เขาปกติเป็นคนขี้อาย แต่ความที่เป็นนักเขียนจึงค่อนข้างกล้าพูดมากกว่าเดิม ไม่ใช่อะไรหรอก พลังข้างในมันมีมากกว่าเดิม ถ้าหากเขาไม่เป็นนักเขียน คงเงียบกริบ
อึกอักไม่มีเล่ห์ทางคำพูด หรือคลังคำพูดประสานักเขียนที่มีทั้งจินตนาการ ความเพ้อฝันและสำนวนคำพูด ที่คนปกติธรรมดาไม่มีกัน
อย่างน้อยก็ทราบว่า หล่อนทำงานอยู่ที่บริษัทแถวชิดลม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากนี้
โทชินาดะพลอยตื่นเต้นกับสาวไทยสองนางด้วย
เขาเป็นหนุ่มญี่ปุ่นเคยพบพานผู้หญิงมามากพอสมควร
หากแต่เป็นในแบบญี่ปุ่นด้วยกัน สังคมและวัฒนธรรมเดียวกัน การได้พบสาวต่างชาติและต่างวัฒนธรรมก็ปลุกใจให้เกิดอารมณ์หวือหวา
ประมาณว่าเหมือนครั้งแรกที่ได้เจอ เหมือนมีมนต์สะกด เพราะสองสาวนั้นน่ารัก แม้จะต่างความสวยกัน
โทชินาดะไม่สามารถสื่อภาษาออกมาตรงได้ เลยได้อาศัยไหว้วานปางภูเป็นล่ามแปลเรื่องทุกอย่างให้
จนเข้าใจปรุโปร่ง เพราะแม้ว่าเขาจะเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษออกมาแบบสำนวนการออกเสียงแบบชาวญี่ปุ่น
ก็ไม่ทราบว่าหล่อนจะจับใจความได้หรือเปล่า
ขณะเดียวกันก็แนะนำเพื่อนที่ใช้โปรแกรมบางอย่างของโน๊ตบุ๊ค รุ่นสัมผัสนี้ไม่เป็น จนกระทั่งปางภูเข้าใจทุกอย่าง
เพราะถ้าเกิดมีปัญหานั้นในกรุงเทพมหานครยังไม่มีศูนย์ซ่อมอย่างแน่นอน แม้ยี่ห้อและบริษัทเดียวกันมี ก็คงต้องส่งกลับไปถึงญี่ปุ่นอย่างเดิม
แต่เขาไม่คาดหวังอย่างนั้น คิดว่าการใช้งานนั้นมีระยะเวลายาวนาน เมื่อซื้อมาใช้ก็ต้องคุ้มค่าและทานทน ประสิทธิภาพของมันดีเยี่ยม
“ฟาง ยังฝันถึงพระเอกรูปหล่ออยู่หรือยังไง”
หฤทัยสะกิดเพื่อนสาวที่ต้นแขน เมื่อเห็นใบฟางครุ่นคิดเหม่อลอยเงียบคนเดียว
หทัยถาม จนเธอรู้สึกอาย
ใบหน้าของหนุ่มหล่อคนไทยที่เพิ่งได้เจอครั้งแรก สายตาคมปลาบของเขา ดึงดูดสายตา และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทอออกมาจากตัวเขา ในความมีเสน่ห์และแฝงร้ายกาจ
ใบฟางเลยทำสายตาตึงดุไปยังเพื่อนสาว
“ว่าแต่เธอเถอะ หาแฟนให้ได้ก่อน ฉันนะมีแฟนแล้ว”
ใบฟางเอ่ย
หฤทัยรับรู้ เลยหน้าจ๋อย
“แหม เข้าใจแล้วย่ะ ฉันกำลังหาอยู่”
“หาได้แล้วหรือยังล่ะ”
“แหม..ฟาง มันต้องใช้เวลาหน่อยสิ”
“จ้ะ ใช้เวลาหาอยู่ ถามหน่อยสเปกต์แบบไหน”
“แบบคนเมื่อกี้ไง สูงผิวขาว คิ้วเข้มดก คนอย่างนี้มีดวงตาน่าค้นหาเจ้าเสน่ห์ไม่น้อย”
เธอเห็นด้วยกับพรรณนาของเพื่อนสาว บุคลิกนี้ดูโดดเด่น ไม่ทราบว่าเขาทำงานเกี่ยวกับอะไร
หนุ่มญี่ปุ่น เห็นชัดว่าเป็นเพื่อนสนิทของเขา
ปางภูกับเพื่อนหนุ่มจากแดนอาทิตย์อุทัย ยังคงสนทนาถึงสาว
แต่เมื่อถึงเวลาปางภูต้องเก็บโน๊ตบุ๊คลงกระเป๋าก่อนจะล่ำลาเพื่อน
ถัดอีกสองสามวัน โทชินาดะบอก ตัวเขาพร้อมด้วยหมู่เพื่อนสนิทต้องเดินทางไปที่เชียงใหม่ตามโปรแกรมที่วางแผน เพราะจองห้องพักล่วงหน้าแล้ว
ซึ่งปางภูเข้าใจ
“งั้นขอให้นายกับเพื่อน เที่ยวให้สนุกกับทริปนี้นะ เสียดายว่ะ ฉันไม่ว่างขนาดนั้น”
นักเขียนหนุ่มบ่นด้วยเสียดาย เพราะเขามีงานที่คั่งค้างต้องสะสางอย่างมาก
ไหนจะต้องมีเวลา เพื่อเจียดแบ่งเวลาสำหรับเขียนหนังสือ
อีกต้องเดินทางไปดูแลกิจการที่อยู่ต่างจังหวัด เขาก็พกโน้ต
บุ๊คส่วนตัวไปทุกที่ ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศอีกอย่างหนึ่ง
ที่ร้านของเขาแถวถนนพระรามสาม อดแวะผ่านมาไม่ได้
คนที่ทักเขาต่อมาคือตรีรัชมน พี่สาวแท้
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าเธอจะมา พี่เห็นไม่ว่าง พอดี ทางนี้มีปัญหา โทร.มาตามพี่”
เขาปิดมือถือไปหลายชั่วโมง และสาขาที่นี่เกิดเรื่อง แต่พี่สาวก็ช่วยแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
“ครับ เพิ่งเสร็จธุระกับเพื่อนญี่ปุ่น ขอโทษด้วย พรุ่งนี้เขาจะบินไปเชียงใหม่ เลยอยากให้ความสำคัญกับเขาสักหน่อย ในเมื่อเขามาเยี่ยมบ้านเรา”
ตรีรัชมนพยักหน้า
“ก็ดีเหมือนกันในเมื่อเขาเป็นเพื่อน เราก็ดูแลให้เหมาะสม”
“แต่พี่มน มาที่นี่ก็ดี ผมสบายใจ”
“ฮึ พี่ ก็มาแก้ปัญหาให้ นี่ล่ะ มีเด็กที่ร้านโทร.ตาม”
“งั้น ผม ต้องขอโทษด้วย”
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจเราดีน่า ป้าง”
มีพี่สาวที่น่ารักสำหรับปางภู ก็ดีอย่างนี้เอง
“คุณแม่ล่ะครับ ถามหาผมหรือเปล่า”
“เอ๊ะ พี่เห็นออกไปตั้งแต่บ่าย ก่อนเธอสักหน่อย ดูเหมือนจะดูพันธ์ไม้แถวจตุจักรนั่นล่ะ เห็นบ่นว่าอยากจะได้ดอกมณฑาทองมาปลูกกับสร้อยอินทนิล”
“เออ พี่ลืมบอกเธอไป มี่เมล์ของเธอจากอเมริกาด้วย พี่ดูจ่าหน้าซองแล้ว ของหนูเพิร์ล แวะกลับบ้านคราวนี้ อย่าลืมหยิบไปด้วยล่ะ พี่รู้ว่าเรามันคนทำงานหนัก ไหนจะเขียนหนังสือกลางค่ำกลางคืนอีกล่ะ พี่มีน้องชายเป็นนักเขียน เพื่อนหลายคนก็ปลื้มกันใหญ่ ถามถึงเธอ ไอ้นิยายของเธอมันจะขมวดปมจบแบบไหน แฮปปี้แอนด์ดิ้ง หรือจากพรากเศร้าล่ะ”
ตรีรัชมนเป็นคอนักอ่านนิยายคนหนึ่ง แต่ก็น่าแปลกเธอไม่ได้อ่านงานของน้องชาย ที่ตีพิมพ์เป็นเล่มปกหนาเลยสักครั้ง
ทั้งที่น้องชายคะยั้นคะยอ ให้ลองอ่านดูฝีมือล้วนๆของเขา
แต่ตรีรัชมนก็ยังเกี่ยงว่า
“พี่รู้สึกว่า กลัวเธอจะเขียนเรื่องพี่ด้วย พี่อ่านงานเขียนคนอื่นดีกว่า เรื่องของน้องชายในบ้าน กลัวว่าจะเป็นเรื่องเดิม พร็อตเดิมที่พี่คุ้นเคยมาแล้ว มันทำให้ไม่อยากอ่าน”
เป็นงั้นไป เหตุผลของพี่สาวทำให้ต้องถอนใจ
อันที่จริงตรีรัชมนมีธุรกิจของตนเองด้วยเช่นกัน หล่อนเปิดร้านเบเกอรี่ตั้งอยู่แถวถนนพระรามสี่ มีพนักงานหกคน
เมื่อพูดถึงเรื่องคนรัก ฉุกใจคิดตามพี่สาวด้วยเหมือนกัน
ภามิญา เพราะพี่สาวบอก หรือว่าเธอจะกลับมาเยี่ยมที่เมืองไทย
ไม่แน่ใจล่ะ ต้องแกะ แล้วเปิดอ่านเมล์จากแดนไกล
อันที่จริงก็น่าแปลกทางอีเมล์ของเขาก็มี
แต่ทำไมภามิญาไม่เลือกที่จะส่งทางนั้น
ซึ่งปางภูคิดว่ามันสะดวกหรือประหยัดที่สุด
หรือว่าคำบางคำ นั้นมันมีคุณค่าความหมาย หรือว่าไม่มี แต่เขาแอบตื่นเต้นดีใจ จากฟังที่พี่สาวพูด
“สีต้องไปทำงานค่ะ”ในคอนโดรังรัก หลังจากที่สวรรค์สีตื่นหล่อนเงยหน้ามองธีรคาม ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาเช่นกัน เขาไม่ได้กลับบ้าน เป็นเพราะหล่อนไม่อยากให้เขาไปด้วยอยากให้อยู่ค้างกับหล่อน แต่งกายเสร็จแล้วด้วยใบหน้าที่เข้ม“งั้นผัวก็ต้องกลับเหมือนกัน ไม่รู้จะเป็นไงบ้างป่านนี้ ที่บ้านของคุณ” “ ไม่มีใครจะมาคิดถึงฉัน ห่วงฉันหรอก บ้านนั้น เอ้อวันนี้ตอนเย็น ฉันไม่ได้แวะไปหา คงเข้าใจนะสวรรค์สี”ธีรคามพูดหล่อนพยักหน้า เข้าใจอะไรง่าย สำหรับธีรคาม หล่อนจะเข้าใจเสมอ นั่นเพราะรักเขาท่วมหัวใจ ถึงเขาไม่แยแสหล่อน บ้างเลยก็ตาม เป็นรักของโสเภณี ที่วาดหวังว่าเขาจะเหลือบแล หันมาดูแลหล่อนบ้าง“แล้วเงินล่ะ”“ค่ะ ค่าแท็กซี่ของคุณ สีแคะกระปุกออมสินไว้ให้แล้ว สามร้อยคงพอนะคะ นี่สีเองคงต้องไปยืมนังแป๊ดเหมือนเคย ได้มาซักสี่ซ้าห้าร้อยก็ยังดี ได้ข่าวว่าเมื่อคืนนี้ เสี่ยเงินหนาออฟมันไปค้างคืนนี่”หล่อนคงจะหวังเงินได้จากเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน มีคำพูดหลุดจากปากธีรคามนิดหนึ่งว่า“ขอบใจ”เพียงแค่นี้หล่อนก็ดีใจนัก บอกอีกว่า“ถ้าหิว มีมาม่าค่ะ คุณยังไม่กลับ รองท้องไปก่อนเถอะ สีตั้งกระติกน้ำร้อนเอาไว้ ก่อนไป อย่าลืม
ธีรคามกระหยิ่มยิ้ม สาวสวยไม่รู้หรอกว่าเขาจะพาหล่อนไปไหนคุณสนมนาถพยักหน้าและยิ้มอย่างเข้าใจ เมื่อใบฟางก้าวอ้อมมานั่งข้างเบาะคนขับ ธีรคามก็สตาร์ทรถทันที เขาออกตัวแรงมาก และแล่นออกจากบ้านรวดเร็ว จนใบฟางรู้สึกแปลกใจ เหมือนธีรคามเร่งถอยหนีบางสิ่งบางอย่าง หรือว่าเขาจงใจล้อเล่น ล้อเล่นแบบนี้รู้สึกอันตราย“ทำไมหรือจ้ะ น้องฟางไม่ดีใจหรือที่จะออกมากับพี่ ดูทำหน้าเข้าสิ”ใบฟางแค่ชำเลืองเขาผ่านสายตาเท่านั้น ไม่ได้บ่นตำหนิ แต่พี่ธีรคามก็ออกตัวเหมือนคนร้อนรน ทวนคำพูดของเขาอีกครั้งตอบ“ทำไมพี่ธี คิดอย่างนั้นล่ะคะ เหมือนคนร้อนตัวจังเลย”ใบฟางพูดให้เห็นขำมากกว่าจะเอ่ยจริงจัง ทำให้หนุ่มคนขับอารมณ์กระฟัดกระเฟียดขึ้นมาทันที เหมือนใบฟางจี้จุดในใจของเขา เพราะความจริงหาทางจัดการกับสาวสวยอย่างไรดี ซึ่งความจริงเขาอยากจะรวบหัวรวบหางหล่อนด้วยซ้ำ แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น จึงต้องใช้ไม้อ่อน สวมหน้ากากสุภาพบุรุษที่ตรงกับความรู้สึกแท้ในใจของตนเอง ฉุกใจคิด ใบฟางมีความรู้สึกว่าคำพูดของธีรคามเอ่ยแปลก ไม่เหมือนน้ำเสียงที่ใช้กับมารดาหล่อน“พี่ธีอยากได้อะไรหรือคะ ถึงได้ชวนฟางไปห้างด้วย”“อ้าว แล้วฟางไม่อย
ก็ไม่ได้ใส่ใจในอารมณ์ แต่ก็ขอบคุณมันนิดหนึ่งที่หวังดีต่อหล่อนรู้สึกไม่พอใจทุกครั้ง ที่ธีรคามนอกใจหล่อน ปากของเขาบอกเสมอว่า รักหล่อนทุกเมื่อเชื่อวัน รักหล่อนบนเตียงนอนน่ะสิ เมื่อกามราคะสิงสู่ เวลาที่หล่อนและเขาต้องมาปลดปล่อยอารมณ์ให้แก่กันและกัน เขาดูจะชอบ รสชาติสวาทที่หล่อนป้อนปรุงบำเรอให้จนเอมอิ่มทุกครั้งแต่ นี่เขาก็ยังดิ้นรนไปมีคนอื่น ให้หล่อนระแคะระคายหูอีกเรื่องนี้ไม่อยากทะเลาะกับเขาหรอก ปล่อยเขาบ้าง เพราะไม่อยากสูญเสียเขาฟ้าเบื้องนอก เมื่อออกพ้นจากเขตบ้านในรถคันหรู ที่ชายหนุ่มตั้งใจตะลอนไปเรื่อย มันไม่มีปลายทางอย่างแน่นอน จนว่าเขาตั้งใจจะหยุด ที่ไหนสักแห่งถึงจะหยุด อารมณ์ดีขึ้น ไม่หงุดหงิด รัศมีของแสงจันทร์นวลผ่องยะเยือกอาบไล้ผ่านหมู่ตึกและอาคารสำนักงาน ประชันกับแสงไฟสีฉูดฉาดของสถานบันเทิงยามราตรี รู้สึกหายเครีย แต่ก็มีเรื่องปวดสมองอีก เมื่อโทร.ดังขึ้นเขาสบถออกมาทันที ธีรคามจอมเจ้าเล่ห์นี่เองเหมือนอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง น้ำเสียงที่โทร.ทักทายเหมือนเย้าสนุก บอกกำลังอารมณ์ดีเต็มขั้น แต่เขาอารมณ์เสีย และจะเสียมากกว่านี้ ถ้าจะคุยกับหมอนี่นาน“นายโทร.มาทำไมไม่ทราบ ฉันไม
ถ้าเป็นแบบสวรรค์สี ผู้หญิงกร้านกล้าเจนจัดแบบนั้น เอาไปไกลๆเขาเลย เขาไม่ใช่พวกคลำไม่เป็นหางเป็นใช้ได้อย่างธีรคามอย่างน้อยเรื่องนี้ เขาต้องสะอาดและคัดเลือก ไม่บ่อยครั้งนักที่เขาอยากจะปลดเปลื้อง แลกความเป็นหนุ่มแน่นของตนเองกับสาวสวยที่ไหนแลกร่างกายกันด้วยเซ็กซ์ นอกจากคราวก่อน ก็หลายปีมาแล้ว สองสามครั้ง ช่วงนั้นเขายังมีภามิญาอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วล่ะพันธะหัวใจของหล่อนกับเขามันขาดผึงไปทันที ตั้งแต่ที่ทราบข่าวว่า หัวใจของหล่อนไปอยู่กับคนอื่นเลยเตลิดไปไกลต่อไกล เพราะสังคมแบบนั้นก็เอื้ออำนวยให้ผู้ชายผู้หญิงมีเซ็กซ์กันง่าย วัฒนธรรมมันเปิดอิสระเสรีเรื่องแบบนี้ผู้ชายผู้หญิงเขาเห็นกันเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนกินข้าวไปเที่ยวเฮอะ เขาจะมานั่งตอกย้ำตัวเองไปทำไม แค่นี้มันเจ็บปวดไม่เพียงพอหรือไง เขากระอักเลือดไม่พอล่ะสิ ถึงดิ้นรนหาเรื่องที่จะทำให้ตัวเองน้ำตาไหลออกมาคำว่าบาดเจ็บจากการอกหัก มันก็มีพิษสงร้ายแรงจนเขาต้องจัดการระบายหาทางออกให้ตัวเองในบางสิ่งบางอย่าง เพราะห่างร้างไปนาน เหมือนปลุกอารมณ์อีกครั้งในเมื่อธีรคามบอก ผู้หญิงที่เป็นชิ้นเนื้อสด จะนอนคอยเขาที่โรงแรมประจำ ซึ่งมันไปใช้
แต่สำหรับธีรคาม ถ้าให้เขาคาดหน้าหมอนี่ไว้ ห่ามมุทะลุและมักจะโอ้อวดตัวเอง คงไม่พ้นแพ้เช่นเดิม“ส่วนเงิน ฉันจ่ายครั้งเดียวนะ ไม่ต้องทวงซ้ำ”“ขอบคุณครับเสี่ย แค่นี้ก็เป็นบุญของผม”ฮึ นายธีรคามพินอบพิเทาเอาอกเอาใจและเคารพเขาเหมือนเป็นผู้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน แต่ปางภูไม่สนใจหรอก เขาไม่สลักใส่ใจในเรื่องนี้“เอาล่ะ พูดถึงเงื่อนไขต่อนะ เสี่ย ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่ผมรักอย่างมาก หมายหวังด้วยว่าอยากจะแต่งงานกับเธอ”เขาแปลกใจที่ธีรคามพูดอย่างนี้ถึงกับยับยั้งชั่งใจตนเอง พร้อมชะงักนี่หมอนี่ คิดจะเล่นตลก หรือไม่ซื่อกับเขาหรือเปล่า อย่างที่บอกคนอย่างธีรคามไว้ใจยากแต่คนอย่างปางภู พร้อมที่จะหว่านเล่ห์เหลี่ยมรอก่อนเพราะรู้อยู่แล้ว ธีรคามแพ้เขาทุกประตู เงินไงที่มันต้องการ ขนาดยกมือกราบกรานเขา มันก็ทำได้ ยังจะพูดด้วยว่า ผู้หญิงคนที่มันคิดจะขายตัว ให้กับเขา นี่ มันจะเอาเป็นเป็นเมียบ้าที่สุด ผู้หญิงคนนี้ก็โง่สิ้นดี ที่ถูกเจ้าธีรคามหลอกลวงความรักแล้วมันยังมีแก่ใจต้องการของเหลือเดนเพื่อรอวันเอากลับคืน ด้วยการหาเงินจำนวนหนึ่งมาชำระ เพราะเขาจ่ายเงินไปแล้ว เขาย่อมต้องการผลประโยชน์ที่ตัวเองควรจะไ
เขายอมซูฮกให้เลยกับพวกคอทองแดง ผู้หญิงก็เป็นอย่างนี้ด้วยหรือเปล่า หรือว่าเป็นอาชีพลำไพ่พิเศษ ของหนุ่มสาวถังแตกสมัยนี้ด้วยการจับยัดเยียดตัวเองเป็นสินค้า พลีกายอยู่กับกองกาม คงปางภูจงชังรังเกียจนัก และเขาอยากจะเล่นด้วย ด้วยความสนุกและสะใจในอารมณ์วางหล่อนไว้บนเตียงนุ่มแล้วพิจารณาชั่วครู่ด้วยความเสียดาย ก่อนหักใจเดินออกไป ปิดประตูล็อกกลอนสนิท ปางภูออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพที่เนื้อตัวเปียกชื้นเส้นผมเปียกลู่ นุ่งผ้าขนหนูเดินผ่านเตียงกว้าง ไม่ได้หันมองจ้องสาวสวย ที่ทราบดีว่า ธีรคามจัดส่งตัวหล่อนมาไว้บนเตียงนานพอสมควร เนื่องจากพื้นที่ของห้องนี้กว้าง ก่อนจะทรุดกายนั่งลงขอบเตียง ชำเลืองมองสาวสวยที่นอนคว่ำ ดูจากลักษณะหุ่นของหล่อนแล้วดูสมส่วนแบบ เอวบางร่างน้อย เป็นที่พึงพอใจแก่ปางภู สินค้าที่ธีรคามจัดให้นับว่าไม่เลว หมอนี่เข้าใจความต้องการรสนิยมของเขามากทีเดียวปางภูจะเริ่มทำอะไรก่อนอับดับแรก ทำให้สาวน้อยที่อยู่เบื้องหน้าเขา นี่ตื่นขึ้นก่อน เพราะเขาอยากนอนกับผู้หญิงที่มีเลือดเนื้อหัวใจไม่ใช่ท่อนไม้ เขาไม่ได้กระหายในเรื่องนี้มานานแล้ว จู่มันก็ตงิดมีความต้องการขึ้นมา ธีรคามเป็นคนจุดข้อเส
ซึ่งคราวนี้ใบฟางเริ่มเพ่งมองชายโฉดผู้นี้ ให้ดีอีกครั้ง เพิ่งฉุกใจคิด คลับคล้ายคลับคลาขณะที่หนุ่มหล่อถูกจ้อง เขาก็ชะงักเหมือนกัน“เอ๊ะ คุณนี่เอง อีตาบ้า ฉันจำได้ว่า ฉันเคยเจอคุณที่คอนโดใกล้โรงแรม อ๋อ นี่แปลว่าคุณสะกดรอยตามฉันมา พอสบโอกาสคุณก็ฉกฉวย ตอนที่ฉันไม่รู้สึกตัว คุณมันเป็นผู้ชายทราม คอยดูเถอะจะแจ้งความ”“แจ้งความ” เขาทวนคำของหล่อน เห็นเป็นตลกมากกว่าจึงหัวเราะออกมา ใบฟางไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วย หล่อนเครียดและโกรธจัด คงเป็นแผนการของเขาที่มอมมา และทำร้ายหล่อน“คิดถูกหรือคิดผิด ช่วยคิดใหม่ก็ได้นะสาวน้อย เธอมันสมยอมไม่ใช่หรือ ค่าตัวฉันก็จ่ายไปแล้ว แต่ที่ไหนได้ของย้อมแมวขาย ยังกล้าเล่นตัวอีกนะ หรือว่าฉันให้น้อยไป ไม่คุ้มที่เสีย”ใบฟางอ้าปากค้างเหวอไปเลย หล่อนงง หัวคิ้วขมวดที่ถูกเขาด่าประณาม และดูถูกซึ่งหน้าหล่อนน่ะหรือจะทอดกายให้ผู้ชายเล่นบนเตียงนอน เพราะหล่อนจำเรื่องราวไม่ได้ พยายามลำดับความว่าเกิดอะไรขึ้น“แกต้องมอมยาฉันแน่”จากคำว่าคุณ เปลี่ยนกลายเป็นแกส่วนปางภูไม่กล้าเผยรายละเอียด ว่าเขาจ่ายเงินให้ใคร คิดว่าไม่จำเป็น เขาต้องการเก็บความลับนี้ไว้ เพราะหล่อนชื่อ ใบฟางและใ
เขาถือสิทธิ์อะไรมาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหล่อน ใบฟางโกรธจัด แบบมัดมือชกชัดๆ เขาเริ่มออกเสียงข่มขู่ทุกอย่าง คุกคามหล่อนขมวดคิ้วครุ่นคิด นี่หล่อนไปรู้มักมักจี่เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำตีสนิทหล่อนเสียเนียนสติเท่านั้นที่หล่อนจะเอาตัวรอดได้“ผมไม่ได้พูดเล่นนะ จะนับหนึ่งถึงสิบเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณไม่อาบน้ำ ผมจะจัดการให้คุณเอง หรือคุณอาจจะชอบที่มีคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้” “บ้า ฉันจัดการของฉันเองได้”พูดจบก็ลุกตรงไปยังห้องน้ำขณะที่ปางภูทิ้งสายตากรุ้มกริ่มแพรวพราวเหมือนขำแกมยั่วหล่อน ใบฟางสะบัดใบหน้าเบือนไปทางอื่น สักสิบนาทีต่อมา เมื่อหล่อนชำระกายด้วยน้ำเย็นใสสะอาดไหลผ่านฝักบัวก็รู้ว่าสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจย้อนหวนกลับมาเอาสบู่ยี่ห้อไหนในโลกนี้ ชำระขัดล้างมันก็ไม่คืนความบริสุทธิ์กลับมา คราบคาวราคี ที่เหมือนฝังอยู่ในกาย ถึงแม้น้ำตาของหล่อน จะไหลปนกับสายน้ำ ก็ไม่มีอะไรจะช่วยได้ นอกจากความเข้มแข็ง สัญญากับตัวเองว่าจะจัดการผู้ชายคนนี้ให้ถึงที่สุด แต่การกระทำของเขาไม่น่าสักนิด ที่หล่อนจะยินยอมอภัยให้ได้ ใบฟางกัดฟันแน่นเพื่อรอวันเอาคืนให้อย่างสาสม เขาไม่คิดหรือยังไงว่าบ้านเมืองมีขื่อมือแปและข้อหานี้ฉกาจฉกรร
ชายหนุ่มเห็นหล่อนตื่นกลัว จึงคว้าตัวรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พร่ำเอ่ยที่ริมกกหูเบาว่า“คุณอย่าคิดอะไรมากเลยน่า ลืมซะ ลืมเสียเถอะ มันผ่านไปแล้ว ฟางจ๋า อย่างไรเสีย ชีวิตก็ถูกจัดการไปตามทางชีวิตของแต่ละคน ..ผมนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะรักคุณมากมาย คงไม่กล้ายอมขนาดนี้หรอกนะใบฟาง”หล่อนเข้าใจเขาพูดถูก หล่อนก็ตอบแทนความรักของเขาด้วย“ต่อไปไม่มีแล้วล่ะ เมียขายฝาก สมญาที่ใช้เป็นคำพูดเล่นๆขำๆเพื่อล้อเลียนคุณ มีแต่ตำแหน่งเดียวคือเมียแต่งนายปางภู คุณจะสนใจตำแหน่งนี้ชั่วชีวิตหรือเปล่าล่ะ”คารมของพ่อหนุ่มนักเขียนทำเอาหล่อนต้องยอมรับล่ะ มิน่าถึงร้อยเรียงเขียนหนังสือได้หลากหลายยาวนาน “สนใจสิคะ”หล่อนพยักหน้า “ไม่งั้นฉันคงไม่ตัดสินใจยอมคุณหรอก” เขากลั้วยิ้มดวงตาพราวอีกครั้งกับคำตอบนี้ พึงพอใจเช่นเดิม เพราะขุมสมองมีแต่ความเพริดแพร้วทางปัญญา ชายหนุ่มเห็นหล่อนตื่นกลัว จึงคว้าตัวรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พร่ำเอ่ยที่ริมกกหูเบาว่า“คุณอย่าคิดอะไรมากเลยน่า ลืมซะ ลืมเสียเถอะ มันผ่านไปแล้ว ฟางจ๋า อย่างไรเสีย ชีวิตก็ถูกจัดการไปตามทางชีวิตของแต่ละคน ..ผมนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะรักคุณมากมาย คงไม่กล้ายอมขนาดนี้หรอกนะใบ
คารมของนักเขียนหนุ่มผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้น หญิงสาวยิ้มพราวระยับที่ดวงตาของหล่อนขึ้นบ้าง หวงนี่อาจจะแปลกว่าหึง หล่อนยิ้ม“นั่นยิ้มอะไร ขำหรือว่าไม่พอใจ”“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ฟางรู้สึกว่า พอได้สามีมาหนึ่งคน เขาก็บ่นเสียเก่ง” เขาหันมาทางสาวสวยผู้เป็นภรรยา ขยับใบหน้ามาใกล้ “นี่มาหาว่าเราบ่น ประเดี๋ยวเหอะ จะจูบให้ตายตาอ้อมกอดเลย”ชายหนุ่มบ่นเสียงไม่จริงจังนัก หมั่นไส้ผู้เป็นภรรยามากกว่า “แนะ ไม่กลัว ใช่ไหม? เดี๋ยวเอาจริงนะ”เขาขู่หล่อน พลอยทำให้ใบฟางต้องหลับตาปี๋ลง ก่อนที่ใบหน้าขาวๆของดวงหน้าคมคายจะโน้นแตะชิดใกล้ริมฝีปากประกบบดขยี้ลงไปแทรกความหวานเจือปนละลายอยู่ในช่องปาก จนสาวสวยรับรู้ถึงสัมผัสที่หวานซ่านลิ้น “นี่เริ่มบทลงโทษแล้ว โทษฐานที่มีเมียขี้บ่น แถมปากเก่งอีกต่างหาก เอ้อ เป็นเมียขายฝากเสียด้วย”หญิงสาวยังข้องใจในคำนี้ ความหมายแบบเขานี่คืออะไร จึงส่งสายตาอึดอัด หงุดหงิดทวงถามเมื่อเขาละถอนจากริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นจ้องหล่อน เพราะรู้ว่าหล่อนจะถาม หล่อนไม่ชอบใจสักนิดกับคำทีเขาใช่เรียกหล่อน“อีกแล้ว เมียขายฝาก ฉันไม่รู้ว่าความหมายมันคืออะไรกันแน่ มันเริ่มต้นมาตั้งแต่พี่ธีรคา
“ยังไม่แน่ใจค่ะ เมล ตอนนี้ฉันอยากอยู่เมืองไทยไปก่อน คงทำงานไปสักพัก ถ้าลืมเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างได้ ฉันก็อาจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับใครก็ได้ ที่เขารักจริง และรักความเป็นตัวฉัน รวมทั้งเขาไม่แคร์อดีตต่างๆของฉันด้วย”“ขอให้คุณโชคดีนะฮันนี่”“ขอบคุณคะ เมล คุณก็เช่นกัน รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย”หล่อนโบกมือให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาและคณะจะเดินจากไปในช่องผู้โดยสารขาออก แล้วหล่อนหันมายิ้มให้กับตัวเอง นี่คืออิสรเสรีที่หล่อนต้องการ จึงถอนใจออกมายาวนานด้วยมีความสุข หล่อนต้องการตัด และเยื่อใยอาวรณ์จากเขา หล่อนจะต้องทำให้ได้ เมลมีดีอยู่หลายสิ่งหลายอย่างเช่นกัน แต่สิ่งที่หล่อนยอมรับไม่ได้คือ เขาจะเอาทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อย่างที่เรียกว่า เสือไบ โฮโมเซกช่วล แบบนี้หล่อนไม่ต้องการ ไม่ต้องการเสียน้ำตาทนอยู่กับผู้ชายประเภทนี้ เพราะนั่นหมายความว่า เขาทำให้ชีวิตของหล่อน เหมือนตกนรกทั้งเป็นนึกว่าจะยืดเยื้อ หรือคาราคาซังเสียอีก ขอบคุณที่เขาเลือกให้ของขวัญนี้ให้แก่หล่อน ตามที่หล่อนร้องขอปรารถนามานานต่อไป ชั่วชีวิตนี้ หล่อนจะไม่สนใจ ผู้ชายที่ชื่อเมล นี้อย่างเด็ดขาด ว่าเขาจะเป็นตายร้าย
จะไม่ช๊อคใจไปใหญ่หรือ ที่ตลอดมานั้น อ่านหนังสือของคนกันเองทั้งนั้น คนกันเองที่ขยับเข้ามาเป็นคนในบ้านและเป็นคนในเรือนใจของหล่อนเข้าทุกขณะ“นี่สิของแท้ของชัวร์ นิยายที่ผ่านการรวมเล่มแล้วของผม มีประมาณ เกือบสิบเรื่องด้วยกัน ซ่อนอยู่อีกมุมหนึ่ง โดยเฉพาะ และถ้าอยากจะไปร่วมงานวันสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเมษาที่จะถึงเร็วๆนี้ ไปกับผมสิ คุณจะได้รู้ว่าแฟนคลับผมตรึมแค่ไหน ที่เรียกร้องอยากจะให้ผมมา..แล้วก็ต้องแจกลายเซ็นต์ด้วย”เขากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ ไม่น่าเชื่อ ด้วยบุคลิกที่อ่อนโยนและสุภาพปนกับอารมณ์ร้ายเกรี้ยวกราด ไม่นึกว่าเขาจะมีอีกภาคหนึ่ง ของผู้ชายที่เขียนหนังสือขาย เป็นนักเขียนที่ถือว่า ได้รับความนิยมมากคนหนึ่งในปัจจุบัน ในยุคที่นักเขียนไทย ผุดตัวเองขึ้นมาราวกับดอกเห็นกลางฤดูฝน“ไม่เชื่อ คงต้องเชื่อแล้วละคะ นี่ถ้ายัยเงิน น้องสาวของฟางรู้เรื่อง ตายเลยล่ะคงทั้งอึ้งทั้งทึ่ง ไม่งั้นก็เกือบช๊อคไปหลายสิบตลบแน่นอน”“ถึงขนาดนั้นเลยหรือ”“ใช่ค่ะ ถึงขนาดนั้นแน่นอน เพราะน้องสาวของฉัน ติดงานของคุณมาก”เขาเพิ่งทราบ“นี่คุณทำอย่างนี้ทุกวัน หลังขดหลังแข็งมากไหมคะ”เขายิ้มอีกครั้ง“งา
เขาเอ่ยคำนี้ จนหล่อนหน้าแดงไปเลย สีระเรื่ออ่อนที่พวงแก้ม แต่ก็เข้าใจความหมายเมื่อเขาพร้อมที่จะให้สัญญาปากแบบสุภาพบุรุษอีกครั้ง “งั้น ฟางจะยอมไว้เนื้อเชื่อใจอีกสักครั้ง ทั้งที่ไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่”“อ้าวทำไมล่ะ กลัวผมจะเปลี่ยนใจ ทำมิดีมิร้ายกับคุณหรือไง นี่ฟังนะจ้ะคนเดียว เรื่องทำมิดีมิร้าย ผมก็คิดเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่เวลานี้ แต่ต่อไปล่ะ ผมคงมีเวลาทำมิดีมิร้ายกับคุณอย่างสุดสวาทอย่างว่า ได้นานครั้งล่ะ ตอนที่เราแต่งงานกันเสร็จแล้ว นั่นล่ะ มีเวลาทั้งชีวิตของผมเลย”ฟังคำพูดที่เขาเอ่ย หล่อนก็รู้สึกเบาใจ ปางภูหัวเราะเสียงใส“แล้วฉายาเจ้าพ่อบ่อนหรือเสี่ยที่พี่ธีรคามเรียกใช้ ให้สมญาชื่อคุณล่ะคะ”“นั่นผมลืมแล้ว ผมจะไม่เข้าแล้ว ตัดขาดจากมันตลอดชีวิต ในเมื่อผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนี่ ผมมีคุณ ผมมีครอบครัว มีคนที่เอาใจใส่น่ารักอย่างนี้ ผมจะเตลิดหนีหายไปไหนได้อีกล่ะฟางจ๋า”ในเมื่อเขาจะมีครอบครัวแล้ว นั่นมันคือภาพอดีต เมื่อครั้งที่ยังใช้ชีวิตโสดอิสระได้เต็มที่ และเมื่อพ้นจากวัยนั้นพ้นผ่านแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็คิดว่ามันเป็นเกมชั่วครั้งชั่วคราวที่ผ่านทางชีวิตของเขาเขาไม่ได้ติดหนึบติดหน
หญิงสาวยิ้มให้พยักหน้าและเพิ่งเข้าใจ “คุณคงไม่โกรธผมนะ ที่ตอนนั้นทำอะไรก็คิดจะปิดบังคุณ”เสียงนุ่มทุ้มดังอีก เป็นกังวาน แต่ก็รู้สึกชุ่มชโลมในหัวใจของหล่อนอย่างประหลาด“เคยคิดจะโกรธเหมือนกันคะ แต่ก็ดีที่คุณเพิ่งอธิบายออกมา ฉันเลยนึกโกรธคุณไม่ลงแล้ว”เขาหันมายิ้มอ่อนๆสบตาของหล่อน“ก็ต้องบอก เพราะเราก็เหมือนคนคนเดียวกันแล้ว จากนี้มีอะไรก็ต้องร่วมรับผิดชอบกัน”หล่อนนิ่งฟังคำพูด ชอบฟังคำพูดที่มีหลักการในการวางแผน และให้กำลังใจ สร้างความปลาบปลื้ม แก่ใจของหล่อนอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวยอมรับว่าหล่อนเริ่มจะหลงรักผู้ชายคนนี้เสียแล้ว ไม่รักก็คงไม่ได้หรอก ลึกแต่ไม่ลับในความรู้สึกของหล่อน ขอเก็บเอาไว้รู้เพียงคนเดียว จึงหันทางเขาอีกครั้งยิ้มและสบตาให้ หล่อนนึกถึงเรื่องอื่นได้ อย่างเพิร์ล หรือภามิญาที่ไม่รู้ว่า ทั้งคู่คืบหน้าไปมากแค่ไหน จวบกับมีเรื่องราวอื่นที่เป็นเรื่องสะเทือนใจ ประดังเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่าไม่ขาด จากสึนามิ ฝนก็ท่วมถล่มทางภาคใต้ แผ่นดินไหวทางประเทศพม่าหรือเมียนมาร์กับทางภาคเหนือของไทย วิบากกรรมของประเทศและชาวโลกถูกซัดมาอย่างไม่หยุดหย่อน คงต้องพึ่งพาความดีงาม ศีลธรรม บุญกุศลท
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงระส่ำขวัญเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดจึงถูกพับแปลนงานอย่างน่าเสียดาย ไว้รอเหตุการณ์ทุกอย่างสงบอีกครั้ง เขาถึงจะเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอน คงต้องเป็นหลังจากที่งานแต่งของเพื่อนรักที่เมืองไทยเสร็จสิ้น“ขอบใจนายมากที่เป็นห่วง ฉันเป็นตัวแทนของประเทศที่รับความหวังดีนี้จากนาย”“ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนไทย เมืองที่ได้ชื่อว่าใจบุญ และสยามเมืองยิ้ม ที่ไหนเกิดความทุกข์เดือดร้อนสาหัส พวกเราทนดูดายไม่ได้หรอก ยิ่งญี่ปุ่นก็ให้ความพึ่งพิงพึ่งพาช่วยเหลือประเทศไทยเรามาก่อน ไม่ว่าทางด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยีต่างๆ สายสัมพันธ์เรายาวนาน เราจึงเห็นใจกันและกัน ถือว่าประเทศไทยตอบแทนน้ำใจประเทศญี่ปุ่น มันเป็นการกตัญญูรู้คุณที่สองประเทศมีไว้ให้กัน”คนฟังรู้สึกตื่นตันใจ และนึกในใจเขาเองก็ถือว่าโชคดีที่มีเพื่อนสนิทเป็นคนไทยอย่างปางภู“ทำใจให้ดีเถอะนะ เข้มแข็งเอาไว้ คิดเสียว่า เบื้องหลังฝันร้าย จะกลายเป็นดี ในอนาคต”โทชินาดะพยักหน้ารับกับเพื่อน ใบฟางรับรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกับคนไทยทั่วประเทศ เพราะหล่อนติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวที่เกิดอย่างรุนแรงของประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อนึกถึงเพ
แต่ที่น่าแปลกใจคือ ศราณัฐกลับพูดเรื่องนี้ไม่ออก เหมือนปากของเขาถูกอุดเอาไว้นิ่งเช่นกัน ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หรืออาจเพราะว่า เขากับหล่อนนั้น ห่างหายจากกันไปนาน แทบไม่ได้รับการติดต่อจนกระทั่งได้กลับมาพบกันอีกครั้งแต่เขามีความรู้สึกว่า ใบฟางห่างเหินเมินเฉยต่อเขาเป็นอย่างมาก เอ หรือจะเป็นเช่นที่มารดาเอ่ยกล่าวว่าเปรยๆบอกเขาไว้ว่า ใบฟางมีแฟนแล้วที่มาเทียวรับเทียวส่งหล่อนบ่อย เรื่องนี้เป็นการยืนยันด้วยสายตาของมารดา ทีแรกเขาก็ไม่ได้เชื่อหรอก แต่มาเห็นสายตาและปฏิกิริยาของใบฟางที่มีต่อเขาแล้ว ชายหนุ่มต้องแอบบอกกับตัวเอง เขาคงมิแคล้วต้องซดน้ำใบบัวบกแทนข้าวมื้อนี้เสียแล้วและนี่คือความอึดอัด เมื่อถึงที่หมายใบฟางขอลง เขาเองก็จอดให้หล่อนลงอย่างง่ายดาย พร้อมกับยิ้มให้ และโบกมือเมื่อหล่อนเอ่ย “ฟางขอบใจพี่ศรามากนะคะ รบกวนเท่านี้ล่ะ ขอให้โชคดีค่ะ”ชายหนุ่มโทร.หาโทชินาดะแต่เช้าหลุดประโยคออกมา “โทชิ ฉันจะแต่งงานกับใบฟาง”ทำเอาเพื่อนอึ้งกับคำนี้ เงียบไปครู่จึงย้อนกลับไปถามทวน “นายว่าอะไรนะป้าง จะแต่งงานแล้วหรือ”“ใช่ ว่าที่เจ้าสาวของฉัน ใบฟางไงล่ะ คนที่เราได้พบเจอเป็นครั้งแรกพร้อมกับ
คุณสนมนาถเงยหน้าขึ้นสบตาสามีอย่างเข้าใจ ท่านเอ่ยอีกครั้งเบือนหน้าหันกลับมาเสียงเคร่ง“แล้วต่อไปจะเอาอย่างไร”“ผมจะจัดการสู่ขอน้องฟางให้ถูกต้องตามประเพณีครับ ส่วนฤกษ์ คุณแม่ของผมท่านกำลังหาอยู่ถึงเรื่องนี้.งมา แล้วคุยกันถึงเรื่องนี้.ง เอ้อ ฟางจะแต่งงานกับ คุณปางภูค่ะ"ตอบล่ะเงมาอย่างไร เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น หล่อนอึ้งตลอด แต่อย่างทีบอกลึกนั้นในใจภูมิใจอย่างมาก ที่คำสารภาพของเขาแบบลุมอเลือกอย่างน้องชายแกเอก่อนนะครับ.. น่าจะไม่เกินสิ้นเดือนนี้ครับ”ปางภูชี้แจงเสียงนุ่มคมชัดฉะฉานและทุ้มเรียบ คุณสนมนาถยื่นผ้าเช็ดหน้าให้บุตรสาว ยิ้มชื่นมื่นนั้นบ่งบอกว่าลูกสาวรับรู้และเห็นดีเห็นงามด้วย“ในเมื่อจะมาเอ่ยขอลูกสาว ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ประเพณีของไทยเราสุภาพบุรุษไม่ควรทำอะไรลับๆล่อๆ กินในที่ลับแล้วมาไขในที่แจ้งสาว ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก้่ได้ว่าอะไร ก้เห็นดีเห็นงามด้วยน้าให้บุตรสาวมื่อเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มและลูกสาวสลับกัน ถ้าทำถูกต้องตามประเพณีทางนี้ก็ยอมรับ.. เพราะลูกสาวของฉัน เห็นว่าเขาคงจะเข้าข้างเธอ และเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างมาก เอาล่ะ เมื่อเข้าใจกันแล้ว ฉันก็ยอม