ติ๊ง...
เสียงลิฟต์ดังขึ้นเรียกสติของเหมือนฝันให้รู้ตัวว่าลิฟต์ตัวนี้เคลื่อนมาถึงชั้นล่างสุดของตัวอาคารแล้ว เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องวันก่อนทำให้เธอไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ในห้วงความคิดยืนอยู่ต่อหน้าแล้ว
ปลายรองเท้าหนังสีดำทำให้เหมือนฝันเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเบิกกว้างจนเผลอล่นถอยหลังจนเกือบชนคนอื่น มือหนากระตุกแขนทีเดียวเท่านั้นรู้ตัวอีกทีใบหน้าเธอก็ซบลงบนแผงอกกว้างแล้ว
“อุ้ย...ขอโทษค่ะ”
“ระวังหน่อยสิ เกือบชนคนอื่นแล้วรู้ไหม”
น้ำเสียงนุ่มละมุนนั้นทำเอาหัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะก่อนจะรีบขืนตัวถอยห่างหากอยู่นานกว่านี้เขาคงได้ยินแน่นอน
“ค่ะ ต่อไปฝันจะระวัง” วายุยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วเอ่ยถามต่อ
“เที่ยงแล้วจะไปกินข้าวเหรอ”
“ค่ะ”
เธอยังคงตอบรับสั้น ๆ เหมือนเคยจนเขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าจะประหยัดคำพูดอะไรนักหนา หากเป็นคนอื่นคงโอ้อวดแล้วว่ารู้จักกับประธานบริษัทเป็นการส่วนตัว แต่สำรับคนตัวกลมตรงหน้าเหมือนเธอขีดเส้นบางอย่างกั้นเอาไว้อย่างชัดเจน
“งั้นออกไปกินข้าวด้วยกันไหม วันนั้นเราแทบไม่ได้คุยอะไรกัน
เลยนะ”
พนักงานซึ่งกำลังยืนรอลิฟต์อยู่ไม่ไกลหูผึ่งขึ้นมาทันทีแล้วหันมองขวับเป็นตาเดียว เหมือนฝันรับรู้ได้ถึงแรงอยากเผือกจึงรีบปฏิเสธทันควันเธอไม่ชอบมานั่งตอบคำถามของใคร
“เออ ไม่ดีกว่าค่ะ ฝันนัดพี่ในแผนกเอาไว้แล้ว ขอตัวนะคะ”
ว่าจบเธอก็เร่งฝีเท้าออกจากตรงนั้นทันที วายุมองตามหลังแล้วได้แต่ยิ้มบาง ๆ ปกติแล้วมักจะมีผู้หญิงเข้าหาอยู่บ่อยครั้ง ไม่มีใครวิ่งหนีเขาเหมือนน้องสาวของเหมือนฟ้าสักคน
...แปลกมาก ๆ
ใบหน้าอวบร้อนผ่าวจนต้องยกมือขึ้นแตะไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่า
สีหน้านั้นแดงยิ่งกว่าลูกตำลึงสุกเสียอีก หากเป็นเป็นก่อนหน้าที่จะรู้ว่าเขาคือปรานบริษัทเธอคงคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่ลมต้องมีใจแน่นอน
วันนี้เหมือนฝันเลือกอยู่ทานอาหารในแคนทีนของบริษัทเพราะขี้เกียจเดินออกไปด้านนอก ช่วงนี้เป็นหน้าร้อนไม่ต้องถามถึงสภาพอากาศเลยร้อนยิ่งกว่าอยู่ในกระทะทองแดงเสียอีกเหมือนได้ซ้อมตกนรกยังไงไม่รู้
แคนทีนของบริษัทถือว่าใหญ่พอๆกับFood court ห้างสรรพสินค้าเลยก็ว่าได้ มีร้านอาการให้เลือกสั่งมากกว่าสิบร้าน มีโต๊ะให้นั่งเพียงพอโดยไม่ต้องยืนรอคิวให้เมื่อยและที่สำคัญมีมุมหนังสือให้อ่านซึ่งกั้นเป็นห้องกระจกติดแอร์อีกต่างหาก
หากใครง่วงนอนก็สามารถงีบหลับเพื่อเอาแรงยังได้ ดังนั้นพนักงานส่วนใหญ่จึงเลือกทานอาหารที่นี่มากว่าเดินออกไปทานด้านนอก
“ป้าพวง เอากะเพราหมูสับพริกแห้งไม่เอาไข่ดาวค่ะ”
เหมือนฝันสั่งเมนูประจำร้านเดิมซึ่งเจ้าของร้านยังเอ่ยแซวเมื่อเห็นเธอกินแต่เมนูเดิม
“กะเพราหมูสับอีกแล้ว ไม่เบื่อเหรอ ร้านป้ามีเมนูอื่นอยู่นะไม่ได้อร่อยแค่เมนูนี้อย่างเดียว”
“ก็ฝันชอบเมนูนี้นี่คะ เร็ว ๆ หน่อยนะป้าขอข้าวเยอะๆ ตอนนี้หิวจนกินช้างได้เป็นตัวแล้ว”
เธอบอกกลั้วหัวเราะแล้วเดินไปสั่งน้ำแตงโมปั่นสุดโปรดมาไว้ดื่มดับความร้อนในใจ
หลังจากได้ข้าวและน้ำมาแล้วเหมือนฝันก็เลือกเดินมานั่งโต๊ะประจำซึ่งอยู่หลังเสาค่อนข้าวลับตาคนหน่อยไม่นานพี่สมรกับพี่นิดาก็ตามมาร่วมโต๊ะและเหมือนกำลังพูดถึงพี่ลมกับใครสักคน
“ฉันเดิมพันว่าพวกเขาทั้งคู่กำลังดูใจกันอยู่ชัวร์” พี่สมรพูดขึ้นด้วยความมั่นใจแต่ก็ถูกเบรกจากพี่นิดา
“ฉันว่าไม่ใช่ ดูแล้วท่านประธานไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนั้นแต่ถ้าเป็นฝ่ายหญิงรุกก่อนเพื่อจีบอันนี้ไม่แน่” พี่นิดาเชื่อมั่นประสบการณ์ของตัวเอง
“เดี๋ยวก่อน! พวกพี่สองคนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ ฉันงงไปหมดแล้ว”
สลับตามองพี่ทั้งสองคนไปมาอยู่นานจึงพูดแทรกเพื่อถามด้วยความอยากรู้
“อย่าบอกว่าแกตกข่าวที่คนทั้งบริษัทเขารู้กันหมดอีกแล้วนะ หัดเปิดอ่านบ้างนะกลุ่มไลน์”
มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อยแล้วพยักหน้าหงึก ๆ ว่าใช่ เรียกได้ว่าไม่ติดตามความสอดรู้น่าจะดีกว่าแต่เมื่อกี้ได้ยินชื่อพี่ลมขึ้นมาต่อมเผือกเธอก็ทำงานทันที
“เมื่อกี้คนทั้งบริษัทเห็นดาราที่ชื่อกรรณิการ์ขึ้นไปหาท่านประธานไม่นานก็ออกไปด้วยกัน ผู้หญิงนี้ควงแขนตัวแนบชิดเชียว”
พี่นิดาเล่าอย่างออกรสพร้อมประกอบท่าทางให้เห็นภาพ สองมืออวบกำช้อนเข้าหากันแน่นแม้จะไม่ได้เป็นอะไรกันทว่าความหึงหวงกลับวิ่งขึ้นมาจุกอกจนแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน
“เขาไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ คุณณิเป็นแค่เพื่อนของน้องสาวคุณวายุส่วนคุณวายุเองก็น่าจะมีคนที่ชอบอยู่แล้วมั่งคะ”
พูดจบเธอก็ก้มหน้าลงกินข้าวต่อ สองสาวหันมองหน้ากันแล้วเซ้าซี้ถามต่อ
“แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ขนาดฉันชอบเผือกยังไม่เห็นรู้” พี่นิดายื่นหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้น เหมือนฝันถึงได้รู้ตัวว่าไม่สมควรพูดออกไป
“เออ...คือ...ฉัน...ออ ฉันไปเข้าห้องน้ำแล้วบังเอิญได้ยินเลขาฯ ของท่านประธานโทรคุยกับเพื่อน” เธอโยนขี้ไปให้เลขาฯของวายุเสียอย่างนั้น
“ถ้าผู้ชายไม่มีใจแล้วผู้หญิงจะมาตามเกาะทำไมวะ” พี่สมรพูดออกมาด้วยความสงสัย พี่นิดาจึงอธิบายสำทับ
“เอ้า เองไม่เคยได้ยินเหรอว่าน้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน
ตามเกาะ ตามจีบทุกวันเดี๋ยวท่านประธานก็ใจอ่อนเองแหละ”
“ไม่มีทาง!”
เหมือนฝันพูดขึ้นเสียงดังทันทีที่พี่นิดาพูดจบจนทั้งสองสองหันขวับมองพร้อมกันโดยไม่นัดหมาย หญิงสาวจึงรู้สึกตัวแล้วยิ้มให้แบบแหย ๆ
“ฉันหมายถึงไม่มีทางที่จะเป็นไปไม่ได้เลยค่ะ ทั้งคู่เหมาะสมกันเสียขนาดนั้น”
เธอแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ทั้งที่ในใจร้อนรุ่มจนอยู่ไม่เป็นสุข หึงเขาหวงเขาทั้งที่เขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเธอแอบมีใจให้
“ก็แล้วไปนึกว่าเองก็กรี๊ดกร๊าดท่านประธานเหมือนสาว ๆ ทีมอื่น”
“กรี๊ดไปก็เท่านั้นแหละพี่ เขากับเรามันคนละระดับกัน ก็ไม่ต่างอะไรกับหมาเห่าเครื่องบิน” พูดด้วยรอยยิ้มทว่านัยน์ตากลับเศร้าลงอย่างเห็น
ได้ชัดเจน
“เออ ๆ ช่างเรื่องท่านประธานเถอะ ฉันได้ยินมาว่างานประจำปีนี้จัดที่โรงแรมแถวสวนลุมพินีนะ” พี่นิดาตัดบทแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“โห ทำไมปีนี้ไปจัดไกลจังจากที่ทำงานไปก็เกือบสามสิบกิโลเมตรเลยนะ ยังไม่รวมระยะทางจากบ้านเราอีก”
พี่สมรเริ่มบ่นซึ่งเรื่องนี้เหมือนฝันเห็นด้วยอย่างยิ่ง คนบ้านไกลกว่าจะกลับถึงบ้านก็คงดึกดื่นถ้าไม่ไปก็ไม่ได้เพราะมันมีผลกับKPIของพนักงานอีกด้วย
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ใครกลับไม่ไหวหรือไม่อยาเดินทางกับบริษัทเราเขาให้พนักงานเปิดห้องนอนได้เลย ส่วนค่าใช้จ่ายเห็นว่าท่านประธานใช้เงินส่วนตัวออกให้ บอร์ดบริหารเลยยอมอนุมัติ”
คราวนี้พี่กุ๊กเป็นคนตอบแล้วเดินมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยหลังจากเคลียร์งานช่วงเช้าเสร็จแล้วจึงรีบตามลงมา
“แบบนี้ค่อยโอเคหน่อย ฝันคงเลือกค้างที่โรงแรมไม่อยากให้แม่เป็นห่วงถ้าต้องเดินทางกลับคนเดียวดึกดื่น”
“พวกพี่สามคนค้างไม่ได้เพราะมีลูกต้องดูแลคงให้สามีมารับ”
พี่นิดาบอกพร้อมกับลงมือทานอาหารตรงหน้าเพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเสียด้วยซ้ำก็จะได้เวลาเริ่มงานช่วงบ่ายแล้ว
วันที่ 25 ธันวาคมเคลื่อนมาถึงไวราวกับมีคนไปเร่งสปีดเข็มนาฬิกา เหมือนฝันเลือกแต่งหน้าด้วยสีโทนอิฐแบบบางเบาไม่หนาเกินไป ผมยาวสวยถูกดัดเป็นรอนเพื่อม้วยจับจีบบนศีรษะปล่อยปอยผมรอนด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อลังใบหน้ากลมไม่ให้ดูใหญ่เกินไป
รองเท้าส้นสูงหุ้มข้อสีดำเข้ากันกับชุดเดรสกระโปรงกำมะหยี่
สีไวน์แดง เกาะเสื้อเชิ้ตซีฟองคอระบายผ้าลูกไม้ปรุลายพิมพ์ช่วยขับ
ผิวขาวยามต้องแสงไฟ ในมือถือกระเป๋าสีเชอรี่ใบเล็กยิ่งทำให้เหมือนฝันดูโดดเด่นมากขึ้นไปอีก
“ป้าดโธ่! พี่ฝันทำไมวันนี้สวยแบบนี้เนี่ย”เมื่อเดินลงมาจากบนบ้านทอรุ้งถึงกับทักท้วงทันทีเพราะไม่เคยเห็นคนเป็นผู้พี่สวยบาดจิตแบบนี้มาก่อน ใครบอกว่าพี่ฝันไม่สวยเธอเถียงใจขาดดิ้นเลยนะ สำหรับเธอหุ่นแบบนี้มาแรงในยุคสมัยนี้จะตายจับตรงไหนก็นุ่มนิ่มไปหมด“นั่นสิ วันนี้ลูกแม่สวยเป็นพิเศษเลยนะ”อนุชเดินเข้ามาจับร่างอวบหมุนกลับไปหมุนกลับมาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ เธอต้องสวยสิเพราะอยากให้พี่ลมมองเห็นเธอในสายตาบ้าง“ขอบคุณนะคะแม่ คืนนี้ฝันไม่ได้กลับนะ งานเลี้ยงเลิกดึกคงเปิดห้องค้างที่โรงแรมเลย”“จ้า แม่รู้แล้วแกบอกแม่รอบที่สามของวันได้แล้วมั่ง แล้วนี้จะไปยังไง”“อย่าบอกนะว่าพี่ฝันจะใส่ชุดสวยแว้นมอเตอร์ไซค์ไป”ยังไม่ทันที่เหมือนฝันจะตอบคนเป็นแม่ทอรุ้งก็รีบทักท้วงขึ้นมาเมื่อเหลือบไปเห็นกุญแจรถในมือพี่สาว“เฮ้ย! ลืมตัว พี่จะไปแท็กซี่”หญิงสาวรีบยัดกุญแจรถใส่มือแม่ทันทีแล้วหัวเราะแก้เขินลิงทโมนยังแฝงร่างอยู่ไม่เกินจริงคงเป็นเพราะความเคยชินกับการเร่งรีบแล้วใช้รถสองล้อคู่ใจอยู่เป็นประจำจึงมักหยิบกุญแจรถออกมาจากบ้านทุกครั้ง“รีบไปเถอะลูก เดี๋ยวจะสายเสียก่อน”อนุชออกปากเตือนซึ่งก็ประจวบกับรถแท็กซี่ที่เธอเรียกผ่
การประกาศรางวัลจบลงวายุก้าวเท้ายาว ๆ ลงเวทีแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิมซึ่งมีเหล้าผู้บริหารระดับสูงนั่งอยู่ก่อนแล้ว“เอาล่ะครับ ได้เวลาเอาใจสาวมักม่วน พบกับนักร้องมากความสามารถที่จะเชิญทุกคนออกมาโยกย้ายส่ายสะโพกกันได้แล้วพบกับลำไย ไหทองคำ...”หลังพิธีกรประกาศชื่อนักร้องจบเสียงเฮลั่นของพนักงานก็ดังขึ้นพร้อมกัน นักร้องลูกทุ่งอินดี้สาวดังระดับประเทศขวัญใจทุกเพศ ทุกวัย กว่าจะจองคิวแสดงได้ต้องดีลกันข้ามปีเลยทีเดียว“พี่สมรออกไปเต้นกัน”เหมือนฝันไม่รอคำตอบเลือกฉุดกระชากแขนผู้มีอายุมากกว่าออกไปโยกย้ายอยู่ด้านหน้าเวทีด้วยความสนุกสนานเสียงอึกทึกของพนักงานเรียกสายตาของวายุได้เพียงชั่วครู่เท่านั้นแล้วก็กลับมาจดจ่อยังแก้วบรั่นดีอีกครั้งนาน ๆ วายุจะออกงานเลี้ยงสักทีเขาจึงไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเท่าไรอาจจะมีชนแกล้วบ้างแต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมากนักครืด...ครืด...ครืดท่ามกลางเสียงดนตรีแรงสั่นสะเทือนของสมาร์ตโฟนเครื่องสวยทำให้วายุหยิบมันออกมาดูซึ่งก็เห็นว่ามันแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันหนึ่ง เพียงแค่เห็นชื่อของเหมือนฟ้าเด้งขึ้นมาว่ากำลังโพสต์รูปถ่ายเขาก็รีบกดดูทันที[ต่อให้งอนแค่ไน โกรธแค่ไหนแค่เธอ
งกายแลกรัก(2) 1786 คำ“สรุปแล้วผมใช่ผู้ชายคนนั้นไหม”เขาถามขึ้นมาอีกครั้งทว่าอีกฝ่ายกลับเงียบแถมยังดึงรั้งคอเขาเข้าหาจากตอนแรกที่ขัดขืนกลับเป็นเต็มใจเหมือนฝันซุกใบหน้าเข้าหาอ้อมกอดเขาอย่างที่รอคอยมาตลอด เอื้อมมือไปโอบกอดแผ่นหลังกว้างของเขาแผ่วเบา“ฉันอยากเป็นของคุณ ได้โปรด” กระซิบข้างหูพลางขบเม้มติ่งหูจนร่างกำยำรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว“ผมก็อยากเป็นของคุณ แม่สาวน้อย”สิ่งที่อยู่ชั้นล่างเริ่มปวดหนึบคลื่นความร้อนพลุพล่านมาแก่นกายจนตั้งขึ้นเสียดสีกับหน้าขาเธอรับรู้ได้ถึงความแข็งขืนลำใหญ่จึงสอดเรียวมือลงไปกอบกำ“รูดมันขึ้นลงสิ”เป็นคำขอกึ่งคำสั่งทว่าเธอก็ทำตามอย่างว่าง่ายใต้เงามืดสลัวเธอรู้ว่าเขาเป็นใครแต่เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใครจนกว่าห้องกมืดมิดนี่จะสว่างขึ้นมามืออวบจับส่วนกลางลำตัวของเขารูดไปมาจนของเหลวใสค่อยๆทยอยออกมาจากปลายยอดลูกพีช อุณหภูมิในร่างกายไต่ระดับขึ้นตามแรงกระตุ้นจนรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นสมอง สัมผัสแนบชิดของร่างอวบอัดเต็มไม้เต็มมือทำให้ลุ่มหลงจนโงหัวแทบไม่ขึ้น“อืม...มันดีมากเลยที่รัก”พี่ลมเรียกเธอว่าที่รักอย่างนั้นเหรอ? มันมาจากแรงเสียวหรือเปล่านะแต่มันก็ทำให้เธออยากมีอารมณ์ร่ว
ช่วงสายของอีกวันเหมือนฝันรู้สึกตัวตื่น แน่นอนว่างกายเธอยังอยู่ในอ้อมแขนเขาอยู่ดี มืออวบค่อย ๆ ปลดล็อควงแขนแผ่วเบาเพราะกลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน แล้วจึงย่องเบาลงจากเตียงคว้ากระเป๋าสะพายใบจิ๋วรีบออกจากห้องทันทีกระจกใสในลิฟต์โรงแรมทำเอาหญิงสาวตกใจสภาพตัวเองอยู่ไม่ใช่น้อยเสื้อผ้ายับยู่ยี่ผมเผ้าชี้ฟูไม่เป็นทรงหากใครเห็นคงคิดว่าเธอถูกรุมโทรมมาแน่นอน เหมือนฝันจึงรีบจัดทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนลิฟต์จะเปิดออก“อ้าว...เหมือนฝัน” เสียงหนึ่งทักทายขึ้นเธอรีบเงยหน้ามอง“พี่การันต์”ยิ้มฝืดทักทายไม่คิดว่าจะเจอคนรู้จักตอนนี้ สายโด่งมากแล้วเธอคิดว่าคนในบริษัทน่าจะกลับกันไปหมดแล้ว“เมื่อคืนค้างที่นี่เหมือนกันเหรอ”“ค่ะ มันดึกมากแล้ว เลยไม่อยากนั่งแท็กซี่กลับคนเดียว”“เหมือนกันเลยพี่ดื่มเข้าไปเยอะ ไม่อยากเมาแล้วขับ”ใบหน้าหล่อยิ้มหวานแล้วนึกขึ้นได้ว่าบ้านของตัวเองเป็นทางผ่านบ้านของเหมือนฝันครั้งหนึ่งรถเขาเสียที่บริษัทยืนรอช่างมาซ่อมตั้งนานสุดท้ายซ่อมไม่ได้ต้องลากไปซ่อมยังอู่อยู่ดี เหมือนฝันผ่านมาเจอก็เลยอาสาขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งบ้าน ชายหนุ่มถึงได้รู้ว่าบ้านเราอยู่ใกล้กัน“จะกลับบ้านใช่ไหม เดี๋ยวพี่ไ
ยินดีให้บริการค่ะ ขอบคุณและสวัสดีค่ะ...”เหมือนฝันเอ่ยปิดเคสแล้วพักสายเพื่อรีมาร์กสาเหตุของอุบัติเหตุเอาไว้เหมือนทุกเคสที่จบงานและวางสายแล้ว ทว่าปลายนิ้วยาวยังไม่ทันเคาะลงบนแป้นพิมพ์หัวไหล่ก็ถูกสะกิดโดยพี่กุ๊ก“น้องฝันเดี๋ยวค่อยมารีมาร์กคือว่าเลขาฯ คุณวายุโทรมาให้แกขึ้นไปพบคุณวายุหน่อย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”เหมือนฝันยิ้มรับบาง ๆ แล้วส่ายหัวแทนคำตอบแม้จะรู้เต็มอกว่าเขาเรียกเธอไปพบเรื่องอะไร ไม่ใช่เรื่องงานแต่มันคือเรื่องส่วนตัวระหว่างเราสองคน ฝ่ายหัวหน้างานได้แต่มองตามคนเป็นลูกน้องไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงขนาดประธานบริษัทต้องเรียกพบปลายเท้าของเหมือนฝันมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะเลขาฯหน้าห้องซึ่งยามนี้กำลังตั้งอกตั้งใจพิมพ์อะไรบางอย่างลงคอมพิวเตอร์ เธอเหลือบสายตามองประตูห้องทำงานของวายุแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ“อะ อ้าว มาหาใครเหรอคะ” เอนจอยขยับกรอบแว่นเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอผู้หญิงร่างอวบอ้วนยืนอยู่ตรงหน้า“ฉันมาพบคุณวายุค่ะ เห็นท่านเรียกพบ”“ออ คุณคือคุณเหมือนฝันใช่ไหมคะ”“ใช่ค่ะ”“รอสักครู่นะคะ” เอนจอยยกหูโทรศัพท์แจ้งคนเป็นเจ้านายว่าคนที่ต้องการพบมาถึงแล้ววายุนั่งรออีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ ปลายนิ้วยาว
“ทางนั้นเป็นห้องคอลเซ็นเตอร์ของแผนกเคลมประกันรถยนต์ค่ะ”เอนจอยหันไปบอกวายุซึ่งกำลังเดินกวาดสายตามองไปยังแผนกต่างๆ ก่อนจะไปหยุดตรงประตูห้องแผนกที่เอนจอยเพิ่งแนะนำไปเมื่อครู่คราแรกเขาจะเลยผ่านห้องนั้นไปเพราะไม่อยากเจอเจ้าของร่างอวบแต่แล้วก็ชะงักฝีเท้าลงเมื่อประตูห้องนั้นเปิดออกเพราะมีพนักงานพากันสับเปลี่ยนกะเวลาทำงานทว่าจนแล้วจนรอดชายหนุ่มก็ไม่เห็นหน้าเหมือนฝันเดินออกมาจาห้องนั้นเลย จนกระทั่งเห็นคุณกุ๊กเดินออกมา“สวัสดีครับคุณกุ๊ก”เขาเอ่ยทักทายหัวหน้าแผนกทันทีเมื่อเห็นเธอเดินออกมาแถมขาเจ้ากรรมก็ก้าวเข้าไปหาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้“สะ...สวัสดีค่ะท่านประธาน”น้ำเสียงตะกุกตะกักตอบกลับด้วยความประหลาดใจ ตัวแข็งทื่อเหมือนทำตัวไม่ถูกเสียมากกว่า“พนักงานเพิ่งเปลี่ยนกะทำงานเหรอครับ” ชายหนุ่มเริ่มเปิดประเด็นถามทั้งที่รู้ตารางเวลางานแต่ละแผนกอยู่แล้ว“ใช่ค่ะ”“แล้ววันนี้งานเป็นอย่างไรบ้าง”“เออก็ดีค่ะ งานยุ่งนิดหน่อยเพราะมีพนักงานลาป่วยเพราะเกิดอุบัติเหตุ” เธอตอบฉะฉานแม้ว่าเกร็ง ๆ อยู่บ้าง“พนักงานคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างให้เขาพักรักษาตัวจนกว่าจะหายนะแล้วค่อยให้กลับมาทำงาน”“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย
“แกไม่กังวลแต่ฉันกังวล!”เสียงทุ้มกังวานดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องเปิดออกชายสูงอายุคุ้นตาเดินหน้าถมึงทึงเข้ามา“คุณพ่อ”“คุณลุง”ทั้งคู่ต่างครางชื่อของวินไทยออกมาพร้อมกันด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าความลับที่อยากปิดไว้จะมาแตกเอาเพราะปากของตัวเอง“เรื่องของแกกับหนูคนนี้มันยังไงกัน มันเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่เมื่อไร”วายุยืนนิ่งไม่ไหวติงและไม่มีคำตอบให้คนเป็นพ่อเลยแม้แต่นิดเดียวส่วนเหมือนฝันเธออยากจะร้องไห้ออกมาเสียเดี๋ยวนั้นเมื่อผู้รู้ความลับนี้ดันเป็นคุณลุงวินไทยไปได้“คุณพ่อมาโรงพยาบาลเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยทว่ามันก็ไม่เป็นผล“แกอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ฉันได้ยินทุกอย่างหมดแล้ว”วายุเหลือบมองหน้าเหมือนฝันแล้วหันกลับมาบอกพ่อว่าค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน แต่วินไทยไม่ยอมเพราะเห็นว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับคนสองคนแล้วตนเองจะไปฟังความแค่กับลูกชายฝ่ายเดียวได้อย่างไร“ถ้าในเมื่อเรื่องนี้มันเป็นแค่เรื่องของผมกับเหมือนฝันก็ปล่อยให้เราสองคนจัดการปัญหาแค่สองคนเถอะครับ” เสียงขรึมเอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิดใจเล็กน้อย“จัดการด้วยการเสนอเงินให้นะเหรอ”“มันก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วไ
“มีอะไรหรือเปล่าลูก แม่เห็นนั่งเหม่อตั้งแต่แม่เดินเข้ามาแล้ว”อนุชวางมีดปอกผลไม้ในมือลงแล้วเงยหน้าถามคนเป็นลูกสาวที่เอาแต่นั่งมองประตูห้องเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา“เปล่าค่ะ ฝันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”“แน่ใจเหรอ พยาบาลเขาบอกว่ามีคนมาเยี่ยมลูกแถมยังคุยกันเสียงดังไปถึงด้านนอก จนคนเข้าใจผิดคิดว่าทะเลาะกันเสียอีก”“ออ เพื่อนฝันมาเยี่ยมค่ะเลยเสียงดังไปหน่อย”หญิงสาวจำใจต้องโกหกเพราะไม่อยากให้ท่านรู้ว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้วเลือกเปลี่ยนเรื่องคุยโดยการถามเรื่องอื่นแทน“คุณหมอบอกหรือยังคะว่าจะให้ฝันออกจากโรงพยาบาลวันไหน”เหมือนฝันอยากกลับไปนอนบ้านเต็มทนเพราะรู้สึกเบื่ออาหารจืด ๆ ในโรงพยาบาลและคิดถึงส้มตำปูปลาร้ารสจัดจ้านของโปรดเหลือเกิน“คุณพยาบาลแจ้งมาแล้วว่าพรุ่งนี้ ผลร่างกายทุกอย่างปกติหมด”“ดีจังหนูคิดถึงกับข้าวฝีมือแม่เต็มทน”หญิงสาวยังสอดมือผ่านเอวแล้วกอดท่านออดอ้อนราวกับเด็กน้อยทั้งที่อายุก็ปาเข้าไปยี่สิบปลาย ๆ แล้วรถแท็กซี่สีเขียวเหลืองเคลื่อนมาจอดข้างรั้วบ้านทอรุ้งรีบวิ่งออกมาต้อนรับด้วยความดีใจ นับตั้งแต่วันที่พี่เหมือนฝันเกิดอุบัติเหตุบ้านหลังนี้ก็เงียบเหงาขึ้นมาทันที
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคุณภูริจะเป็นคนอยู่เบื้องหลังแล้วก็ทุจริตบริษัทเราไปมากมายขนาดนั้น”พี่นิดารำพึงออกมา แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดแต่ก็คิดเหมือนกันเพราะภาพลักษณ์เวลาภูริอยู่ในบริษัทคือผู้ชายอบอุ่นใจดี เข้าใจหัวอกพนักงานแต่เบื้องหลังก็คือคนร้ายนี่เอง“แล้วนี่น้องฝันจะกลับมาทำงานวันไหนอ่า คิดถึงเสียงหัวเราะลั่นห้องจะแย่” พี่สมรทำหน้าเหงาหง่อย“ไม่รู้สิ ก็คุณวายุถูกยิงขนาดนั้นก็คงนานอยู่หรอก” พี่กุ๊กพูดเสริมแล้วทุกคนในแผนกก็ต่างต้องหันไปทางประตูเหมือนว่ามีใครอีกคนกำลังเปิดประตูเข้ามา“มีใครบ่นคิดถึงเหรอคะ”“น้องฝัน!” ทุกคนกรูกันเข้าไปหาแล้วจับหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจว่าน้องเล็กของทีมได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า“ฝันไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วงวันนี้เลยแวะมาทำงานช่วงเช้าแล้วก็ช่วงบ่ายจะไปโรงพยาบาลต่อคุณหมดนัดตรวจเจ้าตัวเล็กค่ะ”พูดพร้อมกับลูบหน้าท้องน้อยทุกคนต่างหันมองหน้ากันไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อได้แต่ยกมือเร้า ๆสะกิดกัน ก่อนพี่กุ๊กจะพูดขึ้นเสียงดัง“ฉันกำลังจะได้เป็นป้าของลูกท่านประธานแล้ว” ประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดีเหตุการณ์วันนั้นสร้างความอยากรู้ให้กับเพื่อนร่วมงานเหมือนฝันจึ
“กี่เดือนแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นถาม“สองเดือนค่ะ”“รู้ตอนไหนว่าท้องทำไมไม่บอกพี่เลย” น้ำเสียงนั้นมีความน้อยใจแฝงอยู่“รู้ตอนวันเกิดคุณลุงค่ะ”“ตอนที่ฝันบอกพี่ว่าไปหาหมอนะเหรอ” เหมือนฝันพยักหน้ารับงึก ๆ ทว่าคนฟังกลับมองด้วยสายตาตัดพ้อเขาไม่ได้อยู่ในวันที่รับรู้ข่าวดีว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเราแถมยังปล่อยให้ไปหาหมอเพียงลำพังอีกต่างหาก“อย่าทำสีหน้าอย่างนั้นสิคะ”“ถ้าไม่ให้ทำสีหน้าแบบนี้จะให้ทำสีหน้าแบบไหนล่ะครับ เมียไปหาหมอคนเดียวและรู้ว่าท้องก็ยังไม่บอกอีก”น้ำเสียงเริ่มขึ้นจมูกพลันน้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลออกมาง่ายๆ ยิ่งเธอปลอบเท่าไรเขาก็ร้องไห้หนักขึ้นเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อนหลังจากอยู่ดูแลคนถูกยิงจนหายดีแล้วเพราะแผลไม่ได้ถูกจุดสำคัญหมอก็ให้วายุกลับไปพักฟื้นที่บ้านและแน่นอนว่าเจ้าตัวก็คอยออดอ้อนคนเป็นเมียอยู่ร่ำไปหากใครมาเห็นคงไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือคุณวายุ“ป้ามาลีทำอะไรมาให้ผมกินครับเนี่ย ทำไมเหม็นแบบนี้” มือหนาเลื่อนถ้วยข้าวต้มออกแล้วยกมือขึ้นอังจมูก“ก็ข้าวต้มของโปรดคุณลมยังไงคะ ป้าเพิ่งยกลงจากเตาเมื่อกี้สด ๆ ร้อน ๆเลย” แม่บ้านประจำตระกูลหน้าตื่นวินไทยกับวารินทร์ก้ม
ไม่รู้ว่าสายอะไรต่อสายอะไรห้อยระโยระยางเต็มไปหมด คนถูกยิงได้แต่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง ต่อให้เหมือนฝันอยากเข้าไปหาแค่ไหนก็ทำได้แค่มองผ่านกระจกใสอันเล็กของประตูกั้นก็เท่านั้นวายุปลอดภัยแล้วแต่ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิดจึงยังต้องงดเยี่ยมไปก่อนจนกว่าจะฟื้นขึ้นมาบางคนทยอยกลับกันไปบ้างแล้วเหลือเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังคงนั่งรออยู่ที่เดิมเพราะกลัวว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงนั้น“พี่ว่าแกกลับบ้านไปพักก่อนไหม ถ้าไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่ลูกในท้องหน่อยก็ดีนะ”เหมือนฟ้าเดินเข้ามาตบไหล่น้องสาวแล้วทรุดตัวนั่งลงด้านข้าง“ฝันอยากอยู่ดูว่าเขาฟื้นแล้ว”“พี่รู้ว่าแกเป็นห่วงลม แต่แกก็ต้องห่วงตัวเองกับลูกด้วย”หญิงสาวช่างใจอยู่ครู่หนึ่งแววความกังวลผุดขึ้นในดวงตา ส่วนอีกมือก็ลูบหน้าท้องน้อยต้องเรียกว่าความโชคดีหรือเปล่านะที่เธอแทบจะไม่มีอาการแพ้ท้องเหมือนคนอื่นเลยแถมยังผ่านเรื่องเครียดมาตั้งมากมายเจ้าก้อนในท้องกลับไม่ทำให้เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด“ก็ได้ค่ะ แต่ขอฝันอยู่ดูพี่ลมอีกสักนิดก่อนได้ไหมคะ”“ตามใจ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อนจะได้ไปส่งแกด้วย แล้ววันนี้กลับไปนอนบ้านค
เหมือนฝันกุมหน้าตัวเองแน่นขึ้นพร้อมกับคิดหาทางออกแต่คิดอย่างไรก็ไม่เป็นผลในเมื่อปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ที่ขมับด้านซ้าย หากเธอตุกติกแม้แต่นิดเดียวมีหวังลูกตะกั่วได้วิ่งเข้าไปทักทายมันสมองเธอแน่นอนวายุรู้สึกหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดขณะที่หัวใจเต้นรัว ดวงตาที่สบกับเหมือนฝันนั้นมันมีอะไรบางอย่างบอกเอาไว้และเขาอ่านมันออกหญิงสาวพยักหน้าให้กับเขาเพื่อเตรียมตัวทำอะไรบางอย่างแต่เขากลับส่ายหัวให้เธออยู่เฉยๆ อย่าทำอะไรทว่ามันกลับไม่ทันเสียแล้วเหมือนฝันใช้วิชาเอาตัวรอดจากการถูกจับเป็นตัวประกันที่ได้เรียนมาเมื่อตอนเข้าชมรมสมัยมหาวิทยาลัยแล้วกระทุ้งหน้าท้องคนร้ายก่อนจะบิดแขนข้างที่มีปืนให้ยกขึ้นฟ้าความชุลมุนเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนฝันรีบวิ่งไปหาวายุ ภูริโกรธขึ้นขีดสุดเลยเล็งปืนไปยังเหมือนฝันแล้วเหนียวไกยิงทว่าคนที่รับกระสุนแทนกลับเป็นวายุ เขาใช้ตัวเองบังร่างอวบนั้นไว้แล้วทรุดตัวล้มลง“พี่ลม”หญิงสาวกรี๊ดออกมาสุดเสียงแล้วประคองร่างเลือดท่วมนั้นเอาไว้ จากนั้นเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัดจากการวิสามัญคนร้าย“พี่ลม ไม่นะ อย่าเป็นอะไรนะ ฟื้นสิ” เธอพยายามตบหน้าเขาเบา
“เฮ้ย! พวกนั้นหายไปไหน” ชายใบหน้าดุดันมีรอยบากระหว่างหัวคิ้วร้องตะโกนขึ้นสุดเสียงชายที่เหลือวิ่งหน้าตั้งเข้ามาแล้วกวาดตามองรอบบริเวณไม่เห็นแม่แต่เงาของพวกผู้หญิงที่พวกเขาจับมาเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่ ทิ้งไว้เพียงหนวดกุ้งรัดแขนเอาไว้ให้ดูต่างหน้าก็เท่านั้น“ไปตามหาตัวพวกมันสิวะ แล้วเอาตัวกลับมาให้ได้ยืนเซ่ออยู่ทำไม”ภูริตวาดลูกน้องลั่นแล้วไล่ด้วยความเดือดดาลก่อนจะวิ่งไปอีกทางเพื่อตามหาเพราะเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นก็ได้เวลานัดกับวายุแล้วบริเวณริมป่าละเมาะเหมือนฝันกึ่งเดินกึ่งวิ่งนำหน้าเพื่อมองหาลู่ทางและเข้าใกล้เขตหมู่บ้านคนเพื่อขอความช่วยเหลือทว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืดมิดเสียงวิ่งจากเบื้องหลังด้วยความเร็วพร้อมกับแสงไฟฉายสาดส่องไปมาทำให้รู้ว่าพวกมันใกล้เข้ามาถึงเต็มทีแล้ว“คุณณิ คุณน้ำ เร็วกว่านี้หน่อยค่ะ พวกมันตามมาแล้ว”เหมือนฝันเร่งสองสาวที่เดินรั้งท้ายส่วนตัวเองนั้นก็เริ่มเหนื่อยหอบเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง“เฮ้ย พวกมันอยู่นั้น หยุดนะเว้ย”ความกลัวทำให้วารินทร์สั่นไปทั้งตัววิ่งมองหลังจนไม่ทันระวังสะดุดหินล้มลงบนทางลูกรังจนข้อเท้าพลิกทำให้ลุกขึ้นเดินต่อไม่ได้ พอมอ
ทุกคนมานั่งประจำที่ตัวเองกันหมดแล้วยกเว้นเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังไม่กลับมา“ยัยฝันไปไหน ตั้งแต่แม่ยกถาดอาหารออกมายังไม่เห็นเลย”“น่าจะเอาเสื้อไปเก็บมั่งครับ แต่ก็ไปนานแล้วนะครับ” ตรีวิทย์บอกแล้วยืดคอขึ้นมองไปยังโรงจอดรถ“ถ้างั้นเดี๋ยวป้าไปตามให้นะคะ” ป้ามาลีอาสแล้วก็เดินออกไปไม่นานก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาด้วยสีหน้าตื่นในมือมีรองเท้าอยู่ข้างหนึ่งซึ่งวายุจำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นของเหมือนฝัน หัวใจเขากระตุกวูบขึ้นมาแล้วรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาเปิดกล้องวงจรปิดดูทันทีเขาขบกรามแน่นเมื่อเห็นผู้ชายตัวใหญ่สองคนกำลังหิ้วปีกร่างไร้สติออกไปจากบ้านอย่างเงียบ ๆ โดยหลบเลี่ยงสายตาจากคนทั้งบ้านโดยไม่มีใครสังเกตเห็น“ต้องเป็นฝีมือไอ้ภูริแน่นอน” วายุสบถออกมา“คนเดียวกันกับที่เคยจับฟ้าไปน่ะเหรอ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับอนุชได้ยินแบบนั้นก็เข่าอ่อนทำท่าจะเป็นลมจนเหมือนฟ้าต้องรีบพยุงและพาไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด ป้ามาลีรีบไปหายาดมมาให้ทันที“ผมพลาดเองที่ละหลวมความปลอดภัยเพราะคิดว่าคนอยู่เยอะกันขณะนี้มันคงไม่กล้าลงมือ”สองมือกำแน่นเข้าหากันเพราะรู้สึกเป็นห่วงเหมือนฝันจับใจ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นตอนแรก
“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว”คุณหมอสาวสวยในชุดกาวน์เงยหน้าขึ้นบอกด้วยรอยยิ้มหลังจากได้รับชาร์ตคนไข้จากพยาบาลเพื่อดูผลตรวจ“ท้องเหรอคะ ฉันจะท้องได้ยังไงคะ ในเมื่อฉันป้องกันด้วยการกินยาคุมตลอด” เกิดคำถามขึ้นมาในหัวมากหมาย“การกินยาคุมไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ บางครั้งหากเราทานยาร่วมกับยาปฏิชีวนะก็อาจจะทำให้ตัวยาคุมเสริมคุณภาพลง หรือในขณะมีเพศสัมพันธ์มีการกระทำซ้ำอย่างต่อเนื่องก็ไม่สามารถป้องกันได้ครอบคลุมและสุดท้ายเลยก็คือลืมทานยาอย่างต่อเนื่อง”เพียงแค่ได้ยินคำว่ากระทำซ้ำ เหมือนฝันก็หมดคำถามลงทันทีว่าทำไมถึงท้องได้ ทุกครั้งวายุไม่เคยป้องกันเลยแถมยังดุดันกินเธอซ้ำอยู่ทั้งคืนจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงในยามเช้าอีกต่างหากเสียงแจ้งผลการตั้งครรภ์ยังก้องอยู่ในหัวเลยไม่ได้ยินเสียงเรียกชื่อจากพยาบาลสาวสวยจนเธอต้องเดินมาสะกิดเหมือนฝันจึงได้สติกลับมา“เชิญคุณเหมือนฝันไปรับยาที่ช่องหมายเลขหนึ่งนะคะ”พยาบาลสาวผายมือเชิญให้เดินตามไป“อย่าลืมทานยาบำรุงและยาแก้แพ้ให้ครบตามที่หมอบอกนะคะ แล้วก็นัดครั้งต่อไปอย่าลืมพาคุณพ่อมาตรวจเลือดด้วยนะคะ”พยาบาลยื่นซองยาสีน้ำตาลพ
ท้อง!เธอยกกล่องมันขึ้นอ่านวิธีดูค่าการตั้งครรภ์ใหม่อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเธออ่านไม่ผิด แต่ความจริงก็คือความจริงเธอกำลังตั้งท้องเปลี่ยนจากความกังวลเป็นความเครียดทันทีเรี่ยวแรงที่เดินออกมาจากห้องน้ำแทบไม่มี ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองซึ่งมีก้อนเลือดอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องจะบอกเรื่องนี้กับเขาดีไหมเพราะเธอเพิ่งขอหย่ากับเขาไปเองถ้าเขารู้ว่าเรามีลูกด้วยกันเขาจะรู้สึกอย่างไร การแต่งงานเกิดขึ้นเพราะความจำเป็นและเธอก็แอบรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนฝันยังคงไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังตั้งท้องคิดว่าที่ตรวจคงมีปัญหาจึงคิดเอาไว้พรุ่งนี้จะไปตรวจที่โรงพยาบาลให้แน่ใจร่างอวบเดินเหม่อลอยมาตามทางเดินโดยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียด้วยซ้ำจึงทำให้ไม่ทันระวังเดินชนกับการันต์ตรงหน้าประตูทางเข้าแคนทีนของบริษัท“ขะ...ขอโทษค่ะ” ไม่ได้มองหน้าเสียด้วยซ้ำว่าคนถูกชนเป็นใคร“ฝันเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมถึงดูหน้าซีด ๆ”“พี่รันต์เองเหรอคะ” ขยับตัวเล็กน้อยแต่ร่างกายก็โอนเอนการันต์รีบเข้าไปพยุงแล้วประคองไปนั่งตรงม้านั่งยาวริมทางเดินก่อนจะยื่นยาดมไปให้เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวทำท่าจะเป็นลม“ไม่
ริมฟุตบาทมีร้านค้าตั้งเรียงรายเต็มสองข้างทาง เหมือนฝันทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะชะโงกมองส้มตำร้านโปรดแล้วหันกลับไปหาผู้อยู่หลังพวงมาลัย“พี่ลม จอด!”วายุเหยียบเบรกแล้วเลี้ยวรถจอดข้างทางหันไปมองคนเจ้าเนื้อที่กำลังชะโงกคอออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง“วันนี้เรากินข้าวนอกบ้านได้ไหมคะ”“อืม ได้สิ ฝันอยากกินอะไรล่ะ”“อยากกินส้มตำปูปลาร้าแซบ ๆ สักครก” แค่พูดก็น้ำลายสอมุมปากนานเท่าไรแล้วที่เธอไม่ได้กินส้มตำ“แน่ใจเหรอว่าจะกินร้านข้างทาง มันสะอาดหรือเปล่า”เขาเดินตามหลังร่างอวบที่เดินนำหน้าไปอีกทางหนึ่งหลังจากจอดรถเสร็จแล้ว“สะอาดแน่นอนค่ะ ฝันมากินร้านนี้ค่อนข้างบ่อย”วายุนั่งมองเหมือนฝันสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่วแต่ส่วนใหญ่มีแต่คงรสจัดและรสเผ็ดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ยำ หรือต้มแซบหม้อไฟ“มองอะไรคะ ไม่เคยเห็นคนกินข้าวหรือไง”ระหว่างเงยหน้าขึ้นจากการก้มลงดูดขาปูจากจานรองเธอเห็นวายุเอาแต่จ้องมองโดยไม่แตะต้องอาหารที่เธอสั่งมาเลยแม้แต่นิดเดียว“เคย แต่ไม่คิดว่าจะสั่งมาเยอะขนาดนี้ กินหมดเหรอ”“หมดสิคะ ฝันอยากกินมาหลายวันแล้ว” ทั้งพูดทั้งเคี้ยวเขาได้แต่นั่งมองด้วยความเอ็นดู