“คุณอย่าพยายามรู้อะไรเลย อย่าถาม เพราะไม่มีคำตอบ”บ้า จู่ๆนี่เขาเป็นอะไรไปเอ่ยขึ้นลอยๆด้วยคำซ่อนปริศนาที่ใบฟางก็เดาไม่ถูก อ๋อ คงกลัวหล่อนแจ้งจับเขานะสิ ในข้อหากักขังเหนี่ยวเหนี่ยวบังคับข่มขืน แล้วสารพัดที่หล่อนจะเรียก และคดีนี้มีโทษสูงอย่างแน่นอน ถึงขั้นอาญาเขาจะจัดการกับหล่อนอย่างไรดี ในเมื่อตกกระไดพลอยโจนมาแบบนี้ ผู้หญิงคนนี้ชื่อใบฟาง จะไม่ใช่แน่ ถ้าหล่อนไม่มีส่วนเกี่ยวพันกับนายธีรคาม ธีรคามติดหนี้เขาแต่การกระทำเช่นนี้ ด้วยสติสัมปชัญญะความรู้สึกเข้าใจโลกมากพอสมควรแยกแยะตัดสินเองได้ ว่าตัวเองทำผิด แล้วมีอะไรมากกว่าความผิด ถ้าไม่ นอกจากต้องการยั่วเย้ายวนสาวสวย ที่เธอเองก็ถลำตัวไปหาความรัก และคบหากับนายธีรคามถึงขั้นว่าเป็นแฟนมันไม่ใช่ความสะใจใด เพราะเขาไม่มีความสะใจ ไม่มีความอาฆาตแค้น แต่ต้องการดัดหลังผู้ชายอย่างธีรคา เขาไม่รู้ว่าใบฟางสมยอมด้วยหรือเปล่า เขาไม่ควรตัดสินแต่เพียงลำพัง เขาต้องมองดูรอบด้านด้วย แต่เวลานี้รู้สึกตัวว่าตัวเองทำมากเกินไปฉวยสาวสวยเกิดความเข้าใจว่าหล่อนพลั้งและเสียทีให้แก่เขาขณะที่เขาโกหกไปตามเรื่อง เพื่อให้สอดคล้องเป็นการทำให้หล่อนเข้าใจผิดนั่นเอง
“ฉันจะแน่ใจแค่ไหนว่า เธอจะไม่ตลบหลังฉัน อย่างที่บอก เรื่องมันแล้ว แล้วไป หากถ้าเธอคิดว่าเรื่องมันจิ๊บจ๊อย ง่ายมาก เพราะไม่ได้เลือดตกยางออกอะไร เท่าที่ฉันคาดดูเธอคงคิดว่าฉันจะเอาเธอไปขายหรือยังไง”คำที่เขาเอ่ย ทำให้สาวสวยนึกสะดุ้งเพราะหล่อนคิดเช่นนี้แต่ทีแรก คิดไปไกลว่าเขาเป็นพวกแก๊งค์มาเฟีย ค้ามนุษย์ คิดว่าตัวเองไม่แคล้วต้องตกเป็นเหยื่อ คราวนี้คงไม่มีทางรอด กลับไปเห็นหน้าพ่อแม่พี่น้องและญาติอีกแล้วความหวาดกลัวทำให้หล่อนครุ่นคิด และบัดนี้คือคำตอบ ตั้งแต่เลยเที่ยงคืนมาจนถึงป่านนี้ หล่อนไม่ได้รับอันตรายอย่างใดแต่ถ้าพูดถึงเรื่องที่สูญเสียไปแล้ว ย่อมไม่หวนกลับ แต่เขาก็ไม่ได้คิดชั่วถึงขนาดจะเอาหล่อนไปขายต่อ ใช่สินะหล่อนว่าหน้าตาเขาออกจะดี หล่อเหลา ไม่น่าจะมีจิตใจทรามชั่วช้าเลย เมื่อหล่อนไม่มีทางเลือกหล่อนก็ด่าเขาสะเปะสะปะแต่ถึงอย่างไรการกระทำของเขาก็เกิดขึ้น เขาป้ายแผลมลทินให้หล่อน แต่ถึงอย่างไรก็ตามเถอะ ที่เขาไม่ได้ทำร้ายด้วยวิธีการเถื่อนโหดร้ายประเภทชอบความรุนแรง ระงับหักห้ามใจตัวเองไว้ก่อนบทที่ 12เอาตัวเองให้รอด คำนี้ก้องอยู่ในหัวสมอง เห็นท่าทีสงบของเขาแล้วแปลกประหลาดใบฟางมอง
จู่ๆเขาก็พูดตัดบทอีกครั้งแบบง่าย ใบฟางพลิกไม่ทันความรู้สึกของเขา ลำพังแต่ตัวหล่อนสิ จะทำอย่างไร ที่จะหนีให้พ้นจากสภาพนี้ บ้านหลังนี้ท่าทีที่เฉื่อยชาของเขาเริ่มกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย เบนใบหน้าคมเหลือบจ้องมองหล่อน“ผมจะไปส่งคุณที่ซอยแถวบ้าน คุณบอกว่าคุณต้องทำงานไม่ใช่หรือ เวลาจากนั้นผมอยากจะเจอคุณผมจะโทร.ไป ช่วยกรุณาแนะบอกเส้นทางก็ยังดี”เมื่อเขาบอกว่าจะไปส่งแถวบ้าน ใจก็พองโตขึ้นมาทันทีเวลานี้ใบฟางไม่คิดอะไรแล้ว บ้านคือสวรรค์วิมานของหล่อน ขอให้ได้แต่พบหน้าพ่อแม่ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นหล่อนจะกล้าเล่าความจริงให้ท่านฟังหรือไม่ ใบฟางค่อยครุ่นคิดพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใจร้ายกักขังหน่วงเหนี่ยวจนหล่อนสิ้นไร้อิสรภาพมากไปกว่านี้ขอบคุณที่เขาเข้าใจว่าหล่อนจะต้องทำงาน และหล่อนมีภาระ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเขา ก่อนที่จะเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวเดินออกไปข้างนอกพร้อมเขา“นี่บ้านของคุณเองหรือเปล่าคะ”ชายหนุ่มเงยหน้ามองหล่อนนิดหนึ่งก่อนเอ่ยตอบกล่าวเสียงทุ้มแต่กระแสเสียงยังติดความไม่พอใจ“เปล่า เป็นบ้านเพื่อนที่ให้พักอาศัยอยู่ก่อนชั่วคราว”“เพื่อนคุณใจดีน่าดู อุทิศที่นอนที่อาศัยให้
ปางภูรู้สึกว่าเขาเป็นนักเขียนเพราะการฝึกปรือ บวกกับจินตนาการช่วย ความชื่นชอบจากนักเขียนคนโปรด อ่านงานมากเข้าสิ่งเหล่านี้ซึมเซา เมื่ออ่านแล้วต้องเขียนด้วย ถ้าไม่เขียนก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ต้องมีแรงกระตุ้นอยากจะให้เขียนเรื่องนี้ และมีจุดหมายปลายทาง ทบทวนไปนั้นเขาอยู่กับหล่อนตั้งหลายชั่วโมงมีเวลาให้หล่อนไขว้เขวเข้าใจผิดทึกทักเอาไปว่า หล่อนนั้นเสร็จเขาแล้ว ทำไมปางภูต้องให้หล่อนคิดอย่างนี้ด้วยเป็นเพราะเขาสบายใจนั่นคือคำตอบ ไม่มีอะไรที่สบายใจเท่านี้แล้ว เท่าที่ได้แกล้งหล่อนแล้วเบื้องหลังการแกล้งครั้งนี้เขารู้สึกอย่างไร มันทำให้อารมณ์เพริดและตื่นตะลึงได้อย่างมากทีเดียว เลยมุ่งหน้ากลับที่พักของตนเองอีกครั้งตั้งใจจะหลับยาวเลยล่ะ เพราะเหมือนกับว่าแทบทั้งคืน ที่เขาไม่ได้พักผ่อนใช้เวลาอยู่กับความเงียบและความสงบ พักผ่อนสมองด้วยการนอน ถ้าสมองยุ่งเหน็ดเหนื่อยอย่างนี้ อย่าว่าแต่งานเขียนหรือลงมือแตะคอมพิวเตอร์ก็ไม่อยากทำ สู้นอนดีกว่า เขาไม่ลุกไปไหนหรอก มันเป็นเวลาที่ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น นอกจากเปิดเพลงเบาสบายกล่อมตัวเองไปจนหลับ พอตื่นขึ้นมาอีกทีค่อยว่ากัน แต่คิดว่าสมองมันโล่งโปร่งแจ่ม
แม้น้ำจะชำระล้างสิ่งสกปรกหมดผ่านไปแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ชำระล้างคราบคาวไม่ได้คือมลทิน พรหมจารีที่หมองหม่นมีสีที่ไม่บริสุทธิ์เจือปนในกายสาว หล่อนได้แต่รู้สึกเดือดดาลใจด้วยความคั่งแค้น อย่างไม่รู้ที่จะเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากอารมณ์นี้ กำหมัดแน่น น้ำตาไหลปนลงมากับน้ำฝักบัว แต่สาวสวยก็กำมือแค้นอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเป็นสาวออฟฟิศเช่นเดิม ก็ทำให้หล่อนดูดีขึ้น เพียงแค่เครื่องสำอางกลบใบหน้าเอาไว้เท่านั้นแต่ถึงอย่างไรหล่อนก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าสดชื่นขึ้นมามากกว่าเดิม ใบฟางคิดอย่างนั้น ไม่มีเหตุผลที่หล่อนจะไม่ไปทำงาน เพราะหล่อนจะต้องทำงานเหมือนเช่นทุกวันว่าจะไม่คิดแล้วเชียว ไปทำงานเพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์และความรู้สึก เพื่อจะได้ลืมๆเสีย แต่ก็ยังติดค้างเป็นตะกอนในใจมันลืม มันเลิกคิดได้ง่ายเสียที่ไหน หทัยเพื่อนสาวที่ทำงานด้วยกันก็แทบจะไม่รู้ ว่าเธอแบกความขมขื่นไว้ในใจ ด้วยสีหน้ายิ้มระรื่นกับเพื่อนร่วมงานทุกคนหรือแม้แต่ลูกค้า หล่อนก็ตอบด้วยสีหน้าปกติ ที่พยายามบังคับความร่าเริงออกมาเต็มที่ และหล่อนก็ทำตัวเองได้รอดไปจนถึงครึ่งวันเลยทีเดียว และช่วงบ่ายโมงนั้น คนที่พาตัวเอง
เพราะใบฟางคิดอย่างนั้น ความรักของหล่อนและสำหรับหล่อนนั้นมันมีค่าสูงส่งมากมาย ถ้าหากจะทำลายกันด้วยวิธีนี้แล้วล่ะก็ แม้แต่หน้าหล่อนก็ไม่มองด้วยซ้ำจึงขอภาวนาว่าขออย่ามีบุคลที่สามที่กลายเป็นพี่ธีรคามเลยถ้าอย่างนั้นเขาจะเห็นหล่อนร้ายขึ้นมาสักวันหล่อนมีความรู้สึกว่าสติของหล่อนยังไม่ดีนักบางครั้งมันมีอารมณ์คลุ้มคลั่งอยู่ เมื่อนิ่งคิดอยู่คนเดียว อารมณ์กวัดไกวไปถึงภาพที่ถูกกระทำ มันบาดตาหลอนจิตใจเสมอ จนขนาดทำให้ใบฟางร้องกรี๊ดอยู่ในห้องน้ำเพียงคนเดียวไม่มีคนอื่นได้ยินเพราะภายในห้องน้ำมีหล่อนคนเดียว ยังรู้สึกเจ็บ และเจ็บครั้งนี้ที่หล่อนบอกกับตัวเองว่าจะต้องเอาคืน เอาคืนให้หนักหน่วงมากกว่าเดิม แต่ผู้ชายวายร้ายคนนั้นหล่อนก็เห็นหน้า และทราบชื่อของเขา ทั้งชื่อและหน้าตาก็ดี ไม่นึกว่าจะมีจิตใจคนชั่วทรามสกปรกอย่างนี้ เมื่อนึกถึงแล้วใบฟางขยะแขยงขึ้นมาทันทีสวรรค์สีกลับเข้ามาที่คอนโดอีกครั้งหล่อนซื้อลูกชิ้นไส้กรอกบริเวณปากทางเข้าคอนโดแห่งนี้ด้วยถุงหนึ่ง เพื่อกำนัลให้สามีหนุ่มที่เขายังคงนอนอยู่บนเตียงนอนท่าทางอารมณ์ของเขาหงุดหงิด หล่อนไม่ทราบว่าเขาใจใหญ่ใจโตมาจากไหน แล้วมือเติบได้เงินก้
ภาวะอย่างนั้นปางภูบอกตัวเองว่าเขาเศร้าและเจ็บช้ำอย่างมากทีเดียว เหมือนผีหลอกอาการที่เริ่มจะเลือนลืมไปแล้ว เพราะสายตาที่อึ้งไปนานของเขาเริ่มตึงแข็งด้วยแววตาเย็นชา ดุจคนที่พยายามบังคับอารมณ์ตนเองอยู่ และก็กล้าเอ่ยทักหล่อนด้วยอารมณ์ที่เรียบง่ายและเฉยเมย“คุณกลับมาจากอเมริกาแล้วหรือ ง่ายเหมือนกันนี่ สำหรับผมไม่เคยลืมคุณหรอก ไม่เคยลืมคุณสักนิดเพิร์ล”น้ำเสียงของเขาเหมือนยังสะกดและใช้กับหล่อนอย่างห่างเหิน จนสาวสวยอุทานร้องในใจหล่อนชะงักด้วย สามารถเดาความหมายนั่นได้ เพราะหล่อนเป็นคนสลัดความรักจากเขาทิ้ง เรียกว่าเดินหนีในสิ่งที่เขาหยิบยื่นให้ หล่อนก็ยังกล้าจะมาพบเขาอีก แต่ภามิญาก็คิดว่านี่คือมิตรภาพ หล่อนกับปางภูยังเป็นเพื่อนได้“ค่ะ”หล่อนพยักหน้าเบา ขณะที่ทิชากรเพื่อนสนิทสาวนั้นนิ่งเหมือนคนเป็นใบ้ ที่ได้พบภาพแบบนี้อย่างกะทันหัน เพราะเธอเองเป็นคนคอยเตือนเพื่อนอย่างนักเขียนหนุ่มด้วย แต่เขาวางใจคิดว่าภามิญาจะไม่ทรยศ แล้วทีนี้เกิดเรื่อง การที่หล่อนปรากฏกายเด่นชัดอย่างนี้ตามคำอ้างที่กล่าวมานั้น ทิชากรก็เชื่อ เพราะเพิ่งเห็นตัวเป็นๆของภามิญาอีกครั้ง หล่อนดูสวยเปรี้ยวและคล่องแคล่วในท่
ทิชากรหันมายิ้มให้กับเพื่อน“นับว่าไม่เสียทีที่นายเป็นเพื่อนกับฉัน”ปางภูเอ่ยอีกหลังจากคิ้วเรียวเข้มขมวด“ใช่ ฉันไม่ควรให้ท้ายเพิร์ลมาก ไม่ควรทำให้รู้ว่าเธอยังมีความสำคัญกับฉัน”“แต่ดูแล้วเธอเหมือนมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับนาย”“คิดว่าสำคัญแค่ไหน ขอบอกให้ก็ได้นะ ยังไงก็ไม่สำคัญเท่าแซนดี้เพื่อนของฉันหรอก”ทิชากรหัวเราะร่วนให้กับเพื่อนอีกครั้ง“เหรอ ที่นายคิดอย่างนี้ ฉันจะได้สำคัญถูกว่าตัวเองเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับนายจริง”บทที่ 15“มันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะ สำหรับเราทั้งสอง ไม่เคยมีอะไรขวางกั้นคำว่ามิตรภาพได้เลยนะแซนดี้”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง แซนดี้มองหน้านักเขียนหนุ่มเพื่อนรักอย่างจริงจังอีกครั้ง“นายเข้มแข็งขึ้น ฉันดีใจด้วย เอาล่ะวะ เมื่อนายเข้าข้างฉัน ชัยชนะก็จงตกเป็นของนาย ขอบใจที่นายเชื่อถือเพื่อนอย่างฉันจนสนิทใจ เรามาคุยเรื่องงานต่อเถอะ”จากนั้นเพื่อนที่สนิทกันทั้งคู่ก็คุยกันอย่างออกรสออกชาติในงานเขียน และรวมทั้งคิดพร๊อตเรื่องใหม่ล่วงหน้า เอ่ยคุยเกี่ยวกับแวดวงนักเขียนด้วยกันด้วยถ้อยคำสนิทสนม ถึงแม้จะเป็นการนินทาก็ตาม แต่สำหรับทิชากรนั้นถือว่าเหมือนได้เล่าให้เพื่อนสนิทคนห
ชายหนุ่มเห็นหล่อนตื่นกลัว จึงคว้าตัวรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พร่ำเอ่ยที่ริมกกหูเบาว่า“คุณอย่าคิดอะไรมากเลยน่า ลืมซะ ลืมเสียเถอะ มันผ่านไปแล้ว ฟางจ๋า อย่างไรเสีย ชีวิตก็ถูกจัดการไปตามทางชีวิตของแต่ละคน ..ผมนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะรักคุณมากมาย คงไม่กล้ายอมขนาดนี้หรอกนะใบฟาง”หล่อนเข้าใจเขาพูดถูก หล่อนก็ตอบแทนความรักของเขาด้วย“ต่อไปไม่มีแล้วล่ะ เมียขายฝาก สมญาที่ใช้เป็นคำพูดเล่นๆขำๆเพื่อล้อเลียนคุณ มีแต่ตำแหน่งเดียวคือเมียแต่งนายปางภู คุณจะสนใจตำแหน่งนี้ชั่วชีวิตหรือเปล่าล่ะ”คารมของพ่อหนุ่มนักเขียนทำเอาหล่อนต้องยอมรับล่ะ มิน่าถึงร้อยเรียงเขียนหนังสือได้หลากหลายยาวนาน “สนใจสิคะ”หล่อนพยักหน้า “ไม่งั้นฉันคงไม่ตัดสินใจยอมคุณหรอก” เขากลั้วยิ้มดวงตาพราวอีกครั้งกับคำตอบนี้ พึงพอใจเช่นเดิม เพราะขุมสมองมีแต่ความเพริดแพร้วทางปัญญา ชายหนุ่มเห็นหล่อนตื่นกลัว จึงคว้าตัวรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พร่ำเอ่ยที่ริมกกหูเบาว่า“คุณอย่าคิดอะไรมากเลยน่า ลืมซะ ลืมเสียเถอะ มันผ่านไปแล้ว ฟางจ๋า อย่างไรเสีย ชีวิตก็ถูกจัดการไปตามทางชีวิตของแต่ละคน ..ผมนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะรักคุณมากมาย คงไม่กล้ายอมขนาดนี้หรอกนะใบ
คารมของนักเขียนหนุ่มผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้น หญิงสาวยิ้มพราวระยับที่ดวงตาของหล่อนขึ้นบ้าง หวงนี่อาจจะแปลกว่าหึง หล่อนยิ้ม“นั่นยิ้มอะไร ขำหรือว่าไม่พอใจ”“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ฟางรู้สึกว่า พอได้สามีมาหนึ่งคน เขาก็บ่นเสียเก่ง” เขาหันมาทางสาวสวยผู้เป็นภรรยา ขยับใบหน้ามาใกล้ “นี่มาหาว่าเราบ่น ประเดี๋ยวเหอะ จะจูบให้ตายตาอ้อมกอดเลย”ชายหนุ่มบ่นเสียงไม่จริงจังนัก หมั่นไส้ผู้เป็นภรรยามากกว่า “แนะ ไม่กลัว ใช่ไหม? เดี๋ยวเอาจริงนะ”เขาขู่หล่อน พลอยทำให้ใบฟางต้องหลับตาปี๋ลง ก่อนที่ใบหน้าขาวๆของดวงหน้าคมคายจะโน้นแตะชิดใกล้ริมฝีปากประกบบดขยี้ลงไปแทรกความหวานเจือปนละลายอยู่ในช่องปาก จนสาวสวยรับรู้ถึงสัมผัสที่หวานซ่านลิ้น “นี่เริ่มบทลงโทษแล้ว โทษฐานที่มีเมียขี้บ่น แถมปากเก่งอีกต่างหาก เอ้อ เป็นเมียขายฝากเสียด้วย”หญิงสาวยังข้องใจในคำนี้ ความหมายแบบเขานี่คืออะไร จึงส่งสายตาอึดอัด หงุดหงิดทวงถามเมื่อเขาละถอนจากริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นจ้องหล่อน เพราะรู้ว่าหล่อนจะถาม หล่อนไม่ชอบใจสักนิดกับคำทีเขาใช่เรียกหล่อน“อีกแล้ว เมียขายฝาก ฉันไม่รู้ว่าความหมายมันคืออะไรกันแน่ มันเริ่มต้นมาตั้งแต่พี่ธีรคา
“ยังไม่แน่ใจค่ะ เมล ตอนนี้ฉันอยากอยู่เมืองไทยไปก่อน คงทำงานไปสักพัก ถ้าลืมเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างได้ ฉันก็อาจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับใครก็ได้ ที่เขารักจริง และรักความเป็นตัวฉัน รวมทั้งเขาไม่แคร์อดีตต่างๆของฉันด้วย”“ขอให้คุณโชคดีนะฮันนี่”“ขอบคุณคะ เมล คุณก็เช่นกัน รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย”หล่อนโบกมือให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาและคณะจะเดินจากไปในช่องผู้โดยสารขาออก แล้วหล่อนหันมายิ้มให้กับตัวเอง นี่คืออิสรเสรีที่หล่อนต้องการ จึงถอนใจออกมายาวนานด้วยมีความสุข หล่อนต้องการตัด และเยื่อใยอาวรณ์จากเขา หล่อนจะต้องทำให้ได้ เมลมีดีอยู่หลายสิ่งหลายอย่างเช่นกัน แต่สิ่งที่หล่อนยอมรับไม่ได้คือ เขาจะเอาทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อย่างที่เรียกว่า เสือไบ โฮโมเซกช่วล แบบนี้หล่อนไม่ต้องการ ไม่ต้องการเสียน้ำตาทนอยู่กับผู้ชายประเภทนี้ เพราะนั่นหมายความว่า เขาทำให้ชีวิตของหล่อน เหมือนตกนรกทั้งเป็นนึกว่าจะยืดเยื้อ หรือคาราคาซังเสียอีก ขอบคุณที่เขาเลือกให้ของขวัญนี้ให้แก่หล่อน ตามที่หล่อนร้องขอปรารถนามานานต่อไป ชั่วชีวิตนี้ หล่อนจะไม่สนใจ ผู้ชายที่ชื่อเมล นี้อย่างเด็ดขาด ว่าเขาจะเป็นตายร้าย
จะไม่ช๊อคใจไปใหญ่หรือ ที่ตลอดมานั้น อ่านหนังสือของคนกันเองทั้งนั้น คนกันเองที่ขยับเข้ามาเป็นคนในบ้านและเป็นคนในเรือนใจของหล่อนเข้าทุกขณะ“นี่สิของแท้ของชัวร์ นิยายที่ผ่านการรวมเล่มแล้วของผม มีประมาณ เกือบสิบเรื่องด้วยกัน ซ่อนอยู่อีกมุมหนึ่ง โดยเฉพาะ และถ้าอยากจะไปร่วมงานวันสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเมษาที่จะถึงเร็วๆนี้ ไปกับผมสิ คุณจะได้รู้ว่าแฟนคลับผมตรึมแค่ไหน ที่เรียกร้องอยากจะให้ผมมา..แล้วก็ต้องแจกลายเซ็นต์ด้วย”เขากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ ไม่น่าเชื่อ ด้วยบุคลิกที่อ่อนโยนและสุภาพปนกับอารมณ์ร้ายเกรี้ยวกราด ไม่นึกว่าเขาจะมีอีกภาคหนึ่ง ของผู้ชายที่เขียนหนังสือขาย เป็นนักเขียนที่ถือว่า ได้รับความนิยมมากคนหนึ่งในปัจจุบัน ในยุคที่นักเขียนไทย ผุดตัวเองขึ้นมาราวกับดอกเห็นกลางฤดูฝน“ไม่เชื่อ คงต้องเชื่อแล้วละคะ นี่ถ้ายัยเงิน น้องสาวของฟางรู้เรื่อง ตายเลยล่ะคงทั้งอึ้งทั้งทึ่ง ไม่งั้นก็เกือบช๊อคไปหลายสิบตลบแน่นอน”“ถึงขนาดนั้นเลยหรือ”“ใช่ค่ะ ถึงขนาดนั้นแน่นอน เพราะน้องสาวของฉัน ติดงานของคุณมาก”เขาเพิ่งทราบ“นี่คุณทำอย่างนี้ทุกวัน หลังขดหลังแข็งมากไหมคะ”เขายิ้มอีกครั้ง“งา
เขาเอ่ยคำนี้ จนหล่อนหน้าแดงไปเลย สีระเรื่ออ่อนที่พวงแก้ม แต่ก็เข้าใจความหมายเมื่อเขาพร้อมที่จะให้สัญญาปากแบบสุภาพบุรุษอีกครั้ง “งั้น ฟางจะยอมไว้เนื้อเชื่อใจอีกสักครั้ง ทั้งที่ไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่”“อ้าวทำไมล่ะ กลัวผมจะเปลี่ยนใจ ทำมิดีมิร้ายกับคุณหรือไง นี่ฟังนะจ้ะคนเดียว เรื่องทำมิดีมิร้าย ผมก็คิดเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่เวลานี้ แต่ต่อไปล่ะ ผมคงมีเวลาทำมิดีมิร้ายกับคุณอย่างสุดสวาทอย่างว่า ได้นานครั้งล่ะ ตอนที่เราแต่งงานกันเสร็จแล้ว นั่นล่ะ มีเวลาทั้งชีวิตของผมเลย”ฟังคำพูดที่เขาเอ่ย หล่อนก็รู้สึกเบาใจ ปางภูหัวเราะเสียงใส“แล้วฉายาเจ้าพ่อบ่อนหรือเสี่ยที่พี่ธีรคามเรียกใช้ ให้สมญาชื่อคุณล่ะคะ”“นั่นผมลืมแล้ว ผมจะไม่เข้าแล้ว ตัดขาดจากมันตลอดชีวิต ในเมื่อผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนี่ ผมมีคุณ ผมมีครอบครัว มีคนที่เอาใจใส่น่ารักอย่างนี้ ผมจะเตลิดหนีหายไปไหนได้อีกล่ะฟางจ๋า”ในเมื่อเขาจะมีครอบครัวแล้ว นั่นมันคือภาพอดีต เมื่อครั้งที่ยังใช้ชีวิตโสดอิสระได้เต็มที่ และเมื่อพ้นจากวัยนั้นพ้นผ่านแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็คิดว่ามันเป็นเกมชั่วครั้งชั่วคราวที่ผ่านทางชีวิตของเขาเขาไม่ได้ติดหนึบติดหน
หญิงสาวยิ้มให้พยักหน้าและเพิ่งเข้าใจ “คุณคงไม่โกรธผมนะ ที่ตอนนั้นทำอะไรก็คิดจะปิดบังคุณ”เสียงนุ่มทุ้มดังอีก เป็นกังวาน แต่ก็รู้สึกชุ่มชโลมในหัวใจของหล่อนอย่างประหลาด“เคยคิดจะโกรธเหมือนกันคะ แต่ก็ดีที่คุณเพิ่งอธิบายออกมา ฉันเลยนึกโกรธคุณไม่ลงแล้ว”เขาหันมายิ้มอ่อนๆสบตาของหล่อน“ก็ต้องบอก เพราะเราก็เหมือนคนคนเดียวกันแล้ว จากนี้มีอะไรก็ต้องร่วมรับผิดชอบกัน”หล่อนนิ่งฟังคำพูด ชอบฟังคำพูดที่มีหลักการในการวางแผน และให้กำลังใจ สร้างความปลาบปลื้ม แก่ใจของหล่อนอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวยอมรับว่าหล่อนเริ่มจะหลงรักผู้ชายคนนี้เสียแล้ว ไม่รักก็คงไม่ได้หรอก ลึกแต่ไม่ลับในความรู้สึกของหล่อน ขอเก็บเอาไว้รู้เพียงคนเดียว จึงหันทางเขาอีกครั้งยิ้มและสบตาให้ หล่อนนึกถึงเรื่องอื่นได้ อย่างเพิร์ล หรือภามิญาที่ไม่รู้ว่า ทั้งคู่คืบหน้าไปมากแค่ไหน จวบกับมีเรื่องราวอื่นที่เป็นเรื่องสะเทือนใจ ประดังเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่าไม่ขาด จากสึนามิ ฝนก็ท่วมถล่มทางภาคใต้ แผ่นดินไหวทางประเทศพม่าหรือเมียนมาร์กับทางภาคเหนือของไทย วิบากกรรมของประเทศและชาวโลกถูกซัดมาอย่างไม่หยุดหย่อน คงต้องพึ่งพาความดีงาม ศีลธรรม บุญกุศลท
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงระส่ำขวัญเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดจึงถูกพับแปลนงานอย่างน่าเสียดาย ไว้รอเหตุการณ์ทุกอย่างสงบอีกครั้ง เขาถึงจะเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอน คงต้องเป็นหลังจากที่งานแต่งของเพื่อนรักที่เมืองไทยเสร็จสิ้น“ขอบใจนายมากที่เป็นห่วง ฉันเป็นตัวแทนของประเทศที่รับความหวังดีนี้จากนาย”“ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนไทย เมืองที่ได้ชื่อว่าใจบุญ และสยามเมืองยิ้ม ที่ไหนเกิดความทุกข์เดือดร้อนสาหัส พวกเราทนดูดายไม่ได้หรอก ยิ่งญี่ปุ่นก็ให้ความพึ่งพิงพึ่งพาช่วยเหลือประเทศไทยเรามาก่อน ไม่ว่าทางด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยีต่างๆ สายสัมพันธ์เรายาวนาน เราจึงเห็นใจกันและกัน ถือว่าประเทศไทยตอบแทนน้ำใจประเทศญี่ปุ่น มันเป็นการกตัญญูรู้คุณที่สองประเทศมีไว้ให้กัน”คนฟังรู้สึกตื่นตันใจ และนึกในใจเขาเองก็ถือว่าโชคดีที่มีเพื่อนสนิทเป็นคนไทยอย่างปางภู“ทำใจให้ดีเถอะนะ เข้มแข็งเอาไว้ คิดเสียว่า เบื้องหลังฝันร้าย จะกลายเป็นดี ในอนาคต”โทชินาดะพยักหน้ารับกับเพื่อน ใบฟางรับรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกับคนไทยทั่วประเทศ เพราะหล่อนติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวที่เกิดอย่างรุนแรงของประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อนึกถึงเพ
แต่ที่น่าแปลกใจคือ ศราณัฐกลับพูดเรื่องนี้ไม่ออก เหมือนปากของเขาถูกอุดเอาไว้นิ่งเช่นกัน ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หรืออาจเพราะว่า เขากับหล่อนนั้น ห่างหายจากกันไปนาน แทบไม่ได้รับการติดต่อจนกระทั่งได้กลับมาพบกันอีกครั้งแต่เขามีความรู้สึกว่า ใบฟางห่างเหินเมินเฉยต่อเขาเป็นอย่างมาก เอ หรือจะเป็นเช่นที่มารดาเอ่ยกล่าวว่าเปรยๆบอกเขาไว้ว่า ใบฟางมีแฟนแล้วที่มาเทียวรับเทียวส่งหล่อนบ่อย เรื่องนี้เป็นการยืนยันด้วยสายตาของมารดา ทีแรกเขาก็ไม่ได้เชื่อหรอก แต่มาเห็นสายตาและปฏิกิริยาของใบฟางที่มีต่อเขาแล้ว ชายหนุ่มต้องแอบบอกกับตัวเอง เขาคงมิแคล้วต้องซดน้ำใบบัวบกแทนข้าวมื้อนี้เสียแล้วและนี่คือความอึดอัด เมื่อถึงที่หมายใบฟางขอลง เขาเองก็จอดให้หล่อนลงอย่างง่ายดาย พร้อมกับยิ้มให้ และโบกมือเมื่อหล่อนเอ่ย “ฟางขอบใจพี่ศรามากนะคะ รบกวนเท่านี้ล่ะ ขอให้โชคดีค่ะ”ชายหนุ่มโทร.หาโทชินาดะแต่เช้าหลุดประโยคออกมา “โทชิ ฉันจะแต่งงานกับใบฟาง”ทำเอาเพื่อนอึ้งกับคำนี้ เงียบไปครู่จึงย้อนกลับไปถามทวน “นายว่าอะไรนะป้าง จะแต่งงานแล้วหรือ”“ใช่ ว่าที่เจ้าสาวของฉัน ใบฟางไงล่ะ คนที่เราได้พบเจอเป็นครั้งแรกพร้อมกับ
คุณสนมนาถเงยหน้าขึ้นสบตาสามีอย่างเข้าใจ ท่านเอ่ยอีกครั้งเบือนหน้าหันกลับมาเสียงเคร่ง“แล้วต่อไปจะเอาอย่างไร”“ผมจะจัดการสู่ขอน้องฟางให้ถูกต้องตามประเพณีครับ ส่วนฤกษ์ คุณแม่ของผมท่านกำลังหาอยู่ถึงเรื่องนี้.งมา แล้วคุยกันถึงเรื่องนี้.ง เอ้อ ฟางจะแต่งงานกับ คุณปางภูค่ะ"ตอบล่ะเงมาอย่างไร เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น หล่อนอึ้งตลอด แต่อย่างทีบอกลึกนั้นในใจภูมิใจอย่างมาก ที่คำสารภาพของเขาแบบลุมอเลือกอย่างน้องชายแกเอก่อนนะครับ.. น่าจะไม่เกินสิ้นเดือนนี้ครับ”ปางภูชี้แจงเสียงนุ่มคมชัดฉะฉานและทุ้มเรียบ คุณสนมนาถยื่นผ้าเช็ดหน้าให้บุตรสาว ยิ้มชื่นมื่นนั้นบ่งบอกว่าลูกสาวรับรู้และเห็นดีเห็นงามด้วย“ในเมื่อจะมาเอ่ยขอลูกสาว ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ประเพณีของไทยเราสุภาพบุรุษไม่ควรทำอะไรลับๆล่อๆ กินในที่ลับแล้วมาไขในที่แจ้งสาว ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก้่ได้ว่าอะไร ก้เห็นดีเห็นงามด้วยน้าให้บุตรสาวมื่อเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มและลูกสาวสลับกัน ถ้าทำถูกต้องตามประเพณีทางนี้ก็ยอมรับ.. เพราะลูกสาวของฉัน เห็นว่าเขาคงจะเข้าข้างเธอ และเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างมาก เอาล่ะ เมื่อเข้าใจกันแล้ว ฉันก็ยอม