทัพก็เลยเอากระเป๋าเข้ามาในห้องนอน ชายหนุ่มมองไปรอบๆ มีแค่ตู้ที่เป็นลิ้นชัก และตู้กระจกเก่าๆ เตียงนอนที่มีฟูกแข็งๆ"ฉันช่วยค่ะ" หญิงสาวเอื้อมมือมารับกระเป๋าจากเขาเพื่อเอาไปพับเก็บไว้ในลิ้นชักชายหนุ่มปล่อยให้เธอเป็นคนจัดการ แล้วก็เดินมานั่งลงที่เตียง พอสะโพกแตะกับพื้นที่นอนดวงตาคมถึงกับมองต่ำลงไปดูแล้วสายตานั้นก็มองไปรอบๆ ห้อง คนร่างสูงรีบลุกเดินมาเปิดประตูมองออกไปด้านนอกโดยไม่ถาม ที่เขามองก็คือดูว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน เพราะในห้องนี้ไม่มีที่กรมกองทัพก็มีบ้านพักประจำตำแหน่ง ช่วงไหนไม่อยากกลับบ้านก็พักบ้านพักที่ถูกจัดไว้ให้ แต่สภาพมันไม่ได้ทรุดโทรมแบบนี้"ถ้าจัดอะไรกันเสร็จแล้วก็มาทานข้าว" เห็นลูกเขยยืนอยู่หน้าประตู ท่านพลเอกก็เลยเรียกออกมา"ทานข้าวหรือครับ?" กองทัพมองไปที่โต๊ะเห็นว่าท่านกำลังจัดเตรียมกับข้าว มันเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ไม่คิดว่าจะเห็นภาพนี้"ทำไมคุณพ่อไม่ให้โมนาทำล่ะคะ" หญิงสาวได้ยินเสียงที่พ่อเรียกมาทานข้าว เธอก็รีบวางผ้าที่พับอยู่ก่อน"แค่นี้พ่อทำเองได้" มันเป็นการผูกปิ่นโตกับแม่ค้าในค่ายทหาร แต่ท่านจะผูกแค่ตอนเย็น เพราะเช้ากับเที่ยงท่านไปทานที่กองบ
จมูกคมฝังลงที่ซอกคอระหงเพื่อสัมผัสกลิ่นกายอีกฝ่ายโดยที่เจ้าตัวนอนนิ่ง เขาแค่อยากทดลองว่าตัวเองจะมีความต้องการในตัวผู้หญิงคนนี้ไหม พอได้สัมผัสก็ไม่แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นตรงไหนแต่ถ้าเขาสังเกตอีกสักนิดจะรู้ว่าร่างกายของเธอสั่นกลัว ถึงแม้จะเติบโตอยู่ต่างประเทศ เธอก็ไม่เคยปล่อยตัวกับผู้ชายที่ไหน หลายคนอาจจะพูดว่าคนเป็นแม่อย่าทำให้เป็นเยี่ยงอย่างให้ลูกเห็น เดี๋ยวลูกจะเจริญตามรอย แต่พอเธอเห็นแม่คลอเคลียกับผู้ชายมากหน้าหลายตา บางทีก็ทำต่อหน้าเธอ แม่อาจจะคิดว่าเธอเด็กมากไม่รู้ประสีประสาและเหตุการณ์แบบนั้นแหละมันทำให้มโนราห์สาบานกับตัวเอง ว่าจะไม่ทำตัวเหมือนแม่ มันก็เลยเป็นการปิดกั้นตัวเองไม่ยอมเปิดใจให้ผู้ชายคนไหน แม้แต่เขาคนที่เป็นสามี ถ้าไม่เพราะแม่..คิดหรือว่าเธอจะสนใจผู้ชายคนนี้"อือ" ขณะที่หญิงสาวกำลังคิดเรื่องแม่และหวาดกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ริมฝีปากหนาขยับต่ำลงมาจนถึงเนินหน้าอก มโนราห์ห่อตัวเข้าเล็กน้อยขณะที่มือของเขาขยับชุดชั้นในลง เผยให้เห็นเม็ดเนื้อเล็กๆ ที่โผล่พ้นออกมา "อื้อ" หญิงสาวสะดุ้งเมื่อริมฝีปากของคนที่อยู่ด้านบนขบกัดเล็กน้อยลิ้นสากตวัดเลียวนรอบยอดเม็ดที่กำลังแข็งตัว
ดวงตากลมปิดลงเมื่อสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังส่งตัวตนของเขาเข้ามา อิจฉานะ อิจฉาคนที่เขามีอะไรกันเพราะความรัก แต่สำหรับเธอกำลังจะเสียไปเพราะแค่อีกฝ่ายอยากพิสูจน์ มันดูไร้ค่ามาก แต่ชีวิตเธอก็ไร้ค่าตั้งแต่เกิดแล้ว เพิ่มอีกสักอย่างจะเป็นไรไปเสียงกัดฟันดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบางเล็กน้อย เพื่อระบายความเจ็บที่เขากำลังมอบมันมาให้ปลายยอดความแข็งแกร่งสอดใส่เข้าไปได้เพียงเล็กน้อย เขาก็ต้องได้จับมันออกมา แล้วเสียดสีกับยอดเม็ดเสียวเพื่อตั้งลำใหม่ ชายหนุ่มจับถูไถอยู่แบบนั้นครู่หนึ่ง แล้วก็ส่งมันเข้าไปอีกครั้ง"อื๊อ" เสียงนี้เล็ดลอดออกมาจากลำคอระหงเพียงเบาๆ เพราะเธอกลั้นความเจ็บไม่อยู่อีกแล้ว "??" ในเมื่อมันเข้ามาได้ประมาณหนึ่งแล้วทำไมเขาต้องเอาออกด้วย หรือเขาคิดว่าเธอไม่บริสุทธิ์แบบที่พูดไว้? หญิงสาวที่หลับตาอยู่ถึงกับเปิดกว้างขึ้น ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาคงจะดูถูกเธอมากกว่าเดิมที่กองทัพต้องดึงออกมาก่อน เพราะคิดว่าที่มันเข้าลำบากเพราะเธอยังไม่มีอารมณ์ร่วม เขาก็เลยต้องได้กระตุ้นเธอก่อนโดยการ.."อือ" มโนราห์ตกใจอยู่ดีๆ ใบหน้าคมก็ฝังลงไปที่เนินน้องสาว "ขะ..คุณทำอะไร" ในเวลานี้เธออ่านใจเขาไม่ออกเลยจร
"ถึงแม้คุณจะไม่อยากฟัง แต่ผมก็จะพูด เพราะผมรักคุณ" เขาไม่ได้รั้งตัวเธอไว้ แต่ยังคงเดินตามไป จนตอนนี้ทั้งสองออกมาจากงานแล้ว"ฉันไม่อยากเป็นตัวปัญหา คุณกลับไปทำงานของคุณให้เสร็จเถอะค่ะ" ถึงแม้เธอจะหยุดแต่ขณะที่พูดก็ไม่ได้หันกลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลัง"ผมจะร้องเพลงต่อไปทำไม ในเมื่อคนที่ผมอยากให้ฟังไม่อยู่ในงานนั้น""คุณแน่ใจเหรอคะ ว่าคุณจะร้องเพลงนี้ให้ฉัน แล้วทำไมฉันถึงไม่รู้ล่ะคะ..แต่คนที่รู้กลับเป็นผู้หญิงคนนั้น" เธอพยายามจะไม่ดึงผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบทสนทนาแล้ว แต่ก็ยังคาใจเรื่องนี้อยู่"คุณหมายความว่ายังไง""คุณจะขึ้นร้องเพลงฉันยังไม่รู้เลย แต่เธอกลับรู้ว่าคุณจะร้องตอนเปิดงาน""คุณหมายถึงผู้หญิงที่ผมรับมาจากหน้ากรมน่ะเหรอ แม้แต่ชื่อเธอผมยังไม่รู้เลย และเรื่องที่ผมร้องเพลงก่อนผมสาบานได้ว่าเธอคงไม่ได้ยินจากปากผมแน่ๆ""ไหนบอกมันเป็นความลับไงคะ ขนาดฉันยังไม่รู้เลย ทำไมเธอถึงรู้" ในเมื่อเขาไม่ได้พูดแล้วเธอคนนั้นจะรู้มาจากไหน"ใช่มันเป็นความลับ แต่เธออาจจะรู้มาจากนักดนตรี หรือคนจัดเตรียมงานก็ได้นี่ครับ" เพราะทุกคนต้องวางแผนงานแสดงก่อนที่จะเริ่มงาน"ขอบคุณนะคะ สำหรับคำอธิบาย""แล้วคุณยังโก
เหมือนถูกลากมาตบกลางสี่แยกยังไงยังงั้นเลย ที่ได้ยินพวกผู้หญิงพูดถึงสามีตัวเอง"ได้ยินผู้พันบอกว่า วันนี้จะร้องเพลงช่วงเปิดงาน""อ้าว ไม่ร้องตอนปิดงานอีกแล้วเหรอ" เพราะกองทัพเลือกร้องเพลงตอนปิดงานมาหลายปีแล้ว ที่เขาร้องช่วงปิดงานจะได้มีคนอยู่ร่วมงานจนถึงช่วงสุดท้าย"เห็นบอกแบบนั้น""แหมนอกจากให้ติดรถมาแล้ว ยังบอกเรื่องจัดงานอีกนะ" ไม่มีใครไม่รู้ว่ากองทัพแต่งงานและภรรยาก็คลอดลูกเดือนที่แล้ว แต่อย่างที่รู้กันอยู่ว่าคนที่ทำอาชีพนี้ส่วนมากจะเจ้าชู้ มีหลายคนเลยแหละที่มีบ้านเล็กบ้านน้อย ยิ่งระดับลูกชายของคนใหญ่คนโตแล้วด้วย ผู้หญิงพวกนั้นก็เลยอยากไต่เต้าสบายทางลัด ยิ่งถ้าคว้าใจผู้ชายมาได้ถึงกับยอมเลิกกับบ้านใหญ่ก็เคยมีความรู้สึกของมโนราห์ตอนนี้เริ่มไม่ไหวแล้ว จนเกิดอาการคัดเต้า โชคดีที่ใส่ที่ซับน้ำนมมาด้วย แต่ถ้ามันไหลเยอะก็คงเอาไม่อยู่เพียงไม่นานเสียงดนตรีก็ดังขึ้น หลายคนที่ร่วมงานต่างก็หันไปที่เวที และหลายคนก็พูดกันว่า ทำไมผู้พันกองทัพถึงได้ร้องเพลงช่วงเปิดเวที เพราะทุกครั้งผู้พันจะร้องตอนปิด ..นั่นแสดงว่าคนในงานยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ผู้หญิงคนนี้คงสำคัญกับเขามากจริงแหละ ถึงได้รู้ว่าเขาจ
"ฉันขอชุดที่รัดกุมหน่อยนะคะ..แต่..เออ..""แต่อะไรคะ" ช่างที่กำลังเลือกแบบชุดให้ถามลูกค้า เมื่อเห็นอีกฝ่ายเหมือนไม่กล้าพูด"ขอแบบที่สามารถปั๊มนมให้ลูกได้ด้วย" ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะไปหรอก แต่อะไรมันก็ไม่แน่นอน เธอก็เลยขอชุดแบบนั้นไว้ เพราะถ้าน้ำนมมาต้องรีบปั๊มออก ไม่งั้นคัดเต้าทำให้ปวดมากบางครั้งเกิดการอักเสบเลย"ชุดแบบนั้นทางร้านเราไม่ได้ทำไว้ค่ะ แต่เราคิดว่า ผ้าคลุมไหล่สามารถปกปิดได้"ขณะที่คุยกันไม่มีคนในบ้านอยู่ใกล้เธอก็เลยกล้าพูดพอรู้แล้วว่าลูกค้าต้องการแบบไหนทางร้านก็รีบจัดการให้ ส่วนมโนราห์ก็เริ่มทำการเสริมสวยต่อขณะที่ทำผมอยู่ได้ยินเสียงลูกชายงอแง เธอก็ให้ช่างหยุดก่อน เพื่อไปดูว่าลูกเป็นอะไร แต่พอเห็นว่าลูกอยากเข้าเต้ามโนราห์ก็เลยจัดให้ก่อนจนแกนอนหลับเธอถึงได้กลับมาทำสวยต่อ ชีวิตแม่ลูกอ่อนถ้าใครไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้หรอกบ่ายคล้อยวันเดียวกัน.."พ่อโทรมาบอกว่าให้แม่เข้างานเร็วหน่อย""คุณแม่ก็ไปสิคะ""แม่ว่าจะรอรับเราไปด้วยกัน""ไม่ต้องรอหรอกค่ะ โมนายังไม่รู้เลยว่าจะไปไหม""ถ้างั้นแม่รอเราที่งานนะ" พอแต่งตัวเสร็จพุดตาลก็ให้คนรถพาไป เพราะไม่อยากให้ท่านนายพลต้องกลับมารับอีกเวลาเดียวก
ลืมเลยอีกแค่ไม่กี่วันก็ถึงวันงาน พอคิดถึงเรื่องเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นเขากับเธอยังไม่ได้รักกัน"หึ.." พอคิดถึงตอนที่กระโปรงเธอขาดก็นึกขำขึ้นมา และตอนที่เธอคิดว่าเขาร้องเพลงให้ผู้หญิงคนอื่น แต่ไม่ใช่เลย ตอนที่ร้องเพลงนั้น เขากลับคิดถึงหน้าเธอต่างหาก"ยิ้มอะไรครับผู้พัน""ยังจะเดินตามมาอีก ไม่ทำงานหรือไง""ทำสิครับ แต่ผู้พันลืมแล้วเหรอว่าที่ทำงานเราไปทางเดียวกัน" ตอนที่เป็นผู้กองอยู่เขาสังกัดหน่วยงานเดียวกับกองทัพ แต่พอเลื่อนขั้นเป็นผู้พัน ฉลามต้องเข้ารับงานใหม่ "แล้วตกลงที่ยิ้ม..ให้สาวที่นั่งรถมาด้วย..หรือคนที่อยู่บ้านครับ""ไอ้ฉลามมึงจะหางานให้กูไปถึงไหนวะ กูก็ต้องคิดถึงเมียกูสิ""ครับคิดถึงเมีย""ไอ้นี่พูดเหมือนไม่เชื่อ"สองวันต่อมา.. วันนี้เริ่มประชุมเรื่องที่จะจัดงานประจำปี ใครรับหน้าที่ส่วนไหนก็ต้องเริ่มจัดการส่วนที่ตัวเองได้รับในแต่ละหมู่เหล่าต้องร่วมแรงร่วมใจ เพราะงานประจำปีไม่ได้จัดขึ้นแค่เป็นงานเลี้ยง แต่เป็นงานที่ทำให้ในหน่วยงานรักและสามัคคีกันที่คฤหาสน์พลเอกเกษมราษฎร์"โมนาไม่รู้ว่าพ่อจะมา" เพราะพ่อเพิ่งมาตอนที่เธอคลอดลูกนี่เอง และวันนี้พ่อก็มาอีกครั้ง"สามีเราไม่บอกเหรอ ว่
"คุณอยากได้อะไรครับ ทำไมไม่เรียกผมเดี๋ยวผมหยิบให้" ฉลามรีบเดินกลับมาที่บ้าน"ฉันเรียกแล้วค่ะ แต่คุณมัวมองสาวๆ พวกนั้นอยู่""อุ๊ย.. เปล่ามองสักหน่อย""ตาฉันไม่ได้บอด""แก้วใจครับ อย่างอนนะ มันไม่ดีต่อ..""คุณไม่อยากให้ฉันงอนก็อย่าทำสิคะ""ผมแค่..""แค่อะไรคะ""แค่มองนิดเดียวเอง""แต่ที่ฉันเห็นไม่นิดแล้วนะ"กูจะถึงกับตายไหมวะ ..ฉลามรีบเดินตามแก้วใจเขาไปในบ้าน ในใจก็แอบหวั่นๆ"อย่าเดินเร็วสิครับเดี๋ยวสะดุดล้ม""ไม่ต้องตามมานะ""ผมสัญญาว่าจะไม่มองผู้หญิงคนอื่นแบบนี้อีกแล้ว"แก้วใจหยุดแล้วก็หันกลับมา แต่ฉลามที่ตามมาด้านหลังเกือบหยุดไม่ทัน"จะหยุดทำไมไม่บอกผมล่ะ""ไม่ต้องมาใกล้ฉันเลยนะ" หญิงสาวผลักสามีให้ออกห่าง "ใช่สิท้องฉันโตขนาดนี้ ก็เลยไม่น่ามองเหมือนผู้หญิงพวกนั้นใช่ไหม""ใครบอกคุณไม่น่ามอง แก้วใจของผมน่ารักที่สุดในโลก""คนปากไม่ตรงกับใจ ฉันจะกลับไปหายาย""ไม่ให้กลับ""ฉันจะกลับไปคลอดลูกกับยาย""ที่นั่นอยู่ห่างไกล เวลาคลอดก็ลำบาก เอาแบบนี้แล้วกันใกล้คลอดผมจะไปรับคุณยายมาอยู่ด้วย""จริงเหรอคะ" จากที่งอนอยู่เมื่อสักครู่ก็มีรอยยิ้มขึ้นมา ฉลามถึงกับหายใจโล่ง ดีนะที่ยังมียาย ไม่งั้นคืนนี้ต้
ญาณินกัดฟันไว้ไม่กล้าส่งเสียงคราง เพราะลูกชายเพิ่งจะนอนลงมือเรียวยื่นลงไปจับศีรษะของคนที่เมามันอยู่กับการใช้ลิ้น แทนที่จะยกศีรษะของเขาขึ้นแต่ดันกดมันลงแบบลืมตัวชายหนุ่มยิ่งได้ใจเพิ่มจังหวะความเร็วของลิ้นอีกระดับหนึ่ง จนสะโพกงามเกร็งกระตุกเขาถึงได้หยุด แล้วค่อยๆ ขยับขึ้นมา เพราะจะปล่อยให้เธอเสร็จก่อนไม่ได้สิ่งแรกที่ศิลาทำเมื่อโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มนั้นคือมองไปดูลูกชาย ว่าเขาหลับหรือยัง แต่พอเห็นลูกยังดิ้นอยู่ เขาก็ค่อยๆ เอนตัวลงอีกฝั่งหนึ่งของเธอแต่ชายหนุ่มไม่ได้ปล่อย เขายังคงลูบคลำเนินอวบนูนของเธอเพื่อไม่ให้อารมณ์อีกฝ่ายหยุดลง"อือ..คุณ.."ศิลาไม่สนใจที่เธอห้าม แถมยังส่ายหน้าบอกเล็กน้อย เพื่อให้เธอรู้ว่าถึงยังไงเขาก็ไม่หยุด รอให้ลูกหลับสนิทก่อนเถอะ จะจัดการเธอให้สมกับความคิดถึง"อื้อ" พอนิ้วนั้นจมหายเข้าไปในร่อง หญิงสาวกลั้นเสียงไว้ไม่ได้อีก แต่เธอก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมาแรง "อ่ะ อ่ะ" อารมณ์ของเธอเริ่มควบคุมไม่ได้เมื่อนิ้วนั้นขยับเร็วขึ้น"หือ" ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยเมื่อถูกมือเรียวลูบคลำที่เป้ากางเกง ยิ่งเธอเป็นคนรูดซิปเองด้วยแล้วเขายิ่งพอใจมากแต่เธอทำแค่นั้นแล้วก็หยุด เพราะเริ่มรู้ส
วันต่อมา..หลังการประชุมใหญ่จบลงพอออกมาจากห้องประชุม ตำรวจก็มารอรับตัวคนที่ทำผิดกฎหมาย หัวหน้าขบวนการที่ทำผิดกฎหมายในครั้งนี้ก็คือเอกมัย สิ่งที่ทำผิดคือสอดไส้สิ่งผิดกฎหมาย ไปกับสินค้าที่ส่งออก ซึ่งถ้ามีเส้นสายทางด้านนี้การตรวจสอบก็จะไม่เข้มงวด หรือถ้าเจอก็แค่ใช้เงินยัด"คุณคิดเหรอว่า ทำแบบนี้บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบ" ก่อนที่จะถูกนำตัวไป เอกมัยยังหันมาพูดข่มขู่ศักดินามองตามหลังเอกมัยที่ถูกกุมตัวไปแล้ว มันไม่เหมือนสิ่งที่คิดไว้ พอถึงเวลาจริงๆ ทุกอย่างโล่งมาก ไม่หนักอึ้งเหมือนตอนที่แบกไว้กับตัวเลยศักดินาปล่อยให้หน่วยตรวจสอบของรัฐบาลเข้ามาตรวจสอบบริษัท แล้วแต่การพินิจของเจ้าหน้าที่ ถ้าจะสั่งให้ปิดศักดินาก็ยอม เพราะเหนื่อยมากแล้ว"ผมจะช่วยพูดกับคุณพ่อให้อีกแรงครับ" กองทัพเห็นว่าท่านมีท่าทางที่คิดหนัก"อย่าลำบากท่านนายพลอีกเลย ปล่อยไปตามยถากรรมเถอะ""ขอบใจมึงมากนะเพื่อน" ศิลารู้ดีว่าพ่อรักบริษัทนี้มาก "ก็เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนมีไว้ทำไมถ้าไม่ช่วยเพื่อน""ท่านคะ" เสียงนี้ดังแว่วเข้ามาผ่านฝูงชนที่มุงดูเหตุการณ์ศิลาหันไปมองพ่อว่าท่านมีท่าทียังไงเมื่อเจอ ขวัญชนก ซึ่งตอนนี้ท่านได้เซ็นใบหย่า
>>{"เมียพี่ไม่สบายเหรอ""} {"จะว่าไม่สบายก็ไม่เชิงหรอกพี่ พี่สะใภ้กินอะไรไม่ค่อยลง แถมบอกว่าอาหารเหม็น"}>>{"กินอะไรไม่ค่อยลงอาหารเหม็น? เราเอาอาหารค้างคืนมาให้พี่เขากินเหรอ"} {"เปล่าสักหน่อย อาหารเพิ่งจะตักออกมาจากกระทะร้อนๆ"}"เมื่อกี้มึงว่าอะไร ใครเหม็นอาหาร" กองทัพที่นั่งฟังอยู่ว่าศิลากำลังคุยเรื่องอะไร อดที่จะถามไม่ได้"ก็เมียกูน่ะสิ สงสัยจะไม่สบาย" ศิลาก็เลยวางสายไปจากน้องสาวก่อน"อาการเป็นยังไงบอกมาซิ""น้องสาวกูบอกว่ากินข้าวไม่ค่อยลง ตั้งแต่วันก่อนแล้ว" เพราะพวกเขาออกมาจากบ้านก็สามวันเข้าไปแล้ว"อาการแบบนี้เหมือนเมียกูเลย""เมียมึงก็เป็นเหรอ""เป็นสิ เป็นตอนมีตาทัพไท""อะไรนะ?""เมียไอ้ศิลาท้องเหรอ?" ซันเดย์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยกันพูดขึ้นมาบ้าง"กูจะไปรู้กับเมียมันเหรอ กูแค่บอกอาการตอนที่เมียกูท้อง""กูกลับบ้านก่อนได้ไหม" ศิลานั่งไม่ติดที่เลยทีนี้ ถ้าหายตัวกลับตอนนี้ได้เขาคงทำไปแล้ว"มึงจะบ้าเหรอ พรุ่งนี้ประชุมสำคัญ""พวกมึงก็จัดการกันไปเองสิวะ""อ้าวไอ้นี่! นี่บริษัทพ่อมึงนะ"ศิลาหยิบโทรศัพท์แล้วเดินไปอีกมุมหนึ่ง เพื่อโทรหาเธอ>>{"พ่อครับ"} โทรเข้าเครื่องของแม่ ลูกก็รับอีกอ
"พ่อขอโทษที่ส่งคนตามลูกกับเมียลูก แต่พ่อไม่ได้หวังร้ายเลย""ถึงพ่อไม่ได้หวังร้าย แต่คนที่ถูกตามรู้ไหมว่าเขาหวาดกลัว ผู้หญิงและเด็กแถมยังมีคนแก่ที่พิการ""พ่อคิดถึงหลาน" ศักดินาไม่ปล่อยให้ลูกต่อว่าไปเยอะกว่านี้แล้ว"อะไรนะครับ?""พ่อคิดถึงเทวิน""ผมไม่เชื่อ""ลูกก็รู้ว่าพ่อแสดงความรักออกมาไม่เก่ง""แล้วทำไมหลานถึงบอกว่ากลัวคุณปู่ล่ะ""คงเห็นพ่อขู่แม่แกมั้ง แต่ที่พ่อทำไปเพราะอยากกดดันให้เธอพาแกกลับมาที่บ้าน""พอเถอะศิลา" กองทัพคิดว่าศิลาคงเข้าใจพ่อผิดแล้ว คงเหมือนที่ท่านพูดว่าท่านแสดงความรักออกมาไม่ค่อยเป็น "เรามาหาทางคิดแผนต่อไปกันดีกว่า" นี่แหละที่ทุกคนไม่เข้าไปคุยเรื่องนี้ที่บ้าน เพราะหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง"พ่อต้องขอบใจเราอีกครั้งนะกองทัพ รวมถึงนายด้วย" ศักดินาหันไปหาลูกเขย"ผมหรือครับ" ซันเดย์คิดว่าตัวเองยังไม่ได้ทำอะไรเลย"ขอบใจที่ดูแลริศา" นี่แหละอีกเหตุผลหนึ่งที่ท่านอยากให้สาริศาแต่งงานกับเสี่ยเคน เพราะเสี่ยเคนพอมีอำนาจที่จะมาช่วยเรื่องนี้ได้ ตอนนั้นท่านมองไม่เห็นใครแล้วจริงๆ"ผมปรึกษากับพ่อแล้วครับ ท่านบอกว่าจะช่วยเรื่องนี้""ท่านบอกอย่างนั้นเหรอ" คนที่ถามก็คือศิลา เพราะเขาเริ