เสียงเคาะประตูหน้าห้องรวมไปถึงร่างที่ก้าวเท้าเข้ามาสีหน้าและท่าทางเหมือนมีความกดดันอะไรบางอย่างใต้ตาที่ดำคล้ำสภาพเหมือนคนไม่ได้นอนของคุณเลขาทำเอาเดนีสขมวดคิ้วมุ่น
“วันนี้มีงานอื่นอีกไหม”
“ไม่มีครับ”
“นายโอเคนะ” เดนีสเลียบเคียงถามแพขนตาที่หลุบลงไหนจะฝ่ามือที่เหมือนจะสั่นน้อยๆเวลาจับไอแพดทำเอาเดนีสอดเป็นห่วงไม่ได้
“ครับ” แถมวันนี้ยังพูดน้อยไม่ต่อปากต่อคำกับเขาอีกบรรยากาศเย็นยะเยือกที่ปล่อยออกมานั้นเหน็บหนาวเสียยิ่งกว่าแอร์ที่จ่อตรงหัวซะอีก
“ถ้าไม่สบายพักก็ได้นะงานตอนบ่ายฉัน—”
“ไม่เป็นไรจริงๆครับ” บทสนทนาความห่วงใยระหว่างลูกน้องกับเจ้านายจบลงแค่นั้นเมื่อปรียานุชเคาะประตูแล้วนำเครื่องดื่มเข้ามาให้
เดนีสถอดแมสออกหลังจากเหลือเพียงสองคน “ซี้ด” มุมปากที่มีเลือดซิบโหนกแก้มที่ฟกช้ำวินตราเงยหน้าขึ้นมาจากไอแพดเมื่อได้ยินเสียงสูดปากเขาไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไปอีกฝ่ายก็ละล่ำละลักบอกมาเอง
“เมื่อวานมีปัญหานิดหน่อย”
“แล้วจะนัดทานข้าวกับคุณอัคนีได้ยังไงครับความจริงเป็นนัดที่สามารถเลื่อนได้เลื่อนไปก่อนดีกว่าไหมครับ”
“ไม่เป็นไร” เดนีสโบกมือ
“ปกติฝ่ายนั้นไม่ได้อะไรอยู่แล้วกาแฟไม่พร่องก็ลุกออกไปแล้ว”
“ครับ”
วันนี้คุณเลขาก็แปลกจริงๆว่าง่ายไปหมดเอาแต่ก้มมองไอ้จอสี่เหลี่ยมนั่นสายตาในวันนี้หม่นแสงไม่มีเอเนอร์จี้ก่นด่าเขาออกมาสักประโยคหรือว่าเขาจะเป็นมาโซคิสกันแน่วะคุณเลขาไม่ก่นด่าไม่จิกกัดไม่มีแรงทำงานอะไรทำนองนั้น
เดนีสส่ายหน้าให้ตัวเองก่อนจะรับสายจากน้องชายที่โทรเข้ามาน้ำเสียงและสีหน้าเวลาคุยกับน้องชายมีความอ่อนโยนและโมเมนต์มุ้งมิ้งอยู่ในนั้นเหมือนใส่ฟิลเตอร์พี่ชายที่แสนดีแต่กับคนอื่น…
“ว่าไงน้องรักสะดวกสิไอ้พัดมารับไม่นี่…หลับเป็นตายทำไมเหรอ” ประโยคก่อนหน้าพูดคุยธรรมดาแต่ประโยคหลังๆแม้วินตราไม่อยากฟังยังไงก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดีมันมีความอาฆาตมาดร้ายอยู่ในนั้น
“แล้วไอ้พัดล่ะ…ซี้ด”
“ยังมีหน้าไปทำงานได้แสดงว่าไม่เจ็บมาก”
“แค่หกล้มนิดหน่อย”
“คิดมากน่าไม่ใช่เพราะเราหรอกพรุ่งนี้จะให้แม่บ้านไปหา” เดนีสวางสายด้วยสีหน้าที่บูดบึ้งแม่งไอ้พัดยังไปทำงานได้อยู่อีกรู้งี้เขาน่าจะซัดมันอีกสักหลายๆหมัดเดนีสที่ทำท่าชกลมอยู่กลางอากาศชะงักเมื่อคุณเลขาไม่รู้ว่ามองเขาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่แก้เก้อด้วยการยกน้ำขิงขึ้นมาจิบก่อนจะเบ้ปากไม่ชอบใจในกลิ่นของมัน
ระหว่างทางคุณเลขาเอาแต่เหม่อออกไปนอกรถวันนี้เขาใช้รถตู้ของบริษัทเอาความสบายใจของคุณเลขาเป็นที่ตั้งแต่เหมือนว่าคุณเลขาแปลกใจจริงๆไม่จ้ำจี้จ้ำไชเขาแถมยังเงียบเป็นพิเศษ
“นาย…มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่ครับ” มีเห็นๆแต่เขาไม่อยากจะเซ้าซี้อีกฝ่ายยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจนเดนีสนับถือเป็นเขาจะนอนตายอยู่บนเตียงประชดทั้งวันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นและที่เขาอ่อนข้อให้วินตราเป็นพิเศษเพราะมีส่วนที่คล้ายคลึงน้องชายของเขา
เดนิมเป็นคนเก็บตัวเป็นคนโลกส่วนตัวสูงไม่ค่อยปริปากเล่าเรื่องความคับข้องหมองใจให้ใครได้รู้เหมือนกับว่าตัวเองกำลังเปิดบาดแผลในจิตใจให้คนอื่นได้เห็นขังตัวเองด้วยโลกอีกใบโลกของ FALLIN เดนิมไม่ได้อยากเป็นนักเขียนแต่เพราะเจ้าตัวเลือกที่จะระบายของเสียภายในจิตใจผ่านตัวอักษรกะเทาะเปิดเผยเรื่องราวที่ผ่านพบมาขีดเขียนลงไปในกระดาษสีขาวจนกลายเป็นนิยายเรื่องหนึ่งและเดนิมต่างจากวินตราที่แผลใจเกิดจากตัวเอง
แต่วินตราตรงกันข้ามไอ้บุคลิกภาพแข็งทื่ออย่างนี้ไม่ได้จะสร้างกันได้ง่ายๆมันออกมาจากสภาพจิตใจส่งผลโดยตรงกับร่างกายสีหน้าไม่อมทุกข์แท้จริงแล้วไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่างหากและดูเหมือนว่าแผลใจนั้นจะมีมากมายและบาดเจ็บมากกว่าน้องชายเขาไม่รู้กี่เท่า
เดนีสไม่ใช่จิตแพทย์เขาเพียงแค่คาดเดาและเรียนรู้ที่จะจับสีหน้าและท่าทางของบุคคลตรงหน้าเมื่อก่อนเขาไม่แยแสกับสายตาของใครต่อใครที่มองมาเพราะคิดว่าเขาได้เก้าอี้ตำแหน่งประธานนี้มาด้วยความชอบธรรมแต่พอเจอปัญหาจังๆความมั่นหน้ามั่นโหนกที่มีก่อนหน้าก็ถูกตีแสกหน้าด้วยสายตาของลูกน้องที่มองด้วยสายตาเหยียดหยามแววตาเคลือบแคลงสงสัยแน่ล่ะ…เขาไม่มีคุณสมบัติของ Leader เลยในใจลูกน้องอาจจะเป็นเพียงลูกคนรวยที่ทำตัวหัวกรวยไปวันๆเขาจึงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาและพัฒนาตัวเองแม้ว่าจะมีบางเรื่องที่ยังอิดออดแต่ก็ถือว่าดีกว่าเมื่อก่อนมาก
สายตาที่คุณปรียานุชเวลาพูดกับเขาไม่เหมือนเมื่อก่อนตอนแรกๆที่เขารับตำแหน่งนี้พอลองย้อนไปถึงสายตาของเลขาคนเก่าอย่างนิติพลที่มีความจนใจและเหนื่อยหน่ายที่เวลาพูดเกลี้ยกล่อมเขาอยู่ในนั้นเสมอก็ตลกดีเหมือนกัน
และก็เป็นอย่างที่ท่านประธานพูดไว้คุณอัคนีนั่งลงก้นยังไม่ทันร้อนก็ลุกออกไปแล้ววินตราที่นั่งอยู่เยื้องๆด้านหลังประธานจดรายละเอียดเมื่อครู่เสร็จก็ปิดเจ้าจอสี่เหลี่ยมนั่นเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นท่านประธานเท้าคางมองกันอยู่ก่อนแล้วแม้จะสวมแมสแต่ใบหน้ามาดกวนและยียวนนั้นทะลุแมสออกมาเลยก็ว่าได้
วินตราแม้สีหน้าจะราบเรียบแต่กลับเลิกคิ้วขึ้นมาเป็นคำถาม
“นายกินเผ็ดหรือเปล่า”
แล้ววินตราก็เข้าใจว่าทำไมท่านประธานถึงถามคำถามนั้น
“ถ้าไม่เผ็ดมากพอได้ครับ”
ตอนนี้พวกเขาสองคนนั่งอยู่ร้านส้มตำข้างทางร้านหนึ่งพอดีมาก่อนพักเที่ยงคนจึงไม่พลุกพล่านวินตราไม่เคยคิดว่าคุณชายเจ้าสำราญอย่างลูกท่านเจ้าสัวจะนั่งทานส้มตำข้างทางแบบนี้ได้ด้วย
“ที่นี่รูดบัตรไม่ได้นะครับ” วินตราพูดลอยๆเดนีสจิ๊ปาก
“รู้น่าแต่สแกนจ่ายได้นายไปอยู่ที่ไหนมาไม่รู้ว่าเขาสแกนจ่ายได้แล้ว” วินตราไม่ตอบ
เดนีสกำลังก้มหน้าดูลิสต์รายการอาหารในมือ “นายจะเอาอะไรอีกหรือเปล่า” เพราะความเครียดจู่โจมกระเพาะเหมือนจะไม่ทำงานพอได้กลิ่นไก่ย่างหอม ๆ แบบนี้ก็ชวนน้ำลายสอ อีกอย่างเข้าแต่ร้านภัตตาคารพวกนั้นก็เลี่ยนเหมือนกัน ได้กลับมากินของที่คุ้นลิ้นก็ดีเหมือนกัน “ตำหมูยอแคบหมูอีกสองห่อก็พอละครับ” เห็นได้ชัดเลยว่าสีหน้าของคุณเลขาดีขึ้นแต่เขาไม่ทักหรอกแต่ใบหน้าที่ฟกช้ำนั้นก็ดูตลกมากกว่าจะดูน่าสงสารวินตราเท้าคางปิดปากเสไปมองทางอื่น“อยากจะหัวเราะเยาะฉันก็หัวเราะออกมาเถอะ” วินตราหันหน้ามามองไม่พูดอะไรแต่สายตาดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อยไม่รู้สิเพราะทำงานด้วยกันมานานและอีกฝ่ายก็เป็นคนเก่งจริงๆที่เขาให้การยอมรับจากใจและก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าอ่อนข้อให้คนตรงหน้าตั้งเมื่อไหร่ไม่รู้เมื่อไหร่อีกเหมือนกันว่าที่เขาคอยจับสังเกตสีหน้าและแววตาของคุณเลขาอยากจะรู้จักให้มากขึ้น…อาจจะเป็นผลดีในเรื่องงานน่ะนะฝีปากยกยิ้มน้อยๆ “ทำไมถึงมาทานที่นี่ล่ะครับ”“กินก่อนแล้วฉันจะบอก” ท่านประธานยักคิ้วกวนๆให้สองสามทีวินตราถอนหายใจกับสีหน้าแพรวพราวของท่านประธานที่เหมือนหลอกเด็กน้อยได้แต่ก็ช่างเถอะ…วันนี้เขาเหนื่อยล้าจะยอม
วินตราที่เมื่อก่อนในตอนพักเที่ยง หรือตอนที่ท่านประธานคุยกับคู่ค้าเพียงลำพัง เขาและเลขาของอีกบริษัทต่างก็หาที่หลบมุม บ้างก็นั่งคุยกันอยู่ใกล้ ๆ แต่พักหลัง ๆ วินตราที่นาน ๆ ครั้งจะสูบบุหรี่ที ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขาอัดนิโคตินเข้าปอดแทบจะทุก 3 ชั่วโมงที่มีโอกาสเลยก็ว่าได้ แม้จะเลือกยี่ห้อที่ไม่ฉุน รวมไปถึงน้ำหอมและน้ำยาดับกลิ่นปากแล้ว เดนีสก็ยังได้กลิ่นควันบุหรี่ตามเนื้อตามตัวของคุณเลขา เขาย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ คุณเลขาพักหลัง ๆ ทำตัวแปลก ๆ สายตาล่อกแล่กเหมือนระแวงบางสิ่ง บางสิ่งที่เดนีสเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไรถ้าอีกฝ่ายไม่คิดปริปากบอกกันเขาก็หาทางช่วยไม่ได้หรืออีกฝ่ายอาจคิดว่าเขาไม่น่าจะช่วยอะไรได้? วินตราเป็นคนทำงานเก่งไม่ใช่คนขี้เม้าแล้วไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องใครง่ายๆไม่น่าจะเป็นคนในที่ทำงานเดนีสวิเคราะห์เชี่ย! หรือว่าจะเป็นแฟนเก่าเมื่อกลับจากพบปะลูกค้าตามตารางงานเดนีสก็อดที่จะถามคุณเลขาข้างกายไม่ได้สงบปากสงบคำผิดปกติมาสองสามวันแล้วปกติถ้าไม่ด่าต้องใช้สายตานิ่งๆดุๆนั้นปราบเขาบ้างนี่อะไรไม่หือไม่อือกับพฤติกรรมของเขาเลยสักนิดยอมไม่ได้!“นายทำตัวลับๆล่อๆทำไมมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ”
“ซี้ด” วินตราจิกเล็บจนต้นคออีกฝ่ายเลือดซิบ คนร้ายหัวเราะในคอเบา ๆ “ชอบรุนแรงก็ไม่บอก” สองมือพยายามแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างรีบเร่งบ้างก็รีบปลดเข็มขัดจนมีจังหวะให้วินตราตีเข่าจังๆตรงกลางลำตัววินตราล็อกคอตีเข่าจนร่างกายอีกฝ่ายกระเด็นกระดอนกระอักเลือดออกมา“แม่มึงกล้าแตะต้องกู” ก่อนจะตะโกนร้องสุดเสียง“ช่วยด้วยช่วยด้วย” เดนีสที่หัวเสียเมื่อไม่เห็นคุณเลขาที่รถพลันได้ยินเสียงร้องจากมุมหนึ่งของตึกสองเท้ารีบสับตีนแตกไปยังที่มาของเสียงพร้อมร้องเรียกรปภ.ไปด้วย “เชี่ย” เดนีสรีบวิ่งสุดฝีเท้าก่อนจะเห็นคนร้ายที่กำลังตะเกียกตะกายจากพื้นขึ้นมาจิกผมวินตราจากทางข้างหลังก่อนจะพลิกตัวคุณเลขามาชกที่ท้องแรงๆหลายครั้งวินตราที่เพลี่ยงพล้ำล้มไปกองที่พื้นกำลังจะถูกคนร้ายกระทืบซ้ำเดนีสที่ตกใจกับภาพเบื้องหน้าที่เห็นถลากระโดดถีบจนอีกฝ่ายปลิวไปชนรถคันที่จอดอยู่เสียงสัญญาณกันขโมยดังขึ้นพร้อมกับรปภ.ของห้างที่กรูกันเข้ามาหมวกแก๊ปสีดำตกลงพื้นเดนีสจึงตามไปสาวหมัดใส่ไม่ยั้ง“ไอ้ห่ามึงตายมึงตายเชี่ย” เดนีสสาวหมัดใส่อีกฝ่ายจนสันกระดูกมือมีแผลแตกเลือดซิบไม่รู้เลือดของใครเป็นของใครเขาชกจนคนร้ายคอพับไปแล้วเลยปล่อยร่างที่
“ฉันเป็นห่วงเกิดพวกมันกลับมาทำร้ายนายอีกจะทำยังไงฉันไม่ทำอะไรนายหรอกน่าอีกอย่างนายก็ไม่ใช่สเปก” หลุบตามองฝ่ามือที่กุมกันอยู่อย่างนั้นปากพูดไปงั้นแต่ใบหูกลับแดงระเรื่อ “อ้อ” วินตราขานรับโลกที่มืดมนของเขาเปิดแง้มให้คนตรงหน้าทีละน้อยโดยที่ไม่รู้ตัวเหมือนกันตอนที่เขาหันหลังจะวิ่งหนีความจริงเขาอย่างจะตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายดังๆแต่ทำได้เพียงร้องเรียกอย่างอื่น ท่านประธานเฮงซวยและไม่เอาไหนในตอนแรกอาจเป็นคนเดียวกับที่วินตราเรียกร้องขอความช่วยเหลือแต่อีกใจหนึ่งเขาก็อยากให้ความลับอันโสมมนี้มันตายไปกับตัวเองการบอกเล่าเรื่องราวที่ประสบพบเจอมาใช่ว่าจะเป็นการระบายของเสียภายในจิตใจเสียอย่างเดียวซะเมื่อไหร่ไม่แน่ว่าอาจเป็นการเปิดแผลใจให้อีกฝ่ายไว้ใช้เพื่อทิ่มแทงตัวเขาเองอีกครั้งในวันหน้าวินตราหวาดกลัวและอยากจะลืมมลทินพวกนั้นไปให้สิ้นแต่ภายในหัวสมองเหมือนไม่ยอม แม้อยากจะลืมให้สิ้นแต่กลับจดจำได้ทุกสิ่งและเป็นสิ่งที่ทำให้เขาถามคำถามย้ำๆกับตัวเองเขาเกิดมาเพื่ออะไร? บางครั้งความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแต่การอยู่ด้วยความหวาดกลัวและระแวงอย่างนี้มากกว่าที่น่ากลัวมากกว่าความตายกลิ่นตัวที่คลื่นเหียนกลิ่นเหล้
วินตรานอนสังเกตอาการอยู่ที่โรงพยาบาลเพียงสองวันแต่เดนีสให้คุณเลขาหยุดอีกสามวันเพราะเกิดเหตุในเวลาทำงานพอดีตำรวจเข้ามาสอบสวนอยู่สองสามครั้งก่อนจะขอตัวไปสืบหาผู้ว่าจ้างอีกอย่างลูกกระจ๊อกที่ส่งมาก็เป็นเพียงไอ้ขี้คุกเดนตายที่เข้าออกคุกเหมือนอยู่บ้านไม่สลดและรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไปเท่าไหร่อีกอย่างในคุกเองก็มีหัวโจ๊กให้ความคุ้มครองเป็นไอ้สวะขี้คุกดีๆที่เอาแต่กินนอนท่ามกลางภาษีของคนไทยวินตราเองก็ไม่ได้คาดหวังกับระบอบยุติธรรมสักเท่าไหร่อีกอย่างการจะสาวไปหาผู้บงการตัวจริงก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าพนักงานเอ่ยปากบางครั้งวงการสีกากีเองก็ไม่สามารถจะทวงความยุติธรรมให้กับเหยื่อได้ง่ายๆเมื่อเจอตอใหญ่ต้องดูด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นคนของใคร เดนีสไปรับวินตราที่โรงพยาบาลด้วยตัวเองแถมยังจ้างบอดีการ์ดมือดีมาเฝ้าสันหมัดที่พันผ้าพันแผลไว้หลุดลุ่ยเดนีสไม่ได้ใส่ใจมากนักในขณะที่นั่งรอรับยาอยู่ที่เก้าอี้วินตราก็ดึงเศษผ้าที่หลุดลุ่ยนั้นมาวางที่หน้าตักของตัวเองโดยมีกระเป๋าสะพายวางอยู่ก่อนแล้วเดนีสที่มือซ้ายกดยิกๆที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเองชะงัก“มีอะไรเหรอ” วินตราไม่ตอบเพียงแต่แกะแถบผ้าออกช้าๆก่อนจะถาม“ไ
“ฉันกอดนายได้หรือเปล่า” วินตราตัวแข็งค้างแต่ยังถามคำถามที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยากได้คำตอบแบบไหน“กอดในฐานะอะไรครับ” “กอดในฐานะเพื่อนมนุษย์เพื่อนร่วมโลกกอดเพื่อแบ่งปันความอบอุ่น—” เดนีสที่ยังพูดไม่จบประโยควินตราก็หันหน้ามาเผชิญหน้า“ฉันไม่ต้องการความสงสาร” สรรพนามเปลี่ยนไปไม่ใช่ในฐานะเจ้านายกับลูกน้องแต่เป็นเพียงวินตรากับเดนีสไม่มียศถาอะไรมาเกี่ยวข้องเป็นเพียงคนสองคนที่ยืนประจันหน้ากันอยู่ตรงนี้วินตราหลุบตาลงแพขนตาเหมือนใบพัดนั้นสั่นระริกแทบจะซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ไม่มิดและคนตรงหน้าเป็นเพียงคนเดียวที่ได้เห็นความอ่อนแอความไม่เอาไหนของวินตราเป็นการเปิดเปลือยให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ผ่านมา“ฉันรู้นายเป็นคนเก่งอย่าลืมว่านายเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่งต่อหน้าคนอื่นนายจะแสร้งทำตัวเข้มแข็งแข็งแกร่งยังไงก็ได้แต่อย่างน้อยเวลาอยู่ต่อหน้าฉันอย่าฝืนเลย…ฉันอาจไม่ใช่คนที่ดีพร้อมแต่อย่างน้อยขอให้ฉันได้เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้นายนายไม่ได้อยู่และต่อสู้ปัญหาเพียงลำพังเพียงแค่นายเอ่ยปาก…ไม่ว่าปัญหาจะเล็กใหญ่แค่นั้นฉันจะช่วยนายแบกเอง” เดนีสเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากของวินตราเบาๆวินตราเองก็ไม่หลีกเลี่ยงสั
แป๊บๆก็เกือบจะขึ้นปีใหม่วินตราทำงานที่นี่มาเกือบปีปีหน้าเดือนมกราคมก็ครบรอบหนึ่งปีพอดีจากท่านประธานที่เอาแต่ใจทำงานเช้าชามเย็นชามเมื่อเทียบกับตอนแรกที่เจอกันตอนนี้ดีกว่ามากวินตรามองท่านประธานที่สั่งงานกับเลขาหน้าห้องอย่างเป็นระบบตอนประชุมก็ตอบคำถามลับฝีปากกับบอร์ดบริหารได้เป็นอย่างดีความจริงวินตราวางแผนเอาไว้แล้วว่าหากท่านประธานของเขาเติบโตได้อย่างสง่างามเมื่อไหร่วินตราจะลาออกและไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการแต่เหมือนโชคชะตาไม่เป็นใจชีวิตเขาที่ไม่รู้เมื่อไหร่พัวพันกับท่านประธานจนเหมือนเงาติดตามตัวแบบนี้ มีท่านประธานที่ไหนมีคุณเลขามือทองที่นั่น งานเลี้ยงพบปะห้าสิงห์เองก็เช่นกันคุณเลขาก็มาส่งและมารอรับเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีบอดีการ์ดคอยคุ้มกันห่างๆสองคนวินตราอ่านรายงานรออีกฝ่ายที่ร้านกาแฟข้างๆเช่นเดิม“ไงไอ้นีสการงานไปได้สวยนี่หว่าเห็นว่าแก้ปัญหาใหญ่ได้แล้ว” เวคินเอ่ยถามในขณะที่มืออีกข้างก็แกว่งของเหลวสีอำพันไปด้วย“เออกว่าจะผ่านไปได้เกือบตาย” เดนีสทำหน้าเหม็นเบื่อ“ฮ่าๆ” สานิชหัวเราะเยาะอย่างไม่ไว้หน้า “มึงใจร้อนไอ้นีสต้องเชือดนิ่มๆอย่างคุณชายกิตติกร” สานิชเย้ากิตติกรที่กอดอกอยู่
เดนีสเลิกปาร์ตี้เร็วกว่าที่วินตราคิดไว้เพียงสี่ทุ่ม ปกติต้องเกือบเช้าวันใหม่ ออกจากคลับมาใส่บาตรต่อได้เลยทำนองนั้น เขาเดินเข้ามายังร้านกาแฟที่อีกฝ่ายบอกกล่าว เดนีสกวาดสายตามองไปทั่วร้านก่อนจะมองเห็นแผ่นหลังที่คุ้นตา ยิ่งเห็น ยิ่งอยากโทษตัวเอง ไม่แปลกที่ภายในคอนโดของวินตราจะมีกองขยะสุมกันเต็มห้องหากเขาผ่านเหตุการณ์เลวร้ายขนาดนั้นป่านนี้คงเป็นบ้าไปแล้วไม่อาจฝืนทนกล้ำกลืนมาทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้ได้ยิ่งรู้เบื้องหลังอีกฝ่ายเดนีสเองก็ยิ่งตำหนิตัวเองหากเขารู้…จะทำตัวดีกับอีกฝ่ายมากกว่านี้สักหน่อยแต่เรื่องละเอียดอ่อนและน่าอายแบบนี้ใครอยากจะเปิดปากเล่ากันเล่าแล้วใครจะเชื่อความคิดมากมายวิ่งวนในหัวของเดนีส‘อยู่ที่วินตรา’ เดนีสเข้าใจประโยคที่พ่อเขาพูดอ้อมๆแล้วอีกทั้งสื่อยังเลือกที่จะประจานเหยื่อโดยโชว์หน้าหราบนสื่อออนไลน์และปกป้องผู้กระทำผิดที่มีสีมียศตำแหน่งพวกนั้นระยำ! หากเปิดหน้าเผชิญเหยื่อจะต้องใช้ความเข้มแข็งมากแค่ไหนวะสภาพจิตใจไหนจะคอมเมนท์ที่รับสารฝั่งเดียวบางทีโลกใบนี้มันก็โหดร้ายไม่มีพื้นที่ปลอดภัยให้เหยื่อเลยแม้แต่คอมเมนท์สงสารเห็นใจยังไม่มีได้แต่คอมเมนท์ไปตามลมแห่ขึ้นรถท
“ถอยไปเลยไป” “ด่าฉันด้วยสายตาอีกแล้ว” วินตรารีบคลุมสาบเสื้อชุดคลุมของตัวเองรัดสายคาดเอวอย่างแน่นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคืองในกระจกเดนีสก็หอมกระหม่อมคุณเขาซ้ำๆอยู่นั่นไม่สนใจสายตาที่อยากจะสับเขาเป็นชิ้นๆของคุณเลขาในกระจกสักนิดวินตราหวานไปทั้งตัวเหมือนช็อกโกแลตที่ข้างนอกแข็งขึ้นเป็นรูปต่างๆได้แต่พอวางอยู่ในอุ้งมือหรือในโพรงปากก็ละลายออกมาหวานละมุนกลิ่นโกโก้ชั้นดีตีขึ้นในโพรงจมูกจนอยากจะอมไว้ในปากทั้งวันไม่อยากให้ใครได้เห็นได้กลิ่นวินตราเป็นของเขาของเขาคนเดียวเท่านั้นสภาพท่านประธานในตอนนี้เหมือนอยากจะอมหัวเขาเหมือนหมาโกลเด้นที่ออดอ้อนออเซาะเจ้าของไม่รู้จักเบื่อนี่นะเหรอ…ข้าวใหม่ปลามันที่หลายคนพูดถึงแต่วินตราก็ยังเป็นวินตราคนเดิมเขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้รังเกียจสัมผัสของอีกฝ่ายคนในกระจกเป็นคนแรกและคนเดียวที่วินตราค่อยๆแง้มประตูที่ปิดตายเอาไว้ให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงความไม่สมประดีของตัวเองแผลใจไหนจะขยะที่ซุกซ่อนไว้ในใจรวมไปถึงในห้องคอนโดของตัวเองผู้ชายคนนี้ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวจนมันแผ่มาถึงคนนอกอย่างเขาได้ง่ายๆวินตราคิดว่าการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่เพราะเขากลัวว่า
“รเร็วกว่านี้” เดนีสยันแขนแต่เอวก็เคลื่อนไหวเนิบช้าแต่ออกสุดตอกจนสุดเช่นกันวินตราแหงนหน้าเมื่อส่วนล่างถูกบดขยี้บี้ซ้ำๆจนสุดโคนจนรู้สึกถึงเส้นขนหยาบแข็งๆกระทบแก้มก้น“เรียกที่รักก่อนสิ” เดนีสซุกที่ซอกคอวินตราพร้อมกับขมเม้มเบาๆก่อนจะงับติ่งหูขาวนั้นดูดดึงจนวินตราครางไม่เป็นภาษาจะหนีไปไหนก็ไม่ได้เดนีสยกยิ้มมุมปาก ‘ติ่งหู’ เป็นอีกจุดที่ไวต่อสัมผัสของคุณเลขาคนสวยวินตราเม้มปากแน่นจนเอื้อมมือไปกำผมของไอ้ประธานเฮงซวยที่ทำตัวขบถแม้กระทั่งจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนี้“อึก” เดนีสหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงกระชาก“แม่งนี่นายเล่นกระชากหัวผัวตัวเองเลยเหรอฉันก็ปรนเปรออยู่นี่ไงที่รัก…อย่าใจร้อน” แถมยังแลบเลียริมฝีปากอย่างมาดร้ายเขาสะบัดหัวจากการกอบกุมจัดท่าขาสองข้างพาดบ่าวินตราตอนนี้ตัวจะม้วนกลับหลังอยู่แล้ว “เอาล่ะทำใจดีๆฉันจะแทงไปจนถึงแกนโลกเลยล่ะ” “อะไอ้!” เดนีสเหมือนนั่งยองแทงซ้ำๆดั่งปากว่าจุดกระสันถูกแทงซ้ำๆอย่างนั้นวินตรากัดปากตัวเองอย่างแรงความเสียวตีรื้นขึ้นมาอีกระลอก “มะไม่ไหว” วินตราส่ายหน้าสะบัดไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดจังหวะที่เร็วและแรงขึ้นส่งทั้งตัวเองและวินตราไปถึงฝั่งฝันอย่างรวดเร็
หรือไม่…อาจไม่เคยเดินสวนทางกันด้วยซ้ำไปเมื่อเห็นวินตราไม่ตอบเดนีสเลยพูดต่ออีกอย่างเขาไม่เชื่อคำสัญญาของวินตราสักเท่าไหร่คุณเลขาของเขาน่ะใจร้ายได้เสมอ“สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันไปจนกว่าจะแก่เฒ่า”“นายเอาจริง?” วินตราถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อถืออีกฝ่ายสักเท่าไหร่ตลอดกาลมีจริงๆเหรอแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก “อือฉันเอาจริงและจริงจังถ้านายกล้าทิ้งฉัน…ฉันจะออกตามหานายสุดล่าฟ้าเขียวจะทิ้งทุกสิ่งไปตามหานายไหนๆฉันก็เป็นคุณชายหัวขบถอยู่แล้ว” วินตราดึงแก้มเขาอย่างแรง“ท่านประธานเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”“แล้วรักหรือเปล่าล่ะ” วินตราไม่ตอบได้แต่จ้องมองไปยังนัยน์ตานั้นมองภาพใบหน้าตัวเองที่ฉายชัดอยู่ในนัยน์ตาสองคู่นี้“ต้องคิดด้วยเหรอ” เดนีสเย้าแหย่ วินตรายกหัวจุมพิตข้างริมฝีปากนั้นเบาๆก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ฉันไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไงแต่…กับนายมันพิเศษกว่าคนอื่นและสองมือนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดมันทั้งอบอุ่นและปลอดภัยอ้อมอกนี้ก็เช่นกัน” เดนีสมองวินตราอึ้งๆก่อนจะยิ้มโค้งจนตาหยี“นายรักฉันแหละฉันดูออกมาตั้งนานแล้ว” ริมฝีปากประกบกันอีกครั้งครั้งนี้วินตราโอนอ่อนผ่อนตามเปิดเปลือยให้อีกฝ่ายได้ชักนำแ
“ฉันปวดไหล่” “นายจ่ายไหวเหรอฉันคิดค่าบริการแพงนะ”“จะเท่าไหร่กันเชียวอย่าลืมฉันถือแบล็กการ์ด”“ฮ่าๆ” เดนีสหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมจุมพิตที่แผ่นหลังขาวเนียนนั้นหนึ่งทีเบาๆ “แสบจริงๆใครไม่รู้คงคิดว่านายเป็นเมียฉัน” “ฝันไปเถอะ” “ใจร้าย” นิ้วมือลงน้ำหนักนวดโดยผ่อนแรงลากขึ้นลงเดนีสชอบนวดสปาน้ำมันเขาจึงรู้วิธีการนวดมาบ้าง วินตรานอนใบหน้าข้างหนึ่งแนบที่ท่อนแขนจ้องมองเงาในกระจกที่คุณชายหัวขบถตั้งใจนวดแผ่นหลังให้เขาอย่างมุ่งมั่นวินตรายกยิ้มที่มุมปากบางครั้งท่านประธานของเขาก็ซื่อบื้อของแท้…“สบายหรือเปล่า”“อือ” “ฉันจะบอกให้ไม่มีใครกล้าใช้ฉันนอกจากนาย…วินตราเพราะฉะนั้นเป็นแฟนฉันได้แล้ว”“ไม่”“นี่ฉันจริงจังนะ”“ไม่” เดนีสพลิกร่างวินตราให้นอนหงายโดยที่เขาคร่อมทับเค้นเอาคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตายหัวคิ้วขมวดจนเป็นปม“ทำไมเป็นแฟนฉันไม่ดีตรงไหน”“ทุกตรง” “หา…อย่างฉันเนี่ยนะไม่ดีฉันดีมากเลยขอบอก” โอ้อวดตัวเองเก่งเป็นที่หนึ่ง“แล้ว” เดนีสก้มหน้าต่ำกระซิบเสียงแหบต่ำข้างหูคุณเลขา“ฉันก็รักนายอย่างสุดหัวใจ” พร้อมจุมพิตไหล่เปลือยเปล่านั้นแผ่วเบา เดนีสพยายามจ้องหน้าคุณเลขาไม่หลุบตามองต่ำไปมากกว่าน
“นี่ลองชิมดูเป็นไวน์ตัวใหม่ของ ONLY U แอลฯเพียง 6% น้องชายฉันคิดค้นและปรับปรุงมาตลอดจนได้ไวน์รสชาตินี้ออกมาดื่มง่ายลองสิ” วินตรารับไวน์มาจิบอย่างว่าง่ายตอนนี้เขาไม่ได้กินยารักษาสภาพจิตใจแล้วพร้อมกับเข้าตรวจร่างกายชุดใหญ่ตามคำสั่งของท่านประธานวินตราเป็น (New Male) ที่สามารถตั้งครรภ์ได้ก็จริงแต่เพราะปัญหาทางใจที่รุมเร้ามาตลอดเขาเลยมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนเรียกได้ว่าฮอร์โมนทำงานได้ไม่เต็มที่มดลูกเลยไม่สามารถพัฒนาได้เต็มที่เหมือนคนเป็นหมันแต่ในอนาคตก็ไม่แน่เรื่องราวภายในของคนเรานั้นซับซ้อนวินตราและเดนีสต่างก็นั่งฟังหมออธิบายรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเดนีสเองก็เข้าตรวจสุขภาพร่างกายประจำปีด้วยเช่นกัน แม้จะมีแอลกอฮอล์ผสมเพียง 6% แต่ดื่มเองไปเกือบขวดวินตราเองก็มึนๆเหมือนกันนานเท่าไหร่แล้วที่เขาทำตัวอยู่ในกรอบไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจให้แตะต้องของพวกนี้อีกทั้งยังกินยาต่อเนื่องมาหลายปีทำให้ไม่สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พวกนี้ได้บางครั้งชีวิตคนเราก็ต้องการรสชาติที่หลากหลายการพบเจอผู้คนเดิมๆงานเดิมๆก็ทำให้ชีวิตซ้ำซากจำเจอยู่เหมือนกัน โลกของเขาที่คับแคบก็เริ่มเปิดกว้างขึ้นมาเมื่อได้เจอกับเดนีสเด
“นายโกหก” น้ำเสียงแผ่วเบาจนสัมผัสถึงของเหลวอุ่นๆที่หยดตรงลาดไหล่ของตัวเองเพราะเดนีสรู้จักวินตราเกินไปต่างหากหากเขายอมปล่อยมือตอนนี้อีกฝ่ายคงหลุดลอยไปไกลอาจไกลเสียจนเขาไม่มีทางตามอีกฝ่ายพบวินตรายังคงเป็นวินตราที่เข้มแข็งโดดเดี่ยวจนถึงขั้นใจดำที่จะหันหลังให้เขาอย่างเลือดเย็นแต่ทว่าเดนีสเองไม่สามารถปล่อยวินตราไปได้ แล้วเขาก็เป็นลูกคนรวยหัวกรวยหัวขบถที่อยากได้อะไรต้องได้ยังไงต้องมีคุณเลขามือทองคนนี้คอยกำราบ! สองแขนของวินตรายกโอบกอดกลับไปเช่นกัน ต่างคนต่างร้องไห้เงียบ ๆ ลูบหลังปลอบประโลมกันอยู่อย่างนั้น“ไปกับฉันที่หนึ่งสิ” เดนีสพูดพลางสูดจมูกไปด้วยเขาไม่อายเลยสักนิดที่จะร้องไห้ออดอ้อนต่อหน้าวินตราวินตราไม่ตอบแต่พยักหน้าเป็นอันว่าตกลงเดนีสยกยิ้มมาดร้ายที่มุมปากคิดจะหนีไปจากเขางั้นเหรอ…ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกวินตรา!เดนีนสบถอย่างหัวเสียเมื่อคุณนิติพลรายงานเรื่องประธานตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ขอลาต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้ที่บริษัทก็ผ่านช่วงวิกฤตมาได้พร้อมกับกำจัดเห็บไรไปได้หลายตัวแถมยังดำเนินการภายใต้แฝดน้องอย่างเดนีนที่แสร้งตีหน้าขรึมเป็นเดนีสแฝดพี่เพราะความเป็นแฝดที่เหมือนกันจนแทบจะโคลนกัน
“ผมว่าจะขอลาออกครับ” ท่านเจ้าสัวเอนพนักพิงเก้าอี้จ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ก้มหน้าเอ่ยบอกความต้องการ“แล้วเดนีสล่ะ” วินตราเม้มปากแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป “วินตราฉันเห็นเธอเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่งอดีตก็คืออดีตฉันยอมรับที่ความสามารถของเธอมากกว่าเรื่องอื่นเป็นรอง” “ผมทราบครับ”“วันไหนที่เธอเปลี่ยนใจกลับมาที่นี่ได้เสมอ” “ครับ” วินตรายกมือไหว้ท่านเจ้าสัวอย่างนอบน้อมตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านท่านเจ้าสัวตลอดตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายแล้วเขาเองก็ควรจะมีชีวิตของตัวเองสักที ตอนนั้นที่เขาหนีกบดานเอาชีวิตรอดจากสาสินก็นึกถึงท่านเจ้าสัวเป็นคนแรกตอนแรกก็กล้าๆกลัวเพราะหลักฐานที่มีนอกจากจะไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้แล้วหลักฐานพวกนี้อาจจะเป็นเถ้าถ่านในกองไฟก็เป็นได้แต่แล้ววินตราก็ไม่ผิดหวังนึกถึงคำถามนั้นที่ท่านเจ้าสัวได้ให้ไว้กับตัวเอง“ฉันรู้ว่าเธอเองก็ลำบากใจแต่วันไหนที่เธอเข้มแข็งและสามารถหยัดยืนเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้ได้เมื่อไหร่ขอเพียงเธอเอ่ยปากฉันจะช่วยเธออย่างสุดความสามารถ” ตอนนั้นวินตรายังคิดไม่ตกอย่างที่เคยบอกเหตุการณ์เหล่านั้นกัดกินใจเขาจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนวินตราเด็
การออกมาปรากฏตัวและให้สัมภาษณ์สื่อของวินตราในฐานะเหยื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมอย่างมหาศาลเด็กทุนที่ลังเลที่เคยตกเป็นเหยื่อไม่กล้าเปิดเผยตัวและผู้คนที่ถูกคุกคามทางเพศไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ทำงานสถานศึกษาต่างก็ตบเท้าเข้ามาให้ปากคำอย่างไม่ขาดสาย ต่างก็แชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านโลกออนไลน์สร้างความตื่นตัวและตระหนักรู้ในสังคมเป็นอย่างมากอย่าอายจนลืมที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็ไม่มีใครควรถูกคุกคามทางเพศ!วินตรายืนอยู่ตรงหน้าช่องบรรจุอัฐของวัดแห่งหนึ่งย่านปริมณฑลก่อนตายจินตะได้พูดว่าอยากจะบวชสักครั้งก่อนตายแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึกวินตราจึงตัดสินใจควักเงินเก็บตัวเองก้อนใหญ่ออกมาซื้อสถานที่จัดเก็บอิฐเอาไว้ตามปรารถนาสุดท้ายของจินตะตอนนั้นวินตราเป็นเพียงนักศึกษาปริญญาตรีปีหนึ่งคนหนึ่งไม่รู้เลยว่าในโลกนี้มีการจัดเก็บอัฐิไว้ 4 รูปแบบด้วยกันคือ1.) ช่องจัดเก็บอิฐตามกำแพงวัด2.) จัดเก็บตามเสาไฟของวัด3.) จัดเก็บตามอาคารศาลาหรือกุฏิซึ่งจะเตรียมช่องจัดเก็บอัฐิไว้บนขื่อหรือหน้าประตูตามความเหมาะสมของสถานที่4.) ห้องไว้สำหรับจัดเก็บอัฐิโดยเฉพาะซึ่งสถานที่จะเป็นที่จัดเก
ก้องการุณย์ลั่นไกโดยที่ไม่ต้องคิดเมื่อเจนจัดหันปลายกระบอกปืนมายังผู้บริสุทธิ์ที่ด้านล่างแม้จะเล็งที่ข้อมือข้างที่ถือปืนแต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจนจัดจะถนัดยิงปืนทั้งสองข้างอีกฝ่ายตะเกียกตะกายพลิกร่างกายอย่างรวดเร็วจ่อปากกระบอกปืนที่ขมับของตัวเองคนอย่างเจนจัดไม่มีทางจนตรอกหากจะตายก็ต้องตายด้วยน้ำมือตัวเองเท่านั้น…ปัง! แต่ทว่าสวรรค์คงมีตาไม่อยากให้คนชั่วได้ตายง่ายๆแม้ว่าจะเล็งที่ขมับของตัวเองแต่ก็พลาดเฉียดไปเท่านั้นงานนี้เจนจัดได้นอนทรมานติดเตียงยาวนานพอที่จะลิ้มรสความทุกข์และบาปกรรมที่ได้ทำลงไปอย่างเต็มที่แม้อยากจะตายก็ตายไม่ได้อยู่ฟังเสียงผู้คนก่นด่าสาปแช่งและประณามจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง ศิราณีเองก็ร่ำไห้ปานจะขาดใจเธอไม่ได้ร้องไห้ให้กับไอ้สามีเฮงซวยนั้นแต่ร้องไห้ให้กับความขี้ขลาดของตัวเองหากเธอกล้ายืนหยัดและเชื่อในคำพูดของลูกชายตั้งแต่เนิ่นๆเรื่องราวคงไม่บานปลายจนมาถึงขั้นนี้ไอ้เจนจัดทำลูกคนอื่นไม่พอยังทำลูกตัวเองด้วยสารเลว! แม้จะไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศแต่การลูบคลำก็ทำให้ลูกชายและลูกสาวมีแผลใจและรังเกียจพ่อตัวเองหมามันยังไม่คิดอกุศลกับลูกตัวเองศิราณีปิดหน้าร่ำไห้กับพื้นอย่าง