สายตาของหล่อน ที่มองด้วยความผิดหวังแล้วยังแค้นใจ “คุณเห็นว่าณี เป็นผู้หญิงใจแตก” “แต่ผมรักคุณณี” เขาพยายามเอาความรักมาอ้าง “ความรักไม่ใช่การแสดงออกที่เห็นแก่ตัว” หล่อนแข็งแกร่งเกินที่เขาจะต้านทาน ทั้งที่มณีรัชดาเกือบเสร็จเขาแล้ว “เอาเป็นว่าพาณีไปจากที่นี่เสียโดยเร็วเถอะค่ะ แล้วณีจะไม่แจ้งความเอาเรื่องคุณ แต่คราวหน้าคราวหลังอย่าคิดทำอย่างนี้อีก ณีไม่ใช่ของเล่นของใคร ณีขอร้องและอยากจะบอกคุณอย่างนี้ คุณวิภัส” เขาเลยจำใจต้องพาหล่อนออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เพิ่งได้รู้ว่า มณีรัชดาเป็นคนหวงตัวไม่ใช่น้อย ผิดวิสัยของผู้หญิงที่หิวเงิน หรือว่าหล่อนอยากอัพตัวเองให้ดูมีเกรดสูง เพราะจะได้ค่าตอบแทนที่คุ้มค่า “ส่งดิฉันแค่ปากทางนี้ จะนั่งรถแท็กซี่กลับ” หล่อนเอ่ยแบบไม่แยแสเขาสักนิดไม่ปลอดภัย เพราะเขาคิดทำร้ายหล่อน มิไยที่เขาขอร้อง “ได้โปรดเถอะ คุณณี ให้ผมส่งไปถึงบ้าน” “คุกตะรางนะสิ ที่ฉันจะยื่นให้คุณ ฉันจะแจ้งความแค่นี้มันก็น้อยเกินไปกับสิ่งเลวร้ายที่คุณกำลังจะก่อ” มณีรัชดาตอบเสียงเข้ม จน
ต่อไป หล่อนคงต้องปฏิเสธ ที่จะเดินทางไปกับเขา เนื่องจากเขาทำเหมือนหล่อนเป็นผู้หญิงที่ง่าย มณีรัชดาสับสนอย่างที่สุด จะทำอย่างไรดี “อ้าว ยัยณี วันนี้กลับเสียค่ำ” น้าสาวเป็นคนทัก ขณะเสร็จจากล้างถาดขนม พ่อกับแม่ก็คงจะนวดแป้งอยู่ข้างใน “ค่ะ วันนี้รถติด ณีรู้สึกเหนียวตัวจังค่ะอยากจะอาบน้ำ”ตอบอย่างนั้น เพื่อไม่ให้ผู้เป็นน้าซักไซ้มากกว่าเดิม เข้าห้องได้ หล่อนถอนใจอยู่ในห้อง ไม่ได้ลงไปข้างล่าง เพราะไม่นึกหิวทำไมคุณวิภัสถึงมองเห็นหล่อนเป็นคนใจง่ายแบบนี้สมองครุ่นคิดอีกครั้ง กับภาพที่วนเข้ามาในความทรงจำ หล่อนไม่เคยเจอผู้ชายประเภทแบบนี้มาก่อน เลยกลัวเขาอย่างมาก หรือเขารักหล่อนอย่างที่แสดงท่าทางให้รู้ แต่ความรัก ไม่จำเป็นลงเอยด้วยความใคร่นี่? มณีรัชดาคิดสะระตะไปเรื่อย แล้วหล่อนก็รู้สึกขนลุกตั้งชัน ที่ตัวเองสามารถกล่อมให้เขาเปลี่ยนใจ นี่ถ้าหล่อนเผลอหลับ มณีรัชดาคงตกอยู่ในสภาพที่ไม่อยากเอ่ยในสถานที่ที่ หล่อนไม่เคยคิดสักนิดว่า ครั้งหนึ่งหล่อนจะได้เฉียดไป เสียงมือถือดังขึ้น หล่อนชะงักทันที เนื่องจากความกลัวมีอยู่ก่อนแล้วกลัวแต่ว่าวิภัส
แต่มณีรัชดายังตกใจและขวัญเสียอยู่มากเนื่องจากคนที่หล่อนได้มาพบเจอในเวลานี้นั้น เขาเป็นเพื่อนกับคุณวิภัส หล่อนจึงพยายามปกปิดความรู้สึก “ขึ้นรถสิครับคุณณี เดี๋ยวผมจะไปส่ง” แม้เขาจะมีน้ำใจกับหล่อนแต่มณีรัชดารีบปฏิเสธทันที เพราะภาพคืนวันก่อนยังหลอนหล่อน หล่อนไม่ยอมขึ้นรถกับเขาตามลำพังหรอก เลยต้องอ้างหน้าตาเฉย “คงไม่หรอกค่ะ ขอบคุณนะคะที่ชวน เชิญคุณจราดล เอ้อณี อยากจะเดินค่ะ” เมื่อหล่อนอยากเดิน เขาคิดว่าทางมันไกลพอสมควร “ผมว่าทางมันไกลพอสมควรนะครับ ถ้าไปรถผม นี่จะช่วยย่นระยะเวลามากกว่าเดิม หรือว่าคุณณี ยังไม่อยากถึงที่ทำงานเร็วกว่าเดิม” เมื่อเขาพูดอย่างนี้ใจหล่อนก็ยังลังเลแต่ว่ามณีรัชดาก็ทำใจแข็งขึ้นมาได้ก่อนที่หล่อนจะใจอ่อนง่าย เพราะเข็ดกับผู้ชายแล้วการกระทำของวิภัสกำลังสอนให้หล่อนระมัดระวังตัวว่าผู้ชาย ถึงแม้จะรู้จักกันแค่ไหนก็ไว้ใจยากจึงพยายามปฏิเสธ และตัดบทกับเขา “ขอบคุณคุณจราดลมากค่ะ คุณรีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันทำงานเอ้อ ณี มีธุระอย่างอื่นต้องทำด้วยค่ะ” ทำให้หล่อนต้องกล้าโกหกเขาโดยปริยาย ทั้งที่ไม่อยากทำ เ
เพราะเท่าที่มณีรัชดามองเห็นนั้น หล่อนไม่ได้ขยันท่องบทละครตามที่มณีรัชดาเห็นเลยเพราะเห็นหล่อนนั่งอยู่เฉยๆกับนั่งเม๊าท์คนอื่นเท่านั้นแต่พอเหลือบมาเห็นหล่อนอยู่กับชนากร หล่อนก็ออกสายตาขวางมณีรัชดาเห็นว่าเป็นอะไร และคืออะไร แต่หล่อนก็อยากจะท้าทายเหมือนกัน ที่กิ๊กหรือกาญจนรัตน์ ใช้คำพูดข่มหล่อน คิดว่า หล่อนต้องหงอ ไม่หรอก เพียงแต่มันไม่ถึงคราว นี่ถ้าเกิดหล่อนอดทนไม่ได้ และหล่อนฟิวส์ขาด จริงๆ ต่อให้กาญจนรัตน์ก็เถอะ ฮึ ก็ถูกหล่อนสาดใส่คำพูดกลับเหมือนกัน ชนากรพระเอกหนุ่มที่ได้ยินดังนั้น เขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยนั่นยิ่งจะทำให้กาญจนรัตน์เจ็บช้ำน้ำใจมากขึ้น เมื่อพระเอกหนุ่มนั้นหันไปเข้าข้างคอสตูมสาวยิ่งเป็นการทำให้หล่อน ยิ่งเพิ่มความจงชังรังเกียจใส่มณีรัชดามากกว่าเดิมอีกหลายเท่าทั้งที่เรื่องนี้ มณีรัชดาแทบจะไม่รู้เหมือนกัน เพราะหล่อนใสซื่อ “คุณกิ๊ก คุณพูดผิดแล้วครับ คุณณี เอ้อน้องเขาไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย และเวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาเข้าฉากนะครับ” การที่ชนากรหันไปกล่าวแก้ให้แทนมณีรัชดา ยิ่งเพิ่มและสุมไฟแค้นให้หล่อนทำให้เนื้อตัวของหล่อนสั่น แทบพูดอะไรไม่ออก ได้เก็บคำพูดนั้น
ทำเอามณีรัชดาเป็นงง และหล่อนแทบตกใจ ที่เมื่อมองไปแล้วเห็นคนขับที่เดินเปิดประตูลงมาหล่อนอุทาน “คุณรังสินัย” เพราะจำเขาได้ เขาเคยช่วยเหลือหล่อนในวันที่ประสบอุบัติเหตุ รถยนต์เกือบเฉี่ยวชน “คุณณี จริงๆ ผมดีใจที่ได้เจอคุณ” รังสินัยจอดรถแอบอยู่ข้างทาง มณีรัชดาเลยถาม “คุณรังสินัยมาทำอะไรแถวนี้คะ”เขายิ้มเมื่อตอบ “ผมแวะมาบ้านเพื่อนครับ ก็เลยกำลังจะกลับพอดี เผอิญมองเห็นคุณณี ทีแรกนึกว่าไม่ใช่ ต้องขับรถไปใกล้ ถึงจะเห็นว่า ใช่คุณณีจริง” เขาเอ่ยเท้าความ ตอนเจอหล่อนเมื่อครู่ มณีรัชดายิ้ม บอกความจริงแก่เขา “คือ ณีทำงานอยู่แถวนี้ค่ะ กำลังจะเลิก” “หรือครับ” และเขาพยักหน้าที่เพิ่งทราบว่าหล่อนทำงานอยู่แถวนี้ และอีกฝ่ายที่มองนั้น เขาขับรถตามมาเห็นมองจ้องด้วยดวงตาไม่พอใจอย่างที่สุดที่เห็นมณีรัชดายืนคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง ท่าทางสนิทสนมทำให้จอมภูหัวเสียที่สุด เขาอยากรู้ หมอนี่เป็นใครกันแน่?จอมภูถึงกับบดกรามเบียดเข้าหากันแน่น “ผมตามหาคุณมานานหลายเดือนแล้ว แม้แต่ตรงที่ ที่ผมเคยพบคุณ ก็ไม่เจอ” เขาบอกหล
เพราะไม่ใช่ผู้ชายยื่นทอดสะพานให้หล่อนทุกคนแล้วจะรีบตะครุบหรือรีบรับเอาไว้แบบนี้ไม่ใช่ เพราะมณีรัชดานั้นเป็นตัวของตัวเอง และที่แปลกใจคือ รถที่วิ่งตามหลังเห็นว่าคุณวิภัสยังตามมา เมื่อมองเห็นใบหน้าของเขาที่ขับเบียดระหว่างช่องประตู ที่หล่อนนั่งเห็นดวงตาของเขาสะแยะยิ้มใส่หล่อน อย่างคนที่อารมณ์กวนๆหล่อนเพียงแค่อุทานในลำคอเท่านั้น“วิภัส” ให้มันกลืนหายไปและไม่อยาก ให้ผู้ชายอีกคนได้ยิน เพราะเขาไม่เคยรู้จักหรือเห็นคุณวิภัสมาก่อน มณีรัชดารู้สึกกระวนกระวายใจวิภัสตามหล่อนมาอีก เขามีจุดประสงค์อะไรอีกล่ะรังสินัยยังไม่รู้จักวิภัส และมณีรัชดายังไม่ได้บอกแต่ท่าทีคุกคาม และมองจ้องเขม็งของเขา “แปลกนะ เขารู้จักคุณหรือเปล่า ถึงได้จ้องตาเขม็งมาอย่างนั้น” ถูกรังสินัยถามหญิงสาวอึกอัก จะตอบหรือไม่ตอบดีแต่หล่อน ก็ตัดสินใจตอบ “รู้จักค่ะ เขาเป็นเพื่อนของน้องชายเจ้าของบริษัทที่ ณีทำงานอยู่” “อ๋อ มิน่าล่ะ ท่าทางเขาดูแปลกๆ” มณีรัชดาอยากจะตัดบท เพื่อไม่ให้เอ่ยถึงเขาหล่อนเลยพูด “ไม่ต้องพูดเรื่องนี้ดีกว่าค่ะ” “ครับ ผมก็ว่ายังงั้นเหมือนกัน” แต่รังส
“เดี๋ยวก่อนสิ คุณจะต้องรีบเข้าบ้านเลยหรือ” วิภัสเรียกหล่อนไว้ทำให้ฝีเท้าของมณีรัชดาต้องหยุด “เอ๊ะ คุณวิภัส คุณมีธุระอะไรกับดิฉันอีก ธุระแบบนี้เป็นเรื่องที่ไร้สาระ”มณีรัชดาตอบด้วยคำพูดที่ไม่พอใจวิภัสมองหล่อนพร้อมกับกัดฟันขบแน่น “ต้องธุระกับผู้ชายคนนั้น ที่เมื่อครู่นี่สิ ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญและมีสาระสำหรับคุณ” ทำให้มณีรัชดาแหวเสียงออกมา “เอ๊ะ คุณวิภัส คุณไม่พอใจฉันก็มากเพียงพอแล้ว แต่นี่ยังพาลใส่อีก” “งั้น ผมขอตามเข้าไปในบ้านของคุณด้วย” เขากล้าที่จะเอ่ย “จะบ้าหรือยังไง ฉันไม่เคยพาผู้ชายคนไหนเข้ามาถึงบ้านเลยนะ คุณวิภัส” เขากลับยวนย้อนคำอีก “แน่ใจหรือว่าไม่เคยพามาก่อน” มณีรัชดาต้องยืนข่มใจ นี่หล่อนจะใช้คำพูดแบบไหน ที่ทำให้เขาเชื่อ และยอมกลับไปเสียดีๆมณีรัชดาถอนใจ “ฉันขอร้องเถอะค่ะ คุณกลับไปก่อน” แต่เขาดื้อแพ่ง “ผมบอกแล้วไง ว่าจะตามคุณเข้าไปที่บ้านด้วย จะเป็นไงก็เป็นกัน” “เอ๊ะ คุณอยากจะให้ฉันเดือดร้อนหรือคะ แล้วจะให้ฉันแนะนำกับพ่อแม่ทุกคนได้อย่างไร? คุณเป็นใ
ความคิดผุดขึ้น ตกลงมณีรัชดาเป็นคนยังไง? เขาสับสนเพราะหล่อนเป็นคนอ่อนโยน และอ่อนหวานเหลือเกินในบางครั้งไม่มีภาพของผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน หรือเห็นแก่ตัวเอาเปรียบคนอื่นสักนิด หรือที่เขาเห็นเป็นภาพลวงตา เพราะหล่อนซ่อนเอาไว้ข้างในต่างหากเมื่อยิ่งคิดมาก ก็ยิ่งมึน วันนี้บุกมาที่บ้านจนมาเห็นทุกอย่าง ครอบครัวของหล่อนขยัน ทำงานตัวเป็นเกลียว แม้จะมีฐานะต่ำต้อยไม่ได้งอมืองอเท้ารอโชคชะตาวาสนาสักนิด โดยเฉพาะ พ่อของหล่อนก็พูดจาดีน่าฟังน่าเคารพ แต่เป็นเพราะ ว่าตัวเขาเพาะความเย่อหยิ่งที่เกิดในชายคาตระกูลคนมั่งมีมากเกินไปเขาถึงได้คิด..บางครั้งเขาก็ดูถูกดูแคลนคนที่ต่ำต้อยกว่าตัวเองอย่างเช่น มณีรัชดามันเป็นความเคยตัว บางทีเขาต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เสียแล้วเพราะบางทีสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันไม่ใช่ สิ่งที่เป็นตัวตนจริง กับเรื่องเล่าที่ได้ฟังมาอีกรอบจากปากคนอื่น มันแตกต่างกันยังสับสนมือยังกำพวงมาลัยอยู่กลับเข้าบ้านแล้ว หล่อนยิ่งเต็มไปด้วยความคิด “พ่อ”เมื่อหันมาอีกที พบว่าบิดาเดินเข้ามาใกล้คงเห็นว่าหล่อนออกไปนาน“ไปส่งเขาแล้ว ใช่ไหม? “ “ค่ะ” มณีรัชดาตอบสั้