วายุแนะนำทุกคนด้วยท่าทีกระตือรือร้นโดยทิ้งมาดคนเย็นชาจนหมดสิ้นไม่เหมือนพี่ลมคนเดิมสักนิด
วารินทร์จับสังเกตและอาการของคนเป็นพี่ชายและฟันธงในใจว่าเขาต้องมีใจให้กับผู้หญิงคนนี้แน่นอน แต่แล้วก็ต้องสรุปใหม่อีกรอบเมื่อผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเป็นเมียของพี่ตรีวิทย์เพื่อนสนิทของพี่ชายตัวเอง
...แอบรักเมียเพื่อนคำนี้ไม่เกินจริง
“แล้วนี่ หนูมาทานช้าวกับเจ้าตรีเหรอ” วินไทยเอ่ยถาม
“เปล่าค่ะ มาทานข้าวกับน้องสาว อีกสักพักก็น่าจะมาถึง”
วายุย่นคิ้วก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“แล้วไอ้ตรีไปไหน วันนี้วันครบรอบแต่งงานของฟ้ากับมันไม่ใช่เหรอ”
“ลมจำได้ด้วยเหรอ ไม่เหมือนตรีเลยจำไม่ได้ไม่พอนะ แถมยังยุ่งจนปลีกตัวมาไม่ได้อีก”
หญิงสาวไหล่ตกแล้วพ่นลมหายใจออกมาด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ แทนที่คนเป็นผัวจะต้องจำได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรกลับกลายเป็นเพื่อนผัวเสียอย่างนั้นที่จำได้
“ฟ้าเลยมาดินเนอร์กับน้องสาวแทนใช่ไหม”
ขณะที่พูดวายุอมยิ้มน้อย ๆ ดวงตาเป็นประกาย เหมือนฟ้าพยักหน้ารับพลางสังเกตการแต่งตัวของเขาและครอบครัวเขาไปด้วยซึ่งมันดูเป็นผู้ดีต่างจากภาพลักษณ์ของวายุเมื่อก่อนอย่างลิบลับ ซึ่งดูขาดแคลนจนดูเหมือนไม่มีจะกิน ดูดีหน่อยก็แค่หน้าตาเท่านั้น
“งั้นเอาอย่างนี้ไหม วันนี้เรามาฉลองด้วยกัน ต้อนรับการกลับมาของลมแล้วก็วันครบรอบแต่งงานของฟ้าไปด้วยเลย”
วายุออกความคิดเห็นแล้วหันไปขออนุญาตคนเป็นพ่อซึ่งท่านก็เห็นดีด้วย ยกเว้นวารินทร์กับกรรณิการ์ที่ไม่พอใจสักเท่าไรแต่ก็ต้องเก็บอาการ
“แต่ว่าฟ้ามีน้องสาวมาด้วยนะคะ” หญิงสาวรู้สึกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่เป็นไรหรอกหนู ตามสบายเลยวันนี้ลุงเลี้ยงเอง”
“ขอบคุณมากค่ะคุณลุง หนูต้องขอโทษด้วยที่รบกวน”
เรียวมือสวยยกขึ้นกระพุ่มไหว้ หลังจากนั้นวายุก็กุลีกุจอเรียกพนักงานมาเพิ่มโต๊ะเพื่อที่จะได้เพียงพอกับผู้มาเยือน
“เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าฟ้ามีน้องสาวด้วย”
“อ้าว เราไม่เคยเล่าให้ลมฟังเหรอ ไม่สิ ลมเคยเจอหน้ายัยฝันแล้วก็ที่งานแต่งเราไง คนทีทำหน้าที่เป็นตากล้องไง เราจำได้ว่ายังเคยแนะนำให้รู้จักกันเลย” วายุพยายามนึกหน้าเหมือนฝันทว่านึกยังไงก็นึกไม่ออก
ใบหน้าหล่อครุ่นคิดอยู่นานจนเหมือนฟ้าต้องสะกิดไหลเรียกสติแล้วบอกว่าไม่ต้องนึกหน้าหรอกน้องสาวเธอเดินมาโน่นแล้ว
ทุกคนต่างหันไปมองผู้หญิงตัวกลมคนหนึ่งสวมกางเกงคาร์โก้สีดำที่ทำมาจากผ้าวูลเวฟ ใส่เสื้อยืดสีขาวแบบเรียบ มีเพียงกระเป๋าผ้าสะพายเบี่ยงสีส้มเท่านั้นที่ดูโดดเด่น
“ฝันทางนี้” เหมือนฟ้ายกมือเรียกไว ๆ
เท้าอวบกำลังก้าวต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อมองเลยไปเห็นว่าคนที่อยู่ด้วยเป็นใคร หัวใจเธอเต้นถี่จนแทบจะหลุดออกมากองที่พื้นหากเป็นไปได้เธออยากหันหลังวิ่งกลับเสียเดี่ยวนั้น
“ยัยฝัน! ยัยฝัน”
เสียงเรียกของคนเป็นพี่สาวเรียกสติคนเจ้าเนื้อให้กลับมาเธอจึงได้เดินเข้าไปหาด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง
“ไหนพี่ฟ้าบอกว่าเรามาทานข้าวกันแค่...”
เธอหยุดพูดแล้วปรายตามองไปยังโต๊ะอาหารที่แทบจะอยู่ครบองค์ประชุม ผู้คนเหล่านั้นเธอรู้จักเกือบทั้งหมด ยกเว้นแค่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างพ่อของพี่ลมเท่านั้น หากให้เดาก็คงจะเป็นน้องสาวเพราะมีใบหน้าละม้ายคคล้านกันเหลือเกิน
“บังเอิญมาเจอลมกับครอบครัวน่ะ เขาเลยชวนร่วมโต๊ะฉลองการกลับมาของลมจ้ะ แล้วนี่ยัยทอรุ้งไม่มาด้วยเหรอไหนแกบอกว่าจะมาด้วยกัน”
“ชวนแล้วแต่ไม่มาเห็นว่าต้องรีบกลับไปอ่านหนังสือสอบ”
เธอตอบเสียงเรียบทว่าสายตายังคงจับจ้องไปยังร่างสูง ซึ่งเขาก็กำลังมองมาอยู่เหมือนกัน
ชายหนุ่มจำเธอได้ในฐานะพนักงานของบริษัทเมื่อวันก่อนทั้งตอนที่อยู่ในลิฟต์แล้วก็ตอนอยู่ในห้องประชุม เขาไม่ได้จดจำเธอในฐานะน้องสาวของเหมือนฟ้าเสียด้วยซ้ำ
ตอนแรกเขาแปลกใจที่หญิงสาวเอาแต่จดจ้องใบหน้าทว่ายามนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรกันแน่ เธอคงจำเขาได้แต่ไม่กล้าทักทายด้วยสถานะของความเป็นเจ้านายและลูกน้องมาคั่นกลางเอาไว้
“มา ๆ มานั่งกันได้แล้ว ลุงหิวจะแย่”
วินไทยกวักมือเรียก ทุกคนจึงเดินมานั่งประจำที่ตัวเอง เหมือนฟ้านั่งข้างซ้ายวายุส่วนด้านขวาเป็นกรรณิการ์นั่งอยู่ก่อนแล้วเหมือนฝันจึงเลือกนั่งตรงข้ามพี่สาวซึ่งอยู่ข้างกันกับอดีตซีอีโอผู้แสนใจดี
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมันช่างเงียบเชียบจนชวนอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกมีเพียงวารินทร์กับกรรณิการ์คุยจ้อกันอยู่สองคนและบทสนทนานั้นเหมือนฝันจับใจความได้ว่าวารินทร์กำลังชงเพื่อนรักให้กับพี่ชายตัวเอง
“ตายจริง ณิยังโสดอยู่เหรอเป็นไปได้ยังไงเนี่ย หน้าตาก็ดีแถมยังเป็นดาราดังไม่คิดเลยว่าจะไม่มีคนมาจีบ เหมือนพี่ลมเลย ยังโสดดดด”
ลากเสียงยาวพลางเหลือบมองพี่ชายตัวเองแต่คนหูพึ่งกับเป็นเหมือนฝัน ไม่ต้องสืบให้ยากเลยว่าเขามีคนรักหรือเปล่า อยู่ ๆ คำตอบมันก็ลอยมาเอง
“พูดมากนะเรา ยัยน้ำ กินข้าวไป” เขาดุเสียงเข้มเพื่อห้ามปราม
“จริงเหรอ? ลมยังไม่มีแฟน เพอร์เฟคขนาดนี้เนี่ยนะ”
เหมือนฟ้าไม่อยากจะเชื่อ นั่นทำให้วารินทร์รู้เลยว่าเจ้าตัวไม่ได้รู้เลยว่าพี่ลมแบมีใจให้
“จริงค่ะพี่ฟ้า เห็นโสดมานี่ก็สิบปีได้แล้วมั่ง”
“ทำไมล่ะลม เมืองนอกไม่เจอสาว ๆ ถูกใจบ้างเหรอ”
“เราไม่ชอบต่างชาติน่ะ อีกอย่างเรามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
ขณะพูดดวงตาคมทอประกาออกมาโดยที่เหมือนฟ้าไม่รู้ตัวเสีย
สักนิด
“หูย อยากรู้เลยอ่าว่าเป็นใคร เพื่อนร่วมงานเหรอ”
“ไม่ต้องรู้หรอก เราคงไม่สมหวังแล้วล่ะเพราะผู้หญิงคนนั้นมีเจ้าของไปแล้ว”
เขาพูดด้วยท่าทีเรียบเฉยขณะที่มืออวบของเหมือนฝันเขี่ยข้าวไปมาแล้วฟังอย่างเงียบ ๆ
คำว่าอิจฉาผุดขึ้นมากลางหัวใจ เธออิจฉาผู้หญิงคนนั้นที่ได้เข้าไปยึดพื้นที่หัวใจของพี่ลมไว้ได้โดยไม่ต้องออกแรงทำอะไรทว่าอีกใจก็โล่งอกที่ผู้หญิงคนนั้นมีเจ้าของไปแล้ว
คำว่าอิจฉาผุดขึ้นมากลางหัวใจ เธออิจฉาผู้หญิงคนนั้นที่ได้เข้าไปยึดพื้นที่หัวใจของพี่ลมไว้ได้โดยไม่ต้องออกแรงทำอะไรทว่าอีกใจก็โล่งอกที่ผู้หญิงคนนั้นมีเจ้าของไปแล้ว“อาหารไม่อร่อยเหรอหนู ลุงเห็นเขี่ยไปเขี่ยมาตั้งนานแล้ว”“เออ...อร่อยค่ะ แต่ว่าฝันยังไม่ค่อยหิวเลยทานไม่ค่อยได้”หญิงสาวรีบบอกทันควันแล้วเหลือบมองจานข้าวของวินไทยที่มีข้าวเหลือเต็มจานไม่ต่างกัน จะว่าอาหารไม่อร่อยก็ไม่น่าใช่แต่พอกวาดตามองกับข้าวบนโต๊ะเธอก็เข้าใจได้ทันทีว่ามีแต่ของเคี้ยวค่อนข้างยากเหมือนฝันยกมือเรียกเด็กเสิร์ฟในร้านมาหาแล้วก็กระซิบบอกอะไรบางอย่างเด็กเสิร์ฟพยักหน้ารับรู้หายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมถ้วยไข่ตุ๋นใบใหญ่“หนูว่าคุณลุงทานอันนี้ดีกว่านะคะ เคี้ยวง่ายด้วยจะได้ไม่ปวดฟัน”“รู้ได้ยังไงว่าลุงเคี้ยวไม่ค่อยได้”ชายแก่หันมองหน้าด้วยความแปลกใจเหมือนฝันจึงตอบรับด้วยการยิ้มน้อยๆ“จานข้าวคุณลุงกับหนูไม่ต่างกันเลยค่ะ ข้าวไม่พร่องลงสักนิด”วินไทยหัวเราะร่วนออกมาเสียงดังจนทุกคนบนโต๊ะอาหารหันมามองเป็นตาเดียว ชายแก่ไม่คิดเลยว่าเหมือนฝันจะเป็นคนช่างสังเกตขนาดลูกเขาทั้งสองคนยังไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดเสียด้วยซ้ำเหมือนฟ้าเห็นว่าพ่
ติ๊ง...เสียงลิฟต์ดังขึ้นเรียกสติของเหมือนฝันให้รู้ตัวว่าลิฟต์ตัวนี้เคลื่อนมาถึงชั้นล่างสุดของตัวอาคารแล้ว เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องวันก่อนทำให้เธอไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ในห้วงความคิดยืนอยู่ต่อหน้าแล้วปลายรองเท้าหนังสีดำทำให้เหมือนฝันเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเบิกกว้างจนเผลอล่นถอยหลังจนเกือบชนคนอื่น มือหนากระตุกแขนทีเดียวเท่านั้นรู้ตัวอีกทีใบหน้าเธอก็ซบลงบนแผงอกกว้างแล้ว“อุ้ย...ขอโทษค่ะ”“ระวังหน่อยสิ เกือบชนคนอื่นแล้วรู้ไหม”น้ำเสียงนุ่มละมุนนั้นทำเอาหัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะก่อนจะรีบขืนตัวถอยห่างหากอยู่นานกว่านี้เขาคงได้ยินแน่นอน“ค่ะ ต่อไปฝันจะระวัง” วายุยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วเอ่ยถามต่อ“เที่ยงแล้วจะไปกินข้าวเหรอ”“ค่ะ”เธอยังคงตอบรับสั้น ๆ เหมือนเคยจนเขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าจะประหยัดคำพูดอะไรนักหนา หากเป็นคนอื่นคงโอ้อวดแล้วว่ารู้จักกับประธานบริษัทเป็นการส่วนตัว แต่สำรับคนตัวกลมตรงหน้าเหมือนเธอขีดเส้นบางอย่างกั้นเอาไว้อย่างชัดเจน“งั้นออกไปกินข้าวด้วยกันไหม วันนั้นเราแทบไม่ได้คุยอะไรกันเลยนะ”พนักงานซึ่งกำลังยืนรอลิฟต์อยู่ไม่ไกลหูผึ่งขึ้นมาทันทีแล้วหันมองขวับเป็นตาเดียว เหมือนฝันรับรู้ได
“ป้าดโธ่! พี่ฝันทำไมวันนี้สวยแบบนี้เนี่ย”เมื่อเดินลงมาจากบนบ้านทอรุ้งถึงกับทักท้วงทันทีเพราะไม่เคยเห็นคนเป็นผู้พี่สวยบาดจิตแบบนี้มาก่อน ใครบอกว่าพี่ฝันไม่สวยเธอเถียงใจขาดดิ้นเลยนะ สำหรับเธอหุ่นแบบนี้มาแรงในยุคสมัยนี้จะตายจับตรงไหนก็นุ่มนิ่มไปหมด“นั่นสิ วันนี้ลูกแม่สวยเป็นพิเศษเลยนะ”อนุชเดินเข้ามาจับร่างอวบหมุนกลับไปหมุนกลับมาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ เธอต้องสวยสิเพราะอยากให้พี่ลมมองเห็นเธอในสายตาบ้าง“ขอบคุณนะคะแม่ คืนนี้ฝันไม่ได้กลับนะ งานเลี้ยงเลิกดึกคงเปิดห้องค้างที่โรงแรมเลย”“จ้า แม่รู้แล้วแกบอกแม่รอบที่สามของวันได้แล้วมั่ง แล้วนี้จะไปยังไง”“อย่าบอกนะว่าพี่ฝันจะใส่ชุดสวยแว้นมอเตอร์ไซค์ไป”ยังไม่ทันที่เหมือนฝันจะตอบคนเป็นแม่ทอรุ้งก็รีบทักท้วงขึ้นมาเมื่อเหลือบไปเห็นกุญแจรถในมือพี่สาว“เฮ้ย! ลืมตัว พี่จะไปแท็กซี่”หญิงสาวรีบยัดกุญแจรถใส่มือแม่ทันทีแล้วหัวเราะแก้เขินลิงทโมนยังแฝงร่างอยู่ไม่เกินจริงคงเป็นเพราะความเคยชินกับการเร่งรีบแล้วใช้รถสองล้อคู่ใจอยู่เป็นประจำจึงมักหยิบกุญแจรถออกมาจากบ้านทุกครั้ง“รีบไปเถอะลูก เดี๋ยวจะสายเสียก่อน”อนุชออกปากเตือนซึ่งก็ประจวบกับรถแท็กซี่ที่เธอเรียกผ่
การประกาศรางวัลจบลงวายุก้าวเท้ายาว ๆ ลงเวทีแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิมซึ่งมีเหล้าผู้บริหารระดับสูงนั่งอยู่ก่อนแล้ว“เอาล่ะครับ ได้เวลาเอาใจสาวมักม่วน พบกับนักร้องมากความสามารถที่จะเชิญทุกคนออกมาโยกย้ายส่ายสะโพกกันได้แล้วพบกับลำไย ไหทองคำ...”หลังพิธีกรประกาศชื่อนักร้องจบเสียงเฮลั่นของพนักงานก็ดังขึ้นพร้อมกัน นักร้องลูกทุ่งอินดี้สาวดังระดับประเทศขวัญใจทุกเพศ ทุกวัย กว่าจะจองคิวแสดงได้ต้องดีลกันข้ามปีเลยทีเดียว“พี่สมรออกไปเต้นกัน”เหมือนฝันไม่รอคำตอบเลือกฉุดกระชากแขนผู้มีอายุมากกว่าออกไปโยกย้ายอยู่ด้านหน้าเวทีด้วยความสนุกสนานเสียงอึกทึกของพนักงานเรียกสายตาของวายุได้เพียงชั่วครู่เท่านั้นแล้วก็กลับมาจดจ่อยังแก้วบรั่นดีอีกครั้งนาน ๆ วายุจะออกงานเลี้ยงสักทีเขาจึงไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเท่าไรอาจจะมีชนแกล้วบ้างแต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมากนักครืด...ครืด...ครืดท่ามกลางเสียงดนตรีแรงสั่นสะเทือนของสมาร์ตโฟนเครื่องสวยทำให้วายุหยิบมันออกมาดูซึ่งก็เห็นว่ามันแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันหนึ่ง เพียงแค่เห็นชื่อของเหมือนฟ้าเด้งขึ้นมาว่ากำลังโพสต์รูปถ่ายเขาก็รีบกดดูทันที[ต่อให้งอนแค่ไน โกรธแค่ไหนแค่เธอ
งกายแลกรัก(2) 1786 คำ“สรุปแล้วผมใช่ผู้ชายคนนั้นไหม”เขาถามขึ้นมาอีกครั้งทว่าอีกฝ่ายกลับเงียบแถมยังดึงรั้งคอเขาเข้าหาจากตอนแรกที่ขัดขืนกลับเป็นเต็มใจเหมือนฝันซุกใบหน้าเข้าหาอ้อมกอดเขาอย่างที่รอคอยมาตลอด เอื้อมมือไปโอบกอดแผ่นหลังกว้างของเขาแผ่วเบา“ฉันอยากเป็นของคุณ ได้โปรด” กระซิบข้างหูพลางขบเม้มติ่งหูจนร่างกำยำรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว“ผมก็อยากเป็นของคุณ แม่สาวน้อย”สิ่งที่อยู่ชั้นล่างเริ่มปวดหนึบคลื่นความร้อนพลุพล่านมาแก่นกายจนตั้งขึ้นเสียดสีกับหน้าขาเธอรับรู้ได้ถึงความแข็งขืนลำใหญ่จึงสอดเรียวมือลงไปกอบกำ“รูดมันขึ้นลงสิ”เป็นคำขอกึ่งคำสั่งทว่าเธอก็ทำตามอย่างว่าง่ายใต้เงามืดสลัวเธอรู้ว่าเขาเป็นใครแต่เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใครจนกว่าห้องกมืดมิดนี่จะสว่างขึ้นมามืออวบจับส่วนกลางลำตัวของเขารูดไปมาจนของเหลวใสค่อยๆทยอยออกมาจากปลายยอดลูกพีช อุณหภูมิในร่างกายไต่ระดับขึ้นตามแรงกระตุ้นจนรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นสมอง สัมผัสแนบชิดของร่างอวบอัดเต็มไม้เต็มมือทำให้ลุ่มหลงจนโงหัวแทบไม่ขึ้น“อืม...มันดีมากเลยที่รัก”พี่ลมเรียกเธอว่าที่รักอย่างนั้นเหรอ? มันมาจากแรงเสียวหรือเปล่านะแต่มันก็ทำให้เธออยากมีอารมณ์ร่ว
ช่วงสายของอีกวันเหมือนฝันรู้สึกตัวตื่น แน่นอนว่างกายเธอยังอยู่ในอ้อมแขนเขาอยู่ดี มืออวบค่อย ๆ ปลดล็อควงแขนแผ่วเบาเพราะกลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน แล้วจึงย่องเบาลงจากเตียงคว้ากระเป๋าสะพายใบจิ๋วรีบออกจากห้องทันทีกระจกใสในลิฟต์โรงแรมทำเอาหญิงสาวตกใจสภาพตัวเองอยู่ไม่ใช่น้อยเสื้อผ้ายับยู่ยี่ผมเผ้าชี้ฟูไม่เป็นทรงหากใครเห็นคงคิดว่าเธอถูกรุมโทรมมาแน่นอน เหมือนฝันจึงรีบจัดทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนลิฟต์จะเปิดออก“อ้าว...เหมือนฝัน” เสียงหนึ่งทักทายขึ้นเธอรีบเงยหน้ามอง“พี่การันต์”ยิ้มฝืดทักทายไม่คิดว่าจะเจอคนรู้จักตอนนี้ สายโด่งมากแล้วเธอคิดว่าคนในบริษัทน่าจะกลับกันไปหมดแล้ว“เมื่อคืนค้างที่นี่เหมือนกันเหรอ”“ค่ะ มันดึกมากแล้ว เลยไม่อยากนั่งแท็กซี่กลับคนเดียว”“เหมือนกันเลยพี่ดื่มเข้าไปเยอะ ไม่อยากเมาแล้วขับ”ใบหน้าหล่อยิ้มหวานแล้วนึกขึ้นได้ว่าบ้านของตัวเองเป็นทางผ่านบ้านของเหมือนฝันครั้งหนึ่งรถเขาเสียที่บริษัทยืนรอช่างมาซ่อมตั้งนานสุดท้ายซ่อมไม่ได้ต้องลากไปซ่อมยังอู่อยู่ดี เหมือนฝันผ่านมาเจอก็เลยอาสาขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งบ้าน ชายหนุ่มถึงได้รู้ว่าบ้านเราอยู่ใกล้กัน“จะกลับบ้านใช่ไหม เดี๋ยวพี่ไ
ยินดีให้บริการค่ะ ขอบคุณและสวัสดีค่ะ...”เหมือนฝันเอ่ยปิดเคสแล้วพักสายเพื่อรีมาร์กสาเหตุของอุบัติเหตุเอาไว้เหมือนทุกเคสที่จบงานและวางสายแล้ว ทว่าปลายนิ้วยาวยังไม่ทันเคาะลงบนแป้นพิมพ์หัวไหล่ก็ถูกสะกิดโดยพี่กุ๊ก“น้องฝันเดี๋ยวค่อยมารีมาร์กคือว่าเลขาฯ คุณวายุโทรมาให้แกขึ้นไปพบคุณวายุหน่อย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”เหมือนฝันยิ้มรับบาง ๆ แล้วส่ายหัวแทนคำตอบแม้จะรู้เต็มอกว่าเขาเรียกเธอไปพบเรื่องอะไร ไม่ใช่เรื่องงานแต่มันคือเรื่องส่วนตัวระหว่างเราสองคน ฝ่ายหัวหน้างานได้แต่มองตามคนเป็นลูกน้องไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงขนาดประธานบริษัทต้องเรียกพบปลายเท้าของเหมือนฝันมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะเลขาฯหน้าห้องซึ่งยามนี้กำลังตั้งอกตั้งใจพิมพ์อะไรบางอย่างลงคอมพิวเตอร์ เธอเหลือบสายตามองประตูห้องทำงานของวายุแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ“อะ อ้าว มาหาใครเหรอคะ” เอนจอยขยับกรอบแว่นเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอผู้หญิงร่างอวบอ้วนยืนอยู่ตรงหน้า“ฉันมาพบคุณวายุค่ะ เห็นท่านเรียกพบ”“ออ คุณคือคุณเหมือนฝันใช่ไหมคะ”“ใช่ค่ะ”“รอสักครู่นะคะ” เอนจอยยกหูโทรศัพท์แจ้งคนเป็นเจ้านายว่าคนที่ต้องการพบมาถึงแล้ววายุนั่งรออีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ ปลายนิ้วยาว
“ทางนั้นเป็นห้องคอลเซ็นเตอร์ของแผนกเคลมประกันรถยนต์ค่ะ”เอนจอยหันไปบอกวายุซึ่งกำลังเดินกวาดสายตามองไปยังแผนกต่างๆ ก่อนจะไปหยุดตรงประตูห้องแผนกที่เอนจอยเพิ่งแนะนำไปเมื่อครู่คราแรกเขาจะเลยผ่านห้องนั้นไปเพราะไม่อยากเจอเจ้าของร่างอวบแต่แล้วก็ชะงักฝีเท้าลงเมื่อประตูห้องนั้นเปิดออกเพราะมีพนักงานพากันสับเปลี่ยนกะเวลาทำงานทว่าจนแล้วจนรอดชายหนุ่มก็ไม่เห็นหน้าเหมือนฝันเดินออกมาจาห้องนั้นเลย จนกระทั่งเห็นคุณกุ๊กเดินออกมา“สวัสดีครับคุณกุ๊ก”เขาเอ่ยทักทายหัวหน้าแผนกทันทีเมื่อเห็นเธอเดินออกมาแถมขาเจ้ากรรมก็ก้าวเข้าไปหาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้“สะ...สวัสดีค่ะท่านประธาน”น้ำเสียงตะกุกตะกักตอบกลับด้วยความประหลาดใจ ตัวแข็งทื่อเหมือนทำตัวไม่ถูกเสียมากกว่า“พนักงานเพิ่งเปลี่ยนกะทำงานเหรอครับ” ชายหนุ่มเริ่มเปิดประเด็นถามทั้งที่รู้ตารางเวลางานแต่ละแผนกอยู่แล้ว“ใช่ค่ะ”“แล้ววันนี้งานเป็นอย่างไรบ้าง”“เออก็ดีค่ะ งานยุ่งนิดหน่อยเพราะมีพนักงานลาป่วยเพราะเกิดอุบัติเหตุ” เธอตอบฉะฉานแม้ว่าเกร็ง ๆ อยู่บ้าง“พนักงานคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างให้เขาพักรักษาตัวจนกว่าจะหายนะแล้วค่อยให้กลับมาทำงาน”“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคุณภูริจะเป็นคนอยู่เบื้องหลังแล้วก็ทุจริตบริษัทเราไปมากมายขนาดนั้น”พี่นิดารำพึงออกมา แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดแต่ก็คิดเหมือนกันเพราะภาพลักษณ์เวลาภูริอยู่ในบริษัทคือผู้ชายอบอุ่นใจดี เข้าใจหัวอกพนักงานแต่เบื้องหลังก็คือคนร้ายนี่เอง“แล้วนี่น้องฝันจะกลับมาทำงานวันไหนอ่า คิดถึงเสียงหัวเราะลั่นห้องจะแย่” พี่สมรทำหน้าเหงาหง่อย“ไม่รู้สิ ก็คุณวายุถูกยิงขนาดนั้นก็คงนานอยู่หรอก” พี่กุ๊กพูดเสริมแล้วทุกคนในแผนกก็ต่างต้องหันไปทางประตูเหมือนว่ามีใครอีกคนกำลังเปิดประตูเข้ามา“มีใครบ่นคิดถึงเหรอคะ”“น้องฝัน!” ทุกคนกรูกันเข้าไปหาแล้วจับหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจว่าน้องเล็กของทีมได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า“ฝันไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วงวันนี้เลยแวะมาทำงานช่วงเช้าแล้วก็ช่วงบ่ายจะไปโรงพยาบาลต่อคุณหมดนัดตรวจเจ้าตัวเล็กค่ะ”พูดพร้อมกับลูบหน้าท้องน้อยทุกคนต่างหันมองหน้ากันไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อได้แต่ยกมือเร้า ๆสะกิดกัน ก่อนพี่กุ๊กจะพูดขึ้นเสียงดัง“ฉันกำลังจะได้เป็นป้าของลูกท่านประธานแล้ว” ประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดีเหตุการณ์วันนั้นสร้างความอยากรู้ให้กับเพื่อนร่วมงานเหมือนฝันจึ
“กี่เดือนแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นถาม“สองเดือนค่ะ”“รู้ตอนไหนว่าท้องทำไมไม่บอกพี่เลย” น้ำเสียงนั้นมีความน้อยใจแฝงอยู่“รู้ตอนวันเกิดคุณลุงค่ะ”“ตอนที่ฝันบอกพี่ว่าไปหาหมอนะเหรอ” เหมือนฝันพยักหน้ารับงึก ๆ ทว่าคนฟังกลับมองด้วยสายตาตัดพ้อเขาไม่ได้อยู่ในวันที่รับรู้ข่าวดีว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเราแถมยังปล่อยให้ไปหาหมอเพียงลำพังอีกต่างหาก“อย่าทำสีหน้าอย่างนั้นสิคะ”“ถ้าไม่ให้ทำสีหน้าแบบนี้จะให้ทำสีหน้าแบบไหนล่ะครับ เมียไปหาหมอคนเดียวและรู้ว่าท้องก็ยังไม่บอกอีก”น้ำเสียงเริ่มขึ้นจมูกพลันน้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลออกมาง่ายๆ ยิ่งเธอปลอบเท่าไรเขาก็ร้องไห้หนักขึ้นเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อนหลังจากอยู่ดูแลคนถูกยิงจนหายดีแล้วเพราะแผลไม่ได้ถูกจุดสำคัญหมอก็ให้วายุกลับไปพักฟื้นที่บ้านและแน่นอนว่าเจ้าตัวก็คอยออดอ้อนคนเป็นเมียอยู่ร่ำไปหากใครมาเห็นคงไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือคุณวายุ“ป้ามาลีทำอะไรมาให้ผมกินครับเนี่ย ทำไมเหม็นแบบนี้” มือหนาเลื่อนถ้วยข้าวต้มออกแล้วยกมือขึ้นอังจมูก“ก็ข้าวต้มของโปรดคุณลมยังไงคะ ป้าเพิ่งยกลงจากเตาเมื่อกี้สด ๆ ร้อน ๆเลย” แม่บ้านประจำตระกูลหน้าตื่นวินไทยกับวารินทร์ก้ม
ไม่รู้ว่าสายอะไรต่อสายอะไรห้อยระโยระยางเต็มไปหมด คนถูกยิงได้แต่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง ต่อให้เหมือนฝันอยากเข้าไปหาแค่ไหนก็ทำได้แค่มองผ่านกระจกใสอันเล็กของประตูกั้นก็เท่านั้นวายุปลอดภัยแล้วแต่ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิดจึงยังต้องงดเยี่ยมไปก่อนจนกว่าจะฟื้นขึ้นมาบางคนทยอยกลับกันไปบ้างแล้วเหลือเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังคงนั่งรออยู่ที่เดิมเพราะกลัวว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงนั้น“พี่ว่าแกกลับบ้านไปพักก่อนไหม ถ้าไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่ลูกในท้องหน่อยก็ดีนะ”เหมือนฟ้าเดินเข้ามาตบไหล่น้องสาวแล้วทรุดตัวนั่งลงด้านข้าง“ฝันอยากอยู่ดูว่าเขาฟื้นแล้ว”“พี่รู้ว่าแกเป็นห่วงลม แต่แกก็ต้องห่วงตัวเองกับลูกด้วย”หญิงสาวช่างใจอยู่ครู่หนึ่งแววความกังวลผุดขึ้นในดวงตา ส่วนอีกมือก็ลูบหน้าท้องน้อยต้องเรียกว่าความโชคดีหรือเปล่านะที่เธอแทบจะไม่มีอาการแพ้ท้องเหมือนคนอื่นเลยแถมยังผ่านเรื่องเครียดมาตั้งมากมายเจ้าก้อนในท้องกลับไม่ทำให้เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด“ก็ได้ค่ะ แต่ขอฝันอยู่ดูพี่ลมอีกสักนิดก่อนได้ไหมคะ”“ตามใจ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อนจะได้ไปส่งแกด้วย แล้ววันนี้กลับไปนอนบ้านค
เหมือนฝันกุมหน้าตัวเองแน่นขึ้นพร้อมกับคิดหาทางออกแต่คิดอย่างไรก็ไม่เป็นผลในเมื่อปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ที่ขมับด้านซ้าย หากเธอตุกติกแม้แต่นิดเดียวมีหวังลูกตะกั่วได้วิ่งเข้าไปทักทายมันสมองเธอแน่นอนวายุรู้สึกหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดขณะที่หัวใจเต้นรัว ดวงตาที่สบกับเหมือนฝันนั้นมันมีอะไรบางอย่างบอกเอาไว้และเขาอ่านมันออกหญิงสาวพยักหน้าให้กับเขาเพื่อเตรียมตัวทำอะไรบางอย่างแต่เขากลับส่ายหัวให้เธออยู่เฉยๆ อย่าทำอะไรทว่ามันกลับไม่ทันเสียแล้วเหมือนฝันใช้วิชาเอาตัวรอดจากการถูกจับเป็นตัวประกันที่ได้เรียนมาเมื่อตอนเข้าชมรมสมัยมหาวิทยาลัยแล้วกระทุ้งหน้าท้องคนร้ายก่อนจะบิดแขนข้างที่มีปืนให้ยกขึ้นฟ้าความชุลมุนเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนฝันรีบวิ่งไปหาวายุ ภูริโกรธขึ้นขีดสุดเลยเล็งปืนไปยังเหมือนฝันแล้วเหนียวไกยิงทว่าคนที่รับกระสุนแทนกลับเป็นวายุ เขาใช้ตัวเองบังร่างอวบนั้นไว้แล้วทรุดตัวล้มลง“พี่ลม”หญิงสาวกรี๊ดออกมาสุดเสียงแล้วประคองร่างเลือดท่วมนั้นเอาไว้ จากนั้นเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัดจากการวิสามัญคนร้าย“พี่ลม ไม่นะ อย่าเป็นอะไรนะ ฟื้นสิ” เธอพยายามตบหน้าเขาเบา
“เฮ้ย! พวกนั้นหายไปไหน” ชายใบหน้าดุดันมีรอยบากระหว่างหัวคิ้วร้องตะโกนขึ้นสุดเสียงชายที่เหลือวิ่งหน้าตั้งเข้ามาแล้วกวาดตามองรอบบริเวณไม่เห็นแม่แต่เงาของพวกผู้หญิงที่พวกเขาจับมาเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่ ทิ้งไว้เพียงหนวดกุ้งรัดแขนเอาไว้ให้ดูต่างหน้าก็เท่านั้น“ไปตามหาตัวพวกมันสิวะ แล้วเอาตัวกลับมาให้ได้ยืนเซ่ออยู่ทำไม”ภูริตวาดลูกน้องลั่นแล้วไล่ด้วยความเดือดดาลก่อนจะวิ่งไปอีกทางเพื่อตามหาเพราะเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นก็ได้เวลานัดกับวายุแล้วบริเวณริมป่าละเมาะเหมือนฝันกึ่งเดินกึ่งวิ่งนำหน้าเพื่อมองหาลู่ทางและเข้าใกล้เขตหมู่บ้านคนเพื่อขอความช่วยเหลือทว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืดมิดเสียงวิ่งจากเบื้องหลังด้วยความเร็วพร้อมกับแสงไฟฉายสาดส่องไปมาทำให้รู้ว่าพวกมันใกล้เข้ามาถึงเต็มทีแล้ว“คุณณิ คุณน้ำ เร็วกว่านี้หน่อยค่ะ พวกมันตามมาแล้ว”เหมือนฝันเร่งสองสาวที่เดินรั้งท้ายส่วนตัวเองนั้นก็เริ่มเหนื่อยหอบเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง“เฮ้ย พวกมันอยู่นั้น หยุดนะเว้ย”ความกลัวทำให้วารินทร์สั่นไปทั้งตัววิ่งมองหลังจนไม่ทันระวังสะดุดหินล้มลงบนทางลูกรังจนข้อเท้าพลิกทำให้ลุกขึ้นเดินต่อไม่ได้ พอมอ
ทุกคนมานั่งประจำที่ตัวเองกันหมดแล้วยกเว้นเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังไม่กลับมา“ยัยฝันไปไหน ตั้งแต่แม่ยกถาดอาหารออกมายังไม่เห็นเลย”“น่าจะเอาเสื้อไปเก็บมั่งครับ แต่ก็ไปนานแล้วนะครับ” ตรีวิทย์บอกแล้วยืดคอขึ้นมองไปยังโรงจอดรถ“ถ้างั้นเดี๋ยวป้าไปตามให้นะคะ” ป้ามาลีอาสแล้วก็เดินออกไปไม่นานก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาด้วยสีหน้าตื่นในมือมีรองเท้าอยู่ข้างหนึ่งซึ่งวายุจำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นของเหมือนฝัน หัวใจเขากระตุกวูบขึ้นมาแล้วรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาเปิดกล้องวงจรปิดดูทันทีเขาขบกรามแน่นเมื่อเห็นผู้ชายตัวใหญ่สองคนกำลังหิ้วปีกร่างไร้สติออกไปจากบ้านอย่างเงียบ ๆ โดยหลบเลี่ยงสายตาจากคนทั้งบ้านโดยไม่มีใครสังเกตเห็น“ต้องเป็นฝีมือไอ้ภูริแน่นอน” วายุสบถออกมา“คนเดียวกันกับที่เคยจับฟ้าไปน่ะเหรอ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับอนุชได้ยินแบบนั้นก็เข่าอ่อนทำท่าจะเป็นลมจนเหมือนฟ้าต้องรีบพยุงและพาไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด ป้ามาลีรีบไปหายาดมมาให้ทันที“ผมพลาดเองที่ละหลวมความปลอดภัยเพราะคิดว่าคนอยู่เยอะกันขณะนี้มันคงไม่กล้าลงมือ”สองมือกำแน่นเข้าหากันเพราะรู้สึกเป็นห่วงเหมือนฝันจับใจ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นตอนแรก
“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว”คุณหมอสาวสวยในชุดกาวน์เงยหน้าขึ้นบอกด้วยรอยยิ้มหลังจากได้รับชาร์ตคนไข้จากพยาบาลเพื่อดูผลตรวจ“ท้องเหรอคะ ฉันจะท้องได้ยังไงคะ ในเมื่อฉันป้องกันด้วยการกินยาคุมตลอด” เกิดคำถามขึ้นมาในหัวมากหมาย“การกินยาคุมไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ บางครั้งหากเราทานยาร่วมกับยาปฏิชีวนะก็อาจจะทำให้ตัวยาคุมเสริมคุณภาพลง หรือในขณะมีเพศสัมพันธ์มีการกระทำซ้ำอย่างต่อเนื่องก็ไม่สามารถป้องกันได้ครอบคลุมและสุดท้ายเลยก็คือลืมทานยาอย่างต่อเนื่อง”เพียงแค่ได้ยินคำว่ากระทำซ้ำ เหมือนฝันก็หมดคำถามลงทันทีว่าทำไมถึงท้องได้ ทุกครั้งวายุไม่เคยป้องกันเลยแถมยังดุดันกินเธอซ้ำอยู่ทั้งคืนจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงในยามเช้าอีกต่างหากเสียงแจ้งผลการตั้งครรภ์ยังก้องอยู่ในหัวเลยไม่ได้ยินเสียงเรียกชื่อจากพยาบาลสาวสวยจนเธอต้องเดินมาสะกิดเหมือนฝันจึงได้สติกลับมา“เชิญคุณเหมือนฝันไปรับยาที่ช่องหมายเลขหนึ่งนะคะ”พยาบาลสาวผายมือเชิญให้เดินตามไป“อย่าลืมทานยาบำรุงและยาแก้แพ้ให้ครบตามที่หมอบอกนะคะ แล้วก็นัดครั้งต่อไปอย่าลืมพาคุณพ่อมาตรวจเลือดด้วยนะคะ”พยาบาลยื่นซองยาสีน้ำตาลพ
ท้อง!เธอยกกล่องมันขึ้นอ่านวิธีดูค่าการตั้งครรภ์ใหม่อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเธออ่านไม่ผิด แต่ความจริงก็คือความจริงเธอกำลังตั้งท้องเปลี่ยนจากความกังวลเป็นความเครียดทันทีเรี่ยวแรงที่เดินออกมาจากห้องน้ำแทบไม่มี ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองซึ่งมีก้อนเลือดอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องจะบอกเรื่องนี้กับเขาดีไหมเพราะเธอเพิ่งขอหย่ากับเขาไปเองถ้าเขารู้ว่าเรามีลูกด้วยกันเขาจะรู้สึกอย่างไร การแต่งงานเกิดขึ้นเพราะความจำเป็นและเธอก็แอบรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนฝันยังคงไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังตั้งท้องคิดว่าที่ตรวจคงมีปัญหาจึงคิดเอาไว้พรุ่งนี้จะไปตรวจที่โรงพยาบาลให้แน่ใจร่างอวบเดินเหม่อลอยมาตามทางเดินโดยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียด้วยซ้ำจึงทำให้ไม่ทันระวังเดินชนกับการันต์ตรงหน้าประตูทางเข้าแคนทีนของบริษัท“ขะ...ขอโทษค่ะ” ไม่ได้มองหน้าเสียด้วยซ้ำว่าคนถูกชนเป็นใคร“ฝันเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมถึงดูหน้าซีด ๆ”“พี่รันต์เองเหรอคะ” ขยับตัวเล็กน้อยแต่ร่างกายก็โอนเอนการันต์รีบเข้าไปพยุงแล้วประคองไปนั่งตรงม้านั่งยาวริมทางเดินก่อนจะยื่นยาดมไปให้เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวทำท่าจะเป็นลม“ไม่
ริมฟุตบาทมีร้านค้าตั้งเรียงรายเต็มสองข้างทาง เหมือนฝันทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะชะโงกมองส้มตำร้านโปรดแล้วหันกลับไปหาผู้อยู่หลังพวงมาลัย“พี่ลม จอด!”วายุเหยียบเบรกแล้วเลี้ยวรถจอดข้างทางหันไปมองคนเจ้าเนื้อที่กำลังชะโงกคอออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง“วันนี้เรากินข้าวนอกบ้านได้ไหมคะ”“อืม ได้สิ ฝันอยากกินอะไรล่ะ”“อยากกินส้มตำปูปลาร้าแซบ ๆ สักครก” แค่พูดก็น้ำลายสอมุมปากนานเท่าไรแล้วที่เธอไม่ได้กินส้มตำ“แน่ใจเหรอว่าจะกินร้านข้างทาง มันสะอาดหรือเปล่า”เขาเดินตามหลังร่างอวบที่เดินนำหน้าไปอีกทางหนึ่งหลังจากจอดรถเสร็จแล้ว“สะอาดแน่นอนค่ะ ฝันมากินร้านนี้ค่อนข้างบ่อย”วายุนั่งมองเหมือนฝันสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่วแต่ส่วนใหญ่มีแต่คงรสจัดและรสเผ็ดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ยำ หรือต้มแซบหม้อไฟ“มองอะไรคะ ไม่เคยเห็นคนกินข้าวหรือไง”ระหว่างเงยหน้าขึ้นจากการก้มลงดูดขาปูจากจานรองเธอเห็นวายุเอาแต่จ้องมองโดยไม่แตะต้องอาหารที่เธอสั่งมาเลยแม้แต่นิดเดียว“เคย แต่ไม่คิดว่าจะสั่งมาเยอะขนาดนี้ กินหมดเหรอ”“หมดสิคะ ฝันอยากกินมาหลายวันแล้ว” ทั้งพูดทั้งเคี้ยวเขาได้แต่นั่งมองด้วยความเอ็นดู