“แม่! ลูกชิ้นปิ้งของพี่ที่ทำงานฝันสั่งเอาไว้เสร็จหรือยัง”
รุ่งเช้าของอีกวันเหมือนฝันแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปในห้องครัวซึ่งมีอนุชกำลังยืนเสียบลูกชิ้นสำหรับเตรียมขายเย็นนี้
“เสร็จแล้ว แม่แยกเป็นชุดวางไว้บนโต๊ะกับข้าวนั่นไง”
“แล้วแม่ปิ้งเผื่อฝันไหม” เหมือนฝันเดินเข้าไปโอบกอดเอาคางเกยไหล่ออดอ้อนคนเป็นแม่ราวกับเป็นเด็กน้อย
อนุชวางไม้เสียบลูกชิ้นในมือแล้วหันกลับมา “เผื่อสิ แม่รู้ว่าแกต้องถามหาอยู่แล้วก็เลยปิ้งไส้กรอกลมควันกับเอ็นหมูไว้ให้“
”แล้วกินทุกวันไม่เบื่อหรือไง” เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“จะเบื่อได้ยังไงน้ำจิ้มของแม่อร่อยขนาดนี้ งั้นฝันไปทำงานก่อนนะ”พูดจบร่างอวบก็ก้มลงไปหอมแก้มแม่ซ้ายขวาก่อนจะเหลือบไปเห็นทอรุ้งเดินลงมาจากด้านบนพอดี
“พี่ฝัน รุ้งขอติดรถไปลงหน้าปากซอยหน่อยสิ” ยกมือป้องปากหาวขณะเอ่ยพูดกับคนเป็นลูกผู้พี่
“อือ ได้ดิ แล้วนั้นใต้ตาคล้ำเชียว ช่วงนี้นอนดึกบ่อยทำอะไรไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน”
“อ่านหนังสือเตรียมสอบค่ะ”เหมือนฝันย่นคิ้วเข้าหากัน
“สอบ? สอบอะไร? แกเพิ่งเปิดเทอมได้อาทิตย์เดียวเอง”
“สอบ TOPIKภาษาเกาหลีค่ะ” ทอรุ้งเขยิบเข้าไปกระซิบข้างหู เหมือนฝันเพื่อให้ได้ยินกันสองคนแล้วพูดต่อ
“หนูจะสอบชิงทุนไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เกาหลีก็เลยต้องเตรียมตัวเรื่องภาษา”
“จริงเหรอ!” เหมือนฝันอุทานเสียงดัง ทอรุ้งตีแขนไว้แทบไม่ทัน
“เบาๆ สิ พี่ฝันเดี๋ยวป้านุชได้ยิน” ทั้งพูดทั้งรีบจูงแขนพี่สาวออกมาจากตัวบ้าน
“ทำไมต้องกลัวแม่ได้ยินด้วย”
หญิงสาวมองหน้าทอรุ้งสลับกลับมองเข้าไปในบ้านแล้วได้ยินเสียงถอนหายใจของทอรุ้งด้วยความโล่งใจ
ก่อนหน้านี้ทอรุ้งเคยบอกกับอนุชว่าอยากชิงทุนไปเรียนต่อที่ประเทศเกาหลีเพราะเป็นทุนเรียนฟรี มีหอพักและเงินรายเดือนเป็นค่าครองชีพให้อีกด้วย เธอคิดว่าอย่างน้อยจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระพี่เหมือนฝันบ้าง
คำตอบที่ได้กลับมาคือป้าอนุชโมโหไม่ยอมให้พร้อมกับย้อนถามว่าอยากไปตายแบบแม่เธอหรือไง ถึงต้องไปเรียนที่นั้น มันเป็นประโยคที่ทำเอาจุกอยู่ไม่น้อยการที่แม่เธอต้องไปหาเงินและถูกทำร้ายจนเสียชีวิตประเทศนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผู้คนจะเป็นเหมือนกันหมด
...เธอแค่อยากเปิดโอกาสให้กับตัวเองบ้าง
“รุ้งไม่อยากให้ป้าคิดมาก” ใบหน้างามหม่นลง เหมือนฝันได้แต่ยกมือตบไหล่เบา ๆ
“ไม่ต้องคิดมากนะ เดี๋ยวพี่คุยเรื่องนี้กับแม่ให้ แกเองก็ตั้งใจทำให้สำเร็จก็พอ”
พี่ฝันก็ยังคงเป็นพี่สาวที่แสนดีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยังคอยให้กำลังใจอยู่เสมอ หากผิดพลาดก็แค่เตือนและให้จำเป็นบทเรียนเพื่อเริ่มต้นใหม่
หลังจากแวะส่งทอรุ้งเสร็จแล้วเหมือนฝันก็รีบบึ่งรถมายังบริษัททันทีจอดรถเข้าซองเรียบร้อยก็รีบหอบหิ้วชุดลูกชิ้นปิ้งออกจากใต้เบาะมิวายแวะเอาชุดพิเศษฝากลุงยามด้วย
“ขอบใจนะหนูฝันวันนี้มาเร็วผิดปกตินะ”
“รีบค่ะ พวกพี่เขาอยากกินลูกชิ้นแทนข้าวเช้า”
เธอพลายยิ้มออกมาแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นด้านข้างของผู้ชายคนหนึ่ง เธอหรี่ตามองครู่หนึ่งเพราะเห็นไม่ชัดแต่รู้สึกคุ้นตาเหลือเกิน
“ลุง ฝันไปก่อนนะ” บอกได้แค่นั้นก็รีบหอบหิ้วถุงวิ่งตามเข้าไปในอาคารตรงหน้าลิฟต์
“เดี๋ยวค่ะ รอด้วย”
เธอตะโกนบอกผู้ชายคนนั้นซึ่งอยู่ในลิฟต์ เสียงร้องดังลั่นนั้นทำให้วายุรีบเอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดประตูลิฟต์ทันทีเพื่อแสดงความมีน้ำใจ
ผู้หญิงร่างอวบผมยาวถึงกลางหลัง คิ้วเข้มรับกับสันจมูกเล็ก ปากอิ่มทรงกระจับไม่รู้ว่าศัลยกรรมมาหรือเปล่า ดวงตากลม แพขนตางามงอนรวมๆ แล้วสวยกว่าผู้หญิงผอมบางคนเสียอีก
ทว่าเพ่งพิศใบหน้านี้แล้วเหมือนเขาเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก แต่แปลกยิ่งกว่าที่เธอเอาแต่ยืนจ้องหน้าเขาไม่ยอมก้าวเข้ามาด้านในลิฟต์เสียที
“ไม่ทราบว่าคุณจะเข้ามาได้หรือยังครับ”
เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่เนื้อประโยคติดเหน็บแนมอยู่เล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเธอมัวชักช้าไม่ยอมเข้ามาสักที ทำให้คนอื่นต้องเสียเวลา
“ขะ...เข้าค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ”
เท้าอวบก้าวเข้าลิฟต์อย่างไวพลางเหลือบมองชายหนุ่มคนนี้เป็นระยะ ก้อนเนื้อหัวใจเธอแทบออกมาเต้นอยู่นอกหน้าอก มิน่าล่ะ เมื่อกี้เห็นแค่ด้านข้างเธอถึงรู้สึกคุ้นหน้าเขานัก
เจอกันอีกครั้งแล้วนะ...พี่ลม
ช่วงเวลาแห่งความสุขมีแค่30วินาทีเท่านั้นเมื่อเสียงลิฟต์แจ้งเตือนว่าถึงชั้นที่เธอกดแล้ว เหลือบมองหมายเลขชั้นก็เห็นว่าพี่ลมของเธอกดไปยังชั้นบนสุดของตัวอาคาร
เหมือนฝันก้าวเท้าออกอย่างอ้อยอิ่งอยากหันไปทักทายว่าจำเธอได้ไหมก็กลัวจะหน้าแตกหากถูกถามกลับว่า ‘คุณเป็นใคร’
ถ้าพี่เขาจำได้ก็คงทักเธอตั้งแต่แรกเห็นแล้วคงไม่ใช้คำพูดเหน็บแนมอย่างนั้นหรอก หากพี่ลมจำไม่ได้ก็คงไม่แปลกเพราะเคยเจอกันครั้งเดียวตอนงานแต่งของพี่เหมือนฟ้าและดูเขาเองก็ไม่ได้สนใจหรืออยากรู้จักเธอเสีย
ด้วยซ้ำ
ครั้งนั้นที่เธอเจอเขาก็ตกหลุมรักทันที เป็นผู้ชายตรงสเปกทุกอย่าง ใบหน้าหล่อมีเสน่ห์ชวนเหลียวหลังมอง ไม่ว่าจะดวงตา ปากหรือจมูกก็ล้วนถูกพระเจ้าบรรจงปั้น จุดเด่นบนใบหน้าของเขาคือสันกรามที่เด่นชัด
เหมือนฝันจดจำใบหน้าเขาได้เป็นอย่างดีเพราะมักมองรูปภาพที่แอบถ่ายเอาไว้ตั้งแต่วันนั้นในสมาร์ตโฟนทุกวัน เธอเฝ้าคิดว่าสักวันต้องได้เจอพี่เขาอีกครั้งเพราะรู้ว่าพี่ลมเป็นเพื่อนสนิทของพี่ตรีวิทย์
หลังจากงานแต่งพี่ฟ้าเธอมารู้ว่าพี่ลมไปเรียนต่อต่างประเทศไม่รู้ว่าจะกลับเมื่อไร หญิงสาวจึงคิดว่าตัวเองคงได้กินแห้วตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่ม
ทว่าวันนี้เขากลับมาปรากฏตัวต่อหน้านั้นก็แสดงว่าเขากลับมาแล้ว เมื่อวานที่พี่ตรีบอกว่าไปรับเพื่อนที่สนามบินก็คงหมายถึงพี่ลมสินะ
“ไอ้ฝัน เดินเหม่ออยู่นั่นแหละ ช้ามาก พวกฉันหิ้วท้องรอลูกชิ้นจากแกอยู่นะ”
เสียงของพี่สมรร้องทักทำเอาคนเจ้าเนื้อสะดุ้งจากภวังค์ก่อนจะรีบหิ้วถุงลูกชิ้นปิ้งไปแจกให้พี่ ๆ ที่สั่งกับเธอไว้เมื่อวาน แล้วย้ายตูดตัวเองไปนั่งเก้าอี้อีกตัวซึ่งอยู่ใกล้กัน
“แกยิ้มอะไร เห็นยิ้มตั้งแต่เดินออกจากลิฟต์แล้ว”
“หน้าฝันมันแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอพี่มร” หญิงสาวยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองแล้วแสดงท่าทีขวยเขินบิตตัวไปมา
“เออ แสดงออกชัดเจน แล้วก็ตอนนี้ตัวแกหมุนเป็นเกรียวแล้วเนี่ย”
พี่นิดวางลูกชิ้นในมือแล้วยิ้มน้อย ๆ ให้กับท่าทีของน้องในแผนก
ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้และหล่อนก็มั่นใจว่าสิ่งนั้นต้องเป็นความรักแน่นอน
“แกมีความรักเหรอยัยฝัน ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
ความอยากรู้ของพี่นิดาทำให้เขยิบตัวเองเข้ามาใกล้หญิงสาวมากขึ้นเพื่อเซ้าซี้ถาม
“มันก็ไม่เชิงความรักหรอกพี่ ฉันชอบเขาอยู่ฝ่ายเดียวแล้วก็ไม่ได้เจอหน้าเขามาสองปีกว่าได้แล้ว แต่เมื่อกี้ฉันเพิ่งเจอเขาในลิฟต์” พูดไปก็เขินไป
“เอ้า แล้วได้คุยกับผู้ชายคนนั้นไหม”
“ไม่ได้คุยหรอกค่ะ เขาคงจำฝันไม่ได้เพราะ...เออ...เราเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว” เหมือนฝันยิ้มเจื่อน ๆ
“ครั้งเดียวก็ช่าง แล้วเองไม่ถามหรือขอเบอร์ ขอไลน์เขาเอาไว้ติดต่อเหรอ”
“ฉันไม่กล้าอ่า ดูจากสีหน้าแล้วเหมือนเขาอารมณ์ไม่ดีหรือเป็นเพราะหน้าเขาดุแบบนั้นก็ไม่รู้”
“เอาน่า ถ้าแกเห็นเขาที่นี่ก็แสดงว่าเขาก็น่าจะทำงานที่นี่แหละ แผนกไหนเดี๋ยวพี่เป็นแม่สื่อให้ อยากให้น้องมีผัว”
พี่สมรหันไปยักไหล่กับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นซึ่งต่างก็พากันโห่แซวจนเหมือนฝันอายม้วน
...เธอเองก็ภาวนาขอให้พี่ลมทำงานที่นี่เผื่อจะได้เจอหน้ากันทุกวัน
แฟ้มเอกสารสีดำนับสิบถูกขนมากองไว้บนโต๊ะทำงานของประธานบริษัทคนใหม่ของ Wind Thai จำกัด สาวหน้าหวานผมยาวปะบ่าสวมชุดสูทกระโปรงสีดำยืนประหม่าอยู่ฝั่งตรงข้ามเลขานุการ นั้นคือตำแหน่งของเธอซึ่งถูกปรับเปลี่ยนจากแผนกบัญชีเมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่อมาเป็นผู้ช่วยของประธานบริษัทคนใหม่ ตอนได้ยินว่าเขาหน้าตาหล่อ สูงจนต้องหารูปถ่ายมาดูเธอเองก็ดีใจจนเนื้อเต้นทว่า...ตอนนี้กลับคิดผิดถนัดเพราะความหล่อมันช่างตรงกันข้ามกับบุคลิกเสียจริง รู้สึกเย็นสันหลังวาบทุกครั้งเมื่อเขาเหลือบมองมา“คุณวายุครับ นี่คุณเอนจอยเป็นเลขาฯ ที่จะมาช่วยงานคุณวายุครับ”ชินมัยเอ่ยแนะนำเลขาฯคนใหม่เพื่อทำลายบรรยากาศอึดอัดในห้องทำงานนิสัยเย็นชาแบบนี้ลำพังตัวเขาไม่เท่าไรหรอกเพราะรู้สึกชินกับมาดขรึมของคนที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสมัยเรียนมัธยมจึงรู้จักนิสัยของวายุเป็นอย่างดี“สวัสดีค่ะ คุณวายุ”เอนจอยรีบยกมือขึ้นไหว้แม้อีกฝ่ายจะมีอายุน้อยกว่าแต่ว่าตำแหน่งกลับสูงกว่าหลายเท่านัก“อืม ผมฝากงานด้วยแล้วกันนะ”พูดเสียงเรียบปราศจากรอยิ้มพลางหยิบแฟ้มเอกสารย้อนหลังของบริษัทมาเปิดดูเพื่อศึกษาอีกครั้งหลังจากก่อนหน้านี้เคยให้ชินมันถ่ายเอกสารส่งไปให
“ชั้นสามของตึกกรุงทองย่านประตูน้ำเจ้าของร่างอวบสูง160 หนัก 75 เดินอ้อยอิ่งทอดน่องสอดส่งสายตามองหาเสื้อผ้าในหุ่นทีละร้านเพื่อเลือกตัวที่เข้ากับตัวเองได้มากที่สุดดวงตากวาดมองทว่าสมองกลับคิดถึงใบหน้าของพี่ลมอยู่ตลอดเวลา เธอยังคงไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะกลายมาเป็นเจ้านายเธอได้“พี่ฝันทางนี้ ๆ ตัวนี้เหมาะกับพี่มากเลย”ทอรุ้งกวักมือเรียกไวไวทำให้ดึงสติคนเจ้าเนื้อกลับมา ฝีเท้าจึงเร่งก้าวไปยังร้านเสื้อทันทีทอรุ้งยื่นชุดเดรสซึ่งทำมาจากผ้าซีฟองสีชมพูโอรสขนาดยาวคลุมเข่ามาให้ เธอเพ่งพิศครู่หนี่งแล้วส่ายหน้าบอกว่ามันไม่เข้ากับตัวเองเพราะหน้าอกมันคว้านลึกเกินไป“พี่ว่าตัวนั้นสวยกว่า”ชี้นิ้วไปยังชุดเดรสสีแดงสดแขนยาวถึงข้อมือ ช่วงหน้าอกออกแบบให้รับกับอกอิ่ม ตรงหน้าท้องเว้านิดหน่อยเพื่อโชว์ผิวส่วนความยาวสูงขึ้นเหนือเข่าเล็กน้อย“ไหนพี่บอกว่าตรีมงานเป็นชุดราตรีไง”เด็กสาวรีบยิงทันทีอันที่จริงมันก็ได้แหละแต่เธอมองว่ามันไม่เหมาะกับพี่สักเท่าไร เหมือนฝันได้ยินอย่างนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ทว่ามันก็สวยจนต้องยมควักเงินซื้อก่อนจะเดินไปหาร้านใหม่เผื่อจะถูกใจมากกว่านี้ไม่นานปลายเท้าของเหมือนฝันก็มาหยุดยืนตรงหน้า
วายุแนะนำทุกคนด้วยท่าทีกระตือรือร้นโดยทิ้งมาดคนเย็นชาจนหมดสิ้นไม่เหมือนพี่ลมคนเดิมสักนิดวารินทร์จับสังเกตและอาการของคนเป็นพี่ชายและฟันธงในใจว่าเขาต้องมีใจให้กับผู้หญิงคนนี้แน่นอน แต่แล้วก็ต้องสรุปใหม่อีกรอบเมื่อผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเป็นเมียของพี่ตรีวิทย์เพื่อนสนิทของพี่ชายตัวเอง...แอบรักเมียเพื่อนคำนี้ไม่เกินจริง“แล้วนี่ หนูมาทานช้าวกับเจ้าตรีเหรอ” วินไทยเอ่ยถาม“เปล่าค่ะ มาทานข้าวกับน้องสาว อีกสักพักก็น่าจะมาถึง”วายุย่นคิ้วก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย“แล้วไอ้ตรีไปไหน วันนี้วันครบรอบแต่งงานของฟ้ากับมันไม่ใช่เหรอ”“ลมจำได้ด้วยเหรอ ไม่เหมือนตรีเลยจำไม่ได้ไม่พอนะ แถมยังยุ่งจนปลีกตัวมาไม่ได้อีก”หญิงสาวไหล่ตกแล้วพ่นลมหายใจออกมาด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ แทนที่คนเป็นผัวจะต้องจำได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรกลับกลายเป็นเพื่อนผัวเสียอย่างนั้นที่จำได้“ฟ้าเลยมาดินเนอร์กับน้องสาวแทนใช่ไหม”ขณะที่พูดวายุอมยิ้มน้อย ๆ ดวงตาเป็นประกาย เหมือนฟ้าพยักหน้ารับพลางสังเกตการแต่งตัวของเขาและครอบครัวเขาไปด้วยซึ่งมันดูเป็นผู้ดีต่างจากภาพลักษณ์ของวายุเมื่อก่อนอย่างลิบลับ ซึ่งดูขาดแคลนจนดูเหมือนไม่มีจะกิน ดูดีหน่อยก็แค่หน
คำว่าอิจฉาผุดขึ้นมากลางหัวใจ เธออิจฉาผู้หญิงคนนั้นที่ได้เข้าไปยึดพื้นที่หัวใจของพี่ลมไว้ได้โดยไม่ต้องออกแรงทำอะไรทว่าอีกใจก็โล่งอกที่ผู้หญิงคนนั้นมีเจ้าของไปแล้ว“อาหารไม่อร่อยเหรอหนู ลุงเห็นเขี่ยไปเขี่ยมาตั้งนานแล้ว”“เออ...อร่อยค่ะ แต่ว่าฝันยังไม่ค่อยหิวเลยทานไม่ค่อยได้”หญิงสาวรีบบอกทันควันแล้วเหลือบมองจานข้าวของวินไทยที่มีข้าวเหลือเต็มจานไม่ต่างกัน จะว่าอาหารไม่อร่อยก็ไม่น่าใช่แต่พอกวาดตามองกับข้าวบนโต๊ะเธอก็เข้าใจได้ทันทีว่ามีแต่ของเคี้ยวค่อนข้างยากเหมือนฝันยกมือเรียกเด็กเสิร์ฟในร้านมาหาแล้วก็กระซิบบอกอะไรบางอย่างเด็กเสิร์ฟพยักหน้ารับรู้หายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมถ้วยไข่ตุ๋นใบใหญ่“หนูว่าคุณลุงทานอันนี้ดีกว่านะคะ เคี้ยวง่ายด้วยจะได้ไม่ปวดฟัน”“รู้ได้ยังไงว่าลุงเคี้ยวไม่ค่อยได้”ชายแก่หันมองหน้าด้วยความแปลกใจเหมือนฝันจึงตอบรับด้วยการยิ้มน้อยๆ“จานข้าวคุณลุงกับหนูไม่ต่างกันเลยค่ะ ข้าวไม่พร่องลงสักนิด”วินไทยหัวเราะร่วนออกมาเสียงดังจนทุกคนบนโต๊ะอาหารหันมามองเป็นตาเดียว ชายแก่ไม่คิดเลยว่าเหมือนฝันจะเป็นคนช่างสังเกตขนาดลูกเขาทั้งสองคนยังไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดเสียด้วยซ้ำเหมือนฟ้าเห็นว่าพ่
ติ๊ง...เสียงลิฟต์ดังขึ้นเรียกสติของเหมือนฝันให้รู้ตัวว่าลิฟต์ตัวนี้เคลื่อนมาถึงชั้นล่างสุดของตัวอาคารแล้ว เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องวันก่อนทำให้เธอไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ในห้วงความคิดยืนอยู่ต่อหน้าแล้วปลายรองเท้าหนังสีดำทำให้เหมือนฝันเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเบิกกว้างจนเผลอล่นถอยหลังจนเกือบชนคนอื่น มือหนากระตุกแขนทีเดียวเท่านั้นรู้ตัวอีกทีใบหน้าเธอก็ซบลงบนแผงอกกว้างแล้ว“อุ้ย...ขอโทษค่ะ”“ระวังหน่อยสิ เกือบชนคนอื่นแล้วรู้ไหม”น้ำเสียงนุ่มละมุนนั้นทำเอาหัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะก่อนจะรีบขืนตัวถอยห่างหากอยู่นานกว่านี้เขาคงได้ยินแน่นอน“ค่ะ ต่อไปฝันจะระวัง” วายุยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วเอ่ยถามต่อ“เที่ยงแล้วจะไปกินข้าวเหรอ”“ค่ะ”เธอยังคงตอบรับสั้น ๆ เหมือนเคยจนเขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าจะประหยัดคำพูดอะไรนักหนา หากเป็นคนอื่นคงโอ้อวดแล้วว่ารู้จักกับประธานบริษัทเป็นการส่วนตัว แต่สำรับคนตัวกลมตรงหน้าเหมือนเธอขีดเส้นบางอย่างกั้นเอาไว้อย่างชัดเจน“งั้นออกไปกินข้าวด้วยกันไหม วันนั้นเราแทบไม่ได้คุยอะไรกันเลยนะ”พนักงานซึ่งกำลังยืนรอลิฟต์อยู่ไม่ไกลหูผึ่งขึ้นมาทันทีแล้วหันมองขวับเป็นตาเดียว เหมือนฝันรับรู้ได
“ป้าดโธ่! พี่ฝันทำไมวันนี้สวยแบบนี้เนี่ย”เมื่อเดินลงมาจากบนบ้านทอรุ้งถึงกับทักท้วงทันทีเพราะไม่เคยเห็นคนเป็นผู้พี่สวยบาดจิตแบบนี้มาก่อน ใครบอกว่าพี่ฝันไม่สวยเธอเถียงใจขาดดิ้นเลยนะ สำหรับเธอหุ่นแบบนี้มาแรงในยุคสมัยนี้จะตายจับตรงไหนก็นุ่มนิ่มไปหมด“นั่นสิ วันนี้ลูกแม่สวยเป็นพิเศษเลยนะ”อนุชเดินเข้ามาจับร่างอวบหมุนกลับไปหมุนกลับมาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ เธอต้องสวยสิเพราะอยากให้พี่ลมมองเห็นเธอในสายตาบ้าง“ขอบคุณนะคะแม่ คืนนี้ฝันไม่ได้กลับนะ งานเลี้ยงเลิกดึกคงเปิดห้องค้างที่โรงแรมเลย”“จ้า แม่รู้แล้วแกบอกแม่รอบที่สามของวันได้แล้วมั่ง แล้วนี้จะไปยังไง”“อย่าบอกนะว่าพี่ฝันจะใส่ชุดสวยแว้นมอเตอร์ไซค์ไป”ยังไม่ทันที่เหมือนฝันจะตอบคนเป็นแม่ทอรุ้งก็รีบทักท้วงขึ้นมาเมื่อเหลือบไปเห็นกุญแจรถในมือพี่สาว“เฮ้ย! ลืมตัว พี่จะไปแท็กซี่”หญิงสาวรีบยัดกุญแจรถใส่มือแม่ทันทีแล้วหัวเราะแก้เขินลิงทโมนยังแฝงร่างอยู่ไม่เกินจริงคงเป็นเพราะความเคยชินกับการเร่งรีบแล้วใช้รถสองล้อคู่ใจอยู่เป็นประจำจึงมักหยิบกุญแจรถออกมาจากบ้านทุกครั้ง“รีบไปเถอะลูก เดี๋ยวจะสายเสียก่อน”อนุชออกปากเตือนซึ่งก็ประจวบกับรถแท็กซี่ที่เธอเรียกผ่
การประกาศรางวัลจบลงวายุก้าวเท้ายาว ๆ ลงเวทีแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิมซึ่งมีเหล้าผู้บริหารระดับสูงนั่งอยู่ก่อนแล้ว“เอาล่ะครับ ได้เวลาเอาใจสาวมักม่วน พบกับนักร้องมากความสามารถที่จะเชิญทุกคนออกมาโยกย้ายส่ายสะโพกกันได้แล้วพบกับลำไย ไหทองคำ...”หลังพิธีกรประกาศชื่อนักร้องจบเสียงเฮลั่นของพนักงานก็ดังขึ้นพร้อมกัน นักร้องลูกทุ่งอินดี้สาวดังระดับประเทศขวัญใจทุกเพศ ทุกวัย กว่าจะจองคิวแสดงได้ต้องดีลกันข้ามปีเลยทีเดียว“พี่สมรออกไปเต้นกัน”เหมือนฝันไม่รอคำตอบเลือกฉุดกระชากแขนผู้มีอายุมากกว่าออกไปโยกย้ายอยู่ด้านหน้าเวทีด้วยความสนุกสนานเสียงอึกทึกของพนักงานเรียกสายตาของวายุได้เพียงชั่วครู่เท่านั้นแล้วก็กลับมาจดจ่อยังแก้วบรั่นดีอีกครั้งนาน ๆ วายุจะออกงานเลี้ยงสักทีเขาจึงไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเท่าไรอาจจะมีชนแกล้วบ้างแต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมากนักครืด...ครืด...ครืดท่ามกลางเสียงดนตรีแรงสั่นสะเทือนของสมาร์ตโฟนเครื่องสวยทำให้วายุหยิบมันออกมาดูซึ่งก็เห็นว่ามันแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันหนึ่ง เพียงแค่เห็นชื่อของเหมือนฟ้าเด้งขึ้นมาว่ากำลังโพสต์รูปถ่ายเขาก็รีบกดดูทันที[ต่อให้งอนแค่ไน โกรธแค่ไหนแค่เธอ
งกายแลกรัก(2) 1786 คำ“สรุปแล้วผมใช่ผู้ชายคนนั้นไหม”เขาถามขึ้นมาอีกครั้งทว่าอีกฝ่ายกลับเงียบแถมยังดึงรั้งคอเขาเข้าหาจากตอนแรกที่ขัดขืนกลับเป็นเต็มใจเหมือนฝันซุกใบหน้าเข้าหาอ้อมกอดเขาอย่างที่รอคอยมาตลอด เอื้อมมือไปโอบกอดแผ่นหลังกว้างของเขาแผ่วเบา“ฉันอยากเป็นของคุณ ได้โปรด” กระซิบข้างหูพลางขบเม้มติ่งหูจนร่างกำยำรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว“ผมก็อยากเป็นของคุณ แม่สาวน้อย”สิ่งที่อยู่ชั้นล่างเริ่มปวดหนึบคลื่นความร้อนพลุพล่านมาแก่นกายจนตั้งขึ้นเสียดสีกับหน้าขาเธอรับรู้ได้ถึงความแข็งขืนลำใหญ่จึงสอดเรียวมือลงไปกอบกำ“รูดมันขึ้นลงสิ”เป็นคำขอกึ่งคำสั่งทว่าเธอก็ทำตามอย่างว่าง่ายใต้เงามืดสลัวเธอรู้ว่าเขาเป็นใครแต่เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใครจนกว่าห้องกมืดมิดนี่จะสว่างขึ้นมามืออวบจับส่วนกลางลำตัวของเขารูดไปมาจนของเหลวใสค่อยๆทยอยออกมาจากปลายยอดลูกพีช อุณหภูมิในร่างกายไต่ระดับขึ้นตามแรงกระตุ้นจนรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นสมอง สัมผัสแนบชิดของร่างอวบอัดเต็มไม้เต็มมือทำให้ลุ่มหลงจนโงหัวแทบไม่ขึ้น“อืม...มันดีมากเลยที่รัก”พี่ลมเรียกเธอว่าที่รักอย่างนั้นเหรอ? มันมาจากแรงเสียวหรือเปล่านะแต่มันก็ทำให้เธออยากมีอารมณ์ร่ว
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคุณภูริจะเป็นคนอยู่เบื้องหลังแล้วก็ทุจริตบริษัทเราไปมากมายขนาดนั้น”พี่นิดารำพึงออกมา แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดแต่ก็คิดเหมือนกันเพราะภาพลักษณ์เวลาภูริอยู่ในบริษัทคือผู้ชายอบอุ่นใจดี เข้าใจหัวอกพนักงานแต่เบื้องหลังก็คือคนร้ายนี่เอง“แล้วนี่น้องฝันจะกลับมาทำงานวันไหนอ่า คิดถึงเสียงหัวเราะลั่นห้องจะแย่” พี่สมรทำหน้าเหงาหง่อย“ไม่รู้สิ ก็คุณวายุถูกยิงขนาดนั้นก็คงนานอยู่หรอก” พี่กุ๊กพูดเสริมแล้วทุกคนในแผนกก็ต่างต้องหันไปทางประตูเหมือนว่ามีใครอีกคนกำลังเปิดประตูเข้ามา“มีใครบ่นคิดถึงเหรอคะ”“น้องฝัน!” ทุกคนกรูกันเข้าไปหาแล้วจับหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจว่าน้องเล็กของทีมได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า“ฝันไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วงวันนี้เลยแวะมาทำงานช่วงเช้าแล้วก็ช่วงบ่ายจะไปโรงพยาบาลต่อคุณหมดนัดตรวจเจ้าตัวเล็กค่ะ”พูดพร้อมกับลูบหน้าท้องน้อยทุกคนต่างหันมองหน้ากันไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อได้แต่ยกมือเร้า ๆสะกิดกัน ก่อนพี่กุ๊กจะพูดขึ้นเสียงดัง“ฉันกำลังจะได้เป็นป้าของลูกท่านประธานแล้ว” ประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดีเหตุการณ์วันนั้นสร้างความอยากรู้ให้กับเพื่อนร่วมงานเหมือนฝันจึ
“กี่เดือนแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นถาม“สองเดือนค่ะ”“รู้ตอนไหนว่าท้องทำไมไม่บอกพี่เลย” น้ำเสียงนั้นมีความน้อยใจแฝงอยู่“รู้ตอนวันเกิดคุณลุงค่ะ”“ตอนที่ฝันบอกพี่ว่าไปหาหมอนะเหรอ” เหมือนฝันพยักหน้ารับงึก ๆ ทว่าคนฟังกลับมองด้วยสายตาตัดพ้อเขาไม่ได้อยู่ในวันที่รับรู้ข่าวดีว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเราแถมยังปล่อยให้ไปหาหมอเพียงลำพังอีกต่างหาก“อย่าทำสีหน้าอย่างนั้นสิคะ”“ถ้าไม่ให้ทำสีหน้าแบบนี้จะให้ทำสีหน้าแบบไหนล่ะครับ เมียไปหาหมอคนเดียวและรู้ว่าท้องก็ยังไม่บอกอีก”น้ำเสียงเริ่มขึ้นจมูกพลันน้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลออกมาง่ายๆ ยิ่งเธอปลอบเท่าไรเขาก็ร้องไห้หนักขึ้นเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อนหลังจากอยู่ดูแลคนถูกยิงจนหายดีแล้วเพราะแผลไม่ได้ถูกจุดสำคัญหมอก็ให้วายุกลับไปพักฟื้นที่บ้านและแน่นอนว่าเจ้าตัวก็คอยออดอ้อนคนเป็นเมียอยู่ร่ำไปหากใครมาเห็นคงไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือคุณวายุ“ป้ามาลีทำอะไรมาให้ผมกินครับเนี่ย ทำไมเหม็นแบบนี้” มือหนาเลื่อนถ้วยข้าวต้มออกแล้วยกมือขึ้นอังจมูก“ก็ข้าวต้มของโปรดคุณลมยังไงคะ ป้าเพิ่งยกลงจากเตาเมื่อกี้สด ๆ ร้อน ๆเลย” แม่บ้านประจำตระกูลหน้าตื่นวินไทยกับวารินทร์ก้ม
ไม่รู้ว่าสายอะไรต่อสายอะไรห้อยระโยระยางเต็มไปหมด คนถูกยิงได้แต่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง ต่อให้เหมือนฝันอยากเข้าไปหาแค่ไหนก็ทำได้แค่มองผ่านกระจกใสอันเล็กของประตูกั้นก็เท่านั้นวายุปลอดภัยแล้วแต่ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิดจึงยังต้องงดเยี่ยมไปก่อนจนกว่าจะฟื้นขึ้นมาบางคนทยอยกลับกันไปบ้างแล้วเหลือเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังคงนั่งรออยู่ที่เดิมเพราะกลัวว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงนั้น“พี่ว่าแกกลับบ้านไปพักก่อนไหม ถ้าไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่ลูกในท้องหน่อยก็ดีนะ”เหมือนฟ้าเดินเข้ามาตบไหล่น้องสาวแล้วทรุดตัวนั่งลงด้านข้าง“ฝันอยากอยู่ดูว่าเขาฟื้นแล้ว”“พี่รู้ว่าแกเป็นห่วงลม แต่แกก็ต้องห่วงตัวเองกับลูกด้วย”หญิงสาวช่างใจอยู่ครู่หนึ่งแววความกังวลผุดขึ้นในดวงตา ส่วนอีกมือก็ลูบหน้าท้องน้อยต้องเรียกว่าความโชคดีหรือเปล่านะที่เธอแทบจะไม่มีอาการแพ้ท้องเหมือนคนอื่นเลยแถมยังผ่านเรื่องเครียดมาตั้งมากมายเจ้าก้อนในท้องกลับไม่ทำให้เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด“ก็ได้ค่ะ แต่ขอฝันอยู่ดูพี่ลมอีกสักนิดก่อนได้ไหมคะ”“ตามใจ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อนจะได้ไปส่งแกด้วย แล้ววันนี้กลับไปนอนบ้านค
เหมือนฝันกุมหน้าตัวเองแน่นขึ้นพร้อมกับคิดหาทางออกแต่คิดอย่างไรก็ไม่เป็นผลในเมื่อปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ที่ขมับด้านซ้าย หากเธอตุกติกแม้แต่นิดเดียวมีหวังลูกตะกั่วได้วิ่งเข้าไปทักทายมันสมองเธอแน่นอนวายุรู้สึกหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดขณะที่หัวใจเต้นรัว ดวงตาที่สบกับเหมือนฝันนั้นมันมีอะไรบางอย่างบอกเอาไว้และเขาอ่านมันออกหญิงสาวพยักหน้าให้กับเขาเพื่อเตรียมตัวทำอะไรบางอย่างแต่เขากลับส่ายหัวให้เธออยู่เฉยๆ อย่าทำอะไรทว่ามันกลับไม่ทันเสียแล้วเหมือนฝันใช้วิชาเอาตัวรอดจากการถูกจับเป็นตัวประกันที่ได้เรียนมาเมื่อตอนเข้าชมรมสมัยมหาวิทยาลัยแล้วกระทุ้งหน้าท้องคนร้ายก่อนจะบิดแขนข้างที่มีปืนให้ยกขึ้นฟ้าความชุลมุนเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนฝันรีบวิ่งไปหาวายุ ภูริโกรธขึ้นขีดสุดเลยเล็งปืนไปยังเหมือนฝันแล้วเหนียวไกยิงทว่าคนที่รับกระสุนแทนกลับเป็นวายุ เขาใช้ตัวเองบังร่างอวบนั้นไว้แล้วทรุดตัวล้มลง“พี่ลม”หญิงสาวกรี๊ดออกมาสุดเสียงแล้วประคองร่างเลือดท่วมนั้นเอาไว้ จากนั้นเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัดจากการวิสามัญคนร้าย“พี่ลม ไม่นะ อย่าเป็นอะไรนะ ฟื้นสิ” เธอพยายามตบหน้าเขาเบา
“เฮ้ย! พวกนั้นหายไปไหน” ชายใบหน้าดุดันมีรอยบากระหว่างหัวคิ้วร้องตะโกนขึ้นสุดเสียงชายที่เหลือวิ่งหน้าตั้งเข้ามาแล้วกวาดตามองรอบบริเวณไม่เห็นแม่แต่เงาของพวกผู้หญิงที่พวกเขาจับมาเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่ ทิ้งไว้เพียงหนวดกุ้งรัดแขนเอาไว้ให้ดูต่างหน้าก็เท่านั้น“ไปตามหาตัวพวกมันสิวะ แล้วเอาตัวกลับมาให้ได้ยืนเซ่ออยู่ทำไม”ภูริตวาดลูกน้องลั่นแล้วไล่ด้วยความเดือดดาลก่อนจะวิ่งไปอีกทางเพื่อตามหาเพราะเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นก็ได้เวลานัดกับวายุแล้วบริเวณริมป่าละเมาะเหมือนฝันกึ่งเดินกึ่งวิ่งนำหน้าเพื่อมองหาลู่ทางและเข้าใกล้เขตหมู่บ้านคนเพื่อขอความช่วยเหลือทว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืดมิดเสียงวิ่งจากเบื้องหลังด้วยความเร็วพร้อมกับแสงไฟฉายสาดส่องไปมาทำให้รู้ว่าพวกมันใกล้เข้ามาถึงเต็มทีแล้ว“คุณณิ คุณน้ำ เร็วกว่านี้หน่อยค่ะ พวกมันตามมาแล้ว”เหมือนฝันเร่งสองสาวที่เดินรั้งท้ายส่วนตัวเองนั้นก็เริ่มเหนื่อยหอบเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง“เฮ้ย พวกมันอยู่นั้น หยุดนะเว้ย”ความกลัวทำให้วารินทร์สั่นไปทั้งตัววิ่งมองหลังจนไม่ทันระวังสะดุดหินล้มลงบนทางลูกรังจนข้อเท้าพลิกทำให้ลุกขึ้นเดินต่อไม่ได้ พอมอ
ทุกคนมานั่งประจำที่ตัวเองกันหมดแล้วยกเว้นเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังไม่กลับมา“ยัยฝันไปไหน ตั้งแต่แม่ยกถาดอาหารออกมายังไม่เห็นเลย”“น่าจะเอาเสื้อไปเก็บมั่งครับ แต่ก็ไปนานแล้วนะครับ” ตรีวิทย์บอกแล้วยืดคอขึ้นมองไปยังโรงจอดรถ“ถ้างั้นเดี๋ยวป้าไปตามให้นะคะ” ป้ามาลีอาสแล้วก็เดินออกไปไม่นานก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาด้วยสีหน้าตื่นในมือมีรองเท้าอยู่ข้างหนึ่งซึ่งวายุจำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นของเหมือนฝัน หัวใจเขากระตุกวูบขึ้นมาแล้วรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาเปิดกล้องวงจรปิดดูทันทีเขาขบกรามแน่นเมื่อเห็นผู้ชายตัวใหญ่สองคนกำลังหิ้วปีกร่างไร้สติออกไปจากบ้านอย่างเงียบ ๆ โดยหลบเลี่ยงสายตาจากคนทั้งบ้านโดยไม่มีใครสังเกตเห็น“ต้องเป็นฝีมือไอ้ภูริแน่นอน” วายุสบถออกมา“คนเดียวกันกับที่เคยจับฟ้าไปน่ะเหรอ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับอนุชได้ยินแบบนั้นก็เข่าอ่อนทำท่าจะเป็นลมจนเหมือนฟ้าต้องรีบพยุงและพาไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด ป้ามาลีรีบไปหายาดมมาให้ทันที“ผมพลาดเองที่ละหลวมความปลอดภัยเพราะคิดว่าคนอยู่เยอะกันขณะนี้มันคงไม่กล้าลงมือ”สองมือกำแน่นเข้าหากันเพราะรู้สึกเป็นห่วงเหมือนฝันจับใจ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นตอนแรก
“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว”คุณหมอสาวสวยในชุดกาวน์เงยหน้าขึ้นบอกด้วยรอยยิ้มหลังจากได้รับชาร์ตคนไข้จากพยาบาลเพื่อดูผลตรวจ“ท้องเหรอคะ ฉันจะท้องได้ยังไงคะ ในเมื่อฉันป้องกันด้วยการกินยาคุมตลอด” เกิดคำถามขึ้นมาในหัวมากหมาย“การกินยาคุมไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ บางครั้งหากเราทานยาร่วมกับยาปฏิชีวนะก็อาจจะทำให้ตัวยาคุมเสริมคุณภาพลง หรือในขณะมีเพศสัมพันธ์มีการกระทำซ้ำอย่างต่อเนื่องก็ไม่สามารถป้องกันได้ครอบคลุมและสุดท้ายเลยก็คือลืมทานยาอย่างต่อเนื่อง”เพียงแค่ได้ยินคำว่ากระทำซ้ำ เหมือนฝันก็หมดคำถามลงทันทีว่าทำไมถึงท้องได้ ทุกครั้งวายุไม่เคยป้องกันเลยแถมยังดุดันกินเธอซ้ำอยู่ทั้งคืนจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงในยามเช้าอีกต่างหากเสียงแจ้งผลการตั้งครรภ์ยังก้องอยู่ในหัวเลยไม่ได้ยินเสียงเรียกชื่อจากพยาบาลสาวสวยจนเธอต้องเดินมาสะกิดเหมือนฝันจึงได้สติกลับมา“เชิญคุณเหมือนฝันไปรับยาที่ช่องหมายเลขหนึ่งนะคะ”พยาบาลสาวผายมือเชิญให้เดินตามไป“อย่าลืมทานยาบำรุงและยาแก้แพ้ให้ครบตามที่หมอบอกนะคะ แล้วก็นัดครั้งต่อไปอย่าลืมพาคุณพ่อมาตรวจเลือดด้วยนะคะ”พยาบาลยื่นซองยาสีน้ำตาลพ
ท้อง!เธอยกกล่องมันขึ้นอ่านวิธีดูค่าการตั้งครรภ์ใหม่อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเธออ่านไม่ผิด แต่ความจริงก็คือความจริงเธอกำลังตั้งท้องเปลี่ยนจากความกังวลเป็นความเครียดทันทีเรี่ยวแรงที่เดินออกมาจากห้องน้ำแทบไม่มี ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองซึ่งมีก้อนเลือดอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องจะบอกเรื่องนี้กับเขาดีไหมเพราะเธอเพิ่งขอหย่ากับเขาไปเองถ้าเขารู้ว่าเรามีลูกด้วยกันเขาจะรู้สึกอย่างไร การแต่งงานเกิดขึ้นเพราะความจำเป็นและเธอก็แอบรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนฝันยังคงไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังตั้งท้องคิดว่าที่ตรวจคงมีปัญหาจึงคิดเอาไว้พรุ่งนี้จะไปตรวจที่โรงพยาบาลให้แน่ใจร่างอวบเดินเหม่อลอยมาตามทางเดินโดยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียด้วยซ้ำจึงทำให้ไม่ทันระวังเดินชนกับการันต์ตรงหน้าประตูทางเข้าแคนทีนของบริษัท“ขะ...ขอโทษค่ะ” ไม่ได้มองหน้าเสียด้วยซ้ำว่าคนถูกชนเป็นใคร“ฝันเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมถึงดูหน้าซีด ๆ”“พี่รันต์เองเหรอคะ” ขยับตัวเล็กน้อยแต่ร่างกายก็โอนเอนการันต์รีบเข้าไปพยุงแล้วประคองไปนั่งตรงม้านั่งยาวริมทางเดินก่อนจะยื่นยาดมไปให้เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวทำท่าจะเป็นลม“ไม่
ริมฟุตบาทมีร้านค้าตั้งเรียงรายเต็มสองข้างทาง เหมือนฝันทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะชะโงกมองส้มตำร้านโปรดแล้วหันกลับไปหาผู้อยู่หลังพวงมาลัย“พี่ลม จอด!”วายุเหยียบเบรกแล้วเลี้ยวรถจอดข้างทางหันไปมองคนเจ้าเนื้อที่กำลังชะโงกคอออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง“วันนี้เรากินข้าวนอกบ้านได้ไหมคะ”“อืม ได้สิ ฝันอยากกินอะไรล่ะ”“อยากกินส้มตำปูปลาร้าแซบ ๆ สักครก” แค่พูดก็น้ำลายสอมุมปากนานเท่าไรแล้วที่เธอไม่ได้กินส้มตำ“แน่ใจเหรอว่าจะกินร้านข้างทาง มันสะอาดหรือเปล่า”เขาเดินตามหลังร่างอวบที่เดินนำหน้าไปอีกทางหนึ่งหลังจากจอดรถเสร็จแล้ว“สะอาดแน่นอนค่ะ ฝันมากินร้านนี้ค่อนข้างบ่อย”วายุนั่งมองเหมือนฝันสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่วแต่ส่วนใหญ่มีแต่คงรสจัดและรสเผ็ดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ยำ หรือต้มแซบหม้อไฟ“มองอะไรคะ ไม่เคยเห็นคนกินข้าวหรือไง”ระหว่างเงยหน้าขึ้นจากการก้มลงดูดขาปูจากจานรองเธอเห็นวายุเอาแต่จ้องมองโดยไม่แตะต้องอาหารที่เธอสั่งมาเลยแม้แต่นิดเดียว“เคย แต่ไม่คิดว่าจะสั่งมาเยอะขนาดนี้ กินหมดเหรอ”“หมดสิคะ ฝันอยากกินมาหลายวันแล้ว” ทั้งพูดทั้งเคี้ยวเขาได้แต่นั่งมองด้วยความเอ็นดู