“ฝัน! ไม่กินข้าวก่อนเหรอลูก”
“ไม่อ่าแม่ สายแล้ว เดี๋ยวฝันไปทำงานไม่ทัน”
เหมือนฝันตะโกนตอบคนเป็นแม่พร้อมกับก้าวขาขึ้นค่อมมอเตอร์ไซค์คู่ใจส่วนมือก็ประวิงกับการสวมหมวกกันน็อคสีชมพูหวานก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วบิดออกไป
อนุชชะเง้อมองตามร่างลูกสาวคนเล็กของบ้านแล้วส่ายหัวไปมา
ปีนี้เหมือนฝันอายุ 28 ปีแล้ว ทว่าเจ้าตัวยังกระโดกกระเดกเป็นม้าดีดกะโหลกอยู่เลยแล้วแบบนี้จะได้แต่งงานออกเหย้าออกเรือนเหมือนพี่สาวเมื่อไร
“อ้าว! นังนี่ก็อีกคน ตื่นสายเหมือนกันเหรอ”
บ่นลูกสาวเสร็จอนุชก็หันไปเจอกับหลานสาวซึ่งกำลังเดินย่องลงบันไดบ้านเพื่อไปโรงเรียน
“แฮ ๆ รุ้งไปเรียนก่อนนะป้า” พูดจบทอรุ้งก็วิ่งปรูดออกจากบ้านไปทันที ขืนชักช้ากว่านี้คงถูกคนเป็นป้าบ่นจนหูชาแน่นอน
“พอกันทั้งลูกทั้งหลานก็พากันตื่นสาย”
ทอรุ้งเป็นลูกของน้องสาวเธอซึ่งตายไปตั้งแต่เด็กสาวยังเด็กส่วนพ่อของมันก็ไปมีเมียใหม่ไม่มาดูดำดูดีลูกในใส้เลยสักครั้ง ด้วยความสงสารอนุชจึงรับมาเลี้ยงเพราะถึงอย่างไรแล้วก็เป็นสายเลือดเดียวกัน
บ้านหลังนี้เมื่อก่อนอยู่กันสี่คนซึ่งล้วนเป็นผู้หญิงทั้งหมด ทว่าลูกสาวคนโตของเธอได้แต่งงานไปเมื่อสองปีที่แล้ว ยามนี้บ้านหลังเล็กจึงเหลือกันแค่สามคนเท่านั้น
เช้าวันจันทร์ในเมืองหลวงย่อมเป็นวันที่แสนวุ่นวาย รถราติดกันยาวหลายกิโลเมตรแทบไม่ขยับเขยื้อนไปไหน แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเหมือนฝันเพราะรถมอเตอร์ไซค์ของเธอสามารถลัดเลาะซอกซอยมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่ทำงานเส้นยาแดงผ่าแปดแบบเฉียดฉิว
“โฮ...สภาพเหรอเนี่ย ไอ้ฝัน!”
พี่กุ๊กหัวหน้าทีมคอลเซ็นเตอร์ทีมสามเอ่ยทักลูกน้องในแผนกพลางส่ายหัวไปมา
ใบหน้ากลมโล้นไร้เครื่องสำอาง ผมยาวสะยายถึงกลางหลังชี้ฟูไม่เป็นทรง หากเดาไม่ผิดคงเพิ่งผ่านการสระมาแต่มันยังไม่แห้งดีเลยอาศัยลมธรรมชาติขณะแว้นมาทำงานเป่าให้แห้ง
“ยังไม่ชินอีกเหรอพี่กุ๊ก” พี่สมรเพื่อนร่วมงานในทีมเดินมาจากด้านหลังเอ่ยแซวก่อนจะเดินเลยไปนั่งประจำที่ของตัวเอง
“ใครมันจะไปชิน เมื่อไรแกจะมาทำงานด้วยใบหน้าสวย ๆ สักที”
คุยกับพี่สมรเสร็จก็หันมาบ่นร่างอวบที่กำลังรื้อลิ้นชักโต๊ะทำงานเพื่อควานเอาเครื่องสำอางออกมาแต่งแต้มใบหน้าให้มีสีสันต์
“ก็มันตื่นไม่ทันอ่าพี่กุ๊ก”
เหมือนฝันหันมายิ้มแป้นพลางยกดินสอขึ้นมาเขียนคิ้ว
“ก็เลิกดูซีรี่ส์เกาหลีจนดึกดื่นสักทีสิ แล้วนอนให้มันเร็ว ๆ จะได้ตื่นแต่เช้าได้”
สองมือเท้าสะเอวบ่นอุบลูกน้องสมกับเป็นวัยทองอายุย่างเข้า
ห้าสิบปี
“จ้า รู้แล้วค่ะ เลิกบ่นสักทีเถอะพี่กุ๊ก ดูสิตีนกาขึ้นแล้วเนี่ย”
“นี่ เธอว่าฉันแก่เหรอ”
“เปล่าสักหน่อย ฝันยังไม่ได้พูดนั้นเลยนะ”
“เถียงคำไม่ตกฟากเดี๋ยวแม่จะหักเงินเดือนให้หมด”
พี่กุ๊กประชดแกมหยอก ทว่าคนตัวกลมกลับเบิกตากว้าง
“อย่านะพี่กุ๊ก ขนาดไม่หักยังแทบไม่พอกิน ถ้าถูกหักมีหวังได้ขุดหญ้ามากินแทนข้าวแน่เลย”
น้ำเสียงออดอ้อนดวงตากลมคู่สวยกระพริบถี่ทำเอาหญิงเลยวัยกลางคนหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วไล่ทุกคนกลับไปทำงาน
4 ปีแล้วสำหรับการทำงานที่นี่นับจากวันที่เรียนจบ มันผ่านไปไวเหมือนโกหก แต่เธอก็มีความสุขดี เพื่อนร่วมงานก็น่ารักมากต่างช่วยเหลือกันเมื่อมีเหตุจำเป็นเสมอ
บริษัท Wind Thai จำกัดเป็นบริษัทเอ้าซอร์สอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ มีพาร์ทเนอร์นับร้อยบริษัทมาจ้างให้ที่นี่ทำงานแทนเพราะเห็นว่าทำงานรวดเร็วและมีคุณภาพแถมการบริการยังเข้าถึงง่ายอีกด้วย
เหมือนฝันสมัครเข้ามาทำงานแผนกคอลเซ็นเตอร์เพราะเห็นว่าฐานเงินเดือนค่อนข้างเยอะ สวัสดิการก็เลิศ ดูแลค่ารักษาพยาบาลแบบครอบคลุมและที่สำคัญโบนัสแต่ละปีก็ได้หลายเท่าตัวของเงินเดือน
หลังจากจัดการกับผมเผ้าและหน้าตาเรียบร้อยแล้วเหมือนฝันหันกลับไปเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์และจัดการเตรียมสวมเฮดเซ็ทเพื่อเปิดระบบรับสายจากลูกค้า
แผนกคอลเซ็นเตอร์ของบริษัทมีหลายทีมแต่ละทีมก็ทำงานแตกต่างกันออกไป บางแผนกคอยรับสายร้องเรียนการให้บริการจากลูกค้า บางแผนกก็รับสายการโยกย้ายหรือสั่งสินค้า
สำหรับทีมที่เหมือนฝันประจำอยู่เป็นแผนกคอลเซ็นเตอร์ของประกันรถยนต์รายใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งจะคอยรับสายจากลูกค้าที่เกิดประสบอุบัติเหตุรถชนแล้วต้องการเรียกประกันเพื่อไปประเมินความเสียหาย
ห้องทำงานของแผนกนี้แยกออกมาเป็นส่วนตัวอยู่ด้านในสุดมีพนักงานประจำอยู่ทั้งหมดห้าสิบกว่าคน แบ่งทำงานเป็นสามกะด้วยกันเพื่อสลับสับเปลี่ยนกันทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
อาชีพคอลเซ็นเตอร์ใคร ๆ ก็ว่าสบาย มันก็จริงที่อาจจะเป็นงานไม่หนักอะไรอย่างมากก็จำข้อมูลของกรมธรรม์เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบและคอยรับเรื่องประสานงานก็เท่านั้น
ทว่าเบื้องลึกกลับเป็นงานค่อนข้างเครียดจากการถูกลูกค้าบางคนด่าทอโดยใช้ถ้อยคำรุนแรงซึ่งพนักงานได้แต่นั่งเงียบฟังเท่านั้นไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย หลังจากวางสายค่อยลุกออกไปร้องไห้หรือสงบสติเพื่อปรับอารมณ์แล้วกลับเข้ามาประจำที่เพื่อรอรับสายใหม่
ซึ่งก็เหมือนกับลูกค้าสายนี้
“บริษัท K.P.I ประกันภัยสวัสดีค่ะ...ลูกค้าเกิดอุบัติเหตุที่ไหนคะ”
เสียงหวานของเหมือนฝันซึ่งตรงข้ามกันกับหน้าตาเอ่ยถามลูกค้าคนแรกของวันด้วยความเป็นห่วง ก่อนใบหน้าสวยจะหุบยิ้มลงทันควันเมื่อถูกตะคอกกลับเสียงดังจนต้องยกเฮดเซ็ทออกจากหู
เมื่อวางสายนั้นเสร็จเหมือนฝันถึงกับพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เข้าใจได้แหละว่าคงตกใจกับอุบัติเหตุแต่เช้าแล้วทำไมต้องมาลงหรือโวยวายกับพนักงานด้วยแทนที่จะพูดคุยกันดี ๆ
เธอไม่ใช่คู่กรณีเสียหน่อย...
เวลาเลื่อนเคลื่อนไปจนเกือบเที่ยงพนักงานอีกกะหนึ่งก็เริ่มทยอยเข้ามาประจำโต๊ะทำงานเพื่อสับเปลี่ยนให้อีกทีมไปกินข้าว ระหว่างนั้นพี่กุ๊กก็เคาะโต๊ะเรียกประชุมเพื่อแจ้งข่าวจากฝ่ายHR
“HR เพิ่งแจ้งข่าวเรื่องงานประจำปีของบริษัทพี่มาเมื่อกี้ ปีนี้เขาจะจัดตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมนะ ซึ่งตรงกับวันคริสต์มาส ทางบริษัทจัดรวมกันกับงานปีใหม่ทีเดียวเลย”
พี่กุ๊กยกโพสต์อิสในมือขึ้นอ่านรายละเอียดอีกครั้งก่อนจะนึกขึ้นได้
“อ้อ พี่ลืมบอกว่าประธานบริษัทคนใหม่จะมาร่วมงานนี้ด้วยนะ”
“โฮ มาได้สักทีนะเห็นว่าขึ้นรับตำแหน่งแทนพ่อตั้งนานแล้ว”
พี่ดาหรือนิดาเพื่อนสนิทของพี่สมรเอ่ยขึ้นพร้อมกับนิ่วหน้าส่ายไป
ส่ายมา
เหมือนฝันยืนงงเป็นไก่ตาแตกพลางย่นคิ้ว ประธานบริษัทคนใหม่อย่างนั้นเหรอบริษัทเราเปลี่ยนตอนไหนทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลย หญิงสาวขยับตัวเองไปใกล้รุ่นพี่แผนกพลางสะกิดไหล่เบา ๆ
“พี่มร ๆ”
“อะไรยัยฝันสะกิดอยู่ได้”
สมรยักไหล่ขึ้นแล้วหันไปทำเสียงดุใส่เหมือนฝันซึ่งกำลังทำตาแป๋วเหมือนลูกแมว
“อย่าเพิ่งดุสิพี่มร ฝันแค่จะถามเอง”
“ถามอะไร”
“บริษัทเราเปลี่ยนประธานตอนไหนเหรอ ทำไมฝันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
ประโยคคำถามทำเอาสมรกับนิดาหันมองหน้าคิ้วเลิกขึ้นสูง
พร้อมกัน ไม่คิดเลยว่าในบริษัทจะมีคนไม่รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ
“อย่าบอกว่าแกไม่รู้เรื่องนี้”
เหมือนฝันเม้มปากเข้าหากันแล้วพยักหน้างึก ๆ
“ตายแล้วยัยฝัน แกไปอยู่ที่ไหนมาเขารู้เรื่องนี้กันสองปีแล้วแม่คุณ”นิดายกมือทาบอก
“สองปีแล้วเหรอ? แล้ว...ทำไมฝันไม่เคยเห็นเขามาทำงานเลยล่ะหรือว่ามาแล้วแต่ฝันไม่รู้ เขาหล่อไหม? หรือว่าเป็นผู้หญิง”
เหมือนฝันแทบไม่สนใจในสิ่งที่พี่กุ๊กประชุมอยู่เสียด้วยซ้ำแต่กลับสนใจเรื่องประธานบริษัทคนใหม่เสียมากกว่า
“เป็นผู้ชายจ้ะ เห็นว่าหล่อมากและไม่แปลกใจหรอกถ้าแกไม่เห็นเพราะพนักงานบริษัทเราก็ยังไม่มีใครเห็น”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“เห็นว่าท่านไปเรียนต่ออเมริกาแต่ก็มีคนลืออีกนั่นแหละว่าไปเพราะอกหักจากผู้หญิงที่ชอบหนีไปแต่งงาน” เหมือนฝันพยักหน้าเข้าใจแล้วเอ่ยถามต่อ
“แล้วแบบนี้ใครเป็นคนบริหารงานล่ะคะ”
“ก็คุณชินมัยยังไง ซึ่งมีสถานะเป็นทั้งเพื่อนและมือขวา”
พี่นิดาเล่าละเอียดยิบสมกับเป็นประชาสัมพันธ์ภายในบริษัท อยากรู้เรื่องไหนขอแค่ไปสะกิดถามพร้อมกับกาแฟสักแก้วก็จะได้คำตอบทันที
“เอ้า ๆ ตรงนั้นคุยอะไรกันได้ยินเรื่องที่ฉันประชุมหรือเปล่า”
พี่กุ๊กตะโกนขึ้นทำเอาสะดุ้งกันทั้งแทบ
“ฟังจ้า ฟังอยู่” พี่สมรตอบเสียงเบา
“ถ้าฟังเมื่อกี้ฉันพูดเรื่องอะไร”
ทั้งสามคนหันมองหน้ากันแล้วยิ้มแหยๆ ออกมา สุดท้ายแล้วพี่กุ๊กก็ตาขวางใส่เหมือนเคย
“ฉันพูดถึงตรีมงานแล้วย่ะ ปีนี้เป็นชุดสูทกับชุดราตรีเน้นไปทาง
สีแดงให้เข้ากับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่”
“ทำไมต้องเป็นชุดราตรีด้วยล่ะ” คราวนี้เป็นพี่นิดาถาม
“เพื่อให้เกียรติท่านประธานคนใหม่น่ะแล้วก็เห็นว่าผู้บริหารระดับสูงก็เข้าร่วมเยอะด้วย”
“เหอะ ชุดราตรีเหรอ แล้วฝันจะไปหาจากที่ไหนล่ะเนี่ย” เหมือนฝันก้มลงมองพุงพลุ้ยของตัวเองแล้วออกแรงบีบ
“สมัยนี้แล้วหาไม่ยากจ้ะ เรียนเชิญตึกกรุงทองประตูน้ำนะ รับรอง
มีไซน์เธอแน่นอน”
พี่กุ๊กชี้แนะแหล่งเสื้อผ้าสำหรับสาวพลัสไซน์ก่อนจะบอกให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทานมื้อเทียงแล้วรีบกลับมาทำงานให้ทันช่วงบ่าย
ช่วงเย็นหลังจากเลิกงานเหมือนฝันก็เก็บอุปกรณ์เข้าที่โดยไม่ลืมหยิบแผ่นกระดาษรายการลูกชิ้นปิ้งจากพี่ๆ ในทีมมาด้วยเหมือนฝันขับรถสองล้อคู่ใจกลับมาบ้านหลังเล็กที่เธอเก็บเงินดาวน์และผ่อนเองมาตั้งแต่สมัยเรียนปีสองซึ่งอีกไม่กี่เดือนเธอก็จะจ่ายมันหมดแล้วตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเหมือนฝันก็กลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัว พ่อเสียชีวิตด้วยโรคร้ายแบบกะทันหัน ส่วนแม่เองต้องผ่าตัดกระดูกสันหลังเลยไม่สามารถทำงานหนัก ๆ ได้อาชีพที่ท่านพอจะทำได้เพื่อแบ่งเบาภาระคนในครอบครัวคือการปิ้งลูกชิ้นขายช่วงเย็นเท่านั้น ทว่าน้ำจิ้มรสเด็ดกลับทำให้ลูกค้าติดใจจนต้องมาต่อคิวยาว“มาแม่ เดี๋ยวฝันช่วย”แย่งตะกร้าใบเล็กในมือจากแม่มาแล้วจับปิ้งบนเตาร้อนทันที เหลือบตามองบัตรคิวแล้วลูกค้าคนนี้เป็นคนสุดท้ายของวัน นั่นแสดงว่าขายเร็วจนหมดตั้งแต่หัวค่ำ“จะมาช่วยทำไม กลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ ขึ้นไปอาบน้ำกินข้าวแล้วพักผ่อนเถอะ วันนี้แม่ทำแกงพะแนงเนื้อของโปรดแกไว้ด้วยนะ”“ไม่ดีกว่าจ้ะ ช่วยแม่เก็บร้านเสร็จก่อนค่อยกิน อีกอย่างฝันไม่ชอบกินข้าวคนเดียวมันไม่อร่อย” ปากพูดมือก็ง่วนอยู่กับการพลิกลูกชิ้นในมือไปมาหลังจากลูกค้าคนสุดท้ายเดินไปแ
“แม่! ลูกชิ้นปิ้งของพี่ที่ทำงานฝันสั่งเอาไว้เสร็จหรือยัง”รุ่งเช้าของอีกวันเหมือนฝันแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปในห้องครัวซึ่งมีอนุชกำลังยืนเสียบลูกชิ้นสำหรับเตรียมขายเย็นนี้“เสร็จแล้ว แม่แยกเป็นชุดวางไว้บนโต๊ะกับข้าวนั่นไง”“แล้วแม่ปิ้งเผื่อฝันไหม” เหมือนฝันเดินเข้าไปโอบกอดเอาคางเกยไหล่ออดอ้อนคนเป็นแม่ราวกับเป็นเด็กน้อยอนุชวางไม้เสียบลูกชิ้นในมือแล้วหันกลับมา “เผื่อสิ แม่รู้ว่าแกต้องถามหาอยู่แล้วก็เลยปิ้งไส้กรอกลมควันกับเอ็นหมูไว้ให้“”แล้วกินทุกวันไม่เบื่อหรือไง” เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง“จะเบื่อได้ยังไงน้ำจิ้มของแม่อร่อยขนาดนี้ งั้นฝันไปทำงานก่อนนะ”พูดจบร่างอวบก็ก้มลงไปหอมแก้มแม่ซ้ายขวาก่อนจะเหลือบไปเห็นทอรุ้งเดินลงมาจากด้านบนพอดี“พี่ฝัน รุ้งขอติดรถไปลงหน้าปากซอยหน่อยสิ” ยกมือป้องปากหาวขณะเอ่ยพูดกับคนเป็นลูกผู้พี่“อือ ได้ดิ แล้วนั้นใต้ตาคล้ำเชียว ช่วงนี้นอนดึกบ่อยทำอะไรไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน”“อ่านหนังสือเตรียมสอบค่ะ”เหมือนฝันย่นคิ้วเข้าหากัน“สอบ? สอบอะไร? แกเพิ่งเปิดเทอมได้อาทิตย์เดียวเอง”“สอบ TOPIKภาษาเกาหลีค่ะ” ทอรุ้งเขยิบเข้าไปกระซิบข้างหู เหมือนฝันเพื่อให้ได้ยินกันสองคนแล
แฟ้มเอกสารสีดำนับสิบถูกขนมากองไว้บนโต๊ะทำงานของประธานบริษัทคนใหม่ของ Wind Thai จำกัด สาวหน้าหวานผมยาวปะบ่าสวมชุดสูทกระโปรงสีดำยืนประหม่าอยู่ฝั่งตรงข้ามเลขานุการ นั้นคือตำแหน่งของเธอซึ่งถูกปรับเปลี่ยนจากแผนกบัญชีเมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่อมาเป็นผู้ช่วยของประธานบริษัทคนใหม่ ตอนได้ยินว่าเขาหน้าตาหล่อ สูงจนต้องหารูปถ่ายมาดูเธอเองก็ดีใจจนเนื้อเต้นทว่า...ตอนนี้กลับคิดผิดถนัดเพราะความหล่อมันช่างตรงกันข้ามกับบุคลิกเสียจริง รู้สึกเย็นสันหลังวาบทุกครั้งเมื่อเขาเหลือบมองมา“คุณวายุครับ นี่คุณเอนจอยเป็นเลขาฯ ที่จะมาช่วยงานคุณวายุครับ”ชินมัยเอ่ยแนะนำเลขาฯคนใหม่เพื่อทำลายบรรยากาศอึดอัดในห้องทำงานนิสัยเย็นชาแบบนี้ลำพังตัวเขาไม่เท่าไรหรอกเพราะรู้สึกชินกับมาดขรึมของคนที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสมัยเรียนมัธยมจึงรู้จักนิสัยของวายุเป็นอย่างดี“สวัสดีค่ะ คุณวายุ”เอนจอยรีบยกมือขึ้นไหว้แม้อีกฝ่ายจะมีอายุน้อยกว่าแต่ว่าตำแหน่งกลับสูงกว่าหลายเท่านัก“อืม ผมฝากงานด้วยแล้วกันนะ”พูดเสียงเรียบปราศจากรอยิ้มพลางหยิบแฟ้มเอกสารย้อนหลังของบริษัทมาเปิดดูเพื่อศึกษาอีกครั้งหลังจากก่อนหน้านี้เคยให้ชินมันถ่ายเอกสารส่งไปให
“ชั้นสามของตึกกรุงทองย่านประตูน้ำเจ้าของร่างอวบสูง160 หนัก 75 เดินอ้อยอิ่งทอดน่องสอดส่งสายตามองหาเสื้อผ้าในหุ่นทีละร้านเพื่อเลือกตัวที่เข้ากับตัวเองได้มากที่สุดดวงตากวาดมองทว่าสมองกลับคิดถึงใบหน้าของพี่ลมอยู่ตลอดเวลา เธอยังคงไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะกลายมาเป็นเจ้านายเธอได้“พี่ฝันทางนี้ ๆ ตัวนี้เหมาะกับพี่มากเลย”ทอรุ้งกวักมือเรียกไวไวทำให้ดึงสติคนเจ้าเนื้อกลับมา ฝีเท้าจึงเร่งก้าวไปยังร้านเสื้อทันทีทอรุ้งยื่นชุดเดรสซึ่งทำมาจากผ้าซีฟองสีชมพูโอรสขนาดยาวคลุมเข่ามาให้ เธอเพ่งพิศครู่หนี่งแล้วส่ายหน้าบอกว่ามันไม่เข้ากับตัวเองเพราะหน้าอกมันคว้านลึกเกินไป“พี่ว่าตัวนั้นสวยกว่า”ชี้นิ้วไปยังชุดเดรสสีแดงสดแขนยาวถึงข้อมือ ช่วงหน้าอกออกแบบให้รับกับอกอิ่ม ตรงหน้าท้องเว้านิดหน่อยเพื่อโชว์ผิวส่วนความยาวสูงขึ้นเหนือเข่าเล็กน้อย“ไหนพี่บอกว่าตรีมงานเป็นชุดราตรีไง”เด็กสาวรีบยิงทันทีอันที่จริงมันก็ได้แหละแต่เธอมองว่ามันไม่เหมาะกับพี่สักเท่าไร เหมือนฝันได้ยินอย่างนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ทว่ามันก็สวยจนต้องยมควักเงินซื้อก่อนจะเดินไปหาร้านใหม่เผื่อจะถูกใจมากกว่านี้ไม่นานปลายเท้าของเหมือนฝันก็มาหยุดยืนตรงหน้า
วายุแนะนำทุกคนด้วยท่าทีกระตือรือร้นโดยทิ้งมาดคนเย็นชาจนหมดสิ้นไม่เหมือนพี่ลมคนเดิมสักนิดวารินทร์จับสังเกตและอาการของคนเป็นพี่ชายและฟันธงในใจว่าเขาต้องมีใจให้กับผู้หญิงคนนี้แน่นอน แต่แล้วก็ต้องสรุปใหม่อีกรอบเมื่อผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเป็นเมียของพี่ตรีวิทย์เพื่อนสนิทของพี่ชายตัวเอง...แอบรักเมียเพื่อนคำนี้ไม่เกินจริง“แล้วนี่ หนูมาทานช้าวกับเจ้าตรีเหรอ” วินไทยเอ่ยถาม“เปล่าค่ะ มาทานข้าวกับน้องสาว อีกสักพักก็น่าจะมาถึง”วายุย่นคิ้วก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย“แล้วไอ้ตรีไปไหน วันนี้วันครบรอบแต่งงานของฟ้ากับมันไม่ใช่เหรอ”“ลมจำได้ด้วยเหรอ ไม่เหมือนตรีเลยจำไม่ได้ไม่พอนะ แถมยังยุ่งจนปลีกตัวมาไม่ได้อีก”หญิงสาวไหล่ตกแล้วพ่นลมหายใจออกมาด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ แทนที่คนเป็นผัวจะต้องจำได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรกลับกลายเป็นเพื่อนผัวเสียอย่างนั้นที่จำได้“ฟ้าเลยมาดินเนอร์กับน้องสาวแทนใช่ไหม”ขณะที่พูดวายุอมยิ้มน้อย ๆ ดวงตาเป็นประกาย เหมือนฟ้าพยักหน้ารับพลางสังเกตการแต่งตัวของเขาและครอบครัวเขาไปด้วยซึ่งมันดูเป็นผู้ดีต่างจากภาพลักษณ์ของวายุเมื่อก่อนอย่างลิบลับ ซึ่งดูขาดแคลนจนดูเหมือนไม่มีจะกิน ดูดีหน่อยก็แค่หน
คำว่าอิจฉาผุดขึ้นมากลางหัวใจ เธออิจฉาผู้หญิงคนนั้นที่ได้เข้าไปยึดพื้นที่หัวใจของพี่ลมไว้ได้โดยไม่ต้องออกแรงทำอะไรทว่าอีกใจก็โล่งอกที่ผู้หญิงคนนั้นมีเจ้าของไปแล้ว“อาหารไม่อร่อยเหรอหนู ลุงเห็นเขี่ยไปเขี่ยมาตั้งนานแล้ว”“เออ...อร่อยค่ะ แต่ว่าฝันยังไม่ค่อยหิวเลยทานไม่ค่อยได้”หญิงสาวรีบบอกทันควันแล้วเหลือบมองจานข้าวของวินไทยที่มีข้าวเหลือเต็มจานไม่ต่างกัน จะว่าอาหารไม่อร่อยก็ไม่น่าใช่แต่พอกวาดตามองกับข้าวบนโต๊ะเธอก็เข้าใจได้ทันทีว่ามีแต่ของเคี้ยวค่อนข้างยากเหมือนฝันยกมือเรียกเด็กเสิร์ฟในร้านมาหาแล้วก็กระซิบบอกอะไรบางอย่างเด็กเสิร์ฟพยักหน้ารับรู้หายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมถ้วยไข่ตุ๋นใบใหญ่“หนูว่าคุณลุงทานอันนี้ดีกว่านะคะ เคี้ยวง่ายด้วยจะได้ไม่ปวดฟัน”“รู้ได้ยังไงว่าลุงเคี้ยวไม่ค่อยได้”ชายแก่หันมองหน้าด้วยความแปลกใจเหมือนฝันจึงตอบรับด้วยการยิ้มน้อยๆ“จานข้าวคุณลุงกับหนูไม่ต่างกันเลยค่ะ ข้าวไม่พร่องลงสักนิด”วินไทยหัวเราะร่วนออกมาเสียงดังจนทุกคนบนโต๊ะอาหารหันมามองเป็นตาเดียว ชายแก่ไม่คิดเลยว่าเหมือนฝันจะเป็นคนช่างสังเกตขนาดลูกเขาทั้งสองคนยังไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดเสียด้วยซ้ำเหมือนฟ้าเห็นว่าพ่
ติ๊ง...เสียงลิฟต์ดังขึ้นเรียกสติของเหมือนฝันให้รู้ตัวว่าลิฟต์ตัวนี้เคลื่อนมาถึงชั้นล่างสุดของตัวอาคารแล้ว เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องวันก่อนทำให้เธอไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ในห้วงความคิดยืนอยู่ต่อหน้าแล้วปลายรองเท้าหนังสีดำทำให้เหมือนฝันเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเบิกกว้างจนเผลอล่นถอยหลังจนเกือบชนคนอื่น มือหนากระตุกแขนทีเดียวเท่านั้นรู้ตัวอีกทีใบหน้าเธอก็ซบลงบนแผงอกกว้างแล้ว“อุ้ย...ขอโทษค่ะ”“ระวังหน่อยสิ เกือบชนคนอื่นแล้วรู้ไหม”น้ำเสียงนุ่มละมุนนั้นทำเอาหัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะก่อนจะรีบขืนตัวถอยห่างหากอยู่นานกว่านี้เขาคงได้ยินแน่นอน“ค่ะ ต่อไปฝันจะระวัง” วายุยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วเอ่ยถามต่อ“เที่ยงแล้วจะไปกินข้าวเหรอ”“ค่ะ”เธอยังคงตอบรับสั้น ๆ เหมือนเคยจนเขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าจะประหยัดคำพูดอะไรนักหนา หากเป็นคนอื่นคงโอ้อวดแล้วว่ารู้จักกับประธานบริษัทเป็นการส่วนตัว แต่สำรับคนตัวกลมตรงหน้าเหมือนเธอขีดเส้นบางอย่างกั้นเอาไว้อย่างชัดเจน“งั้นออกไปกินข้าวด้วยกันไหม วันนั้นเราแทบไม่ได้คุยอะไรกันเลยนะ”พนักงานซึ่งกำลังยืนรอลิฟต์อยู่ไม่ไกลหูผึ่งขึ้นมาทันทีแล้วหันมองขวับเป็นตาเดียว เหมือนฝันรับรู้ได
“ป้าดโธ่! พี่ฝันทำไมวันนี้สวยแบบนี้เนี่ย”เมื่อเดินลงมาจากบนบ้านทอรุ้งถึงกับทักท้วงทันทีเพราะไม่เคยเห็นคนเป็นผู้พี่สวยบาดจิตแบบนี้มาก่อน ใครบอกว่าพี่ฝันไม่สวยเธอเถียงใจขาดดิ้นเลยนะ สำหรับเธอหุ่นแบบนี้มาแรงในยุคสมัยนี้จะตายจับตรงไหนก็นุ่มนิ่มไปหมด“นั่นสิ วันนี้ลูกแม่สวยเป็นพิเศษเลยนะ”อนุชเดินเข้ามาจับร่างอวบหมุนกลับไปหมุนกลับมาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ เธอต้องสวยสิเพราะอยากให้พี่ลมมองเห็นเธอในสายตาบ้าง“ขอบคุณนะคะแม่ คืนนี้ฝันไม่ได้กลับนะ งานเลี้ยงเลิกดึกคงเปิดห้องค้างที่โรงแรมเลย”“จ้า แม่รู้แล้วแกบอกแม่รอบที่สามของวันได้แล้วมั่ง แล้วนี้จะไปยังไง”“อย่าบอกนะว่าพี่ฝันจะใส่ชุดสวยแว้นมอเตอร์ไซค์ไป”ยังไม่ทันที่เหมือนฝันจะตอบคนเป็นแม่ทอรุ้งก็รีบทักท้วงขึ้นมาเมื่อเหลือบไปเห็นกุญแจรถในมือพี่สาว“เฮ้ย! ลืมตัว พี่จะไปแท็กซี่”หญิงสาวรีบยัดกุญแจรถใส่มือแม่ทันทีแล้วหัวเราะแก้เขินลิงทโมนยังแฝงร่างอยู่ไม่เกินจริงคงเป็นเพราะความเคยชินกับการเร่งรีบแล้วใช้รถสองล้อคู่ใจอยู่เป็นประจำจึงมักหยิบกุญแจรถออกมาจากบ้านทุกครั้ง“รีบไปเถอะลูก เดี๋ยวจะสายเสียก่อน”อนุชออกปากเตือนซึ่งก็ประจวบกับรถแท็กซี่ที่เธอเรียกผ่
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคุณภูริจะเป็นคนอยู่เบื้องหลังแล้วก็ทุจริตบริษัทเราไปมากมายขนาดนั้น”พี่นิดารำพึงออกมา แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดแต่ก็คิดเหมือนกันเพราะภาพลักษณ์เวลาภูริอยู่ในบริษัทคือผู้ชายอบอุ่นใจดี เข้าใจหัวอกพนักงานแต่เบื้องหลังก็คือคนร้ายนี่เอง“แล้วนี่น้องฝันจะกลับมาทำงานวันไหนอ่า คิดถึงเสียงหัวเราะลั่นห้องจะแย่” พี่สมรทำหน้าเหงาหง่อย“ไม่รู้สิ ก็คุณวายุถูกยิงขนาดนั้นก็คงนานอยู่หรอก” พี่กุ๊กพูดเสริมแล้วทุกคนในแผนกก็ต่างต้องหันไปทางประตูเหมือนว่ามีใครอีกคนกำลังเปิดประตูเข้ามา“มีใครบ่นคิดถึงเหรอคะ”“น้องฝัน!” ทุกคนกรูกันเข้าไปหาแล้วจับหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจว่าน้องเล็กของทีมได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า“ฝันไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วงวันนี้เลยแวะมาทำงานช่วงเช้าแล้วก็ช่วงบ่ายจะไปโรงพยาบาลต่อคุณหมดนัดตรวจเจ้าตัวเล็กค่ะ”พูดพร้อมกับลูบหน้าท้องน้อยทุกคนต่างหันมองหน้ากันไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อได้แต่ยกมือเร้า ๆสะกิดกัน ก่อนพี่กุ๊กจะพูดขึ้นเสียงดัง“ฉันกำลังจะได้เป็นป้าของลูกท่านประธานแล้ว” ประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดีเหตุการณ์วันนั้นสร้างความอยากรู้ให้กับเพื่อนร่วมงานเหมือนฝันจึ
“กี่เดือนแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นถาม“สองเดือนค่ะ”“รู้ตอนไหนว่าท้องทำไมไม่บอกพี่เลย” น้ำเสียงนั้นมีความน้อยใจแฝงอยู่“รู้ตอนวันเกิดคุณลุงค่ะ”“ตอนที่ฝันบอกพี่ว่าไปหาหมอนะเหรอ” เหมือนฝันพยักหน้ารับงึก ๆ ทว่าคนฟังกลับมองด้วยสายตาตัดพ้อเขาไม่ได้อยู่ในวันที่รับรู้ข่าวดีว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเราแถมยังปล่อยให้ไปหาหมอเพียงลำพังอีกต่างหาก“อย่าทำสีหน้าอย่างนั้นสิคะ”“ถ้าไม่ให้ทำสีหน้าแบบนี้จะให้ทำสีหน้าแบบไหนล่ะครับ เมียไปหาหมอคนเดียวและรู้ว่าท้องก็ยังไม่บอกอีก”น้ำเสียงเริ่มขึ้นจมูกพลันน้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลออกมาง่ายๆ ยิ่งเธอปลอบเท่าไรเขาก็ร้องไห้หนักขึ้นเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อนหลังจากอยู่ดูแลคนถูกยิงจนหายดีแล้วเพราะแผลไม่ได้ถูกจุดสำคัญหมอก็ให้วายุกลับไปพักฟื้นที่บ้านและแน่นอนว่าเจ้าตัวก็คอยออดอ้อนคนเป็นเมียอยู่ร่ำไปหากใครมาเห็นคงไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือคุณวายุ“ป้ามาลีทำอะไรมาให้ผมกินครับเนี่ย ทำไมเหม็นแบบนี้” มือหนาเลื่อนถ้วยข้าวต้มออกแล้วยกมือขึ้นอังจมูก“ก็ข้าวต้มของโปรดคุณลมยังไงคะ ป้าเพิ่งยกลงจากเตาเมื่อกี้สด ๆ ร้อน ๆเลย” แม่บ้านประจำตระกูลหน้าตื่นวินไทยกับวารินทร์ก้ม
ไม่รู้ว่าสายอะไรต่อสายอะไรห้อยระโยระยางเต็มไปหมด คนถูกยิงได้แต่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง ต่อให้เหมือนฝันอยากเข้าไปหาแค่ไหนก็ทำได้แค่มองผ่านกระจกใสอันเล็กของประตูกั้นก็เท่านั้นวายุปลอดภัยแล้วแต่ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิดจึงยังต้องงดเยี่ยมไปก่อนจนกว่าจะฟื้นขึ้นมาบางคนทยอยกลับกันไปบ้างแล้วเหลือเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังคงนั่งรออยู่ที่เดิมเพราะกลัวว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงนั้น“พี่ว่าแกกลับบ้านไปพักก่อนไหม ถ้าไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่ลูกในท้องหน่อยก็ดีนะ”เหมือนฟ้าเดินเข้ามาตบไหล่น้องสาวแล้วทรุดตัวนั่งลงด้านข้าง“ฝันอยากอยู่ดูว่าเขาฟื้นแล้ว”“พี่รู้ว่าแกเป็นห่วงลม แต่แกก็ต้องห่วงตัวเองกับลูกด้วย”หญิงสาวช่างใจอยู่ครู่หนึ่งแววความกังวลผุดขึ้นในดวงตา ส่วนอีกมือก็ลูบหน้าท้องน้อยต้องเรียกว่าความโชคดีหรือเปล่านะที่เธอแทบจะไม่มีอาการแพ้ท้องเหมือนคนอื่นเลยแถมยังผ่านเรื่องเครียดมาตั้งมากมายเจ้าก้อนในท้องกลับไม่ทำให้เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด“ก็ได้ค่ะ แต่ขอฝันอยู่ดูพี่ลมอีกสักนิดก่อนได้ไหมคะ”“ตามใจ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อนจะได้ไปส่งแกด้วย แล้ววันนี้กลับไปนอนบ้านค
เหมือนฝันกุมหน้าตัวเองแน่นขึ้นพร้อมกับคิดหาทางออกแต่คิดอย่างไรก็ไม่เป็นผลในเมื่อปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ที่ขมับด้านซ้าย หากเธอตุกติกแม้แต่นิดเดียวมีหวังลูกตะกั่วได้วิ่งเข้าไปทักทายมันสมองเธอแน่นอนวายุรู้สึกหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดขณะที่หัวใจเต้นรัว ดวงตาที่สบกับเหมือนฝันนั้นมันมีอะไรบางอย่างบอกเอาไว้และเขาอ่านมันออกหญิงสาวพยักหน้าให้กับเขาเพื่อเตรียมตัวทำอะไรบางอย่างแต่เขากลับส่ายหัวให้เธออยู่เฉยๆ อย่าทำอะไรทว่ามันกลับไม่ทันเสียแล้วเหมือนฝันใช้วิชาเอาตัวรอดจากการถูกจับเป็นตัวประกันที่ได้เรียนมาเมื่อตอนเข้าชมรมสมัยมหาวิทยาลัยแล้วกระทุ้งหน้าท้องคนร้ายก่อนจะบิดแขนข้างที่มีปืนให้ยกขึ้นฟ้าความชุลมุนเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนฝันรีบวิ่งไปหาวายุ ภูริโกรธขึ้นขีดสุดเลยเล็งปืนไปยังเหมือนฝันแล้วเหนียวไกยิงทว่าคนที่รับกระสุนแทนกลับเป็นวายุ เขาใช้ตัวเองบังร่างอวบนั้นไว้แล้วทรุดตัวล้มลง“พี่ลม”หญิงสาวกรี๊ดออกมาสุดเสียงแล้วประคองร่างเลือดท่วมนั้นเอาไว้ จากนั้นเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัดจากการวิสามัญคนร้าย“พี่ลม ไม่นะ อย่าเป็นอะไรนะ ฟื้นสิ” เธอพยายามตบหน้าเขาเบา
“เฮ้ย! พวกนั้นหายไปไหน” ชายใบหน้าดุดันมีรอยบากระหว่างหัวคิ้วร้องตะโกนขึ้นสุดเสียงชายที่เหลือวิ่งหน้าตั้งเข้ามาแล้วกวาดตามองรอบบริเวณไม่เห็นแม่แต่เงาของพวกผู้หญิงที่พวกเขาจับมาเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่ ทิ้งไว้เพียงหนวดกุ้งรัดแขนเอาไว้ให้ดูต่างหน้าก็เท่านั้น“ไปตามหาตัวพวกมันสิวะ แล้วเอาตัวกลับมาให้ได้ยืนเซ่ออยู่ทำไม”ภูริตวาดลูกน้องลั่นแล้วไล่ด้วยความเดือดดาลก่อนจะวิ่งไปอีกทางเพื่อตามหาเพราะเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นก็ได้เวลานัดกับวายุแล้วบริเวณริมป่าละเมาะเหมือนฝันกึ่งเดินกึ่งวิ่งนำหน้าเพื่อมองหาลู่ทางและเข้าใกล้เขตหมู่บ้านคนเพื่อขอความช่วยเหลือทว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืดมิดเสียงวิ่งจากเบื้องหลังด้วยความเร็วพร้อมกับแสงไฟฉายสาดส่องไปมาทำให้รู้ว่าพวกมันใกล้เข้ามาถึงเต็มทีแล้ว“คุณณิ คุณน้ำ เร็วกว่านี้หน่อยค่ะ พวกมันตามมาแล้ว”เหมือนฝันเร่งสองสาวที่เดินรั้งท้ายส่วนตัวเองนั้นก็เริ่มเหนื่อยหอบเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง“เฮ้ย พวกมันอยู่นั้น หยุดนะเว้ย”ความกลัวทำให้วารินทร์สั่นไปทั้งตัววิ่งมองหลังจนไม่ทันระวังสะดุดหินล้มลงบนทางลูกรังจนข้อเท้าพลิกทำให้ลุกขึ้นเดินต่อไม่ได้ พอมอ
ทุกคนมานั่งประจำที่ตัวเองกันหมดแล้วยกเว้นเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังไม่กลับมา“ยัยฝันไปไหน ตั้งแต่แม่ยกถาดอาหารออกมายังไม่เห็นเลย”“น่าจะเอาเสื้อไปเก็บมั่งครับ แต่ก็ไปนานแล้วนะครับ” ตรีวิทย์บอกแล้วยืดคอขึ้นมองไปยังโรงจอดรถ“ถ้างั้นเดี๋ยวป้าไปตามให้นะคะ” ป้ามาลีอาสแล้วก็เดินออกไปไม่นานก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาด้วยสีหน้าตื่นในมือมีรองเท้าอยู่ข้างหนึ่งซึ่งวายุจำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นของเหมือนฝัน หัวใจเขากระตุกวูบขึ้นมาแล้วรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาเปิดกล้องวงจรปิดดูทันทีเขาขบกรามแน่นเมื่อเห็นผู้ชายตัวใหญ่สองคนกำลังหิ้วปีกร่างไร้สติออกไปจากบ้านอย่างเงียบ ๆ โดยหลบเลี่ยงสายตาจากคนทั้งบ้านโดยไม่มีใครสังเกตเห็น“ต้องเป็นฝีมือไอ้ภูริแน่นอน” วายุสบถออกมา“คนเดียวกันกับที่เคยจับฟ้าไปน่ะเหรอ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับอนุชได้ยินแบบนั้นก็เข่าอ่อนทำท่าจะเป็นลมจนเหมือนฟ้าต้องรีบพยุงและพาไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด ป้ามาลีรีบไปหายาดมมาให้ทันที“ผมพลาดเองที่ละหลวมความปลอดภัยเพราะคิดว่าคนอยู่เยอะกันขณะนี้มันคงไม่กล้าลงมือ”สองมือกำแน่นเข้าหากันเพราะรู้สึกเป็นห่วงเหมือนฝันจับใจ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นตอนแรก
“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว”คุณหมอสาวสวยในชุดกาวน์เงยหน้าขึ้นบอกด้วยรอยยิ้มหลังจากได้รับชาร์ตคนไข้จากพยาบาลเพื่อดูผลตรวจ“ท้องเหรอคะ ฉันจะท้องได้ยังไงคะ ในเมื่อฉันป้องกันด้วยการกินยาคุมตลอด” เกิดคำถามขึ้นมาในหัวมากหมาย“การกินยาคุมไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ บางครั้งหากเราทานยาร่วมกับยาปฏิชีวนะก็อาจจะทำให้ตัวยาคุมเสริมคุณภาพลง หรือในขณะมีเพศสัมพันธ์มีการกระทำซ้ำอย่างต่อเนื่องก็ไม่สามารถป้องกันได้ครอบคลุมและสุดท้ายเลยก็คือลืมทานยาอย่างต่อเนื่อง”เพียงแค่ได้ยินคำว่ากระทำซ้ำ เหมือนฝันก็หมดคำถามลงทันทีว่าทำไมถึงท้องได้ ทุกครั้งวายุไม่เคยป้องกันเลยแถมยังดุดันกินเธอซ้ำอยู่ทั้งคืนจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงในยามเช้าอีกต่างหากเสียงแจ้งผลการตั้งครรภ์ยังก้องอยู่ในหัวเลยไม่ได้ยินเสียงเรียกชื่อจากพยาบาลสาวสวยจนเธอต้องเดินมาสะกิดเหมือนฝันจึงได้สติกลับมา“เชิญคุณเหมือนฝันไปรับยาที่ช่องหมายเลขหนึ่งนะคะ”พยาบาลสาวผายมือเชิญให้เดินตามไป“อย่าลืมทานยาบำรุงและยาแก้แพ้ให้ครบตามที่หมอบอกนะคะ แล้วก็นัดครั้งต่อไปอย่าลืมพาคุณพ่อมาตรวจเลือดด้วยนะคะ”พยาบาลยื่นซองยาสีน้ำตาลพ
ท้อง!เธอยกกล่องมันขึ้นอ่านวิธีดูค่าการตั้งครรภ์ใหม่อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเธออ่านไม่ผิด แต่ความจริงก็คือความจริงเธอกำลังตั้งท้องเปลี่ยนจากความกังวลเป็นความเครียดทันทีเรี่ยวแรงที่เดินออกมาจากห้องน้ำแทบไม่มี ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองซึ่งมีก้อนเลือดอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องจะบอกเรื่องนี้กับเขาดีไหมเพราะเธอเพิ่งขอหย่ากับเขาไปเองถ้าเขารู้ว่าเรามีลูกด้วยกันเขาจะรู้สึกอย่างไร การแต่งงานเกิดขึ้นเพราะความจำเป็นและเธอก็แอบรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนฝันยังคงไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังตั้งท้องคิดว่าที่ตรวจคงมีปัญหาจึงคิดเอาไว้พรุ่งนี้จะไปตรวจที่โรงพยาบาลให้แน่ใจร่างอวบเดินเหม่อลอยมาตามทางเดินโดยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียด้วยซ้ำจึงทำให้ไม่ทันระวังเดินชนกับการันต์ตรงหน้าประตูทางเข้าแคนทีนของบริษัท“ขะ...ขอโทษค่ะ” ไม่ได้มองหน้าเสียด้วยซ้ำว่าคนถูกชนเป็นใคร“ฝันเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมถึงดูหน้าซีด ๆ”“พี่รันต์เองเหรอคะ” ขยับตัวเล็กน้อยแต่ร่างกายก็โอนเอนการันต์รีบเข้าไปพยุงแล้วประคองไปนั่งตรงม้านั่งยาวริมทางเดินก่อนจะยื่นยาดมไปให้เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวทำท่าจะเป็นลม“ไม่
ริมฟุตบาทมีร้านค้าตั้งเรียงรายเต็มสองข้างทาง เหมือนฝันทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะชะโงกมองส้มตำร้านโปรดแล้วหันกลับไปหาผู้อยู่หลังพวงมาลัย“พี่ลม จอด!”วายุเหยียบเบรกแล้วเลี้ยวรถจอดข้างทางหันไปมองคนเจ้าเนื้อที่กำลังชะโงกคอออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง“วันนี้เรากินข้าวนอกบ้านได้ไหมคะ”“อืม ได้สิ ฝันอยากกินอะไรล่ะ”“อยากกินส้มตำปูปลาร้าแซบ ๆ สักครก” แค่พูดก็น้ำลายสอมุมปากนานเท่าไรแล้วที่เธอไม่ได้กินส้มตำ“แน่ใจเหรอว่าจะกินร้านข้างทาง มันสะอาดหรือเปล่า”เขาเดินตามหลังร่างอวบที่เดินนำหน้าไปอีกทางหนึ่งหลังจากจอดรถเสร็จแล้ว“สะอาดแน่นอนค่ะ ฝันมากินร้านนี้ค่อนข้างบ่อย”วายุนั่งมองเหมือนฝันสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่วแต่ส่วนใหญ่มีแต่คงรสจัดและรสเผ็ดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ยำ หรือต้มแซบหม้อไฟ“มองอะไรคะ ไม่เคยเห็นคนกินข้าวหรือไง”ระหว่างเงยหน้าขึ้นจากการก้มลงดูดขาปูจากจานรองเธอเห็นวายุเอาแต่จ้องมองโดยไม่แตะต้องอาหารที่เธอสั่งมาเลยแม้แต่นิดเดียว“เคย แต่ไม่คิดว่าจะสั่งมาเยอะขนาดนี้ กินหมดเหรอ”“หมดสิคะ ฝันอยากกินมาหลายวันแล้ว” ทั้งพูดทั้งเคี้ยวเขาได้แต่นั่งมองด้วยความเอ็นดู