พอคนตัวเล็กนอนลงได้ที่ เธอก็ขยับกายเข้าไปชิดเขาให้มากที่สุด จังหวะที่ขยับเข้าไปคนที่เธอคิดว่านอนหลับไปแล้ว ก็ได้ลืมตาขึ้นแล้วหันมามองโดยที่ยังนอนหงายอยู่
"?" มโนราห์ขยับตัวออกมาแบบอัตโนมัติ ทีแรกคิดว่าจะอ่อย ถ้าตื่นมาเห็นว่าเธอสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เผื่อเขาอยากจะ... แต่แค่เห็นแววตานั้นมันก็ทำให้เธอลืมทุกอย่างไปได้ในพริบตา
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแบบรำคาญ คนกำลังจะหลับมากวนอยู่ได้ แล้วกองทัพก็หันหลังให้โดยที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
ถ้าเขาตั้งใจฟัง คงได้ยินเสียงเธอถอนหายใจออกมาแบบโล่งใจที่ไม่ถูกตำหนิ
เช้าวันต่อมา..
หญิงสาวตื่นขึ้นมาก็ไม่พบคนที่นอนอยู่ข้างๆ เมื่อคืนนี้แล้ว เราตื่นสายเหรอ
มโนราห์รีบลุกขึ้นมาจัดการกับร่างกายของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะลงมาข้างล่าง
"ย่าว่าคืนพรุ่งนี้จะชวนคุณปู่ไปเล่นด้วย สงสัยจะรู้แน่เลยก็เลยชิงมาเยี่ยมย่าก่อนใช่ไหมครับ" เสียงนี้ดังแว่วเข้ามาเมื่อมโนราห์ลงมาถึงข้างล่าง
"อยู่แต่บ้านก็เลยอยากพาแกออกมาเปิดหูเปิดตาค่ะ"
"แล้วนี่ใครพามาล่ะ"
"คนขับรถที่บ้านค่ะ"
"แม่ไม่อยากให้นั่งรถบ่อยๆ ท้องเราก็ยิ่งโตมากแล้ว"
"คุณรามก็พูดแบบนี้แหละคะ แต่ถ้าคลอดแล้วกลัวไม่ได้ออกจากบ้าน" พอพูดจบสโรชาก็มองไปดูคนที่เพิ่งเดินออกมา
"สวัสดีค่ะ" มโนราห์ไหว้ทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายมองมา
"สวัสดีจ้า" สโรชาเป็นอีกคนที่คิดว่ามโนราห์จะเหมือนแม่ไหม เพราะแค่มองตากันก็ไม่รู้นิสัยอยู่แล้ว
"ลงมาก็ดีแล้ว มาดูหลานชายเราสิ"
"หลานชายหรือคะ" มโนราห์มองดูหน้าเด็กแค่แว๊บหนึ่ง ก่อนที่จะปลายตามองไปที่แม่ของเด็ก
"หลานเราชื่อรามิล สวัสดีคุณอาสิครับ" สโรชาแนะนำให้มโนราห์รู้จักก่อนที่จะพูดกับลูกชาย ที่จริงแกยังสวัสดีไม่เป็นหรอก
มโนราห์ได้แต่ส่งยิ้มให้เด็กชายตัวน้อยๆ ที่กำลังยื่นมือมา ที่มโนราห์ไม่กล้ายื่นมือไปรับ เพราะกลัวพวกท่านจะไม่ชอบใจ
"สงสัยหลานอยากไปหาคุณอาแน่เลย" พุดตาลพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม เอ็นดูหลานชาย คิดว่าคงสัมผัสได้ด้วยตัวเองว่ามโนราห์ก็คือน้องสาวของพ่อ
แต่ถึงอย่างไรมโนราห์ก็ไม่กล้าอุ้ม เพราะกลัวพวกท่านรังเกียจ และไม่กล้าเข้าหน้าทุกคนด้วย เธอก็เลยขอตัวเข้าไปในครัว
จนถึงช่วงเย็นของวันเดียวกัน มโนราห์ขลุกอยู่แต่บนห้อง ไม่กล้าลงไปสู้หน้าใครสักคน ถึงเวลาจัดเตรียมอาหารเย็นถึงได้ลงมาช่วย
ดึกๆ คืนเดียวกัน..
หญิงสาวรออยู่จนดึกคนเป็นสามีก็ไม่กลับมา คงเพราะรู้ว่าเธออยู่ที่นี่มั้ง ถ้าเธอไม่อยู่ป่านนี้คงกลับบ้านแล้ว
เช้าวันต่อมา..
"ตากองทัพงานยุ่งเหรอคะ" พุดตาลเห็นว่าลูกชายของสามีไม่กลับบ้าน นางก็เลยถามสามีเพราะยังไงพ่อกับลูกก็ทำงานอยู่ที่เดียวกัน
"มันก็เป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้ว" เกษมราษฎร์ตอบแบบไม่จริงจังนัก เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าทำไม ถ้าผู้หญิงที่แต่งงานด้วยคือคนที่ลูกชายชอบ มีใครบ้างจะไม่อยากกลับบ้าน
จนถึงช่วงเย็น..
มโนราห์ช่วยจัดเตรียมอาหารเย็น แต่หญิงสาวไม่ขอทานด้วย เธอให้เหตุผลว่าตอนกลางวันทานไปเยอะยังอิ่มอยู่เลย
เพราะเราใช่ไหม เขาถึงไม่กลับบ้านตัวเอง เรานี่เป็นตัวปัญหาได้ทุกที่ อยู่ที่ไหนก็สร้างแต่ปัญหาให้คนอื่น ..หญิงสาวยืนมองตัวเองในกระจก แล้วถามตัวเองว่าตั้งแต่เกิดมามีใครต้องการเธอหรือยัง คำตอบที่ได้คือไม่มีเลย ไม่มีเลยจริงๆ
เช้าวันต่อมา..
จะกลับบ้านก็ไม่ได้ กลับต่างประเทศช่วงนี้ก็ยังไม่ได้เพราะเอกสารอยู่ในกระเป๋าใบที่เขาทิ้งไปทั้งหมด "พ่อ" ถึงแม้พ่อจะเป็นคนไม่ดีในสายตาของหลายๆ คน แต่พอเธอได้อยู่กับพ่อได้คุยกับพ่อ มันทำให้มโนราห์รู้สึกว่ายังมีคนที่มองเห็นเธอมีตัวตนอยู่บ้าง
"หนูจะไปไหนเหรอ" พุดตาลเห็นมโนราห์หิ้วกระเป๋าลงมา จะไม่ให้ถามก็คงไม่ได้
"โมนา..จะกลับบ้านค่ะ" จะบอกท่านได้ยังไงว่าจะไปหาพ่อ เพราะพ่อของเธอทำไว้กับท่านเยอะ
"ตากองทัพคงติดราชการก็เลยไม่ได้กลับบ้าน หนูอย่าคิดมากนะ" ถ้าจะรั้งตัวไว้ก่อนก็กลัวว่าคืนนี้กองทัพจะไม่กลับมาอีก
"คงเป็นแบบนั้นแหละค่ะ หน้าที่การงานของเขาก็สำคัญเหมือนกัน" นี่หรือคือการปั้นหน้า ทั้งๆ ที่รู้กันอยู่ว่าทำไมเขาถึงไม่กลับมา เพราะมีเธออยู่บ้านหลังนี้ไงเขาถึงไม่กลับ ฉะนั้นเธอควรไปสะ
"เดี๋ยวแม่ให้รถไปส่ง"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ โมนาไปก่อนนะคะ" หญิงสาวหิ้วกระเป๋าเดินออกมา ที่เธอไม่ให้รถไปส่งเพราะจะไม่กลับบ้าน ถ้ากลับไปคงถูกแม่เล่นงานหนักยิ่งกว่าเดิมแน่
พุดตาลได้แต่มองตามหลังเด็กที่หิ้วกระเป๋าเดินออกไป คิดถึงตัวเองตอนที่เฝ้ารอสามีอยู่ที่บ้าน รอแล้วรอเล่า จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากปีเป็น 10 ปี นางไม่อยากให้ใครมาพบเจอชะตากรรมแบบนี้เลย แต่จะยื่นมือเข้าไปมากกว่านี้ก็ไม่ได้ เพราะรู้กันอยู่ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวของใคร ถ้าทำอะไรไปดีไม่ดีอาจจะถูกถอนหงอกก็ได้
มโนราห์ได้ยินพ่อบอกว่า ย้ายไปอยู่จังหวัดหนึ่งของทางภาคเหนือ เธอก็เลยนั่งรถประจำทาง เสี่ยงไปดูเอาว่าจะไปถูกไหม คิดว่าไปถึงที่นั่นค่อยถามคนแถวนั้นว่าค่ายทหารอยู่ที่ไหน
บ้านเมืองที่นี่แตกต่างจากที่ที่เธอจากมา การขึ้นรถประจำทางไม่ได้สวยหรูแบบที่คิดไว้ แต่เธอก็ต้องปรับตัว แม้แต่ตอนขึ้นนั่งรถแล้ว คนที่นั่งข้างๆ ก็ยังมองเธอเหมือนผู้หญิงอย่างว่า
หญิงสาวทำได้แค่นั่งกอดกระเป๋าตัวเอง พยายามมองเฉพาะหน้าต่างของรถประจำทาง
"ใกล้ถึงหรือยังคะพี่"
"น้องไม่เคยมาหรือไงทำไมถามบ่อยจัง.. ถ้าถึงจะบอกเองหรอกน่า" พนักงานประจำรถนั้นเวลาเดินผ่านทีไรมโนราห์ก็ถาม เพราะเธอกลัวว่ารถจะพาขับเลยไป
จนรถประจำทางวิ่งมาจอดที่บขส.
"อ้าวแล้วนี่ไม่ลงหรือไง พอถึงที่ก็ไม่ลง"
"ถึงแล้วเหรอคะ" หญิงสาวนั่งมองหน้าพนักงานบนรถนั้น ไม่กล้าถามและก็ไม่กล้าลงกลัวว่ายังไม่ถึงจุดหมาย
คนตัวเล็กหิ้วกระเป๋าลงจากรถทัวร์ พอลงมาก็เจอกับกองทัพรถเล็กที่รอรับส่งผู้โดยสาร
"อุ๊ย เอากระเป๋าฉันคืนมานะ" หญิงสาวรีบแย่งกระเป๋าคืนเมื่อถูกคนที่มาถามว่าจะไปไหนแย่งไปถือให้
"เดี๋ยวไปส่งครับ ขึ้นรถคันนี้เลย"
"ไม่ไป" แล้วเธอจะกล้าขึ้นด้วยได้ยังไง แค่นี้ยังไม่มีมารยาทแล้ว
มโนราห์หอบกระเป๋าเดินออกมาให้ห่างจากกลุ่มรถพวกนั้นหน่อย
"แล้วเราจะไปหาพ่อยังไงเนี่ย" ตอนนี้ก็มืดมากแล้ว คงต้องหาที่พักแถวนี้ก่อน เพราะถ้าไปค่ายทหารไม่รู้ว่าพ่อจะพักอยู่ที่นั่นไหม ทำไมถึงจำเบอร์โทรพ่อไม่ได้ เธอตำหนิตัวเองตลอดระยะทางที่นั่งรถมา ถ้ามีโทรศัพท์ก็คงจะดี เพราะเบอร์โทรพ่ออยู่ในนั้น
โชคดีเงินที่จำนำสร้อยเพชรไว้ยังพอเหลือ มโนราห์ก็เลยถามคนแถวนั้นว่ามีรีสอร์ทหรือโรงแรมให้พักไหมหญิงสาวเดินไปตามทางที่ชาวบ้านบอก เพราะอยู่ไม่ไกลจากบขส.ก็มีบ้านเช่า"มีห้องว่างไหมคะ""พักกี่คน""คนเดียวค่ะ""กี่คืน""คืนเดียวค่ะ""500 บาท""ฉันมีแต่สำเนาบัตรประชาชนนะคะ""เอามาทำไม""ไม่ได้ใช้เหรอคะ""เอาแค่เงินแล้วก็เดินไปห้องมุมซ้ายเลยไม่ได้ล็อก" คนที่เฝ้าห้องแถวพูดโดยไม่ได้มองหน้าลูกค้าเลยด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่เล่นโทรศัพท์มโนราห์เดินมาแล้วเลี้ยวซ้ายมองว่าห้องไหนที่ไม่ได้ล็อก พอมาถึงก็เห็นวัยรุ่นกำลังนั่งดื่มกินอยู่แถวเดียวกันหญิงสาวรีบผลักประตูเข้าไปด้านในเห็นว่ามันเป็นห้องว่างคงจะใช่ห้องนี้แน่ ทำไมชีวิตของเธอถึงเจอแต่เรื่องประหลาดแบบนี้ด้วย เข้าไปในห้องได้ก็รีบล็อกประตูให้แน่นหนา"สวยเนาะ" เสียงนี้ดังแว่วมาจากกลุ่มคนที่มองหน้าเธอตอนเข้ามาในห้อง ดีหน่อยที่ห้องนี้มีกลอนล็อกจากด้านในอีกชั้นหนึ่งเหนื่อยและก็เพลียมาก แต่ต้องได้ถ่างตาไว้ เพราะกลัวถูกงัดห้อง ถึงแม้เปลี่ยนใจไปพักที่อื่นก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าเปิดประตูออกไปมีหวังเป็นเป้าสายตา ดีไม่ดีอาจจะคิดว่าเธอออกไปอ่อยเช้าวันต่อมา..นี่แหละนะ
ทานข้าวเสร็จมโนราห์ก็เข้ามาทำความสะอาดห้องนอน ห้องนี้รอบข้างเป็นไม้ล้วน เตียงนอนก็เป็นไม้ ซึ่งมีที่นอนบางๆ วางรองอยู่ส่วนห้องน้ำอยู่ด้านนอก เพราะเป็นบ้านข้าราชการเก่า ห้องของท่านพลเอกเรวทัตพ่อของเธอ ถูกต่อเติมใหม่หมดรวมทั้งทำห้องน้ำใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกในห้องนอนด้วยเมื่อคืนนี้ไม่ได้นอนทั้งคืน พอทำความสะอาดเสร็จมโนราห์ก็เลยนอนเอาแรง ถึงที่นอนจะแข็งหน่อยแต่ก็ดีเท่าไรแล้วที่ยังมีที่ให้นอนจนถึงตอนเที่ยง.. พ่อก็กลับมาตามที่บอกไว้ แต่เห็นว่าลูกสาวยังนอนหลับอยู่ ท่านก็เลยเอาอาหารที่ซื้อติดมาด้วยวางไว้ให้และเขียนโน้ตบ่ายคล้อยหญิงสาวก็ตื่นขึ้นมา เห็นแบบนี้อดน้ำตาไหลไม่ได้ เธอไม่ค่อยได้สัมผัสความรักจากพ่อมากนัก เพราะจะโทรคุยกันแต่ละที ก็ต้องหาเวลาที่พ่อว่างที่สุด พอมาเห็นมุมที่อบอุ่นของพ่อ ก็ทำให้อดมีน้ำตาไม่ได้มโนราห์ทานข้าวและทำความสะอาดบ้านทั้งหลังเสร็จก็เย็นมากแล้ว เธอก็เลยคิดว่าออกมาเดินดูบรรยากาศรอบค่ายทหารหน่อยเพื่อรอพ่อกลับค่ายทหารที่นี่กว้างขวางใหญ่โต บรรยากาศรอบข้างมีแต่ภูเขา และสิ่งปลูกสร้างที่ทหารจำเป็นต้องใช้งาน แถมยังมีเฮลิคอปเตอร์เก่าๆ ตรงทางเข้าที่ปลดประจำการแล้ว ตั้งโชว
คุยกับพ่อตารู้เรื่อง กองทัพก็เลยเอากระเป๋าเข้ามาในห้องนอน ชายหนุ่มมองไปรอบๆ มีแค่ตู้ที่เป็นลิ้นชัก และตู้กระจกเก่าๆ เตียงนอนที่มีฟูกแข็งๆ"ฉันช่วยค่ะ" หญิงสาวเอื้อมมือมารับกระเป๋าจากเขาเพื่อเอาไปพับเก็บไว้ในลิ้นชักชายหนุ่มปล่อยให้เธอเป็นคนจัดการ แล้วก็เดินมานั่งลงที่เตียง พอสะโพกแตะกับพื้นที่นอนดวงตาคมถึงกับมองต่ำลงไปดูแล้วสายตานั้นก็มองไปรอบๆ ห้อง คนร่างสูงรีบลุกเดินมาเปิดประตูมองออกไปด้านนอกโดยไม่ถาม ที่เขามองก็คือดูว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน เพราะในห้องนี้ไม่มีที่กรมกองทัพก็มีบ้านพักประจำตำแหน่ง ช่วงไหนไม่อยากกลับบ้านก็พักบ้านพักที่ถูกจัดไว้ให้ แต่สภาพมันไม่ได้ทรุดโทรมแบบนี้"ถ้าจัดอะไรกันเสร็จแล้วก็มาทานข้าว" เห็นลูกเขยยืนอยู่หน้าประตู ท่านพลเอกก็เลยเรียกออกมา"ทานข้าวหรือครับ?" กองทัพมองไปที่โต๊ะเห็นว่าท่านกำลังจัดเตรียมกับข้าว มันเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ไม่คิดว่าจะเห็นภาพนี้"ทำไมคุณพ่อไม่ให้โมนาทำล่ะคะ" หญิงสาวได้ยินเสียงที่พ่อเรียกมาทานข้าว เธอก็รีบวางผ้าที่พับอยู่ก่อน"แค่นี้พ่อทำเองได้" มันเป็นการผูกปิ่นโตกับแม่ค้าในค่ายทหาร แต่ท่านจะผูกแค่ตอนเย็น เพราะเช้ากับเที่ยงท่านไปทานที่กองบ
จมูกคมฝังลงที่ซอกคอระหงเพื่อสัมผัสกลิ่นกายอีกฝ่ายโดยที่เจ้าตัวนอนนิ่ง เขาแค่อยากทดลองว่าตัวเองจะมีความต้องการในตัวผู้หญิงคนนี้ไหม พอได้สัมผัสก็ไม่แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นตรงไหนแต่ถ้าเขาสังเกตอีกสักนิดจะรู้ว่าร่างกายของเธอสั่นกลัว ถึงแม้จะเติบโตอยู่ต่างประเทศ เธอก็ไม่เคยปล่อยตัวกับผู้ชายที่ไหน หลายคนอาจจะพูดว่าคนเป็นแม่อย่าทำให้เป็นเยี่ยงอย่างให้ลูกเห็น เดี๋ยวลูกจะเจริญตามรอย แต่พอเธอเห็นแม่คลอเคลียกับผู้ชายมากหน้าหลายตา บางทีก็ทำต่อหน้าเธอ แม่อาจจะคิดว่าเธอเด็กมากไม่รู้ประสีประสาและเหตุการณ์แบบนั้นแหละมันทำให้มโนราห์สาบานกับตัวเอง ว่าจะไม่ทำตัวเหมือนแม่ มันก็เลยเป็นการปิดกั้นตัวเองไม่ยอมเปิดใจให้ผู้ชายคนไหน แม้แต่เขาคนที่เป็นสามี ถ้าไม่เพราะแม่..คิดหรือว่าเธอจะสนใจผู้ชายคนนี้"อือ" ขณะที่หญิงสาวกำลังคิดเรื่องแม่และหวาดกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ริมฝีปากหนาขยับต่ำลงมาจนถึงเนินหน้าอก มโนราห์ห่อตัวเข้าเล็กน้อยขณะที่มือของเขาขยับชุดชั้นในลง เผยให้เห็นเม็ดเนื้อเล็กๆ ที่โผล่พ้นออกมา "อื้อ" หญิงสาวสะดุ้งเมื่อริมฝีปากของคนที่อยู่ด้านบนขบกัดเล็กน้อยลิ้นสากตวัดเลียวนรอบยอดเม็ดที่กำลังแข็งตัว
ดวงตากลมปิดลงเมื่อสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังส่งตัวตนของเขาเข้ามา อิจฉานะ อิจฉาคนที่เขามีอะไรกันเพราะความรัก แต่สำหรับเธอกำลังจะเสียไปเพราะแค่อีกฝ่ายอยากพิสูจน์ มันดูไร้ค่ามาก แต่ชีวิตเธอก็ไร้ค่าตั้งแต่เกิดแล้ว เพิ่มอีกสักอย่างจะเป็นไรไปเสียงกัดฟันดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบางเล็กน้อย เพื่อระบายความเจ็บที่เขากำลังมอบมันมาให้ปลายยอดความแข็งแกร่งสอดใส่เข้าไปได้เพียงเล็กน้อย เขาก็ต้องได้จับมันออกมา แล้วเสียดสีกับยอดเม็ดเสียวเพื่อตั้งลำใหม่ ชายหนุ่มจับถูไถอยู่แบบนั้นครู่หนึ่ง แล้วก็ส่งมันเข้าไปอีกครั้ง"อื๊อ" เสียงนี้เล็ดลอดออกมาจากลำคอระหงเพียงเบาๆ เพราะเธอกลั้นความเจ็บไม่อยู่อีกแล้ว "??" ในเมื่อมันเข้ามาได้ประมาณหนึ่งแล้วทำไมเขาต้องเอาออกด้วย หรือเขาคิดว่าเธอไม่บริสุทธิ์แบบที่พูดไว้? หญิงสาวที่หลับตาอยู่ถึงกับเปิดกว้างขึ้น ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาคงจะดูถูกเธอมากกว่าเดิมที่กองทัพต้องดึงออกมาก่อน เพราะคิดว่าที่มันเข้าลำบากเพราะเธอยังไม่มีอารมณ์ร่วม เขาก็เลยต้องได้กระตุ้นเธอก่อนโดยการ.."อือ" มโนราห์ตกใจอยู่ดีๆ ใบหน้าคมก็ฝังลงไปที่เนินน้องสาว "ขะ..คุณทำอะไร" ในเวลานี้เธออ่านใจเขาไม่ออกเลยจร
เที่ยงวันนั้น.."กลับไปทานข้าวที่บ้านกันไหม" ค่ายทหารที่นี่ห่างจากชุมชน เพราะสร้างอยู่ในพื้นที่ราชการอันกว้างขวาง ถ้าจะออกไปทานด้านนอกก็ขับรถไกลหน่อย หรือไม่ก็เข้าไปทานในตัวเมืองขับรถเป็น 10 กิโลเมตร อีกทางเลือกหนึ่งก็คือทานร้านอาหารของแม่ค้าที่ประมูลขายของที่นี่ได้ แต่ถ้าทานร้านอาหารในค่าย ต้องเผื่อใจไว้เพราะทหารทุกชนชั้นไปที่นั่นกันหมดคนเยอะพลเอกเรวทัตก็เลยชวนลูกเขยกลับไปทานที่บ้าน เพราะสั่งแก้วใจให้ทำอาหารไว้เผื่อแล้ว"ครับ" เขาก็ยังไม่รู้ว่าต้องไปทานข้าวที่ไหน ก็เลยตามท่านกลับไปทานที่บ้านดีกว่าทั้งสองนั่งรถมาด้วยกัน โดยมีผู้พันกองทัพเป็นคนขับ"เตรียมอาหารเสร็จพอดีเลยค่ะ" แก้วใจรีบยกอาหารมาตั้งโต๊ะให้ เมื่อเห็นว่าทั้งสองท่านกลับมา"แล้วนี่ คุณหนูล่ะ" คนเป็นพ่อถามหาลูกสาวเมื่อไม่เห็น"คุณหนูให้แก้วเตรียมยามาให้เมื่อตอนกลางวัน และยังไม่เห็นออกมาจากห้องเลยค่ะ สงสัยว่าจะไม่สบาย""ไม่สบายเหรอ" ประโยคนี้กองทัพเป็นคนพูด แต่พอเห็นพ่อเธอหันมามองเขาก็เลยเงียบไป"ได้นอนพักหน่อยก็คงจะดีขึ้น เราทานข้าวกันเถอะ""ครับ" สายตาแอบมองไปที่ห้องเล็กน้อย เพราะห้องนอนก็อยู่ใกล้กันนี่เอง"พรุ่งนี้จะมีผู
"ดูผู้กองจะขยันจังเลยนะ" เรวทัตกลับมาถึงก็เห็นว่าผู้กองฉลามกำลังจัดการกับต้นไม้ใบหญ้ารอบบ้านพัก"ท่านกลับมาแล้วหรือครับ" ผู้กองฉลามวางอุปกรณ์ที่กำลังทำงานอยู่แล้วลุกขึ้นทำความเคารพ"ถูกทำโทษอะไรล่ะเรา" ทหารด้วยกันมองออก"ไม่ทราบเหมือนกันครับ""หึ..ถือว่ายืดเส้นยืดสาย""ครับผม""คุณพ่อกลับมาแล้วเหรอคะ" มโนราห์ยังไม่เข้าไปในห้อง เพราะเขาอยู่ในนั้น พอได้ยินเสียงพ่อก็รีบเดินออกมา"กลับมาแล้ว""คุณพ่อคะ""มีอะไร""คุณพ่อช่วยสั่งผู้กองฉลามหยุดหน่อยได้ไหมคะ" มโนราห์ออกมาบอกให้ฉลามหยุดครั้งหนึ่งแล้ว เพราะเธอคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ฉลามถูกทำโทษ แต่ไม่ได้ไปขอร้องคนที่สั่ง"พ่อสั่งหยุดไม่ได้หรอก ต้องให้คนที่สั่งลงโทษ""คุณพ่อใหญ่กว่านี่คะ""ใหญ่กว่าก็สั่งไม่ได้"ในเมื่อช่วยผู้กองฉลามไม่ได้ หญิงสาวก็เลยไปทำความสะอาดช่วย"คุณกำลังจะทำอะไร" ฉลามตกใจอยู่ดีๆ เธอก็เดินมาหอบหญ้าที่เขากองไว้"ช่วยคุณทำจะได้เสร็จเร็วๆ""ไม่ต้องหรอกครับผมทำเองได้""ฉันจะช่วย" ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินไปถือกรรไกรตัดกิ่งไม้ แล้วก็ช่วยผู้กองฉลามทำงาน"อุ๊ย?" ฉลามมองมโนราห์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปกำลังจะจับจอบเพื่อจัดการกับหญ้า
เช้าวันต่อมา.. หญิงสาวตื่นขึ้นมาก็รีบมองดูว่าเมื่อคืนนี้เขากลับมาไหม แต่ก็ไม่เห็นใครนอนอยู่ข้างๆเมื่อคืนเขาไม่ได้กลับมาเหรอ? คนตัวเล็กรีบดันกายลุกขึ้นจากเตียงนอน แต่ขณะที่จะลุกขึ้นมือข้างเจ็บไปโดนเข้ากับที่นอน"หือ??" ใครมาทำแผลให้เรา? แผลพุพองเมื่อวาน ตอนนี้มีผ้าพันแผลปิดอยู่ แถมข้างๆ ก็มียาล้างแผลและยาแก้อักเสบ "คุณพ่อหรือเปล่า?" ในหัวของเธอไม่คิดถึงเขาเลย มโนราห์คิดว่าแก้วใจคงเอายามาให้พ่อ แล้วพ่อเห็นว่าเธอนอนหลับอยู่ก็เลยทำให้ ส่วนเขาน่ะหรือ ออกไปเที่ยวป่านนี้ยังไม่กลับมาเลยมั้งได้ทำแผลและได้ทานยาก่อนนอน ตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้นมากคนตัวเล็กลุกเดินไปเปิดดูหน้าต่าง มองออกไปด้านนอก ชีวิตเธอมีครบทุกอย่าง แต่ทำไมดูเหมือนไม่มีใครเลย มีทั้งพ่อ แม่ พี่ แถมยังมีสามีแล้วด้วย แต่ความรู้สึกของเธอทำไมดูว้าเหว่เหมือนไม่มีใครคิดถึงครอบครัวก็พลอยทำให้คิดถึงวันเกิด มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แม่อวยพรวันเกิดให้ ทีแรกคิดว่าท่านอวยพรด้วยใจที่รักลูก แต่ที่ไหนได้หวังผลจากวันเกิดของลูกสาวชัดๆ เพราะวันนั้นแม่ให้มโนราห์โทรไปหาพ่อบอกว่าเป็นวันเกิด อยากให้พ่อมาหาสายๆ ของวันเดียวกัน..ทานข้าวเสร็จหญิงสาวก็ออกมาเดิน
เหมือนถูกลากมาตบกลางสี่แยกยังไงยังงั้นเลย ที่ได้ยินพวกผู้หญิงพูดถึงสามีตัวเอง"ได้ยินผู้พันบอกว่า วันนี้จะร้องเพลงช่วงเปิดงาน""อ้าว ไม่ร้องตอนปิดงานอีกแล้วเหรอ" เพราะกองทัพเลือกร้องเพลงตอนปิดงานมาหลายปีแล้ว ที่เขาร้องช่วงปิดงานจะได้มีคนอยู่ร่วมงานจนถึงช่วงสุดท้าย"เห็นบอกแบบนั้น""แหมนอกจากให้ติดรถมาแล้ว ยังบอกเรื่องจัดงานอีกนะ" ไม่มีใครไม่รู้ว่ากองทัพแต่งงานและภรรยาก็คลอดลูกเดือนที่แล้ว แต่อย่างที่รู้กันอยู่ว่าคนที่ทำอาชีพนี้ส่วนมากจะเจ้าชู้ มีหลายคนเลยแหละที่มีบ้านเล็กบ้านน้อย ยิ่งระดับลูกชายของคนใหญ่คนโตแล้วด้วย ผู้หญิงพวกนั้นก็เลยอยากไต่เต้าสบายทางลัด ยิ่งถ้าคว้าใจผู้ชายมาได้ถึงกับยอมเลิกกับบ้านใหญ่ก็เคยมีความรู้สึกของมโนราห์ตอนนี้เริ่มไม่ไหวแล้ว จนเกิดอาการคัดเต้า โชคดีที่ใส่ที่ซับน้ำนมมาด้วย แต่ถ้ามันไหลเยอะก็คงเอาไม่อยู่เพียงไม่นานเสียงดนตรีก็ดังขึ้น หลายคนที่ร่วมงานต่างก็หันไปที่เวที และหลายคนก็พูดกันว่า ทำไมผู้พันกองทัพถึงได้ร้องเพลงช่วงเปิดเวที เพราะทุกครั้งผู้พันจะร้องตอนปิด ..นั่นแสดงว่าคนในงานยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ผู้หญิงคนนี้คงสำคัญกับเขามากจริงแหละ ถึงได้รู้ว่าเขาจ
"ฉันขอชุดที่รัดกุมหน่อยนะคะ..แต่..เออ..""แต่อะไรคะ" ช่างที่กำลังเลือกแบบชุดให้ถามลูกค้า เมื่อเห็นอีกฝ่ายเหมือนไม่กล้าพูด"ขอแบบที่สามารถปั๊มนมให้ลูกได้ด้วย" ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะไปหรอก แต่อะไรมันก็ไม่แน่นอน เธอก็เลยขอชุดแบบนั้นไว้ เพราะถ้าน้ำนมมาต้องรีบปั๊มออก ไม่งั้นคัดเต้าทำให้ปวดมากบางครั้งเกิดการอักเสบเลย"ชุดแบบนั้นทางร้านเราไม่ได้ทำไว้ค่ะ แต่เราคิดว่า ผ้าคลุมไหล่สามารถปกปิดได้"ขณะที่คุยกันไม่มีคนในบ้านอยู่ใกล้เธอก็เลยกล้าพูดพอรู้แล้วว่าลูกค้าต้องการแบบไหนทางร้านก็รีบจัดการให้ ส่วนมโนราห์ก็เริ่มทำการเสริมสวยต่อขณะที่ทำผมอยู่ได้ยินเสียงลูกชายงอแง เธอก็ให้ช่างหยุดก่อน เพื่อไปดูว่าลูกเป็นอะไร แต่พอเห็นว่าลูกอยากเข้าเต้ามโนราห์ก็เลยจัดให้ก่อนจนแกนอนหลับเธอถึงได้กลับมาทำสวยต่อ ชีวิตแม่ลูกอ่อนถ้าใครไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้หรอกบ่ายคล้อยวันเดียวกัน.."พ่อโทรมาบอกว่าให้แม่เข้างานเร็วหน่อย""คุณแม่ก็ไปสิคะ""แม่ว่าจะรอรับเราไปด้วยกัน""ไม่ต้องรอหรอกค่ะ โมนายังไม่รู้เลยว่าจะไปไหม""ถ้างั้นแม่รอเราที่งานนะ" พอแต่งตัวเสร็จพุดตาลก็ให้คนรถพาไป เพราะไม่อยากให้ท่านนายพลต้องกลับมารับอีกเวลาเดียวก
ลืมเลยอีกแค่ไม่กี่วันก็ถึงวันงาน พอคิดถึงเรื่องเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นเขากับเธอยังไม่ได้รักกัน"หึ.." พอคิดถึงตอนที่กระโปรงเธอขาดก็นึกขำขึ้นมา และตอนที่เธอคิดว่าเขาร้องเพลงให้ผู้หญิงคนอื่น แต่ไม่ใช่เลย ตอนที่ร้องเพลงนั้น เขากลับคิดถึงหน้าเธอต่างหาก"ยิ้มอะไรครับผู้พัน""ยังจะเดินตามมาอีก ไม่ทำงานหรือไง""ทำสิครับ แต่ผู้พันลืมแล้วเหรอว่าที่ทำงานเราไปทางเดียวกัน" ตอนที่เป็นผู้กองอยู่เขาสังกัดหน่วยงานเดียวกับกองทัพ แต่พอเลื่อนขั้นเป็นผู้พัน ฉลามต้องเข้ารับงานใหม่ "แล้วตกลงที่ยิ้ม..ให้สาวที่นั่งรถมาด้วย..หรือคนที่อยู่บ้านครับ""ไอ้ฉลามมึงจะหางานให้กูไปถึงไหนวะ กูก็ต้องคิดถึงเมียกูสิ""ครับคิดถึงเมีย""ไอ้นี่พูดเหมือนไม่เชื่อ"สองวันต่อมา.. วันนี้เริ่มประชุมเรื่องที่จะจัดงานประจำปี ใครรับหน้าที่ส่วนไหนก็ต้องเริ่มจัดการส่วนที่ตัวเองได้รับในแต่ละหมู่เหล่าต้องร่วมแรงร่วมใจ เพราะงานประจำปีไม่ได้จัดขึ้นแค่เป็นงานเลี้ยง แต่เป็นงานที่ทำให้ในหน่วยงานรักและสามัคคีกันที่คฤหาสน์พลเอกเกษมราษฎร์"โมนาไม่รู้ว่าพ่อจะมา" เพราะพ่อเพิ่งมาตอนที่เธอคลอดลูกนี่เอง และวันนี้พ่อก็มาอีกครั้ง"สามีเราไม่บอกเหรอ ว่
"คุณอยากได้อะไรครับ ทำไมไม่เรียกผมเดี๋ยวผมหยิบให้" ฉลามรีบเดินกลับมาที่บ้าน"ฉันเรียกแล้วค่ะ แต่คุณมัวมองสาวๆ พวกนั้นอยู่""อุ๊ย.. เปล่ามองสักหน่อย""ตาฉันไม่ได้บอด""แก้วใจครับ อย่างอนนะ มันไม่ดีต่อ..""คุณไม่อยากให้ฉันงอนก็อย่าทำสิคะ""ผมแค่..""แค่อะไรคะ""แค่มองนิดเดียวเอง""แต่ที่ฉันเห็นไม่นิดแล้วนะ"กูจะถึงกับตายไหมวะ ..ฉลามรีบเดินตามแก้วใจเขาไปในบ้าน ในใจก็แอบหวั่นๆ"อย่าเดินเร็วสิครับเดี๋ยวสะดุดล้ม""ไม่ต้องตามมานะ""ผมสัญญาว่าจะไม่มองผู้หญิงคนอื่นแบบนี้อีกแล้ว"แก้วใจหยุดแล้วก็หันกลับมา แต่ฉลามที่ตามมาด้านหลังเกือบหยุดไม่ทัน"จะหยุดทำไมไม่บอกผมล่ะ""ไม่ต้องมาใกล้ฉันเลยนะ" หญิงสาวผลักสามีให้ออกห่าง "ใช่สิท้องฉันโตขนาดนี้ ก็เลยไม่น่ามองเหมือนผู้หญิงพวกนั้นใช่ไหม""ใครบอกคุณไม่น่ามอง แก้วใจของผมน่ารักที่สุดในโลก""คนปากไม่ตรงกับใจ ฉันจะกลับไปหายาย""ไม่ให้กลับ""ฉันจะกลับไปคลอดลูกกับยาย""ที่นั่นอยู่ห่างไกล เวลาคลอดก็ลำบาก เอาแบบนี้แล้วกันใกล้คลอดผมจะไปรับคุณยายมาอยู่ด้วย""จริงเหรอคะ" จากที่งอนอยู่เมื่อสักครู่ก็มีรอยยิ้มขึ้นมา ฉลามถึงกับหายใจโล่ง ดีนะที่ยังมียาย ไม่งั้นคืนนี้ต้
ญาณินกัดฟันไว้ไม่กล้าส่งเสียงคราง เพราะลูกชายเพิ่งจะนอนลงมือเรียวยื่นลงไปจับศีรษะของคนที่เมามันอยู่กับการใช้ลิ้น แทนที่จะยกศีรษะของเขาขึ้นแต่ดันกดมันลงแบบลืมตัวชายหนุ่มยิ่งได้ใจเพิ่มจังหวะความเร็วของลิ้นอีกระดับหนึ่ง จนสะโพกงามเกร็งกระตุกเขาถึงได้หยุด แล้วค่อยๆ ขยับขึ้นมา เพราะจะปล่อยให้เธอเสร็จก่อนไม่ได้สิ่งแรกที่ศิลาทำเมื่อโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มนั้นคือมองไปดูลูกชาย ว่าเขาหลับหรือยัง แต่พอเห็นลูกยังดิ้นอยู่ เขาก็ค่อยๆ เอนตัวลงอีกฝั่งหนึ่งของเธอแต่ชายหนุ่มไม่ได้ปล่อย เขายังคงลูบคลำเนินอวบนูนของเธอเพื่อไม่ให้อารมณ์อีกฝ่ายหยุดลง"อือ..คุณ.."ศิลาไม่สนใจที่เธอห้าม แถมยังส่ายหน้าบอกเล็กน้อย เพื่อให้เธอรู้ว่าถึงยังไงเขาก็ไม่หยุด รอให้ลูกหลับสนิทก่อนเถอะ จะจัดการเธอให้สมกับความคิดถึง"อื้อ" พอนิ้วนั้นจมหายเข้าไปในร่อง หญิงสาวกลั้นเสียงไว้ไม่ได้อีก แต่เธอก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมาแรง "อ่ะ อ่ะ" อารมณ์ของเธอเริ่มควบคุมไม่ได้เมื่อนิ้วนั้นขยับเร็วขึ้น"หือ" ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยเมื่อถูกมือเรียวลูบคลำที่เป้ากางเกง ยิ่งเธอเป็นคนรูดซิปเองด้วยแล้วเขายิ่งพอใจมากแต่เธอทำแค่นั้นแล้วก็หยุด เพราะเริ่มรู้ส
วันต่อมา..หลังการประชุมใหญ่จบลงพอออกมาจากห้องประชุม ตำรวจก็มารอรับตัวคนที่ทำผิดกฎหมาย หัวหน้าขบวนการที่ทำผิดกฎหมายในครั้งนี้ก็คือเอกมัย สิ่งที่ทำผิดคือสอดไส้สิ่งผิดกฎหมาย ไปกับสินค้าที่ส่งออก ซึ่งถ้ามีเส้นสายทางด้านนี้การตรวจสอบก็จะไม่เข้มงวด หรือถ้าเจอก็แค่ใช้เงินยัด"คุณคิดเหรอว่า ทำแบบนี้บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบ" ก่อนที่จะถูกนำตัวไป เอกมัยยังหันมาพูดข่มขู่ศักดินามองตามหลังเอกมัยที่ถูกกุมตัวไปแล้ว มันไม่เหมือนสิ่งที่คิดไว้ พอถึงเวลาจริงๆ ทุกอย่างโล่งมาก ไม่หนักอึ้งเหมือนตอนที่แบกไว้กับตัวเลยศักดินาปล่อยให้หน่วยตรวจสอบของรัฐบาลเข้ามาตรวจสอบบริษัท แล้วแต่การพินิจของเจ้าหน้าที่ ถ้าจะสั่งให้ปิดศักดินาก็ยอม เพราะเหนื่อยมากแล้ว"ผมจะช่วยพูดกับคุณพ่อให้อีกแรงครับ" กองทัพเห็นว่าท่านมีท่าทางที่คิดหนัก"อย่าลำบากท่านนายพลอีกเลย ปล่อยไปตามยถากรรมเถอะ""ขอบใจมึงมากนะเพื่อน" ศิลารู้ดีว่าพ่อรักบริษัทนี้มาก "ก็เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนมีไว้ทำไมถ้าไม่ช่วยเพื่อน""ท่านคะ" เสียงนี้ดังแว่วเข้ามาผ่านฝูงชนที่มุงดูเหตุการณ์ศิลาหันไปมองพ่อว่าท่านมีท่าทียังไงเมื่อเจอ ขวัญชนก ซึ่งตอนนี้ท่านได้เซ็นใบหย่า
>>{"เมียพี่ไม่สบายเหรอ""} {"จะว่าไม่สบายก็ไม่เชิงหรอกพี่ พี่สะใภ้กินอะไรไม่ค่อยลง แถมบอกว่าอาหารเหม็น"}>>{"กินอะไรไม่ค่อยลงอาหารเหม็น? เราเอาอาหารค้างคืนมาให้พี่เขากินเหรอ"} {"เปล่าสักหน่อย อาหารเพิ่งจะตักออกมาจากกระทะร้อนๆ"}"เมื่อกี้มึงว่าอะไร ใครเหม็นอาหาร" กองทัพที่นั่งฟังอยู่ว่าศิลากำลังคุยเรื่องอะไร อดที่จะถามไม่ได้"ก็เมียกูน่ะสิ สงสัยจะไม่สบาย" ศิลาก็เลยวางสายไปจากน้องสาวก่อน"อาการเป็นยังไงบอกมาซิ""น้องสาวกูบอกว่ากินข้าวไม่ค่อยลง ตั้งแต่วันก่อนแล้ว" เพราะพวกเขาออกมาจากบ้านก็สามวันเข้าไปแล้ว"อาการแบบนี้เหมือนเมียกูเลย""เมียมึงก็เป็นเหรอ""เป็นสิ เป็นตอนมีตาทัพไท""อะไรนะ?""เมียไอ้ศิลาท้องเหรอ?" ซันเดย์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยกันพูดขึ้นมาบ้าง"กูจะไปรู้กับเมียมันเหรอ กูแค่บอกอาการตอนที่เมียกูท้อง""กูกลับบ้านก่อนได้ไหม" ศิลานั่งไม่ติดที่เลยทีนี้ ถ้าหายตัวกลับตอนนี้ได้เขาคงทำไปแล้ว"มึงจะบ้าเหรอ พรุ่งนี้ประชุมสำคัญ""พวกมึงก็จัดการกันไปเองสิวะ""อ้าวไอ้นี่! นี่บริษัทพ่อมึงนะ"ศิลาหยิบโทรศัพท์แล้วเดินไปอีกมุมหนึ่ง เพื่อโทรหาเธอ>>{"พ่อครับ"} โทรเข้าเครื่องของแม่ ลูกก็รับอีกอ
"พ่อขอโทษที่ส่งคนตามลูกกับเมียลูก แต่พ่อไม่ได้หวังร้ายเลย""ถึงพ่อไม่ได้หวังร้าย แต่คนที่ถูกตามรู้ไหมว่าเขาหวาดกลัว ผู้หญิงและเด็กแถมยังมีคนแก่ที่พิการ""พ่อคิดถึงหลาน" ศักดินาไม่ปล่อยให้ลูกต่อว่าไปเยอะกว่านี้แล้ว"อะไรนะครับ?""พ่อคิดถึงเทวิน""ผมไม่เชื่อ""ลูกก็รู้ว่าพ่อแสดงความรักออกมาไม่เก่ง""แล้วทำไมหลานถึงบอกว่ากลัวคุณปู่ล่ะ""คงเห็นพ่อขู่แม่แกมั้ง แต่ที่พ่อทำไปเพราะอยากกดดันให้เธอพาแกกลับมาที่บ้าน""พอเถอะศิลา" กองทัพคิดว่าศิลาคงเข้าใจพ่อผิดแล้ว คงเหมือนที่ท่านพูดว่าท่านแสดงความรักออกมาไม่ค่อยเป็น "เรามาหาทางคิดแผนต่อไปกันดีกว่า" นี่แหละที่ทุกคนไม่เข้าไปคุยเรื่องนี้ที่บ้าน เพราะหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง"พ่อต้องขอบใจเราอีกครั้งนะกองทัพ รวมถึงนายด้วย" ศักดินาหันไปหาลูกเขย"ผมหรือครับ" ซันเดย์คิดว่าตัวเองยังไม่ได้ทำอะไรเลย"ขอบใจที่ดูแลริศา" นี่แหละอีกเหตุผลหนึ่งที่ท่านอยากให้สาริศาแต่งงานกับเสี่ยเคน เพราะเสี่ยเคนพอมีอำนาจที่จะมาช่วยเรื่องนี้ได้ ตอนนั้นท่านมองไม่เห็นใครแล้วจริงๆ"ผมปรึกษากับพ่อแล้วครับ ท่านบอกว่าจะช่วยเรื่องนี้""ท่านบอกอย่างนั้นเหรอ" คนที่ถามก็คือศิลา เพราะเขาเริ
ใช้เวลาขับรถอยู่ร่วมสามชั่วโมง ก็ได้มาถึงจุดหมายปลายทาง เพราะถนนช่วงนี้โล่งมาก"พ่อมึงมีญาณทิพย์เหรอวะ" ยังไม่ลงจากรถเลยด้วยซ้ำ ศักดินาก็เดินออกมาต้อนรับลูกและเพื่อนๆ ของลูก"ดูอบอุ่นดีนี่" ศักดินาเอ่ยทักทายคนที่เพิ่งลงมาจากรถ เพราะลูกชายไม่ได้มาแค่คนเดียว"สวัสดีครับ" เพื่อนทั้งสองยกมือไหว้ ถึงยังไงท่านก็เป็นพ่อของเพื่อนรัก แถมยังเป็นพ่อตาของซันเดย์ด้วย"ยินดีต้อนรับ ชวนเพื่อนเข้ามาข้างในสิลูก" ศักดินาเอ่ยพูดด้วยท่าทางสุขุมนุ่มลึกดูไม่มีพิษไม่มีภัยทั้งสามก็เลยเดินตามเข้าไปในบ้าน"น้ำค่ะ" ก้นยังไม่ถึงโซฟาเลยด้วยซ้ำ ขวัญชนกก็ยกน้ำมาบริการแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจน้ำเลย ขวัญชนกก็เลยนั่งลงข้างๆ คนที่เป็นสามี แต่สายตานั้นมองดูหนุ่มๆ ด้วยแววตาหวานหยดย้อย"ผมจะคุยธุระ คุณมีอะไรทำก็ไปทำ" ศักดินาพูดพร้อมกับมองดูคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เล็กน้อย"ท่านคะ""บอกว่าจะคุยธุระไง"ก่อนที่ขวัญชนกจะออกจากห้องนั้น สายตาได้มองไปที่ลูกน้องของท่านแบบรู้กันแค่สองคน"เราตัดสินใจแล้วใช่ไหมว่าจะมารับช่วงต่อจากพ่อ""ผมไม่ชอบงานบริษัท""ถึงไม่ชอบแกก็ต้องได้มารับช่วงต่อ เพราะแกคือลูกชายคนเดียวของฉัน""พ่อก็ยังแข็งแรง