แฟ้มเอกสารสีดำนับสิบถูกขนมากองไว้บนโต๊ะทำงานของประธานบริษัทคนใหม่ของ Wind Thai จำกัด สาวหน้าหวานผมยาวปะบ่าสวมชุดสูทกระโปรงสีดำยืนประหม่าอยู่ฝั่งตรงข้าม
เลขานุการ นั้นคือตำแหน่งของเธอซึ่งถูกปรับเปลี่ยนจากแผนกบัญชีเมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่อมาเป็นผู้ช่วยของประธานบริษัทคนใหม่ ตอนได้ยินว่าเขาหน้าตาหล่อ สูงจนต้องหารูปถ่ายมาดูเธอเองก็ดีใจจนเนื้อเต้น
ทว่า...ตอนนี้กลับคิดผิดถนัดเพราะความหล่อมันช่างตรงกันข้ามกับบุคลิกเสียจริง รู้สึกเย็นสันหลังวาบทุกครั้งเมื่อเขาเหลือบมองมา
“คุณวายุครับ นี่คุณเอนจอยเป็นเลขาฯ ที่จะมาช่วยงานคุณวายุครับ”
ชินมัยเอ่ยแนะนำเลขาฯคนใหม่เพื่อทำลายบรรยากาศอึดอัดในห้องทำงาน
นิสัยเย็นชาแบบนี้ลำพังตัวเขาไม่เท่าไรหรอกเพราะรู้สึกชินกับมาดขรึมของคนที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสมัยเรียนมัธยมจึงรู้จักนิสัยของวายุเป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะ คุณวายุ”
เอนจอยรีบยกมือขึ้นไหว้แม้อีกฝ่ายจะมีอายุน้อยกว่าแต่ว่าตำแหน่งกลับสูงกว่าหลายเท่านัก
“อืม ผมฝากงานด้วยแล้วกันนะ”
พูดเสียงเรียบปราศจากรอยิ้มพลางหยิบแฟ้มเอกสารย้อนหลังของบริษัทมาเปิดดูเพื่อศึกษาอีกครั้งหลังจากก่อนหน้านี้เคยให้ชินมันถ่ายเอกสารส่งไปให้ดูตอนที่ไปเรียนต่อยังต่างประเทศ
“ถ้างั้นจอยขอแจ้งตารางงานวันนี้แล้วกันนะคะ ช่วงบ่ายมีประชุมกับพนักงานทั้งบริษัทเพื่อแนะนำตัว แล้วก็หลังจากนั้นมีประชุมกับผู้บริหารและผู้ถือหุ้นค่ะ”
จบการรายงานของเอนจอยวายุพยักหน้ารับรู้แล้วบอกให้เลขาฯออกไปทำงานได้
ร่างสูงเอนหลังกับเก้าอี้หยิบสมาร์ตโฟนออกมาเลื่อนดูรูปถ่ายในนั้น รอยยิ้มสดในของเธอยังคงเหมือนเดิม ความรักของเธอกับเพื่อนเขาก็คงดีเหมือนกันไม่อย่างนั้นคงไม่แสดงออกว่ารักกันมากขนาดนี้
ขณะเลื่อนดูรูปถ่ายอยู่นั้นพลันหน้าจอก็เลือนหายเปลี่ยนเป็นสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหม่นหัวคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นคุณพ่อโทรเข้ามา
วินไทยคือพ่อของวายุและเป็นอดีตCEOผู้แสนใจดีของพนักงานทุกคน เขาวางมือจากธุรกิจเพื่อเกษียณตัวเองออกไปพักผ่อนตามช่วงอายุ
ทว่าวันนี้ต้องต่อสายหาเจ้าลูกชายก็เพราะกลับมาจากเมืองนอกแล้วแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมโทรบอกกันสักคำต้องให้เขารู้ข่าวจากผู้บริหารที่ยังทำงานอยู่ที่นั้นเหมือนเคย
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
‘รับสายฉันได้แล้วเหรอ’
“ปกติผมก็รับสายคุณพ่อตลอด” เขายังคงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
‘ก็นานเป็นชาติกว่าจะรับสายสักครั้ง แต่ก็ช่างมันเถอะ แล้วนี่กลับมาแล้วทำไมไม่กลับมานอนบ้าน ไปซุกหัวนอนที่ไหน’
“ผมไปนอนคอนโดฯ ครับ เคลียร์งานในบริษัทเสร็จผมถึงจะกลับบ้าน ถ้าคุณพ่อไม่มีอะไรแล้ว ผมขอวางสายนะครับจะทำงาน”
กำลังจะกดปุ่มวางสายก็ต้องชะงักมือเมื่อคนเป็นพ่อร้องผ่านปลายสายว่าอย่าเพิ่งวาง
“มีอะไรอีกเหรอครับ” น้ำเสียงติดรำคาญเล็กน้อย
“เสาร์นี้แกว่างหรือเปล่า”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” จะว่างหรือไม่ว่างมันขึ้นอยู่กับธุระที่พ่อเขาเอ่ยขึ้นมา
“คือว่าพ่อกับน้องสาวแกมีนัดกินข้าวกับหนูกรรณิการ์แล้วก็ถือว่าเป็นการฉลองไปในตัวที่แกกลับมา”
วินไทยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นไม่นานก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่าย
“ถ้างั้นผมไม่ว่างครับ”
“พี่ลมห้ามไม่ว่างนะ น้ำนัดเพื่อนไว้แล้วไม่อย่างนั้นน้ำไปตามพี่ถึงบริษัทจริงๆ ด้วย”
เสียงแหวตะโกนแทรกเข้ามา เขาจำได้ว่าเป็นเสียงของยัยน้องสาวตัวแสบ
วายุหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะรับปากว่าไปก็ได้ขอให้ส่งเวลาและสถานที่นัดมาให้ก็พอแล้วก็กดวางสายไป สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงตามใจน้องสาวเหมือนเคยถึงแม้บางเรื่องจะไม่ชอบในก็ตาม ซึ่งก็เหมือนกับนัดครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่การไปกินข้าวแต่มันคือการนัดจับคู่ดูตัวเสียมากกว่า
ลมหายใจถูกพ่นออกมาพลูใหญ่แล้วสายตาก็ต้องชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นชินมัยยืนยิ้มแป้นอยู่อีกฟากหนึ่งไม่ไกลส่วนในมือมีแฟ้มเอกสารถืออยู่
“เข้ามาตั้งแต่เมื่อไร”
“ก็เข้ามาพร้อมกันกับคุณวายุยังไงครับ” พูดง่ายๆ ก็คือเขายังไม่ได้ขยับตัวออกไปไหนเลยตั้งแต่แรก
“ได้ยินแล้วใช่ไหมที่ผมคุยโทรศัพท์กับพ่อ”
“ได้ยินชัดเต็มสองรูหูเลยครับ”
“ถ้าได้ยินก็รบกวนลงในตารางเวลาให้ผมด้วย”
“รับทราบครับ ท่านประธาน” ชินมัยตอบรับแล้วโค้งศีรษะให้เล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปทำงานของตัวเองต่อ
วายุนั่งมองผลประกอบการของแต่ละปีแล้วก็พนักหน้าเล็กน้อยพลางชื่นชมคนเป็นพ่ออยู่ในใจว่าบริหารงานดีจนได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ จนกระทั่งสายตาเขาเลื่อนไปสะดุดกับช่องตารางค่าใช้จ่ายอันหนึ่งจึงเปลี่ยนไปหยิบแฟ้มอันอื่นขึ้นมาดูซึ่งมันก็ผิดปกติทุกอัน
จวนได้เวลาประชุมพนักงานหลักหลายร้อยตบเท้าเดินเข้ามาภายในห้องโถงขนาดใหญ่จนเกือบครบทุกแผนก มุมห้องโถงนั้นเหมือนฝันชะเง้ดคอมองประตูแล้วกวาดสายตามองซ้ายมองขวาเพื่อหาใครคนนั้น
“ว่าไงยัยฝัน เจอไหม?” พี่นิดาสะกิดหัวไหล่เบาๆ
“ไม่เจอเลยค่ะ พี่ดา”
“หรือว่าเขาไม่ได้ทำงานที่บริษัทเราแล้วมาติดต่องานก็เท่านั้น”
พี่สมรเอ่ยเสริมกับความว่าน่าจะเป็น
“สงสัยจะจริง ทุกแผนกก็เข้ามาครบหมดแล้ว” ใบหน้ากลมห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที
หลังจากนั้นไม่นานเสียงฮือฮาภายในห้องประชุมดังขึ้นโดยเฉพาะเสียงของพนักงานสาว ๆ ทำให้เหมือนฝันละสายตาจากพื้นพรมสีแดงตรงปลายเท้าขึ้นมามอง
“พี่ลม” เธอมองเขาเต็มตาแล้วพึมพำชื่อเขาออกมา
ผู้ชายที่เธอพยายามสอดส่องสายตาหาก้าวเท้าขึ้นไปยืนอยู่บน
โพเดียมโดยมีผู้บริหารระดับสูงหลายคนยืนอยู่ด้านหลังอีกที
“สวัสดีครับ ผมวายุ จิรโชติ CEO คนใหม่ของที่นี่”
น้ำเสียงเข้มและทรงพลังทำเอาเหมือนฝันตกตะลึงไม่น้อย หูดับจนไม่ได้ยินเสียงอะไรรอบกาย ภายในสมองคิดวนจนตีกันไปหมด เขาไม่ใช่พนักงานแต่เป็นเจ้าของที่นี่เลยต่างหาก
พลันหัวใจที่ชุ่มชื่นก็กลับห่อเหี่ยวลง เมื่อการกลับมาเจอกันอีกครั้งกลับกลายเป็นว่ามันแสนไกลกว่าเดิม สุดท้ายแล้วเธอก็คงเป็นได้แค่หมาที่เฝ้ามองเครื่องบินบนท้องฟ้าก็เท่านั้น...
“ฝัน! ไม่กินข้าวก่อนเหรอลูก”“ไม่อ่าแม่ สายแล้ว เดี๋ยวฝันไปทำงานไม่ทัน”เหมือนฝันตะโกนตอบคนเป็นแม่พร้อมกับก้าวขาขึ้นค่อมมอเตอร์ไซค์คู่ใจส่วนมือก็ประวิงกับการสวมหมวกกันน็อคสีชมพูหวานก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วบิดออกไปอนุชชะเง้อมองตามร่างลูกสาวคนเล็กของบ้านแล้วส่ายหัวไปมาปีนี้เหมือนฝันอายุ 28 ปีแล้ว ทว่าเจ้าตัวยังกระโดกกระเดกเป็นม้าดีดกะโหลกอยู่เลยแล้วแบบนี้จะได้แต่งงานออกเหย้าออกเรือนเหมือนพี่สาวเมื่อไร“อ้าว! นังนี่ก็อีกคน ตื่นสายเหมือนกันเหรอ”บ่นลูกสาวเสร็จอนุชก็หันไปเจอกับหลานสาวซึ่งกำลังเดินย่องลงบันไดบ้านเพื่อไปโรงเรียน“แฮ ๆ รุ้งไปเรียนก่อนนะป้า” พูดจบทอรุ้งก็วิ่งปรูดออกจากบ้านไปทันที ขืนชักช้ากว่านี้คงถูกคนเป็นป้าบ่นจนหูชาแน่นอน“พอกันทั้งลูกทั้งหลานก็พากันตื่นสาย”ทอรุ้งเป็นลูกของน้องสาวเธอซึ่งตายไปตั้งแต่เด็กสาวยังเด็กส่วนพ่อของมันก็ไปมีเมียใหม่ไม่มาดูดำดูดีลูกในใส้เลยสักครั้ง ด้วยความสงสารอนุชจึงรับมาเลี้ยงเพราะถึงอย่างไรแล้วก็เป็นสายเลือดเดียวกันบ้านหลังนี้เมื่อก่อนอยู่กันสี่คนซึ่งล้วนเป็นผู้หญิงทั้งหมด ทว่าลูกสาวคนโตของเธอได้แต่งงานไปเมื่อสองปีที่แล้ว ยามนี้บ้านหลังเล็กจึงเ
ช่วงเย็นหลังจากเลิกงานเหมือนฝันก็เก็บอุปกรณ์เข้าที่โดยไม่ลืมหยิบแผ่นกระดาษรายการลูกชิ้นปิ้งจากพี่ๆ ในทีมมาด้วยเหมือนฝันขับรถสองล้อคู่ใจกลับมาบ้านหลังเล็กที่เธอเก็บเงินดาวน์และผ่อนเองมาตั้งแต่สมัยเรียนปีสองซึ่งอีกไม่กี่เดือนเธอก็จะจ่ายมันหมดแล้วตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเหมือนฝันก็กลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัว พ่อเสียชีวิตด้วยโรคร้ายแบบกะทันหัน ส่วนแม่เองต้องผ่าตัดกระดูกสันหลังเลยไม่สามารถทำงานหนัก ๆ ได้อาชีพที่ท่านพอจะทำได้เพื่อแบ่งเบาภาระคนในครอบครัวคือการปิ้งลูกชิ้นขายช่วงเย็นเท่านั้น ทว่าน้ำจิ้มรสเด็ดกลับทำให้ลูกค้าติดใจจนต้องมาต่อคิวยาว“มาแม่ เดี๋ยวฝันช่วย”แย่งตะกร้าใบเล็กในมือจากแม่มาแล้วจับปิ้งบนเตาร้อนทันที เหลือบตามองบัตรคิวแล้วลูกค้าคนนี้เป็นคนสุดท้ายของวัน นั่นแสดงว่าขายเร็วจนหมดตั้งแต่หัวค่ำ“จะมาช่วยทำไม กลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ ขึ้นไปอาบน้ำกินข้าวแล้วพักผ่อนเถอะ วันนี้แม่ทำแกงพะแนงเนื้อของโปรดแกไว้ด้วยนะ”“ไม่ดีกว่าจ้ะ ช่วยแม่เก็บร้านเสร็จก่อนค่อยกิน อีกอย่างฝันไม่ชอบกินข้าวคนเดียวมันไม่อร่อย” ปากพูดมือก็ง่วนอยู่กับการพลิกลูกชิ้นในมือไปมาหลังจากลูกค้าคนสุดท้ายเดินไปแ
“แม่! ลูกชิ้นปิ้งของพี่ที่ทำงานฝันสั่งเอาไว้เสร็จหรือยัง”รุ่งเช้าของอีกวันเหมือนฝันแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปในห้องครัวซึ่งมีอนุชกำลังยืนเสียบลูกชิ้นสำหรับเตรียมขายเย็นนี้“เสร็จแล้ว แม่แยกเป็นชุดวางไว้บนโต๊ะกับข้าวนั่นไง”“แล้วแม่ปิ้งเผื่อฝันไหม” เหมือนฝันเดินเข้าไปโอบกอดเอาคางเกยไหล่ออดอ้อนคนเป็นแม่ราวกับเป็นเด็กน้อยอนุชวางไม้เสียบลูกชิ้นในมือแล้วหันกลับมา “เผื่อสิ แม่รู้ว่าแกต้องถามหาอยู่แล้วก็เลยปิ้งไส้กรอกลมควันกับเอ็นหมูไว้ให้“”แล้วกินทุกวันไม่เบื่อหรือไง” เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง“จะเบื่อได้ยังไงน้ำจิ้มของแม่อร่อยขนาดนี้ งั้นฝันไปทำงานก่อนนะ”พูดจบร่างอวบก็ก้มลงไปหอมแก้มแม่ซ้ายขวาก่อนจะเหลือบไปเห็นทอรุ้งเดินลงมาจากด้านบนพอดี“พี่ฝัน รุ้งขอติดรถไปลงหน้าปากซอยหน่อยสิ” ยกมือป้องปากหาวขณะเอ่ยพูดกับคนเป็นลูกผู้พี่“อือ ได้ดิ แล้วนั้นใต้ตาคล้ำเชียว ช่วงนี้นอนดึกบ่อยทำอะไรไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน”“อ่านหนังสือเตรียมสอบค่ะ”เหมือนฝันย่นคิ้วเข้าหากัน“สอบ? สอบอะไร? แกเพิ่งเปิดเทอมได้อาทิตย์เดียวเอง”“สอบ TOPIKภาษาเกาหลีค่ะ” ทอรุ้งเขยิบเข้าไปกระซิบข้างหู เหมือนฝันเพื่อให้ได้ยินกันสองคนแล
แฟ้มเอกสารสีดำนับสิบถูกขนมากองไว้บนโต๊ะทำงานของประธานบริษัทคนใหม่ของ Wind Thai จำกัด สาวหน้าหวานผมยาวปะบ่าสวมชุดสูทกระโปรงสีดำยืนประหม่าอยู่ฝั่งตรงข้ามเลขานุการ นั้นคือตำแหน่งของเธอซึ่งถูกปรับเปลี่ยนจากแผนกบัญชีเมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่อมาเป็นผู้ช่วยของประธานบริษัทคนใหม่ ตอนได้ยินว่าเขาหน้าตาหล่อ สูงจนต้องหารูปถ่ายมาดูเธอเองก็ดีใจจนเนื้อเต้นทว่า...ตอนนี้กลับคิดผิดถนัดเพราะความหล่อมันช่างตรงกันข้ามกับบุคลิกเสียจริง รู้สึกเย็นสันหลังวาบทุกครั้งเมื่อเขาเหลือบมองมา“คุณวายุครับ นี่คุณเอนจอยเป็นเลขาฯ ที่จะมาช่วยงานคุณวายุครับ”ชินมัยเอ่ยแนะนำเลขาฯคนใหม่เพื่อทำลายบรรยากาศอึดอัดในห้องทำงานนิสัยเย็นชาแบบนี้ลำพังตัวเขาไม่เท่าไรหรอกเพราะรู้สึกชินกับมาดขรึมของคนที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสมัยเรียนมัธยมจึงรู้จักนิสัยของวายุเป็นอย่างดี“สวัสดีค่ะ คุณวายุ”เอนจอยรีบยกมือขึ้นไหว้แม้อีกฝ่ายจะมีอายุน้อยกว่าแต่ว่าตำแหน่งกลับสูงกว่าหลายเท่านัก“อืม ผมฝากงานด้วยแล้วกันนะ”พูดเสียงเรียบปราศจากรอยิ้มพลางหยิบแฟ้มเอกสารย้อนหลังของบริษัทมาเปิดดูเพื่อศึกษาอีกครั้งหลังจากก่อนหน้านี้เคยให้ชินมันถ่ายเอกสารส่งไปให
“แม่! ลูกชิ้นปิ้งของพี่ที่ทำงานฝันสั่งเอาไว้เสร็จหรือยัง”รุ่งเช้าของอีกวันเหมือนฝันแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปในห้องครัวซึ่งมีอนุชกำลังยืนเสียบลูกชิ้นสำหรับเตรียมขายเย็นนี้“เสร็จแล้ว แม่แยกเป็นชุดวางไว้บนโต๊ะกับข้าวนั่นไง”“แล้วแม่ปิ้งเผื่อฝันไหม” เหมือนฝันเดินเข้าไปโอบกอดเอาคางเกยไหล่ออดอ้อนคนเป็นแม่ราวกับเป็นเด็กน้อยอนุชวางไม้เสียบลูกชิ้นในมือแล้วหันกลับมา “เผื่อสิ แม่รู้ว่าแกต้องถามหาอยู่แล้วก็เลยปิ้งไส้กรอกลมควันกับเอ็นหมูไว้ให้“”แล้วกินทุกวันไม่เบื่อหรือไง” เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง“จะเบื่อได้ยังไงน้ำจิ้มของแม่อร่อยขนาดนี้ งั้นฝันไปทำงานก่อนนะ”พูดจบร่างอวบก็ก้มลงไปหอมแก้มแม่ซ้ายขวาก่อนจะเหลือบไปเห็นทอรุ้งเดินลงมาจากด้านบนพอดี“พี่ฝัน รุ้งขอติดรถไปลงหน้าปากซอยหน่อยสิ” ยกมือป้องปากหาวขณะเอ่ยพูดกับคนเป็นลูกผู้พี่“อือ ได้ดิ แล้วนั้นใต้ตาคล้ำเชียว ช่วงนี้นอนดึกบ่อยทำอะไรไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน”“อ่านหนังสือเตรียมสอบค่ะ”เหมือนฝันย่นคิ้วเข้าหากัน“สอบ? สอบอะไร? แกเพิ่งเปิดเทอมได้อาทิตย์เดียวเอง”“สอบ TOPIKภาษาเกาหลีค่ะ” ทอรุ้งเขยิบเข้าไปกระซิบข้างหู เหมือนฝันเพื่อให้ได้ยินกันสองคนแล
ช่วงเย็นหลังจากเลิกงานเหมือนฝันก็เก็บอุปกรณ์เข้าที่โดยไม่ลืมหยิบแผ่นกระดาษรายการลูกชิ้นปิ้งจากพี่ๆ ในทีมมาด้วยเหมือนฝันขับรถสองล้อคู่ใจกลับมาบ้านหลังเล็กที่เธอเก็บเงินดาวน์และผ่อนเองมาตั้งแต่สมัยเรียนปีสองซึ่งอีกไม่กี่เดือนเธอก็จะจ่ายมันหมดแล้วตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเหมือนฝันก็กลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัว พ่อเสียชีวิตด้วยโรคร้ายแบบกะทันหัน ส่วนแม่เองต้องผ่าตัดกระดูกสันหลังเลยไม่สามารถทำงานหนัก ๆ ได้อาชีพที่ท่านพอจะทำได้เพื่อแบ่งเบาภาระคนในครอบครัวคือการปิ้งลูกชิ้นขายช่วงเย็นเท่านั้น ทว่าน้ำจิ้มรสเด็ดกลับทำให้ลูกค้าติดใจจนต้องมาต่อคิวยาว“มาแม่ เดี๋ยวฝันช่วย”แย่งตะกร้าใบเล็กในมือจากแม่มาแล้วจับปิ้งบนเตาร้อนทันที เหลือบตามองบัตรคิวแล้วลูกค้าคนนี้เป็นคนสุดท้ายของวัน นั่นแสดงว่าขายเร็วจนหมดตั้งแต่หัวค่ำ“จะมาช่วยทำไม กลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ ขึ้นไปอาบน้ำกินข้าวแล้วพักผ่อนเถอะ วันนี้แม่ทำแกงพะแนงเนื้อของโปรดแกไว้ด้วยนะ”“ไม่ดีกว่าจ้ะ ช่วยแม่เก็บร้านเสร็จก่อนค่อยกิน อีกอย่างฝันไม่ชอบกินข้าวคนเดียวมันไม่อร่อย” ปากพูดมือก็ง่วนอยู่กับการพลิกลูกชิ้นในมือไปมาหลังจากลูกค้าคนสุดท้ายเดินไปแ
“ฝัน! ไม่กินข้าวก่อนเหรอลูก”“ไม่อ่าแม่ สายแล้ว เดี๋ยวฝันไปทำงานไม่ทัน”เหมือนฝันตะโกนตอบคนเป็นแม่พร้อมกับก้าวขาขึ้นค่อมมอเตอร์ไซค์คู่ใจส่วนมือก็ประวิงกับการสวมหมวกกันน็อคสีชมพูหวานก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วบิดออกไปอนุชชะเง้อมองตามร่างลูกสาวคนเล็กของบ้านแล้วส่ายหัวไปมาปีนี้เหมือนฝันอายุ 28 ปีแล้ว ทว่าเจ้าตัวยังกระโดกกระเดกเป็นม้าดีดกะโหลกอยู่เลยแล้วแบบนี้จะได้แต่งงานออกเหย้าออกเรือนเหมือนพี่สาวเมื่อไร“อ้าว! นังนี่ก็อีกคน ตื่นสายเหมือนกันเหรอ”บ่นลูกสาวเสร็จอนุชก็หันไปเจอกับหลานสาวซึ่งกำลังเดินย่องลงบันไดบ้านเพื่อไปโรงเรียน“แฮ ๆ รุ้งไปเรียนก่อนนะป้า” พูดจบทอรุ้งก็วิ่งปรูดออกจากบ้านไปทันที ขืนชักช้ากว่านี้คงถูกคนเป็นป้าบ่นจนหูชาแน่นอน“พอกันทั้งลูกทั้งหลานก็พากันตื่นสาย”ทอรุ้งเป็นลูกของน้องสาวเธอซึ่งตายไปตั้งแต่เด็กสาวยังเด็กส่วนพ่อของมันก็ไปมีเมียใหม่ไม่มาดูดำดูดีลูกในใส้เลยสักครั้ง ด้วยความสงสารอนุชจึงรับมาเลี้ยงเพราะถึงอย่างไรแล้วก็เป็นสายเลือดเดียวกันบ้านหลังนี้เมื่อก่อนอยู่กันสี่คนซึ่งล้วนเป็นผู้หญิงทั้งหมด ทว่าลูกสาวคนโตของเธอได้แต่งงานไปเมื่อสองปีที่แล้ว ยามนี้บ้านหลังเล็กจึงเ